Share

บทที่ 6

last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-13 11:23:24

หนานอิงพยายามร้องขอชีวิตจากเสียงที่ได้ยินลางเลือนแต่มิมีผู้ใดที่สนใจร่างเปล่าเปลือยที่แทบจะไร้วิญญาณของนางเลยสักคน

แม่ทัพใหญ่ทั้งสองต่างชำระร่างกายจนสะอาด ทหารนำโจ๊กร้อน ๆ ชามใหญ่สองชามมาให้เพื่อเป็นอาหารเช้า  คนทั้งคู่ต่างกินไปอย่างเงียบเชียบเมื่อกินอิ่มก็พูดคุยเรื่องศึกสงครามระหว่างรอให้ทหารเตรียมความพร้อมที่จะออกเดินทางเพื่อเข้าวังหลวงในอีกไม่ช้า

สองอ๋องสนทนากันจนลืมไปว่ายังมีสตรีผู้หนึ่งกำลังจะสิ้นใจด้วยพิษไข้นอนหายใจระรวยอยู่บนเตียง กระทั่งถึงเวลาที่จะต้องออกเดินทางและมีทหารมาเก็บข้าวของในกระโจมจึงพบนางนอนอยู่บนเตียงเข้า

"ท่านแม่ทัพขอรับ นางผู้นี้ทำเช่นไรดีขอรับจะปล่อยนางเอาไว้ที่นี่หรือจะพานางไปพร้อมกับเราขอรับ"

ซู่อ๋องและอวิ๋นอ๋องต่างมองหน้ากันไม่มีผู้ใดเอ่ยคำใดออกมาต่างคนต่างคิดว่าไม่ใช่ธุระของตนเอง แต่แล้วเสียงแหบโหยของนางก็ดังขึ้น

"ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย"

ทหารผู้นั้นจึงมองพวกเขาอีกครั้ง อวิ๋นอ๋องได้ยินเสียงแหบโหยไร้เรี่ยวแรงนั้นพลันคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาเขาหน้าแดงเล็กน้อย ยอมรับว่าติดใจในเรือนกายของนางอยู่บ้างในเมื่อนางปรนนิบัติถูกใจก็ย่อมได้รับรางวัล

"เช่นนั้นก็นำนางไปด้วย"

"ท่านรองแม่ทัพแต่นางเป็นสตรีของพวกท่านแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องนางแล้วนะขอรับ นางไม่อาจนั่งม้าร่วมกับผู้อื่นได้"

ซู่อ๋องเอ่ยเสียงเย็นอย่างรำคาญใจ

"ก็แค่นางโลมผู้หนึ่งเอานางไปให้พ้นหูพ้นตาข้าเป็นพอ จะพาไปที่ใดก็แล้วแต่พวกเจ้าอย่าได้มากวนใจข้าเรื่องนางผู้นี้อีก"

อวิ๋นอ๋องเห็นพี่ชายไม่ยินยอมให้นางนั่งม้าไปกับเขาพลันหัวเราะออกมา สำหรับซู่อ๋องแล้วเมื่อไม่ได้อยู่บนเตียงสตรีทุกคนล้วนน่ารำคาญ ส่วนตัวเขาเองก็หาได้ใส่ใจในตัวนาง สตรีสำหรับอวิ๋นอ๋องนอกจากเลี้ยงดูเอาไว้ใช้งานเป็นมือสังหารของพวกเขาแล้วก็คือสาวใช้อุ่นเตียงเพียงเท่านั้น

ทหารยังอึกอักไม่รู้จะส่งนางไปที่ใด อวิ๋นอ๋องหานเซียวจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน

"เจ้าพานางมาเช่นไรก็พานางกลับไปเช่นนั้น หากไม่กล้าจะทิ้งนางก็แค่ส่งนางกลับหอนางโลมเสีย เบิกเงินไปก้อนหนึ่งให้สมฐานะท่านแม่ทัพนำติดมือไปให้แม่เล้าของนาง"

ทหารผู้นั้นรับคำ เขาไม่อาจมองสตรีของท่านอ๋องได้จึงนำผ้าห่มคลุมกายเปลือยของนางและไม่รู้จะทำเช่นไรดี จะนำไปอย่างไรเล่าในเมื่อพวกเขาไม่มีเกวียนหรือรถม้า กระทั่งเขาคิดวิธีออกแล้ว

"แม่นางข้าล่วงเกินแล้ว"

ในเมื่อไม่รู้จะนำนางไปส่งเช่นไรด้วยตนเองก็มิกล้าแตะต้อง พลันนึกถึงกระสอบใหญ่ใบนั้น

หนานอิงยังร่างกายเปล่าเปลือยถูกพันเข้าด้วยผ้าห่มที่ไม่หนามากจนถึงลำคอก่อนจะถูกจับยัดกระสอบโดยไม่สามารถอ้าปากท้วงติงได้

นางในตอนนี้เจ็บปวดไปทั้งร่างราวกับกำลังถูกไฟเผา ริมฝีปากแตกระแหงแม้แต่น้ำสักหยดก็ไม่ได้ดื่ม ในใจคิดเพียงแต่ว่า

ท่านแม่ข้าคงไม่มีโอกาสตอบแทนบุญคุณของท่านแล้ว

ปากกระสอบถูกมัดไม่แน่นมากยังมีอากาศให้นางหายใจเพราะนางเป็นสตรีของท่านอ๋องจะให้ใครเห็นใบหน้าไม่ได้จึงต้องยัดนางเข้าในกระสอบทั้งตัวและนำนางออกให้ห่างจากกองทัพให้เร็วที่สุด

ดังนั้นทหารผู้นั้นจึงนำนางผูกกับม้าศึกที่ยึดได้จากศัตรูตัวหนึ่งเพื่อเดินทางมาพร้อมกับหน่วยทหารโดยที่คนภายนอกไม่รู้ว่าในกระสอบนี้บรรจุสิ่งใดไว้ภายใน

ท่านแม่ทัพเคลื่อนพลอย่างรวดเร็ว หนานอิงถูกมัดในกระสอบยังถูกผูกติดกับหลังม้าที่วิ่งเร็วร่างของนางกระแทกกับหลังม้าหลายครั้ง เดิมทีก็เจ็บมากอยู่แล้วแต่คราวนี้นางเจ็บจนหมดสติไปแล้ว

ลู่หนิงหวังและหานเซียวเคลื่อนทัพกลับจวนอ๋อง ในขณะที่ทหารถูกสั่งให้แยกย้ายกลับบ้านของตนเองได้ ทหารที่เขานำกลับจากชายแดนมีเพียงไม่กี่พันนาย ส่วนใหญ่ต้องทิ้งเอาไว้ปกป้องชายแดน หลังจากนี้จึงมีการแจกจ่ายเงินรางวัลไปที่บ้านเดิมของพวกเขา

ในเมืองมีหอนางโลมเลื่องชื่ออยู่หลายที่ แต่มีที่เดียวที่ขึ้นชื่อเรื่องสตรีอันงดงามที่สุด ทหารเห็นหนานอิงงามล่มเมืองเช่นนั้นจึงคิดว่านางต้องมาจากหอแห่งนี้เป็นแน่ ม้าตัวหนึ่งบนหลังมีกระสอบใบใหญ่กำลังถูกจูงไปยังทิศนั้นอย่างรวดเร็ว

"ออกมา มีผู้ใดอยู่บ้างท่านแม่ทัพมีคำสั่ง"

เสียงของทหารผู้นั้นห้าวหาญยังมีทหารท่าทางน่ากลัวที่เป็นลูกน้องติดตามมาอีกสองนาย แค่ชุดของพวกเขาก็ทำให้คนเกรงกลัวจนตัวสั่นยังมาส่งเสียงเอะอะที่ด้านหน้าหอทำให้แม่เล้าคนดูแลรีบออกมาต้อนรับพร้อมกับปาดเหงื่อที่จู่ ๆ ก็ซึมออกมาโดยไม่ทราบสาเหต

มีเรื่องอันใดคนที่เพิ่งกลับจากชายแดนจึงมาหาเรื่องพวกนางถึงที่นี่ ผู้ใดไปทำให้คนพวกนั้นโกรธเคืองกันหรือ?

ทหารผู้นั้นโยนกระสอบใบเก่าลงบนพื้นโดยไม่ปราณี ไม่สนใจว่าคนในกระสอบจะมีชีวิตดีหรือไม่ เขาได้รับคำสั่งให้มาส่งคนเท่านั้นจึงไม่สนใจว่าการโยนนางเช่นนั้นจะทำให้นางได้รับบาดเจ็บ

ในตอนนั้นเองที่ศีรษะของหนานอิงกระแทกเข้ากับพื้นจนแตกและเลือดเริ่มไหลซึมออกมา ความเจ็บปวดทำให้นางลืมตาตื่นแต่นางในตอนนี้ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะเปล่งเสียงแล้ว

"คนในนี้เป็นสตรีของท่านแม่ทัพ ท่านให้นำส่งคืนที่นี่ดูแลนางให้ดีนี่คือรางวัลสำหรับนาง ส่วนนี่คือรางวัลสำหรับหอนางโลมของเจ้า"

ทัพของซู่อ๋องลู่หนิงหวังหลังจากชนะศึกได้เงินจากการยุติสงครามจากต่างแคว้นจำนวนมากจึงร่ำรวยไม่ใช่น้อย การตกรางวัลแก่หอนางโลมด้วยทองจำนวนหนึ่งจึงถือว่าเล็กน้อยเป็นอย่างยิ่ง

แม่เล้าผู้นั้นยังงงงวยเมื่อเปิดดูถุงเงินแล้วเห็นทองก้อนโตในนั้นอัดกันแน่นจึงตาลุกวาว นางคุกเข่าลงอย่างนอบน้อม ด้วยความฉลาดของแม่เล้านางเข้าใจในทันทีว่าสตรีนางนี้ถูกส่งมาฝึกกับหอนางโลมของนางเพื่อปรนนิบัติท่านแม่ทัพใหญ่ที่เพิ่งยกทัพเข้าเมือง ดังนั้นนางจึงค้อมกายรับทราบศีรษะแทบจรดพื้น

"ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ไว้ใจหอนางโลมของข้า ข้าจะดูแลนางอย่างดีเจ้าค่ะ เร็วเข้าเด็ก ๆ อุ้มกระสอบนี่เข้าไปข้างในเร็วอย่าให้นางบอบช้ำเป็นอ้นขาด"

"แย่แล้วขอรับนายหญิงนางตัวร้อนราวกับไฟศีรษะของนางยังมีเลือดเต็มไปหมด ทำเช่นไรดีขอรับ"

บ่าวผู้นั้นถึงกับยืนตัวสั่นเพียงเปิดกระสอบออกมาดูว่าหญิงสาวด้านในเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อเห็นสภาพคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงเช่นทำให้เขาหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง 

เมื่อสักครู่เขาได้ยินทหารท่าทางน่ากลัวผู้นั้นบอกว่านางเป็นสตรีของท่านแม่ทัพ หากกลายเป็นศพอยู่ที่นี่พวกเขาจะไม่หัวขาดกันหรือ

"เจ้าว่าอย่างไรนะ?"

"ข้าว่านางป่วยหนักเพียงนั้น อีกทั้งบนศีรษะยังมีเลือดนองเกรงว่านางจะไม่รอดแล้วขอรับ"

"หุบปากเสียของเจ้า เป็นหมอหรืออย่างไรถึงได้รู้ดีเช่นนี้ ยืนเซ่ออยู่ทำไมไปตามท่านหมอที่เก่งที่สุดในเมืองมาสิเจ้าโง่"

"ขะ ขอรับ"

บ่าวผู้นั้นลุกลี้ลุกลนออกไปแล้ว แม่เล้ารีบก้าวเข้าไปในห้องเมื่อเห็นสภาพของหนานอิงแล้วนางถึงกับยกพัดที่ถือในมือขึ้นมาทาบอกด้วยความตกใจ

"มุงดูสิ่งใดกัน เจ้ารีบไปนำน้ำอุ่นมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้นางเสีย เร็วเข้า"

"เจ้าค่ะ"

บ่าวในหอนางโลมวิ่งกันวุ่น เห็นว่าสตรีผู้นี้เป็นคนสำคัญแต่ก็ไม่เข้าใจเหตุใดจึงถูกจับยัดใส่ในกระสอบราวกับศพคนตายที่คนร้ายต้องการซ่อนเร้น 

แม่เล้าคลายผ้าห่มที่หุ้มร่างของหนานอิงออก กลิ่นน้ำกามคละคลุ้งจนนางต้องปิดจมูก

นี่พวกเขาเหตุใดระเริงรักกันบ้าคลั่งเพียงนี้!

มีเลือดไหลนองก้นและช่วงกึ่งกลางร่างของนางคล้ายกับผู้ที่ผ่านคมหอกคมดาบมาอย่างโชกโชน

แม่เล้าผู้นี้เห็นแล้วก็เวทนานัก ส่วนในใจก็หวาดผวาเป็นอย่างยิ่งกลัวว่านางจะสิ้นชีพจนทำให้ตนเองเดือดร้อน

"คุณหนูผู้นี้ เจ้าจะตายไม่ได้เป็นอันขาด แข็งใจเอาไว้นะข้ากำลังให้คนไปตามท่านหมอ"

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • สองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด   บทที่ 148

    ตอนพิเศษ ลูกของข้า ความทรงจำของลู่หนิงหวังที่มีเกี่ยวกับบิดาของตนเองนั้นช่างเลือนลางจนจำไม่ได้ เขาไม่เคยรับรู้และเข้าใจความหมายของคำ ๆ นี้ จนกระทั่งเมื่อเขาได้พบเด็กชายสองคนที่มีใบหน้าคล้ายคลึงเขากับหานเซียวเป็นอย่างยิ่งเขาไม่รู้ว่าเด็กสองคนนี้เป็นบุตรของผู้ใดระหว่างเขาและหานเซียว ในยามนั้นเมื่อได้พบและคิดว่าใช่ใจของเขากลับหวาดหวั่นอย่างรุนแรง ว่าได้พบหนานอิงนั้นทำให้เขาหวาดกลัวแล้วการได้พบบุตรชายกลับทำให้ลู่หนิงหวังหวาดกลัวมากยิ่งกว่าลู่หนิงหวังรู้สึกสับสนเขากลัวว่าจะเป็นพ่อที่ไม่ดีพอให้เด็กรักใคร่และไม่รู้ต้องทำตัวเช่นไร เมื่อในยามนั้นหานเซียวส่งเด็กสองคนนี้มาสู่อ้อมแขนของเขา“หากอยากประลอง ก็ประลองกับองค์รักษ์ของข้า”ชั่วขณะนั้นที่หานเซียวชี้มาที่ตัวเขา ความรู้สึกหวาดหวั่นนั้นยิ่งรุนแรงมากขึ้นจนกระทั่งเด็กน้อยทั้งสองเดินอย่างองอาจมาหาเขาโดยไร้ความหวาดกลัวอย่างสิ้นเชิงกระทั่งมือเล็ก ๆ สองข้างกำลังจับจูงมือของเขาคนละข้าง ในยามนั้นพลันเกิดเหงื่อชื้นขึ้นที่ฝ่ามือ ความรู้สึกไหลเวียนไปจนทั่วร่าง แต่ที่แปลกประหลาดคือความรู้สึกสับสนนั้นกลับหายไปในที่สุดมือของเขาสั่นเทาอยู่

  • สองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด   บทที่ 147

    ตอนพิเศษ อยากมีอีกเยอะ ๆในตอนที่หนานอิงกำลังชงชาโดยมีอาโจวคอยช่วยเหลืออยู่นั้นขันทีก็รีบเดินกึ่งวิ่งเข้ามารายงาน“ทูลหนานเฟย ฝ่าบาททรงว่าราชการเสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”หนานอิงยิ้มแล้วกล่าวว่า“ดียิ่ง ว่าแต่ว่าเหตุใดเจ้าจึงดูร้อนรนยิ่งนัก”“ทูลพระหนานเฟย ท่านอาจารย์ให้กระหม่อมมาทูลว่ามีคนถวายฎีการ้องเรียนเกี่ยวกับองค์ชายทั้งสองที่ทรงแกล้งบุตรชายของท่านราชครูขอรับ แต่ฝ่าบาทเอาแต่เข้าข้างองค์ชายจึงอยากให้หนานเฟยช่วยทูลฝ่าบาทเรื่องนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”หนานอิงหุบยิ้มโดยทันใด บุตรชายของนางทั้งสองบัดนี้กลายเป็นองค์ชายใหญ่ลู่หานและองค์ชายรองลู่โหยวที่มีพระอาจารย์อ้ายเจิงเป็นคนลงมือสั่งสอนกับมือ เหตุใดจึงได้ไปกลั่นแกล้งบุตรชายของท่านราชครูซึ่งเป็นสหายเรียนด้วยกันได้อันที่จริงก็พี่น้องกันทั้งนั้น ด้วยบุตรชายของท่านราชครูก็คือหลานของนางเอง ด้วยภายหลังมานี้พี่สาวฝาแฝดของหนานอิงนั้นด้วยความรักตัวกลัวตายหลังจากสกุลหนานล่มสลาย นางทั้งสองก็รีบดีดตัวออกจากสกุลหนานโดยไม่คิดข้องเกี่ยวอีกกระทั่งการที่ฮูหยินใหญ่มารดาของพวกนางถูกหนานอิงจัดการพี่สาวทั้งสองก็ยังได้แต่เอ่ยคำว่าอมิตาพุทธไม่คิดแค้นก่อกรรมทำเข็ญต่อไป

  • สองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด   บทที่ 146

    ตอนพิเศษ ยามเมื่อฟื้นคืนทุกอย่างเปลี่ยนผัน ดอกเหมยในลานกว้างเบ่งบานและร่วงหล่นตกกระทบร่างสูงของบุรุษกลุ่มหนึ่งที่เดินฝ่าความมืดมิดโดยมีเพียงแสงโคมนำทางเล็ก ๆ คอยส่องกระทบพื้นบุรุษผู้หนึ่งอยู่ในชุดคลุมยาวสีดำปักลายมังกร ใบหน้าคมคายหล่อเหลานัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้า แม้ว่าใบหน้านั้นคล้ายจะอมทุกข์และให้ความรู้สึกสูงส่งและเย็นเยียบ อีกทั้งให้กลิ่นอายของความเหี้ยมโหดเอาเสียดื้อ ๆบุรุษผู้นั้นสูดลมหายใจเข้าลึกสูดดมความหอมของกลิ่นบุปผาเข้าปอด นานแล้วที่เขาไม่เคยได้ทำเช่นนี้ คล้ายกลับว่าความหวังอันลางเลือนของเขาพลันกลับมาชัดเจนอีกครั้ง“ฝ่าบาทระวังพ่ะย่ะค่ะ”อดีตพ่อบ้านจวนอ๋องบัดนี้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกงกงคนสนิทของเขา แม้จะไม่ได้ผ่านพิธีการตอนดั่งเช่นกงกงผู้อื่นแต่เมื่อเขาต้องการก็มิกล้ามีผู้ใดปริปากลู่หนิงหวังก้าวเท้าเร็วกระทั่งไปถึงหน้าตำหนักแห่งหนึ่ง เมื่อผลักประตูเข้าไปด้านในก็พบอ้ายเจิงและหมอหลวงหัตถ์เทวดาอ้ายเสิ่นบิดาของเขารออยู่ด้านในคนทั้งสองทำความเคารพเขา ลู่หนิงหวังยกมือขึ้นห้าม“ไม่ต้องมากพิธี ข้ากับพวกท่านข้าขอเถิด”ถึงเขาจะเป็นฮ่องเต้ของคนในใต้หล้า ลู่หนิงหวังก็ขอสักที่ท

  • สองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด   บทที่ 145

    หนานอิงพยักหน้า จุมพิตปลายคางของหานเซียวอย่างมีความสุขที่ผ่านมาล้วนเป็นนางที่เลี้ยงดูเด็กทั้งสองเพียงลำพัง การคิดตัดสินใจก็ล้วนเป็นนางที่ชี้นำ ในยามนี้การมีหานเซียวเคียงข้างทำให้หัวใจของหนานอิงอบอุ่นยิ่งกว่าจะออกจากห้องก็ฟ้ามืดแล้ว เด็กสองคนบัดนี้วิ่งเข้ามาหานางเหงื่อของพวกเขาโทรมกาย เสื้อผ้าเต็มไปด้วยฝุ่น ฝ่ามือห้อเลือดเล็กน้อยทั้งยังวิ่งเข้ามาร้องไห้โฮกอดขานางพลางฟ้องเสียงสั่น“ท่านแม่ท่านลุงผู้นั้นฝึกวรยุทธ์ให้ข้า ยังให้ข้านั่งท่าม้าอะไรก็ไม่รู้อยู่หลายชั่วยาม เขายังถือไม้จะตีข้าด้วย ป้ายของท่านพ่อเขาก็เอาไปบอกข้าและน้องชายอ่อนแอ ไม่คู่ควรที่จะห้อยมัน”คนผู้นั้นทำหน้าเย็นชา เอ่ยคำหนึ่ง“เป็นบุรุษเรื่องนี้เล็กน้อยยิ่ง ยังร้องไห้งอแงราวเด็กทารก เป็นเช่นนี้จะปกป้องผู้ใดได้”หนานอิงได้ยินเช่นนั้นตกใจยิ่ง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันควัน"นายน้อยองครักษ์ของท่านผู้นี้ เหตุใดทำให้ลูกชายข้าเจ็บตัวเช่นนี้ การประลองกับเด็กท่านควรออมมือให้มากมิใช่ทำให้พวกเขาบาดเจ็บ ข้าไม่ยอมท่านต้องจัดการเขาให้ข้าด้วย"“อิงอิงเจ้าใจเย็น ๆ ก่อน เขาคงไม่ได้ตั้งใจ”หานเซียวทำท่าประหลาด ทั้งยังมองคนของตนด้วยสายต

  • สองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด   บทที่ 144

    หนานอิงน้ำตาไหลพราก เมื่อเห็นว่ามารดาร้องไห้เด็กทั้งสองรีบวิ่งเข้ามากอดหนานอิงกอดลูกร้องไห้ นานหลายปีแล้วตั้งแต่บุตรชายฝาแฝดเกิดมาที่นางไม่เคยหลั่งน้ำตาอีก"ท่านแม่ท่านร้องไห้ทำไม ท่านลุงหนวดยาวผู้นี้ทำร้ายท่านหรือ ข้าจะตีเขาให้อย่าร้องนะขอรับ"หนานอิงปาดน้ำตา หานเซียวชี้ที่ตัวเอง"ข้ามิได้รังแกแม่ของเจ้า ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น"หนานอิงยิ้มให้เด็กชายทั้งสอง ก่อนจะส่งเด็กน้อยให้แม่นางเหมยเซียง"ข้าไม่ไป ข้าจะสั่งสอนลุงหนวดยาวผู้นี้ที่กล้ารังแกท่าน"หานเซียวอยากจะหยิกแก้มเด็กน้อย อยากจะโอบกอดพวกเขาแต่สองคนนี้ถือตัวและเหย่อยิ่งเป็นอย่างยิ่ง"อย่ามาแตะข้า คนแปลกหน้ามาประลองกัน"หนานอิงเอ่ยเสียงดุ"ไปอยู่กับท่านยาย แม่มีธุระจะสนทนากับคนผู้นี้"ได้ยินเสียงดุของหนานอิงเด็กทั้งสองถึงกับคอตก"ขอรับ"รับคำพร้อมกันแล้วหันหลังเดินไปหาแม่นางเหมยเซียง หานเซียวจึงเอ่ยขึ้น"หากเจ้าอยากประลอง นั่นคือองครักษ์ของข้าเจ้าประลองกับเขาได้ หากชนะจะให้ข้าทำสิ่งใดก็ได้""จริงหรือขอรับ"เด็กสองคนหันมาแล้วเอ่ยพร้อมกันหานเซียวพยักหน้า องครักษ์ผู้นั้นจึงถูกเด็กถือตัวทั้งสองยอมแตะต้องตัวเขาแล้วลากจูงไปข้างนอกเพื่

  • สองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด   บทที่ 143

    หานเซียวและองค์รักษ์ของเขาแอบตามเด็กน้อยอย่างเงียบเชียบ เห็นเด็กสองคนนี้ถูกแยกออกมาจากเด็กผู้อื่นและมีอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาคอยสอนให้เป็นพิเศษก็เกิดสงสัยเป็นอย่างยิ่งเป็นถึงหลานของแม่นางเหมยเซียง เหตุใดจึงไม่ให้มาเรียนที่สำนักศึกษาทั้งที่มีเงินทองมากมายปานนั้น เขารอจนกระทั่งเด็กทั้งสองออกมาแล้วจึงแสร้งไปตีสนิทเพื่อพูดคุยด้วย"ท่านแม่บอกว่าห้ามพูดกับคนแปลกหน้า ข้าไม่บอกท่านหรอกอย่ามาหลอกเด็กเลย"กล่าวจบพวกเขาก็วิ่งด้วยฝีเท้าที่เร็วยิ่ง องครักษ์ทั้งสองต่างมองหน้ากันเด็กสองคนนี้เป็นวรยุทธ์แต่ผู้ใดกันแน่ที่เป็นผู้สอนพวกเขาตามเด็กมาจนถึงหอนางโลมเด็กทั้งสองปีนกำแพงกลับเข้าไปดังเดิมมีบางสิ่งบางอย่างหล่นออกมาจากสาบเสื้อ ด้วยความเป็นเด็กจึงไม่ทันระวัง องครักษ์ผู้หนึ่งก้มลงเก็บของกำลังจะอ้าปากบอกพวกเขาแต่สิ่งที่อยู่ในมือช่างคุ้นตาเป็นอย่างยิ่งคนทั้งคู่ต่างตกตะลึงแล้วพวกเขาตามเด็กเข้าไปในหอนางโลม ขอพบแม่นางเหมยเซียงเป็นการด่วนและถามเรื่องเกี่ยวกับเด็กอย่างตรงไปตรงมาแม่นางเหมยเซียงคิดว่าคนพวกนี้ไม่กลับไปง่าย ๆ แน่ จนกว่าจะได้คำตอบจึงเอ่ยว่า"นายท่านองครักษ์อย่าได้คิดมากไปเจ้าค่ะ แม่ของเด็

  • สองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด   บทที่ 142

    หลายเดือนต่อมาคนของอ้ายเจิงเร่งรุดไปแจ้งว่าหนานอิงคลอดบุตรแล้วแต่เมื่ออ้ายเจิงเร่งออกมาพบนางเขากลับพบเพียงความว่างเปล่าอยู่ที่คฤหาสน์ที่เขาจัดเตรียมไว้ หนานอิงหายไปอย่างไร้ร่องรอยทิ้งเพียงจดหมายฉบับหนึ่งเอาไว้ข้ากับลูกที่ผ่านมาขอบคุณท่านมาก ต่อไปพวกเราขอใช้ชีวิตตามลำพังเถิด อ้ายเจิงปวดหัวเป็นอย่างยิ่ง เขาจะทำเช่นไรดีเล่าครานี้ ทำเมียกับลูกผู้อื่นหายเช่นนี้ครานี้แม้แต่หัวคงไม่อาจรักษาเอาไว้ได้ที่ผ่านมาหนานอิงเองก็เชื่อฟังมาตลอดมิใช่หรือ แต่เหตุใดครานี้จึงหายไปโดยไม่บอกกล่าวกันเช่นนี้กระทั่งหลานเป็นชายหรือหญิงเขาเองก็ยังไม่รู้ สตรีผู้นี้ทำให้อ้ายเจิงปวดหัวแล้วอ้ายเจิงออกติดตามหาหนานอิงแทบจะพลิกแผ่นดิน แต่กลับไม่พบแม้คนของเขาจะมีอยู่มากมายแต่เขาลืมไปว่ามือสังหารของเขาล้วนเป็นสตรีหนานอิงได้รับคำสั่งแต่งตั้งจากลู่หนิงหวังให้เป็นหัวหน้ามือสังหาร แน่นอนว่าคนพวกนั้นย่อมรับคำนั่งนางและไม่ยอมปริปากบอกที่ซ่อนของนางให้ผู้ใดรู้อ้ายเจิงจึงต้องคลำทางประดุจคนตาบอด ค้นหาตัวนางด้วยตนเอง ลู่หนิงหวังมีโทสะแล้ว เขาสั่งให้คนวาดภาพเหมือนหนานอิงประกาศหาตัวไปทั่วแคว้น หากผู้ใดจับได้จะมีรางวัลเพราะส

  • สองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด   บทที่ 141

    หนานอิงเดินเหม่อลอยมาเรื่อย ๆ นางมิได้ใช้มีดสั้นที่ลู่หนิงหวังและหานเซียวแล้วจึงเก็บเอาไว้ในหีบอย่างดี แต่นางยังพกหยกติดกายอยู่ตลอดเวลาหนานอิงรู้สึกหิวเล็กน้อยพบร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ตรงหน้าจึงเดินเข้าไปสั่งก๋วยเตี๋ยวมาชามหนึ่ง กินอย่างซึมกะทือไร้ชีวิตจิตใจกินไปได้เพียงสองสามคำกลับรู้สึกอยากอาเจียนเป็นอย่างยิ่งหนานอิงจ่ายเงินวิ่งไปอาเจียนที่ข้างกำแพง ศีรษะมึนเล็กน้อยนางนั่งลงรอจนกระทั่งตนเองรู้สึกดีขึ้นจึงคิดว่าตนเองคงเครียดไปจึงเกิดอาการประหลาดหลายวันต่อมาอาการของหนานอิงกลับไม่หายไป แต่นางอดทนและฝืนตนเองเอาไว้นางพบลู่หนิงหวังในยามที่เขามาฝึกซ้อมยิงธนู หนานอิงกลายเป็นองครักษ์ของเขาเต็มตัวจึงต้องคอยอยู่ข้างเขาตั้งแต่เข้าวังมาลู่หนิงหวังเห็นใบหน้าของนางซีดเซียวแรงของลูกศรที่ปักลงตรงเป้าดูเบากว่าเดิมจึงเอ่ยเสียงเย็น"มีตำแหน่งเป็นถึงองครักษ์ของฮ่องเต้แต่กลับปล่อยให้ตนเองไม่สบาย มีโทษโบยสามสิบไม้"อ้ายเจิงถอนหายใจ เขาเอ่ยเบา ๆ "ฝ่าบาทอย่าทรงแกล้งนางเลย"ลู่หนิงหวังเพียงเอ่ยว่า"เห็นวาจาของฮ่องเต้เป็นคำล้อเล่นหรือ ชิชะท่านเสนาบดีผู้นี้คิดจะแข็งข้อกับข้าหรือ"อ้ายเจิงมิได้กลัวเขาอยู่แล้ว

  • สองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด   บทที่ 140

    บทที่ 140 ตอนพิเศษ เหตุการณ์หลังความตายของหานเซียวพิธีศพของหานเซียวถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายและยังถูกปิดบังมิให้ผู้ใดรู้กระทั่งฝ่าบาทเองด้วยบัดนี้ภายในวังยุ่งเหยิงเป็นอันมาก ลู่หนิงหวังหลังจากจัดการกับกบฏองค์รัชทายาทถูกขับออกไปยังชายแดนทั้ง ๆ ที่ร่างกายพิการแขนขาดตาบอดบัดนี้เหตุการณ์สงบสุข ลู่หนิงหวังเองได้กวาดล้างคนขององค์รัชทายาทจนไม่มีผู้ใดกล้าก่อความไม่สงบเพียงแต่ครานี้หาได้ฆ่าคนดั่งเช่นที่เคยเกิดขึ้นอย่างเช่นในรัชสมัยก่อน ขุนนางให้ปลดจากตำแหน่งส่งไปชายแดนอันกันดารเพื่อใช้แรงงานรวมทั้งเด็กชายอายุสิบสองขวบขึ้นไปสตรีและเด็กต่ำกว่าสิบสองขวบให้ไปเป็นชาวนาปลูกข้าวให้ราชสำนักห้ามมิให้ทายาทถัดไปอีกสิบรุ่นรับราชการหรือประกอบอาชีพอื่น แม้จะถูกคัดค้านว่าอาจทำให้คนพวกนี้หาทางกลับมาแก้แค้นลู่หนิงหวังกลับหาได้สนใจ"ไม่ว่าจะฆ่ามากเท่าใดคนคนพวกนี้คิดการใหญ่อย่างไรก็ต้องหาทางกลับมาล้างแค้น เขาสังหารคนมามากในสงครามย่อมรู้ดีว่าการฆ่ามิใช่ทางออกสำหรับผู้บริสุทธิ์"คนสกุลหนานที่ยังหลงเหลือบัดนี้มาคุกเข่าที่หน้าจวนขอร้องให้หนานอิงช่วยชีวิตพวกเขา บ่าวไพร่ที่เคยดีต่อหนานอิงอาฉีจัดการตามสัญญาปล่อยพวก

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status