แต่หลังจากที่ได้ผ่าเข่ามาแล้ว ท่านก็เดินเหินได้อย่างสบาย แม่เองก็ไม่ต้องมานอนเฝ้าท่านตั้งแต่ที่ฉันไปเรียนมหาวิทยาลัย
“อืม เป็นไงบ้าง ไปเรียนสนุกไหม” คำถามของคุณย่าทำฉันยิ้มออกมา ถ้าถามแบบนี้คงมีเรื่องเล่า
“สนุกค่ะ” ฉันตอบเพียงสั้น ๆ รู้ว่าคุณย่าอยากเล่ามากกว่าอยากฟังเรื่องของฉัน
“ว่าไปแล้วก็คิดถึงคุณปู่ ไม่น่าอายุสั้นเลย” ท่านพูดแล้วก็ถอนหายใจ ทิชชูถูกดึงมาซับน้ำตาตรงหางตา ฉันขยับเข้าไปพยุงให้ลุกจากเก้าอี้ตัวนั้น ตรงไปยังเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ติดหน้าต่าง เก้าอี้เอนตัวเก่งที่มีวิวข้างนอกเป็นสวนหย่อมของบ้าน
ฉันนั่งลงข้าง ๆ บีบนวดปลีน่องของท่านอย่างเบามือ เน้นสัมผัสให้เกิดความอบอุ่นและความห่วงใยมากกว่าให้ร่างกายแก้ความเมื่อยล้า เพราะฉันไม่ได้เรียนมา จึงไม่รู้หรอกว่าต้องนวดอย่างไร
“ย่าเจอปู่ตอนเรียนมหา’ลัยนี่แหละ เขาเป็นรุ่นพี่เอกเดียวกัน ย่าเรียนปีหนึ่ง ส่วนปู่เรียนปีสี่” ฉันยิ้มกับคำพูดของท่าน เพราะตำนานรักของท่านทั้งสองไม่ต่างจากฉันกับคุณยู
“คุณย่าคงสวยมากแน่เลย” ฉันเอ่ยชม เห็นแม่กำลังเก็บไดร์เป่าผมและโต๊ะเครื่องแป้งให้เข้าที่เข้าทาง ฉันหันกลับมาสนใจคุณย่าต่อ
“ไม่สวยหรอก ย่าเป็นคนธรรมดา ๆ ที่ไม่อยากเชื่อว่าคนหล่ออย่างปู่จะมาชอบ ตอนแรกที่ชอบกัน คนมักจะนินทาว่าย่าใช้ยาเสน่ห์ให้ปู่รักปู่หลง” เสียงหัวเราะชอบใจของท่านทำฉันยิ้มตาม
“ไปหยิบอัลบัมตรงนั้นมาให้หน่อย”
ท่านชี้ไปตรงตู้ใส่หนังสือ แต่มีเล่มหนึ่งที่ไม่ใช่หนังสือเพราะขนาดมันใหญ่กว่ามาก ฉันเอื้อมมือหยิบลงมาจากชั้นและยื่นมันให้คุณย่าได้เปิดดู ท่านลูบปกของอัลบัมอย่างเบามือ ฉันเพิ่งเห็นว่าตรงหน้าปกเป็นรูปหญิงชายคู่หนึ่งซึ่งอยู่ในชุดนักศึกษา สีของภาพบ่งบอกว่าผ่านเวลามาอย่างช้านาน
“นี่ย่า คนนี้คุณปู่” ท่านกล่าวทั้งยังลูบไล้มืออยู่ตรงรูปนั้นอยู่นาน ก่อนที่ท่านจะเปิดหน้าต่อไป
“นี่คุณปู่เหรอคะ” ฉันถามอย่างตื่นเต้น เพราะท่านเหมือนคุณยูมาก ไม่สิ คุณยูเหมือนท่านมากต่างหาก
ภาพของคุณปู่และคุณย่าของเขายังอยู่ในความทรงจำของฉัน ระหว่างฉันกับเขา เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันจนถึงวัยที่แก่ชรา สร้างครอบครัวไปด้วยกัน มันจะเป็นไปได้ไหมนะ
เฮ้อ! ฉันถอนหายใจอีกครั้งพลางมองหารถเมล์คันที่รอก็ยังไม่มาสักที
ฉันต้องกลับไปห้องเขา ยังไม่ได้รีดผ้าเลย คุณยูไม่ได้บอกให้ฉันทำหรอกเรื่องเสื้อผ้าหรือทำความสะอาดห้อง เป็นฉันเองที่อยากทำ
อยากทำให้เพราะอยากไปหาเขาที่ห้อง อยากใช้เวลาอยู่กับเขา กลัวว่าเขาจะพาคนอื่นมาที่ห้อง อีกอย่างเขาก็ให้คีย์การ์ดเข้าออก และฉันยังเข้าออกได้โดยที่ไม่ต้องขอเขา
ห้องไลน์ส่วนตัว
มะลิ : คุณยู มะลิจะเข้าไปที่คอนโดนะคะ ผ้ายังไม่ได้รีด
OnlyYou : อืม ฉันกำลังจะออกไป เธออยู่ไหนแล้ว
มะลิ : ป้ายรถเมล์ค่ะ
OnlyYou : งั้นรอใกล้ ๆ แถวนั้นแหละ เดี๋ยวอีกสิบนาทีฉันไปรับ
ฉันยิ้มกับข้อความของเขา บางวันฉันก็ได้มีโอกาสกลับพร้อมเขาบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้ง ถ้าวันไหนโชคดีนะ วันที่โชคดีอย่างวันนี้ไง
ไม่เกินสิบนาทีเขาก็มาถึง ฉันขึ้นรถไปด้วยหัวใจที่อิ่มฟู
“คุณยูกินข้าวมาหรือยังคะ” ฉันถามทันทีที่นั่งลงข้างคนขับ ทั้งยังรัดเข็มขัดเรียบร้อย
“ยังเลย อาบน้ำเสร็จ เห็นไลน์เธอก็รีบออกมา” มือหนาคว้ามือฉันไปกุมไว้ในตอนที่เขาละมือจากเกียร์รถยนต์
“งั้นเราสั่งอะไรไปกินที่ห้องดีไหมคะ” ฉันเสนอทางออก เพราะถ้าจะให้ไปนั่งกินที่ร้านอาหาร ฉันก็กลัวว่าเขาจะลำบากใจ ด้วยเข้าใจสถานะของเราสองคน เขาไม่อยากให้คนที่บ้านรู้
ฉันเองก็ไม่พร้อมจะรับผลที่ตามมาของมัน ถ้าเกิดคุณท่านกับคุณย่ารู้ พวกท่านจะยังเอ็นดูฉันอยู่ไหม
‘เด็กในบ้านกับลูกชายเจ้านาย’
“อืม เอางั้นก็ได้” เขาว่าและขับรถต่อไป ฉันอยากถามเรื่องที่เขาจะไปเรียนต่อ แต่ก็ไม่กล้าถาม
“มะลิอยากให้คุณยูติวบางวิชาให้มะลิหน่อย”
“ได้สิ” เขาหันมายิ้ม เวลาได้อยู่ใกล้เขาแบบนี้ หัวใจฉันอิ่มฟูและมีความสุขมาก ไม่คิดว่าแค่การได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ก็มีความสุขจนลืมทุกอย่าง
เรากลับมาถึงคอนโดเขาในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา ฉันสั่งผัดไทยเจ้าประจำให้เขา จากนั้นก็ไปทำงานของตัวเอง โดยคุณยูนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องนั่งเล่น ถึงจะไม่ได้อยู่ใกล้กัน แต่อย่างน้อยก็อยู่บริเวณเดียวกัน นี่คือความสุขของฉันแล้ว
เหตุการณ์นั้นฝังลึกในใจของเด็กหญิงตัวน้อย เธอไม่ได้กลัวหมา แต่เธอฝังลึกความทรงจำที่เขาปกป้องเธอ จากความรักของเด็กหญิงคนหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งสองโตขึ้น มะลิน้อยก็ได้รับรู้ว่าเธอรักเขาอย่างที่ผู้หญิงคนหญิงจะรักผู้ชายคนหนึ่ง แต่เพราะรู้ฐานะของตัวเอง เธอจึงพยายามหักห้ามใจ แต่การกระทำของเธอกลับแสดงออกเหมือนว่าเธอพยายามตีตัวออกห่างจากเขา สรรพนามที่เรียกขานก็เปลี่ยนตามช่วงวัยและความห่างกันของฐานะและความสัมพันธ์ จาก ‘พี่ยู’ เขากลายเป็น ‘คุณยู’ ของเธอเมื่อใดกันนะ ภรัณยูเองก็ไม่ค่อยพอใจกับการเรียกขานที่ห่างเหินของเธอ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อมันเป็นความต้องการของเธอ แต่เมื่อภรัณยูเข้าเรียนชั้นมัธยมปลาย เขาก็เข้าเรียนที่โรงเรียนที่ติดอันดับท็อปของโรงเรียนที่ว่าเข้าเรียนยากที่สุด ส่วนเธอเองยังเรียนชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนใกล้บ้าน ความห่างยิ่งทำให้ทั้งสองห่างกันมากกว่าเดิม สาวน้อยตีตัวออกห่าง ไม่ค่อยพูดจากับเขาเหมือนอย่างเคย เธอหลบหน้าเขาเพราะความขัดเขิน แต่เขากลับคิดว่าเธอไม่อยากเจอหน้าเขาเพราะคงไม่พอใจที่เขาดูเธอเรื่องกา
“ไม่พี่จะใช้ความผิดครั้งนั้น ลงโทษและยำยีเธอ” ผมจับคนตัวเล็กให้นอนหงาย ตรึงสองแขนเธอไว้ด้วยสองมือของผม “คุณยูขา อย่าย่ำยีมะลิเลยนะคะ มะลิสำนึกผิดแล้ว อา...อย่าค่ะ” ผมกลั้นขำกับคนที่บอกผมไม่ให้ย่ำยีแต่กลับครางสยิวทั้งยังใช้สองขาเกี่ยวเอวผมไว้แน่น “เธอต้องได้สำนึกผิดทั้งคืนมะลิ ให้สมกับที่เธอทรมานฉัน” ผมเองก็เล่นใหญ่ไม่แพ้กัน ต้องทำเสียงแข็งและหน้าดุดัน ปล้นจูบคนใต้ร่างอย่างหิวโหย “อย่าค่ะ...อย่าทำมะลิเลย” ร้องห้ามแต่กลับแอ่นหน้าอกให้ผมได้ลงลิ้นกับสองเต้างาม “เธอไม่มีทางหนีฉันพ้นมะลิคืนนี้ เธอต้องได้ครางทั้งคืน” ผมว่าและละมือจากขอมือบางเพื่อจะถอดชุดนอนของเธอให้พ้นร่าง “มะลิกลัวแล้วอย่าทำอะไรมะลิเลย” โห เล่นเนียนมากเมียกู ทำเสียงสั่นด้วย ปากร้องห้ามแต่มือเมียผมกำลังดึงรูดกางเกงนอนผมลงให้สิ่งที่กำลังชูชันดีดผึง “ฟาดมือไหม” ผมแกล้งถามเมื่อเจ้ากร่างโตเต็มวัยและกระเด้งฟาดมือเมียรักเบา ๆ “ซ่าจริงนะเดี๋ยวได้ร้องไห้ไม่หยุด” เธอไม่ได้ขู่ผมแต่กำลังขู่เจ้ากร่างที่ตอนนี้เริ่มจะร้องไห้น้ำตาปริ่ม ๆ แล้ว อา...เมียโคตรเด็ดเป็นอย่าง
เจ้ามะระน้อยของพ่อที่พยายามจะเป็นน้องวิน แต่เพราะเจ้าตัวยังไม่คุ้นชินกับชื่อนี้ สุดท้ายผมและมะลิจึงต้องเรียนว่า ‘ภาวิน’ เจ้าตัวถึงจะยอมหัน สุดท้ายแล้วชื่อเล่นที่คนในครอบครัวหรือคนสนิทจะรู้ก็คือชื่อมะระ ส่วนอีกชื่อที่เป็นทั้งชื่อเล่นและชื่อจริงคือเด็กชายภาวิน ภาวินเติบโตมาอย่างดี เรียนเก่งตั้งแต่เล็ก ๆ และอย่างหนึ่งที่ลูกชายผมจะไม่ทำคือการเรียนพิเศษ แรก ๆ คุณปู่คุณย่าก็ไม่ยอมกลัวว่าหลานจะเรียนไม่ทันเพื่อน “ปู่กับย่าต้องการเกรดเฉลี่ยเท่าไหร่” นั่นคือคำถามของเด็กชายวัยสิบสามที่กำลังศึกษาชั้นมัธยมต้นปีที่หนึ่ง ผมกับมะลิต้องก้มขำ “สามจุดหกได้ไหมลูกมะระ ถ้าต่ำกว่านี้ย่ากลัวว่าหลานจะสอบที่อยากเรียนไม่ได้” แม่ผมหรือผู้เป็นย่าบอกอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะแม่ผมนั่นแหละที่สปอยด์หลานเกินไป พอโตขึ้นเด็กชายภาวินก็เลยทำให้ปู่ย่า วินเวียนศีรษะแบบนี้แหละ สำหรับผมกับมะลิเราตกลงกันไว้แล้วว่าไม่อยากให้ลูกเรียนพิเศษ เพราะมะระเองตอนเด็กก็เน้นเรียนพิเศษด้านกิจกรรม ไม่ค่อยได้เรียนพิเศษด้านวิชาการมากนัก แต่เมื่อขึ้นชั้นมัธยมคุณย่าหรือแม่ของ
“อ้าว! แค่จะชิมไง อยากรู้รสชาติ นะครับที่รัก” ผมใช้คำออดอ้อนที่รู้ว่าเธอต้องใจอ่อน ใบหน้างามงอง้ำนิดหนึ่งก่อนจะพยักหน้ายอม หน้าอกของเธอขยายใหญ่ขึ้นกว่าตอนท้องเสียอีก เส้นเลือกสีเขียวใต้ผิวเนื้อสีขาวเห็นชัดเจน ปลายยอดถันยังสีชมพูระเรื่อเหมือนอย่างเคย “พี่ยู อื้อ...อย่าเลีย” “โทษที ลืมตัว” พอเห็นนมเมีย แม่งก็อยากเลียทุกที สุดท้ายต้องห้ามใจ ผมลองดูดน้ำนมเธอเบา ๆ อย่างที่เจ้าลูกชายทำ หวานมาก...มิน่าละเจ้ามะระถึงได้ชอบสามเดือนต่อมา ผมมองเจ้าก้อนมะระยัดไส้ที่ตัวอวบอ้วน กำลังดูดนมแม่ไม่หยุด กินจุไม่มีใครเกิน แต่ก็ดีที่เจ้าก้อนไม่เจ็บไม่ป่วย น่ารักน่าหยิกเหลือเกิน แต่อย่าได้หยิกลูกเชียวนะ ไม่อย่างนั้นแม่มะลิใจดีจะกลายร่างเป็นแม่เสือสาวทันที คนอะไรดุจริง ๆ ถ้าเกี่ยวกับลูก “อย่าซน” “ก็ลูกกินข้างหนึ่ง อีกข้างก็แบ่งพี่หน่อย” เห็นเจ้าก้อนกินแล้วมันก็หิวตามลูก ไม่ได้กินนมเมียมาตั้งหลายเดือนแล้ว “พี่ยูดูดแรง” เธอว่าผม “ดูดนมเมียใครเขาดูดค่อยกันเล่า ก็ต้องดูดแรง ๆ ทั้งนั้นแหละ ไม่งั้นเธอจะเสียวเหรอ” ผ
“ได้สิ” ว่าแล้วเขาก็เบียดตัวเข้ามาในห้องนอนฉัน จัดการรูดชุดนอนฉันออกจากร่าง แล้วเป็นเขาเองที่ใส่ชุดนอนของฉัน ฉันหัวเราะชอบใจเสียงดังกับคนตัวเท่าหมีใส่ชุดนอนผ้าไหมบางเบา ทั้งส่วนกลางกายยังดุนดันกระโปรงชุดนอนจนผิดรูป “คับเป้าจัง” เขาว่าทั้งยังลูบตรงเป้าที่ว่า “คับแล้วจะใส่ทำไมคะ ถอดออกเลยสิ” คำพูดกับท่าทางแสนยั่วยวนของฉันนั้น ทำให้ผู้ชายแท่งร้อนอย่างเขาอยากจะฉีกชุดนอนเพื่อกระโดดขึ้นเตียงทันที “ถอดยากจัง ช่วยหน่อย” เพราะชุดนอนมันคับ ทำให้ตอนถอดนั้นยากจนฉันต้องลงมือช่วย ฉันคาชุดนอนไว้ปิดหน้าและล็อกแขนเขาไว้ด้วยชุดนอน กลายเป็นว่าเวลานี้ คุณยูเหมือนโดนมัดมือและปิดตาด้วยผ้าผืนบาง “หาอะไรเล่นกันไหมคะ” ฉันใช้ลิ้นแตะยอดอกเขา ถามเขาด้วยเสียงกระเส่า “เล่นครับ เล่นพี่แรง ๆ นะครับ” “ค่ะ มะลิจะเล่นแรง ๆ ถ้าทนไม่ไหว บอกให้หยุดได้นะคะ” “พี่ชอบแรง ๆ พี่อดทนเก่ง มะลิก็รู้” “เหรอคะ คงต้องพิสูจน์” ฉันหัวเราะคิก และเริ่มเล่นกับเขาอย่างที่เคยคิดอยากทำมานาน แต่เพราะความเขินอายในวันวานไม่กล้าที่จะแสดงออก “อา..
“คิดอะไรอยู่” “เปล่าค่ะ” ฉันก้มหน้าด้วยความอาย “ใกล้อิ่มแล้ว ไปเปิดน้ำให้หน่อย อยากแช่น้ำอุ่น” เขาสั่ง ฉันที่รู้ดีว่าหลังจากกินมาม่ารอบดึกแล้ว ส่วนมากเขาจะจบด้วยอะไร “ค่ะ” เพราะว่ารู้และก็รอคอยสิ่งที่จะเกิดขึ้นอยู่ในใจ เราสองคนเหมือนน้ำมันกับไฟ ขอให้มีโอกาส เฝ้ารอวันที่ผู้ใหญ่ไม่อยู่และแอบได้เสียกัน “มะลิ เดี๋ยวก่อน” “เธอต้องติวนะ เดี๋ยวเข้ามหา’ลัยไม่ได้” เขาว่า ฉันไม่ได้พูดอะไร เพราะรู้ว่าเขาคงมีเรื่องจะพูดต่อ “ต่อไปเสาร์อาทิตย์ไปติวหนังสือที่คอนโดฉัน” นี่เป็นการลักลอบเจอกันนอกสถานที่สินะ หัวใจฉันเต้นโครมคราม ทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจที่จะได้อยู่กันตามลำพังทั้งวัน “คิดอะไรอยู่ครับ” คำพูดเขาทำให้ฉันกลับมาอยู่กับปัจจุบัน “คิดถึงเมื่อก่อนค่ะ” ฉันบอกอย่างไม่ปิดบังความคิด “เวลาดึกที่พี่แกล้งหิวใช่ไหม”ฉันนิ่วหน้ากับคำว่า ‘แกล้งหิว’ “หมายความว่าไง ‘แกล้งหิว’” ฉันถามเสียงขุ่น “ก็หมายความว่า ที่บอกว่าหิว ไม่ได้หิวจริง แค่อยากอยู่กับเธอไง” เขาพูดหน้าตาย ไม่คิดจะปกปิดเลยสักนิด