"ท่านอ๋องสั่งให้คนเตรียมเรือนให้ข้า นี่คือสิ่งที่เจ้าทำได้ดีที่สุดแล้ว?" เจียงเยี่ยนฟางเอ่ยเนิบช้า ดวงตาจ้องมองบ่าวที่เริ่มตัวสั่นด้วยความกลัว "ไปพาคนมาทำความสะอาดเรือนให้ข้าใหม่"
"เพ... เพคะ พระชายา หม่อม หม่อม หม่อมฉันทราบแล้ว" สาวใช้พยายามเค้นเสียงตอบ ไม่คิดว่าสตรีที่แม้จะตัวสูงกว่านางแต่ผอมบางพอ ๆ กันจะมีแรงมากถึงขนาดนี้ หัวไหล่ของนางทั้งปวดทั้งชาไปหมด ซ้ำยังคิดว่าหากถูกบีบนานกว่านี้อีกนิด หัวไหล่ของตนคงหลุดเป็นแน่
"อ่อ อีกอย่าง..." เจียงเยี่ยนฟางโน้มใบหน้าลงไปกระซิบบอก "เรื่องนี้อย่าแพร่งพรายเล่า"
"เพคะ..." แรงกดที่บ่าทำเอานางแทบจะเอ่ยปากไม่ออก รีบก้มคำนับขอตัวจากไปทันทีที่มือดั่งเหล็กกล้าของคนตรงหน้าคลายออกแล้ว
ครั้นเมื่อคนจากไปแล้ว เจียงเยี่ยนฟางก็เดินกลับไปอีกทาง โผล่อีกทีที่ห้องครัวท้ายจวนในทิศฝั่งตรงข้ามแทน
ไอความร้อนสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาเหนือเตา กลิ่นหอมของอาหารที่อยู่ในเตาแผ่กระจายอบอวลในอากาศ
เสียงมีดสับลงเขียง เสียงของกระทะและกระบวยดังมาประปราย หรือกระทั่งเสียงการพูดคุยของผู้คนที่ดังมาไม่ขาดสาย ก็ช่วยบ่งบอกถึงการมีอยู่ของผู้คนได้เป็นอย่างดี
ณ ที่แห่งนี้ค่อยสมกับเป็นจวนของชินอ๋องซึ่งควรมีผู้คนอยู่มาก ๆ เสียหน่อย ช่างมีชีวิตชีวา รับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของผู้คน ต่างจากห้องหอสีแดงแสบตาเมื่อคืน และเรือนไม้เก่า ๆ ซึ่งเป็นที่อยู่ใหม่ของนางเมื่อครู่อย่างชัดเจน
"ข้าเคยบอกแล้วว่า ต่อให้เป็นถึงคนของตระกูลเจียงแล้วอย่างไร ดูเอาเถิด สุดท้ายไม่พ้นคืนเข้าหอก็ถูกท่านอ๋องสั่งย้ายไปเรือนร้างด้านหลังแล้ว นี่ยังว่าท่านอ๋องทรงใจดีมีพระเมตตา ให้นางย้ายไปในตอนเช้าแทน!"
"ท่านอ๋องชมชอบพระชายากู่เพียงผู้เดียว หากมิใช่มีสมรสมงคลถูกประทานลงมา มีหรือท่านอ๋องจะตบแต่งสตรีนางอื่นเข้าจวน" พวกนางต่างก็เห็นกันมาตลอดว่าที่ผ่านมาท่านอ๋องเอาใจพระชายากู่เพียงไร ดังนั้นสตรีอีกคนที่เพิ่งถูกยัดเยียดมาให้ ในไม่ช้าก็เป็นเพียงคนไร้ค่าผู้หนึ่งในจวน อีกทั้งใครต่อใครก็รู้ว่า แม้ตระกูลเจียงจะหอบสินเดิมตามติดขบวนเจ้าสาวมามากมาย แต่สตรีผู้นั้นก็เดินทางมาเพียงลำพัง ไร้สาวใช้ ดูก็รู้ว่ามีฐานะอย่างไรในตระกูล ช่างไม่คู่ควรกับท่านอ๋องของพวกนาง!
"เมื่อเช้าอาหลี่แบกน้ำไปส่งที่เรือนใหญ่ จำต้องผ่านห้องหอ เจ้านั่นเห็นคุณหนูใหญ่เจียงกำลังเดินไปที่โรงเก็บฟืนเก่าด้านหลังจวน ทั้งยังบอกว่านางปิดหน้าปิดตา คงเป็นสตรีที่งดงามผู้หนึ่ง" สาวใช้ที่กำลังล้างกระทะใบใหญ่อยู่ก็หันมาพูด
"ต่อให้นางงดงามแล้วมีประโยชน์อันใด อย่างไรเสียก็ไม่มีทางที่ท่านอ๋องจะสนใจอยู่แล้ว"
เสียงกลั้วหัวเราะของคนด้านในครัวก็ดังตามมาหลังจากจบประโยคนั้น
แต่เรื่องสนุกปากของพวกนางไหนเลยจะจบภายในสองสามประโยค ย่อมต้องพูดต่อจนจะพอใจ
"ชาวบ้านบอกว่าคุณหนูใหญ่เจียงถูกส่งไปอยู่ต่างเมืองหลายปี มิใช่ว่านิสัยก็อาจจะหยาบกระด้าง ไม่สมเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่หรอกรึ เมื่อวานท่านอ๋องถึงได้ไล่นางไปเรือนไม้ด้านหลังเพื่อดัดนิสัย บ่าวที่เฝ้ายามกลางคืนยังเล่าอีกว่าเพราะนางทำสุรามงคลหล่นแตกจึงถูกลงโทษเช่นนั้น
แต่น่าแปลกยิ่งนัก เรื่องแค่นี้จะต้องถึงขั้นต้องไล่ไปนอนในเรือนไม้พัง ๆ แบบนั้นเลยรึไร ห้องสาวใช้ของพวกเรายังจะดีกว่าเสียอีก ปกติท่านอ๋องก็ไม่ได้มีนิสัยโหดร้ายขนาดนั้น" คนพูดหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าว่า "หรือบางทีสตรีผู้นั้นพอเห็นว่า ท่านอ๋องของพวกเรารูปงามมากขนาดไหน ก็ห้ามใจไม่อยู่ขึ้นมา เผลอกระโจนเข้าใส่ มิใช่เพราะไม่สำรวมเช่นนั้นหรือไร ท่านอ๋องถึงได้ไล่นางไปให้ไกลตา!"
เจียงเยี่ยนฟางที่แอบฟังอยู่ก็ได้แต่เค้นเสียงเย็นในใจ ท่านอ๋องของพวกนางก็รูปงามสมคำร่ำลืออยู่หรอก แต่พวกบ่าวในจวนแห่งนี้คงลืมไปแล้ว ว่าชาวบ้านเองก็ร่ำลือถึงเรื่องที่ตรงนั้นของชินอ๋องผู้เกรียงไกรใช้การไม่ได้แล้วเช่นกัน ต่อให้นางจะหน้ามืดตามัวหลงในรูปโฉมเพียงไร แต่จะไปทำอะไรกับคนพิการได้เล่า
แม้นเรื่องราวที่พ่นออกมาจากปากสาวใช้ในครัวจะมีแต่เรื่องของนาง แต่ยามนี้เจียงเยี่ยนฟางก็ไม่ได้คิดอยากจะแสดงตัวออกไป แล้วลากพวกนางมาลงโทษอย่างที่ควรทำ หากแต่เพียงรอจังหวะเหมาะที่จะจัดการเรื่องที่ตั้งใจแทน ไม่มีเวลามาใส่ใจสาวใช้พวกนี้
ช่วงเวลาเดียวกันก็มีบ่าวชายคนหนึ่งกำลังเดินผ่านนางเข้าไปในครัวพอดี เจียงเยี่ยนฟางจึงขยับตัวไปขวางไว้ก่อน "พี่ชายพอดีข้ามีเรื่องจะรบกวน" เห็นอีกฝ่ายลอบสังเกตนางพลางพยักหน้าให้ นางก็พูดสิ่งที่ต้องการต่อ "เมื่อวานดูเหมือนว่าพระชายาจะทำสุรามงคลตกแตก ข้าจึงมารับสุรามงคลใหม่อีกรอบ เพื่อนำไปมอบให้ท่านอ๋องตามคำสั่งของพระชายา"
"...จะดื่มสุราตอนนี้?" บ่าวชายมีสีหน้างุนงง แต่เพราะไม่คุ้นหน้าสตรีผู้นี้มาก่อน ซ้ำการแต่งตัวก็ไม่เหมือนคนของที่นี่ เขาจึงคิดไปแล้วว่า อีกฝ่ายอาจจะเป็นคนของพระชายาพระนางใหม่ที่ถูกส่งตามมาทีหลังก็เป็นได้ "เจ้ารออยู่ที่นี่ข้าจะไปเอามาให้ เข้ามากินข้าวก่อนเถิด ปกติพวกเราจะกินหลังจากเจ้านายกินเสร็จแล้ว แต่เจ้าคงต้องรีบกลับไป เช่นนั้นเจ้าเอาผักตะกร้านี้เข้าไปในห้องครัวแทนข้า ส่วนข้าจะไปเอาสุรามาให้"
เขารู้ว่าคนในจวนต่างไม่สนใจพระชายาที่เพิ่งแต่งเข้ามาใหม่ เมื่อครู่บรรดาแม่ครัวก็ยังพูดเรื่องของอีกฝ่ายเสียงดังออกมาข้างนอกอยู่เลย แต่บ่าวที่ติดตามพระชายามาไม่ได้มีความผิดด้วย แถมเพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่คงไม่รู้ต้องหาอะไรกินได้ที่ไหน เขาเลยโบกมือให้เจียงเยี่ยนฟางเข้าไปในครัว พร้อมยื่นตะกร้าผักให้นาง
"ขอบคุณพี่ชาย รบกวนท่านแล้ว" เจียงเยี่ยนฟางรับตะกร้ามา พลางพยักหน้าแผ่วเบา นิสัยต่างกับเมื่อครู่ที่เพิ่งจะข่มขู่สาวใช้อีกคนมา นางไม่ใช่คนเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ใครทำดีมาก็ดีตอบ อย่างเช่นบ่าวชายคนนี้
พอคนจากไปแล้ว เจียงเยี่ยนฟางก็เดินเข้าไปในห้องครัว เสียงพูดคุยได้หยุดลงไปตั้งแต่เมื่อครู่ยามที่นางตะโกนพูดเรื่องสุราอยู่ด้านนอกแล้ว เวลานี้สายตาของคนในครัวทั้งหมดจึงตกต้องมาที่นางอย่างระแวดระวัง
"ไม่เห็นมีใครบอกว่าตระกูลเจียงส่งคนติดตามมาด้วย" สาวใช้หนึ่งในนั้นกระซิบถามคนข้าง ๆ มองดูการแต่งตัวของสตรีหน้าประตูครัวที่ปิดหน้าปิดตาเหมือนคนที่พวกนางพูดถึงไปเมื่อครู่ ต่างก็คิดว่านี่อาจจะเป็นการแต่งตัวของคนในแถบพื้นที่ที่คุณหนูใหญ่เจียงไปอาศัยอยู่ตั้งแต่วัยเยาว์ จึงไม่เกิดความระแวงสงสัยว่านี่แหละ คือพระชายาพระนางใหม่ที่พวกนางเพิ่งจะนินทากันไป เพราะเมื่อครู่อีกฝ่ายก็ตะโกนเสียเสียงดังลั่นอยู่ข้างนอกว่าตนมาตามรับสั่งของพระชายา
"เจ้ายังไม่รู้ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร!" สาวใช้ที่อยู่ข้างกันรีบกัดฟันตอบกลับแบบไม่เปิดปาก ดวงตาก็จดจ้องมองผู้มาเยือนที่ในมือถือตะกร้าผักไว้ ซึ่งนางจำได้ว่าตัวเองเพิ่งจะใช้อาฉู่ไปเอามาให้ แต่อย่างไรก็ปักใจเชื่อไปแล้วว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนในจวนชินอ๋องแน่ ๆ
------
ไรท์ขอโทษสำหรับชื่อตอน แต่มันตลกดีชอบ จ๊ะเอ๋ พวกคนครัว ว่าไงจ๊ะ แต่คนพวกนี้เราทำไรมากไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวเนื้อเรื่องมันยาวไม่ใช่ไร 55555ヽ (´▽) ノ
"คนเช่นเจ้า ไม่คู่ควรกับจวนของข้า" น้ำเสียงเย็นชานี้ จะว่าเบาก็เบา หากแต่ทุกผู้ทุกคนที่ยืนล้อมวงอยู่ในตอนนี้กลับได้ยินกันอย่างชัดเจนสาวใช้ของกู่เยว่ชิงต่างพากันมองหน้ากันไปมา คล้ายบอกว่าเจ้านายตนเองอย่างไรก็ต้องชนะ เรื่องในวันนี้ก็คงจะเงียบไป พวกนางก็ไม่ต้องเดือดร้อนแล้ว"..." กู่เยว่ชิงที่แสร้งตีหน้าน้อยใจยกผ้าเช็ดหน้ามาปิดปากอยู่ก็แอบซ่อนรอยยิ้มน้อย ๆ ไว้อย่างพึงพอใจเช่นกันเวลานี้แม้นคนถูกขู่หย่าจะก้มหน้าลงเหมือนเสียใจ แต่ใครจะไปรู้ความจริงที่นางปกปิดไว้ ซ้ำนางยังสวมผ้าปิดหน้าตลอดเวลา และก่อนที่เจียงเยี่ยนฟางจะเอ่ยออกไป นางยังพยายามบีบเสียงให้สั่นเครืออีกนิดเพื่อให้สมจริงขึ้นด้วย "...เช่นนั้นก็ให้คนของท่านอ๋องเข้าไปค้นเถิดเพคะ"เหตุการณ์ครั้งก่อนเรื่องยาพิษ ดูอย่างไรก็รู้ว่าเซียวลี่หยางพยายามทำให้นางเป็นคนผิด ไม่ว่านางจะเป็นคนวางยาจริงหรือไม่ แต่ปลายทางก็ถูกกำหนดให้นางเป็นผู้ผิดตั้งแต่แรกแล้ว ในไม่ช้าเขาก็ต้องกำจัดนางออกไปอยู่ดีและด้วยรู้แต่แรกว่าชินอ๋องผู้นี้ไม่เคยไว้ใจนาง อีกฝ่ายคงส่งคนมาเฝ้าเรือนนางไว้ตลอดอยู่แล้ว คนมาเฝ้าย่อมต้องเห็นแน่ว่ามีใครมาที่เรือนของนางในช่วงเวลาที่นาง
"ที่เจินเจินตบเจ้า หาใช่เพราะเรื่องที่เจ้าอยากพาคนเข้ามาค้นของโดยไม่ขออนุญาตจากข้า แต่ตบสั่งสอนเพื่อให้เจ้ารู้ว่าเจ้าพูดโดยไม่ทันใช้หัวคิดต่างหาก จวนอ๋องมีกฎที่ต้องปฏิบัติ แต่คนในจวนที่อยู่มานานกลับหละหลวมเสียเอง ใช้ได้เสียที่ไหน" พูดมาถึงตรงนี้เจียงเยี่ยนฟางก็หาเรื่องให้คนอื่นเดือดร้อนเล่น โดยการหันมองสาวใช้ของกู่เยว่ชิงคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ตนที่สุด และเอ่ยถามว่า "เจ้าว่าสมควรแล้วหรือไม่ที่นางถูกตบ"โดยไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน สาวใช้ก็ตอบเสียงสั่นว่า "เพ... เพคะ สมควรแล้วเพคะ" แม้นจะถูกพระชายากู่หันมองหน้าในทันที แต่นางก็ทำเพียงหลบสายตาไป ไม่ยอมกลับคำ ก็จะให้นางตอบเช่นไรได้อีก ทางหนึ่งคือพระชายากู่ที่เป็นเจ้านายของตน และเป็นผู้ที่ชินอ๋องโปรดปรานที่สุด หากแต่อีกฝั่งก็มีบิดาเป็นถึงเสนาบดีฝ่ายซ้ายคอยหนุนหลัง ซ้ำยังยกฮ่องเต้ขึ้นมาขู่ แน่นอนว่าน้ำหนักต้องเอนเอียงไปทางฝั่งหลังมากกว่าอยู่แล้ว หากยามนี้นางตอบว่า 'ไม่' ภายหลังก็ต้องถูกจับไปสอบสวน ใครจะทนความเจ็บปวดได้ไหว อย่างไรก็ต้องเล่าเหตุการณ์เมื่อครู่ออกไปอยู่ดี มิสู้โดนพระชายากู่ทำโทษทีหลังจะยังดีเสียกว่า อย่างน้อยก็ยังรักษาชีวิตไว้ได้"เจ้าล่
เป็นเจินเจินที่เดินมาจากด้านหลัง แทรกตัวผ่านเจียงเยี่ยนฟางออกมา แล้วลงมือตบหน้าจูหลิงเพื่อสั่งสอนอีกฝ่ายแทนเจ้านายตนเอง!"จูหลิง เจ้าเป็นเพียงสาวรับใช้ กล้าเสียมารยาทก็แล้วไป แต่ยังหมิ่นเบื้องสูงไม่เลิก เป็นข้าที่ตบสั่งสอนแทนการถูกตัดหัวเสียบประจานของเจ้า ก็ควรขอบคุณแล้ว!" เจินเจินกางแขนกันเจ้านายตนเองไว้ ใครหน้าไหนจะผ่านเข้าไปก็ต้องสังหารนางให้ตายก่อน แล้วค่อยเหยียบศพนางก้าวเข้าไปในเรือน!"..." กู่เยว่ชิงได้ฟังก็สูดหายใจเข้าลึก เกิดความกลัวขึ้นมาในใจ รีบเข้าไปดึงสาวใช้ของตนเองกลับมา พลางเงยหน้ามองเจียงเยี่ยนฟางอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ที่ผ่านมาสตรีผู้นี้ต่างอยู่อย่างสงบเสงี่ยมไม่เรียกร้องสิ่งใด ท่าทางที่เจอแต่ละครั้งก็อ่อนหวานระคนขี้กลัว ดั่งนกน้อยที่ตกจากรังเจอเข้ากับฝูงงู แม้นางจะตัวสูงแต่กลับดูบอบบางอยู่ตลอดเวลา ในตอนที่ท่านอ๋องไล่นางมาอยู่เรือนด้านหลัง นางก็มาอยู่โดยไม่ปริปากบ่นแม้ครึ่งคำ วันนั้นพอถูกใช้ให้ไปต้มน้ำแกงไม่ต่างจากสาวใช้คนหนึ่ง ก็ยังยินยอมทำตามอย่างว่าง่ายอยู่เลยพวกคนใช้ในจวนเองก็ต่างพูดกันให้ทั่วว่า คุณหนูใหญ่เจียงผู้นี้คงรู้ว่าตนไม่มีอำนาจเพียงไร ถึงได้อยู่อย่างเจีย
"เปิด..." เสียงคนด้านนอกดังแว่วเข้ามาเจียงเยี่ยนฟางที่เดินมารออยู่ก่อนแล้ว ก็ดึงประตูเรือนเปิดออกโดยไม่รอให้ใครมาทุบประตูให้หนวกหูอีก"พี่หญิง" นางทำความเคารพสตรีหน้าเรือนก่อนเป็นอันดับแรก สีหน้าและน้ำเสียงค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นกังวลใจ "ไม่ทราบว่าพี่หญิงมีเรื่องอะไรให้น้องสาวคนนี้ช่วยเหลือหรือเจ้าคะ ถึงได้พาคนมาดึกดื่นเช่นนี้""น้องหญิงเจียง เจ้าเห็นความเชื่อใจของข้าเป็นสิ่งใดกัน ทั้งที่... ทั้งที่ข้าเอ็นดูเจ้าขนาดนั้น" กู่เยว่ชิงพูดไปก็เช็ดน้ำตาไป ดวงตาก็เหลือบมองไปด้านหลังตนเองตลอดเวลาเจียงเยี่ยนฟางก็ทำทีเป็นมองไม่เห็นว่าเหมือนนางกำลังรอใครบางคนให้มาถึงอยู่ ในเมื่ออีกฝ่ายเสแสร้งได้แนบเนียน นางเองก็ทำได้เช่นกัน เวลานั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกเสื้อ ขึ้นมาปิดใบหน้าเลียนแบบอีกฝ่าย "พี่หญิง ท่านพูดเรื่องอะไรกันเจ้าคะ""อย่ามัวเสียเวลาเลยเพคะพระชายา" จูหลิงที่ยืนประคองเจ้านายไว้ก็พูดไปปลอบไป ครั้นจบประโยคนั้นก็หันไปสั่งสาวใช้ที่มาด้วยกันอีกกลุ่มใหญ่ว่า "ค้นเรือน!""เดี๋ยว!" เจียงเยี่ยนฟางยืดตัวเต็มความสูงพลางยื่นมือขวางทางเข้าไว้ แผ่นหลังเหยียดตรง โยนผ้าเช็ดหน้าทิ้งไปที่อื่น น้ำเสียงเอง
กระทั่งคืนวันต่อมา เจินเจินก็ได้ยินข่าวว่าท่านอ๋องแอบส่งคนไปตามหมอสวี่เข้ามาทางประตูหลัง มารักษาอาการท้องร่วงให้พระชายากู่และคนในเรือนเอินทั้งหมด!เจินเจินพอได้ยินเรื่องนี้แล้วก็รีบรุดไปดูด้วยตาของตนเองว่าเรื่องที่นางได้ยินจากคนใช้ในจวนเป็นความจริงหรือไม่ ครั้นมาถึงเรือนเอินแล้วก็ได้ยินพระชายากู่โวยวายเสียงดังออกมาว่า"ยาพิษที่ทำให้ท้องร่วงพวกนั้นเจ้าเก็บดีหรือไม่ เหตุใดพวกเราถึงโดนไปด้วย!""หม่อมฉันเก็บดีแล้วนะเพคะพระชายา" จูหลิงน้ำเสียงสั่น เมื่อวานนางเพิ่งจะถูกลดเบี้ยของเดือนนี้ไป วันนี้ก็ดันเกิดเรื่องขึ้นอีกแล้ว"แล้วเหตุใดข้าถึงท้องร่วง น่าขายหน้ายิ่งนัก พี่ลี่หยางจะมองข้าอย่างไร! เจ้ามันไม่ได้เรื่อง!" สิ้นเสียงของกู่เยว่ชิงก็มีเสียงของแตกตามมาไม่หยุด"พระชายา ทรงเย็นพระทัยก่อนเพคะ บางที บางทีอาจเป็นพวกของกินที่ห้องครัวเตรียมมาให้ไม่สะอาด จึงทำให้พวกเรา..." เสียงของจูหลิงขาดห้วงไม่เป็นประโยค ด้วยเพราะวิ่งหลบของที่ถูกปามาใส่"เจ้าคิดว่าจะหลอกผู้ใดกัน!" กู่เยว่ชิงตะโกนเสร็จก็หอบหายใจด้วยความเหนื่อย ต่อให้อาหารถูกเตรียมมาไม่ดีแล้วเหตุใดท่านอ๋องทรงไม่เป็นอะไร คนในเรือนอื่นก็ไม่เป็นอะ
ด้านเจินเจินไม่ได้สนว่าใครเพิ่งจะตกน้ำไป นางพยายามประคองร่างในมือดันขึ้นไปบนสะพานแทน ปากพร่ำถามว่าพระชายาเป็นอย่างไรบ้างอยู่หลายครั้ง และพอส่งคนขึ้นไปได้แล้ว นางถึงได้ปีนตามขึ้นไป"ไปช่วยนางขึ้นมา!" เซียวลี่หยางหันไปบอกเติ้งอู๋ที่ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนเติ้งอู๋พอถูกสั่งก็ปลดอาวุธประจำกายวางไว้ ก่อนจะลงน้ำไปเพื่อช่วยกู่เยว่ชิงขึ้นมาจูหลิงที่กำลังรออยู่บนสะพานรีบหันไปบอกให้สาวใช้อีกสองคนไปเอาน้ำชากับผ้าคลุมที่อยู่ในศาลามาเตรียมรอเจ้านาย"พระชายา ทรงเป็นอย่างไรบ้างเพคะ" เจินเจินยังคงถามย้ำอีกรอบ รีบกวาดตามองดูตามร่างกายของคนตรงหน้าที่ฟุบอยู่กับพื้นสะพานให้แน่ใจอีกที"..." เจียงเยี่ยนฟางที่ยังไอไม่หยุดก็ยกมือโบกไปมาแทนคำตอบ พอรับรู้ได้ว่ามือตัวเองสั่นขนาดไหนก็รีบลดมือลง แล้วใช้มืออีกข้างเท้าพื้นให้ตัวเองลุกขึ้นมานั่งให้ดี ๆ แทนจังหวะต่อมาเติ้งอู๋ก็พาคนขึ้นมาจากสระบัวได้แล้ว จูหลิงที่ปาดเข้าไปประคองกู่เยว่ชิงก็รีบยกมือลูบแผ่นหลังให้เจ้านายตนเองเพื่อไอเอาน้ำออกมาให้หมด"พี่หญิงกู่ ท่านเป็นอะไรหรือไม่ ขอโทษด้วย เมื่อครู่ไม่ทันระวังดึงท่านแรงไปหน่อย ไม่คิดว่าท่านที่ยื่นมือมาช่วยจะไม่เกร