LOGIN“จำจูบเมื่อกี้เอาไว้ให้ดี อย่าทำเหมือนคนจูบไม่เป็นอีก ผมไม่ชอบ” สายตาคมกริบจับจ้องอยู่ที่เรียวปากอ่อนนุ่ม
หัวใจหญิงสาวสั่นสะท้าน ความรู้สึกเจ็บใจที่ถูกเขาดูแคลนไหวระริกอยู่ในดวงตาคู่สวย
“ไม่ใช่ว่าฉันจูบไม่เป็นหรอกค่ะ ฉันแค่ยังไม่ชิน” กุลจิราพยายามไม่หลบเลี่ยงสายตา
เขาอาจดูออก…
จากที่เมื่อคืนเธอทำหน้าที่ภรรยาบนเตียง ผู้หญิงที่เขาใช้เงินห้าสิบล้านบาทซื้อมา ไม่ได้โชกโชนเรื่องอย่างว่าแม้จะศึกษามาแล้วก็ตาม
แต่เรื่องอะไรที่เธอต้องยอมรับ ‘ความอับอาย’ นี้ด้วยล่ะ
“ไม่ชิน?” คิ้วดกดำโค้งขึ้นในตอนที่ทวนคำพูดของเธอ
“ค่ะ ฉันยังไม่ชิน” ยืนยันในคำตอบของบตัวอย่างด้วยความหนักแน่น
เป็นจังเดียวกับที่เขาเดินไปยังโซฟาหนัง ทิ้งตัวลงนั่งในท่าสบาย แววตาประหนึ่งราชสีห์จับจ้องมาที่ใบหน้าของหญิงสาว
“ผมมีวิธีทำให้คุณชินกับหน้าที่นี้แล้ว” เขาทิ้งความเงียบเอาไว้เพียงครู่แล้วพูดในสิ่งที่กุลจิราคาดไม่ถึง
“ใช้มือกับปากของคุณทำให้ผมเสร็จ” ใบหน้าที่ร้อนวูบวาบด้านชาไปทั้งแถบ
แม้เป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินคำพูดพวกนี้ในสถานที่ทำงาน
แต่ก็ไม่เกินขีดความสามารถของคนที่ชั่วร้ายอย่างเขา
ศักดิ์ศรีของเธอแทบไม่หลงเหลือ นับแต่วันที่เธอยอมใช้เรือนร่างของตัวเองเป็นข้อแลกเปลี่ยนแล้ว
กับอีแค่ทำเรื่องบัดศรีบัดเถลิงในที่ทำงาน มันคงไม่ทำให้คุณค่าในตัวเธอ ลดลงไปกว่านี้หรอก
ไม่สิ คุณค่าของเธอถูกเขาทำลายจนหมดสิ้นแล้วต่างหาก
“ผมจะใช้หนี้ทั้งหมดให้เองครับ แต่ต้องแลกกับการที่คุณเกียรติให้ลูกสาวของคุณ แต่งงานกับผม”
เธอยังจำแววตาในวันนั้นของภวินท์ได้ดี
แววตาในตอนนั้นไร้ความอ่อนโยน
มันหยาบกระด้างและน่ารังเกียจเป็นที่สุด
เธอเกลียดสายตาคู่นั้น เกลียดที่เขาฉกฉวยเอาช่วงเวลาตกต่ำ ไร้ทางออกของคนอื่นสนองความต้องการของตนเอง
และเธอก็เกลียดที่ตัวเองเคยมีใจให้กับซาตานเช่นเขา
ทุกย่างก้าวของกุลจิราราวกำลังถูกทุกอณูห้องสูบเอาลมหายใจไปทุกวินาที
ความร้อนผ่าวแผ่ลามที่ใบหน้า ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มแน่น
เธอต้องสะกดตัวเองไม่ให้เผยความวูบไหวที่เก็บซ่อนไว้ออกมา
ใบหน้างดงามเชิดขึ้น เผชิญหน้ากับดวงตาคมกริบของภวินท์อย่างไม่คิดจะหลบเลี่ยง
เขาเปรียบเป็นพายุ ส่วนเธอคือเปลวไฟที่ยังมีแสงริบหรี่
แม้ว่าเปลวไฟริบหรี่เช่นเธอจะถูกอำนาทเงินของเขากลืนจนมอดดับลงก็ตาม
หญิงสาวก้าวเข้าไปใกล้โซฟาทีละก้าว
ตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์หนังราคาแพงเหมือนวางไว้ตรงนี้เพื่อใช้เป็น “เวที” สำหรับโชว์ฉากโลกีย์ระหว่างเธอกับเขา
ภวินท์นั่งรอเธอด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย
ราวกับพระราชาผู้ทรงอำนาจ นั่งอยู่บนบัลลังก์ของตัวเองอย่างสูงสง่า
“คุกเข่าลง” เสียงนั้นแผ่วเบาเมื่อกุลจิราเดินมาถึง
ทว่ามันกลับคมดุจใบมีดที่เฉือนเนื้อของเธอออกทีช้า ๆ
ดวงตาของหญิงสาวไหวระริก เธอกลืนฝืนน้ำลายลงคอ
แต่ไม่ว่าจะหวาดหวั่นแค่ไหน ใบหน้างดงามยังคงตั้งตรง ไม่ยอมก้มหน้า
ไม่ให้เขามองเห็นความหวาดหวั่นที่ซ่อนลึกอยู่ข้างใน
เมื่อคืนเขาให้เธอใช้แค่มือ แต่ตอนนี้เขาต้องการให้เธอใช้ปาก
ทางเลือกเดียวของเธอคือทำตามคำสั่งของเขาเท่านั้น
หญิงสาวกลั้นหายใจ ภวินท์เหยัดกายขึ้นมาเล็กน้อย ปลดกระดุมสองเม็ดบนเพื่อให้ตัวเองผ่อนคลาย
ท่อนขาทั้งสองข้างแยกออก มองเห็นรูปร่างของเจ้าสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงเนื้อดี
เงาในขณะที่นั่งของชายหนุ่มทอดลงบนพื้นห้อง บดบังตัวเธอไปกว่าครึ่งหนึ่ง ราวกับกำลังกลืนกินเธออยู่กลาย ๆ
แววตาที่มองมาเยือกเย็นแต่แฝงเร้นไปด้วยอำนาทเงิน
“เริ่มได้รึยัง หรือต้องรอให้ผมหมดความอดทนก่อน” เสียงทุ้มพร่าของเขาทำเอามือของกุลจิราชื้นไปด้วยเหงื่ออีกครั้ง
ภวินท์เอนแผ่นหลังลงไปกับโซฟา รอคอยการ’ใช้มือกับปาก’ ของเธอสัมผัสเขาอย่างใจจดใจจ่อ
ความเงียบที่แผ่คลุมไปทั่วทั้งบริเวณกว้างกดทับกุลจิราเอาไว้จนเธอเริ่มหายใจฝืดเคือง
แต่ก็รวบรวมสติได้อย่างรวดเร็ว
เธอนั่งลงไปที่พื้นเย็นเฉียบ อยู่กึ่งกลางระหว่างท่อนเพรียวยาวขาทั้งสองข้างของชายหนุ่ม
ค่อย ๆ ยื่นมือออกไปข้างหน้า ปลดเข็มขัดออกแค่พอให้รูดซิปกางเกง อำนวยความสะดวกให้เจ้าสิ่งนั้นออกมาได้
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความประหม่าจับจ้องกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หวั่นเกรงอยู่ลึก ๆ
เมื่อคืน…กว่าที่เธอจะลงจากเตียงได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน
ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บแสบที่กึ่งกลางกายของตัวเอง
แต่ในเมื่อเขาไม่มีทางให้เธอได้ถอยหนี เธอก็จะไม่ถอยให้ใครมาดูถูกอีกเด็ดขาด
กุลจิรารูดซิปลงจนสุด เผยให้เห็นกางเกงชั้นในสีเข้มที่ยังปกปิดความเป็นชายอยู่
รวบรวมสติและความกล้าเต็มกำลัง
มือเล็กล้วงสิ่งนั้นออกมาจากกางเกงในที่สุด สองมือประสานเข้าหากัน รู้สึกได้ถึงความร้อนที่ฝ่ามือตัวเอง ส่วนนั้นของเขาตอบสนองมือเธอได้อย่างรวดเร็วเหมือนเมื่อคืน
เธอขยับมือเนิบช้าในตอนแรกก่อนจะค่อย ๆ เร่งจังหวะถี่เพราะอยากรีบทำรีบเสร็จ
อยากออกไปจากพื้นที่ของเขา ไม่ต้องการเสียเวลาอยู่สักนาทีเดียว
ดวงตาคู่สวยจับจ้องอยู่กับความเป็นชายชาตรี ปลายอวบหยักที่ผลุบเข้าออกระหว่างซอกนิ้วของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงในเวลาเพียงไม่นาน
ส่วนปลายหัวหยักปล่อยน้ำใส ๆ ออกมาเปื้อนมือเธอในเวลาอันสั้น
ท่อนเอ็นในอุ้งมือขยายใหญ่ขึ้นจนน่าเกรงขาม
ไซซ์เหมือนของพวกฝรั่งของเขา ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเข้าไปอยู่ในร่างกายของเธอได้จริง ๆ
ใบหน้าหญิงสาวผ่าวร้อน ในหัวไม่อาจสลัดภาพของเมื่อคืน ในยามที่ถูกภวินท์ควบขี่ออกไปได้
กลางกายสาวเริ่มฉ่ำชื้น…
ระหว่างนั้น…ใบหน้าหล่อเหลาของซีอีโอหนุ่มเต็มไปด้วยความขบเครียด เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากและไรผม
กุลจิรากำลังทำให้เขาทรมานแบบเดียวกับเมื่อคืน
แก่นกายของชายหนุ่มแข็งขืนพองตัวขึ้นจนเธอแทบจะกำไม่มิด ขนาดของเขายิ่งโตเอามาก
“อืมมม” เสียงครางต่ำดังขึ้นในลำคอของชายหนุ่ม เส้นเลือดปูดโปนรอบลำยาว กล้ามท้องเป็นมัดเกร็งแน่น ภวินท์กัดกรามจนนูนขึ้น
มือนุ่มรูดรั้งแท่งร้อนขึ้นลงช้า ๆ หลังจากที่เมื่อคืนนี้กุลจิราได้เรียนรู้ไปบ้างแล้ว
ภวินท์ไม่เคยเสร็จคามือใครมาก่อน แต่ดูท่าว่าตอนนี้เขาใกล้จะเสร็จด้วยมือของเธอ
“ใช้ปากตอนนี้เลย ผมอยากเสร็จคาปากของคุณ”
“ถ้าขืนคุณยังพูดอะไรอีก คืนนี้ผมจะไม่ให้คุณได้นอน”ชายหนุ่มเคลื่อนมือต่ำลงไป ข้อนิ้วไล้ลงบนเนินอกอิ่ม เรื่อยลงไปยังกึ่งกลางระหว่างทรวงอกกลมกลึงทั้งสองข้าง แก่นกลางกายปวดหนึบอยู่ในเป้ากางเกงกุลจิราสูดลมหายใจเข้าลึก ปลายนิ้วของเขาลากลงมายังแผ่นท้องแบนราบ“อ้าขาออก ผมเลียไม่ถนัด” ชายหนุ่มช่างครางต่ำในลำคอ นวลเนื้อที่เห็นเพียงรำไรเกลี้ยงเกลาหมดจด นิ้วเรียวยาวแยกส่วนนั้นของหญิงสาวออก“อ๊ะ!” ร่างเล็กบางสะดุ้ง แผ่นหลังแอ่นโค้งเมื่อถูกท่อนเนื้อแข็งขืนเคล้าคลึงตวัดวนตรงส่วนนั้นของตัวเองเจ้าสิ่งนั้นค่อย ๆ ล่วงล้ำเข้าไปในปากทางคับแคบ พลันหยาดน้ำหวานซึมซาบออกมาหญิงสาวสั่นสะท้านไปทั้งตัว รู้สึกเหมือนโลกหมุนคว้างตาพร่ามัว ภวินท์ยังใช้ส่วงหัวหยักบานมรีดเค้นน้ำหวานให้ซ่านซึมออกมาความกระหายใคร่ส่งให้ความหวิวหวามแล่นลิ่วไปทุกอณูร่างกายของทั้งคู่“อื้ออ” ในกายของหญิงสาวกระตุกวาบ ความซาบซ่านลุกลามไปทั่วทั้งตัว ข้างในท้องน้อยเสียวซ่าน กึ่งกลางกายสั่นระริก บีบรัดความเป็นชายของเขาแน่นเข้า“อ๊า!” คนที่ถูกตรึงมือทั้งสองเอาไว้ส่งเสียงครวญคราง ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วสัมผัสติ่งเนื้อที่บวมฉ่ำ ดวงตาเยิ้มฉ่ำของกุลจ
ความอยากกระหายของเขายังไม่สิ้นสุดหากเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะออกไปหาความสุขจากข้างนอก ใช้เงินซื้อผู้หญิงสักคนที่พร้อมจะปรนเปรอความใคร่ให้เขาพอใจทว่าค่ำคืนนี้จิตใจของเขากลับเอาแต่คิดถึงใบหน้าของคนที่อยู่ในห้องข้าง ๆภรรยาที่เขาใช้เงินซื้อมาเช่นกัน…เขาอยากผลักประตูเข้าไปในห้องนั้นให้ผู้หญิงคนนั้นทำหน้าที่ของตัวเองสายตาคมกริบตวัดไปทางประตูห้องที่ปิดอยู่ ชายหนุ่มวางแก้วเหล้าลงที่โต๊ะ ลูบปลายนิ้วกับขอบแก้วเสมือนว่าเขากำลังลูบไล้ผิวของเธออยู่ในขณะที่กุลจิราตกอยู่ในห้วงนิทรา ฝ่ามืออุ่นจัดของใครบางคนสอดเข้าไปใต้ผ่าห่มที่คลุมตัวเธออยู่ นิ้วนั้นค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหาขาเรียวเล็ก สอดเข้าไปใต้เสื้อผ้าที่เธอสวมปลายนิ้วลูบโลมต้นขานวลเนียนแล้วแทรกสอดเข้ามา เคล้าคลึงเกสรอันอ่อนโยนที่ซ่อนซุกอยู่ในกลีบเนื้อละมุนกุลจิราลืมตาขึ้น รู้สึกได้ถึงขนอ่อนบนตัวที่กำลังลุกเกรียว หลังข้อนิ้วของใครคนนั้นสัมผัสกึ่งกลางเรียวขาเธออยู่“คุณภวินท์…!!” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยความตกใจ ภายใต้แสงสลัวรางค่อย ๆ ปรากฎเป็นใบหน้าของเขา“แอร์ที่ห้องก็เย็นดีนี่แต่ทำไมตรงนี้ของคุณถึงร้อนขนาดนี้” น้ำเสียงของเขาแหบพร่า นิ้งเคล้าคลึงที่ส
กุลจิรานอนหลับไปแล้ว ทว่าภายในห้องที่อยู่เชื่อมติดกันมีเพียงประตูบานหนึ่งขวางกั้น ปรากฏร่างของชายหนุ่มนั่งอยู่บนโซฟาปลายเตียงหลังใหญ่สายตาคมกริบจดจ่ออยู่กับแก้วเหล้าสีอำพันในมือ แสงสีส้มจากโคมหัวเตียงสะท้อนประกายของสิ่งที่อยู่ในนั้นคล้ายเปลวไฟคุกรุ่นทว่าความร้อนแรงที่สุดกลับซ่อนลึกอยู่ในแววตาของชายหนุ่มเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่…แม้เป็นเพียงคำถามในความเงียบงัน แต่มันกลับดังก้องราวกับเสียงนั้นดังสะท้อนจากผนังทั้งสี่ด้านการทำให้ชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งพังลงในชั่วข้ามคืนเขาไม่รู้สึกผิดจริง ๆ น่ะหรือมีวิธีการมากมายที่จะให้ครอบครัววงษ์เศวตชดใช้เงินก้อนนั้นแต่เขากลับเลือกวิธีที่โหดร้ายกับเธอเขาเลือกจะล่ามโซ่กุลจิราไว้กับตัวเอง ทั้งที่รู้ว่าผลที่จะตามมาคืออะไรแต่ก็ต้องยอมรับว่าร่างเปล่าเปลือยของกุลจิราน่าหลงไหลกว่าที่เขาคิดไว้มากเรือนร่างอรชรที่สั่นไหวใต้อาณัติของเขา ความนุ่มหยุ่นที่ติดตรึงอยู่ในความทรงจำของเขาตั้งแต่คืนแรกทุกอย่างของผู้หญิงคนนั้น ล้วนเป็นยาพิษที่เขาเต็มใจที่จะกลืนกินลงไป จนบางครั้งก็คิดว่าเงินห้าสิบล้านนั่น ‘น้อยไปเสียด้วยซ้ำ’ถ้าเทียบกับการได้ครอบครองกุลจิราใบหน้าหวา
สิ่งที่กุลจิรารับรู้มาจากป้าลำดวนผ่านทางโทรศัพท์ สมชายต้องไปจัดการธุระเร่งด่วนให้กับภวินท์ป้าลำดวนไม่ได้อยากโกหกเธอแต่จำต้องทำตามคำสั่งของชายหนุ่มเขาคิดว่าเมื่อกุลจิราผิดหวังที่ไม่มีรถให้นั่งกลับบ้านสบาย ๆ เธอจะยอมลดศักดิ์ศรี มาขอกลับด้วยแต่เขาคิดผิด…ทั้งที่มีมีสิทธิ์และสามารถใช้ตำแหน่งภรรยาเมื่ออยู่ที่บริษัทในการนั่งรถคันเดียวกับเขากลับด้วยกันกุลจิรากลับเลือกจะทิ้งโอกาสนั้นภายใต้แววตาคมกริบที่มองมานั้นคล้ายมีความผิดหวังปะปน ก่อนจะหายวับไปราวกับมันไม่เคยมีอยู่กุลจิราช่างเป็นผู้หญิงอวดดีเท่าที่เขาเคยพบเจอมาและความอวดดีนี้ของเธอกำลังท้าทายความอดทนของเขาอยู่กุลจิรามองเห็นเมอร์เซเดสสีดำสนิทแล่นผ่านหน้าตัวเองออกไป แน่นอนว่าเธอจำได้ว่ารถหรูคันนี้เป็นของภวินท์เสี้ยววิวินาทีที่รถแล่นผ่านเธอมองเห็นเสี้ยวใบหน้าของชายหนุ่มเขาไม่แม้จะมองมาที่เธอ เหมือนตั้งใจขับผ่านเธอไปฝนยังคงโปรยปรายลงมาไม่หยุดเนื้อตัวของหญิงสาวเปียกชุ่มแนบไปกับลำตัว รู้สึกหนาวไปถึงกระดูกแต่กระนั้นก็ยังยิ้มออกมาขณะก้าวขาขึ้นไปบนรถประจำทางกุลจิราพาเนื้อตัวที่เปียกชุ่มเดินเดินไปตามตรอกซอกซอย โชคดีที่บ้านเศรษฐวินิจไม่ไ
หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมา ยกมือขึ้นทาบอกแต่เมื่อมองเห็นเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ความตั้งใจที่ต้องการได้รับคาเฟอีนเข้าสู่ร่างกายก่อนกลับไปทำงานต่อก็จบลงแค่นั้นกุลจิราผลักประตูออกมา สายตาสะดุดเข้ากับร่างสูงใหญ่ของซีอีโอหนุ่ม เขากำลังเดินตรงไปยังลิฟท์ที่สุดโถงทางเดินกุลจิราจำต้องก้าวตามหลังของอสูรร้ายไป เมื่อลิฟท์อีกตัวใช้งานไม่ได้ ยังอยู่ในระหว่างซ่อมแซมเธอกลับไปที่ห้องทำงานช้ามากแล้วแต่เท้าทั้งสองข้างยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่รีบร้อน มองแค่ปลายรองเท้าของตัวเองแต่พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่พบเขาแล้วโล่งอกไปที…เธอยังกลัวว่าจะต้องใช้ลิฟท์ตัวเดียวกันกับเขาเมื่อกุลจิราก้าวเข้ามายืนในลิฟต์สายตากลับมองเห็นป้ายรองเท้าหนังมันปลาบ เธอเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาคู่นั้นจับจ้องมาที่เธออย่างเฉยชาเหมือนเช่นทุกครั้งร่างสูงใหญ่ล่ำสันยืนห่างออกไปเพียงก้าวเดียว กุลจิราถอยร่นไปด้านหลังหนึ่งก้าวพยายามควบคุมสติเมื่อกี้ตอนที่อยู่ในห้องประชุม เธอคงไม่ได้ทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรอกนะรัศมีกดดันแผ่ซ่านออกมาจากชายหนุ่มทั้งคุกคามและปั่นป่วนหัวใจของเธอ คละเคล้ากับกลิ่นโคโลญอ่อนจาง กลิ่นจากร่างกำยำที่มอมเมาเธอในช่วงเวล
กุลจิราเปิดแฟ้มที่ตระเตรียมมาเผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินออกเธอลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีสุขุม ปรายตามองไปที่สไลด์“ข้อมูลจากโครงการก่อนหน้านี้ งบประมาณลูกค้าต่างชาติสูงกว่าปีนี้สิบห้าเปอร์เซ็นต์ค่ะ ฝ่ายการตลาดสามารถสรุปช่องทางการทำโฆษณาและงบปนะมาณที่ต้องใช้ได้ทันทีค่ะ”สายตาของซีอีโอหนุ่มที่จ้องมองมามีประกายความพึงพอใจวูบหนึ่งปรากฏขึ้นกุลจิราเพียงก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนนั่งลงที่เก้าอี้พริษฐ์รีบเสริม“ข้อมูลของคุณกุลจิราเมื่อสักครู่มีประโยชน์มากครับ ผมจะเพิ่มส่วนนี้ลงในรายงานรอบสุดท้าย”ภวินท์ตอบน้ำเสียงราบเรียบ“งั้นก็เอาตามนี้”การประชุมดำเนินต่ออีกราว ๆ สิบห้านาทีภวินท์ก็ทำการปิดประชุม“ถ้าไม่มีอะไรเพิ่มเติมวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อน” ทุกคนลุกขึ้นทยอยเก็บเอกสาร ทะยอยออกจากห้องประชุมรวมทั้งกุลริราด้วยในช่วงเวลาเร่งรีบไม่ทันมีใครสังเกตเห็นสายตาคมกริบคู่หนึ่งที่เหลือบมองไปที่ร่างบางระหงอย่างมีแผนการกลิ่นกาแฟที่กรุ่นค้างในห้องประชุมยังติดปลายลมหายใจของกุลจิราอยู่ หญิงสาวตั้งใจจะใช้เวลาเพียงไม่นานหากาแฟดื่มเพื่อคลายความง่วงก่อนกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง จึงเข้ามาในห้องพักเบรคของพนักงานก่อน เจ้าของร่างเ







