แรกเริ่มเดิมทีชาวบ้านต่างก็รู้เพียงแค่นั้นจริง ๆ ทว่าพอมีพระราชโองการออกมา เจียงเยี่ยนฟางกลับโผล่มาจากไหนไม่มีใครรู้ได้ รู้กันอีกที นางก็คือบุตรสาวคนโตของตระกูลเจียง และเป็นผู้ที่ได้รับพระราชทานสมรสลงมาแบบส้มหล่น [1] แทนน้องสาวไปแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าเพราะนางเป็นบุตรคนโต การแต่งงานครั้งนี้จึงตกไปที่นางแทนเจียงเจียวเหม่ยทันที
และไม่กี่วันก่อนถึงเพิ่งมีข่าวลือเกี่ยวกับนางหลุดรอดออกมา นั่นก็คือสิ่งที่หงเปาพูดไปก่อนหน้านี้
"หากไม่เกิดเรื่องขึ้น เจียงเยี่ยนฟางคงถูกปล่อยทิ้งไปทั้งอย่างนั้น ขุนนางเจียงมีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โต ทั้งก้าวหน้าและมีชื่อเสียง แต่โชคร้ายที่ไร้บุตรชายสืบสกุล หากจะทำให้ตระกูลมั่นคงก็ต้องใช้บุตรสาวช่วยค้ำจุน จำต้องให้บุตรสาวไปตบแต่งสามีดี ๆ เข้ามาแทน และทั้งที่มีบุตรสาวถึงสองคน เหตุใดถึงได้ปล่อยปละละเลยอีกคนไป ไม่ใช้ประโยชน์จากนางตั้งแต่แรกกัน" เซียวลี่หยางหยิบกระดาษเล็กแผ่นหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ แล้วยื่นไปให้หงเปารับไว้
หงเปาที่เพิ่งจะพาเจ้านายกลับมาถึงเรือนอี้พอดีก็รับไปเปิดอ่าน "นางไม่ใช่บุตรสาวของฟู่ฮูหยิน" เขาจำเจ้าของลายมือในกระดาษแผ่นนี้ได้ เป็นเติ้งอู๋ที่ถูกเจ้านายส่งไปที่อื่นเมื่อสี่วันก่อน แท้จริงแล้วก็ไปสืบเรื่องนี้นี่เอง
เซียวลี่หยางไม่ลืมบอกส่วนที่เหลือให้หงเปารู้ เพราะส่วนที่เหลือเป็นคำรายงานจากปากลูกน้องที่เติ้งอู๋ส่งมาบอกเป็นคำพูดอีกที เขาต้องทำแบบนี้ก็เพื่อป้องกันหลายทาง หากส่งเป็นลายลักษณ์อักษรทั้งหมดแล้วมีคนสังหารผู้ส่งข่าวของเขา ข้อมูลก็จะรั่วไหลทันที แต่หากไม่มีลายมือของคนสนิทเขาก็จะไม่เชื่อเช่นกัน ดังนั้นเวลาที่ลูกน้องจะส่งข่าวมาหา จำต้องส่งมาทั้งลายลักษณ์อักษรและคำพูด
"เจียงเยี่ยนฟางเป็นบุตรสาวของเจียงเจียวจ้านจริง แต่มิใช่บุตรจากฟู่ซินหยาน นางคือบุตรของบ่าวรับใช้ในจวน ที่ได้แอบคลอดออกมาในตอนที่เจียงเจียวจ้านถูกส่งตัวไปต่างเมืองจากรับสั่งของฮ่องเต้พระองค์ก่อน โดยที่ครานั้นเขาก็ได้พาฮูหยินของตนตามติดไปด้วย
ก่อนหน้านั้นฟู่ซินหยานไม่สามารถมีบุตรได้ เจียงเยี่ยนฟางจึงยังคงได้ใช้ชีวิตอยู่ในจวนตระกูลเจียงอีกพักหนึ่ง สองปีต่อมาฟู่ฮูหยินก็ได้ให้กำเนิดเจียงเจียวเหม่ย หลังจากนั้นนางจึงพยายามทำทุกทางเพื่อจะกำจัดลูกนอกสมรสของเจียงเจียวจ้านให้พ้นทาง แต่เด็กคนนั้นกลับดวงแข็ง จึงรอดมาได้ตลอด สุดท้ายฟู่ซินหยานต้องหาเรื่องส่งอีกฝ่ายออกไปแทน"
"เช่นนั้นเรื่องที่นางถูกส่งตัวไปอยู่กับตระกูลฟู่ในเมืองโจวตามที่ชาวบ้านต่างได้ยินกัน ก็คงไม่เป็นความจริงใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ" หงเปาลองพินิจดู "ฟู่ฮูหยินไม่ชอบนางขนาดนั้น คงไม่ใจดีส่งไปที่บ้านเดิมของตนเอง"
เซียวลี่หยางพยักหน้าตอบ พลางนึกถึงสภาพของเจียงเยี่ยนฟางเมื่อครู่ในห้องหอขึ้นมา ต่อให้ตัดเรื่องหน้าตาออกไป อย่างไรกิริยาและนิสัยที่นางแสดงออกมาก็ดูไม่เหมือนคนที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี หรือได้รับการศึกษาที่เหมาะสมดั่งการเป็นคนในตระกูลขุนนางแม้แต่น้อย สอดคล้องกับเรื่องที่เติ้งอู๋สืบมาได้พอดี เมื่อวานพอได้รู้เรื่องนี้แล้ว เขาก็ได้ให้เติ้งอู๋ตามสืบเรื่องนางต่อ
"หมากที่มีตำหนิและถูกทิ้งไปแล้ว แต่ถูกนำขึ้นมาบนกระดานใหม่อีกครั้ง... ไม่รู้ว่าใครตั้งใจส่งนางมาหรือไม่ อาจเป็นเจียงเจียวจ้านที่ส่งหมากพร้อมตายตัวนี้มาติดอยู่ข้างกายข้า หรืออาจจะเป็นฮ่องเต้ที่ส่งนางมา ข้าไม่อยากมีเรื่องให้คิดหนักเพิ่มขึ้นมาอีก ถึงได้ส่งตัวนางไปอยู่ห่าง ๆ หน่อย" เซียวลี่หยางวนกลับมาเอ่ยตอบคำถามก่อนหน้านี้ของหงเปา "ฮ่องเต้จะทรงพิโรธแล้วอย่างไรเล่า หากพระองค์ได้รู้ก็แสดงว่าในจวนของเรามีคนของพระองค์อยู่"
หงเปาพยักหน้าเข้าใจแล้วว่า หากฮ่องเต้ทรงรู้เรื่องในวันนี้เข้าและพิโรธลงมา ก็แสดงว่าเจียงเยี่ยนฟางอาจเป็นคนของพระองค์ หรือหากไม่ใช่นางจริง พวกเขาก็ยังได้รู้ว่าในจวนของตัวเองมีคนของฮ่องเต้อยู่ มุมปากของหงเปากดปากลึกลง รู้สึกเหนื่อยแทนเจ้านายของตน
เจ้านายของเขาเป็นองค์ชายสี่ของแคว้นเฉิง เป็นเทพสงครามผู้เกรียงไกร สู้รบเพื่อบ้านเมืองมาตลอด แต่กลับต้องมาพิการเดินไม่ได้เพราะถูกโจรป่าลอบทำร้าย ซีฮันชินอ๋องผู้นี้ยอมปลดตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ ยอมละทิ้งตำแหน่งองค์ชายและถอนตัวออกจากวังหลวงมาตั้งจวนอยู่แยกต่างหาก แต่ก็ยังถูกฮ่องเต้ระแวงไม่เลิกรา
และทั้งที่ทั่วบ้านทั่วเมืองต่างรู้อยู่แล้วว่าท่านอ๋องของเขารักมั่นใจเดียวอยู่กับกู่เยว่ชิง แต่ฮ่องเต้ก็ยังจะมีพระราชโองการลงมาอีก ก่อนหน้านี้ก็ไม่ยอมให้กู่เยว่ชิงเป็นพระชายาเอกของจวนชินอ๋อง ให้ได้แค่ตำแหน่งพระชายารอง เจ้านายเขาก็ยอมมาโดยตลอด
แต่ยามนี้กลับตั้งใจส่งพระชายาคนใหม่มาอีก ไม่รู้ว่ากลัวจวนของชินอ๋องจะเงียบเหงาหรือไร แถมยังจะให้คุณหนูใหญ่เจียงเป็นพระชายาเอกให้ได้ ท่านอ๋องของเขาต้องขอร้องอยู่นาน จนสุดท้ายยื่นคำขาดว่า จะยอมตบแต่งนางก็ได้ แต่ก็ให้ได้แค่ตำแหน่งพระชายารองอีกคนเท่านั้น ฮ่องเต้ถึงได้ตกปากรับคำในที่สุด
"คุณหนูใหญ่เจียงดูไม่เหมือนหมากที่จะถูกฮ่องเต้ส่งมาได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ" หงเปาก็เห็นว่าเจ้านายก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเขาเช่นเดียวกัน
ก็จะไม่ให้คิดเช่นนั้นได้อย่างไร เพราะคุณหนูใหญ่เจียงช่างดูอ่อนปวกเปียกไร้พิษสงขนาดนั้น แถมเมื่อครู่เพิ่งจะโดนท่านอ๋องตักเตือนไป นางเองก็คงอยู่เงียบ ๆ ไม่มาวุ่นวายให้เจ้านายของตนไม่สบายใจอีก
หงเปาเพิ่งจะคิดไปเช่นนั้นไม่เกินวัน เช้าตรู่วันต่อมาเขากลับได้เห็นว่าสตรีที่ตนคิดว่าจะอยู่เงียบ ๆ กำลังมายืนเฝ้าหน้าประตูเรือนอี้ตั้งแต่แสงแรกของอรุณเพิ่งจะมาเยือนได้ไม่นาน!
[1] การได้รับสิ่งที่ดีแบบเหนือความคาดหมาย
ทางฝั่งเจียงเยี่ยนฟางคราแรกนางยังคงทรงตัวได้ดี ไม่ได้ล้มพับลงไป แต่พอเห็นอีกฝ่ายดูเหมือนจงใจล้ม นางก็ล้มไปด้วยเสียเลย! ทว่านางไม่ได้โชคดีที่จะมีคนช่วยเป็นเบาะรองนั่งให้ จึงล้มลงไปกระแทกพื้นไม้หน้าเรือนอี้เต็ม ๆ"เจ้า! เหตุใดจึงเดินไม่มองทางเช่นนี้!" สาวใช้ที่กำลังประคองร่างเจ้านายตนเองอยู่ก็ตวาดออกมา หากแต่เมื่อหันไปมองฝั่งตรงข้ามแล้วได้พบว่าหงเปาก็ยืนอยู่หน้าเรือนด้วย นางก็รีบเงียบเสียงลงทันที เมื่อครู่ตอนที่พวกนางเดินมาใกล้ถึงหน้าเรือนก็ไม่ทันเห็นว่าเขาอยู่ตรงนั้นมาก่อน ด้วยเพราะเจ้าตัวโดนคนตัวสูงอีกคนบังจนมิด"ใจเย็นเถิดหลิงหลิง นางคงไม่ได้ตั้งใจ" กู่เยว่ชิงตบมือคนของตนเบา ๆ ท่าทางกริยานุ่มนวล น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยก็อ่อนหวานระรื่นหูน่าฟัง ใบหน้างดงามยังประดับรอยยิ้มบางเบา พลางแอบชำเลืองมองดูหงเปาที่รีบขยับเท้ามาใกล้พวกนางอย่างรีบร้อน พอเห็นว่าเขากำลังจะมาช่วยตนเอง มุมปากก็ยกขึ้นอีกนิด"พระชายา..." แต่หงเปากลับเลือกช่วยคนบนพื้นอีกคนแทน เพราะเห็นว่าสาวใช้อีกสองคนด้านหลังที่เดินตามพระชายากู่มา ไม่มีใครคิดจะมาช่วยคนเจ็บคราแรกคนกลุ่มนั้นยังคิดว่าหงเปาเอ่ยเรียกเจ้านายของตน แต่เมื่อเห็นอ
"เจ้ามาเอาข้าวไปให้คุณหนูใหญ่เจียงหรือ" สตรีวัยกลางคนเดินเข้ามาถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม มือเท้าสะเอวท่าทางเบ่งอำนาจข่มผู้มาอยู่ใหม่ แต่ในใจกลับกำลังหวาดหวั่นว่าคนผู้นี้ได้ยินที่พวกนางพูดคุยกันไปถึงไหนต่อไหนบ้าง แล้วจะปากสว่างหรือไม่เจียงเยี่ยนฟางส่ายหน้า นางจะกินตอนนี้เลย เพราะยังมีเรื่องที่ต้องไปทำอยู่ "ข้าแค่จะมากินข้าวเช้า ส่วนผักนี่ มีคนฝากข้ามาส่ง"สตรีที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าแม่ครัวได้ฟังแล้วก็รับตะกร้ามาถือไว้เอง พลางพูดเสียงแหลมหูว่า "จวนอื่นเป็นอย่างไรข้าไม่รู้ แต่จวนชินอ๋องปกติต้องรอให้เจ้านายกินเสร็จก่อน แต่เอาเถอะ มาถึงแล้วก็มากินก่อน แต่รอบหน้าไม่ได้แล้ว" พูดจบนางก็หมุนตัวเดินนำไปเจียงเยี่ยนฟางตอบรับเสียงเบาในลำคอ เดินตามหลังนางไปติด ๆ พอได้ถาดอาหารมาแล้วก็เดินไปนั่งกินที่ด้านนอกครัวแทน อาหารของบ่าวก็ไม่ได้ดีอะไรมากนัก แต่เจียงเยี่ยนฟางก็กินเหมือนเคยชินในรสชาติอันแสนธรรมดาตรงหน้าอยู่แล้วกระทั่งบ่าวรับใช้ชายคนนั้นกลับมา นางก็กินเสร็จแล้วพอดีและเพิ่งจะสวมผ้าปิดหน้ากลับคืนไป ครั้นเมื่อยืนขึ้นรับขวดสุรามาเปิดดมดูก็ขมวดคิ้วมุ่น "พี่ชาย ท่านแน่ใจว่าเป็นสุรามงคลแบบเดียวกันกับเม
"ท่านอ๋องสั่งให้คนเตรียมเรือนให้ข้า นี่คือสิ่งที่เจ้าทำได้ดีที่สุดแล้ว?" เจียงเยี่ยนฟางเอ่ยเนิบช้า ดวงตาจ้องมองบ่าวที่เริ่มตัวสั่นด้วยความกลัว "ไปพาคนมาทำความสะอาดเรือนให้ข้าใหม่""เพ... เพคะ พระชายา หม่อม หม่อม หม่อมฉันทราบแล้ว" สาวใช้พยายามเค้นเสียงตอบ ไม่คิดว่าสตรีที่แม้จะตัวสูงกว่านางแต่ผอมบางพอ ๆ กันจะมีแรงมากถึงขนาดนี้ หัวไหล่ของนางทั้งปวดทั้งชาไปหมด ซ้ำยังคิดว่าหากถูกบีบนานกว่านี้อีกนิด หัวไหล่ของตนคงหลุดเป็นแน่"อ่อ อีกอย่าง..." เจียงเยี่ยนฟางโน้มใบหน้าลงไปกระซิบบอก "เรื่องนี้อย่าแพร่งพรายเล่า""เพคะ..." แรงกดที่บ่าทำเอานางแทบจะเอ่ยปากไม่ออก รีบก้มคำนับขอตัวจากไปทันทีที่มือดั่งเหล็กกล้าของคนตรงหน้าคลายออกแล้วครั้นเมื่อคนจากไปแล้ว เจียงเยี่ยนฟางก็เดินกลับไปอีกทาง โผล่อีกทีที่ห้องครัวท้ายจวนในทิศฝั่งตรงข้ามแทนไอความร้อนสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาเหนือเตา กลิ่นหอมของอาหารที่อยู่ในเตาแผ่กระจายอบอวลในอากาศเสียงมีดสับลงเขียง เสียงของกระทะและกระบวยดังมาประปราย หรือกระทั่งเสียงการพูดคุยของผู้คนที่ดังมาไม่ขาดสาย ก็ช่วยบ่งบอกถึงการมีอยู่ของผู้คนได้เป็นอย่างดีณ ที่แห่งนี้ค่อยสมกับเป็นจวนของชิ
2 สุรามงคล มอบใหม่แด่ท่านแล้วหน้าห้องหอที่ไร้เจ้าบ่าว สาวรับใช้นางหนึ่งมาตะโกนปลุกเจียงเยี่ยนฟางตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง เพื่อจะพาอีกฝ่ายไปที่เรือนด้านหลังตามรับสั่งของเจ้านายด้วยเจียงเยี่ยนฟางเดิมก็เป็นคนที่ตื่นก่อนฟ้าจะทันได้เปลี่ยนสีอยู่ตลอด ดังนั้นจึงลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าได้สักพักแล้ว อาภรณ์บนกายของนางไม่ได้ดูหรูหราสมกับเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลขุนนางอย่างที่ควรจะเป็น หากแต่คล้ายชุดของบุรุษชาวบ้านทั่วไปเสียมากกว่า เนื้อผ้าก็ทั้งหยาบทั้งหนา สีก็ดูหม่นหมอง แถมยังใช้ผ้ารัดไว้ที่ข้อมือเหมือนกับชาวบ้านที่ต้องทำงานแบกหามทั้งวันนั้นก็ด้วยอีก คงมีเพียงผ้าปิดหน้าสีม่วงที่ดูดีอยู่เพียงชิ้นเดียวบนตัวนาง"เมื่อครู่คนจากวังหลวงเพิ่งจะมาส่งข่าวว่า ไทเฮาทรงพระอาการไม่ค่อยดี อยากพักผ่อน ไม่ต้องรบกวนเจ้าไปยกน้ำชาตามพิธี" สาวใช้ว่าพลางหมุนตัวเดินนำไปที่เรือนไม้ด้านหลังสุดของจวนทางทิศซี [1]"..." เจียงเยี่ยนฟางไม่ได้ตอบ นางคร้านจะใส่ใจผู้อื่นเป็นทุนเดิม เพียงเดินตามเงียบ ๆ พอไม่ต้องอยู่ต่อหน้าท่านอ๋องผู้นั้นนางก็ค่อยมีเวลาที่เลิกเสแสร้งบ้างระหว่างเดินอยู่ก็กำลังคิดว่า ต่อให้ตระกูลเจียงเป็นถึงขุน
แรกเริ่มเดิมทีชาวบ้านต่างก็รู้เพียงแค่นั้นจริง ๆ ทว่าพอมีพระราชโองการออกมา เจียงเยี่ยนฟางกลับโผล่มาจากไหนไม่มีใครรู้ได้ รู้กันอีกที นางก็คือบุตรสาวคนโตของตระกูลเจียง และเป็นผู้ที่ได้รับพระราชทานสมรสลงมาแบบส้มหล่น [1] แทนน้องสาวไปแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าเพราะนางเป็นบุตรคนโต การแต่งงานครั้งนี้จึงตกไปที่นางแทนเจียงเจียวเหม่ยทันทีและไม่กี่วันก่อนถึงเพิ่งมีข่าวลือเกี่ยวกับนางหลุดรอดออกมา นั่นก็คือสิ่งที่หงเปาพูดไปก่อนหน้านี้"หากไม่เกิดเรื่องขึ้น เจียงเยี่ยนฟางคงถูกปล่อยทิ้งไปทั้งอย่างนั้น ขุนนางเจียงมีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โต ทั้งก้าวหน้าและมีชื่อเสียง แต่โชคร้ายที่ไร้บุตรชายสืบสกุล หากจะทำให้ตระกูลมั่นคงก็ต้องใช้บุตรสาวช่วยค้ำจุน จำต้องให้บุตรสาวไปตบแต่งสามีดี ๆ เข้ามาแทน และทั้งที่มีบุตรสาวถึงสองคน เหตุใดถึงได้ปล่อยปละละเลยอีกคนไป ไม่ใช้ประโยชน์จากนางตั้งแต่แรกกัน" เซียวลี่หยางหยิบกระดาษเล็กแผ่นหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ แล้วยื่นไปให้หงเปารับไว้หงเปาที่เพิ่งจะพาเจ้านายกลับมาถึงเรือนอี้พอดีก็รับไปเปิดอ่าน "นางไม่ใช่บุตรสาวของฟู่ฮูหยิน" เขาจำเจ้าของลายมือในกระดาษแผ่นนี้ได้ เป็นเติ้งอู๋ที่ถู
"..." เจียงเยี่ยนฟางที่ใบหน้านองไปด้วยน้ำตาจนผ้าปิดหน้าเปียกลู่แนบไปกับหน้าก็ได้แต่เงยหน้าขึ้นตามแรงดึง ต้องสบตาเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในแววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวที่มิอาจเอื้อนเอ่ยความน้อยใจออกมา"อย่าทำให้ข้าต้องเดือดร้อน จงอยู่อย่างไร้ตัวตนไปเถิด เส้นทางนี้เป็นเจ้าเลือกเอง ก็ต้องยอมรับชะตากรรมของเจ้าไป และเจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าในใจของข้ามีแค่เสี่ยวชิงเพียงผู้เดียว ที่ตบแต่งเจ้าเข้ามาก็เพียงเพราะพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้เท่านั้น อย่าหวังว่าข้าจะชายตามองเจ้า รักเจ้า เห็นเจ้าเป็นพระชายาในจวนของข้าอีกคน!"น้ำเสียงของเซียวลี่หยางนุ่มนวลน่าฟัง ดุจดั่งกำลังขับขานบทกวี แต่ก็กลับเด็ดขาดไปในตัวครั้นกล่าวจบเขาผลักหน้านางออกไปเหมือนสัมผัสโดนของสกปรก ซ้ำยังจับมือของนางออกจากหัวเข่าของตนเองอย่างแรง จนร่างที่เกาะเขาไว้เสมือนเป็นที่พักพิงก็ไม่ทันตั้งตัว เซล้มลงไปด้านข้างอย่างไม่เป็นท่า "ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าก็ย้ายไปอยู่ที่เรือนหลังเถิด ทำให้เหมือนว่าเจ้าไม่เคยมีตัวตนมาก่อน ข้าอาจจะพอมีเมตตา ไว้ชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าให้ยังมีลมหายใจอยู่ได้""ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว" เจียงเยี่ยนฟางสะอื้