อำเภอลี่เหมิน / เมืองเสิ่นโจว
“หลีกทางหน่อย ๆ”
“เร็วเข้านั่นรถม้าส่งสมุนไพรของร้านยา “เป่าจิ้นถาน” นางกำลังจะรีบไปส่งยาให้ผู้ประสบภัยนอกเมือง รีบหลีกทางเร็ว ๆ”
ชาวบ้านในท้องตลาดเริ่มเก็บของที่วางเกะกะเพื่อเปิดเส้นทางให้รถม้าที่ขนส่งยาสมุนไพรจำนวนมาก โดยมีคุณหนูสกุลคหบดีใหญ่ “ถานซินเยว่” เป็นผู้นำทางกับองครักษ์อีกสองคน
“สกุลถานนี่ร่ำรวยแล้วยังใจบุญอีก”
“ถุย! ใจบุญบ้าบออันใด พวกเขาขายให้กับทางการมิใช่หรือ แม้แต่ข้าวสารกับอาหารพวกนี้ก็ขาย แล้วยังขายราคาเต็มด้วย”
“หุบปากเจ้าไปเลย! แม้ว่าสกุลถานจะขายของพวกนี้ให้ทางการ แต่ของที่ร้านยา “เป่าจิ้นถาน” ของคุณหนูสามมิได้คิดเงินเลยแม้แต่เหวินเดียว นางมิได้หน้าเลือดเหมือนกับอนุของคหบดีถานผู้นั้นหรอกนะ”
“ย่าส์!”
“คุณหนู ข้างหน้านี่แหละขอรับ”
“พวกเจ้าดูด้านหลัง ข้าจะเข้าไปหาหมอหลวงเวิน”
""ขอรับ""
“จื่อโม่” และ “จื่อลั่ว” ผู้ติดตามของถานซินเยว่รับคำสั่งและค่อย ๆ พารถม้าเดินเข้ามายังจวนของท่านหมอ ซึ่งตอนนี้ใช้เป็นสถานที่รักษาและปรุงยาเพื่อส่งไปให้ผู้ป่วยที่อยู่ด้านนอกจวน โดยมีคนของทางการเป็นผู้ดูแล
“ท่านหมอเวิน”
“คุณหนูถาน! คุณพระ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว”
“ขออภัยที่ข้ามาช้า สมุนไพรบางตัวพึ่งจะมาส่ง ช้านิดหน่อยต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไร ๆ ได้ท่านช่วยอยู่หลายครั้งข้าเกรงใจมากเหลือเกิน”
“เช่นนั้นข้าให้พวกเขาเอายาเข้ามาเลยนะ จื่อโม่!”
“ขอรับ ไป ขนเข้าไปได้เลย”
“คุณหนูถาน เชิญพักดื่มชาทางนี้เถิดขอรับ”
“เช่นนั้นก็ขอรบกวนท่านหมอแล้ว”
“ถานซินเยว่” เดินตามหมอ “เวินฉาง” เข้าไปด้านใน สายตากลมโต สดใสและยิ้มง่าย ทำให้ทุกคนที่นี่รู้จักและคุ้นเคยกับคุณหนูสามสกุลถานเป็นอย่างดี ระหว่างทางเดินเข้าไปนางก็แวะทักทายอีกหลาย ๆ คนที่ทั้งตะโกนทักทายและยกขนมมาให้นางกินกับน้ำชา
“ขอโทษด้วยที่ไม่มีชาดีรับรองท่าน เหลือเพียง...”
“ช่างเถอะ ๆ ขอแค่มีน้ำสะอาดดื่มก็เพียงพอแล้ว ที่นี่ยังลำบากอยู่ไม่ต้องมากพิธีเช่นนั้น จริงสิท่านหมอเวินทำไมทางการไม่ส่งหมอหลวงมาช่วยพวกท่านเพิ่มเล่า น้ำป่าระลอกสองที่มาเมื่อเจ็ดวันก่อนทำให้ที่นี่มีผู้ประสบภัยเพิ่ม หรือว่าเรื่องยังส่งไปไม่ถึง”
“หาใช่เช่นนั้นไม่ขอรับ ท่านอ๋องทรงทราบเรื่องเหตุการณ์ที่นี่แล้ว อีกอย่างหมอหลวงจากวังหลวงของเสิ่นโจวกำลังเดินทาง น่าจะอยู่ระหว่างการเดินทาง คงจะมาถึงภายในวันหรือสองวันนี้แหละขอรับ”
“เฮ้อ ผู้ใดจะคิดว่าอุทกภัยครั้งนี้จะหนักหนาแล้วมาถึงสองคราในเวลาอันสั้นกันเล่า จริงสิ! ข้ายังมีพวกผ้าห่มและถ่านแห้งเอาไว้ให้พวกท่านใช้ อีกเดี๋ยวจะตามขบวนยามา แต่คงจะช้านิดหน่อยเพราะของมันค่อนข้างหนัก”
“คุณหนูถานช่างมีน้ำใจยิ่งนัก ข้าน้อยต้องขอบคุณท่านแทนผู้ประสบภัยด้วย ที่จริงทุกคนต่างก็ลำบากด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็มิอาจเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ แม้ว่าทางการจะส่งของและเสบียงมาช่วยบรรเทาภัย แต่เพราะภัยพิบัติร้ายแรงเกินคาดการณ์ ดังนั้น…”
“ท่านหมออย่าได้เกรงใจ แค่อย่าบอกให้ผู้ใดรู้ว่ามาจากข้าก็พอ ท่านก็รู้ว่า...”
“เฮ้อ ข้าเข้าใจคุณหนูดี ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดคหบดีถานจึงได้ปล่อยให้อนุหลี่ดูแลกิจการเช่นนี้ ทำให้ท่านลำบากทั้ง ๆ ที่ท่านช่วยพวกเราได้มากพอกับทางการเสิ่นโจว”
“เอาล่ะข้าไม่รบกวนท่านดีกว่า ยาที่ข้าส่งมาครั้งนี้มีสมุนไพรหายากหลายตัวท่านลองดูตามรายการนี้ หากว่ายังขาดอะไรก็รีบให้คนไปแจ้งที่เป่าจิ้นถาน ข้าจะรีบให้คนจัดหามาให้”
“ขอบคุณขอรับ คุณหนูถานจัดยามาให้ไม่มีครั้งใดที่จะขาดยาสำคัญ อีกทั้งราคาตามท้องตลาดก็ค่อนข้างแพง ข้าน้อยเกรงใจเหลือเกินแล้ว”
คำนับจากผู้ที่อาวุโสกว่าทำให้ซินเยว่ทำตัวไม่ถูก นางรีบคำนับตอบกลับให้ท่านหมอเวินทันที
“ท่านหมอทำเช่นนี้อีกแล้ว ท่านจะให้ข้าอายุสั้นหรืออย่างไร ทุกคนล้วนเป็นชาวบ้านของลี่เหมิน ช่วยอะไรได้ก็ต้องช่วย”
“ขอบคุณขอรับ ขอบคุณ”
“ซินเยว่ เจ้ามาแล้วหรือ”
“ท่านหมอจาง ท่านก็อยู่ด้วย”
“จางหลงจื่อ” หมอหลวงที่ถูกส่งมาช่วยหมอหลวงเวินฉางเดินมาทักทายนาง เขาเป็นหมอหลวงที่อายุยังน้อยและพึ่งเข้าไปทำงานในวังหลวงของเสิ่นโจว แต่ที่อำเภอลี่เหมินเกิดภัยจึงถูกส่งมาช่วยที่นี่
“เจ้าก็ยังสดใสเช่นเดิม ยิ้มเช่นนี้แสดงว่าคงได้สมุนไพรหายากมาฝากข้าสินะ”
“ท่านก็ลองเดาดูสิ”
“อืม…ปิงหลาง”
“โธ่นั้นมันสมุนไพรพื้น ๆ ที่ร้านข้ามีออกเยอะแยะ”
“เช่นนั้นก็…ปาโต้ว”
“ไม่ใช่ ๆ เป็น “ชิงเฮา” ต่างหาก”
“จริงหรือ! ได้มาจริงหรือ เจ้ามิได้หลอกข้านะ”
“ข้าจะไปหลอกท่านได้เช่นไร สหายของอาจารย์พึ่งกลับมาจากป่าลึกแดนประจิม พวกท่านก็รู้ว่าป่าแถบนั้นมีต้นชิงเฮามาก ข้าก็เลยขอแบ่งมาให้ท่าน เผื่อว่าจะใช้ประโยชน์ได้”
“ยอดไปเลย”
เมื่อคุยกันได้ไม่นาน องครักษ์ทั้งสองของซินเยว่ก็เดินมาพร้อมกับรายงานว่า ขนส่งสมุนไพรเข้าไปเก็บเรียบร้อยแล้ว
“คุณหนู ส่งของเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“ขอบใจพวกเจ้ามาก เช่นนั้นหมอเวิน หมอจางข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ เอาไว้พบกันใหม่”
“เดี๋ยวสิ นี่เจ้าจะกลับเลยหรือ”
“ใช่แล้ว ข้าต้องกลับไปช่วยอาจารย์เก็บร้าน ท่านก็รู้ว่าอาจารย์ข้าขี้บ่นขนาดไหน อีกอย่าง…”
ท่านหมอทั้งสองรู้ดีว่ากฎของจวนคหบดีนั้นเคร่งมากเพียงใด ถานซินเยว่แม้จะเป็นบุตรภรรยาเอก แต่นับจากที่มารดาของนางป่วยตายไปตั้งแต่นางอายุเพียงสิบปี นางก็สนใจที่จะร่ำเรียนวิชาแพทย์ บิดาจึงนำมาฝากให้อาจารย์ “หวังเย่เหอ” เป็นผู้สอนเรื่องการใช้สมุนไพรและปรุงยา และเปิดร้านในเมืองลี่เหมินด้วย
“เช่นนั้นเอาไว้พบกันใหม่นะเจ้าคะ”
“ขอบคุณมากขอรับ แล้วพบกันใหม่”
“ข้าเดินไปส่งเจ้าเองนะ”
“ไม่เป็นไรม้าข้าอยู่แค่นี้เอง พวกท่านรีบไปทำงานเถอะ”
“เช่นนั้น…”
“ข้าไปล่ะ”
ซินเยว่ยิ้มให้พวกเขาและเดินกลับมาที่ม้าของตัวเอง เมื่อเดินมาถึงและยังไม่ทันได้ขึ้นก็เห็นขบวนขนส่งของรถม้า และอาชาสีขาวที่วิ่งเร็วกว่าทุกตัว ม้าของนางเกิดตกใจและหันไป ซินเยว่ที่ไม่ทันระวังจึงถูกม้าดึงจนล้ม
""คุณหนู""
“กรี๊ด!!”
อาชาสีขาวกับผู้ที่ขี่มันอยู่รีบลดความเร็วและหันมาทันที เมื่อเห็นว่าสตรีผู้หนึ่งถูกม้าลากเพราะเชือกของมันคงไปคล้องเข้ากับกำไลข้อมือของนางเขาจึงใช้บางอย่างดีดไปจนกำไลหยกของนางแตกออกมา
ตัวนางหลุดจากสายบังคับม้าทันที ชาวบ้านและท่านหมอต่างวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ ท่านหมอเวินและหมอจางรีบวิ่งเข้ามา แต่บุรุษที่พึ่งลงจากอาชาในชุดสีขาวสะอาด สวมกวานสีเงิน ชุดเสื้อผ้าบ่งบอกได้ว่าเป็นคุณชายมีฐานะรีบเข้ามาประคองนางทันที
“แม่นาง! เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”
ถานซินเยว่แม้จะบาดเจ็บ แต่นางเอาแต่จับข้อมือตัวเองและหันไปมองจนทั่ว เขาเองก็ไม่เข้าใจว่านางมองหาสิ่งใดทั้ง ๆ ที่นางบาดเจ็บและดูเหมือนขาจะพลิกจนผิดรูป
""คุณหนู!!""
สององครักษ์วิ่งเข้ามา และเมื่อบุรุษหนุ่มหันไป หมอหลวงและทุกคนที่เหลือกำลังจะคำนับ เขายกมือขึ้นห้ามในทันที
“ข้าไม่เป็นไร แต่ว่า.… ไปไหนแล้วล่ะ หายไปไหน”
“แม่นางน้อย เจ้า... มองหาสิ่งใดงั้นหรือ”
“กำไลหยกขาวของข้า กำไลของท่านแม่ล่ะ อยู่ที่ใดท่านเห็นบ้างหรือไม่”
“น้องแปด มีเรื่องด่วนอะไรงั้นหรือ ให้พวกข้า…”ฟ่านหรงยกมือขึ้นห้ามพี่สามของตัวเอง และส่ายศีรษะทันที “ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกพ่ะย่ะค่ะ พี่สามอย่าได้เป็นห่วง”“ก็แค่องค์หญิงต่างแคว้นที่ถูกส่งมาเป็นเชลยหย่าศึก พยายามแอบหนีออกจากเมืองก็เท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ”“น้องเก้า! หุบปากของเจ้าไปเลย”ตงหรานหันไปมองหน้าเฟิ่งเซียวทันที พวกเขารู้ว่าก่อนที่ฟ่านหรงจะไปที่เมืองหลิงโจวครั้งก่อน ได้ทำศึกที่ชายแดนตะวันออกและได้รับตัวองค์หญิงต่างแคว้นมาคนหนึ่ง แต่พวกเขาก็ไม่เคยได้ถามที่มาที่ไปเดิมทีคนอย่างเฉินฟ่านหรงที่ชอบช่วยเหลือพี่น้องของตัวเอง แต่พอเป็นเรื่องของเขาในดินแดนบูรพา กลับไม่อยากให้พี่น้องคนอื่น ๆ ร่วมรับรู้ด้วย และมักจะชอบจัดการด้วยวิธีของเขาเอง ซึ่งทุกคนล้วนทราบกันดี“ข้าเข้าใจแล้ว แต่หากเจ้าอยากจะให้ช่วยเรื่องใดต้องรีบบอกทันที ข้ากับเยว่เอ๋อร์คงจะกลับไปพักที่เสิ่นโจวพักใหญ่ และไม่ได้กลับไปหลิงโจวในตอนนี้”“ขอบคุณพี่สาม แต่เหตุการณ์ที่นั่นข้าเพียงคนเดียวก็สามารถจัดการได้พ่ะย่ะค่ะ อย่างไรข้าขอตัวไปเก็บของก่อน”“เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ”แม้ว่าสีหน้าของเฉินฟ่านหรงจะไม่ค่อยสู้ดีนักที่ต้องแจ้งข่าวกับทุกคน
“นะ แน่นอน ซี๊ด!! อาา… เยว่เอ๋อร์ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว”เขาดึงท้ายทอยนางเข้ามาและบดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ซินเยว่ยอมปล่อยมังกรยักษ์ของเขาแล้ว ท่านอ๋องรวบตัวนางยกขึ้นและไปวางที่ขอบสระอย่างเบามือ ขาของนางค่อย ๆ ถูกกางออกมา“ท่านพี่…อ๊าา!!”ลิ้นร้อนที่ค่อย ๆ เกลี่ยเปิดทางร่องรักที่เปียก นิ้วมือของท่านอ๋องค่อย ๆ สอดเข้าไปอย่างทะนุถนอม ซินเยว่เอนกายแอ่นรับสัมผัสเสียวซ่านนี้อีกครั้ง มือเรียวจับที่ศีรษะของสามีเอาไว้อย่างลืมตัว“อื้อ…อ๊ะ! ไม่ได้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว อ๊าาา”เมื่อนางให้สัญญาณ นิ้วมือของเขาก็เร่งจังหวะทันที ลิ้นหนาเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ยอดปทุมคู่งามตรงหน้าแทน ไม่นานซินเยว่ก็กรีดร้องออกมา เสียงของนางเร่งกระตุ้นความอยากของท่านอ๋องจนแทบไม่อยากรอ“ท่านพี่…ได้โปรด”ไม่ต้องรรอให้นางขอ เขาก็พร้อมจะเติมเต็มความรักให้นางอยู่แล้ว ร่างบางถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง ขาทั้งสองถูกยกขึ้นมาพาดที่ไหล่กว้างก่อนที่มังกรยักษ์จะสอดเข้าไปจนสุดทาง “อ๊าา!! ท่านพี่..อ๊าาา”เสียงครวญครางสลับกับเสียงน้ำที่กระเพื่อมในสระ ยิ่งสร้างบรรยากาศสงครามรักครั้งใหม่ให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น ท่านอ๋องเปลี่ยนให้นางยืนหันหลังให้ ซินเยว่แทบจะยืน
สามวันถัดมา“เยว่เอ๋อร์ รถม้าพร้อมแล้ว”“ทราบแล้วเพคะ” ซินเยว่เดินออกมานอกห้อง วันนี้พวกเขาจะไปที่สำนักศึกษา ซึ่งสร้างที่ร้านเป่าจิ้นถานเดิม ท่านอ๋องสั่งการให้นายอำเภอเป็นผู้ดำเนินการสร้างให้เป็นสำนักศึกษาอำเภอลี่เหมิน และให้อาจารย์ผู้สอนจากหลายที่มาสมัคร ซึ่งล้วนแต่เป็นคนที่ท่านอ๋องคัดเลือกมาแล้วทั้งสิ้นสำนักศึกษาอำเภอลี่เหมิน“ถวายบังคมท่านอ๋อง พระชายาพ่ะย่ะค่ะ”“นายอำเภอไม่ต้องเกรงใจ”“เชิญทั้งสองพระองค์เสด็จก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”นายอำเภอนำทางทั้งสองไปยังที่ประทับ แต่ท่านอ๋องกลับยิ้มให้และตรัสอีกครั้ง“ไม่เป็นไรท่านทำงานไปเถิด เรากับพระชายาจะเดินดูรอบ ๆ ขอบใจท่านมากที่เป็นธุระจัดการทุกอย่างให้”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ ล้วนเป็นหน้าที่ของกระหม่อม จริงสิพระชายามีชาวบ้านมากมายที่อยากขอบพระทัยพระองค์ ที่ทรงมอบที่ดินผืนนี้ให้เพื่อสร้างเป็นสำนักศึกษาสำหรับเด็กเล็ก นี่นับว่าสร้างประโยชน์ได้มากจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ท่านอย่าได้เกรงใจ ที่ดินแห่งนี้เป็นของบิดาข้า ไฟไหม้ครั้งก่อนก็ทำให้ไม่สามารถปรับปรุงร้านขึ้นมาได้ สร้างเป็นสำนักศึกษาแทนถือว่าได้ใช้ประโยชน์มากกว่า”“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“เราไปกัน
“เฟิ่งเซียว ข้าอยากกลับแล้ว”“ได้สิ ข้าจะพาเจ้ากลับนะ”พวกเขาออกมาจากลานประหาร เฉินเฟิ่งเซียวพานางมาที่เขื่อนซึ่งตอนนี้สร้างเกือบจะเสร็จแล้วด้วยความร่วมมือของชาวบ้าน ทหารและกลุ่มพ่อค้าที่ถานต่งซุนไปขอความร่วมมือก่อนหน้านี้ จึงทำให้เขื่อนเสร็จเร็วกว่ากำหนด เมื่อซินเยว่ลงมาจากรถม้าสายลมเย็น ๆ ที่พัดเข้ามาก็ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น“ที่นี่… อากาศดียิ่งนัก”“ข้าคิดเอาไว้แล้วว่าเจ้าต้องชอบ ข้าตั้งชื่อเขื่อนนี้ว่า “เฟิ่งเยว่” เจ้าว่าเพราะหรือไม่"“เขื่อนเฟิ่งเยว่… ชื่อไพเราะยิ่งนักเพคะ”“ไปเถอะ ไปเดินเล่นกัน”เฟิ่งเซียวพานางเดินขึ้นไปด้านบนสันเขื่อน ซึ่งสามารถมองเห็นแผงกั้นน้ำที่ทำจากหินและแอ่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ ริมนั้นปลูกดอกไม้เอาไว้ และมีศาลาพร้อมกับโต๊ะม้าหินวางเป็นจุด ๆ เหมาะสำหรับการเดินเล่นพักผ่อน“ที่นี่เหมือนธารสวรรค์เลยเพคะ”“อืม ชื่อนี้เพราะยิ่งนัก เช่นนั้นตั้งชื่อว่าสันเขื่อนธารสวรรค์ก็แล้วกัน”ซินเยว่ยิ้มให้เขา และเดินไปนั่งศาลาหินอ่อนซึ่งน่าจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ นางมองไปไกลแสนไกล“เมืองหลวงอยู่ทางนั้นใช่หรือไม่เพคะ”“ไม่ใช่ ทางตะวันออกเฉียงไปทางเหนือต่างหาก ทางนี้”“อ้อ เช่นน
เมื่อประตูห้องนอนปิดลง ร่างของซินเยว่ก็ถูกนำไปวางที่เตียงนุ่มด้านใน ไม่ทันที่จะเอ่ยคำใดเฟิ่งเซียวก็ค่อย ๆ ก้มลงมาทันที ริมฝีปากของเขาค่อย ๆ ละเมียดเกลี่ยไปทั่วปากของนางก่อนจะขยับเข้าไปแนบแน่นและเริ่มเร่าร้อนขึ้น“อื้อ…อ๊ะ เฟิ่งเซียว”เขาปลดชุดของนางออกอย่างเบามือ ซินเยว่เองก็ช่วยเขาปลดเข็มขัดและชุดออกเช่นกัน ราวกับเรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้น ทั้งสองจัดการทุกอย่างที่ขวางทางออกจนหมดสิ้น สลับกับระดมจูบแทนรักกันเพื่อให้อีกฝ่ายไว้ใจมากขึ้น“เยว่เอ๋อร์… ข้ายินดีรับโทษจากเจ้า”“จริงหรือ”“แน่นอน”“ก็ได้”“โอ๊ย! ฮึก!”ซินเยว่หันไปกัดที่หัวไหล่ของเขาทันที เฟิ่งเซียวจดจำความเจ็บนี้เอาไว้แล้ว ไม่นานนางก็ปล่อยและหันมาจูบเขาแทน ซึ่งเขาเองก็รูดชุดชั้นในที่เหลือของนางออกเช่นกัน“อ๊าา ท่านอ๋อง…อื้อ ดีจริง อ๊ะ”เขาเผลอขบเม้มหน้าอกของนางแรงไปนิด เพื่อจะลงโทษคนตรงหน้าด้วยเช่นกัน เพียงแค่เห็นนางเดินกับชายอื่นหัวใจเขาก็เจ็บปวด และรู้สึกโกรธจนต้องหาที่ระบาย“ท่านโกรธข้าอยู่สินะ”“ข้าไม่ปฏิเสธที่โกรธเจ้า แต่นั่นไม่ใช่ความผิดของเจ้าเช่นกัน”“เช่นนั้นข้าก็ยินดีให้ท่านลงโทษด้วยเช่นกัน… ดีหรือไม่”“ก็ดี เช่นนั้
เฟิ่งเซียวหันกลับไป และเดินนำนางไปที่เรือนของอวิ๋นซีทันทีโดยมิได้พูดอะไรอีก เมื่อเข้ามาถึงก็พบตงหรานที่กำลังป้อนผลไม้ให้กับพระชายาอยู่ด้านใน เมื่อเห็นทั้งสองเข้ามาพวกเขาจึงได้ทักทาย“อีกคำเดียวนะ กินมากเดี๋ยวจะเสาะท้องเอา”“แต่ว่าข้าอยากกินอีก…ซินเยว่! เจ้ามาแล้วหรือ ว้าวนั่นหอบอะไรมาเยอะแยะน่ะ”“ของที่ท่านชอบอย่างไรเล่า นางซื้อมาฝาก”“ยอดไปเลย ขอบใจมากนะซินเยว่มานั่งก่อนสิ”“ถวายบังคมท่านอ๋อง”“อย่ามากพิธีเลยครอบครัวเดียวกันทั้งนั้นจริงไหมน้องห้า… เอ่อ นั่งก่อนเถอะ”เฉินตงหรานรีบหันมาชักชวนนางให้นั่งลง เมื่อมองหน้าเฟิ่งเซียวที่ยังยืนบึ้งตึงอยู่ตอนวางของลง เขาเลือกมานั่งข้าง ๆ พระเชษฐาแทนที่จะนั่งกับซินเยว่“นี่เจ้ายังโกรธอยู่หรือ ไหน ๆ นางก็มาแล้ว ทำหน้าให้มันเหมือนคนปกติหน่อยสิ”“ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย”เฟิ่งเซียวมองของที่ซินเยว่ซื้อมา ก็นึกหงุดหงิดเมื่อคิดไปถึงคนที่พานางไปซื้อมาก่อนหน้านี้ อวิ๋นซีสังเกตเห็นความผิดปกตินี้จึงได้กระแอมครั้งหนึ่งก่อนจะเริ่มทำลายความเงียบจนน่าอึดอัดนี้“นี่ของชอบข้าทั้งนั้นเลย ขอบใจเจ้ามากนะซินเยว่”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ พี่เฟิ่งเซียวบอกว่าท่านชอบกินถั