ตอนที่ 1 แต่งงานธุรกิจ
รติในชุดสูทสีขาวนั่งทิ้งตัวลงบนเตียงที่เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบอย่างเงียบงัน สายตาทอดมองไปยังร่างสูงใหญ่ของอัลฟ่าหนุ่มในชุดสูทแบบเดียวกันกำลังยืนส่งสายตากดต่ำเหยียดหยามมองมาที่เขา กลิ่นฟีโรโมนไวน์ขาวคละคลุ้งรอบห้องเพื่อกดข่มโอเมก้าร่างบางที่พยายามเก็บอาการและความรู้สึกบนใบหน้าหวานแต่ไร้ซึ่งอารมณ์
“คงไม่ร้องไห้ไปฟ้องพ่อกับแม่หรอกนะ” คำพูดทิ้งท้ายของอัลฟ่าหนุ่มก่อนจะหุนหันออกจากห้องหอไปอย่างไม่ไยดี
“...” รติได้แต่นั่งเม้มริมฝีปากบางข่มอารมณ์มองตามแผ่นหลังกว้าง มือจิกกำผ้าปูที่นอนแน่นอย่างกับว่าจะให้มันขาดคามือ
รติพยายามสะกดอารมณ์ตัวเองไม่ให้มีน้ำตาไหลออกมาแม้เพียงหยดเดียว ทั้งที่นัยน์ตาแดงก่ำอยากจะระบายออกมาเต็มที โอเมก้าร่างบางพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านในหัวออกด้วยการปล่อยร่างกายเปลือยเปล่าไปกับการนวดคลึงของมวลน้ำวนในอ่างจากุซซี ปล่อยตัวปล่อยใจให้ล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมาย
เขากับชวินถูกจับหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เด็ก ๆ แต่เหมือนเป็นเพียงคำพูดไม่จริงจังนักจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย จนกระทั่งธุรกิจโรงแรมของทางบ้านรติเริ่มมีปัญหาขาดทุน จึงทำให้งานแต่งงานของทั้งสองถูกเนรมิตขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว
รติไม่ได้มีปัญหากับการแต่งงานในครั้งนี้ เพราะเขาเองก็ไม่ได้มีใครอีกทั้งได้ช่วยพยุงธุรกิจของที่บ้านให้อยู่รอดปลอดภัย เขายินดีที่จะทำมันต่างจากชวินที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อคัดค้านและต่อต้าน จนกระทั่งถูกยื่นคำขาดเรื่องมรดกและหุ้นในบริษัท จึงทำให้อัลฟ่าหนุ่มต้องจำใจยอมเข้าพิธีวิวาห์ทั้งที่ตัวเองมีคนรักอยู่แล้ว
‘เหมือนมือที่สาม แต่จะเรียกอย่างนั้นได้ไงในเมื่อมือที่สามอย่างเขาต้องมานั่งสมเพชตัวเองอยู่แบบนี้’
รติหลับตาแค่นหัวเราะออกมาเหมือนตั้งใจจะซ้ำเติมให้กับโชคชะตาของตัวเอง
//////////
โอเมก้าร่างบางเจ้าของห้องหรูบนชั้นสูงสุด เปิดประตูด้วยสีหน้าทั้งงุนงงและมึนตึงในคราเดียวกัน
“ไม่ต้องเข้าหอกับภรรยาคุณหรือไง” ทั้งที่ในใจกำลังเต้นแรงแต่อดที่จะค่อนขอดให้กับคนรักไม่ได้
“อย่าพูดให้อารมณ์เสียน่า” ชวินเดินตรงไปทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยสีหน้าที่แสดงอาการเบื่อโลกเต็มที
“ปรานต์ไปเตรียมน้ำอุ่นให้คุณแช่ดีกว่า เผื่ออารมณ์คุณจะดีขึ้น”
“แช่ด้วยกันเลยดีกว่า” อัลฟ่าหนุ่มเดินตามมาโอบเอวอ้อนจากทางด้านหลัง
“...” โอเมก้าร่างบางไม่พูดอะไรทำเพียงปรายตายั่วยวน ก่อนจะหันกลับมาช่วยถอดชุดเจ้าบ่าวบนตัวอัลฟ่าจนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า
กลิ่นกำยานยั่วยวนลุ่มลึกผสมผสานกลิ่นไวน์ขาวช่วยให้อัลฟ่าหนุ่มที่หงุดหงิดและเหนื่อยล้าจากงานพิธีมาทั้งวันได้ผ่อนคลาย อีกทั้งฝ่ามือบางไล่นวดคลึงบนกล้ามเนื้อแกร่งอย่างนุ่มนวลจนชวินเคลิบเคลิ้มหลับใหลในที่สุด
สายตาคมกริบเจือด้วยความร้ายกาจมองร่างอัลฟ่าที่กำลังหลับสนิทอยู่ข้างตน ภายในใจของปรานต์ตอนนี้เต็มไปด้วยความอัดอั้นเคียดแค้น เสียใจเจ็บใจระคนปนเปกันเสียจนไม่รู้ว่าความรู้สึกที่แท้จริงในใจตอนนี้เป็นอย่างไร เขารู้เพียงแต่ว่า
‘ผู้ชายคนนี้เป็นของเขา ต้องเป็นของเขาคนเดียวและตลอดไป’
//////////
รติกำลังนอนหลับสนิทนิ่งบนเตียงนุ่มโดยที่กลีบกุหลาบยังคงโรยอยู่เต็มเตียง เมื่อคืนหลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยเขาก็นอนหมดสภาพหลับไม่รู้เรื่องจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ปลุกให้ต้องพาร่างที่ยังอ่อนเพลียลุกขึ้นมารับสาย
“เตรียมตัวให้พร้อมเดี๋ยวจะเข้าไปรับไปหาพ่อกับแม่” คำสั่งห้วนจากทางปลายสายมีเพียงเท่านั้น สั่งโดยไม่รอฟังคำตอบใด ๆ สั่งเสร็จก็ตัดสายทิ้งให้คนรับได้แต่นั่งถอนหายใจ มองไปยังที่นอนว่างเปล่าข้าง ๆ สายตาหม่นเศร้าเผยออกมาในแววตาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว และลุกขึ้นตรงไปยังห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวตามที่สามีในนามโทรมาสั่ง
เพราะไม่รู้ว่าต้องไปเจอพ่อกับแม่ที่ไหนรติจึงเลือกที่จะแต่งตัวแบบกึ่งทางการเสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัวกับสกินนี่เข้ารูปสีกากี ถ้าเป็นสถานที่ที่เป็นทางการมากเขาเพียงสวมสูททับก็จะทำให้ออกมาดูดีและมีกาลเทศะทันที
“ไปฟ้องอะไรพ่อกับแม่ล่ะ ถึงถูกตามตัวแต่เช้า” ชวินถามเสียงห้วนขณะที่สายตามองตรงไปยังท้องถนนที่กำลังคลาคล่ำไปด้วยรถรา
“แล้วคุณคิดว่าผมจะฟ้องอะไรท่านดีล่ะ” ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะนั่งเงียบ ๆ แต่เห็นท่าทางของคนข้าง ๆ แล้วนึกหมั่นไส้รติจึงตอบกลับไปอย่างกวน ๆ
“ชั้นเคยบอกเธอแล้วว่าหลังชีวิตแต่งงานอย่าหวังว่าจะได้มีความสุข”
“ก็ไม่เคยหวัง” น้ำเสียงเยียบเย็นไร้อารมณ์ยิ่งทำให้คนข้าง ๆ บันดาลโทสะ
“นี่!”
“...” รติทำเป็นนั่งนิ่งลอยหน้าลอยตาไม่สนใจยิ่งทำให้ชวินหงุดหงิด จึงปล่อยฟีโรโมนออกมากดข่มกันจนทำให้โอเมก้าร่างบางรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก ดวงตาแดงก่ำมองสามีในนามด้วยอารมณ์โกรธเคืองที่ไม่ต่างกัน
//////////
ห้องอาหารไพรเวตของโรงแรมหรูห้าดาวใจกลางเมือง ธุรกิจของครอบครัวชวิน วริศและธาริณีนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พอเห็นบ่าวสาวหมาด ๆ เดินเข้ามาโดยชวินเดินนำมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง และตามมาด้วยลูกสะใภ้ที่สีหน้าดูไม่สู้ดีนัก เห็นอย่างนั้นแล้วทั้งสองถึงกับหน้าถอดสี
“ตาวินทำอะไรน้อง” ธาริณีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังดุเจ้าลูกชาย ดูจากอาการลูกสะใภ้แล้วเธอรู้ดีว่าต้องเป็นฝีมือเจ้าลูกชายอัลฟ่าตัวดีแน่นอน
“เจ้าวิน!” น้ำเสียงดุดันของวริศสำทับขึ้นอีกคน พวกเขาเป็นอัลฟ่าย่อมรู้ดีว่าเจ้าลูกชายต้องแผลงฤทธิ์กดข่มสะใภ้โอเมก้าของเขาแน่นอน
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เราแค่มีเรื่องต้องปรับความเข้าใจกันนิดหน่อย” กลายเป็นรติที่เป็นคนตอบเพื่อให้สถานการณ์ตรงหน้าผ่อนคลาย
“อย่าคิดว่าพ่อกับแม่ไม่รู้นะตาวิน ฝืนใจไม่ชอบแต่อย่าถึงกับทำร้ายน้อง” ธาริณีพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงความจริงจังพร้อมจ้องหน้าลูกชายเขม็ง
“ครับ” ชวินตอบรับหน้าจ๋อย
“พ่อว่านะ รีบ ๆ มีหลานให้พ่อกับแม่แล้วก็ผูกพันธะกันซะ”
“พ่อ!” เพราะคิดแค่ว่าแต่งงานให้จบ ๆ ไป แล้วค่อยหาเรื่องหย่าทีหลัง ไม่ได้คิดถึงขั้นที่พ่อแม่ต้องการ
“ไม่อย่างนั้นชั้นจะยึดหุ้นแกยกให้ตาติให้หมด” วริศพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“จะไม่พูดอะไรบ้างเลยหรือไง” เห็นว่าพ่อกับแม่เอาจริงอัลฟ่าเอาแต่ใจจึงหันไปพาลเอากับภรรยาโอเมก้าแทน
//////////
“อะไร ๆ ก็ดูจะเข้าทางเธอไปเสียหมดเลยนะ” พอขึ้นรถได้ชวินก็หาเรื่องคนนั่งข้าง ๆ ทันที
“คุณก็ทำ ๆ ไปให้มันจบก็แค่นั้น” รติตอบกลับเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร
“มีลูกกับเธอมันจะจบได้ไง ยิ่งเข้าทางสิไม่ว่า” สายตาและน้ำเสียงที่ชวินใช้กับรติมีแต่ความเหยียดหยัน
“ก็ใช่ไงครับ เข้าทาง” รติยังคงเฉยชาไม่ทุกข์ร้อนเช่นเคย
“อยากได้ชั้นจนตัวสั่น” ชวินยังคงแดกดัน
“แล้วแต่คุณจะคิดเถอะครับ สำหรับผมทำตามผู้ใหญ่ต้องการให้มันจบ ๆ ไป คุณกับผมก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างที่เราต้องการ”
“ยังไง” แม้จะไม่พอใจแต่ก็อดสงสัยไม่ได้
“คุณก็ไม่ต้องสนใจผมกับลูก ใช้ชีวิตอย่างที่คุณต้องการไป”
“ไม่ต้องทำเป็นประชด” อัลฟ่าหนุ่มเริ่มขึ้นเสียง
“ผมไม่ได้ประชดผมพูดจริง ผมดูแลลูกของผมได้” รติหันมองคนข้าง ๆ ด้วยสายตาที่ไร้ซึ่งอารมณ์ยากที่ชวินจะคาดเดาได้
“อวดเก่ง”
“ทำตามผู้ใหญ่ต้องการ พวกท่านจะได้ไม่ต้องมาคอยยุ่งคอยกำกับชีวิตคุณ ไม่ดีหรือครับ” ไม่ใช่สายตาไร้อารมณ์ก่อนหน้า แต่ครั้งนี้รติกลับส่งสายตาท้าทายสามีอัลฟ่าของเขาแทน
“...” ได้ฟังสิ่งที่ภรรยาในนามพูดแล้ว ชวินได้แต่นิ่งอึ้ง
‘ไม่คิดว่ารติจะเด็ดเดี่ยวและไร้เยื่อใยกับเขาได้ถึงเพียงนี้’
//////////
ตอนที่ 3 ผูกพันธะ=เริ่มผูกพันภายในห้องนอนที่มืดสนิทร่างบางยังคงนอนขดตัวคุดคู้ด้วยสภาพร่างกายที่อิดโรย หลังจากที่โดนสามีอัลฟ่ากัดคอผูกพันธะแล้ว รติก็โดนทิ้งให้นอนซมอยู่คนเดียวโดยที่สามีอัลฟ่าออกจากห้องไปทันทีอย่างไม่มีเยื่อใยหลังจากนอนหลับไปหนึ่งวันเต็ม ๆ รติจึงพอมีแรงที่จะลุกขึ้นมาดูแลตัวเอง สิ่งแรกที่ต้องทำคงไม่พ้นอาบน้ำชำระล้างคราบกามที่ติดอยู่ทั่วตัว รติสำรวจร่างกายตัวเองหน้ากระจกบานใหญ่มองดูร่องรอยที่ถูกสามีอัลฟ่ากระทำไว้ รวมถึงรอยพันธะที่ยังคงเป็นรอยแผลสดให้ได้เจ็บแปลบ แม้ร่างกายจะเจ็บปวดระบมแต่สายตาของรติไม่มีความรู้สึกเช่นเดียวกับร่างกาย เขาได้แต่พยายามกลืนก้อนความเจ็บปวดนั้นให้ย้อนกลับเข้าไปข้างในด้วยสายตาที่เด็ดเดี่ยวแทน‘แค่ให้มันจบ ๆ ไปตามที่พวกผู้ใหญ่ต้องการ’//////////“นอนกับเมียมาแล้วมานอนหมดแรงกับปรานต์เนี่ยนะ” โอเมก้านัยน์ตาเฉี่ยวอดที่จะประชดคนรักไม่ได้“อย่าพูดมากน่า” อัลฟ่าหนุ่มนอนหลับตาเหยียดตัวพูดออกมาด้วยความรำคาญ“ผมก็แค่ทำให้มันจบ ๆ ไปตามที่พ่อกับแม่ต้องการ”“แน่ใจ? ว่าจะจบ” น้ำเสียงเย้ยหยันพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอ“ตอนนี้บอกให้จบ ไม่ใช่ว่าสุดท้ายปรานต์กลาย
ตอนที่ 2 ให้มันจบ ๆ ไป 🔥คืนที่สองของการแต่งงานของสามีภรรยาป้ายแดงต่างมีความกระอักกระอ่วนไม่แพ้กัน ต่างฝ่ายต่างนอนหันหลังให้กัน แต่ดูเหมือนว่าชวินจะออกอาการมากกว่าเอาแต่นอนกระสับกระส่ายดิ้นไปดิ้นมา กลิ่นฟีโรโมนแปรปรวนเดี๋ยวเข้มเดี๋ยวจางจนโอเมก้าอย่างรติเริ่มอึดอัดหายใจไม่ออก“เธอจะไปไหน” ชวินถามขึ้นเมื่ออยู่ ๆ รติก็ลุกขึ้น“ไปนอนอีกห้องนึงครับ คุณจะได้นอนสบาย”พูดจบโอเมก้าร่างบางก็ออกจากห้องไปทันที โดยมีสายตาของสามีอัลฟ่ามองตามอย่างเอาเรื่อง แต่ชวินก็ทำได้เพียงแค่มองตาม ทว่าเขาเองก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองปล่อยฟีโรโมนในระดับที่ทำให้ภรรยาโอเมก้ารู้สึกไม่สบายได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกผิดขนาดต้องตามโอเมก้าออกไปเพื่อดูอาการรติสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะพ่นออกมาแล้วก็ทำซ้ำแบบเดิมอีกสองสามครั้งจนรู้สึกว่าออกซิเจนกลับมาเต็มปอดอีกครั้ง เขาจึงล้มตัวลงนอนแผ่กลางที่นอนนุ่ม นอนคิดถึงสิ่งที่คุยกันในวันนี้ที่พ่อกับแม่อยากให้พวกเขามีหลานให้และผูกพันธะกันเสียให้เรียบร้อย รติได้แต่นอนคิดวนไปวนมา การผูกพันธะไม่ต่างกับการผูกมัดตัวเอง สำหรับโอเมก้าอย่างเขาแล้วย่อมมีปัญหาในการใช้ชีวิตในอนาคตแน่นอน เพราะม
ตอนที่ 1 แต่งงานธุรกิจรติในชุดสูทสีขาวนั่งทิ้งตัวลงบนเตียงที่เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบอย่างเงียบงัน สายตาทอดมองไปยังร่างสูงใหญ่ของอัลฟ่าหนุ่มในชุดสูทแบบเดียวกันกำลังยืนส่งสายตากดต่ำเหยียดหยามมองมาที่เขา กลิ่นฟีโรโมนไวน์ขาวคละคลุ้งรอบห้องเพื่อกดข่มโอเมก้าร่างบางที่พยายามเก็บอาการและความรู้สึกบนใบหน้าหวานแต่ไร้ซึ่งอารมณ์“คงไม่ร้องไห้ไปฟ้องพ่อกับแม่หรอกนะ” คำพูดทิ้งท้ายของอัลฟ่าหนุ่มก่อนจะหุนหันออกจากห้องหอไปอย่างไม่ไยดี“...” รติได้แต่นั่งเม้มริมฝีปากบางข่มอารมณ์มองตามแผ่นหลังกว้าง มือจิกกำผ้าปูที่นอนแน่นอย่างกับว่าจะให้มันขาดคามือรติพยายามสะกดอารมณ์ตัวเองไม่ให้มีน้ำตาไหลออกมาแม้เพียงหยดเดียว ทั้งที่นัยน์ตาแดงก่ำอยากจะระบายออกมาเต็มที โอเมก้าร่างบางพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านในหัวออกด้วยการปล่อยร่างกายเปลือยเปล่าไปกับการนวดคลึงของมวลน้ำวนในอ่างจากุซซี ปล่อยตัวปล่อยใจให้ล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมายเขากับชวินถูกจับหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เด็ก ๆ แต่เหมือนเป็นเพียงคำพูดไม่จริงจังนักจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย จนกระทั่งธุรกิจโรงแรมของทางบ้านรติเริ่มมีปัญหาขาดทุน จึงทำให้งานแต่งงานของทั้งสองถูกเนรมิตขึ้นในเ
ปฐมบท 2ใบหน้าคมเข้มของชวินตอนนี้มีแต่ความเคร่งเครียดคิ้วขมวดแทบจะผูกกันเป็นปม ทั้งที่ร่างกายกำลังแช่อยู่ในน้ำอุ่นอีกทั้งมีมือเรียวที่คอยนวดคลึงลูบไล้ให้ผ่อนคลายทั่วทั้งร่างกาย“แล้วปรานต์ก็กลายเป็นเมียน้อยของคุณ” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของโอเมก้าตอนนี้เศร้าไม่ต่างกัน“อย่าพูดอย่างนั้นสิปรานต์”“หรือไม่จริง”“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง”“...” พอเจอคำถามที่จนมุมแบบนี้ปรานต์เองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน“หรือผมไม่ต้องแคร์มรดก หุ้นของผมในโรงแรมก็มีไม่น้อยแล้วปรานต์ก็มาช่วยผมทำงานแบบนี้ดีมั้ย” แววตาคมเข้มเป็นประกายขึ้นเพราะจริง ๆ แล้วชวินเองก็มีหุ้นอยู่ในโรงแรมไม่น้อย ส่วนเรื่องของมรดกมันเป็นเรื่องของอนาคตอยู่แล้ว“ไม่เอาหรอก ปรานต์ไม่มีประสบการณ์” โอเมก้ารีบปฏิเสธอย่างไม่ลังเล“ของแบบนี้มันฝึกกันได้ พอปรานต์เก่งแล้วเราจะได้สร้างโรงแรมเล็ก ๆ ของตัวเอง ปรานต์จะได้ดูแลแทนผมเต็มที่”“ไม่ไหวหรอก” โอเมก้าหน้างอฮึดฮัดเอาแต่ใจ“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง”“งั้นคุณก็แต่งงานไปก่อน ใครมันจะทนอยู่ได้ถ้าแต่งโดยไม่มีความรักเดี๋ยวทางฝั่งนั้นก็คงขอหย่าเองถ้าคุณไม่สนใจไม่ใส่ใจ” ปรานต์ตอบกลับมาง่าย ๆ เสียอย่างนั้น ทำให้ชวิ
ปฐมบท 1“อึก...พี่วิน” เด็กน้อยโอเมก้าจ้ำม่ำสภาพนอนคลุกฝุ่นอยู่บนพื้น กำลังเบะปากเตรียมจะปล่อยโฮออกมาเมื่อเห็นพี่ชายวิ่งเข้ามาหาตัวเองหน้าตาตื่น“ติ!”“ติเจ็บ...ฮือ ๆ ๆ” พอพี่ชายอัลฟ่าวิ่งมาถึงตัวเท่านั้นแหละ เด็กน้อยโอเมก้าก็ปล่อยโฮร้องไห้ออกมาเสียงดัง“ติเจ็บตรงไหน...ตรงนี้ใช่มั้ย” ใบหน้าคมโน้มลงจนริมฝีปากใกล้หัวเข่าก่อนจะเป่าลมอุ่นลงบนแผลถลอกเพื่อปลอบโยนน้อง“พ่วง~ พี่เป่าให้แล้วเดี๋ยวก็หายนะ” น้ำเสียงละมุนของพี่ช่วยปลอบโยนให้น้องพอได้หยุดร้องไห้ มือป้อมพยายามเช็ดน้ำตาให้ตัวเองป้อย ๆ“พี่พากลับบ้านไปทำแผล” คนพี่คุกเข่าลงหันหลังให้น้องปีนขึ้นมาอยู่ข้างบน สองแขนป้อมโอบรัดคอพี่โดยที่ขาป้อมมีแขนของพี่ล็อกพยุงไว้จากสวนสาธารณะในหมู่บ้านกว่าจะถึงบ้านหลังใหญ่ท้ายซอยเด็กน้อยโอเมก้าเอาแต่สะอื้นมาตลอดทาง แผ่นหลังของพี่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาน้องแต่นั่นไม่ได้ทำให้ชวินรู้สึกว่าเป็นปัญหาเลยแม้แต่น้อย“ตาวิน! ตาติ! น้องเป็นอะไรลูก” ธาริณีเห็นสภาพเด็ก ๆ แล้วตกใจรีบเข้าไปคว้าโอเมก้าน้อยออกจากหลังพี่มานั่งบนตักทันที“น้องหกล้มครับ”💍❤️💍❤️เพราะพ่อกับแม่เป็นเพื่อนสนิทกัน สนิทขนาดที่ว่าฝากลูกให้เลี้ยง