เหตุจากฝันร้าย! ขอขวัญ ไพรีรักษ์ จึงตัดสินใจเดินทางเหินฟ้าสู่ดินแดนแห่งทราย การยื่นเท้าไปสอดกับบางเรื่อง เป็นเหตุนำเธอไปพบเจอกับผู้ชายที่แรกพบเจอก็มองเห็นเป็นศัตรู
ดูเพิ่มเติมภายในป้อมปราการอันมั่นคงกลางทะเลทราย แสงแดดยามเที่ยงวันสาดส่องกระทบกับพื้นทรายสีขาวนวล จนมีไอร้อนคล้ายหมอกควันสีขาวใสพวยพุ่งขึ้นมา ทว่าผู้คนเกือบครึ่งร้อยที่มาร่วมพิธีแต่งงานกลับไม่รับรู้เลยสักนิด ด้วยพวกเขาต่างมีความชื่นชมและยินดีกับคู่บ่าวสาวที่ยืนยิ้มกว้าง ต้อนรับแขกเหรื่ออย่างเป็นกันเองและใบหน้าเปี่ยมสุข
เจ้าบ่าวรูปร่างบึกบึนล่ำสัน ใบหน้าเข้มขรึมปราศจากไรหนวดเคราอย่างที่เคยเห็นจนชินตา ยิ้มกว้างจนเห็นฟันสีขาวสะอาดในปากแทบหมดทุกซี่ ยืนเคียงข้างเจ้าสาวหน้าละอ่อนแย้มยิ้มด้วยเขินอายจากนัยน์ตาเข้มแฝงความหวานที่มองมาบ่อยครั้ง
เสียงแซวจากกลุ่มเพื่อนๆ ดังแว่วมา ทำให้สองแก้มใสของเจ้าสาวเป็นสีกลีบกุหลาบ ค้อนปะหลับปะเหลือกใส่เจ้าบ่าวที่ร่วมผสมโรงด้วยการส่งสายตาเข้มวามวาวด้วยความรักใคร่ระคนเอ็นดู
“อย่าไปสนใจเลย เจ้าพวกนั้นอิจฉาที่ไอย่าตกลงแต่งงานกับฉัน อิจฉาที่ฉันได้สาวน้อยแสนสวยและแสนดีคนนี้ไปครอบครองนะ”
อันเดซาอีเอ่ยเสียงทุ้มหวาน หลุบสายตาลงมองแก้มใสซับสีเลือดด้วยหัวใจระทึก อยากจรดจมูกโด่งลงไปจูบซับความหอมละมุนให้ชุ่มฉ่ำใจ แต่ต้องข่มกลั้นใจเอาไว้ ด้วยเคยรับปากมารดาที่ขอไว้ เป็นสุภาพบุรุษจะต้องให้เกียรติสตรี ยิ่งเธอคนนั้นเป็นคนรักก็ยิ่งต้องหักห้ามใจให้ได้ จงอย่าทำอะไรที่หักหาญน้ำใจเด็ดขาด
“ซีกัลป์น่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้” ไอซาย่าตวัดใบหน้าแดงระเรื่อใส่หนุ่มช่างจำนรรจาที่ขยันให้เธอเขินอายจนแก้มร้อนผ่าวบ่อยๆ วงโต
“ก็มันเรื่องจริงนี่นา ไม่ใช่แค่เจ้าพวกนั้นนะ แขกที่มาร่วมงานก็เหมือนกัน ทุกคนอิจฉาที่ไอย่าตกลงแต่งงานกับฉันด้วยกันทั้งนั้น” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม ก้มหน้ามองไอซาย่าด้วยสายตารักใคร่
ถือเป็นโชคดีของเขาที่ได้ครอบครองสาวน้อยแสนจะน่ารัก เรียบร้อยและอ่อนหวาน แรกพบประสบพักตร์เธอนั้นหัวใจหนุ่มน้อยถึงกับกระตุกไหวอย่างรุนแรง ราวกับพื้นดินที่ยืนอยู่ไหวโยก ยิ่งได้รู้ภูมิหลังของครอบครัวที่เป็นพ่อค้าวานิชมีชื่อเสียง ค่อนข้างสนิทกับครอบครัว หนทางรักก็เปิดโล่ง
“คุยกันทีไร เข้าเนื้อตัวเองทุกที ไอย่าปล่อยให้ซีกัลป์คุยกับเพื่อนๆ ดีกว่า ส่วนไอย่าก็อยากจะปลีกตัวไปดูเพื่อนๆ ด้วย”
“ไม่ให้ไปหรอก ต้องห่างจากไอย่าตั้งหลายวัน ฉันคิดถึงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยรู้ไหม” ก่อนแต่งงานหนึ่งอาทิตย์ ต้องปล่อยให้เจ้าสาวอยู่กับครอบครัว เพื่อเรียนรู้วิธีการเป็นภรรยาที่ดี เตรียมกายให้พร้อมยามเมื่อชายหนุ่มคลอเคลียแนบชิดหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อถึงเวลาจริงๆ จะได้ไม่เขินอายและขลาดกลัวทำให้เกิดเป็นความหงุดหงิดแก่เจ้าบ่าวหมาดๆ
“แปลกจัง ทำไมไอย่าถึงได้ข่าวว่าซีกัลป์ดีใจจนตีปีกพับๆ เที่ยวรับแจกความรักจากสาวๆ จนหัวกระไดบ้านไม่แห้งนะ”
“ใครนะ ช่างกล้าเอาเรื่องไม่จริงมาพูดใส่ไฟฉันเสียได้ ไอย่าคงไม่เชื่อข่าว โคมลอยพวกนั้นใช่ไหมจ๊ะ”
“เชื่อ...ไอย่าเชื่อเต็มๆ เลยล่ะค่ะ” หญิงสาวกระเซ้าตอบออกไปเสียงหวานใส ด้วยเชื่อใจในตัวคนรักที่ทำตัวดีมาตลอด ถึงเขาจะเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่มีสาวๆ ชม้ายชายตาให้ท่าอยู่ตลอดเวลา แต่อันเดซาอี ซีกัลป์ โอซาอิดนี่ กลับไม่เคยวอกแวกหรือให้ความสนใจสาวคนใด ทำให้เธอเชื่อในความรักและซื่อสัตย์ที่เขามอบให้ หากเขาคิดเปลี่ยนใจไปมีหญิงคนอื่น เรื่องนี้คงเกิดนานแล้ว ด้วยนับตั้งแต่เธอเจอและได้รักกันก็ผ่านมาถึงสามปีแล้ว
ดวงตากลมโตเป็นประกายพร่างพราวระยับยามนึกถึงวันที่ได้เจอหน้าอันเดซาอีครั้งแรก ที่เธอรู้สึกเหมือนกับวันเวลานั้นเพิ่งผ่านไปเมื่อวานนี้เอง ยามมองสบดวงตาเข้มวามวาวหัวใจสาวน้อยก็เต้นแรงรัวเร็วอย่างกับมีคนกระหน่ำตีกลองชุด ริ้วลมร้อนผ่าวแล่นพล่านไปทั้งใบหน้าและลำคอ
แม้ใบหน้าจะอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีขาว แต่ด้วยเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้น รวมไปถึงน้ำเสียงใสแจ๋วขณะเอ่ยถามและต่อรองราคาสินค้า สะดุดหูเรียกความสนใจจากชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เดินผ่านให้เหลียวสายตาไปมอง การหยุดชะงักขณะที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กันเป็นเหตุให้ของบางอย่างในตัวเขาถูกฉกชิงไป ที่กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อเธอคนนั้นได้เดินห่างไปไกลแล้ว
“บ้าชะมัด!” ชายหนุ่มสบถเมื่อรู้ตัว ดวงตาคมเข้มเป็นประกายวาวจ้า ขณะกวาดสายตาไล่มองไปท่ามกลางฝูงชน จนได้เห็นร่างของคนที่ต้องการ จึงเร่งรุดเดินไปอย่างเร็วไวโดยไม่ละลายตาแม้แต่เสี้ยววินาที
ข้าวของหลากสีสันสวยงามละลานตา ทำให้สาวน้อยที่ได้หลบหนีบิดาออกมาจากที่พักสนุกสนานเพลิดเพลินจนขาดความระมัดระวังตัว จึงไม่ได้รู้ว่าถุงเงินตรงสะเอวถูกสับกลายเป็นอีกใบที่ไร้เงิน! ซึ่งมาพร้อมกับชายหนุ่มใบหน้าถมึงทึง คนที่ทำให้หัวใจสาวน้อยกระตุกตั้งแต่แรกเห็น
“จับได้แล้วแม่แมวขโมย กลางวันแสกๆ กล้าแย่งของคนอื่นได้หน้าตาเฉย” ชายหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงกระโชกโฮกฮากและจับมือเล็กบีบเต็มแรง เขาและเพื่อนถูกแย่งชิงถุงเงินหลายครั้ง จนต้องหาทางจับเอาตัวไอ้หัวขโมยให้ได้คาหนังคาเขา!
“โอ๊ย! ปล่อยนะ ฉันไม่ได้เป็นขโมยนะ คุณเข้าใจผิดแล้ว” หญิงสาวบอกน้ำเสียงค่อนไปทางตื่นตระหนกและตกใจ รีบสะบัดแขนออกจากมือใหญ่ที่ลงแรงมาอย่างกับต้องการให้ลำแขนเสลากลมกลึงหักเป็นท่อนๆ
“เข้าใจผิด! หลักฐานอยู่ในมือชัดๆ ยังหาว่าคนอื่นเขาใส่ความอีก” อันเดซาอีดึงถุงเงินจากมือเล็กมาถือไว้ ด้วยจำได้ว่าเป็นของเขาที่ทำเครื่องหมายเอาไว้ เพื่อใช้ในการนี้โดยเฉพาะ
“จับได้คาหนังคาเขา ยังจะปากแข็งไม่ยอมรับอีก อย่างนี้เห็นทีต้องไปคุยในที่จองจำเสียล่ะมั้ง”
“ไม่นะ! ไม่ใช่นะคะ ฉัน...ไม่ใช่” หญิงสาวรีบบอกอย่างตระหนกจนลิ้นพัวพันกัน พลางฝืนตัวเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แต่เพราะเรี่ยวแรงน้อยกว่า ทำให้ถูกลากจนหัวตุงคว้างไปข้างหน้า
“คุณฟังฉันก่อนสิ ฉันไม่ได้เป็นขโมยจริงๆ นะ ถุงเงินฉันก็ถูกขโมยเหมือนกัน” หญิงสาวยังพยายามบอกเสียงสั่น ด้วยหวังว่าชายหนุ่มร่างใหญ่เรี่ยวแรงอย่างกับช้างสารจะหยุดฟังความจริง
“ยังจะคุยอะไรอีก ในเมื่อถุงเงินของฉันอยู่ในมือของเธอ ถ้าเธอไม่ได้ขโมย แล้วถุงเงินของฉันจะมาอยู่ในมือเธอได้ยังไง”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมาอยู่ในมือได้ยังไง แต่ฉันไม่ได้ขโมยเงินของคุณจริงๆ นะ อุ๊ย!” เพราะหญิงสาวฝืนตัวไม่ยอมเดินตามแรงลากจูงและไม่ระวัง ทำให้ขาเกี่ยวกันจนถลาพุ่งตัวไปด้านหน้า ชนกับอกกว้างกำยำเต็มๆ ที่รีบผลักออก แต่ไม่รู้ปะทะกันท่าไหน ผ้าผืนบางๆ ที่ใช้คลุมใบหน้าไว้จึงเคลื่อนหลุด
ไอซาย่าเงยหน้าขึ้นพอดีกับคนตัวใหญ่ก้มลงมา...ตาประสบพบพักตร์ อย่างกับทุกอย่างที่อยู่รายรอบหยุดเคลื่อนไหว มีเพียงหัวใจสองดวงที่กระหน่ำเต้นอย่างกับรัวกลองศึกเตรียมออกรบ
อุบัติเหตุเกิดซ้ำ! ร่างใหญ่ถูกชนจากด้านหลัง แรงปะทะมากพอที่จะส่งมาถึงอีกร่างเล็กเพรียวบางจนหงายไปด้านหลัง โชคดีว่ามีท่อนแขนกำยำสอดรัดกระชับช่วยเอาไว้เลยทำให้ไม่เจ็บร่างกาย แต่...
“ว้าย! ทำอะไรนะคะคุณซีกัลป์” แขนกลมกลึงรีบยกขึ้นโอบรัดรอบแผงคอแกร่ง เมื่ออยู่ดีๆ อันเดซาอีก็ช้อนร่างเธอมานอนราบบนเตียงนอนผ้าขนสัตว์เนื้อนุ่ม “ปล่อยฉันก่อน...นะคะ” ขอขวัญยกสองมือยันแผงอกกว้าง กลืนน้ำลายคงคออย่างฝืดเคืองเมื่อเจอกับสายตาร้อนแรงแฝงไว้ด้วยความปรารถนาที่ปกปิดเอาไว้ไม่มิด “ไอย่าค่อนข้างจะขี้อาย แค่ถูกฉันจับมือนิดหน่อยก็อายจนหน้าแดงปลั่งแล้ว ผิดกับเธอที่...” ปลายนิ้วยาวตวัดลากไล้ไปบนผิวเนื้อนวลเนียนนุ่ม“เหมือนจะอ่อนหวาน อ่อนโยน แต่เอาเข้าจริงก็ร้อนแรงประหนึ่งน้ำมันราดลงไปบนกองไฟ”อยากจะบอกว่า...ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ก็ได้ นี่มันยังกลางวันอยู่เลย อีกอย่างให้เวลานับจากนี้พิสูจน์คำพูดของเขา ทว่าเพียงใบหน้าคร้ามแกร่งโน้มลงมา สัมผัสแผ่วเบาที่แนบหน้าผากกว้าง ไต่ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงกลีบปากอิ่มนุ่ม ค่อย ๆ บดคลึงลงไปอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน“ฉันอยากให้ทั้งตัวเองและเธอมั่นใจ คนที่อยู่ด้วยคือแม่ของขวัญที่เดินทางมากับนกเหล็ก มาเพื่อให้ฉันแกะกล่องด้วยความเสน่หา ที่ฉันจะบอกทุก ๆ วัน ย้ำให้เธอแน่ใจในทุก ๆ สัมผัส”ปากหนาเม้มกัดสลับบดคลึง พลางสอดแทรกเรียวลิ้นอุ่นชื้นเข้าไปกระหวัดกวาดไล้ดื่มด่ำ
ทั้งที่อยากจะถามตรงๆ ทว่าเห็นดวงตาที่ฉายแววตัดพ้อก็ทำให้เกิดพูดไม่ออกขึ้นมาฉับพลัน อีกทั้งถึงจะใช่คนเดียวกัน แต่ตอนนี้ต่างภพต่างความทรงจำ ต่างคนต่างก็มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไปแล้ว ย่อมที่จะไม่ใช่คนเดียวกัน!ขอขวัญพยักหน้ารับ “ค่ะ ฉันพอจะจำเรื่องราวที่คุณเจอกับคุณไอซาย่าในตลาดได้ สาวน้อยที่อยู่ดีๆ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นโจร ช่วงเวลาที่คุณสองคนอยู่ด้วยกัน รอบกายอบอวนไปด้วยความรักและความสุข แม้กระทั่งวันที่คุณบอกรัก”เจ็บแปลบในทุกคำที่เอื้อนเอ่ยออกมา เหมือนกับหัวใจถูกกรีดเป็นชิ้นๆ “และ...ขอแต่งงาน” เสียงของเขายังดังสะท้อนก้องอยู่ในหูเธอ เสมือนจะตอกย้ำความรักของอันเดซาอีและไอซาย่าให้เธอถึงระลึกเอาไว้ อย่าริอ่านทำตัวเป็นมารสอดแทรกกึ่งกลาง“แต่ที่ฉันไม่รู้คือเรื่องราวของอดีต การข้ามภพข้ามชาติมาจุติใหม่ ฉันจะใช่คุณไอซาย่ากลับมาเกิด เพื่อจะชดเชยวันเวลาที่คนซึ่งรักกันถูกพรากให้ห่างกัน ได้รักและให้คุณรักหรือเปล่า” แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ ณ ห้วงเวลานี้ ทั้งตัวเธอเองและไอซายาต่างก็ปรารถนาในสิ่งเดียวกัน! ทำให้อันเดซาอีมีความสุขที่สุด ได้พบเจอแต่สิ่งดีๆ ตราบนานเท่านาน แม้เธอจะต้องเจ็บปวดก็ยอมจะให้เขาคิดอ
“ว่าแต่...มันเรื่องอะไรกันล่ะ” ปลายนิ้วยาวลากไล้บนพวงแก้มนุ่มซับสีเลือดฝาดอย่างอ่อนโยน “เธอจะยอมบอกความจริงกับฉันได้หรือยัง มีเหตุผลกลใดที่ชักนำให้เธอตัดสินใจเดินทางมาที่นี่...ขอขวัญ”ชายหนุ่มจับคางมนให้แหงนขึ้น ปลายนิ้วยาวลูบไล้บนกลีบปากนุ่มแผ่วเบา “มาเป็นของขวัญให้กับผู้ชายที่จมอยู่กับห้วงแห่งความทุกข์ใจ โหยหาใครสักคนมาเติมความรู้สึกที่ขาดหาย พร้อมอยู่เคียงข้างกันตลอดไป”แม้จะผ่านเรื่องราวมามากมาย แต่พอจะให้เอ่ยปากบอกถึงเหตุผลที่ทำให้ตัวเองต้องมาที่นี่ ที่บางครั้งเธอรู้สึกเหมือนกับว่าเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่เรื่องเหลวไหล ฝันก็คือฝันมิอาจนำมาพิสูจน์ความจริงและอ้างเป็นหลักฐาน ทำให้คนอื่นเชื่อไม่ได้ด้วย“ทำไมล่ะ หรือเธอยังไม่ไว้ใจฉัน”ขอขวัญผ่อนลมหายใจออกจากปอด คิดว่าอันเดซาอีคงจะสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่ยังคงมียามถูกเขาแตะเนื้อต้องตัว หรือไม่ก็ออกมาทางความฝันที่ทำให้เธอสะดุ้งตื่นมาพร้อมหยาดน้ำตาที่เอ่อไหลอาบแก้ม“ไม่ใช่ค่ะ เพียงแค่ฉัน...ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังคุณยังไงดี” ขอขวัญเอ่ยด้วยความงุนงงกับสิ่งที่พานพบมา ถึงตอนนี้เธอสับสนด้วยแยกไม่ค่อยออก สิ่
ขอขวัญทำเสียงขลุกขลักในลำคอ ก่อนจะตวัดค้อนใส่พ่อจอมวางแผนวงโต ถ้าไม่ติดว่าอยากให้เพื่อนมีความความสุขด้วยละก็นะ...เธอจะภาวนาให้อติกานต์ใจแข็ง ไม่ยอมยกโทษให้ง่ายๆ“อ้าว...ไหนว่าสงสาร อยากให้เอแคลร์มีความสุขไง ทำไมถึงได้หน้าตายุ่งเหยิงแบบนี้ล่ะ”“มันก็ใช่อยู่หรอก แต่เล่นมาหลอกลวงกันอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน คนเดียวกันแท้ๆ แต่กลับทำเป็นไม่รู้เรื่องตอนคุณเอแคลร์เอ่ยทัก แถมยังจะปฏิเสธหน้าตายอีก”“ฮัลด์ก็มีเหตุผลในส่วนของเขาที่ต้องทำอย่างนั้น ซึ่งเราสองคนที่คนนอกไม่ล่วงรู้ แต่เมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว เราก็ควรที่จะอวยพรให้ชีวิตคู่ของเขาสองคนมีความสุขตลอดไป...ใช่ไหม”ขอขวัญพยักหน้ารับ เอนกายอรชรแนบชิดอกกว้าง “ใช่ค่ะ...ทุกคนมีความสุขกันแล้วสินะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบาหวิวยามคิดถึงเหล่าผู้คนที่อยู่รอบกายกับหนทางที่เขาเหล่านั้นได้เลือกแล้ว ฮารินะเพื่อแก้แค้นให้กับพ่อแม่ แม้รู้ว่าอันตรายก็ไม่หวาดหวั่น เข้าต่อกรกับโจรร้ายจนตัวเองแพ้พ่าย แต่ก็มีความสุข เมื่อได้กลับไปซบอกอุ่นท่องเที่ยวไปทั่วพื้นทรายที่รัก แม่โซไรยากับโอซามุที่ก็ผ่านเรื่องร้ายๆ มามากมาย กลายเป็นเพื่อนสนิทที่เข้าใจกันอติกา
“บ้า! ใครรักคุณกันล่ะยะ เปล่าสักหน่อย”“อืม...นั่นสิ ฉันยังไม่ได้ยินคำบอกรักเลยนี่นา อย่างนี้คงต้องขอเบิ้นอีกสักรอบ เอ๊ะ...หลายรอบๆ ดีกว่า จะได้มั่นใจไอ้ที่ได้ยินเมียจ๋าบอกเมื่อกี้มันแว่วๆ สงสัยจะหูฝาดไปจริงๆ นั่นแหละ”“ไม่! ฉันบอกแล้ว...บอกแล้ว” อติกานต์รีบพูดจนลิ้นพัวพันกัน มือหนึ่งยกขึ้นดันใบหน้าคร้ามแกร่งที่ก้มลงมาหา อีกมือก็รีบตะครุบมือหนาที่โอบอุ้มทรวงอกกลมกลึง ค่อยๆ นวดคลึงทำให้เธอวาบหวามเสียวซ่าน ลมหายใจเริ่มจะขาดเป็นห้วงๆ“ถ้าไม่รัก ฉันคงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องเมื่อกี้เกิดขึ้นหรอก” ดวงตากลมโตหลุบมองลอนกล้ามเนื้อบึกบึน พลางกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองเพราะกายแกร่งที่แนบชิด“ฉันเป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มาจากต่างบ้านต่างเมือง หัวเดียวกระเทียมลีบ คุณกรุณาปรานีผู้หญิงคนนี้ที่เผลอรักคุณไป ทั้งก่อนหน้านั้นคุณเป็นจอมโจรร้ายอยู่เลย อุ๊ย!” อติกานต์หลุดเสียงอุทานออกมา เมื่อกายสาวอันตรธานลอยไปพำนักบนลำตัวแข็งแกร่ง ใบหน้านวลผ่องร้อนผ่าวและคิดว่าคงจะแดงปลั่งจรดลำคอระหง ยามนิ้วยาวลูบไล้นวดคลึงแผ่นหลังบอบบางอย่างช้าๆ“คุณ...ฮัลด์ หยุดก่อนสิคะ” อติกานต์เว้าวอนขอเสียงแหบพร่า เมื่อปทุมถันกลมก
“อือ...” อติกานต์ร้องประท้วงเล็กน้อย เมื่อฝ่ามือหนาครอบครองทรวงอกอิ่มและนวดเฟ้นอย่างหนักหน่วงจะว่าไปเขาเคยเพียงแค่สัมผัสไม่เคยยลบัวตูมเต่งตึงของอติกานต์ชัดๆ สักครั้ง ชายหนุ่มจึงไม่รอช้า รีบถอนจูบและลากริมฝีปากไต่ลงไปตามแนวคาง ขบเม้มลำคอขาวผ่องแผ่วเบา ก่อนจะเคลื่อนไปหาทรวงอกกลมกลึงที่ไหวกระเพื่อม ที่เพียงแค่ได้เห็น...มิคาอิลก็หลุดเสียงคำรามออกมาพร้อมกับความกระหายราวกับเลือดในกายเดือดพล่านสองมือหนาสอดช้อนปทุมถันกลมกลึงขึ้นมา ปลายนิ้วยาวลากไล้ไปบนผิวเนื้อนุ่มๆ ใบหน้าคร้ามแกร่งเปื้อนยิ้ม ดวงตาเข้มเปล่งประกายด้วยปรารถนาขณะเหลือบขึ้นมองสบกับดวงตากลมโต“ฉันคิดไว้ไม่ผิด ไม่แค่นุ่มแต่ยัง...”เนื้อตัวอติกานต์สั่นสะท้าน วาบหวามเสียวซ่านจนเผลอหลุดเสียงร้องครางออกมา เมื่อมือหนานวดเคล้นสลับปลายนิ้วยาวลากไล้บนปลายยอดถันหดเกร็ง ปากอุ่นยังจะเลาะเล็มไปทั่วก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นอย่างเย็นใจ เพียงปลายลิ้นร้อนตวัดไล้วนไปทั่วป้านบัวสีหวานและขบเม้มดึงเข้าสู่อุ้งปาก เธอก็เปล่งเสียงหวานพร่าด้วยวาบหวามจนท้องไส้ปั่นป่วน สองขาเรียวยาวสั่นระริก ปลายเล็บมนจิกลงบนแผ่นหลังกว้าง พลางเคลื่อนไหวไต่ขึ้นไปพัวพันกับเส้นผมหนา
ความคิดเห็น