เมื่อทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว หลังอาหารเย็น เป็นเวลาที่คนในครอบครัวจะปรึกษาหารือกัน หรือมีปัญหาอะไรก็จะร่วมพูดคุยเพื่อแก้ไขปัญหา โดยไม่มีการแบ่งแยกชายหญิง ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ เท่าเทียมกัน นับเป็นข้อดีของบ้านหนิง โดยปกติผู้หญิงจะไม่มีสิทธิ์มีเสียงเท่าไหร่นัก สำหรับสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่
“อาหลง พวกเจ้าจะกลับบ้านพ่อตาวันไหน รึ” ท่านพ่อเอ่ยถามหยางหลงทันที
“วันมะรืนขอรับท่านพ่อ พรุ่งนี้ข้ากับน้องหญิง จะเข้าป่าอีกรอบ จะหาเนื้อสัตว์ มาให้มากหน่อยและจะเอากลับไปฝากท่านพ่อตาด้วยขอรับ”
“ดีแล้ว ขาดเหลืออะไรก็จัดหาไปให้ครบ "
“ขอรับท่านพ่อ วันนี้ ข้ากับน้องหญิงซื้อเกวียนลามาเพิ่ม เพราะน้องหญิงห่วงว่า ไม่อยู่เสียหลายวันหากมีเหตุเร่งด่วนอะไร กลัวพวกท่านจะไม่มีเกวียนใช้กัน ขอรับ"
“อืม เช่นนั้นก็แล้วแต่พวกเจ้าจะเห็นสมควร แล้วเรื่องที่ดินที่ซื้อเพิ่ม พวกเจ้าจะทำอะไรก่อนหรือ”
“ข้าอยากให้ทำรั้วก่อนเจ้าค่ะท่านพ่อ เป็นไปได้ ข้าอยากได้กำแพงหินเจ้าค่ะ เอาให้สูงหน่อย ข้าไม่ชอบสายตาสอดรู้สอดเห็นของชาวบ้านมากนัก”
“อันนี้แม่เห็นด้วยกับเจ้านะ อาหญิง”
“ข้าด้วยเจ้าค่ะพี่สะใภ้ ข้าไม่ชอบ นางหลิวบ้านข้างๆ ยิ่งเป็นแม่นางอิงเถา ข้ายิ่งไม่ชอบ” น้องเล็กพูดออกมาเหมือนกับเก็บกดอะไรสักอย่าง ปกตินางเป็นคนไม่ค่อยพูด แสดงว่า นังชะนีหน้าวอกต้องว่ากล่าวอะไรให้นางเจ็บช้ำน้ำใจแน่ๆ
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ พ่อจะเข้าเมืองไปติดต่อหาช่างมาทำกำแพงก่อน ก็แล้วกัน"
“น้องรอง น้องสาม ฟืนได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว” หยางหลงเอ่ยถามน้องชายทั้งสอง
“เกือบเต็มโรงเก็บฟืนแล้วขอรับพี่ใหญ่” น้องสาม ตอบผู้เป็นพี่ชาย
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ น้องสามบังคับเกวียนลาพาท่านพ่อเข้าไปในเมืองก็แล้วกัน”
“ท่านปู่ขอรับ พวกข้าไปด้วยได้หรือไม่” หนิงมู่เฟย รีบเข้าไปอ้อนท่านปู่ทันที ก็เขาอยากกินถังหูลู่นี่นา
“ท่างปู่ข้าก็อยากไปขอยับ ให้ข้าไปด้วยนะขอยับ”
หนิงชิงหลงเดินเข้ามากอดขาท่านปู่พร้อมกับออดอ้อน คนเป็นปู่ก็ใจอ่อนยวบทันที
“ได้ๆหลงเอ๋อร์อยากไป ย่อมต้องได้ไป มู่เอ๋อร์ด้วย แล้วเจ้าล่ะฟงเอ๋อร์ ไม่อยากไปกับน้องๆเจ้ารึ” ท่านพ่อถามหลานชายคนโต ที่เป็นเด็กประหยัดคำพูดที่สุด
“ไม่ขอรับท่านปู่ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนท่านย่ากับอาเล็กขอรับ ถ้าไปกันหมด ไม่ใครดูแลท่านย่ากับท่านอา ขอรับ”
“โอ้ ฟงเอ๋อร์ของปู่โตแล้ว ช่างรู้ความยิ่งนัก เช่นนั้นก็เอาตามนี้”
“น้องรองพรุ่งนี้ เจ้าไม่ต้องไปหาฟืน ขึ้นเขาไปกับข้าและพี่สะใภ้เจ้าก็แล้วกัน”
“ขอรับพี่ใหญ่”
“เอาล่ะ แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ”
ท่านพ่อกล่าวจบ ทุกคนแยกย้ายกันไปทันที โดยมีหลงเอ๋อร์ตามไปนอนกับท่านปู่ด้วยวันนี้ ในบรรดาหลานทั้ง สามคน ชิงหลงติดท่านปู่ของเขามากที่สุด เพราะท่านปู่คอยตามใจเขาทุกเรื่อง ทำให้ ชิงหลง ชอบท่านปู่มาก
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว ท่านพ่อกับน้องสาม พ่วงด้วย มู่เฟยกับชิงหลง เข้าเมืองเพื่อติดต่อช่างมาทำกำแพงล้อมรอบที่ดิน ส่วนท่านแม่กับน้องเล็ก มีหน้าที่ทำ เนื้อตากแห้ง ปลาตากแห้ง และเนื้อรมควัน นางทำตามที่ลูกสะใภ้สอนทุกอย่าง เมื่อนำมาทำอาหารก็รสชาติดีกว่าเนื้อตากแห้งที่นางเคยกินมา
หยางหลง หานตง และเนี่ยหลิง เตรียมตัวขึ้นเขา ก่อนไปเนี่ยหลิงนางได้มอบหมายงานให้บุตรชายคนโต หาหญ้ามาให้วัวกิน ส่วนน้ำ ท่านอารองตักมาใส่ถังไว้แล้ว เขาแค่นำหญ้ามาวางให้วัว ทั้งสองตัวเท่านั้น ซึ่งเป็นงานที่ไม่ลำบากอะไร และเขาก็ชอบด้วย ที่ได้แบ่งเบาภาระท่านพ่อ ท่านแม่ เขาเป็นลูกชายคนโต เขาจึงอยากเป็นอย่างท่านพ่อ
หลังจากแจกแจงงานกันเสร็จแล้ว ทั้งสามคนก็เดินขึ้นเขาทันที ทั้งสามคนเดินขึ้นเขามา ก็พบเจอกับชาวบ้านที่เข้าป่าเพื่อไปหาของป่า ด้วยเช่นกัน ต่างก็ทักทายกันตามมารยาทเท่านั้น เพราะบ้านหนิงไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับบ้านใดเป็นพิเศษ เพราะไม่มีคนรู้จักในหมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ ท่านพ่อที่เมื่อครั้งยังอยู่ที่ตระกูลหนิง เมืองแห่งดอกไม้แดง ที่อยู่ถัดจากเมืองสายรุ้งไป เคยเดินทางมาค้าขายผ่านหมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อโดนขับไล่ออกจากตระกูลจึงได้พาครอบครัวมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านแห่งนี้
เดินขึ้นเขามาจนถึงป่าชั้นนอก มุ่งหน้าเข้าไปยังป่าชั้นกลางทันที ด้วยหวังว่าวันนี้ น่าจะมีสมบัติให้เก็บเกี่ยวบ้าง นี่นางไม่ได้โลภนะ แค่คิดว่ามันน่าจะมีอะไรที่ยังหลงเหลือให้นางได้เก็บเกี่ยวบ้าง ป่าชั้นกลางชาวบ้านไม่ค่อยกล้าจะเข้ามาเท่าไหร่ จะมีก็แต่พวกนายพรานที่มีฝีมือเก่งๆ เท่านั้น ในหมู่บ้านป่าหมอกมีไม่กี่ ครอบครัวเท่านั้นที่มี นายพรานที่เก่งกาจ แต่ภาพรวมของชาวบ้านหมู่บ้านป่าหมอก ถือว่าดีพอสมควร มีบ้างบางครอบครัวที่มีความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น
เมื่อทั้งสามคน เดินเข้ามาถึงป่าชั้นกลาง ทุกก้าวย่าง ต้องเดินอย่างระแวดระวัง พลางสอดส่ายสายตา มองหาสิ่งของที่สามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินหรือเป็นอาหารได้
“น้องหญิงวันนี้ไม่ต้องเข้าไปลึกมากนะ วันนี้พี่ว่าเรากลับให้เร็วหน่อย เพราะต้องไปเตรียมตัวไปบ้านพ่อตาแม่ยายอีก พี่ไม่อยากให้มีสิ่งใดตกหล่น ระยะทางจากหมู่บ้านป่าหมอกไปถึงหมู่บ้านหมื่นแสงแสนไม่ใช่ใกล้ๆ”
“เจ้าค่ะท่านพี่ วันนี้น่าจะได้อะไรติดไม้ติดมือลงไปบ้าง”
ในขณะที่ทั้งสามเดินเข้าป่าชั้นกลาง ไปเรื่อยๆ หนิงตงหมิงที่เดินคอยระวังภัยอยู่นั้นอยู่ๆก็หยุดเดินกระทันหัน ทำให้หยางหลงที่เดินตามหลังมาพลันหยุดเดินและถามผู้เป็นน้องชายถึงสาเหตุทันที
“น้องรองเจ้าหยุดทำไม มีอะไรเช่นนั้นรึ”
“ท่านพี่ พี่สะใภ้ ท่านช่วยบอกข้าที ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่” ว่าพลางชี้มือไปที่ ชะง่อนหินที่อยู่สูงเลยหัวไปไม่เท่าไหร่
“หือ นั่นใช่ปักษาเหมันต์ใช่หรือไม่ น้องหญิงเจ้ามาช่วยดูหน่อย”
“ใช่เจ้าค่ะท่านพี่ ถึงกับเป็นสมุนไพรวิญญาณแม้จะเป็นแค่สมุนไพรวิญญาณระดับต่ำ แต่ราคาไม่ได้ต่ำเลยนะเจ้าคะ แถมมีถึงห้าต้นด้วย”
“เช่นนั้นก็รีบเก็บกันเถอะจะได้ไปต่อ”
“ขอรับพี่ใหญ่” ตงหมิงรีบ ปีนไปเก็บสมุนไพร ทันที เมื่อเก็บสมุนไพรใส่ตะกร้าสะพายหลังแล้ว จึงได้รีบเดินต่อทันทีเดินมาได้สักพักใหญ่ๆ ทั้งสามเจอเข้ากับฝูงกวางที่ออกหากินอยู่ เนี่ยหลิงจึงได้ตกลงกับสามีและน้องสามีถึงแผนการล่ากวางป่าครั้งนี้
“ท่านพี่ น้องรอง พวกเรายิงพร้อมกันนะ ข้าจะยิงตัวตรงกลาง ส่วนท่านพี่ ยิงไปที่ตัวใหญ่ด้านซ้าย ระวังอย่าให้โดนลูกกวาง น้องรองเจ้ายิงตัวใหญ่ด้านขวา”
เมื่อจัดการแผนการล่าเสร็จสิ้น ทุกคนเดินย่องเข้าไปแอบหลังต้นไม้ใหญ่คนละต้น พร้อมกับน้าวสายธนู ออกไปพร้อมๆกัน ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก เมื่อลูกธนูกระทบเป้าหมาย กวางที่เนี่ยหลิงยิง ตายทันที ส่วน ตัวของสามี และน้องชาย พลาดเป้าจุดตาย ทั้งคู่รีบยิงซ้ำทันที ฝูงกวางที่เห็นเพื่อนตัวเองล้มลง ก็แตกกระเจิงเข้าป่าลึกทันที สองตัวที่บาดเจ็บ เนี่ยหลิงจัดการยิงซ้ำ ทำให้วันนี้ได้กวางทั้งสามตัว
“ท่านพี่ สัตว์จะล่าเพียงเท่านี้ เรารีบออกจากป่าชั้นกลางเถอะเจ้าค่ะ เผื่อโชคดี เราอาจจะเจอสัตว์ ที่ป่าชั้นนอกก็ได้”
เมื่อตกลงกันได้แล้ว ทั้งสามเดินออกจากป่าชั้นกลางทันที หยางหลงและน้องชาย มัดขากวาง และหาไม้มาสอดหามกวางป่าลงจากเขาทันที ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอากวางทั้งสามตัวลงจากเขา ทั้งสาม รีบเร่งเดินให้พ้นเขตป่าชั้นกลาง เมื่อมาถึงป่าชั้นนอก จึงพากันนั่งพักดื่มน้ำ และอาหารที่นำมาจากบ้าน เมื่อหายเหนื่อยแล้วจึงเดิน ต่อทันที ทั้งสามไม่ได้แวะเก็บเห็ดเหมือนทุกครั้ง ต่างเร่งรีบเพื่อที่จะพ้นเขตป่าให้เร็วที่สุด