หลี่หมิงดึงรั้งอาภรณ์ของสตรีใต้ร่างจนแทบจะหลุดลุ่ย เขาฉีกตูโต้วผืนบางของนางออกจนขาดเป็นทาง แล้วแหวกกระโปรงผ้าเนื้อบางเบาของนางออก เลิกมันขึ้นไปจนสูง เปิดเปลือยเนินเนื้ออวบใหญ่ที่คุ้นตาให้แก่เขา หลี่หมิงถอดกางเกงของตนเองอย่างรวดเร็ว แล้วจับเจ้าลูกชายของเขาถูไถเนินเนื้อของนางไปมา แต่ไม่ยอมสอดเข้าไป เพียงถูไถมันไปมาเพียงเท่านั้น
ส่วนสตรีใต้ร่างก็ดิ้นรนขัดขืนไม่สมยอมเขาดังเช่นที่เคยผ่านมา “ ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า เจ้าคนชั่ว เจ้าคนเลวอย่าทำอะไรข้านะ ไม่อย่างนั้นข้าจะร้องให้คนช่วย ออกไปจากเรือนของข้านะ ” นางกรีดร้อง แต่ก็ไม่กล้าเสียงดังจนเกินไปเพราะเกรงจะมีคนได้ยิน แล้วหลี่หมิงจะเดือดร้อน นางแค่ต้องการให้เขาโกรธและเลิกมายุ่งเกี่ยวกับนาง
แต่หลี่หมิงไม่สนใจเสียงข่มขู่นั้น เขากลับก้มลงดูดอกอวบใหญ่ที่สั่นไหวอยู่ใต้ร่าง เขาขบกัดผลอิงเถาของนางอย่างแรง สลับกับไล้เลียมันไปมา หงลี่พยายามดิ้นรนไม่ยอมให้เขากระทำตามใจ แต่ยิ่งดิ้นยิ่งถูกดูด เขาดูดเต้าหวานของนางจนแทบจะเข้าไปในปากทั้งเต้า ดูดอย่างแรง ดูดสลับกับไล้เลียชิมรสของมัน ดูดจนสตรีใต้ร่างเลิกดิ้นรนหนี แต่เปลีี่ยนไปเป็นดิ้นพล่านเพราะความเสียวแทน ร่างอวบอัดดิ้นพล่านไปมา พลางแอ่นอกอวบใหญ่ขึ้นหาปากที่ร้อนรุ่มของคนบนร่าง
บัดนี้พวกเขานอนคลุกเคล้ากันอยู่บนพื้นไม่ไกลจากถังอาบน้ำใบใหญ่ของหงลี่นัก ร่างบางที่อวบอัดไม่น้อย ยามเปิดเปลือยเนื้อแท้ๆ ให้ฮ่องเต้หนุ่มได้เห็นเต็มตา หงลี่ดิ้นพล่านไปมา แอ่นหยัดร่างขึ้นหาปากร้อนรุ่มที่ดูดผลอิงเถาของนางจนบวมเป่ง ดูดจนนางแทบจะบ้าอยู่แล้ว
ส่วนผ้าผ่อนของนางแทบจะหลุดลุ่ยไปจากเรือนกายจนหมดสิ้น และแล้วเจ้าลูกชายแสนล่ำของคนบนร่างที่กำลังโกรธขึงนางและต้องการลงโทษนางอย่างรุนแรง ก็สอดเข้าไปในร่องรักที่มันกระหายอย่างคุ้นเคย ส่วนหงลี่ที่ปากก็ไล่เขา ปากก็ร้องห้ามเขา ต้องการให้เขาออกไปจากห้องของนาง แต่ร่องรักกลับตอดตุบๆ ไม่พัก
น้ำหวานของนางไหลรินออกมาอย่างมากมาย และเข้าชะโลมแก่นกายของคนบนร่างที่เป็นบุรุษที่นางแสนจะรัก แต่นางจำต้องบอกเขาว่านางไม่ได้รักเขา ไม่ได้สนใจ และเกลียดเขา แค่หลอกลวงเขาเล่นๆ เพียงเท่านั้น
บั้นเอวสอบเริ่มโยกไหว ส่งเจ้าลูกชายที่มันกระหายในร่องรักที่คุ้นเคยนี้อย่างมาก จนมันผลุบหายเข้าไปในร่องรักที่เขากำลังโยกบั้นเอวเข้าหาอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องห้ามของหงลี่หายไปแล้ว มีแต่เสียงครวญครางกระเส่าของนางและเสียงครางกระหึ่มของคนบนร่างของนางเท่านั้น สองร่างที่บัดนี้หลงลืมทุกอย่างไปจนสิ้น ต่างก็เกี่ยวกระหวัดรัดรึงกันและกัน แล้วโยกขยับเข้าหากันอย่่างเร่าร้อน รุนแรง และดุเดือด เพราะต่างก็ปลดปล่อยความรู้สึกที่ทั้งรักทั้งชังกันออกมาจนหมดสิ้น
“ เป็นอย่างไร หญิงร่าน ถูกใจเจ้าหรือไม่ เจ้าไม่ได้รักข้า เพียงแค่ต้องการให้ข้ากระแทกเจ้าเช่นนี้ใช่หรือไม่ ข้าจะสนองความร่านรักให้เจ้าเอง ข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าต้องการแค่เพียงเท่านี้ หากเจ้าบอกข้าก่อนหน้านี้ ข้าก็จะมอบความหฤหรรษ์อย่างที่หญิงร่านรักอย่างเจ้าต้องการให้อย่างถึงใจ เจ้าไม่ได้รักข้า เพียงแค่ต้องการสิ่งนี้จากข้าเท่านั้น และตอนนี้ข้าก็ตาสว่างแล้ว หญิงร่านเช่นเจ้า อนาคตก็คงไม่พ้นนางโลมบำเรอชาย แต่ต้องเป็นหลังจากที่ข้าขย่มเจ้าจนเบื่อแล้วนะ ”
หลี่หมิงยังขยับลำกายแกร่งเข้าหานางไม่พัก ขณะที่ปากก็กระซิบที่ใบหูเล็กของคนใต้ร่างที่เขาเห็นว่าครวญครางด้วยเสียงกระเส่า เหมือนสุขสมหนักหนา แถมยังโยกสะโพกอวบของนางขึ้นรับเขาด้วยจังหวะเดียวกันเสียอีก
แค่เพียงถูกกดกระแทกไม่กี่ครั้งก็ติดใจเสียมากมาย ร่านรักไม่มีดี เขาไม่น่าจะดูคนไม่ออกเช่นนี้เลย นางก็แค่หญิงแพศยา สามานย์ รักชายใดก็ได้เพราะหิวเงิน และร่านรัก ต้องการให้ชายกดกระแทกนางเช่นนี้
หลี่หมิงโยกบั้นเอวอย่างรุนแรง ในใจลึกๆ เขานั้นรักนาง ยังรักนางเหลือเกิน แต่ความเจ็บแค้นใจก็มีเปี่ยมล้น และเขาจะต้องหาทางทวงคืนอย่างแน่นอน หญิงร่านผู้นี้ ไม่ควรจะเป็นภรรยาของชายใดทั้งสิ้น
เพราะเขาจะทำให้นางเป็นเพียงหญิงบำเรอชาย และชายผู้นั้นก็ต้องเป็นเขาก่อน จนกว่าเขาจะเบื่อและโยนนางให้กับคนอื่นต่อไป และเขาจะไม่ยกย่องนางให้มีีฐานะใดทั้งสิ้น นอกจากนางบำเรอ ที่มีหน้าที่ทอดกายให้เขาเชยชมเพียงเท่านั้น เพราะนางเลือกที่จะเป็นเช่นนี้เอง
จังหวะรักที่ผสานไปด้วยความแค้นยังคงรุนแรง และดุดัน แต่หงลี่ที่ในใจของนางแสนจะรักชายผู้นี้ จึงได้ยกแขนเรียวขึ้นโอบต้นคอหนาของเขา แล้วมองสบตาเขาด้วยประกายตาหวานฉ่ำนัห นางกดใบหน้าหล่อคมลงมาเพื่อจะจูบ แต่หลี่หมิงเบือนหน้าหนีเพราะความรังเกียจ เขาไม่อยากจะจูบนาง รังเกียจสตรีแพศยาที่ไม่รู้ว่าไปจูบชายอื่นมาหรือไม่
แต่หงลี่ไม่ยอม นางเกี่ยวต้นคอเขาจนโน้มลงมา แล้วยกใบหน้าหวานของนางขึ้นหา แล้วเลียไล้ริมฝีปากหนาของเขาก่อน เลียจนทั่วกลีบปากหนานั้น ลิ้นเล็กพยายามจะซอกซอนเข้าไปให้ได้ และแล้วเรียวปากหนาก็ยอมเผยอแยกให้ลิ้นเล็กที่แสนจะนุ่มนิ่มของนางได้เข้าไป
ลิ้นหนาที่ทนต่อการรุกเร้าเช่นนั้นไม่ไหวอีกต่อไปก็เพราะหัวใจของเขามันก็มีแต่เพียงนาง แม้จะแข็งใจไม่ยินยอมเพียงใดก็จำต้องยอมส่งลิ้นสากเข้าเกี่ยวพันและเมื่อมันได้เกี่ยวพันกันและกันแล้ว
ทุกอย่างก็เลยเถิด กลายเป็นจูบที่ร้อนลวกและดูดดื่ม จูบที่เหมือนกระหายในกันและกันจนแทบจะคลั่ง จูบที่ในที่สุดฝ่ายชายกลับเป็นฝ่ายจูบเอาจูบเอา ไม่ยอมเลิกรา จนเมื่อสตรีใต้ร่างถอนจูบแล้ว เขาก็ยังตามติดมาจูบนางอีก จูบเหมือนกระหายและไม่ยอมอิ่มเอมสักที
หงลี่ยกยิ้มสมใจ หลี่หมิงหรือจะหนีนางได้พ้น วันนี้ในเมื่อเขาเข้ามาหานางเอง นางก็จะสนองเขาให้อิ่มเอม นางรักเขาเกินกว่าจะปล่อยเขาไปได้ในตอนนี้
คนที่ภายในใจมีกันและกันจนเต็มเปี่ยมจึงได้เริงรักกันอย่างรุนแรง ดุดัน ดุเดือดเพราะรักนี้ปนไปด้วยความแค้นเคือง หงลี่หยัดกายรับจังหวะรักที่ดุดันของบุรุษที่นางรักเขาจนเต็มหัวใจ แต่นางมิมีทางปริปากบอกเขาว่านางรักเขา รักมากเพียงใด
ช่วงสายวันต่อมา ฟางเอ๋อเข้ามาแสดงความยินดีกับพระสนมหยูนายหญิงของตนเอง เพราะนางดีใจเหลือเกินที่ฮ่องเต้เสด็จมาหาพระสนมที่ตำหนักนี้และอยู่ค้างคืนจนกระทั่งเช้าจึงได้กลับไป นับว่าเป็นข่าวดีนัก ที่พระสนมที่เกือบจะปลายแถวเช่นนายหญิงของตนได้รับใช้องค์ฮ่องเต้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้ ขนาดพระชายาที่รับการแต่งตั้งถึงสามนางยังไม่มีผู้ใดได้รับโอกาสในการถวายการรับใช้ดังเช่นนายหญิงของตนเลย“ บ่าวยินดีกับพระสนมจริงๆนะเพคะ ที่ท่านได้มีโอกาสปรนนิบัติฮ่องเต้แล้ว และรวดเร็วกว่าสตรีใดในวังหลังแห่งนี้เลยนะเพคะ หม่อมฉันทราบในตอนแรกแทบจะไม่เชื่อเลยว่าพระสนมจะได้ปรนนิบัติองค์ฮ่องเต้ได้รวดเร็วปานนี้ บ่าวได้ยินว่าขนาดพระชายาสามพระองค์นั่นยังไม่ได้มีโอกาสรับใช้ฮ่องเต้เลยนะเพคะ ”ฟางเอ๋อนางกำนัลน้อยกล่าวอย่างยินดีในบุญวาสนาของนายหญิงตนเอง ขณะที่นางกำลังปรนนิบัตินายหญิงหลังจากอาบน้ำแล้ว ก็หวีผมยาวสลวยให้และกำลังติดเครื่องประดับผมที่มีขันทีนำมามอบให้เมื่อวานนี้ ใบหน้าของหงลี่เปลี่ยนสีไปทันที ใครบอกว่าฮ่องเต้เสด็จมาที่ตำหนักของนางกัน ชายคนเมื่อคืนที่เคี่ยวกรำนางแทบจะทั้งคืนกว่าจะยอมปล่อยให้นางนอนหลับ แ
หลี่หมิงดึงรั้งอาภรณ์ของสตรีใต้ร่างจนแทบจะหลุดลุ่ย เขาฉีกตูโต้วผืนบางของนางออกจนขาดเป็นทาง แล้วแหวกกระโปรงผ้าเนื้อบางเบาของนางออก เลิกมันขึ้นไปจนสูง เปิดเปลือยเนินเนื้ออวบใหญ่ที่คุ้นตาให้แก่เขา หลี่หมิงถอดกางเกงของตนเองอย่างรวดเร็ว แล้วจับเจ้าลูกชายของเขาถูไถเนินเนื้อของนางไปมา แต่ไม่ยอมสอดเข้าไป เพียงถูไถมันไปมาเพียงเท่านั้น ส่วนสตรีใต้ร่างก็ดิ้นรนขัดขืนไม่สมยอมเขาดังเช่นที่เคยผ่านมา “ ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า เจ้าคนชั่ว เจ้าคนเลวอย่าทำอะไรข้านะ ไม่อย่างนั้นข้าจะร้องให้คนช่วย ออกไปจากเรือนของข้านะ ” นางกรีดร้อง แต่ก็ไม่กล้าเสียงดังจนเกินไปเพราะเกรงจะมีคนได้ยิน แล้วหลี่หมิงจะเดือดร้อน นางแค่ต้องการให้เขาโกรธและเลิกมายุ่งเกี่ยวกับนางแต่หลี่หมิงไม่สนใจเสียงข่มขู่นั้น เขากลับก้มลงดูดอกอวบใหญ่ที่สั่นไหวอยู่ใต้ร่าง เขาขบกัดผลอิงเถาของนางอย่างแรง สลับกับไล้เลียมันไปมา หงลี่พยายามดิ้นรนไม่ยอมให้เขากระทำตามใจ แต่ยิ่งดิ้นยิ่งถูกดูด เขาดูดเต้าหวานของนางจนแทบจะเข้าไปในปากทั้งเต้า ดูดอย่างแรง ดูดสลับกับไล้เลียชิมรสของมัน ดูดจนสตรีใต้ร่างเลิกดิ้นรนหนี แต่เปลีี่ยนไปเป็นดิ้นพล
หลังจากผ่านไปกว่าสิบวัน หงลี่ก็เริ่มดีขึ้น นางทำใจได้แล้ว เพราะถึงทำใจไม่ได้นางก็ทำอะไรไม่ได้ ครอบครัวที่ถูกเนรเทศไปก็ยังดีกว่าถูกประหาร นางได้คิดก็เพราะมีนางกำนัลวัยกลางคนที่นำอาภรณ์และข้าวของมาให้กับนางได้เตือนสตินางเช่นนี้ ใช่ อย่างน้อยพวกเขาก็ยังไม่ตาย แค่เพียงย้ายถิ่นฐานไปอยู่แคว้นอื่น หากมีวาสนาภายหน้าอาจจะได้พบกัน ส่วนนางบัดนี้มาอยู่ในวังหลวง ไม่ได้ทำการงานอะไร เพียงนั่งทอดถอนหายใจทิ้งไปไว้ๆ นางมาอยู่ที่นี่ได้เพียงสองวันก็มีสาวใช้นางหนึ่งมาแนะนำตัวกับนาง ว่ามีชื่อว่าฟางเอ๋อ ได้รับมอบหมายให้มาเป็นนางกำนัลประจำตัวของพระสนม แม้นางจะเป็นสนมขั้นต่ำสุด แต่ก็ยังมีคนรับใช้ และเมื่ออยู่ๆ ไปก็ได้รับความรู้จากนางกำนัลที่มารับใช้ว่านางคือพระสนมขั้นเฟย ที่เป็นชั้นต่ำสุดในบรรดาพระสนม และพระสนมทุกคนในวังหลวงก็ใช่ว่าจะได้ถวายตัวให้แก่ฮ่องเต้ บางคนก็ไม่เคยได้พบหน้าพระองค์เลยด้วยซ้ำ ฟางเอ๋อยกตัวอย่างฮ่องเต้รัชกาลที่ผ่านมาให้ฟังส่วนฮ่องเต้องค์ใหม่พระองค์นี้ เพิ่งจะรับนางสนม และพระชายาเข้ามาเป็นชุดแรก ส่วนฮองเฮายังไม่ได้สถานปนาเพราะพระองค์เพิ่งขึ้นครองราชย์ หงลี่นั่งรับฟังก
แต่คำตอบของหงลี่ก็คือการที่นางตวัดฝ่ามือตบหน้าของเขาดังฉาด “ ออกไปนะ ออกไปจากห้องของข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะตะโกนให้คนรู้กันทั้งจวนว่าเจ้าลอบเข้ามาในห้องนอนของข้า ” หลี่หมิงชะงักไป เขาจ้องมองใบหน้าที่มองเขาด้วยดวงตาเฉยชา นางมองเมินไปทางอื่น หลี่หมิงจ้องมองใบหน้างามของอดีตคนรักแล้วก็ตัดสินใจถอยออกไปจากเรือนของนาง คนที่ไม่มีใจต่อให้เขายื้อยุดนางเอาไว้แทบตาย ก็คงจะยื้อนางเอาไว้ไม่ได้เขามาที่นี่ก็เพื่อให้แน่ใจว่าเขาได้ยินไม่ผิดไป นางไม่ได้มีใจให้เขา แค่เพียงหลอกปั่นหัวเขาเล่นๆ และวันนี้เขาแน่ใจแล้วว่านางไม่ได้รักเขาจริงๆเขากลับออกมาเพราะเสียใจที่ได้รู้ว่าอดีตคนที่เขาคิดว่ารักกลับไม่ได้รักตนเอง เพียงหลอกลวงเล่น ๆ และนางนั้นมิได้รักบุรุษใดทั้งสิ้น รักเพียงเงินของบุรุษผู้นั้น ส่วนเขาไม่มีสิ่งที่นางอยากได้นางจึงไม่ต้องการแต่งงานกับเขาอยู่แล้ว หลี่หมิงเสียใจและผิดหวังเหลือเกิน เขาเดินออกมาจากเรือนของสตรีอดีตคนเคยรักแล้วก็ลัดเลาะออกมาจากจวนของขุนนาง หยูได้อย่างปลอดภัย หลังจากค่ำคืนแห่งรักและแค้นคืนนั้น หลี่หมิงก็ลอบออกมาจากจวนของขุนนางหยูแล้วก็กลับเรือนของตนเองไปเขาตั้งใจว
กบฎนั้นก่อโดยอ๋องเผยอันน้องชายของฮ่องเต้องค์เก่าที่เพิ่งจะสวรรคตไป และนางเองอดีตฮองเฮาต้องหอบหิ้วบุตรชายหนีมาเพราะนางให้กำเนิดเขาเมื่ออายุมากแล้ว ทั้งๆที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่านางจะสามารถมีบุตรได้ และแล้วสวรรค์ก็ประทานบุตรชายให้กับนาง เขาคือองค์รัชทายาท แต่ก็มิอาจจะครองบััลลังฆ์ตามที่ควรจะเป็นได้ เพราะถูกก่อกบฎไปเสียก่อน แต่นางยังมีความหวัง เพราะนางเชื่อเต็มหัวใจว่ายังมีขุนนางและแม่ทัพนายกองมากมายที่ยังภักดีต่อฮ่องเต้พระองค์เดิม และองค์รัชทายาทที่บัดนี้เติบใหญ่จนสามารถจะกลับไปทวงบังลังฆ์ที่ควรจะเป็นของเขากลับคืนมาได้แล้วส่วนสตรีต่ำต้อยที่เป็นเพียงบุตรีของขุนนางขั้นสามนั่นก็ไม่ได้คู่ควรกับองค์รัชทายาทเช่นหลี่หมิงสักนิด ดีแล้วที่มันแสดงธาตุแท้ออกมาก่อน ตอนแรกนางก็ไม่เห็นด้วยนักที่เขาจะรับบุตรีขุนนางขั้นสามมาเป็นชายา แต่เมื่อบุตรชายทั้งรักทั้งหลงสตรีนางนั้นมากเหลือเกิน แม่อย่างนางที่รักบุตรชายมากและสงสารในชะตากรรมของเขา ที่ควรจะอยู่ในที่สูงส่งแต่กลับต้องมาลำบากอยู่ปะปนกับชาวบ้านทั่วไปเช่นนี้แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะซ่งหลี่หมิงแท้จริงเขาคือองค์รัชทายาทที่ไม่นานจะต้องได้คืนบังลังฆ
“ น่าขบขันนัก เจ้าช่างไม้ต่ำต้อย เงินสินสอดแค่หยิบมือ คิดจะมาสู่ขอบุตรสาวของขุนนางอย่างข้า คิดหรือว่าข้าจะยกหงลี่ให้กับเจ้า ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี คำสัญญาที่เจ้าบอกข้า มันจับต้องไม่ได้หรอกนะ เจ้าจะทำมันได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เจ้าคือช่างไม้รับจ้างที่ยากจน มีเพียงบ้านหลังเล็กๆ เอาไว้ซุกหัวนอนกับแม่ที่แก่ชราของเจ้า เพียงเท่านั้น ข้าไม่โง่เง่าพอที่จะยกบุตรสาวของข้าให้ไปตกระกำลำบากกับเจ้าหรอก เป็นการิอยากจะกินเนื้อหงส์ ช่างน่าขบขันนัก ” ขุนนางหยูเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าทมึงถึงขัดกับคำพูดของเขาที่บอกว่าคำสัญญาของหลี่หมิงช่างน่าขบขัน เขากับฮูหยินจ้องมองช่างไม้หนุ่มกับมารดาด้วยสายตาดูแคลนไม่ปิดบังซักนิด พวกเขาไม่ยอมเรียกบุตรสาวออกมาพบกับทั้งสองเลยด้วยซ้ำ “ แต่ข้ากับหงลี่เราได้เสียกันแล้ว หากท่านไม่ยอมให้นางแต่งงานกับข้าแล้วนางเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา จะทำเช่นไร ” ช่างไม้หนุ่มตัดสินใจใช่้ไม้ตายของเขาที่คิดว่าหากพูดออกไปแล้วพ่อตาแม่ยายอาจจะใจอ่อนยอมให้หงลี่กับเขาแต่งงานกันก็เป็นได้“ หากนางตั้งครรภ์ข้าก็จะไม่เก็บเจ้าเด็กนั่นไว้ประจานสกุลของข้าหรอกนะ หรือไม่ข้าก็จะให้นางรีบแต