Inicio / รักโบราณ / สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ / บทที่ 4.3 คนรักของนาง หน้าตาดีไม่ใช่เล่น

Compartir

บทที่ 4.3 คนรักของนาง หน้าตาดีไม่ใช่เล่น

last update Última actualización: 2025-06-04 09:34:59

ดังเสียจนเจียงเยี่ยนฟางยังตกใจไปด้วย นางกำลังสนุกอยู่เลย อยากรู้ว่าใครจะวางเงินเดิมพันมากที่สุด และพวกเขาจะคาดเดาว่านางจะอยู่ได้นานเท่าไรกันบ้าง ส่วนเวลาในใจของนางนั้น ย่อมไม่เกินสองเดือนอย่างแน่นอน!

"หลีหมิ่น เจ้าเป็นอะไรของเจ้ากัน!" ห้องด้านข้างเริ่มโวยวายขึ้นมาอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงลากเก้าอี้เหมือนคนกำลังจะลุกขึ้น

"นี่! หลีหมิ่น!"

เจียงเยี่ยนฟางที่นั่งสงบนิ่งมาตั้งนานถึงกลับชะงักค้าง มือที่ถือจอกชาจะยกดื่มพลันรีบวางลงที่เดิม ก่อนหยิบจดหมายในสาบเสื้อออกมาดู หน้าซองจดหมายเขียนไว้ว่า 'พี่หลีหมิ่น' นิ้วเรียวจิกซองจดหมายแน่น ตัดสินใจลุกขึ้นทันที

ค่าห้องในครั้งนี้ ไม่คุ้มค่าเท่าไรแล้ว!

เมื่อเดินพ้นประตูห้องออกมานางยังคงได้ยินเสียงบ่นของคนในห้องตามมาไม่หยุด ส่วนด้านหน้าของนางเวลานี้ก็คือบุรุษร่างสูงในชุดสีน้ำเงินเข้มที่สะท้อนแสงไฟในหอน้ำชาจนมันเลื่อม ยิ่งยามที่อีกฝ่ายเร่งรีบเดินด้วยความเร็วเพราะไม่พอใจจะรีบจากไป ก็ทำให้เนื้อผ้าขยับไปมาอย่างพลิ้วไหว พาให้คนดูสูงส่ง เพียงแค่แผ่นหลังก็พานให้ผู้คนหลงใหลได้แล้ว

เวลาเดียวกันนั้น เจียงเยี่ยนฟางที่เคยนึกภูมิใจว่าตนเองขายาว เดินไวกว่าสตรีนางอื่น ก็รู้สึกถึงความพ่ายแพ้ขึ้นมา เพราะต่อให้นางจะสับเท้าอย่างเร่งรีบเพียงไร ก็แทบจะเดินตามบุรุษตัวโตที่ดูราวกับลอยหนีไปได้ไม่ทันเสียที และยิ่งพยายามตามให้ทันเท่าไร ก็ทำเอานางเกือบจะขาพันกันล้มหน้าคะมำอยู่รอมร่อ แต่จะให้นางวิ่งตามก็กลัวจะเป็นจุดเด่นจนเกินไป สุดท้ายพอพ้นนอกร้านมาแล้ว และพบว่าเส้นทางของประตูด้านหลังที่บุรุษตัวโตเดินออกมานั้นร้างไร้ผู้คน เจียงเยี่ยนฟางถึงได้ตัดสินใจออกเท้าวิ่งตามให้ทัน

"พี่หลีหมิ่น" พลางตะโกนเรียกอีกฝ่ายออกไป

"..." กั่วหลีหมิ่นชะงักเท้าลงในทันที หันกลับไปมองตามเสียงเรียก ใบหน้าที่ขมวดมุ่นด้วยความโมโหพลันคลายออกทีละน้อย

เมื่อได้เห็นหน้าอีกฝ่ายอย่างชัดเจน เจียงเยี่ยนฟางก็พึมพำกับตนเองว่า "เจียงเยี่ยนฟางหนอเจียงเยี่ยนฟาง บุรุษข้างกายเจ้าแต่ละคนหน้าตามิสามัญจริง ๆ" ฝ่ายตรงข้ามเองก็กำลังมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าที่ตรึงเครียดกลับแปรเปลี่ยนเป็นสงสัยแทน "พี่หลีหมิ่น?" นางเองก็ไม่มั่นใจ จึงเอ่ยเรียกเขาอีกรอบ แน่นอนว่าคนในห้องข้าง ๆ ก็เรียกอีกฝ่ายเช่นนั้น แต่ที่นางไม่มั่นใจก็คือ เขาใช่คนเดียวกันกับที่นางต้องการตามหาหรือไม่

เจียงเยี่ยนฟางจึงหยิบซองจดหมายคนละฉบับกับก่อนหน้านี้ออกมา ซองจดหมายฉบับนี้เก่าจนเป็นสีเหลือง หน้าซองคือชื่อของ 'เยี่ยนฟางตัวน้อย' เป็นตัวบรรจงอย่างสวยงาม บ่งบอกว่าผู้เขียนฝึกฝนและร่ำเรียนมามากเพียงใด มีฐานะสูงส่งขนาดไหน

นางขยับเท้าเดินไปอีกสามก้าว ก่อนจะยื่นจดหมายให้เขาดู ครั้นเมื่อบุรุษผู้นั้นกวาดตาลงมองจดหมายในมือ ดวงตาที่สงสัยก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเบิกโตด้วยความตกใจแทน

"เยี่ยนฟางตัวน้อย?"

"เป็นข้า" เจียงเยี่ยนฟางพยายามยกยิ้มจนมุมปากกระตุก จู่ ๆ ก็รู้สึกผิดขึ้นมา ในดวงตาที่ยังคงกระจ่างจึงดูไร้แววไปชั่วครู่

"เจ้า เจ้ามาช้าเหลือเกิน" กั่วหลีหมิ่นสาวเท้าเข้าไปหานาง เพียงก้าวทีเดียวก็ถึงตัวสตรีตรงหน้า หมายมั่นจะเข้าไปกอด ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายถอยหลบ "จริงด้วย... เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว" พลันนั้นสีหน้าก็เศร้าหมองลง

"..." เจียงเยี่ยนฟางก้มหน้าลงต่ำ ส่ายหน้าไปมาแผ่วเบา ท่าทางเศร้าสร้อยไม่ต่างกัน "ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าเป็นสตรีที่แต่งงานแล้วต่างหาก" น้ำเสียงเองก็แฝงไปด้วยความเสียใจระคนเสียดาย

"เยี่ยนฟางตัวน้อย ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้เต็มใจแต่งเข้าจวนชินอ๋อง" กั่วหลีหมิ่นจ้องมองมืองดงามของนาง ใจอยากจับขึ้นมากุมไว้ แต่ก็ทำได้เพียงจ้องมองอย่างเดียว

"แต่เป็นข้าที่ผิดสัญญา" เจียงเยี่ยนฟางหยิบจดหมายฉบับก่อนหน้านี้ที่หน้าซองเขียนชื่อของอีกฝ่ายออกมา แล้วยื่นให้เขาไป

กั่วหลีหมิ่นรับมาถือไว้ก็รู้สึกว่ามันไม่เหมือนที่เคยได้รับมาตลอดหลายปี พอก้มมองดูซองจดหมายยับยู่ยี่ในมือที่คล้ายมีอะไรใส่มาด้านในด้วย เขารีบเปิดมันออกดูก็พบว่าคือจี้หยกที่เขาเคยมอบให้อีกฝ่ายใช้เป็นสัญญาระหว่างกัน แต่มันกลับแตกไม่เหลือชิ้นดี "เจ้าหมายความว่าอย่างไร?"

"ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำแตก แต่ระหว่างทางเกิดเรื่องขึ้นมากมาย..."

"ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น เหตุใดถึงส่งคืนให้ข้า" กั่วหลีหมิ่นขยับเข้าไปใกล้อีกนิด แต่สตรีที่เขาโต้ตอบจดหมายหากันมานานหลายปีกลับถอยหนีเขาราวกับเจอแมลงที่หวาดกลัว ทำเอาความรู้สึกไม่ดีผสมผสานเข้ามาในจิตใจ

"พี่หลีหมิ่น อดีตก็คืออดีต เวลานี้ข้าแต่งเข้าจวนชินอ๋องแล้ว เรื่องราวที่ผ่านมา ท่านลืมมันไปเสียเถิด"

"แต่เยี่ยนฟางตัวน้อย..."

"เรียกข้าว่าเยี่ยนฟางเฉย ๆ จะเป็นสิ่งที่ข้านึกขอบคุณท่านอย่างมาก"

"เยี่ยนฟาง เจ้าก็รู้ว่าชินอ๋องไม่นานก็จะหย่ากับเจ้า รอหลังจากนั้นข้าก็จะไป..."

"แล้วอย่างไร! ถึงเวลานั้นแล้วอย่างไร สตรีที่หย่าร้างสุดท้ายก็ไม่มีใครต้องการ ท่านยอมรับได้ แล้วบิดาของท่านจะยินยอมหรือ ยิ่งตัวข้าเป็นสตรีที่ถูกตบแต่งให้คนในราชวงศ์ยิ่งแล้วใหญ่ ตระกูล กั่วจะแบกรับความกดดันไหวได้อย่างไร" แถมบางทีหากเกิดเรื่องเช่นนี้จริง นางอาจถูกสั่งเก็บเพราะไร้ประโยชน์แล้วก็เป็นได้ ดูอย่างที่คนพิการผู้นั้นจงเกลียดจงชังนางตั้งแต่ยังไม่รู้จักกันเถิด ถึงเวลาที่นางหลุดพ้นจากใต้ปีกเขาเมื่อไร ตัวนางจะเป็นอย่างไรก็ไม่อาจคาดเดาได้

"เยี่ยนฟางอย่าพูดเช่นนั้น ข้าไงที่ต้องการเจ้า ข้าจะคุยกับท่านพ่อให้ดี ขอเพียงเจ้ารอข้าก่อน ข้าจะรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย จะไปรับเจ้ากลับมา!" กั่วหลีหมิ่นพูดรวดเร็วยิ่งนัก ราวกับคิดประโยคนี้มาแล้วหลายตลบ จนในวันนี้ก็ได้บอกมันออกมาต่อหน้าสตรีที่ตนคนึงหามาหลายปี

"พี่หลีหมิ่น... เราเลิกพบกันเถิด ทำเช่นนี้มีแต่ท่านที่ลำบาก ต่อแต่นี้ไป ข้าจะเดินด้วยขาของตนเอง" เจียงเยี่ยนฟางถอยหลังอีกสองก้าว ยืนขาชิดกัน ผสานมือก้มตัวโน้มลงไปด้านหน้าครึ่งตัว เป็นการจากลาที่นับว่าตัดขาดอย่างแท้จริง

เมื่อนางยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ก็ได้สบตาเข้ากับดวงตาคู่สวยที่ดูเจ็บปวดจนยากจะบรรยายออกมาของอีกฝ่าย หากแต่ก็หาได้อยู่ในสิ่งที่นางต้องสนใจไม่ เจียงเยี่ยนฟางร่ำลาเป็นครั้งสุดท้ายเสร็จแล้วก็หมุนตัวจากไป

สิ่งที่ควรทำก็ทำแล้ว ไม่ติดค้างกันอีก

"เยี่ยนฟาง! เยี่ยนฟาง!"

นางยังคงได้ยินเสียงตะโกนเรียกตามหลังมาอีกหลายครา แต่ใบหน้าของนางที่ฉายชัดถึงความกังวลในเมื่อครู่ได้จางหายไปแล้ว แววตากลับมาเฉยชาดั่งเดิม

'เจียงเยี่ยนฟางรอมาเนิ่นนานแล้ว เป็นเจ้าที่ช้าจนเกินไป เวลานี้ยังมาร่ำร้องต้องการสิ่งใดอีก'

เส้นทางด้านหน้าช่างว่างเปล่า พานให้นึกเวทนาโชคชะตาของผู้คน ไม่มีใครสมดั่งที่ปรารถนาไปเสียหมด ไม่เว้นแม้แต่ชินอ๋องเทพสงครามผู้เกรียงไกร เคยทรงม้าออกรบอย่างองอาจ เวลานี้กลับทำได้เพียงนั่งอยู่บนรถเข็น เป็นตัวตลกให้ผู้คนเอ่ยถึง ช่างน่าขันนัก ผู้คนบ้างเกรงกลัวเขา บ้างเอาเขามาพูดสนุกปาก คนผู้หนึ่งทำเพื่อใครมากมายแล้วอย่างไร สุดท้ายไม่นานก็กลายเป็นเพียงเรื่องเล่าขานที่นานนับวันไป ผู้คนก็จะหลงลืมอยู่ดี

ตะวันใกล้ตกดินแล้ว นภาเริ่มอาบสีส้มเจือจาง ไล่สีฟ้าครามให้เลือนรางไปทีละส่วน

เจียงเยี่ยนฟางที่เดินเล่นไปทั่วตลาดหลังจากออกมาจากร้านน้ำชาได้สักพักแล้ว ก็คิดที่จะกลับจวนพอดี แต่ระหว่างทางก็พบว่ามีคนมาดักรอนางอยู่ก่อนแล้ว

Continúa leyendo este libro gratis
Escanea el código para descargar la App

Último capítulo

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 17.4 นางไหนจะเกรงกลัวผู้ใด

    ยามนี้ผ่านไปนานเกือบสิบเอ็ดปี จดหมายฉบับแรกนอกเหนือจากเงินที่เขาส่งมาให้ ก็คือเรียกข้ากลับไปแต่งงาน แต่ข้าไม่อยากแต่ง ข้ามีคนที่ข้ารัก...คนผู้นั้นเป็นเหมือนดั่งพี่ชายของข้า เป็นเหมือนดั่งสหายของข้า พวกเราเจอกันตั้งแต่ข้าอยู่ที่เมืองหลวง จนข้าจากไปไกลจึงทำได้เพียงเขียนจดหมายกลับไปหาเขา นับแต่นั้นมา ก็มีเขาที่ยังคอยห่วงหาข้าตลอด เราให้สัญญากัน ข้าเองก็รับปากแล้วว่าจะเป็นภรรยาของเขา" เวลามีเรื่องคิดไม่ตก เจียงเยี่ยนฟางมักจะติดนิสัยเดิม โดยชอบหยิบผ้าผูกผมที่ป้าซูทำให้มาจับเล่นอย่างเผลอตัว ในตอนนี้เองก็เช่นกันเสวี่ยหว่านมองตามมือของนางไปก็พบว่าสิ่งที่นางจับอยู่คือผ้าผูกผมรูปดอกไม้ที่มีปักลายเฉพาะ ผ้าผูกผมชิ้นนั้นดูไม่เข้ากับชุดที่เจียงเยี่ยนฟางขอสลับของนางไปใส่แม้แต่น้อย จังหวะต่อมาจึงเงยหน้าสบตาอีกฝ่ายแล้วถาม "...แล้วคนผู้นั้นตอนนี้เขารู้หรือไม่ว่าท่านกำลังจะไปแต่งงาน"เสวี่ยหว่านเป็นหมอยาพิษ การทำงานในจุดนี้ของนางย่อมพบเจอคนตายมาไม่น้อย จิตใจนับว่าด้านชาจนแทบไร้ความรู้สึก ยิ่งไม่สนใจเรื่องความรัก ยิ่งเมื่อได้ฟังก็เกิดสับสน บุรุษผู้นั้นดูแล้วน่าจะไม่ใช่คนธรรมดาที่สามารถเข้าออกจวนขุนนางจ

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 17.3 เรื่องราวของจุดเริ่มต้น

    เรื่องนี้เป็นความลับของนาง แต่ก็ไม่คิดจะปิดบังคนที่ช่วยชีวิตตนเองไว้ อีกทั้งนางก็ทะนงตนว่า สตรีตัวเล็กเช่นคนตรงหน้าไม่มีทางทำอะไรตนเองได้ หรือต่อให้อีกฝ่ายเอาเรื่องนางไปป่าวประกาศบอกผู้อื่นจนนางเดือดร้อน นางก็คิดว่านางสามารถแบกรับไหว"!!!" สองคนในรถม้าต่างตกใจ คนที่จะทำงานด้านนี้ได้มือต้องแปดเปื้อนมาไม่น้อย แต่สตรีตรงหน้าถึงจะไม่ค่อยยิ้ม ใบหน้าเรียบนิ่ง แต่น้ำเสียงกลับน่าฟัง ท่าทางไม่ถึงขั้นอ่อนหวานเหมือนสตรีที่ได้รับการอบรม แต่ท่าทางก็ดูนุ่มนวลไม่หยาบกระด้าง การพูดการจาก็ดูมีมารยาทไม่ทำตัวโผงผาง หากบอกว่าเป็นบุตรสาวตระกูลร่ำรวยพวกนางก็เชื่อ ไหนเลยจะถูกอีกฝ่ายใช้รูปลักษณ์ภายนอกมาตบตาเข้าให้แล้ว"คุณหนูทั้งสองไม่ต้องตกใจไป ผู้ที่มีบุญคุณ เสวี่ยหว่านผู้นี้ ย่อมไม่คิดร้ายด้วย อีกทั้งก็เป็นเพียงผู้ทำยาพิษและยาแก้พิษ ไม่ใช่ผู้ใช้พิษเสียหน่อย" เรื่องหลังนั้น... แน่นอนว่า ย่อมโกหกไปเจ็ดส่วน!อีกสองสามวันต่อมา เสวี่ยหว่านผู้นี้ก็ไม่ยอมจากไปเสียที จนซูเจียวเริ่มทนไม่ไหว ในตอนที่อยู่บนรถม้าก่อนจะลงไปเช่าโรงเตี๊ยมในหมู่บ้านกวนพักผ่อน นางก็เอ่ยปากถามด้วยตนเอง"พี่เสวี่ยหว่าน ท่านคิดจะไปที่ใดกันแน

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 17.2 บุญคุณครั้งเดียว จดจำจนตาย

    "เป็นคน เมื่อครู่ ข้ามั่นใจ!" เจียงเยี่ยนฟางตะโกนบอกไประหว่างทาง ดวงตาจ้องมองมือที่โผล่ขึ้นเหนือน้ำเพียงสองครั้งแล้วจมหายไป แต่ใต้ผืนน้ำที่ไหลแรงก็ยังพอมองเห็นเงาร่างสีม่วงเข้มได้เลือนราง"คน? คนอะไรไปอยู่... ไม่ ๆ ๆ คนที่ไหนจะโดนน้ำพัดขนาดนี้แล้วยังรอด คุณหนู อย่า ไม่!" ซูเจียวเพิ่งจะรู้สึกไปเมื่อครู่เองว่า สายน้ำเส้นนี้นั้นไหลแรงเกินไปจนน่ากลัวไม่อยากเข้าใกล้ และไม่อยากแม้แต่จะข้ามสะพานไม้นั้นอีกรอบอยู่เลย แต่คุณหนูของนางพูดแค่ 'เป็นคน' แล้วก็กระโจนลงน้ำไปได้อย่างไร!ซูเจียววิ่งตามไปหยุดอยู่ตรงจุดที่เจียงเยี่ยนฟางเพิ่งจะกระโดดลงไปเมื่อครู่ "คุณหนู คุณหนู!" นางตะโกนหาอีกฝ่ายพร้อมดวงตาก็กวาดมองไปทั่วผืนน้ำ หัวใจเต้นไม่หยุดด้วยความกลัว ถึงแม้นางจะบอกว่าตนไม่ค่อยชอบเจียงเยี่ยนฟางเพราะรู้สึกว่าตนอยู่ต่ำกว่าเสมอ แต่เมื่อถึงเวลาคับขันแห่งความเป็นความตาย นางกลับรู้สึกเป็นห่วงคนที่โตมาด้วยกันอย่างน่าประหลาดซูเจียวถอดรองเท้าและเสื้อตัวนอกออก หวังกระโดดลงน้ำไปดึงเจียงเยี่ยนฟางขึ้นมา ในระหว่างที่กำลังถอดเสื้อตัวนอกออกอยู่นั้น ก็ไม่หยุดสายตาสอดส่องมองหาคนไปทั่วผืนน้ำแต่ไม่ทันที่นางจะกระโดดลงไป

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 17.1 เรื่องราวเมื่อเดือนก่อน

    บทที่ 17วาสนาได้พานพบผู้มีบุญคุณเพียงชั่วครู่สารทฤดูเริ่มต้นไปได้ครึ่งทางแล้ว ใบไม้รอบด้านเริ่มเปลี่ยนสียามเมื่อออกเดินทางเวลานี้ ถือว่าเป็นผลพลอยได้ที่จะได้ชื่นชมธรรมชาติไปในตัวแต่คนบนรถม้าคันหนึ่งที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงกลับดูเป็นกังวลไม่น้อย"คุณหนู ท่านจะแต่งเข้าจวนอ๋องจริงหรือเจ้าคะ" ซูเจียวนั่งอยู่บนพื้นของรถม้าก็เอ่ยถามสตรีอีกคนที่นั่งอยู่บนเบาะ ที่ผ่านมาตัวนางถูกเลี้ยงดูมากับสตรีตรงหน้า อยู่ด้วยกันในบ้านหลังเล็กที่เมืองลี่เจียง ดุจดั่งเป็นครอบครัวเดียวกันทว่าตั้งแต่เยาว์วัย มารดาของนางชอบบังคับให้นางเรียกอีกฝ่ายว่าคุณหนูอยู่ตลอด คราแรกนางไม่เข้าใจ และทุกครั้งที่ตีตัวเสมอเจียงเยี่ยนฟาง นางก็จะถูกมารดาดุด่าเป็นประจำ ตักเตือนให้นางนอบน้อมกับเจียงเยี่ยนฟางให้มากหน่อย นางก็ต้องทำโดยไม่สามารถอิดออดได้ ทั้งที่เจียงเยี่ยนฟางก็ถูกมารดาใช้งานหนักพอ ๆ กัน ไม่เคยปล่อยปละละเลยให้อีกฝ่ายทำเพียงแค่นอนและกินเหมือนคุณหนูจริง ๆ ต่างต้องทำงานทุกอย่างให้เป็นกระทั่งไม่กี่วันก่อนคุณหนูของนางได้รับจดหมายจากบิดาที่ทอดทิ้งตัวเองไปนาน เรียกตัวกลับเมืองหลวงเพื่อแต่งงานเข้าจวนชินอ๋อง!ชินอ๋อง

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 16.3 + บทที่ 16.4 มีผู้บุกรุก+ผู้เกรียงไกรก็มีวันล้มเป็น

    เจียงเยี่ยนฟางกลับมายังร้านน้ำชาอีกครั้งพร้อมถุงซาลาเปาในมือ คนที่รอนางอยู่ก็ได้ย้ายตัวเองไปบนรถม้าอยู่ก่อนแล้ว พอนางมาถึง บรรยากาศก็ผิดแผกไปอย่างเห็นได้ชัด เซียวลี่หยางไม่พูดไม่จาอันใดแม้ครึ่งคำแต่...ไม่พูดไม่จาก็แล้วไปเถิด นางอาจมาช้าทำให้เขารอนานจนเกิดไม่พอใจขึ้นมา เรื่องนั้นก็พอเข้าใจได้ ทว่าแววตารังเกียจที่เหมือนคราแรกพานพบกันในห้องหอนั้น กลับมาปรากฏบนสายตาเขาอีกครั้งนี่สิ นางถึงได้รู้สึกแปลกใจขึ้นมาคนผู้นี้เช้าเป็นอย่าง ดวงตะวันคล้อยบ่ายก็เป็นอีกอย่าง นางคาดเดาเขาไม่ได้เลยยามเมื่อเดินทางกลับมาถึงจวนแล้ว คนในรถม้าที่นั่งมากับนางนานสองนานก็ไม่รอให้นางออกไปก่อน เขารีบเรียกหงเปามาพาตัวเองเข็นรถลงไปทันทีที่รถม้าหยุดลง ประหนึ่งว่าไม่อยากใช้ลมหายใจในรถม้าร่วมกับนางนานกว่านี้ จึงทิ้งนางไว้เบื้องหลังไม่ใส่ใจ"เมื่อเช้ายังไปด้วยกันดี ๆ อยู่เลย ยามนี้ท่านอ๋องเหมือนจะกำลังไม่พอใจอยู่..." สาวใช้ที่อยู่ไม่ไกลก็พากันซุบซิบนินทา คิดว่าระยะขนาดนี้พระชายาเจียงน่าจะไม่ได้ยิน"แปลกอันใดกัน ที่ผ่านมาท่านอ๋องกับพระชายากู่ที่มักตัวติดกันตลอด แต่ท่านอ๋องก็นิ่งสงบปานท่อนไม้ขนาดนั้น ดูอย่างไรก็ไม่เหม

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 16.2 ช่างน่ารังเกียจเกินไปแล้ว!

    "เร็วหน่อยก็ดี แล้วเร็วที่สุดของเถ้าแก่ราวกี่วัน""สองชิ้นก็เจ็ดวัน ข้าจะหาช่างฝีมือสองคนทำก็แล้วกัน จะได้รอไม่นานเกินนี้""เงินในถุงพอค่ามัดจำหรือไม่" เจียงเยี่ยนฟางหันมองถุงเงินที่หายไปอยู่ในมือเถ้าแก่ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้"พอ ๆ ๆ ๆ แม่นาง...อยากเน้นส่วนไหนเป็นพิเศษ แจ้งมาได้เลย" เถ้าแก่พอได้จับถุงเงินแล้วก็อารมณ์ดีขึ้นอีกห้าส่วน ดวงตาสะท้อนไปด้วยเงินทองอยู่ภายใน"เถ้าแก่จัดการได้เลย อีกเจ็ดวันข้าจะมารับ" เจียงเยี่ยนฟางกล่าวเสร็จก็เตรียมจากไป"แม่นางเดินทางปลอดภัย" เถ้าแก่ร้านมีท่าทีกระตือรือร้นกว่าตอนแรกที่เจียงเยี่ยนฟางเข้ามามากนัก ถึงขั้นเดินออกมาส่งด้วยตัวเองเจียงเยี่ยนฟางพอออกมาจากร้านเครื่องประดับแล้วก็ยังคงแวะไปอีกหลายแห่งเพื่อสั่งของที่นางอยากได้ กระทั่งมาหยุดยืนอยู่หน้าร้านขายเครื่องประดับแผงลอยข้างทางร้านหนึ่ง เป็นร้านเล็ก ๆ ที่เน้นไปทางเชือกผูกผมกับปิ่นที่ทำมาจากไม้ หากแต่สิ่งที่สะดุดตานางมากที่สุดไม่ใช่ผ้าไหมซึ่งถูกทออย่างประณีต แต่เป็นลายปักบนผ้าผูกผมอันแสนคุ้นตานั่นต่างหาก"คุณหนู สนใจผ้าผูกผมสักชิ้นหรือไม่ ลองดูก่อนได้ ไม่เสียหายอะไร"เจียงเยี่ยนฟางเงยหน้าขึ้นสบตาแม่ค

Más capítulos
Explora y lee buenas novelas gratis
Acceso gratuito a una gran cantidad de buenas novelas en la app GoodNovel. Descarga los libros que te gusten y léelos donde y cuando quieras.
Lee libros gratis en la app
ESCANEA EL CÓDIGO PARA LEER EN LA APP
DMCA.com Protection Status