"ท่านอ๋องสั่งให้คนเตรียมเรือนให้ข้า นี่คือสิ่งที่เจ้าทำได้ดีที่สุดแล้ว?" เจียงเยี่ยนฟางเอ่ยเนิบช้า ดวงตาจ้องมองบ่าวที่เริ่มตัวสั่นด้วยความกลัว "ไปพาคนมาทำความสะอาดเรือนให้ข้าใหม่"
"เพ... เพคะ พระชายา หม่อม หม่อม หม่อมฉันทราบแล้ว" สาวใช้พยายามเค้นเสียงตอบ ไม่คิดว่าสตรีที่แม้จะตัวสูงกว่านางแต่ผอมบางพอ ๆ กันจะมีแรงมากถึงขนาดนี้ หัวไหล่ของนางทั้งปวดทั้งชาไปหมด ซ้ำยังคิดว่าหากถูกบีบนานกว่านี้อีกนิด หัวไหล่ของตนคงหลุดเป็นแน่
"อ่อ อีกอย่าง..." เจียงเยี่ยนฟางโน้มใบหน้าลงไปกระซิบบอก "เรื่องนี้อย่าแพร่งพรายเล่า"
"เพคะ..." แรงกดที่บ่าทำเอานางแทบจะเอ่ยปากไม่ออก รีบก้มคำนับขอตัวจากไปทันทีที่มือดั่งเหล็กกล้าของคนตรงหน้าคลายออกแล้ว
ครั้นเมื่อคนจากไปแล้ว เจียงเยี่ยนฟางก็เดินกลับไปอีกทาง โผล่อีกทีที่ห้องครัวท้ายจวนในทิศฝั่งตรงข้ามแทน
ไอความร้อนสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาเหนือเตา กลิ่นหอมของอาหารที่อยู่ในเตาแผ่กระจายอบอวลในอากาศ
เสียงมีดสับลงเขียง เสียงของกระทะและกระบวยดังมาประปราย หรือกระทั่งเสียงการพูดคุยของผู้คนที่ดังมาไม่ขาดสาย ก็ช่วยบ่งบอกถึงการมีอยู่ของผู้คนได้เป็นอย่างดี
ณ ที่แห่งนี้ค่อยสมกับเป็นจวนของชินอ๋องซึ่งควรมีผู้คนอยู่มาก ๆ เสียหน่อย ช่างมีชีวิตชีวา รับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของผู้คน ต่างจากห้องหอสีแดงแสบตาเมื่อคืน และเรือนไม้เก่า ๆ ซึ่งเป็นที่อยู่ใหม่ของนางเมื่อครู่อย่างชัดเจน
"ข้าเคยบอกแล้วว่า ต่อให้เป็นถึงคนของตระกูลเจียงแล้วอย่างไร ดูเอาเถิด สุดท้ายไม่พ้นคืนเข้าหอก็ถูกท่านอ๋องสั่งย้ายไปเรือนร้างด้านหลังแล้ว นี่ยังว่าท่านอ๋องทรงใจดีมีพระเมตตา ให้นางย้ายไปในตอนเช้าแทน!"
"ท่านอ๋องชมชอบพระชายากู่เพียงผู้เดียว หากมิใช่มีสมรสมงคลถูกประทานลงมา มีหรือท่านอ๋องจะตบแต่งสตรีนางอื่นเข้าจวน" พวกนางต่างก็เห็นกันมาตลอดว่าที่ผ่านมาท่านอ๋องเอาใจพระชายากู่เพียงไร ดังนั้นสตรีอีกคนที่เพิ่งถูกยัดเยียดมาให้ ในไม่ช้าก็เป็นเพียงคนไร้ค่าผู้หนึ่งในจวน อีกทั้งใครต่อใครก็รู้ว่า แม้ตระกูลเจียงจะหอบสินเดิมตามติดขบวนเจ้าสาวมามากมาย แต่สตรีผู้นั้นก็เดินทางมาเพียงลำพัง ไร้สาวใช้ ดูก็รู้ว่ามีฐานะอย่างไรในตระกูล ช่างไม่คู่ควรกับท่านอ๋องของพวกนาง!
"เมื่อเช้าอาหลี่แบกน้ำไปส่งที่เรือนใหญ่ จำต้องผ่านห้องหอ เจ้านั่นเห็นคุณหนูใหญ่เจียงกำลังเดินไปที่โรงเก็บฟืนเก่าด้านหลังจวน ทั้งยังบอกว่านางปิดหน้าปิดตา คงเป็นสตรีที่งดงามผู้หนึ่ง" สาวใช้ที่กำลังล้างกระทะใบใหญ่อยู่ก็หันมาพูด
"ต่อให้นางงดงามแล้วมีประโยชน์อันใด อย่างไรเสียก็ไม่มีทางที่ท่านอ๋องจะสนใจอยู่แล้ว"
เสียงกลั้วหัวเราะของคนด้านในครัวก็ดังตามมาหลังจากจบประโยคนั้น
แต่เรื่องสนุกปากของพวกนางไหนเลยจะจบภายในสองสามประโยค ย่อมต้องพูดต่อจนจะพอใจ
"ชาวบ้านบอกว่าคุณหนูใหญ่เจียงถูกส่งไปอยู่ต่างเมืองหลายปี มิใช่ว่านิสัยก็อาจจะหยาบกระด้าง ไม่สมเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่หรอกรึ เมื่อวานท่านอ๋องถึงได้ไล่นางไปเรือนไม้ด้านหลังเพื่อดัดนิสัย บ่าวที่เฝ้ายามกลางคืนยังเล่าอีกว่าเพราะนางทำสุรามงคลหล่นแตกจึงถูกลงโทษเช่นนั้น
แต่น่าแปลกยิ่งนัก เรื่องแค่นี้จะต้องถึงขั้นต้องไล่ไปนอนในเรือนไม้พัง ๆ แบบนั้นเลยรึไร ห้องสาวใช้ของพวกเรายังจะดีกว่าเสียอีก ปกติท่านอ๋องก็ไม่ได้มีนิสัยโหดร้ายขนาดนั้น" คนพูดหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าว่า "หรือบางทีสตรีผู้นั้นพอเห็นว่า ท่านอ๋องของพวกเรารูปงามมากขนาดไหน ก็ห้ามใจไม่อยู่ขึ้นมา เผลอกระโจนเข้าใส่ มิใช่เพราะไม่สำรวมเช่นนั้นหรือไร ท่านอ๋องถึงได้ไล่นางไปให้ไกลตา!"
เจียงเยี่ยนฟางที่แอบฟังอยู่ก็ได้แต่เค้นเสียงเย็นในใจ ท่านอ๋องของพวกนางก็รูปงามสมคำร่ำลืออยู่หรอก แต่พวกบ่าวในจวนแห่งนี้คงลืมไปแล้ว ว่าชาวบ้านเองก็ร่ำลือถึงเรื่องที่ตรงนั้นของชินอ๋องผู้เกรียงไกรใช้การไม่ได้แล้วเช่นกัน ต่อให้นางจะหน้ามืดตามัวหลงในรูปโฉมเพียงไร แต่จะไปทำอะไรกับคนพิการได้เล่า
แม้นเรื่องราวที่พ่นออกมาจากปากสาวใช้ในครัวจะมีแต่เรื่องของนาง แต่ยามนี้เจียงเยี่ยนฟางก็ไม่ได้คิดอยากจะแสดงตัวออกไป แล้วลากพวกนางมาลงโทษอย่างที่ควรทำ หากแต่เพียงรอจังหวะเหมาะที่จะจัดการเรื่องที่ตั้งใจแทน ไม่มีเวลามาใส่ใจสาวใช้พวกนี้
ช่วงเวลาเดียวกันก็มีบ่าวชายคนหนึ่งกำลังเดินผ่านนางเข้าไปในครัวพอดี เจียงเยี่ยนฟางจึงขยับตัวไปขวางไว้ก่อน "พี่ชายพอดีข้ามีเรื่องจะรบกวน" เห็นอีกฝ่ายลอบสังเกตนางพลางพยักหน้าให้ นางก็พูดสิ่งที่ต้องการต่อ "เมื่อวานดูเหมือนว่าพระชายาจะทำสุรามงคลตกแตก ข้าจึงมารับสุรามงคลใหม่อีกรอบ เพื่อนำไปมอบให้ท่านอ๋องตามคำสั่งของพระชายา"
"...จะดื่มสุราตอนนี้?" บ่าวชายมีสีหน้างุนงง แต่เพราะไม่คุ้นหน้าสตรีผู้นี้มาก่อน ซ้ำการแต่งตัวก็ไม่เหมือนคนของที่นี่ เขาจึงคิดไปแล้วว่า อีกฝ่ายอาจจะเป็นคนของพระชายาพระนางใหม่ที่ถูกส่งตามมาทีหลังก็เป็นได้ "เจ้ารออยู่ที่นี่ข้าจะไปเอามาให้ เข้ามากินข้าวก่อนเถิด ปกติพวกเราจะกินหลังจากเจ้านายกินเสร็จแล้ว แต่เจ้าคงต้องรีบกลับไป เช่นนั้นเจ้าเอาผักตะกร้านี้เข้าไปในห้องครัวแทนข้า ส่วนข้าจะไปเอาสุรามาให้"
เขารู้ว่าคนในจวนต่างไม่สนใจพระชายาที่เพิ่งแต่งเข้ามาใหม่ เมื่อครู่บรรดาแม่ครัวก็ยังพูดเรื่องของอีกฝ่ายเสียงดังออกมาข้างนอกอยู่เลย แต่บ่าวที่ติดตามพระชายามาไม่ได้มีความผิดด้วย แถมเพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่คงไม่รู้ต้องหาอะไรกินได้ที่ไหน เขาเลยโบกมือให้เจียงเยี่ยนฟางเข้าไปในครัว พร้อมยื่นตะกร้าผักให้นาง
"ขอบคุณพี่ชาย รบกวนท่านแล้ว" เจียงเยี่ยนฟางรับตะกร้ามา พลางพยักหน้าแผ่วเบา นิสัยต่างกับเมื่อครู่ที่เพิ่งจะข่มขู่สาวใช้อีกคนมา นางไม่ใช่คนเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ใครทำดีมาก็ดีตอบ อย่างเช่นบ่าวชายคนนี้
พอคนจากไปแล้ว เจียงเยี่ยนฟางก็เดินเข้าไปในห้องครัว เสียงพูดคุยได้หยุดลงไปตั้งแต่เมื่อครู่ยามที่นางตะโกนพูดเรื่องสุราอยู่ด้านนอกแล้ว เวลานี้สายตาของคนในครัวทั้งหมดจึงตกต้องมาที่นางอย่างระแวดระวัง
"ไม่เห็นมีใครบอกว่าตระกูลเจียงส่งคนติดตามมาด้วย" สาวใช้หนึ่งในนั้นกระซิบถามคนข้าง ๆ มองดูการแต่งตัวของสตรีหน้าประตูครัวที่ปิดหน้าปิดตาเหมือนคนที่พวกนางพูดถึงไปเมื่อครู่ ต่างก็คิดว่านี่อาจจะเป็นการแต่งตัวของคนในแถบพื้นที่ที่คุณหนูใหญ่เจียงไปอาศัยอยู่ตั้งแต่วัยเยาว์ จึงไม่เกิดความระแวงสงสัยว่านี่แหละ คือพระชายาพระนางใหม่ที่พวกนางเพิ่งจะนินทากันไป เพราะเมื่อครู่อีกฝ่ายก็ตะโกนเสียเสียงดังลั่นอยู่ข้างนอกว่าตนมาตามรับสั่งของพระชายา
"เจ้ายังไม่รู้ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร!" สาวใช้ที่อยู่ข้างกันรีบกัดฟันตอบกลับแบบไม่เปิดปาก ดวงตาก็จดจ้องมองผู้มาเยือนที่ในมือถือตะกร้าผักไว้ ซึ่งนางจำได้ว่าตัวเองเพิ่งจะใช้อาฉู่ไปเอามาให้ แต่อย่างไรก็ปักใจเชื่อไปแล้วว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนในจวนชินอ๋องแน่ ๆ
------
ไรท์ขอโทษสำหรับชื่อตอน แต่มันตลกดีชอบ จ๊ะเอ๋ พวกคนครัว ว่าไงจ๊ะ แต่คนพวกนี้เราทำไรมากไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวเนื้อเรื่องมันยาวไม่ใช่ไร 55555ヽ (´▽) ノ
ทางฝั่งเจียงเยี่ยนฟางคราแรกนางยังคงทรงตัวได้ดี ไม่ได้ล้มพับลงไป แต่พอเห็นอีกฝ่ายดูเหมือนจงใจล้ม นางก็ล้มไปด้วยเสียเลย! ทว่านางไม่ได้โชคดีที่จะมีคนช่วยเป็นเบาะรองนั่งให้ จึงล้มลงไปกระแทกพื้นไม้หน้าเรือนอี้เต็ม ๆ"เจ้า! เหตุใดจึงเดินไม่มองทางเช่นนี้!" สาวใช้ที่กำลังประคองร่างเจ้านายตนเองอยู่ก็ตวาดออกมา หากแต่เมื่อหันไปมองฝั่งตรงข้ามแล้วได้พบว่าหงเปาก็ยืนอยู่หน้าเรือนด้วย นางก็รีบเงียบเสียงลงทันที เมื่อครู่ตอนที่พวกนางเดินมาใกล้ถึงหน้าเรือนก็ไม่ทันเห็นว่าเขาอยู่ตรงนั้นมาก่อน ด้วยเพราะเจ้าตัวโดนคนตัวสูงอีกคนบังจนมิด"ใจเย็นเถิดหลิงหลิง นางคงไม่ได้ตั้งใจ" กู่เยว่ชิงตบมือคนของตนเบา ๆ ท่าทางกริยานุ่มนวล น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยก็อ่อนหวานระรื่นหูน่าฟัง ใบหน้างดงามยังประดับรอยยิ้มบางเบา พลางแอบชำเลืองมองดูหงเปาที่รีบขยับเท้ามาใกล้พวกนางอย่างรีบร้อน พอเห็นว่าเขากำลังจะมาช่วยตนเอง มุมปากก็ยกขึ้นอีกนิด"พระชายา..." แต่หงเปากลับเลือกช่วยคนบนพื้นอีกคนแทน เพราะเห็นว่าสาวใช้อีกสองคนด้านหลังที่เดินตามพระชายากู่มา ไม่มีใครคิดจะมาช่วยคนเจ็บคราแรกคนกลุ่มนั้นยังคิดว่าหงเปาเอ่ยเรียกเจ้านายของตน แต่เมื่อเห็นอ
"เจ้ามาเอาข้าวไปให้คุณหนูใหญ่เจียงหรือ" สตรีวัยกลางคนเดินเข้ามาถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม มือเท้าสะเอวท่าทางเบ่งอำนาจข่มผู้มาอยู่ใหม่ แต่ในใจกลับกำลังหวาดหวั่นว่าคนผู้นี้ได้ยินที่พวกนางพูดคุยกันไปถึงไหนต่อไหนบ้าง แล้วจะปากสว่างหรือไม่เจียงเยี่ยนฟางส่ายหน้า นางจะกินตอนนี้เลย เพราะยังมีเรื่องที่ต้องไปทำอยู่ "ข้าแค่จะมากินข้าวเช้า ส่วนผักนี่ มีคนฝากข้ามาส่ง"สตรีที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าแม่ครัวได้ฟังแล้วก็รับตะกร้ามาถือไว้เอง พลางพูดเสียงแหลมหูว่า "จวนอื่นเป็นอย่างไรข้าไม่รู้ แต่จวนชินอ๋องปกติต้องรอให้เจ้านายกินเสร็จก่อน แต่เอาเถอะ มาถึงแล้วก็มากินก่อน แต่รอบหน้าไม่ได้แล้ว" พูดจบนางก็หมุนตัวเดินนำไปเจียงเยี่ยนฟางตอบรับเสียงเบาในลำคอ เดินตามหลังนางไปติด ๆ พอได้ถาดอาหารมาแล้วก็เดินไปนั่งกินที่ด้านนอกครัวแทน อาหารของบ่าวก็ไม่ได้ดีอะไรมากนัก แต่เจียงเยี่ยนฟางก็กินเหมือนเคยชินในรสชาติอันแสนธรรมดาตรงหน้าอยู่แล้วกระทั่งบ่าวรับใช้ชายคนนั้นกลับมา นางก็กินเสร็จแล้วพอดีและเพิ่งจะสวมผ้าปิดหน้ากลับคืนไป ครั้นเมื่อยืนขึ้นรับขวดสุรามาเปิดดมดูก็ขมวดคิ้วมุ่น "พี่ชาย ท่านแน่ใจว่าเป็นสุรามงคลแบบเดียวกันกับเม
"ท่านอ๋องสั่งให้คนเตรียมเรือนให้ข้า นี่คือสิ่งที่เจ้าทำได้ดีที่สุดแล้ว?" เจียงเยี่ยนฟางเอ่ยเนิบช้า ดวงตาจ้องมองบ่าวที่เริ่มตัวสั่นด้วยความกลัว "ไปพาคนมาทำความสะอาดเรือนให้ข้าใหม่""เพ... เพคะ พระชายา หม่อม หม่อม หม่อมฉันทราบแล้ว" สาวใช้พยายามเค้นเสียงตอบ ไม่คิดว่าสตรีที่แม้จะตัวสูงกว่านางแต่ผอมบางพอ ๆ กันจะมีแรงมากถึงขนาดนี้ หัวไหล่ของนางทั้งปวดทั้งชาไปหมด ซ้ำยังคิดว่าหากถูกบีบนานกว่านี้อีกนิด หัวไหล่ของตนคงหลุดเป็นแน่"อ่อ อีกอย่าง..." เจียงเยี่ยนฟางโน้มใบหน้าลงไปกระซิบบอก "เรื่องนี้อย่าแพร่งพรายเล่า""เพคะ..." แรงกดที่บ่าทำเอานางแทบจะเอ่ยปากไม่ออก รีบก้มคำนับขอตัวจากไปทันทีที่มือดั่งเหล็กกล้าของคนตรงหน้าคลายออกแล้วครั้นเมื่อคนจากไปแล้ว เจียงเยี่ยนฟางก็เดินกลับไปอีกทาง โผล่อีกทีที่ห้องครัวท้ายจวนในทิศฝั่งตรงข้ามแทนไอความร้อนสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาเหนือเตา กลิ่นหอมของอาหารที่อยู่ในเตาแผ่กระจายอบอวลในอากาศเสียงมีดสับลงเขียง เสียงของกระทะและกระบวยดังมาประปราย หรือกระทั่งเสียงการพูดคุยของผู้คนที่ดังมาไม่ขาดสาย ก็ช่วยบ่งบอกถึงการมีอยู่ของผู้คนได้เป็นอย่างดีณ ที่แห่งนี้ค่อยสมกับเป็นจวนของชิ
2 สุรามงคล มอบใหม่แด่ท่านแล้วหน้าห้องหอที่ไร้เจ้าบ่าว สาวรับใช้นางหนึ่งมาตะโกนปลุกเจียงเยี่ยนฟางตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง เพื่อจะพาอีกฝ่ายไปที่เรือนด้านหลังตามรับสั่งของเจ้านายด้วยเจียงเยี่ยนฟางเดิมก็เป็นคนที่ตื่นก่อนฟ้าจะทันได้เปลี่ยนสีอยู่ตลอด ดังนั้นจึงลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าได้สักพักแล้ว อาภรณ์บนกายของนางไม่ได้ดูหรูหราสมกับเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลขุนนางอย่างที่ควรจะเป็น หากแต่คล้ายชุดของบุรุษชาวบ้านทั่วไปเสียมากกว่า เนื้อผ้าก็ทั้งหยาบทั้งหนา สีก็ดูหม่นหมอง แถมยังใช้ผ้ารัดไว้ที่ข้อมือเหมือนกับชาวบ้านที่ต้องทำงานแบกหามทั้งวันนั้นก็ด้วยอีก คงมีเพียงผ้าปิดหน้าสีม่วงที่ดูดีอยู่เพียงชิ้นเดียวบนตัวนาง"เมื่อครู่คนจากวังหลวงเพิ่งจะมาส่งข่าวว่า ไทเฮาทรงพระอาการไม่ค่อยดี อยากพักผ่อน ไม่ต้องรบกวนเจ้าไปยกน้ำชาตามพิธี" สาวใช้ว่าพลางหมุนตัวเดินนำไปที่เรือนไม้ด้านหลังสุดของจวนทางทิศซี [1]"..." เจียงเยี่ยนฟางไม่ได้ตอบ นางคร้านจะใส่ใจผู้อื่นเป็นทุนเดิม เพียงเดินตามเงียบ ๆ พอไม่ต้องอยู่ต่อหน้าท่านอ๋องผู้นั้นนางก็ค่อยมีเวลาที่เลิกเสแสร้งบ้างระหว่างเดินอยู่ก็กำลังคิดว่า ต่อให้ตระกูลเจียงเป็นถึงขุน
แรกเริ่มเดิมทีชาวบ้านต่างก็รู้เพียงแค่นั้นจริง ๆ ทว่าพอมีพระราชโองการออกมา เจียงเยี่ยนฟางกลับโผล่มาจากไหนไม่มีใครรู้ได้ รู้กันอีกที นางก็คือบุตรสาวคนโตของตระกูลเจียง และเป็นผู้ที่ได้รับพระราชทานสมรสลงมาแบบส้มหล่น [1] แทนน้องสาวไปแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าเพราะนางเป็นบุตรคนโต การแต่งงานครั้งนี้จึงตกไปที่นางแทนเจียงเจียวเหม่ยทันทีและไม่กี่วันก่อนถึงเพิ่งมีข่าวลือเกี่ยวกับนางหลุดรอดออกมา นั่นก็คือสิ่งที่หงเปาพูดไปก่อนหน้านี้"หากไม่เกิดเรื่องขึ้น เจียงเยี่ยนฟางคงถูกปล่อยทิ้งไปทั้งอย่างนั้น ขุนนางเจียงมีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โต ทั้งก้าวหน้าและมีชื่อเสียง แต่โชคร้ายที่ไร้บุตรชายสืบสกุล หากจะทำให้ตระกูลมั่นคงก็ต้องใช้บุตรสาวช่วยค้ำจุน จำต้องให้บุตรสาวไปตบแต่งสามีดี ๆ เข้ามาแทน และทั้งที่มีบุตรสาวถึงสองคน เหตุใดถึงได้ปล่อยปละละเลยอีกคนไป ไม่ใช้ประโยชน์จากนางตั้งแต่แรกกัน" เซียวลี่หยางหยิบกระดาษเล็กแผ่นหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ แล้วยื่นไปให้หงเปารับไว้หงเปาที่เพิ่งจะพาเจ้านายกลับมาถึงเรือนอี้พอดีก็รับไปเปิดอ่าน "นางไม่ใช่บุตรสาวของฟู่ฮูหยิน" เขาจำเจ้าของลายมือในกระดาษแผ่นนี้ได้ เป็นเติ้งอู๋ที่ถู
"..." เจียงเยี่ยนฟางที่ใบหน้านองไปด้วยน้ำตาจนผ้าปิดหน้าเปียกลู่แนบไปกับหน้าก็ได้แต่เงยหน้าขึ้นตามแรงดึง ต้องสบตาเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในแววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวที่มิอาจเอื้อนเอ่ยความน้อยใจออกมา"อย่าทำให้ข้าต้องเดือดร้อน จงอยู่อย่างไร้ตัวตนไปเถิด เส้นทางนี้เป็นเจ้าเลือกเอง ก็ต้องยอมรับชะตากรรมของเจ้าไป และเจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าในใจของข้ามีแค่เสี่ยวชิงเพียงผู้เดียว ที่ตบแต่งเจ้าเข้ามาก็เพียงเพราะพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้เท่านั้น อย่าหวังว่าข้าจะชายตามองเจ้า รักเจ้า เห็นเจ้าเป็นพระชายาในจวนของข้าอีกคน!"น้ำเสียงของเซียวลี่หยางนุ่มนวลน่าฟัง ดุจดั่งกำลังขับขานบทกวี แต่ก็กลับเด็ดขาดไปในตัวครั้นกล่าวจบเขาผลักหน้านางออกไปเหมือนสัมผัสโดนของสกปรก ซ้ำยังจับมือของนางออกจากหัวเข่าของตนเองอย่างแรง จนร่างที่เกาะเขาไว้เสมือนเป็นที่พักพิงก็ไม่ทันตั้งตัว เซล้มลงไปด้านข้างอย่างไม่เป็นท่า "ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าก็ย้ายไปอยู่ที่เรือนหลังเถิด ทำให้เหมือนว่าเจ้าไม่เคยมีตัวตนมาก่อน ข้าอาจจะพอมีเมตตา ไว้ชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าให้ยังมีลมหายใจอยู่ได้""ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว" เจียงเยี่ยนฟางสะอื้