LOGIN"ท่านอ๋องสั่งให้คนเตรียมเรือนให้ข้า นี่คือสิ่งที่เจ้าทำได้ดีที่สุดแล้ว?" เจียงเยี่ยนฟางเอ่ยเนิบช้า ดวงตาจ้องมองบ่าวที่เริ่มตัวสั่นด้วยความกลัว "ไปพาคนมาทำความสะอาดเรือนให้ข้าใหม่"
"เพ... เพคะ พระชายา หม่อม หม่อม หม่อมฉันทราบแล้ว" สาวใช้พยายามเค้นเสียงตอบ ไม่คิดว่าสตรีที่แม้จะตัวสูงกว่านางแต่ผอมบางพอ ๆ กันจะมีแรงมากถึงขนาดนี้ หัวไหล่ของนางทั้งปวดทั้งชาไปหมด ซ้ำยังคิดว่าหากถูกบีบนานกว่านี้อีกนิด หัวไหล่ของตนคงหลุดเป็นแน่
"อ่อ อีกอย่าง..." เจียงเยี่ยนฟางโน้มใบหน้าลงไปกระซิบบอก "เรื่องนี้อย่าแพร่งพรายเล่า"
"เพคะ..." แรงกดที่บ่าทำเอานางแทบจะเอ่ยปากไม่ออก รีบก้มคำนับขอตัวจากไปทันทีที่มือดั่งเหล็กกล้าของคนตรงหน้าคลายออกแล้ว
ครั้นเมื่อคนจากไปแล้ว เจียงเยี่ยนฟางก็เดินกลับไปอีกทาง โผล่อีกทีที่ห้องครัวท้ายจวนในทิศฝั่งตรงข้ามแทน
ไอความร้อนสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาเหนือเตา กลิ่นหอมของอาหารที่อยู่ในเตาแผ่กระจายอบอวลในอากาศ
เสียงมีดสับลงเขียง เสียงของกระทะและกระบวยดังมาประปราย หรือกระทั่งเสียงการพูดคุยของผู้คนที่ดังมาไม่ขาดสาย ก็ช่วยบ่งบอกถึงการมีอยู่ของผู้คนได้เป็นอย่างดี
ณ ที่แห่งนี้ค่อยสมกับเป็นจวนของชินอ๋องซึ่งควรมีผู้คนอยู่มาก ๆ เสียหน่อย ช่างมีชีวิตชีวา รับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของผู้คน ต่างจากห้องหอสีแดงแสบตาเมื่อคืน และเรือนไม้เก่า ๆ ซึ่งเป็นที่อยู่ใหม่ของนางเมื่อครู่อย่างชัดเจน
"ข้าเคยบอกแล้วว่า ต่อให้เป็นถึงคนของตระกูลเจียงแล้วอย่างไร ดูเอาเถิด สุดท้ายไม่พ้นคืนเข้าหอก็ถูกท่านอ๋องสั่งย้ายไปเรือนร้างด้านหลังแล้ว นี่ยังว่าท่านอ๋องทรงใจดีมีพระเมตตา ให้นางย้ายไปในตอนเช้าแทน!"
"ท่านอ๋องชมชอบพระชายากู่เพียงผู้เดียว หากมิใช่มีสมรสมงคลถูกประทานลงมา มีหรือท่านอ๋องจะตบแต่งสตรีนางอื่นเข้าจวน" พวกนางต่างก็เห็นกันมาตลอดว่าที่ผ่านมาท่านอ๋องเอาใจพระชายากู่เพียงไร ดังนั้นสตรีอีกคนที่เพิ่งถูกยัดเยียดมาให้ ในไม่ช้าก็เป็นเพียงคนไร้ค่าผู้หนึ่งในจวน อีกทั้งใครต่อใครก็รู้ว่า แม้ตระกูลเจียงจะหอบสินเดิมตามติดขบวนเจ้าสาวมามากมาย แต่สตรีผู้นั้นก็เดินทางมาเพียงลำพัง ไร้สาวใช้ ดูก็รู้ว่ามีฐานะอย่างไรในตระกูล ช่างไม่คู่ควรกับท่านอ๋องของพวกนาง!
"เมื่อเช้าอาหลี่แบกน้ำไปส่งที่เรือนใหญ่ จำต้องผ่านห้องหอ เจ้านั่นเห็นคุณหนูใหญ่เจียงกำลังเดินไปที่โรงเก็บฟืนเก่าด้านหลังจวน ทั้งยังบอกว่านางปิดหน้าปิดตา คงเป็นสตรีที่งดงามผู้หนึ่ง" สาวใช้ที่กำลังล้างกระทะใบใหญ่อยู่ก็หันมาพูด
"ต่อให้นางงดงามแล้วมีประโยชน์อันใด อย่างไรเสียก็ไม่มีทางที่ท่านอ๋องจะสนใจอยู่แล้ว"
เสียงกลั้วหัวเราะของคนด้านในครัวก็ดังตามมาหลังจากจบประโยคนั้น
แต่เรื่องสนุกปากของพวกนางไหนเลยจะจบภายในสองสามประโยค ย่อมต้องพูดต่อจนจะพอใจ
"ชาวบ้านบอกว่าคุณหนูใหญ่เจียงถูกส่งไปอยู่ต่างเมืองหลายปี มิใช่ว่านิสัยก็อาจจะหยาบกระด้าง ไม่สมเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่หรอกรึ เมื่อวานท่านอ๋องถึงได้ไล่นางไปเรือนไม้ด้านหลังเพื่อดัดนิสัย บ่าวที่เฝ้ายามกลางคืนยังเล่าอีกว่าเพราะนางทำสุรามงคลหล่นแตกจึงถูกลงโทษเช่นนั้น
แต่น่าแปลกยิ่งนัก เรื่องแค่นี้จะต้องถึงขั้นต้องไล่ไปนอนในเรือนไม้พัง ๆ แบบนั้นเลยรึไร ห้องสาวใช้ของพวกเรายังจะดีกว่าเสียอีก ปกติท่านอ๋องก็ไม่ได้มีนิสัยโหดร้ายขนาดนั้น" คนพูดหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าว่า "หรือบางทีสตรีผู้นั้นพอเห็นว่า ท่านอ๋องของพวกเรารูปงามมากขนาดไหน ก็ห้ามใจไม่อยู่ขึ้นมา เผลอกระโจนเข้าใส่ มิใช่เพราะไม่สำรวมเช่นนั้นหรือไร ท่านอ๋องถึงได้ไล่นางไปให้ไกลตา!"
เจียงเยี่ยนฟางที่แอบฟังอยู่ก็ได้แต่เค้นเสียงเย็นในใจ ท่านอ๋องของพวกนางก็รูปงามสมคำร่ำลืออยู่หรอก แต่พวกบ่าวในจวนแห่งนี้คงลืมไปแล้ว ว่าชาวบ้านเองก็ร่ำลือถึงเรื่องที่ตรงนั้นของชินอ๋องผู้เกรียงไกรใช้การไม่ได้แล้วเช่นกัน ต่อให้นางจะหน้ามืดตามัวหลงในรูปโฉมเพียงไร แต่จะไปทำอะไรกับคนพิการได้เล่า
แม้นเรื่องราวที่พ่นออกมาจากปากสาวใช้ในครัวจะมีแต่เรื่องของนาง แต่ยามนี้เจียงเยี่ยนฟางก็ไม่ได้คิดอยากจะแสดงตัวออกไป แล้วลากพวกนางมาลงโทษอย่างที่ควรทำ หากแต่เพียงรอจังหวะเหมาะที่จะจัดการเรื่องที่ตั้งใจแทน ไม่มีเวลามาใส่ใจสาวใช้พวกนี้
ช่วงเวลาเดียวกันก็มีบ่าวชายคนหนึ่งกำลังเดินผ่านนางเข้าไปในครัวพอดี เจียงเยี่ยนฟางจึงขยับตัวไปขวางไว้ก่อน "พี่ชายพอดีข้ามีเรื่องจะรบกวน" เห็นอีกฝ่ายลอบสังเกตนางพลางพยักหน้าให้ นางก็พูดสิ่งที่ต้องการต่อ "เมื่อวานดูเหมือนว่าพระชายาจะทำสุรามงคลตกแตก ข้าจึงมารับสุรามงคลใหม่อีกรอบ เพื่อนำไปมอบให้ท่านอ๋องตามคำสั่งของพระชายา"
"...จะดื่มสุราตอนนี้?" บ่าวชายมีสีหน้างุนงง แต่เพราะไม่คุ้นหน้าสตรีผู้นี้มาก่อน ซ้ำการแต่งตัวก็ไม่เหมือนคนของที่นี่ เขาจึงคิดไปแล้วว่า อีกฝ่ายอาจจะเป็นคนของพระชายาพระนางใหม่ที่ถูกส่งตามมาทีหลังก็เป็นได้ "เจ้ารออยู่ที่นี่ข้าจะไปเอามาให้ เข้ามากินข้าวก่อนเถิด ปกติพวกเราจะกินหลังจากเจ้านายกินเสร็จแล้ว แต่เจ้าคงต้องรีบกลับไป เช่นนั้นเจ้าเอาผักตะกร้านี้เข้าไปในห้องครัวแทนข้า ส่วนข้าจะไปเอาสุรามาให้"
เขารู้ว่าคนในจวนต่างไม่สนใจพระชายาที่เพิ่งแต่งเข้ามาใหม่ เมื่อครู่บรรดาแม่ครัวก็ยังพูดเรื่องของอีกฝ่ายเสียงดังออกมาข้างนอกอยู่เลย แต่บ่าวที่ติดตามพระชายามาไม่ได้มีความผิดด้วย แถมเพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่คงไม่รู้ต้องหาอะไรกินได้ที่ไหน เขาเลยโบกมือให้เจียงเยี่ยนฟางเข้าไปในครัว พร้อมยื่นตะกร้าผักให้นาง
"ขอบคุณพี่ชาย รบกวนท่านแล้ว" เจียงเยี่ยนฟางรับตะกร้ามา พลางพยักหน้าแผ่วเบา นิสัยต่างกับเมื่อครู่ที่เพิ่งจะข่มขู่สาวใช้อีกคนมา นางไม่ใช่คนเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ใครทำดีมาก็ดีตอบ อย่างเช่นบ่าวชายคนนี้
พอคนจากไปแล้ว เจียงเยี่ยนฟางก็เดินเข้าไปในห้องครัว เสียงพูดคุยได้หยุดลงไปตั้งแต่เมื่อครู่ยามที่นางตะโกนพูดเรื่องสุราอยู่ด้านนอกแล้ว เวลานี้สายตาของคนในครัวทั้งหมดจึงตกต้องมาที่นางอย่างระแวดระวัง
"ไม่เห็นมีใครบอกว่าตระกูลเจียงส่งคนติดตามมาด้วย" สาวใช้หนึ่งในนั้นกระซิบถามคนข้าง ๆ มองดูการแต่งตัวของสตรีหน้าประตูครัวที่ปิดหน้าปิดตาเหมือนคนที่พวกนางพูดถึงไปเมื่อครู่ ต่างก็คิดว่านี่อาจจะเป็นการแต่งตัวของคนในแถบพื้นที่ที่คุณหนูใหญ่เจียงไปอาศัยอยู่ตั้งแต่วัยเยาว์ จึงไม่เกิดความระแวงสงสัยว่านี่แหละ คือพระชายาพระนางใหม่ที่พวกนางเพิ่งจะนินทากันไป เพราะเมื่อครู่อีกฝ่ายก็ตะโกนเสียเสียงดังลั่นอยู่ข้างนอกว่าตนมาตามรับสั่งของพระชายา
"เจ้ายังไม่รู้ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร!" สาวใช้ที่อยู่ข้างกันรีบกัดฟันตอบกลับแบบไม่เปิดปาก ดวงตาก็จดจ้องมองผู้มาเยือนที่ในมือถือตะกร้าผักไว้ ซึ่งนางจำได้ว่าตัวเองเพิ่งจะใช้อาฉู่ไปเอามาให้ แต่อย่างไรก็ปักใจเชื่อไปแล้วว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนในจวนชินอ๋องแน่ ๆ
------
ไรท์ขอโทษสำหรับชื่อตอน แต่มันตลกดีชอบ จ๊ะเอ๋ พวกคนครัว ว่าไงจ๊ะ แต่คนพวกนี้เราทำไรมากไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวเนื้อเรื่องมันยาวไม่ใช่ไร 55555ヽ (´▽) ノ
บทส่งท้ายในอ่างน้ำสววรค์เบื้องหน้า สะท้อนภาพของคนสองคนที่เดินเคียงคู่กัน ความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นก็หวนกลับมาอีกครั้ง"ท่านเทพจันทรา[1] ยังตัดใจไม่ได้อีกหรือ รึเป็นเพราะเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ ความรู้สึกจึงยังคงอยู่" ซื่อหมิงซิงจวิน[2]ยืนซ้อนอยู่ที่ด้านหลังของเทพแห่งจันทรา เมื่อเขารู้ว่าอีกฝ่ายได้ผ่านเคราะห์รักมาแล้ว และกลับมาจุติบนสวรรค์อีกครั้ง เขาก็รีบมาหา หวังมาเยี่ยมสหายเก่าเสียหน่อย แต่ไม่คิดว่าภาพที่ตนเห็นจะเป็นแผ่นหลังของสหายที่ดูอาลัยอาวรณ์ภาพในแอ่งน้ำสะท้อนชีวิตของมนุษย์ไม่น้อย เดาว่าการผ่านเคราะห์ครั้งนี้ของเจ้าตัวคงสาหัสเอาการโลกสวรรค์และโลกมนุษย์เวลาไม่เหมือนกัน เทพจันทราเพิ่งตายไปในร่างมนุษย์เมื่อครู่ แต่พอจุติบนสวรรค์อีกครา ที่โลกมนุษย์ก็ผ่านไปหลายเดือนแล้วเทพแห่งจันทราที่ถูกทักก็วาดมือผ่านอ่างน้ำสวรรค์ ปิดภาพของเจ้านายเก่าของตนทิ้งไป เตรียมจะเดินหนีสหายเก่า ทั้งที่ไม่เจอกันเพียงไม่กี่วันบนสวรรค์ แต่เพราะในโลกมนุษย์ยาวนานถึงยี่สิบกว่าปี เขาจึงยังรู้สึกไม่สนิทกับสหายเท่าเมื่อก่อน คิดว่าคงต้องใช้เวลาอีกสักพักตอนแรกเขายอมรับว่าตนยังห่วงหาสตรีผู้นั้นอยู่ อยากรู้ว่าหลั
ตอนพิเศษ 9รัชศกต้าเหนิง ปีที่ เก้า ราชวงศ์เซียวย่างเข้าวสันตฤดูแล้ว ในจวนที่ปลูกดอกไม้หลากหลายชนิด รวมถึงสมุนไพรมากมาย แทนที่จะมีกลิ่นหอมพาให้ผู้คนหลงใหลกลับมีกลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้งไปทั่วจวน"นายหญิง" เติ้งอู๋เห็นนายหญิงท่าทางรีบร้อนเดินตรงไปหากลิ่นเหม็นไหม้ก็รีบดักทางไว้ นายหญิงของเขากำลังตั้งท้องเจ้านายตัวน้อยคนที่สามอยู่ ไม่ควรเข้าใกล้กลิ่นควันมากเกินไป หลังจากนี้คงต้องอาจหาญตักเตือนคนก่อควันสักหน่อย"เกิดอะไรขึ้น ข้าได้กลิ่นไหม้" เสวี่ยหว่านชะเง้อหัวมองผ่านแขนเติ้งอู๋ไป พบว่าครัวด้านหลังจวนกำลังมีควันมากมายพวยพุ่งออกมา มิหนำซ้ำภายในควันนั้นก็มีร่างเล็กของเด็กชายวิ่งหนีตายออกมาด้วย"ท่านแม่" เด็กชายวัยหกขวบยกมือปิดปากแน่น ครั้นได้เจอผู้เป็นมารดาก็รีบวิ่งเข้ามาหาหน้าตื่น"เสี่ยวหลิวเจ้าทำอะไรอยู่ในครัว? น้องรองของเจ้าอยู่ที่ใดเล่า!?" เสวี่ยหว่านรีบจับบุตรชายที่วิ่งมากอดตนไว้แน่นออกมาตรวจดูตามตัว ครั้นพบว่าไม่เจอบาดแผลก็เบาใจไป แต่ปกติเด็กคนนี้จะตัวติดกับน้องชายวัยสี่ขวบของตนเองเสมอ เวลานี้เอาน้องไปทิ้งไว้ที่ใดแล้ว!"แค่ก ๆ ข้าเปล่า ข้าไม่ได้ทำอันใดนะท่านแม่ ส่วนน้องรองแม่นมฉ
ตอนพิเศษ 8รัชศกต้าเหนิง[1] ปีที่ 3 ราชวงศ์เซียวในเมืองลั่ว จู่ ๆ ก็มีการปรากฏตัวของตระกูลเศรษฐีไร้ชื่อผู้หนึ่งขึ้นมา ไม่มีใครเคยเห็นคนด้านในจวนแห่งนี้เข้าออก หรือควรบอกว่า เป็นเพราะจวนตั้งอยู่ห่างไกลบ้านคนกันแน่ ทำให้ชาวบ้านแทบจะไม่เคยมีใครได้เห็นเจ้าของจวนแห่งนี้เลยแม้นก่อนหน้านี้จะมีคนงานในเมืองถูกเกณฑ์ไปสร้างเรือนอยู่นานร่วมหกเดือน แต่พวกเขากลับไม่เคยรู้ว่าผู้ว่าจ้างเป็นใคร มีเพียงเงินค่าจ้างที่ถูกนำมาวางไว้ให้ในแต่ละรอบเท่านั้นบรรดาคนงานก็บอกเพียงแค่ว่า พื้นที่โดยรอบที่ถูกปลูกต้นไม้ปิดบังเรือนไว้ ต่างก็ถูกเจ้าของจวนแห่งนี้กว้านซื้อไปจนหมดแล้วก็เท่านั้น นั่นทำให้ไม่ว่าผู้คนจะอยากรู้มากเพียงใด ก็เข้าไปใกล้ได้แค่ครึ่งทางของต้นไม้ด้านหน้า...กระทั่งล่วงเลยไปอีกหลายสิบปีก็ไม่มีใครเคยได้รู้ว่าเจ้าของจวนแห่งนั้นคือผู้ใดและตกดึกคืนนี้ ในเมืองลั่วก็มีการจัดงานเทศกาลลอยโคมขึ้นมาเซียวลี่หยางจึงชวนเสวี่ยหว่านออกมาเดินเล่นในงานเทศกาลด้วยกันภายในงานเริ่มแรกจะมีแห่ขบวนโคมไฟที่ทำเป็นรูปมังกรและสิงโต เซียวลี่หยางที่รู้ว่ามีขั้นตอนอะไรบ้าง จึงพาเสวี่ยหว่านขึ้นมานั่งรอชมขบวนแห่อยู่บนชั้
ตอนพิเศษ 7วสันตฤดูปีต่อมา ด้วยเพราะเติ้งอู๋ทำทางขึ้นภูเขาให้ใหม่แล้ว เวลานี้เขาก็ลงไปนำม้าของตนและของเจ้านายกลับขึ้นมาอยู่บนภูเขาด้วยกันเสวี่ยหว่านที่หูดีกว่าเซียวลี่หยางก็ได้ยินเสียงเท้าของม้ามาตั้งแต่ไกล ๆ แล้ว จึงวิ่งออกไปรอที่หน้ารั้ว เมื่อเช้านางแอบเตรียมขนมไว้กินเล่นในตอนที่เซียวลี่หยางไปซักผ้าที่ลำธาร เพราะคิดว่าวันนี้จะชวนเซียวลี่หยางไปหานั่งกินขนมที่อีกฟากของภูเขาด้วยกันมือเรียวหยิบนกหวีดที่พกไว้ออกมาเป่า เรียกม้าประจำตัวของเซียวลี่หยางให้รีบวิ่งมาหาอาชาสีขาวเมื่อสะบัดหลุดจากมือของเติ้งอู๋ได้ ก็รีบห้อตะบึงมาทางนางเช่นเดียวกัน มันจำได้ว่าสตรีผู้นี้ชอบเอาผลไม้มาให้มันกินบ่อย ๆ ตอนที่มันถูกเจ้านายฝากไว้ที่คอกม้าในหมู่บ้านข้างล่าง ตอนนี้ก็นับว่าสตรีคนนี้เป็นเจ้านายอีกคนไปแล้ว"หว่านหว่านระวัง!" เซียวลี่หยางได้ยินเสียงนกหวีดก็ทิ้งฉูโถว[1]ที่อยู่ในมือ แล้วรีบวิ่งมาหาภรรยาที่หน้ารั้วไม้ ตอนนั้นก็เห็นว่าม้าของตัวเองพุ่งทะยานเข้ามา ทว่าเขาช้าไปหนึ่งก้าว ม้าของเขากำลังจะเหยียบภรรยาเข้าให้แล้ว ด้วยคิดว่าม้าของตนกำลังจะทำร้ายภรรยา หัวใจก็ดิ่งวูบราวกับไม่เคยเต้นมาก่อนแต่
ตอนพิเศษ 6เติ้งอู๋จากไปคราวนี้ หวนกลับมาอีกคราก็เป็นตอนที่ต้นอ่อนของต้นมะเขือเทศที่เซียวลี่หยางปลูกไว้เริ่มโตจนใกล้ออกดอกได้แล้วอีกฝ่ายกลับมาถึงพร้อมกับหิมะที่ปกคลุมอยู่ทั่วศีรษะและหัวไหล่ของเขา ดูท่าแล้วอากาศข้างนอกภูเขาคงจะเข้าสู่เหมันต์ฤดูเต็มตัวแล้วแต่ตอนที่มาถึง ในตัวของเขาก็ดูเหมือนไม่ได้จะพกงูชนิดที่ตามหามาด้วยเลยเสวี่ยหว่านรีบเดินไปต้มชาร้อน ๆ มาให้เขาดื่มก่อนเป็นอย่างแรก ยามนี้ด้านในกระท่อมฝั่งที่เคยเป็นครัวและพังไปในครั้งแรกก็ถูกซ่อมแซมใหม่แล้ว แต่เสวี่ยหว่านไม่ได้ย้ายครัวกลับเข้ามา เพียงทำเป็นที่ชงชาและไว้เก็บขนมเท่านั้น เผื่อตอนดึกเวลาหิวจะได้ไม่ต้องเดินออกจากตัวเรือนไปต้มน้ำร้อนแถมไม่นานมานี้ ก็ยังได้จ้างช่างมาทำชุดโต๊ะนั่งเล่นสำหรับใช้นั่งดื่มน้ำชาไว้ในส่วนของตรงนี้เพิ่มด้วย และไม่ลืมที่จะเพิ่มเก้าอี้เป็นสามที่นั่ง เวลานี้จึงมีที่นั่งเพียงพอสำหรับสามคนพอดีเสวี่ยหว่านเพิ่งจะเทน้ำร้อนใส่ใบชา เซียวลี่หยางก็มาขอรับช่วงต่อแทน นางจึงเดินกลับไปนั่งรอที่โต๊ะซึ่งอยู่ห่างกันไม่เกินสามก้าวจากที่ชงชา"เจ้าไม่ได้นำงูมาด้วย" เสวี่ยหว่านยังคงไม่อ้อมค้อมเช่นเคย"ขอร
ตอนพิเศษ 5เติ้งอู๋จากไปเมื่อคืน แต่เมื่อดวงอาทิตย์สาดส่องที่ผืนดินอีกครั้ง เขาก็วนกลับมาอีกรอบ เมื่อวานเขาถูกเจ้านายสั่งให้ไปจับงูพิษและหาข้อมูลมาให้นายหญิงโดยไม่ต้องบอกเจ้าตัว แต่เขาก็เพิ่งจะนึกได้ว่าอีกฝ่ายวานให้เขานำของไปมอบให้ตระกูลหงด้วยหากจะลงเขาไป ในตอนนั้นเขาปิดบังท่านอ๋อง ช่วยนายหญิงทำเรื่องมากมายโดยไม่รายงานผู้เป็นนาย ครั้งนี้จึงต้องการไถ่โทษ จะบอกว่าเขาเป็นคนทรยศก็ได้ เพราะเขาก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน "ข้านึกว่าเจ้าจะจากไปโดยไม่บอกข้าเสียอีก" เสวี่ยหว่านที่กำลังยืนรดน้ำใส่แปลงผักที่สามีเพิ่งปลูกไปเมื่อวาน ก็เอ่ยทักโดยไม่หันไปมอง "ข้ากลับมาเอาของที่ท่านบอกจะมอบให้ตระกูลหง"เสวี่ยหว่านหยิบไม้แกะสลักที่มีชื่อตัวเองมอบให้เติ้งอู๋ไป ก่อนจะมอบขวดยาขวดหนึ่งให้เขาด้วย "ขวดยาเป็นของเจ้า" เห็นเขารับไปแล้วมองนางด้วยความสงสัยนางก็เอ่ยว่า "ข้าคิดว่าจะไว้ใจเจ้าได้เสียอีก"เติ้งอู๋รีบคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น มือทุบอกก้มหน้าลงต่ำ เขาถูกจับได้เสียแล้ว! ไหนนายท่านบอกจะปิดบังเรื่องที่เขาเล่าให้ฟังไว้เล่า ไม่ว่าจะนายหญิง ไม่ว่าจะนายท่าน หรือกระทั่งตัวเขา ต่างก็ไม่ใช่ทั้งนักรบแล







