เข้าสู่ระบบตอนที่ 11
สตรีไร้ความอ่อนหวาน
“ข้อตกลงนี้มันดูเอาเปรียบข้าไปหรือไม่ หากข้ารับอนุเจ้าจะไม่ร่วมหลับนอนกับข้าอีกต่อไปงั้นหรือ” เขาอ่านสัญญาจบก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องนางอย่างเหลือเชื่อ นี่มันสตรีประเภทใดกัน
“เจ้าค่ะ รวมถึงตอนที่ท่านไปหลับนอนกับนางโลมนอกจวน หรือสาวใช้บ่าวอุ่นเตียง หรืออื่น ๆ พวกนี้ด้วย ข้าจะไม่หลับนอนกับท่านจนกว่าจะครบเวลาหกเดือนเจ้าค่ะ” นางเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
หลงจิวซิ่งมองสตรีที่ตนเลือกมาอย่างกับตัวประหลาด แต่ก็ยอมลงนามในสัญญาไป เพราะเขาก็ไม่ได้คิดจะหลับนอนกับนางอยู่แล้ว และขอสัญญาอื่น ๆ ก็ไม่ได้มากไปจนเขาให้ไม่ได้
โจวเยี่ยนเหยียนเห็นเขาลงนามในสัญญาแล้วจึงได้ลงชื่อบ้าง ก่อนจะมอบสัญญานี้ให้เก็บไว้คนละฉบับ
“คืนนี้คุณลูกค้าต้องการใช้บริการอาบอบนวดจากข้าหรือไม่เจ้าคะ”
เมื่อเก็บสัญญาเรียบร้อยนางจึงหันมาถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ ทำให้เขามองมาที่นางอย่างไม่เข้าใจ
“.....”
“ก็เราแต่งงานกันเพียงในนามเท่านั้น ข้าทำงานดูแลจวนให้ท่าน ท่านก็จ่ายเงินเดือนให้ข้าเดือนละหนึ่งร้อยตำลึงทอง และหากใช้บริการอาบอบนวดด้วยก็จ่ายครั้งล่ะสามร้อยตำลึงทองตามสัญญาที่ข้าเขียนไว้อย่างไรเล่าเจ้าคะ”
นางเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้เขา ทำให้หลงจิวซิ่งรีบก้มลงอ่านสัญญาอีกครั้ง ก่อนจะกำหมัดอย่างเจ็บแค้นใจที่ตนอ่านผ่าน ๆ ทำให้อ่านข้ามบางข้อไป เพราะคิดว่าเรื่องที่สตรีจะขอนั้นมีไม่กี่อย่าง
“ไม่รับ!! ข้าจะอาบน้ำนอนแล้ว!!” เอ่ยจบก็สะบัดหน้าลุกหนีนางไปที่ห้องอาบน้ำข้าง ๆ ทันที
โจวเยี่ยนเหยียนมองตาไปพร้อมยิ้มร้าย คิดว่านางจะยอมดูแลจวนให้เขาเปล่า ๆ และให้เขากอบโกยผลประโยชน์ของบิดานางฝ่ายเดียวหรือ ฝันไปเถอะ
หลงจิวซิ่งจากที่คิดจะแสร้งทำเป็นสามีรักใคร่ภรรยาก็ต้องพับเก็บความคิดนั้นไป เมื่อนางเป็นผู้ยื่นข้อตกลงทุกอย่างเสร็จสรรพ เช่นนี้เขาก็คงไม่ยอมขาดทุนแต่ฝ่ายเดียวแล้ว
แล้วจากนี้ก็คงมองเพียงเรื่องผลประโยชน์เท่านั้น แต่นางก็เป็นสตรีที่น่าสนใจไม่น้อย ฉลาดรู้ทันเขาเช่นนี้เขาอาจเล่นกับนางแก้เบื่อได้บ้าง
คืนเข้าหอของทั้งสองจึงจบลงที่ต่างคนต่างนอนหลับไปโดยไม่ได้คุยอะไรกันอีก โจวเยี่ยนเหยียนนอนบนเตียงส่วนเขาไปนอนที่ตั่งยาวแทน
รุ่งเช้ายามนางตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นเขาอยู่ในห้องแล้ว ตนจึงลุกไปจัดการตัวเอง ก่อนจะมีคนมาตามให้ไปทานข้าว
เพราะเป็นจวนใหม่บ่าวในจวนจึงมีไม่มากนัก นางเดินผ่านเรือนต่าง ๆ บางส่วนยังจัดสวนไม่เสร็จด้วยซ้ำ
เมื่อถึงห้องอาหารก็เห็นชายหนุ่มนั่งรออยู่ก่อนแล้ว นางจึงนั่งลงตรงข้ามเขา ก่อนเราจะเริ่มทานอาหารกันเงียบ ๆ
บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนนั้นราวกับว่าต่างคนต่างอยู่ในโลกของตัวเอง จนบ่าวที่ยืนรอรับใช้ยังหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อทานของหวานเสร็จหลงจิวซิ่งจึงเอ่ยขึ้น
“งานในจวนจากนี้คงต้องฝากฮูหยินช่วยดูแลแล้ว สาขาที่เปิดใหม่ยามนี้ยังไม่เรียบร้อยนัก ช่วงนี้ข้าคงไม่ค่อยได้กลับจวนบ่อย ๆ ”
นางมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะส่งยิ้มอ่อนหวานให้ ซึ่งใครมองก็รู้ว่านางกำลังแสร้งทำ
“ท่านพี่ไม่ต้องห่วง เพียงทิ้งถุงเงินไว้ทุกอย่างในจวนจะเรียบร้อยแน่นอนเจ้าค่ะ” เอ่ยจบก็ยกมือตัวเองขึ้นมาจ้องมองก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“....” ชายหนุ่มมองนางนิ่ง รอให้นางเอ่ยสิ่งที่ต้องการออกมา
“มือข้าว่างเปล่านัก หากได้แหวนหยกสักวง กำไลสักสี่ ห้าวง หรือเครื่องหัวสักสองสามชุดก็คงดีไม่น้อย”
คำพูดของนางทำเอาหลงจิวซิ่งถึงกับเค่นหัวเราะอย่างดูเคลน สตรีอย่างไรก็เป็นสตรีอยู่วันยังค่ำ จะต้องการอะไรมากไปกว่าเสื้อผ้างดงามและเครื่องประดับหรูหรา เขาคงมองนางผิดไปจริง ๆ
“ให้พ่อบ้านเปิดคลังในจวนแล้วเจ้าก็ไปเลือกเครื่องประดับที่ถูกใจมาสักสิบชุดเถอะ” เขาเอ่ยอย่างใจกว้าง ก่อนจะขอตัวออกไปจัดการธุระข้างนอก
“นายหญิงทำเช่นนี้นายท่านจะเข้าใจว่านายหญิงเป็นสตรีโลภมากนะเจ้าคะ” ไป๋ลู่เอ่ยกับนางขณะเดินไปที่คลังเก็บสมบัติ
“ช่างเขาสิ จะคิดอย่างไรหาได้เกี่ยวกับข้าไม่ ข้าต้องอยู่กับเขาไปชั่วชีวิตความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านี้เขาจะมอบให้ภรรยาไม่ได้เชียวหรือ” นางเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“นายหญิงเชิญเลือกได้เลยขอรับ บ่าวให้คนขนออกมาวางให้ทั้งหมดแล้ว”
พ่อบ้านเอ่ยพร้อมกับผ่ายมือไปด้านหลังที่มีกล่องเครื่องประดับวางอยู่มากมาย บางส่วนก็อยู่ในหีบยังไม่ได้นำออกมา
นางเดินดูไปเรื่อย ๆ ก่อนจะเลือกชุดที่ราคาแพงมากที่สุด แม้ว่าบางกล่องจะดูไม่ได้มีราคามากมายก็ตาม
แต่หากเอาไปขายให้หอประมูลรับรองว่าได้หลายล้านตำลึงทองแน่นอน เพราะมันเป็นเครื่องประดับที่มีเพียงไม่กี่ชิ้นในแผ่นดินสี่แคว้น ขนาดสตรีในวังยังแข่งขันกันเพื่อหามันมาสวมใส่เลย
“ครบสิบชุดแล้ว ที่เหลือฝากท่านพ่อบ้านเก็บเข้าคลังเหมือนเดิมด้วยนะ” นางเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้ชายวัยกลางคนผู้นั้น ก่อนจะเดินกลับเรือนอย่างสบายใจ
หากนายท่านรู้เข้าเขาได้ตายแน่ เพราะในเครื่องประดับสิบชุดนั้นมีชุดหนึ่งที่นายท่านหวงแหนอย่างมาก เขาอุตส่าห์ไม่เอาออกจากหีบแล้วแต่นายหญิงก็ยังค้นเจอจนได้
โจวเยี่ยนเหยียนนั้นเห็นสีหน้าพ่อบ้านแล้ว แต่ทำเป็นมองไม่เห็นเท่านั้น ก่อนจะเรียกให้ทุกคนไปพบที่ลานกว้างหน้าเรือนหลัก เพื่อมอบของขวัญเล็กน้อยที่นางเข้ามาเป็นนายหญิงจวนนี้
เรื่องเหล่านี้เป็นเหล่าท่านป้าที่จวนท่านอ๋องกำชับข้ามา หากจะซื้อใจบ่าวในจวนต้องทำเช่นไรบ้าง ไม่เช่นนั้นวันหน้าจะเรียกใช้พวกเขาจะลำบากได้
“ข้าเรียกทุกคนมาไม่มีเรื่องสำคัญอะไรมากหรอก เพียงอยากมอบของขวัญเล็กน้อยให้ทุกคนเท่านั้น ต่อไปข้าหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะตั้งใจทำงานให้ดี”
นางเอ่ยพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยตามแบบที่ได้รับการฝึกมา ก่อนไป๋ลู่จะให้พวกเขาเข้ามารับถุงเงินไปคนละถุง
“ขอบคุณนายหญิงที่เมตตาเจ้าค่ะ/ขอรับ”
พวกเขารับถุงเงินไปต่างมีสีหน้าพึงพอใจกันทุกคน เพราะจากน้ำหนักที่อยู่ในมือก็คงไม่ตำกว่าห้าตำลึงเงินเป็นแน่
“พวกเจ้าแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ตัวเองเถอะ นายหญิงยังมีเรื่องให้ต้องจัดการอีกมาก” ไป๋ลู่เอ่ยขึ้น พวกเขาจึงแยกย้ายกันไป
นางจึงเดินนำพ่อบ้านเข้าไปที่ห้องทำงานของตัวเอง เพราะยังมีเรื่องในจวนที่นางยังต้องจัดระเบียบอีกหลายเรื่อง
“ตอนนี้ในเรือนเหลือส่วนใดบ้างที่ยังสร้างไม่เสร็จ” นางเอ่ยถามเมื่อนั่งลงที่เก้าอี้แล้ว
“เรียนนายหญิงมีเรือนบ่าวทางฝั่งทิศตะวันตก กับสวนเล็กทางฝั่งตะวันออก นอกนั้นแล้วเสร็จหมดแล้วขอรับ” พอบ้านเอ่ยรายงาน
“งั้นหรือ พวกช่างได้บอกหรือไม่ว่าจะแล้วเสร็จตอนไหน” นางเอ่ยถามพร้อมกับเงยหน้ามองพ่อบ้าน ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เรือนคงอีกไม่เกินเจ็ดวัน ส่วนสวนนั่นคงไม่เกินสามวันขอรับ” พ่อบ้านรายงานก่อนจะแปลกใจกับสายตานายหญิงคนใหม่
“นั่งลงเสีย ข้าไม่ชอบยืนคุยกับผู้อื่น และข้ายังต้องมีเรื่องคุยกับท่านอีกนาน เดี๋ยวนายท่านจะหาว่าข้ารังแกเจ้าได้” นางเอ่ยก่อนจะก้มอ่านรายจ่ายในจวน
พ่อบ้านที่ถูกสั่งให้นั่งจึงทำหน้าเหลอหลา ก่อนจะนั่งลงกับพื้นตรงนั้น จนไป๋ลู่ยกชาเข้ามาจึงเอ่ยทัก
“ท่านพ่อบ้านไปนั่งคุกเข่าที่พื้นทำไมเจ้าคะ”
นั่นแหละ นางจึงเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะตบหน้าผากตัวเองไปหนึ่งที นางลืมไปได้อย่างไรว่านี่ไม่ใช่จวนอ๋องของบิดา สั่งให้นั่งพวกเขาย่อมไม่กล้านั่งเสมอนางอยู่แล้ว
“กะ ก็นายหญิงสั่งให้ข้านั่ง ข้าเลยนั่งคุกเข่านี่ไงเล่า” พ่อบ้านตอบพร้อมกับเหล่ตามองที่นาง
“เป็นข้าผิดเองที่ไม่พูดให้ชัดเจน ข้าให้ท่านนั่งเก้าอี้ตรงข้ามข้านี่ นั่งเช่นนั้นท่านจะคุยกับข้าได้อย่างไร แล้วก็ไม่ต้องคิดเรื่องบ่าวนั่งเสมอนายล่ะ ข้าไม่ถือท่านลุกมานั่งตรงนี้เสีย!”
นางพูดดักไว้ทันทีเมื่อเห็นพ่อบ้านทำสีหน้าจะเอ่ยทักท้วง ก่อนจะยอมลุกมานั่งด้วยใบหน้ากล้า ๆ กลัว ๆ
“ขะ ขอบคุณนายหญิงขอรับ”
พ่อบ้านนั่งลงอย่างทำตัวไม่ถูก แต่ก็เป็นอย่างที่นายหญิงว่าจริง ๆ เมื่อตนถูกซักถามทุกอย่างในจวน ชนิดที่ว่าละเอียดกว่านายท่านหลายเท่านัก
กว่าจะพูดคุยกับนายหญิงเสร็จก็เลยเวลาอาหารเที่ยงมาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว
“จัดการตามนี้เลยนะเจ้าคะ งานในจวนทำให้เป็นระเบียบแต่แรกก็จะจัดการง่าย ส่วนเรื่องบ่าวที่จะรับเพิ่มเข้ามาก็เอาตามที่ข้าบอกเลย”
“ขอรับ” พ่อบ้านรับคำก่อนจะออกไปจากห้องทำงาน พอดีกับที่ไป๋ลู่ยกสำรับเข้ามาให้นาง
“คุณหนูทานข้าวเที่ยงก่อนเจ้าค่ะ พอไม่มีป้าหูอยู่เตือนแล้วทำเป็นลืมเลยนะเจ้าคะ” ไป๋ลู่บ่นเล็กน้อย ก่อนจะไปยืนรอให้นางกินข้าวจนเสร็จแล้วยกสำรับออกไป
พ่อบ้านผู้นี้คงเป็นคนของเขาจากเมืองหลวง แม้จะดูไว้ใจได้แต่ก็เป็นคนของผู้อื่นอยู่ดี แล้วสายตาที่มองไปที่กล่องเครื่องประดับที่นางเลือกมานั่นอีก
หรือหลงจิวซิ่งจะมีสตรีในดวงใจอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นก็อาจจะเป็นเครื่องประดับที่เป็นของอดีตคนรักของเขา
ตอนพิเศษต้องใจจ้าวฝูหมิงออกจากจวนท่านประมุขได้ก็ไม่รู้จะไปที่ใด เมืองหลวงแสนวุ่นวายเดินไปทางไหนก็มีแต่ผู้คนมากมายไปหมด หาความสงบไม่เจอเลยสักนิด“เจ้าหยุดนะ!! ข้าคือบุตรชายคนรองแม่ทัพใหญ่เจ้าบังอาจนักที่กล้าขโมยเงินของข้าเช่นนี้!!!”ที่มุมถนนมีคนสองคนกำลังรุมเตะชายผู้หนึ่งอยู่ด้วยความโกรธ ปากก็ตะโกนด่าเขาไม่หยุดทำให้จ้าวฝูหมิงหยุดมองอย่างสนใจ“นายท่านอย่าเข้าไปยุ่งเลยดีกว่าขอรับ” บ่าวคนสนิทเอ่ยเตือนผู้เป็นนาย แต่เขากลับเอาแต่ยืนนิ่งไม่ไหวติงเขามองชายผู้นั้นหยิบถุงเงินตัวเอง ก่อนจะทำหน้าตาเยาะเย้ยขอทานที่ถูกรุมทำร้ายเมื่อครู่ แล้วเดินกลับไปทางที่วิ่งมากับบ่าวตัวเอง“นะ นายท่านจะไปไหนขอรับ!!!” บ่าวคนสนิทของจ้าวฝูหมิงรีบวิ่งตามผู้เป็นนายไป เพราะเขาเดินตามสองคนนายบ่าวผู้นั้นไปแล้วจ้าวฝูหมิงเดินตามชายหนุ่มผู้นั้นไปจนถึงตรอกฟ้าคราม ที่รู้เพราะมีป้ายเขียนตัวใหญ่เด่นสะดุดตาตรงทางเข้า&ldquo
ตอนพิเศษจะ... (ตั้งใจรัก) จนกว่าจะได้แต่งเมื่อขบวนถูกหยุดกลางทาง หยางรุ่นชิงจึงต้องลงมาคุยกับชายหนุ่มให้รู้เรื่อง หากยังถูกตามต่อไปเขาคงได้ใจอ่อนยอมเป็นฮูหยินให้คนตรงหน้าแน่“น้องรุ่นชิงจะไปเมืองไคชิงเหตุใดจึงไม่ส่งข่าวบอกพี่ชายคนงามบ้าง เจ้าเล่นหนีมาเช่นนี้แล้วแม่สื่อกับของหมั้นที่กำลังจัดเตรียมจะทำเช่นไร” จ้าวฝูหมิงเอ่ยเกินจริงทั้งที่ทุกอย่างยังไม่ได้ถูกจัดเตรียมสักนิด“เออ...ข้าไม่ได้หนีนะ เพียงแต่ท่านแม่บอกว่าข้าเหน็ดเหนื่อยจากการค้าขาย จึงไห้ไปพักผ่อนที่เมืองไคชิงก่อน เผื่อจะได้หาช่องทางขยายกิจการของตระกูลหยางด้วย”เด็กหนุ่มเอ่ยแก้ตัว ทั้งที่รู้ว่าคนตรงหน้ามองออกแน่ และที่ตามเขามาทันเช่นนี้คงให้คนจับตาดูเขาเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมเขาไม่คิดให้รอบคอบกว่านี้นะแต่อีกใจก็แอบดีใจจนอิ่มฟูไปทั้งอก ที่รู้ว่าเขาใส่ใจตัวเองเช่นนี้ หากท่านแม่ยอมรับเขาได้ก็คงจะดีไม่น้อย“เช่นนั้นขอพี่ชายคน
ตอนที่ 46ดอกรักผลิบานชั่วกาล 2 (จบ.)“ยินดีที่ได้พบคุณชายหยางเจ้าค่ะ ว่าแต่เพิ่งกลับมาเมืองหลวงหรือเจ้าคะ” นางหันไปถามผู้อาวุโสจ้าว“เป็นเช่นนั้นขอรับและเพิ่งรู้ข่าวว่าท่านกำลังตั้งครรภ์ เรื่องที่จะรบกวนคงต้องเปลี่ยนใจแล้ว” จ้าวฝูหมิงเอ่ยทั้งที่ยังยิ้มอยู่“เรื่องอะไรท่านลองพูดมาก่อนเถอะเจ้าคะ เผื่อว่าข้าจะให้ผู้อื่นช่วยได้ ท่านไม่ต้องคิดเกรงใจอย่างไรเราก็คนกันเองทั้งนั้น” นางเอ่ยพร้อมสังเกตสีหน้าคนทั้งสองไปด้วยท่านจ้าวดูจะกำลังวางแผนบางอย่างอยู่ แต่อีกคนนั้นไม่ได้รู้เนื้อรู้ตัวเลยสักนิด“ข้าอยากได้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอหยางรุ่นชิงกับตระกูลหยางขอรับ”เมื่อจบประโยคคนข้างกายท่านจ้าวก็ทำถ้วยชาหลุดมือทันที พร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำขึ้นมาอย่างชัดเจน“เรื่องมงคลเช่นนี้ข้าจะพลาดได้อย่างไร ข้าจะให้คนออกหน้าให้อย่างไรที่นี่ตระกูลซ่งก็ได้ชื่อว่าเป็นคหบดีที่ร่ำรวยติดสามอันด
ตอนที่ 45ดอกรักผลิบานชั่วกาล“คิดสิ่งใดอยู่ สามีขอสั่งให้เจ้าหยุดคิดถึงเจ้าลูกเต่านั่นเดี๋ยวนี้!!” อยู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเป็นหึงหวงนางแทน“สามีท่านดื่มน้ำส้มจนหมดไปสิบไหแล้วกระมั้ง ก็ไม่ใช่ท่านหรือที่พูดให้ข้าคิดตาม”“ไม่รู้แหละ เจ้าคิดถึงข้าได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้การข้าต้องรีบสร้างเจ้าก้อนให้มาอยู่ในท้องเจ้าแล้ว ไม่เช่นนั้นสักวันเจ้าต้องคิดหาบุรุษอื่นแล้วหนีข้าไปแน่” เขาเอ่ยพร้อมกับอุ้มนางตรงไปที่ห้องนอนอย่างแน่วแน่“ท่านจะทำอีกทำไมเจ้าคะ ตอนนี้เขาก็อยู่ในท้องข้าแล้วเนี่ย” คำพูดของนางทำให้เขาชะงักฝีเท้า“เจ้าว่าอย่างไรนะ!!” เขาถามนางอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเมื่อครู่ตนไม่ได้ฟังผิดไป“ข้ากำลังตั้งท้องลูกของท่านได้ประมาณสองเดือนแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยช้า ๆ ให้เขาฟังอย่างชัดเจนซ่งอี้เฉินคล้ายจะหูดับไปครู่หนึ่ง ชีวิตนี้เพิ่งเข้าใจว่าเหตุ
ตอนที่ 44คิดไม่ผิดหลิวซื่อเฟิงถูกลากออกไปรับโทษตามที่ท่านประมุขเป็นผู้สั่ง เริ่มจากตัดเส้นลมปราณเพื่อไม่ให้คนหลบหนีก่อนจะเอาอุปกรณ์สำหรับถอดเล็บออกมา หลิวซื่อเฟิงที่เห็นเช่นนั้นถึงกับน้ำตาไหลด้วยความกลัว แต่ไม่อาจหนีไปไหนได้เพราะถูกมัดตรึงไว้กับเก้าอี้กรี๊ด!!!!!!เสียงกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าดังออกมาจากเรือนด้านหลังจวน แต่เพราะเรือนนี้ห่างไกลจากเรือนหลักนักจึงไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงนางกว่าจะถอดออกครบยี่สิบเล็บนางก็สลบไปถึงสองครั้ง ผู้ที่ลงโทษไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น พวกเขายกดังน้ำเกลือขนาดใหญ่เข้ามา ก่อนจะเอ่ยกับผู้ที่นั่งอยู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาปนสมเพช“แม่นางหลิวซื่อเฟิง เพราะท่านคิดทำร้ายนายหญิงท่านประมุขจึงสั่งมาว่าให้ทำอย่างไรก็ได้ให้ท่านทรมานที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วอย่าโกรธเคืองพวกข้าเลยนะ”เอ่ยจบก็ราดน้ำเกลือเข้มข้นใส่แผลสดที่เลือดยังไหลไม่หยุด ความเจ็บปวดปนกับความแสบทำให้นางกรีด
ตอนที่ 43ปองร้าย“ขอบคุณนายหญิงที่ชี้แนะทางให้แก่ข้า จากนี้ฝากท่านดูแลท่านประมุขด้วยขอรับ” จ้าวฝูหมิงเอ่ยพลางคารวะนางอย่างที่คนในราชวงศ์ทำกัน“ขอให้ท่านตามหาเด็กดื้อผู้นั้นเจอนะเจ้าคะ” นางอวยพรพร้อมกับทำมือชูสองนิ้วให้กำลังใจจ้าวฝูหมิงฝากจดหมายไว้ให้ซ่งอี้เฉินหนึ่งฉบับ ก่อนจะเดินจากไปพร้อมคนของเขา“ท่านจ้าวจะไปตามหาเด็กหายหรือเจ้าคะ” ลู่หลินเอ่ยถามอย่างสงสัยและไม่เข้าใจ“ดูท่าแล้วไม่ใช่แค่เด็กที่หาย แต่หัวใจเขาก็ถูกเด็กผู้นั้นขโมยไปด้วย ข้าเพิ่งพูดคุยกับเขาไปเพียงสองเดือนเองนะ สงสัยเด็กคนนั้นคงเป็นคนในเมืองหลวงนี้เป็นแน่”นางรำพึงรำพันคนเดียว ก่อนที่จะถูกสาวใช้พากลับเข้าเรือน เพราะหิมะเริ่มตกหนักมากขึ้น“คนจากโรงครัวบอกว่าได้ชามาใหม่ จึงอยากให้นายหญิงลองชิมว่าถูกใจหรือไม่เจ้าค่ะ” ลู่หลิ่งเอ่ยพร้อมกับยกชาเข้ามาให้นาง“กลิ่นหอมจังเลย ว้







