หลี่ฮั่วเจินใจหายเมื่อถุงเงินขนาดใหญ่ถูกยกไปต่อหน้า โดยไม่สามารถพูดอะไรได้
“เอ่อ คุณชายเจ้าคะรอสักครู่ก่อนข้ามิได้หมายความว่าเช่นนั้น เพียงแต่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย ร้านจินหงของเรายินดีมาก ๆ ที่จะค้าขายกับทางการ”
“อ้อ งั้นหรือแต่ตอนนี้ข้ามิได้ยินดีแล้วน่ะสิ ช่างเถอะเอาไว้ข้าอารมณ์ดีเมื่อใดจะแวะมาก็แล้วกันนะ จิ่นหาวเราไปกันเถอะ”
“เอ่อ… ปัดโธ่เอ๊ย! ทำไมถึงได้ปากไวเช่นนี้นะ ไม่ควรคิดไปถึงนังเด็กนั่นเลยบ้าจริง! เงินอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ กลับคว้ามาไม่ได้ รู้ถึงไหนอายไปถึงที่นั่น”
เฉินเฟิ่งเซียวเพียงแค่หยักยิ้มที่มุมปากและหันไปที่องครักษ์ส่วนตัว จิ่นหาวรู้ทันทีว่าผู้เป็นนายต้องการอะไร
‘ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวสกุลถาน จะไม่ค่อยดีอย่างที่คาดจริง ๆ’
“คุณชาย”
“จัดการตามที่สั่ง กระจายข่าวให้ทั่ว”
“แล้วยังจะซื้อผ้าอีกหรือไม่ขอรับ”
“วันนี้ยังไม่ซื้อ ข้าจะแวะไปดูสมุนไพรที่ร้านเป่าจิ้นถานสักหน่อย”
“เช่นนั้นเชิญทางนี้ขอรับ”
จิ่นหาวและเฟิ่งเซียวเดินทางมาถึงตรอกอิ๋งเตียน ซึ่งอยู่ถัดจากตรอกที่คึกคักด้วยผู้คนไปประมาณสองตรอก แม้ว่าจะไม่ค่อยมีผู้คนสัญจร แต่ก็เงียบสงบและดูน่าอยู่ไม่น้อย
“ร้านเป่าจิ้นถานอยู่สุดทางตรอกนี้ขอรับ”
“เช่นนั้นก็ไปเถอะ”
เฟิ่งเซียวตัดสินใจเดินเข้าไปจนสุดตรอก ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่แลดูร่มรื่นกว่าที่อื่น ป้ายไม้เก่าแก่จวนจะหักอยู่ตรงหน้าเพื่อบอกชื่อร้าน ด้านในเป็นลานโล่งกว้างซึ่งน่าจะมีไว้สำหรับตากยาสมุนไพร เพราะแม้แต่ตอนที่ยืนอยู่ตรงหน้าร้านเขาก็ยังได้กลิ่นยาสมุนไพร
“นายท่าน จะรับยาอะไรดีขอรับ”
เฟิ่งเซียวหันไปมองเห็นผู้เฒ่าที่เฝ้าร้านอยู่ด้านใน เขายืนหันหลังให้กับเฟิ่งเซียว และยุ่งอยู่กับการเก็บยาในตู้อยู่
“เอ่อ ที่นี่คือร้านของคุณหนูสามถานใช่หรือไม่”
“ยัยหนูนั่นหรือ ฮึฮึ ท่านเป็นสหาย เป็นลูกค้าหรือว่าเป็นคนที่อยากทำความรู้จักนางกันเล่า”
“อะไรนะ “อยากรู้จัก” นี่คือ…”
“เฮ้อ ยัยหนูที่หน้าตาน่ารักมีรอยยิ้มสดใสเช่นนั้น แน่นอนว่าย่อมมีหลายคนอยากมาที่นี่เพื่อทำความรู้จัก หากท่านเป็นสองประเภทแรก ข้าก็พอช่วยได้ แต่หากเป็นอย่างสุดท้ายขออภัยที่ข้าไม่อยากยุ่ง”
“เอ่อ มิใช่เช่นนั้น ข้าน้อยเฉินเฟิ่งเซียว เป็นหมอหลวงที่ทางการเสิ่นโจวส่งมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่อำเภอลี่เหมิน หลายวันมานี้ได้คุณหนูถานช่วยเรื่องจัดหายามามาก จึงมาเพื่อขอบคุณและสั่งยาไปช่วยผู้ประสบภัยขอรับ”
“อ้อ เช่นนั้นเองหรือ เช่นนั้นท่านมีเทียบยามาหรือไม่เล่า… คุณชายเฉิน ฮึฮึ”
“เอ่อ… ขออภัยเถ้าแก่คือข้าค่อนข้างรีบ ตอนที่ออกมาจากจวนก็เลยไม่ทันเขียน แต่ข้าสามารถเขียนเทียบยาให้ท่านได้”
“เช่นนั้นก็ไปนั่ง กระดาษกับหมึกอยู่ตรงนั้น เขียนมาแล้วข้าจะให้คนที่ร้านจัดให้”
“ขอรับ”
เฟิ่งเซียวรู้สึกว่าเถ้าแก่หันมามองหน้าเขาคล้ายกับจะรู้จัก แต่เมื่อเขาหันกลับไปอีกที เถ้าแก่ก็แค่เอายาสมุนไพรมาชั่งเท่านั้น เมื่อเขียนเทียบยาบางส่วนแล้วก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นด้านหลัง
“อาจารย์ข้าตากสมุนไพรที่ท่านสั่งเอาไว้แล้ว หญ้าฝรั่นนี่ตากสองแดดแล้วนะ ช่วงนี้ฝนตกอีกท่านก็อย่าให้เปียกเล่า ส่วน… ท่านหมอเฉินท่านมาทำอะไรที่นี่”
“คุณหนูถาน เจอเจ้าอีกแล้ว”
“เจอข้าอีกแล้วหมายถึงอันใด ที่นี่เป็นร้านของข้านะ”
“ร้านของเจ้าหรือ เช่นนั้นเถ้าแก่…”
“ตาแก่นี่เป็นอาจารย์ของข้า เถ้าแก่อะไรที่ไหนกัน เขาก็แค่ชอบมานั่งดูลูกค้าและช่วยตรวจโรคให้คนที่มาซื้อยาเท่านั้นแหละ”
“พูดมากเสียจริง ไม่รู้จักบุญคุณ”
“ท่านก็พูดเองว่าไม่อยากเป็นเถ้าแก่ ท่านพ่ออยากยกร้านนี้ให้ท่านตั้งกี่ครั้งแล้วท่านก็ไม่รับ มาวันนี้ทำไมนึกอยากจะเป็นเถ้าแก่ขึ้นมาเสียเล่า”
“พูดให้มันดี ๆ หน่อย ข้าเป็นถึงอาจารย์ของเจ้าเชียวนะ”
“ข้าจะไปซื้อน้ำตาลปั้น”
“ขอสอง เอาตัวใหญ่ ๆ บอกพ่อค้าว่าอย่าขี้เหนียวนักเล่า”
“เชอะ เห็นแก่กิน”
“เอ่อ เดี๋ยวสิคุณหนูถาน เจ้าจะไปแล้วงั้นหรือ”
“เปล่านี่ ข้าก็แค่จะออกไปซื้อขนมข้างนอกนี้ก็เท่านั้นเอง”
“เช่นนั้นพอดีเลย จิ่นหาวเจ้ารอรับยากับ... ผู้ดูแลร้าน เดี๋ยวข้ามา”
“ขอรับคุณชาย”
“หวังเย่เหอ” หันไปมองเฟิ่งเซียว ที่เดินตามถานซินเยว่ออกไปก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
“แล้วบอกว่ามิได้สนใจ พวกปากไม่ตรงกับใจ”
“ผู้อาวุโส คุณชายของข้าหาได้คิดล่วงเกินคุณหนูถานเช่นนั้นไม่ เขาก็แค่…”
“เอาเถอะ ๆ ไหนเอาเทียบมาดูหน่อย… นี่มันก็ยาพื้น ๆ ที่ยัยหนูนั่นเอาไปส่ง ไม่จำเป็นต้องสั่งเจ้าตามข้ามานี่”
“เอ่อ...”
“พวกเขาไม่กลับมาง่าย ๆ หรอก มาช่วยข้าขนของสิ เจ้าจะให้คนแก่อย่างข้าทำหรือ”
จิ่นหาวรู้สึกเป็นห่วงท่านอ๋องแต่ก็มิอาจตามออกไปได้ อีกทั้งท่านอ๋องก็ยังสั่งให้เขารอเทียบยาอยู่ที่นี่ จิ่นหาวจึงเดินตามหวังเย่เหอเข้าไปด้านใน
ตลาด
“น้ำตาลปั้นสิบอันเจ้าค่ะ นี่ ตาแก่ขี้บ่นนั่นฝากมาบอกท่านว่าอย่าได้งกน้ำตาลนัก ของเขาขออันใหญ่ ๆ หน่อย”
“ปัดโธ่เขาเป็นเช่นนั้นทุกที คุณหนูถานรอสักประเดี๋ยว ข้าน้อยจะรีบทำให้เดี๋ยวนี้”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
“สิบอัน นี่เจ้าจะดูแลคนในร้านดีเกินไปหรือไม่ เขากินขนมนี่ครั้งละสิบอันเลยงั้นหรือ”
“ไม่ใช่เสียหน่อย”
“เช่นนั้นเหตุใดจึงซื้อมากมายเช่นนั้น ตั้งสิบอันเชียวแล้วนั่นเจ้าจะเดินไปไหน”
“ข้าก็จะไปเดินดูของอย่างอื่นน่ะสิ จะมานั่งรอทำไมกันเดี๋ยวค่อยกลับมาเอาก็ได้”
“เอ่อ เดี๋ยวก่อน รอก่อนสิ”
เฟิ่งเซียวเดินตามซินเยว่มา จึงได้รู้ว่านางคุ้นเคยกับชาวบ้านในตรอกนี้เป็นอย่างดี อีกอย่างทุกคนล้วนแต่รู้จักนางและเรียกว่า "คุณหนูถาน" ไม่ว่าจะเพราะความใสซื่อของนาง รอยยิ้มที่สดใสหรือเพราะใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มนี้กันแน่ที่ทำให้นางดูน่ามอง จนเขาเผลออมยิ้มตามไปด้วย
“เอาสักชิ้นหรือไม่”
“นี่คือ…”
“ขนมผักกาด ชาวบ้านทำมาขายอร่อยมากเลยนะ”
“ข้า… ไม่ค่อยชอบกินขนมแบบนี้…”
ซินเยว่ยัดขนมผักกาดเข้าปากเข้าไปคำหนึ่งพร้อมกับยิ้มให้เขาและหันมากัดขนมผักกาดของตัวเอง
“เป็นอย่างไร อร่อยใช่หรือไม่ข้าบอกแล้วว่าไม่โกหกท่านหรอก ว้าว มีป๋องแป๋งขายด้วย มาเร็วหมอเฉินข้าจะไปซื้อเจ้านั่นเดี๋ยวไม่ทัน”
“เดี๋ยวสิคุณหนูถาน เอ่อ…”
ซินเยว่เผลอตัวคว้าแขนของเฟิ่งเซียวและพาเขากึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อให้ทันพ่อค้าหาบเร่ขายของเล่น เมื่อถึงแล้วจึงได้หันมายิ้มให้เขา ดวงตากลมคู่โตนั้นสะกดท่านอ๋องหนุ่มให้ชะงักไปเล็กน้อย
“ทันแล้ว เดี๋ยวข้ามานะหมอเฉิน”
เฟิ่งเซียวมองตามร่างเล็กที่เดินไปเลือกของเล่นพร้อมกับรอยยิ้ม เขามองที่มือที่พึ่งถูกนางจับวิ่งมาถึงตรงนี้ และขนมผักกาดที่เขาไม่เคยแม้แต่คิดจะกิน แต่วันนี้กลับรู้สึกว่ามันทั้งหอมหวานอร่อยอย่างบอกไม่ถูก
“เยี่ยมไปเลย ข้าขอสามอันนี้ เท่าไหร่”
“ทั้งหมดหกอิแปะขอรับคุณหนู”
“ข้าขอหน้ากากสองอันนี้ด้วย”
“คุณชาย หน้ากากสองอันนี้งดงามมาก ขอบคุณนะขอรับ ทั้งหมดสิบอีแปะ”
“ไม่ต้องทอน เจ้าซื้อพอแล้วหรือไม่ อยากได้อะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า”
ซินเยว่หันมายิ้ม ในใจนางเต้นแรงและอดยิ้มไม่ได้เมื่อเฟิ่งเซียวจ่ายเงินไปให้พ่อค้า ซึ่งมันมากพอสำหรับของเล่นทั้งร้านเลยด้วยซ้ำ
“ไม่เอาแล้วเจ้าค่ะ แต่ท่านจ่ายให้ข้าเช่นนี้ไม่เหมาะกระมังเดี๋ยวข้าจ่ายเองก็ได้”
“ถือเป็นการตอบแทนที่เจ้าช่วยเรื่องยา แล้วก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะช่วยข้าได้นะถานซินเยว่”
“ข้าหรือ ข้าก็ช่วยพวกท่านอยู่แล้วมิใช่หรือ”
“เอาเถอะแล้วค่อยว่ากัน รีบกลับกันเถอะ น้ำตาลปั้นของเจ้าน่าจะได้แล้วกระมัง”
“จริงด้วย ขอบคุณมากพ่อค้าข้าเอาแค่นี้ก็พอ”
“ขอบคุณคุณชายและฮูหยิน ขอให้พวกท่านรักกันนาน ๆ มีลูกหลานเต็มบ้านนะขอรับ”
“น้องแปด มีเรื่องด่วนอะไรงั้นหรือ ให้พวกข้า…”ฟ่านหรงยกมือขึ้นห้ามพี่สามของตัวเอง และส่ายศีรษะทันที “ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกพ่ะย่ะค่ะ พี่สามอย่าได้เป็นห่วง”“ก็แค่องค์หญิงต่างแคว้นที่ถูกส่งมาเป็นเชลยหย่าศึก พยายามแอบหนีออกจากเมืองก็เท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ”“น้องเก้า! หุบปากของเจ้าไปเลย”ตงหรานหันไปมองหน้าเฟิ่งเซียวทันที พวกเขารู้ว่าก่อนที่ฟ่านหรงจะไปที่เมืองหลิงโจวครั้งก่อน ได้ทำศึกที่ชายแดนตะวันออกและได้รับตัวองค์หญิงต่างแคว้นมาคนหนึ่ง แต่พวกเขาก็ไม่เคยได้ถามที่มาที่ไปเดิมทีคนอย่างเฉินฟ่านหรงที่ชอบช่วยเหลือพี่น้องของตัวเอง แต่พอเป็นเรื่องของเขาในดินแดนบูรพา กลับไม่อยากให้พี่น้องคนอื่น ๆ ร่วมรับรู้ด้วย และมักจะชอบจัดการด้วยวิธีของเขาเอง ซึ่งทุกคนล้วนทราบกันดี“ข้าเข้าใจแล้ว แต่หากเจ้าอยากจะให้ช่วยเรื่องใดต้องรีบบอกทันที ข้ากับเยว่เอ๋อร์คงจะกลับไปพักที่เสิ่นโจวพักใหญ่ และไม่ได้กลับไปหลิงโจวในตอนนี้”“ขอบคุณพี่สาม แต่เหตุการณ์ที่นั่นข้าเพียงคนเดียวก็สามารถจัดการได้พ่ะย่ะค่ะ อย่างไรข้าขอตัวไปเก็บของก่อน”“เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ”แม้ว่าสีหน้าของเฉินฟ่านหรงจะไม่ค่อยสู้ดีนักที่ต้องแจ้งข่าวกับทุกคน
“นะ แน่นอน ซี๊ด!! อาา… เยว่เอ๋อร์ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว”เขาดึงท้ายทอยนางเข้ามาและบดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ซินเยว่ยอมปล่อยมังกรยักษ์ของเขาแล้ว ท่านอ๋องรวบตัวนางยกขึ้นและไปวางที่ขอบสระอย่างเบามือ ขาของนางค่อย ๆ ถูกกางออกมา“ท่านพี่…อ๊าา!!”ลิ้นร้อนที่ค่อย ๆ เกลี่ยเปิดทางร่องรักที่เปียก นิ้วมือของท่านอ๋องค่อย ๆ สอดเข้าไปอย่างทะนุถนอม ซินเยว่เอนกายแอ่นรับสัมผัสเสียวซ่านนี้อีกครั้ง มือเรียวจับที่ศีรษะของสามีเอาไว้อย่างลืมตัว“อื้อ…อ๊ะ! ไม่ได้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว อ๊าาา”เมื่อนางให้สัญญาณ นิ้วมือของเขาก็เร่งจังหวะทันที ลิ้นหนาเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ยอดปทุมคู่งามตรงหน้าแทน ไม่นานซินเยว่ก็กรีดร้องออกมา เสียงของนางเร่งกระตุ้นความอยากของท่านอ๋องจนแทบไม่อยากรอ“ท่านพี่…ได้โปรด”ไม่ต้องรรอให้นางขอ เขาก็พร้อมจะเติมเต็มความรักให้นางอยู่แล้ว ร่างบางถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง ขาทั้งสองถูกยกขึ้นมาพาดที่ไหล่กว้างก่อนที่มังกรยักษ์จะสอดเข้าไปจนสุดทาง “อ๊าา!! ท่านพี่..อ๊าาา”เสียงครวญครางสลับกับเสียงน้ำที่กระเพื่อมในสระ ยิ่งสร้างบรรยากาศสงครามรักครั้งใหม่ให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น ท่านอ๋องเปลี่ยนให้นางยืนหันหลังให้ ซินเยว่แทบจะยืน
สามวันถัดมา“เยว่เอ๋อร์ รถม้าพร้อมแล้ว”“ทราบแล้วเพคะ” ซินเยว่เดินออกมานอกห้อง วันนี้พวกเขาจะไปที่สำนักศึกษา ซึ่งสร้างที่ร้านเป่าจิ้นถานเดิม ท่านอ๋องสั่งการให้นายอำเภอเป็นผู้ดำเนินการสร้างให้เป็นสำนักศึกษาอำเภอลี่เหมิน และให้อาจารย์ผู้สอนจากหลายที่มาสมัคร ซึ่งล้วนแต่เป็นคนที่ท่านอ๋องคัดเลือกมาแล้วทั้งสิ้นสำนักศึกษาอำเภอลี่เหมิน“ถวายบังคมท่านอ๋อง พระชายาพ่ะย่ะค่ะ”“นายอำเภอไม่ต้องเกรงใจ”“เชิญทั้งสองพระองค์เสด็จก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”นายอำเภอนำทางทั้งสองไปยังที่ประทับ แต่ท่านอ๋องกลับยิ้มให้และตรัสอีกครั้ง“ไม่เป็นไรท่านทำงานไปเถิด เรากับพระชายาจะเดินดูรอบ ๆ ขอบใจท่านมากที่เป็นธุระจัดการทุกอย่างให้”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ ล้วนเป็นหน้าที่ของกระหม่อม จริงสิพระชายามีชาวบ้านมากมายที่อยากขอบพระทัยพระองค์ ที่ทรงมอบที่ดินผืนนี้ให้เพื่อสร้างเป็นสำนักศึกษาสำหรับเด็กเล็ก นี่นับว่าสร้างประโยชน์ได้มากจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ท่านอย่าได้เกรงใจ ที่ดินแห่งนี้เป็นของบิดาข้า ไฟไหม้ครั้งก่อนก็ทำให้ไม่สามารถปรับปรุงร้านขึ้นมาได้ สร้างเป็นสำนักศึกษาแทนถือว่าได้ใช้ประโยชน์มากกว่า”“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“เราไปกัน
“เฟิ่งเซียว ข้าอยากกลับแล้ว”“ได้สิ ข้าจะพาเจ้ากลับนะ”พวกเขาออกมาจากลานประหาร เฉินเฟิ่งเซียวพานางมาที่เขื่อนซึ่งตอนนี้สร้างเกือบจะเสร็จแล้วด้วยความร่วมมือของชาวบ้าน ทหารและกลุ่มพ่อค้าที่ถานต่งซุนไปขอความร่วมมือก่อนหน้านี้ จึงทำให้เขื่อนเสร็จเร็วกว่ากำหนด เมื่อซินเยว่ลงมาจากรถม้าสายลมเย็น ๆ ที่พัดเข้ามาก็ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น“ที่นี่… อากาศดียิ่งนัก”“ข้าคิดเอาไว้แล้วว่าเจ้าต้องชอบ ข้าตั้งชื่อเขื่อนนี้ว่า “เฟิ่งเยว่” เจ้าว่าเพราะหรือไม่"“เขื่อนเฟิ่งเยว่… ชื่อไพเราะยิ่งนักเพคะ”“ไปเถอะ ไปเดินเล่นกัน”เฟิ่งเซียวพานางเดินขึ้นไปด้านบนสันเขื่อน ซึ่งสามารถมองเห็นแผงกั้นน้ำที่ทำจากหินและแอ่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ ริมนั้นปลูกดอกไม้เอาไว้ และมีศาลาพร้อมกับโต๊ะม้าหินวางเป็นจุด ๆ เหมาะสำหรับการเดินเล่นพักผ่อน“ที่นี่เหมือนธารสวรรค์เลยเพคะ”“อืม ชื่อนี้เพราะยิ่งนัก เช่นนั้นตั้งชื่อว่าสันเขื่อนธารสวรรค์ก็แล้วกัน”ซินเยว่ยิ้มให้เขา และเดินไปนั่งศาลาหินอ่อนซึ่งน่าจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ นางมองไปไกลแสนไกล“เมืองหลวงอยู่ทางนั้นใช่หรือไม่เพคะ”“ไม่ใช่ ทางตะวันออกเฉียงไปทางเหนือต่างหาก ทางนี้”“อ้อ เช่นน
เมื่อประตูห้องนอนปิดลง ร่างของซินเยว่ก็ถูกนำไปวางที่เตียงนุ่มด้านใน ไม่ทันที่จะเอ่ยคำใดเฟิ่งเซียวก็ค่อย ๆ ก้มลงมาทันที ริมฝีปากของเขาค่อย ๆ ละเมียดเกลี่ยไปทั่วปากของนางก่อนจะขยับเข้าไปแนบแน่นและเริ่มเร่าร้อนขึ้น“อื้อ…อ๊ะ เฟิ่งเซียว”เขาปลดชุดของนางออกอย่างเบามือ ซินเยว่เองก็ช่วยเขาปลดเข็มขัดและชุดออกเช่นกัน ราวกับเรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้น ทั้งสองจัดการทุกอย่างที่ขวางทางออกจนหมดสิ้น สลับกับระดมจูบแทนรักกันเพื่อให้อีกฝ่ายไว้ใจมากขึ้น“เยว่เอ๋อร์… ข้ายินดีรับโทษจากเจ้า”“จริงหรือ”“แน่นอน”“ก็ได้”“โอ๊ย! ฮึก!”ซินเยว่หันไปกัดที่หัวไหล่ของเขาทันที เฟิ่งเซียวจดจำความเจ็บนี้เอาไว้แล้ว ไม่นานนางก็ปล่อยและหันมาจูบเขาแทน ซึ่งเขาเองก็รูดชุดชั้นในที่เหลือของนางออกเช่นกัน“อ๊าา ท่านอ๋อง…อื้อ ดีจริง อ๊ะ”เขาเผลอขบเม้มหน้าอกของนางแรงไปนิด เพื่อจะลงโทษคนตรงหน้าด้วยเช่นกัน เพียงแค่เห็นนางเดินกับชายอื่นหัวใจเขาก็เจ็บปวด และรู้สึกโกรธจนต้องหาที่ระบาย“ท่านโกรธข้าอยู่สินะ”“ข้าไม่ปฏิเสธที่โกรธเจ้า แต่นั่นไม่ใช่ความผิดของเจ้าเช่นกัน”“เช่นนั้นข้าก็ยินดีให้ท่านลงโทษด้วยเช่นกัน… ดีหรือไม่”“ก็ดี เช่นนั้
เฟิ่งเซียวหันกลับไป และเดินนำนางไปที่เรือนของอวิ๋นซีทันทีโดยมิได้พูดอะไรอีก เมื่อเข้ามาถึงก็พบตงหรานที่กำลังป้อนผลไม้ให้กับพระชายาอยู่ด้านใน เมื่อเห็นทั้งสองเข้ามาพวกเขาจึงได้ทักทาย“อีกคำเดียวนะ กินมากเดี๋ยวจะเสาะท้องเอา”“แต่ว่าข้าอยากกินอีก…ซินเยว่! เจ้ามาแล้วหรือ ว้าวนั่นหอบอะไรมาเยอะแยะน่ะ”“ของที่ท่านชอบอย่างไรเล่า นางซื้อมาฝาก”“ยอดไปเลย ขอบใจมากนะซินเยว่มานั่งก่อนสิ”“ถวายบังคมท่านอ๋อง”“อย่ามากพิธีเลยครอบครัวเดียวกันทั้งนั้นจริงไหมน้องห้า… เอ่อ นั่งก่อนเถอะ”เฉินตงหรานรีบหันมาชักชวนนางให้นั่งลง เมื่อมองหน้าเฟิ่งเซียวที่ยังยืนบึ้งตึงอยู่ตอนวางของลง เขาเลือกมานั่งข้าง ๆ พระเชษฐาแทนที่จะนั่งกับซินเยว่“นี่เจ้ายังโกรธอยู่หรือ ไหน ๆ นางก็มาแล้ว ทำหน้าให้มันเหมือนคนปกติหน่อยสิ”“ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย”เฟิ่งเซียวมองของที่ซินเยว่ซื้อมา ก็นึกหงุดหงิดเมื่อคิดไปถึงคนที่พานางไปซื้อมาก่อนหน้านี้ อวิ๋นซีสังเกตเห็นความผิดปกตินี้จึงได้กระแอมครั้งหนึ่งก่อนจะเริ่มทำลายความเงียบจนน่าอึดอัดนี้“นี่ของชอบข้าทั้งนั้นเลย ขอบใจเจ้ามากนะซินเยว่”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ พี่เฟิ่งเซียวบอกว่าท่านชอบกินถั