หยูหงลี่บุตรีขุนนางขัั้นสามที่อยู่ๆ ก็เกิดได้เข้าถวายตัวเป็นสนมของฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่เพิ่งได้รับการสถาปนา และนางก็พบว่าฮ่องเต้พระองค์นั้นคืออดีตชายคนรักที่นางสลัดเขาทิ้งก็เพราะนางจำต้องเลือกครอบครัว
แม้นางจะรักเขามาก แต่ก็มิอาจจะหนีตามเขาไปได้ เพราะครอบครัวของนางที่บิดาเป็นขุนนางขั้นสาม แต่เมื่ออยู่ในเมืองเล็กๆ อย่างหนิงโจว ก็ย่อมจะดูสูงส่งกว่าชาวบ้านโดยทั่วไป และบิดาไม่มีทางยอมรับเขยที่เป็นเพียงช่างไม้จนๆได้
อดีตชายคนรักที่มีนามเดิมว่า ซ่งหลี่หมิง เขาเป็นบุตรชายของสตรีหม้ายนางหนึ่งที่ไม่มีผู้ใดในหมู่บ้านหรือตำบลท่ี่นางย้ายมาอยู่รู้ว่าสองแม่ลูกมาจากที่ใด พวกเขาทราบเพียงว่าท่านป้าซ่งผู้นั้นหอบบุตรชายที่ยังเป็นเพียงเด็กชายตัวน้อยๆ มาตั้งหลักปักฐานที่หมู่บ้านเล็กๆ ที่นอกเมืองหนิงโจว
นางบอกกับใครๆ ว่านางเป็นหญิงหม้ายเพราะสามีเสียชีวิตไปแล้ว และนางเองก็ไร้ญาติขาดมิตร มีเงินทองติดตัวมาเพียงเล็กน้อยจึงได้ขอซื้อที่ดินของหัวหน้าหมู่บ้านที่ยอมแบ่งขายให้ผืนหนึ่ง
ซึ่งนางก็จ้างชาวบ้านที่นั่นช่วยกันปลูกบ้านหลังเล็กๆ และล้อมรั้วให้แน่นหนาให้พอเป็นที่พำนักของหญิงหม้ายเช่นนางกับบุตรชายได้ และที่ดินผืนเล็กที่นางขอซื้อมานั้นก็มีบ่อน้ำเล็กๆติดมาด้วย ทำให้นางกับบุตรชายไม่ต้องลำบากไปหาบน้ำมาจากที่อื่น ทำให้พอใช้ชีวิตกันไปได้
ไม่มีใครรู้ว่าท่านป้าซ่งนั้นสามารถดำรงชีวิตโดยมีอาชีพแค่เพียงรับจ้างเย็บปักถักร้อยนั้นได้อย่างไร นางรับงานที่ร้านอาภรณ์ที่ตลาดในเมืองหนิงโจวมาเย็บที่บ้าน เป็นอาชีพที่นางใช้เลี้ยงดูบุตรชายมาจนเติบใหญ่ พร้อมกับปลูกผักที่แปลงหลังบ้าน พร้อมกับเลี้ยงไก่เล้าเล็กๆ เพื่อเอาไว้เก็บกินไข่ ส่วนข้าวสารก็หาซื้อมาหุงหากันกิน เพราะมีเพียงแค่สองปากสองท้อง
พอบุตรชายเติบใหญ่ขึ้นเขาก็ออกไปรับจ้างทำงานช่วยมารดาอีกแรงหนึี่ง ด้วยอาชีพช่างไม้รับจ้าง และเขาก็ได้พบกับคุณหนูหยูหงลี่ที่เขาไปรับจ้างสร้างเรือนหลังเล็กๆในจวนของนาง โดยที่เขาเองก็เป็นเพียงลูกจ้างของช่างไม้ที่รับเหมาสร้างบ้านนั้นอีกที เพียงทั้งสองได้สบตากัน ก็รู้สึกพึงใจกันและกัน
ซ่งหลี่หมิงหาทางที่จะพูดจากับสาวเจ้าจนได้ ในยามเย็นย่ำวันหนึ่งหลังจากที่เขาเลิกงานแล้ว กำลังเตรียมเก็บข้าวของจะกลับบ้าน แต่บังเอิญเหลือบไปเห็นคุณหนูบุตรีสาวเจ้าของจวนเดินเข้าไปในสวนเหมือนนางกำลังเดินเล่นอยู่เพียงลำพัง
แม้ในใจของหลี่หมิงชายที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาหาเช้ากินค่ำ ไม่ได้มีสมบัติพัสถานใด ไม่ได้ร่ำรวยเงินทองและเกิดในตระกูลใหญ่ แต่เขาก็หลงรักสตรีน้อยนางนี้ที่เป็นบุตรสาวคนเล็กในจวนขุนนางบิดาของนางที่รับราชการที่อำเภอ
แม้จะเป็นเพียงอำเภอเล็กๆ แต่ขุนนางในอำเภอก็ดูจะสูงส่งกว่าชาวบ้านเช่นเดียวกับเขา จนมิอาจเทียบกันได้ แต่หลี่หมิงไม่สามารถหักห้ามใจในรักครั้งแรกนี้ได้ หัวใจมันโบยบินไปกับสตรีนางนั้นตั้งแต่แรกสบตากันแล้ว
และขาของเขามันก็ไม่รักดี มันไม่ฟังเสียงห้ามปรามของตนเองสักนิด มันออกก้าวเดินมุ่งตรงไปหาสตรีในดวงใจที่กำลังเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้ไม่ไกลจากหมู่เรือนที่เขากำลังก่อสร้างอยู่ “ ดอกไม้ดอกนี้หอมนัก เจ้าพอจะรับมันไว้เป็นที่ระลึกในการทำความรู้จักกันครั้งแรกของเราได้หรือไม่ ”
หลี่หมิงตัดสินใจเอ่ยคำทักทายออกไปทันที ที่เดินไปถึงตัวของสตรีน้อยนางนั้น พร้อมกับยื่นดอกไม้ดอกเล็กๆ นั่นให้กับนาง ดวงตาคู่คมของเขาส่งประกายวิบวับเมื่อยามจับจ้องสตรีในดวงใจ
แก้มของหยูหงลี่แดงก่ำ นางเห็นเขาตั้งแต่เขาเดินดุ่มมาทางนางแล้ว แต่นางแสร้งทำเป็นไม่รู้ บุรุษหนุ่มหล่อเหลาที่เป็นเพียงช่างก่อสร้างบ้านที่บิดาว่าจ้างมาก่อสร้างหมู่เรือนรับรองหลายหลังในจวนนี้ เพื่อเอาไว้รับรองแขกที่มาเยือน เพราะเรือนหลังเดิมนั้นเก่าแก่และไม่เพียงพอ เวลามีขุนนางหรือญาติมิตรมาเยือนที่จวนของบิดา ขุนนางหยูจึงได้ไปว่าจ้างช่างรับเหมามาสร้างหมู่เรือนหลังเล็กหลายๆหลังในจวนของเขา
หงลี่ค่อยหันหลังกลับมา เพื่อเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่นางเองก็แอบพึงใจเขาตั้งแต่แรกพบหน้าเช่นกัน ทั้งสองหนุ่มสาวสบตากันด้วยความเขินอาย หงลี่ยื่นมือไปรับดอกไม้ที่ชายตรงหน้ายื่นให้ เพื่อแสดงว่านางรับไมตรีจากเขา ทั้งสองสบตากันด้วยประกายตาหวานฉ่ำแล้วกลับหลบเลี่ยงที่จะไม่สบตากันตาตรงๆ เพราะความเขินอายซึ่งกันและกัน
หลังจากนั้นก็พากันออกเดินเล่นไปที่ลำธารที่ห่างออกไปจากหมู่เรือน เพราะเกรงจะมีผู้มาพบเห็นเข้า และเมื่อได้สนทนากันอย่างใกล้ชิด สองหนุ่มสาวยิ่งพึงใจกันมายิ่งขึ้น ในอกของพวกเขาพองฟูเบ่งบานไปด้วยความสุขสมหวังเมื่อต่างก็รับรู้ว่าคนที่ตนเองพึงใจนั้นก็มีใจให้แก่ตนเองเช่นกัน
และต่อๆมายามเย็นหลังเลิกงาน ช่างก่อสร้างหนุ่มก็มักจะลอบไปพบปะกับคุณหนูสาวบุตรีคนรองของท่านขุนนางอยู่บ่อยๆครั้ง นางเองก็จงใจจะออกมาเดินเล่นเมื่อใกล้กับเวลาเลิกงานของคนรักหนุ่ม พวกเขาตกลงคบหากันเป็นคนรัก แอบลอบพบปะกัน และแอบพากันไปเที่ยวเล่นที่น้ำตกนอกเมืองด้วยกันในวันหยุดงานของช่างก่อสร้างหนุ่ม ความรักของพวกเขาเบ่งบานและมีความสุขยิ่งนัก
และในที่สุดในวันหยุดวันหนึ่งที่ทั้งสองต่างก็นัดพบกันอีกครั้ง เวลาหลังอาหารเที่ยง หยูหงลี่คุณหนูรองแห่งจวนขุนนางหยูก็ลอบมาพบกับคนรักที่ริมทางที่จะสามารถลัดเลาะไปที่น้ำตกที่พวกเขามักจะพากันไปพลอดรักกันท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามกันตามลำพัง โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ที่กำลังงอกงามของพวกเขา
สองหนุ่มสาวพากันลงว่ายน้ำเล่น น้ำจากลำธารสายนี้ไหลเอื่อยๆมาจากธารน้ำตกที่หลั่งไหลส่งเสียงดังสนั่นอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขากำลังแหวกว่ายไปมาอยู่นั้น หงลี่ว่ายน้ำหนีชายคนรักที่ว่ายตามติดไล่ล่านางเหมือนพวกเขาเป็นเด็กๆก็มิปาน จนกระทั่งหงลี่จนมุมนางว่ายน้ำหนีเขามาจนถึงสายธารน้ำตกที่กำลังหลั่งไหลลงมาเสียงดังสนั่นและกระเด็นเป็นสายกระเซ็นไปจนทั่วบริเวณแห่งนั้น
นางหัวเราะเสียงดังเพราะบัดนี้เอวคอดของนางถูกแขนล่ำสันของคนรักในความลับรัดเอาไว้แน่น เขายกยิ้มอย่างสมใจที่ในที่สุดก็จับตัวของกวางสาวเนื้อหวานของเขาเอาไว้ได้แล้ว
เขาค่อยๆ แหวกว่ายแล้วลากร่างบางที่อวบอัดขาวผ่องของคนรัก ให้ตามไปที่ด้านหลังม่านน้ำตกที่กำลังไหลริน พวกเขาอ้อมม่านน้ำตกนั้นไปจนเข้าไปในโพลงหินขนาดใหญ่ที่ด้านหลังม่านน้ำนั้น
ชายหนุ่มที่ร่างกายเปลือยเปล่าเช่นกัน โอบกอดนางเอาไว้ และหัวเราะกันอย่างสนุกสนานที่เขาจับนางเอาไว้ได้
" เห็นไหมเล่า เจ้าจะหนีไปที่ใด ข้าก็ตามเจ้ากลับมาได้ " คนรักหนุ่มเอ่ยขึ้น ทั้งสองต่างก็ยืนแนบชิดกันในซอกหินแคบ ๆ เพียงแค่ให้สองร่างยืนอยู่ในนั้นได้ไม่อึดอัดมากนัก
ทำให้ระหว่างซอกหินในโพลงหินที่คล้ายถ้ำที่ซ่อนตัวอยู่หลังม่านน้ำตกแห่งนี้เหมือนเป็นห้องน้อยที่เป็นส่วนตัว ไม่มีใครสามารถมองเข้ามาเห็นด้านในได้ แม้ว่าจะไม่มีผู้คนอยู่ในบริเวณนี้ก็ตาม
กบฎนั้นก่อโดยอ๋องเผยอันน้องชายของฮ่องเต้องค์เก่าที่เพิ่งจะสวรรคตไป และนางเองอดีตฮองเฮาต้องหอบหิ้วบุตรชายหนีมาเพราะนางให้กำเนิดเขาเมื่ออายุมากแล้ว ทั้งๆที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่านางจะสามารถมีบุตรได้ และแล้วสวรรค์ก็ประทานบุตรชายให้กับนาง เขาคือองค์รัชทายาท แต่ก็มิอาจจะครองบััลลังฆ์ตามที่ควรจะเป็นได้ เพราะถูกก่อกบฎไปเสียก่อน แต่นางยังมีความหวัง เพราะนางเชื่อเต็มหัวใจว่ายังมีขุนนางและแม่ทัพนายกองมากมายที่ยังภักดีต่อฮ่องเต้พระองค์เดิม และองค์รัชทายาทที่บัดนี้เติบใหญ่จนสามารถจะกลับไปทวงบังลังฆ์ที่ควรจะเป็นของเขากลับคืนมาได้แล้วส่วนสตรีต่ำต้อยที่เป็นเพียงบุตรีของขุนนางขั้นสามนั่นก็ไม่ได้คู่ควรกับองค์รัชทายาทเช่นหลี่หมิงสักนิด ดีแล้วที่มันแสดงธาตุแท้ออกมาก่อน ตอนแรกนางก็ไม่เห็นด้วยนักที่เขาจะรับบุตรีขุนนางขั้นสามมาเป็นชายา แต่เมื่อบุตรชายทั้งรักทั้งหลงสตรีนางนั้นมากเหลือเกิน แม่อย่างนางที่รักบุตรชายมากและสงสารในชะตากรรมของเขา ที่ควรจะอยู่ในที่สูงส่งแต่กลับต้องมาลำบากอยู่ปะปนกับชาวบ้านทั่วไปเช่นนี้แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะซ่งหลี่หมิงแท้จริงเขาคือองค์รัชทายาทที่ไม่นานจะต้องได้คืนบังลังฆ
“ น่าขบขันนัก เจ้าช่างไม้ต่ำต้อย เงินสินสอดแค่หยิบมือ คิดจะมาสู่ขอบุตรสาวของขุนนางอย่างข้า คิดหรือว่าข้าจะยกหงลี่ให้กับเจ้า ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี คำสัญญาที่เจ้าบอกข้า มันจับต้องไม่ได้หรอกนะ เจ้าจะทำมันได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เจ้าคือช่างไม้รับจ้างที่ยากจน มีเพียงบ้านหลังเล็กๆ เอาไว้ซุกหัวนอนกับแม่ที่แก่ชราของเจ้า เพียงเท่านั้น ข้าไม่โง่เง่าพอที่จะยกบุตรสาวของข้าให้ไปตกระกำลำบากกับเจ้าหรอก เป็นการิอยากจะกินเนื้อหงส์ ช่างน่าขบขันนัก ” ขุนนางหยูเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าทมึงถึงขัดกับคำพูดของเขาที่บอกว่าคำสัญญาของหลี่หมิงช่างน่าขบขัน เขากับฮูหยินจ้องมองช่างไม้หนุ่มกับมารดาด้วยสายตาดูแคลนไม่ปิดบังซักนิด พวกเขาไม่ยอมเรียกบุตรสาวออกมาพบกับทั้งสองเลยด้วยซ้ำ “ แต่ข้ากับหงลี่เราได้เสียกันแล้ว หากท่านไม่ยอมให้นางแต่งงานกับข้าแล้วนางเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา จะทำเช่นไร ” ช่างไม้หนุ่มตัดสินใจใช่้ไม้ตายของเขาที่คิดว่าหากพูดออกไปแล้วพ่อตาแม่ยายอาจจะใจอ่อนยอมให้หงลี่กับเขาแต่งงานกันก็เป็นได้“ หากนางตั้งครรภ์ข้าก็จะไม่เก็บเจ้าเด็กนั่นไว้ประจานสกุลของข้าหรอกนะ หรือไม่ข้าก็จะให้นางรีบแต
พวกเขาเข้าหอล่วงหน้าแล้ว แม้ในคราวแรกเขาไม่ได้ตั้งใจเลย เขาคิดจะถนอมนางเอาไว้จนกว่าจะถึงวันวิวาห์ของพวกเขา แต่ครั้งนี้ความใกล้ชิด ถูกเนื้อต้องตัวกันมันพาให้อารมณ์หนุ่มของเขาเตลิดจนกู่ไม่กลับ แต่เมื่อได้ล่วงเกินกันแล้วก็หยุดยั้งตนเองไม่ได้อีกต่อไป เมื่อกลับไปแล้ว ก็จะไปสู่ขอนางกับบิดามารดาของนาง แม้ในตอนนี้เขาจะยังไม่พร้อมทางด้านฐานะ อาจจะดูต่ำต้อยกว่าครอบครัวของนางไปสักนิด แต่เขาเชื่อมั่นว่าอีกไม่นานเขาจะสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวให้มีฐานะที่เป็นปึกแผ่นมากกว่านี้ เขาจะไม่ยอมให้หงลี่น้อยหน้าผู้อื่นอย่างแน่นอน ส่วนหงลี่บัดนี้นางโยกสะโพกอวบอัดเข้าหาชายที่กำลังโยกกระแทกนางอย่างรุนแรงนี้ นางเองก็หลงรักเขาดังเช่นที่เขาหลงรักนาง และยิ่งได้ตกเป็นของกันและกันแล้ว ความผูกพันธ์ของพวกเขาสองคนก็จะยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น บัดนี้พี่หลี่หมิงไม่ใช่เพียงคนรักในความลับของนางอีกแล้ว แต่เขาคือสามีที่นางจะต้องได้แต่งงานกับเขาอย่างแน่นอน หงลี่คิดด้วยความสุขใจ นางยกแขนเรียวขาวเกี่ยวต้นคอของสามีหมาดๆ ลงมา แล้วทั้งสองก็จูบกันอย่างดูดดื่ม บทรักในสายธารน้ำตกดำเนินไปจนกระทั่งแตกระเบิดในเวลาไล่เลี่ยกัน แ
บัดนี้ในป่าแถบนี้แทบจะร้างผู้คน ซ่งหลี่หมิงสำรวจทั้งหมดแล้ว จึงได้ปลอดโปร่งโล่งใจ เพราะเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของคนรักของเขา ทั้งสองสบตากันนิ่ง ในดวงใจทั้งสองดวงเปี่ยมไปด้วยความรักที่แทบจะล้นปรี่ออกมา ดวงตาของทั้งคู่ต่างก็มีไฟปรารถที่ลุกโชนไม่ต่่างกัน และแล้วใบหน้าก็ค่อยๆเลื่อนเข้าหากัน และในที่สุดลิ้นร้ายที่ร้อนรุ่มนั่นก็สอดเข้ามาในปากอวบอิ่มที่อ้าออกน้อยอย่างเต็มใจ แขนเรียวของหงลี่ยกขึ้นโอบต้นคอชายตรงหน้าของนางเอาไว้ และแล้วจูบที่ดูดดื่มและเร่าร้อนก็เกิดขึ้น และดำเนินต่อไปจนคุณหนูสาวแทบจะขาดอากาศหายใจนางยกมือทุบไปที่ไหล่หนาของคนตรงหน้า คนรักหนุ่มจึงยอมปล่อยปากอิ่มของนางเป็นอิสระ และเข้าซุกไซร้พรมจูบสองแก้มนวลของนาง แล้วละเรื่อยมาที่ซอกคอขาวผ่อง เขาขบเม้มทำรอยรักเอาไว้ประปรายอย่างหวงแหน เพราะเขาถือว่าหยูหงลี่คือคนรัก ที่เขาจะต้องได้นางมาครอบครอง แม้ฐานะของพวกเขาจะแตกต่าง แต่เขาจะมุมานะสร้างตัวเพื่อให้คู่ควรกับนาง เพื่อจะได้ไปสู่ขอนางมาร่วมชีวิตกับเขาให้ได้เร็วที่สุด ที่อยู่ของนางคือข้างกายเขาเพียงเท่านั้น ชาตินี้เขากับนางจะต้องได้ครองคู่กัน เขาจะไม่ยอมให้มีสิ่
หยูหงลี่บุตรีขุนนางขัั้นสามที่อยู่ๆ ก็เกิดได้เข้าถวายตัวเป็นสนมของฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่เพิ่งได้รับการสถาปนา และนางก็พบว่าฮ่องเต้พระองค์นั้นคืออดีตชายคนรักที่นางสลัดเขาทิ้งก็เพราะนางจำต้องเลือกครอบครัว แม้นางจะรักเขามาก แต่ก็มิอาจจะหนีตามเขาไปได้ เพราะครอบครัวของนางที่บิดาเป็นขุนนางขั้นสาม แต่เมื่ออยู่ในเมืองเล็กๆ อย่างหนิงโจว ก็ย่อมจะดูสูงส่งกว่าชาวบ้านโดยทั่วไป และบิดาไม่มีทางยอมรับเขยที่เป็นเพียงช่างไม้จนๆได้ อดีตชายคนรักที่มีนามเดิมว่า ซ่งหลี่หมิง เขาเป็นบุตรชายของสตรีหม้ายนางหนึ่งที่ไม่มีผู้ใดในหมู่บ้านหรือตำบลท่ี่นางย้ายมาอยู่รู้ว่าสองแม่ลูกมาจากที่ใด พวกเขาทราบเพียงว่าท่านป้าซ่งผู้นั้นหอบบุตรชายที่ยังเป็นเพียงเด็กชายตัวน้อยๆ มาตั้งหลักปักฐานที่หมู่บ้านเล็กๆ ที่นอกเมืองหนิงโจว นางบอกกับใครๆ ว่านางเป็นหญิงหม้ายเพราะสามีเสียชีวิตไปแล้ว และนางเองก็ไร้ญาติขาดมิตร มีเงินทองติดตัวมาเพียงเล็กน้อยจึงได้ขอซื้อที่ดินของหัวหน้าหมู่บ้านที่ยอมแบ่งขายให้ผืนหนึ่งซึ่งนางก็จ้างชาวบ้านที่นั่นช่วยกันปลูกบ้านหลังเล็กๆ และล้อมรั้วให้แน่นหนาให้พอเป็นที่พำนักของหญิงหม้ายเช่นนางกับบุตรชายไ