“ช่วยบอกหนูทีเถอะ เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงต้องให้หนูไปแต่งงานกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ด้วย” คนเป็นบุตรสาวมองบุพการีทั้งคู่ด้วยหวังได้ยินคำชี้แจง ทว่ากลับได้รับเพียงความเงียบงันที่ทำให้ใจเริ่มเสียหนักขึ้น
“อย่าเงียบกันอย่างนี้สิคะ บอกหนูมาหน่อย มันเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเรา...คะ”
การเป็นลูกที่ดี แม้ไม่ได้เรื่องในหลายๆ ด้าน ทว่าเธอไม่เคยขึ้นเสียงกับบุพการีและญาติผู้ใหญ่เลยสักครั้ง แต่คราวนี้...เธอกลับอดรนทนไม่ได้ เผลอขึ้นเสียงด้วยความโกรธระคนอัดอั้นตันใจออกไป
“ไม่มี ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น ฉันแค่ต้องการให้แกได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ มีเงินมีทองและความรับผิดชอบ เป็นผู้ใหญ่พอที่จะดูแลแกได้ไปตลอดชีวิต ไม่ใช่ไอ้ผู้ชายที่โตจนเป็นควายแล้ว แต่ยังต้องแบมือขอเงินแม่อยู่อย่างไอ้เจ้านั่นละกัน!” คนเป็นพ่อกัดฟันพูดเสียงแข็ง รีบลุกขึ้นยืนโดยพ่วงเอาเมียสุดที่รักไปด้วย ก่อนน้ำตาของอติกานต์จะทำให้เปลี่ยนใจ ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ตกลงไว้ล้มครืนลงมา
“เดี๋ยวสิคะพ่อ ถ้าไม่บอกความจริงมา หนูจะไม่ยอมทำตาม...คำสั่งอย่างไม่มีเหตุผลของพ่อกับแม่นะ” อติกานต์ตะโกนตามหลังไปด้วยหวังว่าท่านทั้งสองจะยอมบอกความจริง ด้วยเชื่อว่าทุกปัญหาย่อมหาทางออกได้
“ถ้าหนูทำบ้าๆ หนีไปอยู่กับภูมิ พ่อกับแม่จะมาว่าหนูไม่ได้นะ” หญิงสาวข่มขู่ด้วยการเอ่ยถึงชื่อแฟนหนุ่ม...ภูมิเดช ทว่าบิดาและมารดาก็ยังไม่หยุดเดิน
“ถ้าแกจะคิดสั้น ทำให้ตัวเองหมดค่าหมดศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงก็ตามใจสิ แล้วรู้เอาไว้ด้วยนะ ไอ้เจ้าภูมิเดชแฟนแกน่ะ ไม่มีวันแต่งงานกับแกหรอกนะ ถ้าแม่ไอ้เจ้านั่นรู้ว่าครอบครัวเรา กำลังจะ...”
“คุณคะ” กชกรกระตุกแขนสามีด้วยกลัวอติกานต์จะทำอย่างที่พูด
“ไม่หรอก” คนเป็นสามีตบมือเมียรักเบาๆ “ฉันแค่พูดเตือนสติลูกสาวเราเท่านั้น”
ถึงมั่นใจ ลูกสาวที่เลี้ยงมากับมือ จะไม่มีทางทำเรื่องที่พูดออกมา…ทำให้ตัวเองดูไม่ดี ไม่มีค่าและกลายเป็นที่ดูถูกเหยียดหยามในสายตาของแฟนหนุ่มแน่นอน แต่บางครั้งคนเราเมื่อถึงคราวตีบตัน คิดอะไรไม่ออก ก็เกิดความคิดชั่ววูบจนเผลอทำอะไรผิดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ที่ทำให้ต้องเสียใจไปตลอดชีวิตได้เหมือนกัน
“อีกหนึ่งอาทิตย์ แกเตรียมตัวไปแต่งงานที่อารูเดกันก็พอ!” พ่ออย่างเขาก็เจ็บปวดราวใจจะขาดเหมือนกัน เมื่อต้องเอ่ยคำบาดเฉือนหัวใจลูกสาวให้ต้องแดดิ้น
“แล้วไม่ต้องไปคิดมากจนหน้าตาไม่สดใสล่ะ แกจะต้องทำตัวให้สวยสมกับเป็นเจ้าสาว” จะมีทางไหนบ้างที่สามารถเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี ที่เขาไม่ต้องปล่อยให้ลูกสาวไปเผชิญกับเรื่องร้ายๆ เพียงลำพัง แต่เขากับภรรยาก็คิดและพยายามทำทุกอย่างแล้ว ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างกลับยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ จนต้องใช้วิธีนี้!
อยากหาคำตอบ เพื่อจะได้แก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้น ให้ตัวเธอไม่ต้องเดินทางไปทำอย่างที่บุพการีเอ่ยขอ...ทว่านอกจากสมองจะไม่ทำงานแล้ว ร่างกายก็ยังหมดเรี่ยวแรงแม้จะยืนก็ยังไม่อยู่ อติกานต์ทิ้งกายลงบนเบาะรองนั่งที่ร้อนราวถูกไฟเผา น้ำที่เอ่อล้นคลอหน่วยตาไหลรินอาบสองแก้มอย่างหักห้ามเอาไว้ไม่ได้ อยากคิดสั้นทำตามคำที่ขู่ ทว่า...การหนีไปแล้วทิ้งให้พ่อกับแม่ต้องผจญกับปัญหา ก็หาใช่นิสัยเธอเช่นกัน!
ต้องทำยังไง เธอถึงหลีกหนีเรื่องเลวร้ายนี้ได้!
บริเวณประตูทางออก ซึ่งเป็นจุดรับส่งผู้โดยสารของสายการบินพาณิชย์ประเทศอารูเดกัน
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” สาวน้อยหุ่นอรชรอ้อนแอ้น ซึ่งตื่นเต้นกับการเดินทางออกเที่ยวต่างประเทศเพียงลำพังครั้งแรก เอ่ยขอโทษกับความซุ่มซ่ามของตัวเอง ที่ไม่ทันระวังสะพายกระเป๋าแล้วเหวี่ยงไปถูกบางคนซึ่งเดินตามหลังมา
แม้รู้สึกผิด แต่เมื่อเอ่ยคำขอโทษไปแล้วไม่มีการตอบรับ อีกทั้งหญิงสาวร่างเพรียวบางยังเดินผ่านหน้าไปอย่างไม่สนใจรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูเบ้เล็กน้อย ก่อนไหล่กว้างจะเลิกขึ้น หันไปให้ความสนใจกับบริเวณรายรอบ ซึ่งมีต้นไม้ที่สามารถเจริญเติบโตในดินแดนที่ได้ขึ้นชื่อว่าทะเลทรายได้เป็นอย่างดี แล้วยังเขียวขจีและร่มรื่นอย่างน่าแปลกใจกับความสามารถของประเทศเล็กๆ ที่ได้มาเยือนโดยไม่ตั้งใจเป็นยิ่งนัก
นึกถึงตอนที่ตัดสินใจเดินทางมายังประเทศอารูเดกัน...เธอก็ยังแปลกใจที่ตัวเองตัดสินใจอย่างนี้ ด้วยตอนที่ค้นหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจ แวบแรกที่เห็นภาพเล็กๆ ของประเทศแห่งนี้ นอกจากไม่สนใจแล้วเธอยังมีความรู้สึกขลาดกลัวประเทศนี้จนตัวสั่นเสียด้วย ที่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ เพราะเหตุผลใดถึงได้ตัดสินใจมาที่นี่ เคยคิดหาคำตอบเหมือนกัน แต่เหมือนถูกม่านแห่งความเจ็บปวดเสียดแทรกเข้ามาในหัวใจ จนต้องปล่อยวาง...ทิ้งไป แต่ก็เชื่อว่าในอีกไม่นานเธอจะได้รับคำตอบที่อยากรู้
ดวงตากลมใสราวกับแก้ว ล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอนและคิ้วหนาเป็นปื้นกวาดมองไปรอบๆ บริเวณอย่างเสียดายที่ไม่มีกล้องถ่ายรูป ซึ่งเสียก่อนวันเดินทางเพียงแค่หนึ่งอาทิตย์ติดตัวมา เลยอดถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกจากปอด ก่อนก้าวเดินตามร่างสูงเพรียวแต่งกายมิดชิดด้วยกางเกงผ้าเนื้อดีขายาวกรอมเท้า สวมรองเท้าหนังส้นเตี้ย เสื้อโค้ตสีดำยาวถึงเข่า แว่นสายตาสีดำสนิทอันโตปกปิดใบหน้าไปเกินครึ่งอย่างช้าๆ
การเดินทางเพียงลำพังในดินแดนที่ไม่รู้จักมักคุ้น จะต้องมีความระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้หญิงสาวร่างบอบบางรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวอีกคน ผู้ร่วมเดินทางโดยสายการบินเดียวกันมาตั้งแต่แรกออกจากประเทศบ้านเกิดเมืองนอน ด้วยไม่แน่ใจในสิ่งที่เห็น มือเล็กยกขึ้นดึงเอาแว่นสายตาอันเล็กเคลื่อนขึ้นไปพำนักเหนือศีรษะ กวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยคิดว่าตาฝาดไป แต่ไม่ใช่! เป็นเรื่องจริงเชียวแหละ!
หญิงสาวทำหน้ายุ่ง คิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันจนเป็นปม ถึงไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่น แต่เห็นคนเดือดร้อนแล้วไม่ช่วยนี่ถือเป็นนิสัยที่ไม่ดีเอาเสียเลย
“เฮ้...จะรีบไปไหนล่ะ รอด้วยสิ” หญิงสาวร้องตะโกนเสียงดังๆ คล้ายต้องการสื่อสารไปถึงสาวอีกคน พลางยกมือขึ้นโบกสะบัด ทว่าคนที่ถูกเรียกไม่ยอมหยุดหรือหันหน้ามามองด้วยซ้ำ
‘โห...คนอะไรนี่ หยิ่งจังเลย’
“ว้าย! ทำอะไรนะคะคุณซีกัลป์” แขนกลมกลึงรีบยกขึ้นโอบรัดรอบแผงคอแกร่ง เมื่ออยู่ดีๆ อันเดซาอีก็ช้อนร่างเธอมานอนราบบนเตียงนอนผ้าขนสัตว์เนื้อนุ่ม “ปล่อยฉันก่อน...นะคะ” ขอขวัญยกสองมือยันแผงอกกว้าง กลืนน้ำลายคงคออย่างฝืดเคืองเมื่อเจอกับสายตาร้อนแรงแฝงไว้ด้วยความปรารถนาที่ปกปิดเอาไว้ไม่มิด “ไอย่าค่อนข้างจะขี้อาย แค่ถูกฉันจับมือนิดหน่อยก็อายจนหน้าแดงปลั่งแล้ว ผิดกับเธอที่...” ปลายนิ้วยาวตวัดลากไล้ไปบนผิวเนื้อนวลเนียนนุ่ม“เหมือนจะอ่อนหวาน อ่อนโยน แต่เอาเข้าจริงก็ร้อนแรงประหนึ่งน้ำมันราดลงไปบนกองไฟ”อยากจะบอกว่า...ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ก็ได้ นี่มันยังกลางวันอยู่เลย อีกอย่างให้เวลานับจากนี้พิสูจน์คำพูดของเขา ทว่าเพียงใบหน้าคร้ามแกร่งโน้มลงมา สัมผัสแผ่วเบาที่แนบหน้าผากกว้าง ไต่ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงกลีบปากอิ่มนุ่ม ค่อย ๆ บดคลึงลงไปอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน“ฉันอยากให้ทั้งตัวเองและเธอมั่นใจ คนที่อยู่ด้วยคือแม่ของขวัญที่เดินทางมากับนกเหล็ก มาเพื่อให้ฉันแกะกล่องด้วยความเสน่หา ที่ฉันจะบอกทุก ๆ วัน ย้ำให้เธอแน่ใจในทุก ๆ สัมผัส”ปากหนาเม้มกัดสลับบดคลึง พลางสอดแทรกเรียวลิ้นอุ่นชื้นเข้าไปกระหวัดกวาดไล้ดื่มด่ำ
ทั้งที่อยากจะถามตรงๆ ทว่าเห็นดวงตาที่ฉายแววตัดพ้อก็ทำให้เกิดพูดไม่ออกขึ้นมาฉับพลัน อีกทั้งถึงจะใช่คนเดียวกัน แต่ตอนนี้ต่างภพต่างความทรงจำ ต่างคนต่างก็มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไปแล้ว ย่อมที่จะไม่ใช่คนเดียวกัน!ขอขวัญพยักหน้ารับ “ค่ะ ฉันพอจะจำเรื่องราวที่คุณเจอกับคุณไอซาย่าในตลาดได้ สาวน้อยที่อยู่ดีๆ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นโจร ช่วงเวลาที่คุณสองคนอยู่ด้วยกัน รอบกายอบอวนไปด้วยความรักและความสุข แม้กระทั่งวันที่คุณบอกรัก”เจ็บแปลบในทุกคำที่เอื้อนเอ่ยออกมา เหมือนกับหัวใจถูกกรีดเป็นชิ้นๆ “และ...ขอแต่งงาน” เสียงของเขายังดังสะท้อนก้องอยู่ในหูเธอ เสมือนจะตอกย้ำความรักของอันเดซาอีและไอซาย่าให้เธอถึงระลึกเอาไว้ อย่าริอ่านทำตัวเป็นมารสอดแทรกกึ่งกลาง“แต่ที่ฉันไม่รู้คือเรื่องราวของอดีต การข้ามภพข้ามชาติมาจุติใหม่ ฉันจะใช่คุณไอซาย่ากลับมาเกิด เพื่อจะชดเชยวันเวลาที่คนซึ่งรักกันถูกพรากให้ห่างกัน ได้รักและให้คุณรักหรือเปล่า” แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ ณ ห้วงเวลานี้ ทั้งตัวเธอเองและไอซายาต่างก็ปรารถนาในสิ่งเดียวกัน! ทำให้อันเดซาอีมีความสุขที่สุด ได้พบเจอแต่สิ่งดีๆ ตราบนานเท่านาน แม้เธอจะต้องเจ็บปวดก็ยอมจะให้เขาคิดอ
“ว่าแต่...มันเรื่องอะไรกันล่ะ” ปลายนิ้วยาวลากไล้บนพวงแก้มนุ่มซับสีเลือดฝาดอย่างอ่อนโยน “เธอจะยอมบอกความจริงกับฉันได้หรือยัง มีเหตุผลกลใดที่ชักนำให้เธอตัดสินใจเดินทางมาที่นี่...ขอขวัญ”ชายหนุ่มจับคางมนให้แหงนขึ้น ปลายนิ้วยาวลูบไล้บนกลีบปากนุ่มแผ่วเบา “มาเป็นของขวัญให้กับผู้ชายที่จมอยู่กับห้วงแห่งความทุกข์ใจ โหยหาใครสักคนมาเติมความรู้สึกที่ขาดหาย พร้อมอยู่เคียงข้างกันตลอดไป”แม้จะผ่านเรื่องราวมามากมาย แต่พอจะให้เอ่ยปากบอกถึงเหตุผลที่ทำให้ตัวเองต้องมาที่นี่ ที่บางครั้งเธอรู้สึกเหมือนกับว่าเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่เรื่องเหลวไหล ฝันก็คือฝันมิอาจนำมาพิสูจน์ความจริงและอ้างเป็นหลักฐาน ทำให้คนอื่นเชื่อไม่ได้ด้วย“ทำไมล่ะ หรือเธอยังไม่ไว้ใจฉัน”ขอขวัญผ่อนลมหายใจออกจากปอด คิดว่าอันเดซาอีคงจะสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่ยังคงมียามถูกเขาแตะเนื้อต้องตัว หรือไม่ก็ออกมาทางความฝันที่ทำให้เธอสะดุ้งตื่นมาพร้อมหยาดน้ำตาที่เอ่อไหลอาบแก้ม“ไม่ใช่ค่ะ เพียงแค่ฉัน...ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังคุณยังไงดี” ขอขวัญเอ่ยด้วยความงุนงงกับสิ่งที่พานพบมา ถึงตอนนี้เธอสับสนด้วยแยกไม่ค่อยออก สิ่
ขอขวัญทำเสียงขลุกขลักในลำคอ ก่อนจะตวัดค้อนใส่พ่อจอมวางแผนวงโต ถ้าไม่ติดว่าอยากให้เพื่อนมีความความสุขด้วยละก็นะ...เธอจะภาวนาให้อติกานต์ใจแข็ง ไม่ยอมยกโทษให้ง่ายๆ“อ้าว...ไหนว่าสงสาร อยากให้เอแคลร์มีความสุขไง ทำไมถึงได้หน้าตายุ่งเหยิงแบบนี้ล่ะ”“มันก็ใช่อยู่หรอก แต่เล่นมาหลอกลวงกันอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน คนเดียวกันแท้ๆ แต่กลับทำเป็นไม่รู้เรื่องตอนคุณเอแคลร์เอ่ยทัก แถมยังจะปฏิเสธหน้าตายอีก”“ฮัลด์ก็มีเหตุผลในส่วนของเขาที่ต้องทำอย่างนั้น ซึ่งเราสองคนที่คนนอกไม่ล่วงรู้ แต่เมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว เราก็ควรที่จะอวยพรให้ชีวิตคู่ของเขาสองคนมีความสุขตลอดไป...ใช่ไหม”ขอขวัญพยักหน้ารับ เอนกายอรชรแนบชิดอกกว้าง “ใช่ค่ะ...ทุกคนมีความสุขกันแล้วสินะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบาหวิวยามคิดถึงเหล่าผู้คนที่อยู่รอบกายกับหนทางที่เขาเหล่านั้นได้เลือกแล้ว ฮารินะเพื่อแก้แค้นให้กับพ่อแม่ แม้รู้ว่าอันตรายก็ไม่หวาดหวั่น เข้าต่อกรกับโจรร้ายจนตัวเองแพ้พ่าย แต่ก็มีความสุข เมื่อได้กลับไปซบอกอุ่นท่องเที่ยวไปทั่วพื้นทรายที่รัก แม่โซไรยากับโอซามุที่ก็ผ่านเรื่องร้ายๆ มามากมาย กลายเป็นเพื่อนสนิทที่เข้าใจกันอติกา
“บ้า! ใครรักคุณกันล่ะยะ เปล่าสักหน่อย”“อืม...นั่นสิ ฉันยังไม่ได้ยินคำบอกรักเลยนี่นา อย่างนี้คงต้องขอเบิ้นอีกสักรอบ เอ๊ะ...หลายรอบๆ ดีกว่า จะได้มั่นใจไอ้ที่ได้ยินเมียจ๋าบอกเมื่อกี้มันแว่วๆ สงสัยจะหูฝาดไปจริงๆ นั่นแหละ”“ไม่! ฉันบอกแล้ว...บอกแล้ว” อติกานต์รีบพูดจนลิ้นพัวพันกัน มือหนึ่งยกขึ้นดันใบหน้าคร้ามแกร่งที่ก้มลงมาหา อีกมือก็รีบตะครุบมือหนาที่โอบอุ้มทรวงอกกลมกลึง ค่อยๆ นวดคลึงทำให้เธอวาบหวามเสียวซ่าน ลมหายใจเริ่มจะขาดเป็นห้วงๆ“ถ้าไม่รัก ฉันคงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องเมื่อกี้เกิดขึ้นหรอก” ดวงตากลมโตหลุบมองลอนกล้ามเนื้อบึกบึน พลางกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองเพราะกายแกร่งที่แนบชิด“ฉันเป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มาจากต่างบ้านต่างเมือง หัวเดียวกระเทียมลีบ คุณกรุณาปรานีผู้หญิงคนนี้ที่เผลอรักคุณไป ทั้งก่อนหน้านั้นคุณเป็นจอมโจรร้ายอยู่เลย อุ๊ย!” อติกานต์หลุดเสียงอุทานออกมา เมื่อกายสาวอันตรธานลอยไปพำนักบนลำตัวแข็งแกร่ง ใบหน้านวลผ่องร้อนผ่าวและคิดว่าคงจะแดงปลั่งจรดลำคอระหง ยามนิ้วยาวลูบไล้นวดคลึงแผ่นหลังบอบบางอย่างช้าๆ“คุณ...ฮัลด์ หยุดก่อนสิคะ” อติกานต์เว้าวอนขอเสียงแหบพร่า เมื่อปทุมถันกลมก
“อือ...” อติกานต์ร้องประท้วงเล็กน้อย เมื่อฝ่ามือหนาครอบครองทรวงอกอิ่มและนวดเฟ้นอย่างหนักหน่วงจะว่าไปเขาเคยเพียงแค่สัมผัสไม่เคยยลบัวตูมเต่งตึงของอติกานต์ชัดๆ สักครั้ง ชายหนุ่มจึงไม่รอช้า รีบถอนจูบและลากริมฝีปากไต่ลงไปตามแนวคาง ขบเม้มลำคอขาวผ่องแผ่วเบา ก่อนจะเคลื่อนไปหาทรวงอกกลมกลึงที่ไหวกระเพื่อม ที่เพียงแค่ได้เห็น...มิคาอิลก็หลุดเสียงคำรามออกมาพร้อมกับความกระหายราวกับเลือดในกายเดือดพล่านสองมือหนาสอดช้อนปทุมถันกลมกลึงขึ้นมา ปลายนิ้วยาวลากไล้ไปบนผิวเนื้อนุ่มๆ ใบหน้าคร้ามแกร่งเปื้อนยิ้ม ดวงตาเข้มเปล่งประกายด้วยปรารถนาขณะเหลือบขึ้นมองสบกับดวงตากลมโต“ฉันคิดไว้ไม่ผิด ไม่แค่นุ่มแต่ยัง...”เนื้อตัวอติกานต์สั่นสะท้าน วาบหวามเสียวซ่านจนเผลอหลุดเสียงร้องครางออกมา เมื่อมือหนานวดเคล้นสลับปลายนิ้วยาวลากไล้บนปลายยอดถันหดเกร็ง ปากอุ่นยังจะเลาะเล็มไปทั่วก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นอย่างเย็นใจ เพียงปลายลิ้นร้อนตวัดไล้วนไปทั่วป้านบัวสีหวานและขบเม้มดึงเข้าสู่อุ้งปาก เธอก็เปล่งเสียงหวานพร่าด้วยวาบหวามจนท้องไส้ปั่นป่วน สองขาเรียวยาวสั่นระริก ปลายเล็บมนจิกลงบนแผ่นหลังกว้าง พลางเคลื่อนไหวไต่ขึ้นไปพัวพันกับเส้นผมหนา