LOGINตอนที่ 10
ไร้ราคา
“ผิดแล้วท่านป้าฮัว บุญคุณที่ข้าติดค้างพวกท่านไว้ ข้าได้ชดใช้คืนให้หมดแล้ว จะให้ข้าพูดหรือไม่ว่าบ้านที่พวกท่านอยู่ทุกวันนี้เป็นเงินของผู้ใดที่พวกท่านเอามาสร้าง” นางเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเงียบไม่พูดต่อ
ในความทรงจำของเจ้าของร่างนี้มีเหตุการณ์หนึ่ง ที่เจ้าตัวบังเอิญไปพบโสมต้นหนึ่งเข้าขณะไปเก็บผักป่าช่วยมารดาตอนอายุแปดขวบ
ตัวมารดาเห็นครั้งแรกก็ดีใจจนออกนอกหน้า วันถัดมาบิดากับมารดาก็เข้าเมืองและซื้อของกลับบ้านมามากมาย แต่นางไม่ได้แตะต้องของเหล่านั้นเลยสักชิ้น
ต่อมาก็ได้จ้างช่างมาทำบ้านใหม่อย่างดี ทุกคนมีห้องแยกเป็นของตัวเองยกเว้นนางอีกเช่นเคย เพราะนางถูกสั่งให้ไปนอนที่ห้องเก็บฟืน
พอนางได้ความทรงจำของร่างนี้มาจึงได้เข้าใจทุกอย่าง ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางปล่อยพวกเขาไปแล้วแท้ ๆ ไม่คิดว่าจะเป็นพวกเขาเองที่เดินเข้ามาให้นางเอาคืนถึงบ้านหลังใหม่
“ตะ แต่หากไม่ได้ข้ามีหรือเจ้าจะได้มานั่งชูคอเป็นลูกสาวท่านอ๋องอยู่ในตอนนี้ ไม่รู้แหละ!! วันนี้เจ้าต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้พวกข้าสิบตำลึงทอง ไม่เช่นนั้นข้าจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเจ้าเป็นคนอกตัญญูเพียงใด!!!”
ฮัวเฉิงเห็นท่าว่าอย่างไรก็พูดกันดี ๆ ไม่ได้แล้ว จึงได้เอ่ยข่มขู่ไปเผื่อว่านางจะกลัวแล้วยอมมอบเงินให้พวกเขาง่าย ๆ
“เอาสิ ข้าก็อยากจะรู้เช่นกันว่าชาวบ้านจะเลือกเชื่อใคร ระหว่างอดีตบิดามารดาหน้าเลือด กับบุตรสาวบุญธรรมท่านอ๋องที่ช่วยเหลือพวกเขามา”
“....”
“แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก เรื่องสำคัญที่สุดคือพวกท่านจะได้มีชีวิตอยู่ต่ออีกกี่วันกัน เพราะท่านมาล่วงเกินบุตรสาวท่านอ๋องให้เสื่อมเสียเช่นนี้ ไป๋ลู่กฎหมายว่าเอาไว้ว่าอย่างไรนะ”
“หากเป็นคุณหนูที่เป็นบุตรบุญธรรมของท่านอ๋องซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ คนที่มาล่วงเกินท่านจะต้องได้รับโทษโบยยี่สิบไม้ ตบปากห้าสิบที แล้วก็เลาะฟันออกจนหมดปากเพคะ”
ไป๋ลู่เอ่ยตอบด้วยเสียงดังฟังชัด ทำเอาพวกเขารีบเอามือปิดปากตัวเองทันทีอย่าลืมตัว แต่ละคนก็เริ่มคิดแล้วว่าคุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงหรือไม่
“ฮัวเจี้ยนเจ้าจะลองหรือไม่ ทำเช่นนั้นข้าเชื่อว่าท่านอ๋องต้องให้เงินไปสู่ขอภรรยาแก่เจ้าแน่ แต่ถึงยามนั้นข้าไม่แน่ใจนะว่าเจ้าสาวของเจ้าจะต้องการเจ้าบ่าวไม่มีฟันหรือไม่”
นางเอ่ยจบก็หันไปหัวเราะคิกคักกับไป๋ลู่ ทำให้ฮัวเฉิงทั้งรู้สึกเสียหน้า อับอายและโกรธแค้นอดีตบุตรสาวผู้นี้มากกว่าเดิม
“กลับบ้าน!!!”
“แต่เรายังไม่ได้เงินเลยนะท่านพ่อ แล้วข้าจะไปสู่ขอเจียวเจียวได้อย่างไร!!” ฮัวเจี้ยนเอ่ยแย้งบิดา แต่ผู้เป็นบิดากลับเดินหุนหันออกไปก่อนแล้ว
“วันนี้เจ้าอาจจะอารมณ์ไม่ดี เช่นนั้นแม่กับน้องกลับก่อนดีกว่า ไว้วันหน้าแม่จะมาหาเจ้าใหม่นะ” หลี่ฮวาเอ่ยพร้อมกับยิ้มประจบนาง
“ข้าพูดไปชัดเจนแล้วเจ้าค่ะ เราทั้งสองฝ่ายไม่มีเรื่องที่จะต้องพบหน้ากันอีกต่อไป เชิญพวกท่านกลับไปเถอะข้าไม่ส่งนะเจ้าคะ” นางเอ่ยด้วยใบหน้าและน้ำเสียงเย็นชา
สามแม่ลูกที่เหลือจึงรีบกลับออกไป แม้วันนี้จะไม่ได้อะไรติดมือกลับไปแต่อย่างน้อยก็ได้รู้แล้วว่านางอยู่ที่จวนนี้ วันหน้าจะมาหาก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว
จวนตระกูลหลง ณ เมื่อไห่เฟิง
“คุณชายจะจัดการอย่างไรกับคนพวกนั้นดีขอรับ”
บ่าวคนสนิทของหลงจิวซิ่งเอ่ยถามผู้เป็นนาย เมื่อรายงานเรื่องของคุณหนูโจวเยี่ยนเหยียนให้ฟังจบ
“คาดคั้นเอาความจริงทั้งหมดมาแล้วจัดการให้เรียบร้อยซะ คนที่จะบีบนางได้ต้องมีเพียงข้าเท่านั้น” เสียงทุ้มแสนเย็นชาเอ่ยราวกับเป็นเรื่องทั่วไป
“เย็นนี้นายท่านต้องไปพบคู่ค้าจากต่างเมือง ยังจะไปที่จวนท่านอ๋องอีกหรือไม่ขอรับ”
“ไปสิ ไม่เช่นนั้นจะพูดกับนางได้อย่างไรว่าข้าไปแอบดูนางทุกวัน หึหึหึ” เอ่ยจบก็หัวเราะในลำคออย่างมีเลศนัย
“ขอรับ นี่จดหมายจากเมืองหลวงของคุณหนูจงขอรับ” บ่าวคนสนิทเอ่ยพร้อมกับยื่นจดหมายให้ผู้เป็นนายแล้วถอยออกจากห้องไป
ยามเขาเปิดอ่านข้อความในจดหมายกลับมีใบหน้าอ่อนโยนกว่าปกติหลายเท่า แตกต่างจากยามปกติที่มักจะทำหน้าเรียบนิ่งและเย็นชา
เมื่ออ่านจบก็เขียนจดหมายตอบกลับอย่างตั้งใจ ก่อนจะออกไปทำอย่างที่ตัวเองทำอยู่ทุกวัน นั่นคือไปแอบดูโจวเยี่ยนเหยียนที่เรือนของนาง
ท่านอ๋องได้ยินเรื่องที่ครอบครัวฮัวมาพบบุตรสาวที่จวนก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก แต่เพราะนางขอไว้จึงได้ปล่อยไปด้วยเห็นว่าเคยเลี้ยงดูนางมา แม้จะไม่ได้เอาใจใส่มากก็ตาม
แต่หากพวกเขามาอีกจะไม่ปล่อยไว้เด็ดขาด และจะไม่ให้นางเข้ามายุ่งด้วย นางจึงยินยอมเพราะรู้ว่าบิดาหวังดีกับตน
ตั้งแต่นั้นทุกอย่างก็สงบจนนางยังแปลกใจ เพราะรู้ว่านิสัยคนบ้านฮัวไม่ใช่จะยอมรับและถอดใจง่ายเช่นนี้ แต่ก็ต้องปล่อยผ่านเพราะพรุ่งนี้ก็จะถึงวันแต่งงานของนางแล้ว
“คุณชายหลงผู้นั้นส่งเครื่องประดับมาให้อีกแล้วเจ้าค่ะ” ไป๋ลู่เอ่ยพร้อมกับเดินถือกล่องใบหนึ่งเข้ามา
ก่อนหน้านี้เขาก็ส่งผ้าไหมบ้าง เครื่องประดับ หรือไม่ก็ชุดที่ตัดจากผ้าชั้นดีมาให้ แต่ผ้าทุกพับ ชุดทุกชุดเป็นสีที่แสบตานางมากราวกับนกแก้วอย่างไรอย่างนั้น
แม้มันจะเป็นผ้าเนื้อดีแต่นางก็ไม่กล้าเอามาใส่หรอก กลัวจะถูกบ่าวในจวนเอาไปนินทาเอาได้
“วันนี้ส่งเครื่องประดับอะไรมาล่ะ” นางถามอย่างไม่ใส่ใจขณะที่ให้เสี่ยวหวาขัดตัวให้
“เป็นปิ่นทองเจ้าค่ะ คุณหนูดูเองเถอะ” ไป๋ลู่เอ่ยพร้อมกับเปิดกล่องส่งให้นางดู
ยามแรกที่เห็นก็มองว่ามันสวยดี แต่พอลองจับขึ้นมาเพ่งมองดูชัด ๆ ก็ถึงกับต้องหลุดหัวเราะออกมา
“ไป๋ลู่ ตาเจ้าคงมองผิดไปแล้ว นั่นหาได้เป็นปิ่นทองอย่างที่เจ้าเข้าใจไม่ มันคือปิ่นเงินเคลือบต่างหาก เอาไปเก็บลงกล่องเถอะ” นางเอ่ยพร้อมกับวางมันลงในกล่องตามเดิม
ทำเช่นนี้คงกำลังสื่อว่าเขาตีค่านางเป็นเพียงนางเป็ดขี้เหร่ ที่ถูกคนเอามาแต่งขนให้เป็นนางหงส์ เหมือนกับปิ่นเงินเคลือบสีทองอันนั้น
ว่าที่สามีนางผู้นี้ใช้สิ่งของด่าคนได้เจ็บนัก สมกับที่เป็นตระกูลพ่อค้าอันดับหนึ่งของแคว้นเลยจริง ๆ
คืนนั้นนางเข้านอนไปโดยไม่สนใจในสิ่งที่เขาต้องการสื่อ และไม่คิดจะบอกบิดาเรื่องนี้ด้วย เห็นทีว่าชีวิตคู่ของนางในอนาคตคงมีสีสันไม่น้อย
นางถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพื่อมาแต่งตัว แล้วเข้าพิธียามเช้า ฝั่งเจ้าบ่าวนั้นไม่มีครอบครัวมาร่วมงานด้วยเลยสักคน มีเพียงท่านเจ้าเมืองที่เป็นญาติผู้ใหญ่ให้เท่านั้น
เรื่องนี้ก็มีส่วนที่ทำให้อ๋องโจวจิ้วห้าวไม่พอใจอย่างมาก จนท่านแม่ทัพกับท่านกุนซือเข้ามาคอยกระซิบว่า นั่นลูกเขยท่าน อย่าได้คิดหุนหันไม่เช่นนั้นบุตรสาวท่านจะเป็นหม้ายตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าหอ
ท่านอ๋องจึงได้ผ่อนคลายลงนิดหน่อย แต่ยังคงส่งสายตาพิฆาตไปให้ลูกเขยตัวเองอยู่ตลอด
เจ้าตัวที่ได้รับสายตาเช่นนั้นก็หาได้สะทกสะท้านไม่ กลับยิ้มตอบมาแทน ทำให้ท่านอ๋องยิ่งโมโหจนต้องหายใจเข้าออกหลายรอบเพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเอง
พิธีการผ่านไปก็ถึงเวลาส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ โจวเยี่ยนเหยียนไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เพราะรู้ว่าบุรุษที่ได้ชื่อว่าสามีหาได้มีใจรักใคร่ตัวนางไม่
ตนจึงสั่งให้สาวใช้เอากล่องไม้ที่เตรียมไว้เข้ามาให้ แล้วไล่พวกนางออกไป ไม่นานก็ได้ยินเสียงเปิดและปิดประตู ก่อนที่เสียงฝีเท้าจะมาหยุดตรงหน้านาง พร้อมกับผ้าคลุมหน้าที่ถูกเปิดออก
ตรงหน้าเป็นบุรุษใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ที่กำลังยืนมองนางนิ่ง ๆ ไม่ได้ส่งยิ้มหรือแสดงออกว่ายินดีที่วันนี้เป็นวันแต่งงานตัวเอง
“ดื่มสุรามงคลเถอะเจ้าค่ะ แล้วเราค่อยมานั่งคุยกัน”
นางเอ่ยพร้อมกับลุกเดินผ่านเขาไปนั่งที่โต๊ะ ก่อนจะเริ่มรินสุราใส่จอกแล้วยกดื่มโดยไม่รอชายหนุ่ม
หลงจิวซิ่งมองกิริยาที่นางแสดงออกอย่างเย็นชาต่อเขาด้วยสายตาเป็นประกายเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปนั่งตรงข้ามแล้วดื่มสุราอีกจอกที่นางรินไว้
“ฮูหยินจะคุยอะไรกับสามีงั้นหรือ”
เขาเอ่ยพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ให้นาง แต่นางหาได้เงยหน้าขึ้นมองมันไม่ ยังคงวุ่นอยู่กับกระดาษหลายแผ่นในมือแทน
นั่นทำให้เขาไม่พอใจเล็กน้อยจนเผลอขมวดคิ้ว เพราะไม่เคยมีผู้ใดกล้าเมินเขาเช่นนี้มาก่อน
“ข้อตกลงระหว่างเราเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าท่านแต่งกับข้าเพราะต้องการสิ่งใด เพราะงั้นเราจึงต้องมีข้อตกลงในการใช่ชีวิตร่วมกัน รวมถึงวันหน้าที่ท่านจะรับอนุซึ่งอาจจะเป็นคนรัก หรือไม่ก็เพื่อผลประโยชน์ของท่านเช่นข้ายามนี้ด้วย”
นางเอ่ยร่ายยาวพร้อมกับวางสัญญาที่นางเขียนลงตรงหน้าเขา ทำให้ชายหนุ่มยิ่งขมวดคิ้วหนักว่าเดิม
นางรู้หรือ แล้วที่เขาวางแผนแอบไปมองนางทุกวันนั้น เขาทำไปเพื่อสิ่งใด ขาดทุนยิ่งนัก
ตอนพิเศษต้องใจจ้าวฝูหมิงออกจากจวนท่านประมุขได้ก็ไม่รู้จะไปที่ใด เมืองหลวงแสนวุ่นวายเดินไปทางไหนก็มีแต่ผู้คนมากมายไปหมด หาความสงบไม่เจอเลยสักนิด“เจ้าหยุดนะ!! ข้าคือบุตรชายคนรองแม่ทัพใหญ่เจ้าบังอาจนักที่กล้าขโมยเงินของข้าเช่นนี้!!!”ที่มุมถนนมีคนสองคนกำลังรุมเตะชายผู้หนึ่งอยู่ด้วยความโกรธ ปากก็ตะโกนด่าเขาไม่หยุดทำให้จ้าวฝูหมิงหยุดมองอย่างสนใจ“นายท่านอย่าเข้าไปยุ่งเลยดีกว่าขอรับ” บ่าวคนสนิทเอ่ยเตือนผู้เป็นนาย แต่เขากลับเอาแต่ยืนนิ่งไม่ไหวติงเขามองชายผู้นั้นหยิบถุงเงินตัวเอง ก่อนจะทำหน้าตาเยาะเย้ยขอทานที่ถูกรุมทำร้ายเมื่อครู่ แล้วเดินกลับไปทางที่วิ่งมากับบ่าวตัวเอง“นะ นายท่านจะไปไหนขอรับ!!!” บ่าวคนสนิทของจ้าวฝูหมิงรีบวิ่งตามผู้เป็นนายไป เพราะเขาเดินตามสองคนนายบ่าวผู้นั้นไปแล้วจ้าวฝูหมิงเดินตามชายหนุ่มผู้นั้นไปจนถึงตรอกฟ้าคราม ที่รู้เพราะมีป้ายเขียนตัวใหญ่เด่นสะดุดตาตรงทางเข้า&ldquo
ตอนพิเศษจะ... (ตั้งใจรัก) จนกว่าจะได้แต่งเมื่อขบวนถูกหยุดกลางทาง หยางรุ่นชิงจึงต้องลงมาคุยกับชายหนุ่มให้รู้เรื่อง หากยังถูกตามต่อไปเขาคงได้ใจอ่อนยอมเป็นฮูหยินให้คนตรงหน้าแน่“น้องรุ่นชิงจะไปเมืองไคชิงเหตุใดจึงไม่ส่งข่าวบอกพี่ชายคนงามบ้าง เจ้าเล่นหนีมาเช่นนี้แล้วแม่สื่อกับของหมั้นที่กำลังจัดเตรียมจะทำเช่นไร” จ้าวฝูหมิงเอ่ยเกินจริงทั้งที่ทุกอย่างยังไม่ได้ถูกจัดเตรียมสักนิด“เออ...ข้าไม่ได้หนีนะ เพียงแต่ท่านแม่บอกว่าข้าเหน็ดเหนื่อยจากการค้าขาย จึงไห้ไปพักผ่อนที่เมืองไคชิงก่อน เผื่อจะได้หาช่องทางขยายกิจการของตระกูลหยางด้วย”เด็กหนุ่มเอ่ยแก้ตัว ทั้งที่รู้ว่าคนตรงหน้ามองออกแน่ และที่ตามเขามาทันเช่นนี้คงให้คนจับตาดูเขาเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมเขาไม่คิดให้รอบคอบกว่านี้นะแต่อีกใจก็แอบดีใจจนอิ่มฟูไปทั้งอก ที่รู้ว่าเขาใส่ใจตัวเองเช่นนี้ หากท่านแม่ยอมรับเขาได้ก็คงจะดีไม่น้อย“เช่นนั้นขอพี่ชายคน
ตอนที่ 46ดอกรักผลิบานชั่วกาล 2 (จบ.)“ยินดีที่ได้พบคุณชายหยางเจ้าค่ะ ว่าแต่เพิ่งกลับมาเมืองหลวงหรือเจ้าคะ” นางหันไปถามผู้อาวุโสจ้าว“เป็นเช่นนั้นขอรับและเพิ่งรู้ข่าวว่าท่านกำลังตั้งครรภ์ เรื่องที่จะรบกวนคงต้องเปลี่ยนใจแล้ว” จ้าวฝูหมิงเอ่ยทั้งที่ยังยิ้มอยู่“เรื่องอะไรท่านลองพูดมาก่อนเถอะเจ้าคะ เผื่อว่าข้าจะให้ผู้อื่นช่วยได้ ท่านไม่ต้องคิดเกรงใจอย่างไรเราก็คนกันเองทั้งนั้น” นางเอ่ยพร้อมสังเกตสีหน้าคนทั้งสองไปด้วยท่านจ้าวดูจะกำลังวางแผนบางอย่างอยู่ แต่อีกคนนั้นไม่ได้รู้เนื้อรู้ตัวเลยสักนิด“ข้าอยากได้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอหยางรุ่นชิงกับตระกูลหยางขอรับ”เมื่อจบประโยคคนข้างกายท่านจ้าวก็ทำถ้วยชาหลุดมือทันที พร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำขึ้นมาอย่างชัดเจน“เรื่องมงคลเช่นนี้ข้าจะพลาดได้อย่างไร ข้าจะให้คนออกหน้าให้อย่างไรที่นี่ตระกูลซ่งก็ได้ชื่อว่าเป็นคหบดีที่ร่ำรวยติดสามอันด
ตอนที่ 45ดอกรักผลิบานชั่วกาล“คิดสิ่งใดอยู่ สามีขอสั่งให้เจ้าหยุดคิดถึงเจ้าลูกเต่านั่นเดี๋ยวนี้!!” อยู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเป็นหึงหวงนางแทน“สามีท่านดื่มน้ำส้มจนหมดไปสิบไหแล้วกระมั้ง ก็ไม่ใช่ท่านหรือที่พูดให้ข้าคิดตาม”“ไม่รู้แหละ เจ้าคิดถึงข้าได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้การข้าต้องรีบสร้างเจ้าก้อนให้มาอยู่ในท้องเจ้าแล้ว ไม่เช่นนั้นสักวันเจ้าต้องคิดหาบุรุษอื่นแล้วหนีข้าไปแน่” เขาเอ่ยพร้อมกับอุ้มนางตรงไปที่ห้องนอนอย่างแน่วแน่“ท่านจะทำอีกทำไมเจ้าคะ ตอนนี้เขาก็อยู่ในท้องข้าแล้วเนี่ย” คำพูดของนางทำให้เขาชะงักฝีเท้า“เจ้าว่าอย่างไรนะ!!” เขาถามนางอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเมื่อครู่ตนไม่ได้ฟังผิดไป“ข้ากำลังตั้งท้องลูกของท่านได้ประมาณสองเดือนแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยช้า ๆ ให้เขาฟังอย่างชัดเจนซ่งอี้เฉินคล้ายจะหูดับไปครู่หนึ่ง ชีวิตนี้เพิ่งเข้าใจว่าเหตุ
ตอนที่ 44คิดไม่ผิดหลิวซื่อเฟิงถูกลากออกไปรับโทษตามที่ท่านประมุขเป็นผู้สั่ง เริ่มจากตัดเส้นลมปราณเพื่อไม่ให้คนหลบหนีก่อนจะเอาอุปกรณ์สำหรับถอดเล็บออกมา หลิวซื่อเฟิงที่เห็นเช่นนั้นถึงกับน้ำตาไหลด้วยความกลัว แต่ไม่อาจหนีไปไหนได้เพราะถูกมัดตรึงไว้กับเก้าอี้กรี๊ด!!!!!!เสียงกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าดังออกมาจากเรือนด้านหลังจวน แต่เพราะเรือนนี้ห่างไกลจากเรือนหลักนักจึงไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงนางกว่าจะถอดออกครบยี่สิบเล็บนางก็สลบไปถึงสองครั้ง ผู้ที่ลงโทษไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น พวกเขายกดังน้ำเกลือขนาดใหญ่เข้ามา ก่อนจะเอ่ยกับผู้ที่นั่งอยู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาปนสมเพช“แม่นางหลิวซื่อเฟิง เพราะท่านคิดทำร้ายนายหญิงท่านประมุขจึงสั่งมาว่าให้ทำอย่างไรก็ได้ให้ท่านทรมานที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วอย่าโกรธเคืองพวกข้าเลยนะ”เอ่ยจบก็ราดน้ำเกลือเข้มข้นใส่แผลสดที่เลือดยังไหลไม่หยุด ความเจ็บปวดปนกับความแสบทำให้นางกรีด
ตอนที่ 43ปองร้าย“ขอบคุณนายหญิงที่ชี้แนะทางให้แก่ข้า จากนี้ฝากท่านดูแลท่านประมุขด้วยขอรับ” จ้าวฝูหมิงเอ่ยพลางคารวะนางอย่างที่คนในราชวงศ์ทำกัน“ขอให้ท่านตามหาเด็กดื้อผู้นั้นเจอนะเจ้าคะ” นางอวยพรพร้อมกับทำมือชูสองนิ้วให้กำลังใจจ้าวฝูหมิงฝากจดหมายไว้ให้ซ่งอี้เฉินหนึ่งฉบับ ก่อนจะเดินจากไปพร้อมคนของเขา“ท่านจ้าวจะไปตามหาเด็กหายหรือเจ้าคะ” ลู่หลินเอ่ยถามอย่างสงสัยและไม่เข้าใจ“ดูท่าแล้วไม่ใช่แค่เด็กที่หาย แต่หัวใจเขาก็ถูกเด็กผู้นั้นขโมยไปด้วย ข้าเพิ่งพูดคุยกับเขาไปเพียงสองเดือนเองนะ สงสัยเด็กคนนั้นคงเป็นคนในเมืองหลวงนี้เป็นแน่”นางรำพึงรำพันคนเดียว ก่อนที่จะถูกสาวใช้พากลับเข้าเรือน เพราะหิมะเริ่มตกหนักมากขึ้น“คนจากโรงครัวบอกว่าได้ชามาใหม่ จึงอยากให้นายหญิงลองชิมว่าถูกใจหรือไม่เจ้าค่ะ” ลู่หลิ่งเอ่ยพร้อมกับยกชาเข้ามาให้นาง“กลิ่นหอมจังเลย ว้







