Home / รักโบราณ / สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ / บทที่ 4.3 คนรักของนาง หน้าตาดีไม่ใช่เล่น

Share

บทที่ 4.3 คนรักของนาง หน้าตาดีไม่ใช่เล่น

last update Last Updated: 2025-06-04 09:34:59

ดังเสียจนเจียงเยี่ยนฟางยังตกใจไปด้วย นางกำลังสนุกอยู่เลย อยากรู้ว่าใครจะวางเงินเดิมพันมากที่สุด และพวกเขาจะคาดเดาว่านางจะอยู่ได้นานเท่าไรกันบ้าง ส่วนเวลาในใจของนางนั้น ย่อมไม่เกินสองเดือนอย่างแน่นอน!

"หลีหมิ่น เจ้าเป็นอะไรของเจ้ากัน!" ห้องด้านข้างเริ่มโวยวายขึ้นมาอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงลากเก้าอี้เหมือนคนกำลังจะลุกขึ้น

"นี่! หลีหมิ่น!"

เจียงเยี่ยนฟางที่นั่งสงบนิ่งมาตั้งนานถึงกลับชะงักค้าง มือที่ถือจอกชาจะยกดื่มพลันรีบวางลงที่เดิม ก่อนหยิบจดหมายในสาบเสื้อออกมาดู หน้าซองจดหมายเขียนไว้ว่า 'พี่หลีหมิ่น' นิ้วเรียวจิกซองจดหมายแน่น ตัดสินใจลุกขึ้นทันที

ค่าห้องในครั้งนี้ ไม่คุ้มค่าเท่าไรแล้ว!

เมื่อเดินพ้นประตูห้องออกมานางยังคงได้ยินเสียงบ่นของคนในห้องตามมาไม่หยุด ส่วนด้านหน้าของนางเวลานี้ก็คือบุรุษร่างสูงในชุดสีน้ำเงินเข้มที่สะท้อนแสงไฟในหอน้ำชาจนมันเลื่อม ยิ่งยามที่อีกฝ่ายเร่งรีบเดินด้วยความเร็วเพราะไม่พอใจจะรีบจากไป ก็ทำให้เนื้อผ้าขยับไปมาอย่างพลิ้วไหว พาให้คนดูสูงส่ง เพียงแค่แผ่นหลังก็พานให้ผู้คนหลงใหลได้แล้ว

เวลาเดียวกันนั้น เจียงเยี่ยนฟางที่เคยนึกภูมิใจว่าตนเองขายาว เดินไวกว่าสตรีนางอื่น ก็รู้สึกถึงความพ่ายแพ้ขึ้นมา เพราะต่อให้นางจะสับเท้าอย่างเร่งรีบเพียงไร ก็แทบจะเดินตามบุรุษตัวโตที่ดูราวกับลอยหนีไปได้ไม่ทันเสียที และยิ่งพยายามตามให้ทันเท่าไร ก็ทำเอานางเกือบจะขาพันกันล้มหน้าคะมำอยู่รอมร่อ แต่จะให้นางวิ่งตามก็กลัวจะเป็นจุดเด่นจนเกินไป สุดท้ายพอพ้นนอกร้านมาแล้ว และพบว่าเส้นทางของประตูด้านหลังที่บุรุษตัวโตเดินออกมานั้นร้างไร้ผู้คน เจียงเยี่ยนฟางถึงได้ตัดสินใจออกเท้าวิ่งตามให้ทัน

"พี่หลีหมิ่น" พลางตะโกนเรียกอีกฝ่ายออกไป

"..." กั่วหลีหมิ่นชะงักเท้าลงในทันที หันกลับไปมองตามเสียงเรียก ใบหน้าที่ขมวดมุ่นด้วยความโมโหพลันคลายออกทีละน้อย

เมื่อได้เห็นหน้าอีกฝ่ายอย่างชัดเจน เจียงเยี่ยนฟางก็พึมพำกับตนเองว่า "เจียงเยี่ยนฟางหนอเจียงเยี่ยนฟาง บุรุษข้างกายเจ้าแต่ละคนหน้าตามิสามัญจริง ๆ" ฝ่ายตรงข้ามเองก็กำลังมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าที่ตรึงเครียดกลับแปรเปลี่ยนเป็นสงสัยแทน "พี่หลีหมิ่น?" นางเองก็ไม่มั่นใจ จึงเอ่ยเรียกเขาอีกรอบ แน่นอนว่าคนในห้องข้าง ๆ ก็เรียกอีกฝ่ายเช่นนั้น แต่ที่นางไม่มั่นใจก็คือ เขาใช่คนเดียวกันกับที่นางต้องการตามหาหรือไม่

เจียงเยี่ยนฟางจึงหยิบซองจดหมายคนละฉบับกับก่อนหน้านี้ออกมา ซองจดหมายฉบับนี้เก่าจนเป็นสีเหลือง หน้าซองคือชื่อของ 'เยี่ยนฟางตัวน้อย' เป็นตัวบรรจงอย่างสวยงาม บ่งบอกว่าผู้เขียนฝึกฝนและร่ำเรียนมามากเพียงใด มีฐานะสูงส่งขนาดไหน

นางขยับเท้าเดินไปอีกสามก้าว ก่อนจะยื่นจดหมายให้เขาดู ครั้นเมื่อบุรุษผู้นั้นกวาดตาลงมองจดหมายในมือ ดวงตาที่สงสัยก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเบิกโตด้วยความตกใจแทน

"เยี่ยนฟางตัวน้อย?"

"เป็นข้า" เจียงเยี่ยนฟางพยายามยกยิ้มจนมุมปากกระตุก จู่ ๆ ก็รู้สึกผิดขึ้นมา ในดวงตาที่ยังคงกระจ่างจึงดูไร้แววไปชั่วครู่

"เจ้า เจ้ามาช้าเหลือเกิน" กั่วหลีหมิ่นสาวเท้าเข้าไปหานาง เพียงก้าวทีเดียวก็ถึงตัวสตรีตรงหน้า หมายมั่นจะเข้าไปกอด ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายถอยหลบ "จริงด้วย... เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว" พลันนั้นสีหน้าก็เศร้าหมองลง

"..." เจียงเยี่ยนฟางก้มหน้าลงต่ำ ส่ายหน้าไปมาแผ่วเบา ท่าทางเศร้าสร้อยไม่ต่างกัน "ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าเป็นสตรีที่แต่งงานแล้วต่างหาก" น้ำเสียงเองก็แฝงไปด้วยความเสียใจระคนเสียดาย

"เยี่ยนฟางตัวน้อย ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้เต็มใจแต่งเข้าจวนชินอ๋อง" กั่วหลีหมิ่นจ้องมองมืองดงามของนาง ใจอยากจับขึ้นมากุมไว้ แต่ก็ทำได้เพียงจ้องมองอย่างเดียว

"แต่เป็นข้าที่ผิดสัญญา" เจียงเยี่ยนฟางหยิบจดหมายฉบับก่อนหน้านี้ที่หน้าซองเขียนชื่อของอีกฝ่ายออกมา แล้วยื่นให้เขาไป

กั่วหลีหมิ่นรับมาถือไว้ก็รู้สึกว่ามันไม่เหมือนที่เคยได้รับมาตลอดหลายปี พอก้มมองดูซองจดหมายยับยู่ยี่ในมือที่คล้ายมีอะไรใส่มาด้านในด้วย เขารีบเปิดมันออกดูก็พบว่าคือจี้หยกที่เขาเคยมอบให้อีกฝ่ายใช้เป็นสัญญาระหว่างกัน แต่มันกลับแตกไม่เหลือชิ้นดี "เจ้าหมายความว่าอย่างไร?"

"ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำแตก แต่ระหว่างทางเกิดเรื่องขึ้นมากมาย..."

"ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น เหตุใดถึงส่งคืนให้ข้า" กั่วหลีหมิ่นขยับเข้าไปใกล้อีกนิด แต่สตรีที่เขาโต้ตอบจดหมายหากันมานานหลายปีกลับถอยหนีเขาราวกับเจอแมลงที่หวาดกลัว ทำเอาความรู้สึกไม่ดีผสมผสานเข้ามาในจิตใจ

"พี่หลีหมิ่น อดีตก็คืออดีต เวลานี้ข้าแต่งเข้าจวนชินอ๋องแล้ว เรื่องราวที่ผ่านมา ท่านลืมมันไปเสียเถิด"

"แต่เยี่ยนฟางตัวน้อย..."

"เรียกข้าว่าเยี่ยนฟางเฉย ๆ จะเป็นสิ่งที่ข้านึกขอบคุณท่านอย่างมาก"

"เยี่ยนฟาง เจ้าก็รู้ว่าชินอ๋องไม่นานก็จะหย่ากับเจ้า รอหลังจากนั้นข้าก็จะไป..."

"แล้วอย่างไร! ถึงเวลานั้นแล้วอย่างไร สตรีที่หย่าร้างสุดท้ายก็ไม่มีใครต้องการ ท่านยอมรับได้ แล้วบิดาของท่านจะยินยอมหรือ ยิ่งตัวข้าเป็นสตรีที่ถูกตบแต่งให้คนในราชวงศ์ยิ่งแล้วใหญ่ ตระกูล กั่วจะแบกรับความกดดันไหวได้อย่างไร" แถมบางทีหากเกิดเรื่องเช่นนี้จริง นางอาจถูกสั่งเก็บเพราะไร้ประโยชน์แล้วก็เป็นได้ ดูอย่างที่คนพิการผู้นั้นจงเกลียดจงชังนางตั้งแต่ยังไม่รู้จักกันเถิด ถึงเวลาที่นางหลุดพ้นจากใต้ปีกเขาเมื่อไร ตัวนางจะเป็นอย่างไรก็ไม่อาจคาดเดาได้

"เยี่ยนฟางอย่าพูดเช่นนั้น ข้าไงที่ต้องการเจ้า ข้าจะคุยกับท่านพ่อให้ดี ขอเพียงเจ้ารอข้าก่อน ข้าจะรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย จะไปรับเจ้ากลับมา!" กั่วหลีหมิ่นพูดรวดเร็วยิ่งนัก ราวกับคิดประโยคนี้มาแล้วหลายตลบ จนในวันนี้ก็ได้บอกมันออกมาต่อหน้าสตรีที่ตนคนึงหามาหลายปี

"พี่หลีหมิ่น... เราเลิกพบกันเถิด ทำเช่นนี้มีแต่ท่านที่ลำบาก ต่อแต่นี้ไป ข้าจะเดินด้วยขาของตนเอง" เจียงเยี่ยนฟางถอยหลังอีกสองก้าว ยืนขาชิดกัน ผสานมือก้มตัวโน้มลงไปด้านหน้าครึ่งตัว เป็นการจากลาที่นับว่าตัดขาดอย่างแท้จริง

เมื่อนางยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ก็ได้สบตาเข้ากับดวงตาคู่สวยที่ดูเจ็บปวดจนยากจะบรรยายออกมาของอีกฝ่าย หากแต่ก็หาได้อยู่ในสิ่งที่นางต้องสนใจไม่ เจียงเยี่ยนฟางร่ำลาเป็นครั้งสุดท้ายเสร็จแล้วก็หมุนตัวจากไป

สิ่งที่ควรทำก็ทำแล้ว ไม่ติดค้างกันอีก

"เยี่ยนฟาง! เยี่ยนฟาง!"

นางยังคงได้ยินเสียงตะโกนเรียกตามหลังมาอีกหลายครา แต่ใบหน้าของนางที่ฉายชัดถึงความกังวลในเมื่อครู่ได้จางหายไปแล้ว แววตากลับมาเฉยชาดั่งเดิม

'เจียงเยี่ยนฟางรอมาเนิ่นนานแล้ว เป็นเจ้าที่ช้าจนเกินไป เวลานี้ยังมาร่ำร้องต้องการสิ่งใดอีก'

เส้นทางด้านหน้าช่างว่างเปล่า พานให้นึกเวทนาโชคชะตาของผู้คน ไม่มีใครสมดั่งที่ปรารถนาไปเสียหมด ไม่เว้นแม้แต่ชินอ๋องเทพสงครามผู้เกรียงไกร เคยทรงม้าออกรบอย่างองอาจ เวลานี้กลับทำได้เพียงนั่งอยู่บนรถเข็น เป็นตัวตลกให้ผู้คนเอ่ยถึง ช่างน่าขันนัก ผู้คนบ้างเกรงกลัวเขา บ้างเอาเขามาพูดสนุกปาก คนผู้หนึ่งทำเพื่อใครมากมายแล้วอย่างไร สุดท้ายไม่นานก็กลายเป็นเพียงเรื่องเล่าขานที่นานนับวันไป ผู้คนก็จะหลงลืมอยู่ดี

ตะวันใกล้ตกดินแล้ว นภาเริ่มอาบสีส้มเจือจาง ไล่สีฟ้าครามให้เลือนรางไปทีละส่วน

เจียงเยี่ยนฟางที่เดินเล่นไปทั่วตลาดหลังจากออกมาจากร้านน้ำชาได้สักพักแล้ว ก็คิดที่จะกลับจวนพอดี แต่ระหว่างทางก็พบว่ามีคนมาดักรอนางอยู่ก่อนแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 50 (บทจบ) หัวใจเคียงข้าง ตัวข้าเคียงกายท่าน

    บทที่ 50หัวใจเคียงข้าง ตัวข้าเคียงกายท่านเมฆคล้อยเคลื่อนตามลมเปลี่ยนรูปร่างไม่ซ้ำแบบในความทรงจำ สุริยันหมุนเวียน ทิวาก็ต่างไม่เคยหยุดอยู่ที่เดิมคงมีเพียงป่าอันเงียบสงบแห่งนี้ที่ไม่ต่างจากเดิมมากนัก ไม่ว่าจะตั้งแต่ที่นางมาถึงในช่วงวสันตฤดู สาร์ทฤดู หรือกระทั่งยามนี้ที่เหมันต์ฤดูมาเยือน ล้วนคล้ายคลึงกันหมด เพียงแค่อาจจะมีดอกไม้มากหน่อยเป็นบางครั้ง หรือหนาวกว่าปกติเล็กน้อยเท่านั้นอีกอย่างไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวลือที่ไม่มีมูล ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าย่างกรายเข้ามาในนี้ สมุนไพรที่หายากจึงไม่ถูกแย่งไป แถมนางเองก็ไม่ถูกรบกวนอีกด้วย การเลือกปักหลักที่นี่จึงเป็นสิ่งที่นางภาคภูมิใจมากในช่วงนี้จนกระทั่งเส้นทางแต่เดิมที่เคยมีแค่นางย่างก้าวเดินเพียงลำพัง กลับปรากฏเงาร่างที่คุ้นเคยขึ้นมาคราแรกนางแปลกใจ แววตาหยุดนิ่งที่แผ่นหลังเหยียดตรงอันคุ้นเคย หากแต่เมื่อหัวใจที่หยุดเต้นไปแล้วส่งเสียงโครมครามอย่างตื่นเต้นดีใจออกมา ก็ทำให้นางเข้าใจว่า ตรงหน้านั่นคือความจริง หาใช่แบบที่ผ่านมา ที่คนผู้นั้นได้แต่อยู่ในฝันของนางเสวี่ยหว่านยกมือดึงหมวกสานที่สวมอยู่ลง โค้มตัวต่ำลงอีกนิด ดัดเสียงให้เป็นชายแก่ชรา เอ

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 49.3 บ้าน

    "ไม่ต้องตกใจ... ข้าไม่ได้จะไปแจ้งทางการ อย่างไรเสียยาพิษที่เจ้าได้ไปก็เป็นข้าเองที่ทำขึ้นมา ก่อนหน้านี้ข้าได้มอบมันให้คุณหนูเจียงไป หากเรื่องนี้รู้ถึงหูผู้อื่นก็คงเป็นข้าที่ตกที่นั่งลำบากเช่นกัน" เสวี่ยหว่านหลอกล่อนางให้ตายใจ แม้นในความจริงก็คิดจะทำอย่างที่พูดอยู่แล้วฉือเหยียนเองก็คิดว่าตนนั้นไม่มีอะไรให้ต้องเสียอีกแล้วเหมือนกัน หลังจากล้างแค้นได้แล้ว ก็เหลือเพียงนางตัวคนเดียว ยังคิดจะจบชีวิตอยู่หลายครั้งแล้ว ดังนั้นจึงยอมเล่าออกมาหมดทุกเรื่อง"ในปีนั้นฟู่ฮูหยินกลับบ้านเดิม แต่ใต้เท้าเจียงไม่สามารถตามติดนางไปได้ อ้างว่าเพราะทางวังหลวงมีเรื่องให้ใต้เท้าเจียงต้องจัดการอยู่ แต่ใครจะคิดว่านั่นเป็นแผนของเขาที่หวังจะจับบุตรสาวของข้าทำสาวใช้อุ่นเตียง คืนนั้นเขาแสร้งเมามาย ใช้บุตรสาวของข้าเป็นที่ระบายอารมณ์จนต่อมานางก็ตั้งท้อง สตรีโฉดชั่วผู้นั้นจึงทุบตีนางจนแท้ง และเพราะเลือดนางไหลไม่หยุด บุตรสาวที่น่าสงสารของข้าก็สิ้นลมหายใจ เวลานั้นข้ายังเหลือสามีอยู่เคียงข้าง ทำให้พอยังทนแบกรับเรื่องราวได้ไหวแต่ไม่กี่เดือนก่อนเขาก็ถูกใช้ให้ไปรับคุณหนูใหญ่เจียงกลับมา ข้าทนรออยู่ที่จวนไม่ไหวเพราะรู้สึกใจไ

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 49.2 ผู้ที่ฆ่าล้างทั้งตระกูล

    เซียวลี่หยางเลือกเดินลึกเข้าไปอีกนิด ด้วยคิดว่าน่าจะเป็นทางนี้มากกว่า เพราะได้ยินเสียงน้ำไหลมาจากที่ไกล ๆ หากมีคนอยู่ ผู้คนมักต้องการน้ำเป็นอย่างแรก"เส้นทางรกร้างถึงขนาดนี้ คนหนุ่มเช่นเจ้าคงไม่กลัวตาย ถึงได้กล้าเดินไปทั่ว" เสียงของชายชราดังขึ้นข้างหลังเซียวลี่หยางหันไปมองก็พบชายแก่คนหนึ่งเดินถือไม้เท้าเข้ามาหา รอบกายปกคลุมด้วยผ้าผืนเก่าสีน้ำตาลเข้ม สวมหมวกฟางปีกกว้าง บนหลังยังมีตะกร้าสานใบหนึ่ง ด้วยความแก่ชราอีกฝ่ายจึงโน้มตัวด้านหน้าไม่อาจยืนหลังได้ตรง ทำให้เซียวลี่หยางมองเห็นได้ว่าในตะกร้าบนหลังของเจ้าตัวนั้นต่างเต็มไปด้วยใบไม้รูปร่างแปลกตา"ท่านเองก็อายุมากแล้ว ยังใจกล้าเข้ามาถึงในนี้ เกรงว่าคงไม่กลัวตายเช่นกัน" เซียวลี่หยางระบายยิ้มละมุนที่มุมปาก༻❁༺หลายเดือนก่อนหลังจากหนีลงเขามาได้ เสวี่ยหว่านก็เดินทางกลับไปทำสิ่งที่ได้เคยสัญญาไว้แรกเริ่มเดิมที นางคิดว่าอาจจะสามารถนำป้ายชื่อของคุณหนูเจียงกลับไปตั้งในตระกูลได้ ทว่าจวนแห่งนั้นก็ไม่หลงเหลือใครอีกแล้ว ตระกูลเจียงที่เคยเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ ต่างก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ เหลือเพียงชื่อไว้ให้ผู้คนพูดถึงแค่อีกไม่กี่ปีก็ลืมเลือนนางจึง

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 49.1 ท่องทั่วใต้หล้า

    บทที่ 49เหนือสุดใต้หล้า จรดธาราแดนใต้ข้าจะตามหาเจ้าให้พบหากเป็นคนทั่วไปมาอ้อนวอนขอขึ้นหุบเขา ลั่วหวางเจียที่เป็นถึงเจ้าอารามคงไม่ดั้นด้นลงมาด้วยตนเอง แต่เมื่อลูกศิษย์แจ้งว่าคนด้านล่างหุบเขามาตามหาใคร ตัวเขาเองก็อยากจะดูหน้าตาของคนที่มาตามหาสตรีผู้นั้นยิ่งนักพอลงเขามาแล้ว ลั่วหวางเจียก็มองคนตรงหน้าตนเอง ผู้ที่ควรตายไปแล้วเวลานี้ก็กลับมามีชีวิตอยู่ได้ ฝีมือของเจียงเยี่ยนฟางช่างไม่ธรรมดา สมแล้วที่นางเอาแต่เฝ้าดูแลข้างกายไม่ห่าง แม้นตนเองบาดเจ็บภายในจวนเจียนจะตายก็ยังกัดฟันทนอยู่หลายวันด้านเซียวลี่หยางที่ออกเดินทางมายังหุบเขาเซียนกู่เป็นที่แรก หมายจะบุกขึ้นไปแต่ก็ไม่อาจทำได้ เวลานี้ก็เอียงหูฟังเสียงกระซิบจากเติ้งอู๋ ทำให้ได้รู้ที่มาที่ไปของคนตรงหน้า "ท่านเจ้าอาราม ก่อนหน้านี้ข้าน้อยตื่นมาไม่รู้เรื่องราวที่แน่ชัดในตอนที่หลับไป เพิ่งได้มาทราบเมื่อไม่กี่วันก่อนว่าท่านเองก็เป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่ง""วกไปวนมาทำไม นางจากไปแล้ว!" ลั่วหวางเจียไม่คิดจะถามหาคำขอบคุณหรือของตอบแทน ต่างก็ตรงเข้าเรื่องเลยทันที แถมยังสะบัดมืออย่างหงุดหงิด ก่อนจะเก็บมือไพล่ไว้ด้านหลัง ยืดอกขึ้นให้ดูสง่างาม เห็นอีกฝ่าย

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 48.2 ชะตาถูกผูกโยงกันตั้งแต่แรก

    เมื่อกลับมาแล้วเซียวลี่หยางก็รื้อค้นของในห้องอย่างบ้าคลั่ง ไม่ลืมสั่งให้คนช่วยตามเก็บของที่เขารื้อทีละชิ้นให้กลับไปอยู่ที่เดิมอีกด้วยกระทั่งผ่านไปสักพักใหญ่เขาถึงเจอสิ่งที่ต้องการ ไม่รีรอก็รีบเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะกลางห้องซึ่งได้ให้เติ้งอู๋เตรียมน้ำร้อนไว้รออยู่แล้วในวันนั้นที่หิมะตกหนัก เจียงเยี่ยนฟางจ้องมองเขาปั้นชาเป็นก้อนโดยไม่คิดจะหลบซ่อนสายตา นางเอ่ยว่า 'ชาดอกไม้เมื่อนำไปตากให้แห้งแล้ว ภายหลังนำกลับมาแช่น้ำก็จะเบ่งบานดูสวยงาม ช่วงเวลานี้ข้างนอกหิมะตกหนัก ใช้การรมความร้อนเพื่อให้แห้งก็ถือว่าแก้ขัดได้อยู่ แต่ข้ามีเรื่องน่าสนใจยิ่งกว่า ท่านดูนี่' ในมือของนางประคองกระดาษแผ่นเล็กที่คล้ายจดหมายลับเอาไว้ พลางยื่นมือส่งมาให้เขาดู'ก็แค่กระดาษเปล่า''ชินอ๋องผู้มากความรู้อย่างท่านยังดูไม่ออก เช่นนั้นก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นข้าคนแรกที่เพิ่งค้นพบ' เจียงเยี่ยนฟางหยิบตะกร้าสมุนไพรแห้งตัวหนึ่งมาชูให้เขาดูอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหย่อนลงในจอกชาร้อน ๆ ที่อยู่ข้างกาย 'มีครั้งหนึ่งตอนที่ข้าบดสมุนไพรตัวหนึ่งเสร็จแล้วก็นำไปวางไว้บนผ้าลองสำหรับตาก จากนั้นผ้าก็เกิดสีตามมาซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่นานมันก็จางหา

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 48.1 อยู่ในทุกการกระทำ

    บทที่ 48ทุกวัน ล้วนคิดถึงนางเมื่อเดือนสองย่างเข้ามา ฤดูหนาวก็ใกล้ผ่านพ้นไปแล้ว อากาศข้างนอกเริ่มอุ่นขึ้นอีกนิด อิงฮวา [1] เริ่มแย้มบานต้อนรับแสงของวันใหม่เซียวลี่หยางตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องโล่งและไม่คุ้นตา ขาและแขนต่างขยับไม่ได้ ล้วนถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลที่ค่อนข้างใหม่คล้ายว่าเพิ่งจะถูกเปลี่ยนไป"ท่านอ๋อง!?" เติ้งอู๋ที่ถือยาเข้ามาเกือบจะทำชามยาร่วงลงไปจากมือ เขารีบเข้าไปหยุดอยู่ข้างกายอีกฝ่าย สมองยังนึกว่าตาฝันกลางวันอยู่"..." เซียวลี่หยางกลับหลับตาลงร้องไห้ออกมาเป็นสิ่งแรก เพราะนึกได้ว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นบ้าง เสียงร้องของเขาเงียบงัน แต่ทำให้ผู้มองรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด ไหล่ไหวโคลงระรัวคล้ายคลื่นน้ำอันเปราะบาง'เจียงเยี่ยนฟางไม่อยู่แล้ว' สิ่งนี้กลับเอาแต่ย้ำเตือนอยู่ในใจทั้งที่นางตายไปแล้ว แต่ตอนที่เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางสีดำซึ่งทอดยาวแสนไกล เขากลับได้ยินนางเรียกเขาให้กลับมาทว่าหากเมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว สตรีผู้นั้นกลับไม่ได้อยู่ข้างกายเขาอย่างที่นางรับปากในฝันอีกต่อไปวันเวลาจากนั้นราวกับอยู่ไปเหมือนคนตาย จวบจนปลายคิมหันต์ฤดู [2] เซียวลี่หยางก็กลับมาเดินได้อีกครั้ง แขนขาขยั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status