“แต่คุณกำลังเข้าใจติ๊กผิดนะ เด็กในท้องของจ๋าไม่ใช่ลูกของผม ผมแค่สงสารก็เลยอยากจะรับอุปถัมภ์เอาไว้ก็เท่านั้นเอง ไม่เชื่อคุณก็ถามจ๋าเขาดูสิ” ธนายุทธคลี่ยิ้มยินดีเมื่อเห็นคนรักยอมหันกลับมามอง เขากางแขนออกเมื่อเธอก้าวขึ้นบันไดมาหา เพราะคิดว่าเธอหลงเชื่อคำพูดของตนจึงน้ำตาริน
ฉาด! ฉาด!
แต่เขาคิดผิดถนัด ร่างสูงใหญ่ของเขาถึงกับเซตามแรงมือของเธอ ได้ลิ้มลองรสเลือดเค็มๆ ที่อยู่ในปาก
“ไอ้หน้าตัวเมีย” เธอแค่นเสียงลอดไรฟันทั้งน้ำตา “ฉันมันโง่ที่ไปรักผู้ชายหน้าตัวเมียอย่างนาย แต่ก็ยังโชคดีที่ได้รู้ความจริงก่อนจะถึงวันแต่งงาน”
ธนายุทธโกรธที่ถูกหญิงสาวที่กำลังจะแต่งงานด้วยตราหน้าว่าเป็นหน้าตัวเมีย แต่เขาก็พยายามข่มอารมณ์ไว้จนถึงที่สุด เพราะถึงอย่างไรเขาก็รักเธอมากที่สุด ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ตัดสินใจเลือกเธอเป็นภรรยาแน่นอน
“ติ๊กไม่ยกเลิก ต่อให้หงส์เกลียดโกรธติ๊กแค่ไหนติ๊กก็จะแต่งงานกับหงส์ เพราะติ๊กรักหงส์”
“ความรักของนายมันไม่ทำให้ผู้หญิงอย่างฉันปลื้มจนตาบอดหรอกนะ ต่อให้นายรักฉันจนตายแทนฉันได้ ฉันก็รับการกระทำที่เรียกว่านอกใจของนายไม่ได้หรอก” เธอเจ็บปวดกับคำว่ารักของเขาเหลือเกิน ในตอนนี้มันไม่ได้ทำให้หัวใจพองโตเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว
“ติ๊กสัญญาว่าติ๊กจะเลิกกับผู้หญิงทุกคน ถ้าหงส์ให้โอกาสติ๊ก”
ใจเธอเจ็บปวดซ้ำสองกับคำขอร้องของเขา เพราะมันทำให้เธอเข้าใจได้ทันทีว่านอกจากนักศึกษาคนนี้แล้วเขายังมีผู้หญิงอื่นอีก
“โอกาสของนายหมดตั้งแต่สิบนาทีที่ผ่านมาแล้ว”
“โธ่หงส์ ขอโอกาสผมสักครั้งนะครับ” ธนายุทธยังมั่นใจว่าเธอทำไปทั้งหมดเพราะความโกรธ ถ้าเขาง้อหนักๆ เข้าเดี๋ยวเธอก็ต้องใจอ่อน
“ฉันให้โอกาสนายได้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องที่นายนอกใจฉัน จำคำพูดของฉันใส่สมองของนายไว้ด้วย” แล้วเธอก็หมุนตัวเดินจากไปทันที ไม่สนใจอดีตคนรักที่เดินตามหลังมาเงียบๆ
เดินมาถึงรถก็เปิดประตูขึ้นไปลองสตาร์ทดูอีกครั้ง แต่มันยังมีอาการเหมือนเดิมจึงหยิบกระเป๋าสะพายลงจากรถ
“ให้ผมไปส่งนะหงส์” ธนายุทธจับมือของคนรักไว้ก่อนที่เธอจะเดินไป
“ไม่ต้องยุ่ง”
“หงส์” เขาไม่เลิกตามตื๊อถึงแม้จะโดนเธอตะโกนใส่หน้า
“ไสหัวไปซะ เราจบกัน” โบกมือเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่เหลืออยู่เพียงคันเดียว ก้าวขึ้นนั่งแล้วบอกสถานที่ “ไปหน้าโรงเรียนนายร้อยค่ะ”
“ผมไม่ยอมจบเพียงแค่นี้หรอกนะหงส์ ผมจะไม่ยกเลิกงานแต่งงานของเราเด็ดขาด” ธนายุทธบอกกับหญิงสาวที่ซ้อนอยู่บนท้ายรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
“ให้ฉันตายซะยังดีกว่าถ้าต้องแต่งงานกับนาย รีบไปเลยค่ะพี่” เธอไม่อยากจะฟังไม่อยากได้ยินคำพูดของเขาอีก จึงเร่งเร้าคนขี่มอเตอร์ไซค์ให้รีบไป
ชายหนุ่มมองตามคนรักที่ห่างออกไปเรื่อยๆ แล้วตัดสินใจหันหลังเดินกลับเข้าที่พักเพื่อตั้งหลัก
เอี๊ยดดด..ดด..ดด.... โครมมมม...มม..!!!
เสียงรถเบรกที่ดังสนั่นหวั่นไหวทำให้ธนายุทธรีบหันไปมอง.. หัวใจแทบจะหลุดลอยไปจากหัวอก เมื่อเห็นรถสิบล้อบรรทุกดินคันหนึ่ง ชนรถมอเตอร์ไซค์คันที่คนรักของตนนั่งซ้อนไปกับตา ทั้งรถและคนกระเด็นลอยไปคนละทิศละทาง ก่อนจะกระแทกตกลงบนพื้นแล้วกลิ้งตกไปที่ข้างทาง
“หงส์!!!” สองขายาวแกร่งแบบนักกีฬาออกวิ่ง พร้อมกับเสียงเรียกอันตื่นตระหนกสุดเสียง
โรงพยาบาล
“ลูกสาวผมปลอดภัยแล้วใช่ไหมครับคุณหมอ” ไช่ถินถามหมอที่เดินออกมาจากห้องไอซียูด้วยความร้อนใจ
“คนเจ็บอาการโคม่านะครับคุณพ่อ ทางที่ดีญาติๆ ควรทำใจไว้ด้วยนะครับ” นายแพทย์สูงวัยบอกกับครอบครัวของลูกศิษย์อย่างตรงไปตรงมาด้วยน้ำเสียงที่เศร้าใจ
“อาการหนักขนาดนั้นเลยเหรอคะอาจารย์” อารียาถามเสียงสั่น พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หลั่งน้ำตาออกมา
“อาการของพี่สาวเธอคงต้องพึ่งปาฏิหาริย์เท่านั้นถึงจะฟื้นขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าหมอจะช่วยสุดความสามารถแล้วก็ตาม”
บิดาผู้รักลูกสาวสุดหัวใจร่างสั่นเทา หัวใจแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ถ้าไม่มีธนายุทธกับลูกชายคนโตประคองไว้ ร่างสูงใหญ่ของเขาคงลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นแล้ว
“ลูกสาวของผมต้องปลอดภัย เธอกำลังจะแต่งงาน เธอกำลังมีความสุขมากๆ เธอจะยอมทิ้งความสุขไปแบบนี้ได้อย่างไร”
“หมอไม่อยากให้ความหวังแบบลมๆ แล้งๆ นะครับคุณพ่อ” หมอใหญ่มองดูบิดาของลูกศิษย์ด้วยความเห็นใจอย่างที่สุด แต่เขาก็ช่วยสุดความสามารถแล้วจริงๆ “คนเจ็บโดนชนอย่างแรงจนภายในบอบช้ำเกือบทั้งหมด แล้วยังตกลงไปในร่องน้ำข้างทางอีก ตอนนี้ระบบหายใจของเธอทำงานได้แค่ห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นนะครับ ถ้าเราถอดเครื่องช่วยหายใจออก”
“อย่าถอดนะครับคุณหมอ ได้โปรดช่วยให้ลูกของผมได้หายใจต่อไปนะครับ ผมเชื่อว่าเธอต้องฟื้น เธอจะไม่ทิ้งผมไปแบบนี้เด็ดขาด เธอต้องกลับมาหาพ่อที่รักเธอมากที่สุดคนนี้ ได้โปรดนะครับคุณหมอ ผมขอร้อง” บิดาในวัยหกสิบสองปีคุกเข่ากับพื้น “ผมขอร้อง”
อาจารย์หมอรีบย่อตัวดึงอีกฝ่ายขึ้นมา “ลุกขึ้นก่อนนะครับคุณพ่อ”
“เราจะย้ายคนเจ็บได้ไหมคะอาจารย์” อารียาถามอาจารย์ของตน เพราะอยากให้พี่สาวไปอยู่โรงพยาบาลที่ตัวเองทำงาน จะได้มีเวลาดูแลได้เต็มที่กว่านี้
“เธอไม่เชื่อใจอาจารย์ของเธอเหรออารียา”
“ไม่ใช่ค่ะอาจารย์ หนูแค่อยากดูแลพี่สาวอย่างใกล้ชิดเท่านั้น”
“ถ้าอยู่ที่นี่พี่เธออาจจะอยู่ได้อีกสามวัน แต่ถ้าย้ายไปอาจจะอยู่ได้แค่วันเดียว เธอเลือกเอาก็แล้วกันว่าต้องการแบบไหน” อาจารย์หมอผู้ผ่านชีวิตมามาก เห็นการสูญเสียมาเกือบทุกรูปแบบบอกกับลูกศิษย์คนโปรด จากนั้นจึงเอื้อมมือไปตบบ่าบอบบางคล้ายปลอบใจ “อาจารย์จะดูแลพี่สาวของเธออย่างดี ถ้าเธอเชื่อใจอาจารย์ก็ไม่ต้องย้ายพี่เธอไปหรอก”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์” อารียายกมือไหว้อย่างนอบน้อม
บทส่งท้าย (ตอนที่ 2)ตอนนั้นนายหญิงของนางแทบจะพลิกแคว้นหม่าตามหาลูกเหมือนคนบ้า หาในแคว้นหม่าไม่เจอก็ยังกลับไปที่เมืองหลวงของต้าหมิง เพื่อไปถามเกาอ๋องและชายาของเขาว่ารู้เห็นกับเรื่องนี้หรือไม่คุกเข่าขอความเมตตาขอลูกคืนจากเขา ขอโทษสำหรับเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดที่เคยทำไว้กับครอบครัวเขา เพราะคิดว่าพวกเขาขโมยลูกของนางไป แต่สุดท้ายฝ่ายนั้นก็ยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีส่วนรู้เห็นใด ๆ ตั้งแต่วันที่นางหนีออกไปจากจวน ถ้าไม่เชื่อก็ให้คนค้นจวนได้เลยด้วยความเป็นห่วงลูกน้อย นางจึงทำตามที่เกาอ๋องบอกอย่างไม่กริ่งเกรงใจ ค้นหาทั่วทุกซอกทุกมุมอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่เจอ นางจึงคว้าน้ำเหลวกลับมาอีกครั้งกลับมาจากเมืองหลวงนางก็เอาแต่เศร้าโศกเสียใจอยู่เป็นปี แต่ก็ยังส่งคนคอยตามสืบตามหาคุณหนูอันอันจนทุกวันนี้ก็ยังไม่เลิก ด้วยหวังว่าจะได้เจอนางในสักวันความเศร้าโศกเสียใจของนางในครั้งนั้นเดือดร้อนถึงฮ่องเต้และฮองเฮาของแคว้นหม่า ต้องเรียกนางเข้าไปพบและพูดคุยให้สติ เยียวยาจิตใจนางด้วยคำพูดและความหวังจากนั้นนา
บทส่งท้าย (ตอนที่1)สิบสองปีผ่านไป“ซินเอ๋อร์”“เจ้าค่ะท่านพ่อ” สาวน้อยวัยสิบสองขานรับคำเรียกบิดาแล้วรีบวิ่งออกจากกระท่อม “โอ้ว! น่ารักจังเลยท่านพ่อ” บอกบิดาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี รีบเอาลูกสุนัขที่ท่านอุ้มไว้มาอุ้มแทน “มันชื่ออะไรหรือเจ้าคะ”“พ่อหามาให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่ลูก ลูกตั้งชื่อตามใจลูกได้เลย”“เช่นนั้นลูกขอตั้งชื่อมันว่าซิงน้อยได้หรือไม่เจ้าคะ ลูกอยากให้มันเป็นน้องชายของลูกมากกว่าสัตว์เลี้ยงเจ้าค่ะ”“แต่พ่อไม่ค่อยชอบชื่อนี้เลย” อาซิงหรือในอดีตที่มีชื่อว่าตงไห่ทำท่าไม่เห็นด้วย แต่ก็ยังยิ้มอ่อนโยนให้ลูกสาว “เพราะมันบังอาจชื่อเหมือนลูกสาวคนเดียวของพ่อ”“เช่นนั้นลูกเปลี่ยนเพื่อท่านพ่อก็ได้” เด็กน้อยยอมเปลี่ยนใจง่ายดายเพื่อท่านพ่อของนาง“เจ้าไม่เสียใจหรือลูกซิน”“ไม่เลยเจ้าค่ะ ลูกเป็นลูกของท่านพ่อ สิ่งไหนที่ทำให้
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเจ้านะ เอาไว้ข้าจะให้ป้าเซียวทำอาหารแห้งมาฝากเจ้าด้วยก็แล้วกัน”“ขอบคุณลุงเซียวมาก ข้าซาบซึ้งยิ่งนัก”“มีเด็กก็ต้องมียาติดบ้านไว้บ้างนะ บ้านข้าก็มีลูกอ่อนเหมือนเจ้า เดี๋ยวข้าจะให้เมียข้าฝากป้าเซียวมาให้นะ”“ขอบคุณพี่ชายมาก” ตงไห่กล่าวอย่างซาบซึ้งน้ำใจ แต่ความจริงเขาก็มียาหลายเทียบติดตัวมาแล้ว“พวกข้าไปก่อนนะอาซิง มีอะไรก็ไปบอกพวกเราได้ตลอดนะ ไม่ต้องเกรงใจ”ตงไห่พยักหน้ารับ ยืนส่งจนพวกเขาเดินจากไปไกลจึงเดินเข้าไปในกระท่อมเขาเดินไปที่เปลที่มีทารกเพศหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มนอนหลับสบายอุรา ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนใด ๆ“ลูกเอ๋ย พ่ออยากฆ่าแม่ของเจ้านัก แต่เห็นแก่ความดีที่นางยอมคลอดเจ้าออกมา พ่อจึงไว้ชีวิตนาง ให้นางได้อาศัยอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีความทุกข์ไปตลอดชีวิตแทน ส่วนเจ้า..พ่อขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องกำพร้าแม่ ต่อจากนี้ไปเราสองคนจะเป็นคนใหม่ พ่อไม่ใช่ตงไห่แต่เป็นอาซิง ส่วนเจ้าไม่ใช่ลูกหลานตระกูลฉง
ฉงเถียนค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก แข้งขาแทบไม่มีแรงแต่ก็ยังฝืนประคองตัวเอาไว้ แล้วเดินโซซัดโซเซออกไปจากห้องตามหลังเสี่ยวผิงยืนมองสาวใช้ที่กำลังไล่ถามทุกคนในร้านด้วยความร้อนใจ แต่ทุกคนต่างก็ส่ายหน้าให้นาง“ทุกคนฟังทางนี้” นางรวบรวมเรี่ยวแรงแล้วตะเบ็งเสียงออกไปอย่างดังที่สุดเท่าที่ทำได้ เห็นทุกสายตามองมาก็พอใจยิ่ง “เมื่อคืนนี้ลูกสาวที่เพิ่งเกิดของข้าหายไปจากห้อง ถ้าใครสามารถชี้เบาะแสแก่ข้าได้ ข้าจะมอบบ้านและเงินให้เป็นรางวัล” พูดพร้อมกับชูตราประจำตระกูลขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนเชื่อมั่นเสียงของคนในโรงเตี๊ยมดังระเบ็งเซ็งแซ่แทบจะทันทีเมื่อได้ยินและได้เห็นป้ายที่หญิงสาวถือไว้“ท่านคือธิดาของแม่ทัพฉงเหรอ” ชาวบ้านผู้หนึ่งตะโกนถามสตรีที่ยืนอยู่ชั้นบนของโรงเตี๊ยม“ใช่ ข้ามีนามว่าฉงเถียน เป็นธิดาเพียงคนเดียวของฉงเฉิน แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ของแคว้นนี้ ถ้าใครให้เบาะแสแก่ข้าได้ ท่านสามารถเลือกเอาได้เลยว่าอยากมีบ้านอยู่ในเมืองไหน ข้าจะเนรมิตให้ท่านทันที&rdquo
น้ำตาสาวใช้เอ่อล้นตา ต่อให้อีกฝ่ายใช้คำพูดสวยหรูเพียงใด นางก็ไม่สบายใจเลยสักนิด แต่ก็ยอมพยักหน้ารับคำขอ“ได้เจ้าค่ะ บ่าวสัญญาว่าจะเลี้ยงดูคุณหนูอย่างดีที่สุด”“ขอบใจมากนะเสี่ยวผิง” ฉงเถียนยิ้มกว้างด้วยความสบายใจ มองสาวใช้ด้วยความซาบซึ้ง ‘ข้าจะไม่ให้เจ้ากับลูกของข้าต้องอยู่อย่างลำบากหรอก ข้าจะต้องพาพวกเจ้ากลับถึงจวนของบิดาข้าให้ได้ ข้าถึงจะยอมตาย’ คิดในใจโดยไม่พูดออกไปเมื่อทำสำเร็จอย่างที่ตั้งใจแล้ว ต่อให้ตงไห่หรือคนของเกาอ๋องตามมาเอาชีวิต นางก็ยินดีก้มรับชะตากรรม“ท่านหญิง บ่าวขอถามได้หรือไม่ เหตุใดท่านจึงต้องแบกท้องแก่หนีมายังแคว้นหม่าด้วย ทำไมไม่คลอดลูกที่จวนเกาอ๋องเล่า ก่อนหน้านี้บ่าวเคยชวนท่านหนีท่านก็ไม่เห็นด้วย ยืนกรานว่าจะคลอดลูกที่จวนเกาอ๋องให้ได้ แต่ทำไมตอนหลังถึงเปลี่ยนใจง่ายดาย”“.....” ถึงแม้จะคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องถูกถาม แต่มันก็ยากที่ต้องตอบความจริงออกไป ฉงเถียนจึงได้แต่นิ่งเงียบเหมือนคนเป็นใบ้ไปชั่วขณะ
“หยุดพูดเรื่องนี้กันเถิดเจ้าค่ะ บ่าวยอมพาท่านเสี่ยงชีวิตข้ามแดนมาคลอดลูกที่แคว้นของเราแล้ว ต่อไปนี้ก็เชื่อฟังบ่าวบ้างเถิดนะเจ้าคะ” เมื่ออยู่ในแคว้นบ้านเกิดแล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องพูดจาปกปิดฐานะเพราะกลัวใครจะจับได้อีก“แต่ข้ายังไม่สบายใจจนกว่าจะกลับถึงบ้านของข้า”“ท่านหญิงกำลังกลัวอะไรกันแน่ บอกให้บ่าวเข้าใจหน่อยเถิด” เสี่ยวผิงเริ่มสงสัย“เปล่าหรอก ข้าก็แค่อยากพาลูกกลับบ้าน จะได้มีแม่นมช่วยดูแลนางเร็ว ๆ ก็เท่านั้น” ฉงเถียนสร้างเรื่องโกหก“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้าได้ใช้พิราบสื่อสารส่งข่าวไปทางบ้านแล้ว อีกไม่เกินสามถึงสี่วัน คนของเราน่าจะมาถึงที่นี่ ก็น่าจะเป็นเวลาที่ท่านรักษาตัวจนแข็งแรงพอที่จะเดินทางได้พอดี และข้ายังได้บอกให้พวกเขาพาแม่นมมาด้วย”“..เจ้าช่างรอบคอบนัก ขอบใจนะเสี่ยวผิง” เจอความรอบคอบของสาวใช้ นางก็จนปัญญาจะแต่งเรื่องมาโกหก จึงได้แต่ดื่มยาในถ้วยจนหมด“อมบ๊วยแก้ขมสักหน่อยนะเจ้าค