Share

5

last update Last Updated: 2025-07-17 14:57:36

รนิดาสะกดรอยตามคนรักมาครบสามวันแล้ว แต่สิ่งที่ได้มายังไม่มากพอที่จะเป็นข้อกล่าวหาว่าเขานอกใจตนได้เต็มร้อย แต่ก็ยังไม่ถอดใจซะทีเดียว แต่วันนี้ต้องพักเรื่องของเขาเอาไว้เพราะติดภารกิจต้องไปรับบิดาที่สนามบิน

“อะไรคะเตี่ย” รนิดารับของฝากจากบิดาเหมือนเช่นน้องสาวคนอื่นๆ แต่ที่ถามออกไปเพราะนอกจากแหวนกับกำไลหยกเข้าคู่กันแล้ว ของเธอพิเศษตรงที่มีหนังสือเก่าๆ อีกเล่มหนึ่งเป็นของฝากด้วย

“เตี่ยเก็บหนังสือเล่มนี้ได้ตอนที่ออกจากพระราชวังกู้กง ถามหาเจ้าของก็ไม่มี เตี่ยเห็นว่ามันเป็นนิยายก็เลยเอามาฝากลูกให้ลูกอ่าน” เพราะรู้ดีว่าลูกสาวคนนี้ชอบอ่านหนังสือนิยาย เขาจึงนำหนังสือที่เก็บได้มาฝากเธอ ถึงแม้สภาพของมันจะบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเป็นหนังสือเก่ามากๆ แล้วก็ตาม

“หงส์ชอบอ่านแนวทะเลทรายอย่างเดียวจ้ะเตี่ย แนวอื่นหงส์ไม่อ่านหรอก”

“อ่านไปเถอะลูก บางทีนิยายจีนอาจจะสนุกกว่านิยายทะเลทรายของลูกก็ได้นะ”

“แต่มันเป็นภาษาจีนนี่จ๊ะเตี่ย”

“ลูกก็เก่งภาษาจีนพอๆ กับภาษาไทยไม่ใช่เหรอ” นี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่เขาภูมิใจในตัวลูกสาวคนโตที่สุด เพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียวในบรรดาห้าคน ที่มีพรสวรรค์เกี่ยวกับภาษาจีนมากที่สุด เธอสามารถอ่านเขียนภาษาจีนได้มากพอๆ กับตน ผิดกับลูกคนอื่นที่พอจะพูดโต้ตอบกับตนได้บางคำเท่านั้น

“เตี่ยเขาให้อ่านก็อ่านเถอะเจ๊ มันอาจจะสนุกกว่าชีคของเจ๊ก็ได้” น้องสาวคนที่สองกล่าวเอาใจบิดา หลังจากนั้นคนอื่นๆ ก็ช่วยกันพูดอีกคนละคำสองคำ

“เออๆๆ เดี๋ยวเจ๊จะลองอ่านดูก็แล้วกัน เมื่อคืนเพิ่งอ่านชีคอัมรานจบไปพอดี ถ้าสนุกเดี๋ยวจะแปลลงเว็บเลยดีป่ะ”

“ถ้ามีคนติดตามอ่านเยอะ เจ๊ก็ติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์แล้วเอามาแปลขายเลยสิ” น้องสาวคนที่สี่เสนอ

“ก็ดีเหมือนกันนะ” เธอทำเป็นเห็นด้วยก่อนจะกลั้วหัวเราะอย่างมีความสุข เก็บหนังสือนิยายเล่มขนาดเอสี่ใส่กระเป๋าสะพายใบโตของตนเอง.. จากนั้นจึงเรียกพนักงานร้านอาหารเช็กบิลและพาบิดาแยกจากน้องๆ เพื่อเดินทางกลับบ้านแพ้ว

หลังจากเว้นว่างการติดตามข้อมูลในวันที่สี่ ในวันที่ห้าวันนี้เธอจึงกลับมาสะกดรอยเขาอีกครั้ง

แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม หลังจากสอนหนังสือเสร็จเขาก็มักจะแวะดื่มกับเพื่อนๆ ไม่ซ้ำหน้า ประมาณเที่ยงคืนไม่เกินตีหนึ่งก็จะขับรถกลับที่พัก นับเป็นความรู้ใหม่ที่ค้นพบว่าเขาคือหนุ่มสังคมคนหนึ่ง เพราะเข้าใจผิดมาตลอดว่าเขามักจะหมกมุ่นอยู่กับการทำรายงานเพื่อคว้าปริญญาเอก

วันที่ห้า วันที่หก วันที่เจ็ด วันที่แปดและวันที่เก้าผ่านไป จวบจนกระทั่งถึงวันที่สิบ

วันนี้เธอขับรถตามเขามาจนถึงห้องพัก แล้วเตรียมตัวจะวนรถกลับเหมือนทุกวัน แต่อยู่ดีๆ รถของเธอก็เกิดดับขึ้นมาดื้อๆ สตาร์ทอย่างไรก็ไม่ติด

“เป็นอะไรของมันนะ” เริ่มบ่นอย่างหงุดหงิดแล้วเปิดประตูลงไปตามคนรักให้ช่วยมาดูรถให้

“ลิฟต์เสียค่ะพี่ เมื่อกี้ไฟดับ ลิฟต์มันก็เลยค้าง” เจ้าหน้าที่ของหอพักบอกกับรนิดาที่กำลังจิ้มๆ ตรงปุ่มขึ้นลง

“ขอบคุณค่ะ” เธอรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันซวยที่สุดในรอบปีของตัวเอง จำใจต้องเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสี่ด้วยสองเท้า เพราะคนรักของเธอไม่ยอมรับโทรศัพท์อีกแล้ว เธอเดินผ่านชั้นหนึ่ง ชั้นสองและขึ้นสู่ชั้นที่สามอย่างสบายๆ แต่ยังไม่ทันก้าวเท้าขยับต่อไปที่บันไดขึ้นสู่ชั้นสี่ หูก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยอันเคร่งเครียดของชายหนุ่มคนหนึ่งแว่วเข้ามา

“จะให้ผมทำยังไง ในเมื่อผมก็บอกจ๋าแต่แรกแล้วว่าเรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ ผมมีผู้หญิงที่จะแต่งงานด้วยแล้ว”

“แต่อาจารย์บอกว่าอาจารย์รักจ๋านี่คะ ส่วนอาจารย์หงส์เป็นแค่ความรับผิดชอบที่อาจารย์จำใจ”

“ถึงยังไงผมก็เลือกแต่งงานกับหงส์มากกว่าจ๋า เราจบกันแค่นี้เถอะ”

“ทำไมอาจารย์มาตัดรอนจ๋าแบบนี้ล่ะคะ แล้วอนาคตของจ๋าล่ะ”

“ผมจะส่งเสียเลี้ยงดูจ๋าเองจนกว่าจะเรียนจบตกลงไหม”

“ไม่ตกลงค่ะ อาจารย์จะให้จ๋าแบกท้องเรียนหนังสือไปด้วยเหรอคะ”

“ก็ผมบอกว่าให้จ๋าไปเอาออกแล้วไง ถ้าจ๋าไม่อยากเอาออกก็พักการเรียนไปคลอดลูกให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยกลับมาเรียนใหม่ ส่วนเรื่องลูกผมจะรับผิดชอบเอง”

“อาจารย์ยอมรับลูกของเราแล้วเหรอคะ”

“ก็ไม่ได้อยากจะยอมรับหรอกนะ แต่ในเมื่อจ๋าค้านหัวชนฝาว่าจะไม่ทำแท้ง ผมก็ต้องหาทางออกอื่นมาทดแทน”

“อาจารย์จะทำอะไรกับลูกของเราคะ”

“เรื่องนั้นจ๋าไม่ต้องรู้หรอก แต่ผมรับรองว่าเขาจะถูกเลี้ยงดูอย่างดี ขอเพียงแค่จ๋าอย่ามายุ่งกับผมอีกก็พอ”

“ไม่! จ๋าไม่ยอม จ๋าต้องได้เป็นเมียของอาจารย์อย่างถูกต้องเท่านั้นจ๋าถึงจะยอม”

“จะตะโกนทำไมล่ะ”

“ก็ตะโกนให้ทุกคนในที่นี่ได้รู้ไปเลยไงคะ ว่าจ๋าเป็นเมียของอาจารย์และเรากำลังจะมีลูกด้วยกัน”

ธนายุทธกระชากแขนเรียว “ไปคุยกันที่ห้อง” ตะคอกเสียงเครียดลอดไรฟัน ดึงเธอไปที่ห้องพัก

“ไหนๆ ก็คุยมาตั้งเยอะแล้วก็คุยให้มันจบตรงนี้ไปเลยดีกว่า”

เสียงที่สามที่แทรกขึ้นมาทำให้สันหลังของธนายุทธเย็นวาบ เขาหันกลับไปมองด้วยลักษณะที่เรียกได้ว่าศีรษะแทบเคล็ด เบิกตาโตเต็มขนาดด้วยความตกใจ

“หงส์!”

“อาจารย์หงส์!”

“ฉันขอยกเลิกงานแต่งงาน นายกับฉันขาดกันตั้งแต่วันนี้” เธอไม่สนอาการไก่ตื่นของหญิงร้ายชายเลวคู่นี้ พูดจบก็สะบัดหน้าเดินจากไปโดยไม่ยอมให้น้ำตาที่แทบจะทะลักออกมาให้คนทั้งคู่ได้เห็น

“หงส์ฟังติ๊กก่อน ติ๊กอธิบายได้นะ”

“หยุดอยู่แค่นั้นเลยนะ! อย่าให้ฉันต้องเกลียดนายมากไปกว่านี้เลย” เธอตะคอกเสียงเครียดโดยไม่หันไปมองทางด้านหลัง เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังวิ่งตามลงมา “ไม่ต้องอธิบายอะไรให้ฉันฟังทั้งนั้น นายไปจัดการชีวิตอันบัดซบของนายให้ได้ก่อนที่เรื่องมันจะไปถึงหูของอธิการบดีเถอะ ฉันไม่อยากให้นายต้องตกงาน เดี๋ยวจะไม่มีปัญญาเลี้ยงดูลูกที่กำลังจะลืมตามาดูโลก”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สลักรักอ๋องนักรบ   จบบริบูรณ์

    บทส่งท้าย (ตอนที่ 2)ตอนนั้นนายหญิงของนางแทบจะพลิกแคว้นหม่าตามหาลูกเหมือนคนบ้า หาในแคว้นหม่าไม่เจอก็ยังกลับไปที่เมืองหลวงของต้าหมิง เพื่อไปถามเกาอ๋องและชายาของเขาว่ารู้เห็นกับเรื่องนี้หรือไม่คุกเข่าขอความเมตตาขอลูกคืนจากเขา ขอโทษสำหรับเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดที่เคยทำไว้กับครอบครัวเขา เพราะคิดว่าพวกเขาขโมยลูกของนางไป แต่สุดท้ายฝ่ายนั้นก็ยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีส่วนรู้เห็นใด ๆ ตั้งแต่วันที่นางหนีออกไปจากจวน ถ้าไม่เชื่อก็ให้คนค้นจวนได้เลยด้วยความเป็นห่วงลูกน้อย นางจึงทำตามที่เกาอ๋องบอกอย่างไม่กริ่งเกรงใจ ค้นหาทั่วทุกซอกทุกมุมอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่เจอ นางจึงคว้าน้ำเหลวกลับมาอีกครั้งกลับมาจากเมืองหลวงนางก็เอาแต่เศร้าโศกเสียใจอยู่เป็นปี แต่ก็ยังส่งคนคอยตามสืบตามหาคุณหนูอันอันจนทุกวันนี้ก็ยังไม่เลิก ด้วยหวังว่าจะได้เจอนางในสักวันความเศร้าโศกเสียใจของนางในครั้งนั้นเดือดร้อนถึงฮ่องเต้และฮองเฮาของแคว้นหม่า ต้องเรียกนางเข้าไปพบและพูดคุยให้สติ เยียวยาจิตใจนางด้วยคำพูดและความหวังจากนั้นนา

  • สลักรักอ๋องนักรบ   140

    บทส่งท้าย (ตอนที่1)สิบสองปีผ่านไป“ซินเอ๋อร์”“เจ้าค่ะท่านพ่อ” สาวน้อยวัยสิบสองขานรับคำเรียกบิดาแล้วรีบวิ่งออกจากกระท่อม “โอ้ว! น่ารักจังเลยท่านพ่อ” บอกบิดาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี รีบเอาลูกสุนัขที่ท่านอุ้มไว้มาอุ้มแทน “มันชื่ออะไรหรือเจ้าคะ”“พ่อหามาให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่ลูก ลูกตั้งชื่อตามใจลูกได้เลย”“เช่นนั้นลูกขอตั้งชื่อมันว่าซิงน้อยได้หรือไม่เจ้าคะ ลูกอยากให้มันเป็นน้องชายของลูกมากกว่าสัตว์เลี้ยงเจ้าค่ะ”“แต่พ่อไม่ค่อยชอบชื่อนี้เลย” อาซิงหรือในอดีตที่มีชื่อว่าตงไห่ทำท่าไม่เห็นด้วย แต่ก็ยังยิ้มอ่อนโยนให้ลูกสาว “เพราะมันบังอาจชื่อเหมือนลูกสาวคนเดียวของพ่อ”“เช่นนั้นลูกเปลี่ยนเพื่อท่านพ่อก็ได้” เด็กน้อยยอมเปลี่ยนใจง่ายดายเพื่อท่านพ่อของนาง“เจ้าไม่เสียใจหรือลูกซิน”“ไม่เลยเจ้าค่ะ ลูกเป็นลูกของท่านพ่อ สิ่งไหนที่ทำให้

  • สลักรักอ๋องนักรบ   139

    “ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเจ้านะ เอาไว้ข้าจะให้ป้าเซียวทำอาหารแห้งมาฝากเจ้าด้วยก็แล้วกัน”“ขอบคุณลุงเซียวมาก ข้าซาบซึ้งยิ่งนัก”“มีเด็กก็ต้องมียาติดบ้านไว้บ้างนะ บ้านข้าก็มีลูกอ่อนเหมือนเจ้า เดี๋ยวข้าจะให้เมียข้าฝากป้าเซียวมาให้นะ”“ขอบคุณพี่ชายมาก” ตงไห่กล่าวอย่างซาบซึ้งน้ำใจ แต่ความจริงเขาก็มียาหลายเทียบติดตัวมาแล้ว“พวกข้าไปก่อนนะอาซิง มีอะไรก็ไปบอกพวกเราได้ตลอดนะ ไม่ต้องเกรงใจ”ตงไห่พยักหน้ารับ ยืนส่งจนพวกเขาเดินจากไปไกลจึงเดินเข้าไปในกระท่อมเขาเดินไปที่เปลที่มีทารกเพศหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มนอนหลับสบายอุรา ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนใด ๆ“ลูกเอ๋ย พ่ออยากฆ่าแม่ของเจ้านัก แต่เห็นแก่ความดีที่นางยอมคลอดเจ้าออกมา พ่อจึงไว้ชีวิตนาง ให้นางได้อาศัยอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีความทุกข์ไปตลอดชีวิตแทน ส่วนเจ้า..พ่อขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องกำพร้าแม่ ต่อจากนี้ไปเราสองคนจะเป็นคนใหม่ พ่อไม่ใช่ตงไห่แต่เป็นอาซิง ส่วนเจ้าไม่ใช่ลูกหลานตระกูลฉง

  • สลักรักอ๋องนักรบ   138

    ฉงเถียนค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก แข้งขาแทบไม่มีแรงแต่ก็ยังฝืนประคองตัวเอาไว้ แล้วเดินโซซัดโซเซออกไปจากห้องตามหลังเสี่ยวผิงยืนมองสาวใช้ที่กำลังไล่ถามทุกคนในร้านด้วยความร้อนใจ แต่ทุกคนต่างก็ส่ายหน้าให้นาง“ทุกคนฟังทางนี้” นางรวบรวมเรี่ยวแรงแล้วตะเบ็งเสียงออกไปอย่างดังที่สุดเท่าที่ทำได้ เห็นทุกสายตามองมาก็พอใจยิ่ง “เมื่อคืนนี้ลูกสาวที่เพิ่งเกิดของข้าหายไปจากห้อง ถ้าใครสามารถชี้เบาะแสแก่ข้าได้ ข้าจะมอบบ้านและเงินให้เป็นรางวัล” พูดพร้อมกับชูตราประจำตระกูลขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนเชื่อมั่นเสียงของคนในโรงเตี๊ยมดังระเบ็งเซ็งแซ่แทบจะทันทีเมื่อได้ยินและได้เห็นป้ายที่หญิงสาวถือไว้“ท่านคือธิดาของแม่ทัพฉงเหรอ” ชาวบ้านผู้หนึ่งตะโกนถามสตรีที่ยืนอยู่ชั้นบนของโรงเตี๊ยม“ใช่ ข้ามีนามว่าฉงเถียน เป็นธิดาเพียงคนเดียวของฉงเฉิน แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ของแคว้นนี้ ถ้าใครให้เบาะแสแก่ข้าได้ ท่านสามารถเลือกเอาได้เลยว่าอยากมีบ้านอยู่ในเมืองไหน ข้าจะเนรมิตให้ท่านทันที&rdquo

  • สลักรักอ๋องนักรบ   137

    น้ำตาสาวใช้เอ่อล้นตา ต่อให้อีกฝ่ายใช้คำพูดสวยหรูเพียงใด นางก็ไม่สบายใจเลยสักนิด แต่ก็ยอมพยักหน้ารับคำขอ“ได้เจ้าค่ะ บ่าวสัญญาว่าจะเลี้ยงดูคุณหนูอย่างดีที่สุด”“ขอบใจมากนะเสี่ยวผิง” ฉงเถียนยิ้มกว้างด้วยความสบายใจ มองสาวใช้ด้วยความซาบซึ้ง ‘ข้าจะไม่ให้เจ้ากับลูกของข้าต้องอยู่อย่างลำบากหรอก ข้าจะต้องพาพวกเจ้ากลับถึงจวนของบิดาข้าให้ได้ ข้าถึงจะยอมตาย’ คิดในใจโดยไม่พูดออกไปเมื่อทำสำเร็จอย่างที่ตั้งใจแล้ว ต่อให้ตงไห่หรือคนของเกาอ๋องตามมาเอาชีวิต นางก็ยินดีก้มรับชะตากรรม“ท่านหญิง บ่าวขอถามได้หรือไม่ เหตุใดท่านจึงต้องแบกท้องแก่หนีมายังแคว้นหม่าด้วย ทำไมไม่คลอดลูกที่จวนเกาอ๋องเล่า ก่อนหน้านี้บ่าวเคยชวนท่านหนีท่านก็ไม่เห็นด้วย ยืนกรานว่าจะคลอดลูกที่จวนเกาอ๋องให้ได้ แต่ทำไมตอนหลังถึงเปลี่ยนใจง่ายดาย”“.....” ถึงแม้จะคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องถูกถาม แต่มันก็ยากที่ต้องตอบความจริงออกไป ฉงเถียนจึงได้แต่นิ่งเงียบเหมือนคนเป็นใบ้ไปชั่วขณะ

  • สลักรักอ๋องนักรบ   136

    “หยุดพูดเรื่องนี้กันเถิดเจ้าค่ะ บ่าวยอมพาท่านเสี่ยงชีวิตข้ามแดนมาคลอดลูกที่แคว้นของเราแล้ว ต่อไปนี้ก็เชื่อฟังบ่าวบ้างเถิดนะเจ้าคะ” เมื่ออยู่ในแคว้นบ้านเกิดแล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องพูดจาปกปิดฐานะเพราะกลัวใครจะจับได้อีก“แต่ข้ายังไม่สบายใจจนกว่าจะกลับถึงบ้านของข้า”“ท่านหญิงกำลังกลัวอะไรกันแน่ บอกให้บ่าวเข้าใจหน่อยเถิด” เสี่ยวผิงเริ่มสงสัย“เปล่าหรอก ข้าก็แค่อยากพาลูกกลับบ้าน จะได้มีแม่นมช่วยดูแลนางเร็ว ๆ ก็เท่านั้น” ฉงเถียนสร้างเรื่องโกหก“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้าได้ใช้พิราบสื่อสารส่งข่าวไปทางบ้านแล้ว อีกไม่เกินสามถึงสี่วัน คนของเราน่าจะมาถึงที่นี่ ก็น่าจะเป็นเวลาที่ท่านรักษาตัวจนแข็งแรงพอที่จะเดินทางได้พอดี และข้ายังได้บอกให้พวกเขาพาแม่นมมาด้วย”“..เจ้าช่างรอบคอบนัก ขอบใจนะเสี่ยวผิง” เจอความรอบคอบของสาวใช้ นางก็จนปัญญาจะแต่งเรื่องมาโกหก จึงได้แต่ดื่มยาในถ้วยจนหมด“อมบ๊วยแก้ขมสักหน่อยนะเจ้าค

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status