LOGINตอนที่ 9
บุญคุณต้องทดแทน
หลังจากที่ขบวนของหมั้นกับเหล่าขันทีจากเมืองหลวงออกจากจวนไปแล้ว บิดาก็เรียกนางเข้าไปพบที่ห้องทำงาน
ใบหน้าของบิดายามนี้ดูอิดโรยนัก ราวกับทำงานหนักติดต่อกันมาหลายวันโดยไม่ได้นอน ทั้งที่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
“ท่านพ่ออย่าทรงคิดมากเลยเพคะ ข้าเพียงแต่งงานเท่านั้นไม่ได้ตายเสียหน่อย” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสเพราะไม่อยากให้บิดาคิดมาก
“เห้อ!!! พ่อรู้ แต่เจ้าลูกเต่านั่นเล่ห์เหลี่ยมของมันมากมายนัก พ่อกลัวว่าเจ้าจะต้องเจ็บปวดเพราะเขา” อ๋องโจวจิ้วห้าวเอ่ยสิ่งที่ตนคิดกังวลออกมา
“ท่านพ่ออย่าคิดมากสิเพคะเดี๋ยวแก่เร็วนะ ข้าไม่เป็นไรเลยจริง ๆ ไม่แต่งให้เขาก็ยังมีบุรุษอื่นที่ข้าต้องออกเรือนด้วย แล้วก็ดีเสียอีกที่เป็นคุณชายหลง เรารู้ว่าเขาต้องการสิ่งใดเราก็เพียงยื่นข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อกับเขาก็พอ เท่านี้ชีวิตลูกก็ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว”
“หากวันหน้าพ่อไม่อยู่เขาก็จะคิดกำจัดเจ้า แล้วหาตัวประโยชน์คนใหม่มาแทนที่ พ่อยอมไม่ได้ที่จะให้เจ้าเป็นเช่นนั้น”
“ท่านพ่อเพคะ! กว่าจะถึงเวลานั้นข้าก็ตั้งหลักได้แล้ว ท่านคิดว่าบุตรสาวผู้นี้จะนั่งทำตัวไร้ประโยชน์เป็นฮูหยินในจวนเขาเฉย ๆ งั้นหรือ” นางเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้บิดาคลายใจ
“แต่เจ้า.....” ท่านอ๋องทำท่าจะเอ่ยแย้ง แต่นางพูดสวนขึ้นมาก่อน
“ท่านพ่อลืมไปแล้วหรือเพคะ ว่าลูกคือคนที่คิดวิธีที่ทำให้ไทเฮากับฮองเฮาคืนดีกัน แถมยังช่วยให้ฮองเฮาปกครองเหล่าสนมในวังได้ง่ายขึ้นด้วย ส่วนเรื่องเงินทองลูกก็มีกิจการร้านชานมที่ขึ้นชื่อและกำลังจะขยายสาขาไปทั่วแคว้น แล้วยังมีอีกหลายกิจการที่ลูกเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง บุตรสาวของท่านหาได้เป็นสตรีในห้องหอธรรมดานะเพคะ”
นางพูดให้บิดาลองคิดตาม และดูเหมือนบิดาจะคลายกังวลลงมานิดหน่อย
“ก็ได้ ๆ พ่อจะเชื่อเจ้าสักครั้ง แต่หากชายผู้นั้นทำให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจ เจ้าต้องรีบบอกพ่อทันทีเข้าใจหรือไม่” ท่านแองเอ่ยพลางลูบหัวบุตรสาวอย่างเอ็นดู
ตั้งแต่วันนั้นผ่านมากว่าสามเดือนแล้ว ที่นางต้องเตรียมตัวเพื่อแต่งเข้าเป็นฮูหยินของหลงจิวซิ่ง
อีกเรื่องคือนางต้องวางแผนเกี่ยวกับกิจการในมือเอาไว้ล่วงหน้าถึงสามปี เพราะรู้มาว่าหลังแต่งงานชายผู้นั้นจะพานางกลับเมืองหลวง
กำหนดแต่งงานของนางคืออีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ที่ผ่านมาบิดาก็จับตามองคนผู้นั้นอยู่เสมอ และไม่ยอมให้นางกับเขาได้อยู่ด้วยกันตามลำพังสักครั้ง
มีครั้งหนึ่งที่เขาแอบมาหานางตอบที่บิดาไม่อยู่ แต่เขายังไม่ทันได้ก้าวขาเข้าประตูเรือนของนาง ก็ถูกบิดาถีบกระเด็นออกไปเสียแล้ว
แม้จะรู้ว่าหากเขาโต้ตอบก็สามารถเอาชนะบิดานางได้ แต่เขากลับไม่ทำเพราะเหตุผลที่รู้ ๆ กันอยู่ เขาคงกลัวบิดาจะเอาเรื่องนี้ไปร้องเรียนต่อองค์ฮ่องเต้เพื่อถอนหมั้นให้นางนะสิ
“คุณหนูเพคะ มีคนมาตะโกนอยู่ที่หน้าจวนบอกว่าเป็นผู้มีพระคุณของคุณหนู และต้องการพบหน้าคุณหนูเดี๋ยวนี้เพคะ”
สาวใช้ในจวนเข้ามาแจ้งขณะที่นางกำลังนั่งเขียนแผนงานล่วงหน้าอยู่ แม้จะแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็พอมีคนในใจว่าผู้มีพระคุณนั้นคือใคร
“เชิญพวกเขาไปรอที่ห้องโถงรับรองแขกก่อน แล้วให้คนเฝ้าเอาไว้สักหลาย ๆ คนหน่อยนะ เดี๋ยวข้าทำงานตรงนี้เสร็จจะตามไป” นางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
จนเวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยามนางจึงได้ปิดสมุดตรงหน้าลง ก่อนจะยืดแขนคลายความเมื่อยขบที่เกิดขึ้น
“คุณหนูทานของว่างแล้วค่อยไปพบพวกเขาดีหรือไม่เพคะ” ไป๋ลู่เอ่ยถามขึ้นด้านหลัง นางจึงพยักหน้ารับเบา ๆ
กว่าจะทานของว่างเสร็จก็ใช้เวลาอีกครึ่งชั่วยาม นางจึงค่อย ๆ เดินไปที่ห้องโถงรับรองอย่างใจเย็น
เมื่อไปถึงก็ได้ยินเสียงด่าทอแว่วมาให้ได้ยิน โดยที่ยังไม่ได้ก้าวขาเข้าไปในห้องด้วยซ้ำ สีหน้าพวกบ่าวที่ยืนเฝ้าหน้าประตูนั้นบ่งบอกชัดเจนว่าคนในห้องโถงพูดถึงคุณหนูพวกตนอย่างไรบ้าง
“คุณหนูไม่ต้องไปพบพวกเขาจะดีกว่านะเพคะ บ่าวได้ยินที่พวกเขาพูดแล้วไม่ให้เกียรติคุณหนูเลยสักนิด” บ่าวเฝ้าหน้าประตูเอ่ยด้วยน้ำเสียงโมโหแทนนาง
“ไม่ต้องห่วงหรอกข้าจัดการได้” นางเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้บ่าวผู้นั้นเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าห้องโถงไปพร้อมกับไป๋ลู่
“นั่น ๆ นางมาแล้ว!!!” เสียงสตรีผู้หนึ่งดังขึ้ง เป็นฮัวอิงฮวานั่นเอง นางคิดไว้อยู่แล้วว่าสักวันคนบ้านฮัวต้องตามมาหาเรื่องนาง
แต่ไม่คิดว่าจะปล่อยให้เวลาผ่านมานานถึงเพียงนี้เท่านั้น พวกเขาเห็นนางก็รีบลุกขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน โจวเยี่ยนเหยียนเดินผ่านพวกเขาไปทีละคนก่อนจะไปนั่งยังตำแหน่งสูงสุด
“พี่สาวนั่นควรเป็นท่านพ่อที่ได้นั่ง ท่านลืมมารยาทที่ควรทำไปหมดแล้วหรือ!!” ฮัวเจี้ยนอดีตน้องชายแสนขี้ขลาดของนางเอ่ยท้วงขึ้น
“ข้าหาได้ลืมมารยาทพื้นฐานไม่ แล้วสิ่งที่ข้ากำลังทำก็ไม่ได้ทำผิดอะไรนี่ พวกท่านเถอะมาหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน”
นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตามองเลยทุกคนไปที่ประตูราวกับพวกเขาไร้ตัวตน
“จะ เจ้า!!!!”
“ฮัวเจี้ยนอย่าเสียมารยาท!!! หนิงอันลูกรัก ไม่ได้พบเจ้าเสียนานสบายดีหรือไม่ ตั้งแต่เจ้าไม่อยู่ปู่กับย่าก็เอาแต่บ่นคิดถึงเจ้าทุกวัน” ผู้เป็นอดีตบิดาเอ่ยกับนางอย่างสนิทสนม
“ท่านลุงฮัวอย่าเอ่ยราวกับเราสนิทกันนักเลย เดี๋ยวสาวใช้ของข้าจะเข้าใจผิดเอาได้ และอีกอย่างสัมพันธ์พ่อลูกของเรามันขาดลงตั้งแต่วันที่ท่านขายข้าให้ท่านอ๋องโจวจิ้งห้าวแล้วไม่ใช่หรือ”
“....”
“ยามนั้นท่านยังเป็นผู้เอ่ยปากเองแท้ ๆ ว่าเป็นตายอย่างไรอย่าได้กลับไปหาท่านอีก มายามนี้ท่านคิดจะกลืนน้ำลายตัวเองเสียแล้วหรือ” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน พร้อมกับมองหน้าพวกเขาทีละคน
“ระ เรื่องในอดีตก็ให้มันแล้วไปเถอะนะลูกรัก อย่าเก็บมาคิดแค้นเคืองพวกเราเลย ที่ผ่านมาพวกเราทำลงไปเพราะความไม่รู้ทั้งนั้น อภัยให้แม่กับพ่อของเจ้าสักครั้งได้หรือไม่” หลี่ฮวาเอ่ยอ้อนวอนพร้อมกับลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้น
“ท่านแม่อย่าทำเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ ท่านเป็นแม่ของนางนะ พี่สาว!! ท่านไม่คิดจะเอ่ยอะไรบ้างหรือ!! นี่มารดาที่เคยเลี้ยงดูท่านมานะ!!!”
ฮัวอิงฮวารีบเอ่ยขึ้น พร้อมกับเข้าไปประคองมารดาตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ภาพครอบครัวฮัวกำลังเล่นงิ้วครอบครัวรักใคร่ทำให้นางสนใจขึ้นมาเล็กน้อย
โจวเยี่ยนเหยียนได้แต่ยิ้มเยาะในใจ มองจากดวงจันทร์ยังรู้ว่าพวกเขาพยายามยัดเยียดให้นางรู้สึกผิด เพื่อร้องเอาบางสิ่งที่พวกเขาต้องการ
“อย่ามัวแต่เล่นงิ้วให้ข้าดูเลย งิ้วพวกนี้ท่านอ๋องพาข้าไปดูจนเบื่อแล้ว พวกท่านมาหาข้าเพื่อต้องการสิ่งใดจงพูดมาตามตรงเถอะ” นางเอ่ยตัดบทพวกเขา เมื่อเห็นว่าอดีตมารดาตั้งท่าจะบีบน้ำตา
“อะ เออ...” คำพูดของนางทำให้พวกเขาชะงักและมองหน้ากันอย่างเหนือความคาดหมาย
“คือว่าน้องชายเจ้าจะแต่งภรรยา นางเป็นบุตรสาวพ่อค้าที่อยู่หมู่บ้านข้าง ๆ พ่อก็อยากจะไปสู่ขอให้น้องชายเจ้า ติดแต่ว่าฝ่ายเจ้าสาวเรียกสินสอดเป็นเงินห้าตำลึงทองกับที่ดินอีกห้าแปลง” ผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้นมาก่อน
“หากบ้านเราเอาเงินกับที่ดินทั้งหมดไปแต่งภรรยาให้น้องชายเจ้า เราก็จะไม่มีเงินไว้ใช้จ่าย และไม่มีที่ไว้ทำกิน เพราะงั้นพวกเราจึงลองมาขอความช่วยเหลือกับลูกดู เจ้าเป็นถึงบุตรีท่านอ๋องเงินกับที่ดินเพียงเท่านี้คงไม่มากสำหรับเจ้าหรอกกระมั้ง” ผู้เป็นมารดาเอ่ยบ้าง
“ใช่ขอรับท่านพี่ ข้าเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านพ่อ ย่อมต้องมีหน้าที่สืบสกุลเราต่อ หากได้แต่งกับภรรยาที่ดีอนาคตของข้าและครอบครัวก็ย่อมต้องดีตามไปด้วย ท่านคิดว่าเป็นเช่นที่ข้าพูดหรือไม่” ฮัวเจี้ยนเอ่ยพลางยิ้มแย้ม
“อืม...ก็เป็นอย่างเจ้าว่า แต่พวกท่านแซ่อะไรนะเจ้าคะ” นางเอ่ยคล้ายจะเห็นด้วย ทำให้พวกเราเริ่มยิ้มกว้างออกมา
“บิดาเจ้าก็แซ่ฮัวอย่างไรเล่า ผ่านมาเพียงสองปีทำเป็นจำไม่ได้นะเจ้าเนี่ย” ฮัวเฉิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ท่านพี่ลูกก็เพียงเย้าท่านเล่นเท่านั้น จริงหรือไม่อันเอ๋อร์”
หลี่ฮวาพูดแก้ให้ หากรู้ว่าจะพูดง่ายเพียงนี้นางคงเรียกเอาเงินค่าเลี้ยงดูกับนังเด็กน่าโง่ตรงหน้าเพิ่มอีกสักหน่อยแล้ว
“นั่นนะสิเจ้าคะ ท่านแซ่ฮัวแต่ตอนนี้ข้าแซ่โจว หากข้าออกค่าสินสอดให้ฮัวเจี้ยนแล้วข้าจะได้อะไร ในเมื่อข้ากับเขาก็ไม่ได้เป็นแซ่เดียวกัน วันหน้าเขาได้ดีก็ได้ดีในแซ่ฮัวไม่ใช่แซ่โจวของข้าตอนนี้เสียหน่อย ท่านทั้งสองคิดว่าเป็นเช่นที่ข้าพูดหรือไม่เจ้าคะ”
นางพูดจบทั้งสี่ก็อ้าปากพะงาบ ๆ ราวกับปลาขาดน้ำ ด้วยไม่อาจเถียงคำใดได้เพราะเป็นเช่นที่นางพูดมาทั้งหมด
“ตะ แต่เจ้าควรตอบแทนพวกเราที่เลี้ยงดูเจ้ามาบ้าง เจ้าได้ดีแต่กลับไม่คิดกตัญญูต่อผู้มีพระคุณเช่นนี้ วันหน้าคิดทำสิ่งใดจะไม่เจริญเอานะ!!” หลี่ฮวายกความเชื่อขึ้นมาขู่ แต่นางหาได้สนใจไม่
ตอนพิเศษต้องใจจ้าวฝูหมิงออกจากจวนท่านประมุขได้ก็ไม่รู้จะไปที่ใด เมืองหลวงแสนวุ่นวายเดินไปทางไหนก็มีแต่ผู้คนมากมายไปหมด หาความสงบไม่เจอเลยสักนิด“เจ้าหยุดนะ!! ข้าคือบุตรชายคนรองแม่ทัพใหญ่เจ้าบังอาจนักที่กล้าขโมยเงินของข้าเช่นนี้!!!”ที่มุมถนนมีคนสองคนกำลังรุมเตะชายผู้หนึ่งอยู่ด้วยความโกรธ ปากก็ตะโกนด่าเขาไม่หยุดทำให้จ้าวฝูหมิงหยุดมองอย่างสนใจ“นายท่านอย่าเข้าไปยุ่งเลยดีกว่าขอรับ” บ่าวคนสนิทเอ่ยเตือนผู้เป็นนาย แต่เขากลับเอาแต่ยืนนิ่งไม่ไหวติงเขามองชายผู้นั้นหยิบถุงเงินตัวเอง ก่อนจะทำหน้าตาเยาะเย้ยขอทานที่ถูกรุมทำร้ายเมื่อครู่ แล้วเดินกลับไปทางที่วิ่งมากับบ่าวตัวเอง“นะ นายท่านจะไปไหนขอรับ!!!” บ่าวคนสนิทของจ้าวฝูหมิงรีบวิ่งตามผู้เป็นนายไป เพราะเขาเดินตามสองคนนายบ่าวผู้นั้นไปแล้วจ้าวฝูหมิงเดินตามชายหนุ่มผู้นั้นไปจนถึงตรอกฟ้าคราม ที่รู้เพราะมีป้ายเขียนตัวใหญ่เด่นสะดุดตาตรงทางเข้า&ldquo
ตอนพิเศษจะ... (ตั้งใจรัก) จนกว่าจะได้แต่งเมื่อขบวนถูกหยุดกลางทาง หยางรุ่นชิงจึงต้องลงมาคุยกับชายหนุ่มให้รู้เรื่อง หากยังถูกตามต่อไปเขาคงได้ใจอ่อนยอมเป็นฮูหยินให้คนตรงหน้าแน่“น้องรุ่นชิงจะไปเมืองไคชิงเหตุใดจึงไม่ส่งข่าวบอกพี่ชายคนงามบ้าง เจ้าเล่นหนีมาเช่นนี้แล้วแม่สื่อกับของหมั้นที่กำลังจัดเตรียมจะทำเช่นไร” จ้าวฝูหมิงเอ่ยเกินจริงทั้งที่ทุกอย่างยังไม่ได้ถูกจัดเตรียมสักนิด“เออ...ข้าไม่ได้หนีนะ เพียงแต่ท่านแม่บอกว่าข้าเหน็ดเหนื่อยจากการค้าขาย จึงไห้ไปพักผ่อนที่เมืองไคชิงก่อน เผื่อจะได้หาช่องทางขยายกิจการของตระกูลหยางด้วย”เด็กหนุ่มเอ่ยแก้ตัว ทั้งที่รู้ว่าคนตรงหน้ามองออกแน่ และที่ตามเขามาทันเช่นนี้คงให้คนจับตาดูเขาเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมเขาไม่คิดให้รอบคอบกว่านี้นะแต่อีกใจก็แอบดีใจจนอิ่มฟูไปทั้งอก ที่รู้ว่าเขาใส่ใจตัวเองเช่นนี้ หากท่านแม่ยอมรับเขาได้ก็คงจะดีไม่น้อย“เช่นนั้นขอพี่ชายคน
ตอนที่ 46ดอกรักผลิบานชั่วกาล 2 (จบ.)“ยินดีที่ได้พบคุณชายหยางเจ้าค่ะ ว่าแต่เพิ่งกลับมาเมืองหลวงหรือเจ้าคะ” นางหันไปถามผู้อาวุโสจ้าว“เป็นเช่นนั้นขอรับและเพิ่งรู้ข่าวว่าท่านกำลังตั้งครรภ์ เรื่องที่จะรบกวนคงต้องเปลี่ยนใจแล้ว” จ้าวฝูหมิงเอ่ยทั้งที่ยังยิ้มอยู่“เรื่องอะไรท่านลองพูดมาก่อนเถอะเจ้าคะ เผื่อว่าข้าจะให้ผู้อื่นช่วยได้ ท่านไม่ต้องคิดเกรงใจอย่างไรเราก็คนกันเองทั้งนั้น” นางเอ่ยพร้อมสังเกตสีหน้าคนทั้งสองไปด้วยท่านจ้าวดูจะกำลังวางแผนบางอย่างอยู่ แต่อีกคนนั้นไม่ได้รู้เนื้อรู้ตัวเลยสักนิด“ข้าอยากได้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอหยางรุ่นชิงกับตระกูลหยางขอรับ”เมื่อจบประโยคคนข้างกายท่านจ้าวก็ทำถ้วยชาหลุดมือทันที พร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำขึ้นมาอย่างชัดเจน“เรื่องมงคลเช่นนี้ข้าจะพลาดได้อย่างไร ข้าจะให้คนออกหน้าให้อย่างไรที่นี่ตระกูลซ่งก็ได้ชื่อว่าเป็นคหบดีที่ร่ำรวยติดสามอันด
ตอนที่ 45ดอกรักผลิบานชั่วกาล“คิดสิ่งใดอยู่ สามีขอสั่งให้เจ้าหยุดคิดถึงเจ้าลูกเต่านั่นเดี๋ยวนี้!!” อยู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเป็นหึงหวงนางแทน“สามีท่านดื่มน้ำส้มจนหมดไปสิบไหแล้วกระมั้ง ก็ไม่ใช่ท่านหรือที่พูดให้ข้าคิดตาม”“ไม่รู้แหละ เจ้าคิดถึงข้าได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้การข้าต้องรีบสร้างเจ้าก้อนให้มาอยู่ในท้องเจ้าแล้ว ไม่เช่นนั้นสักวันเจ้าต้องคิดหาบุรุษอื่นแล้วหนีข้าไปแน่” เขาเอ่ยพร้อมกับอุ้มนางตรงไปที่ห้องนอนอย่างแน่วแน่“ท่านจะทำอีกทำไมเจ้าคะ ตอนนี้เขาก็อยู่ในท้องข้าแล้วเนี่ย” คำพูดของนางทำให้เขาชะงักฝีเท้า“เจ้าว่าอย่างไรนะ!!” เขาถามนางอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเมื่อครู่ตนไม่ได้ฟังผิดไป“ข้ากำลังตั้งท้องลูกของท่านได้ประมาณสองเดือนแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยช้า ๆ ให้เขาฟังอย่างชัดเจนซ่งอี้เฉินคล้ายจะหูดับไปครู่หนึ่ง ชีวิตนี้เพิ่งเข้าใจว่าเหตุ
ตอนที่ 44คิดไม่ผิดหลิวซื่อเฟิงถูกลากออกไปรับโทษตามที่ท่านประมุขเป็นผู้สั่ง เริ่มจากตัดเส้นลมปราณเพื่อไม่ให้คนหลบหนีก่อนจะเอาอุปกรณ์สำหรับถอดเล็บออกมา หลิวซื่อเฟิงที่เห็นเช่นนั้นถึงกับน้ำตาไหลด้วยความกลัว แต่ไม่อาจหนีไปไหนได้เพราะถูกมัดตรึงไว้กับเก้าอี้กรี๊ด!!!!!!เสียงกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าดังออกมาจากเรือนด้านหลังจวน แต่เพราะเรือนนี้ห่างไกลจากเรือนหลักนักจึงไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงนางกว่าจะถอดออกครบยี่สิบเล็บนางก็สลบไปถึงสองครั้ง ผู้ที่ลงโทษไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น พวกเขายกดังน้ำเกลือขนาดใหญ่เข้ามา ก่อนจะเอ่ยกับผู้ที่นั่งอยู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาปนสมเพช“แม่นางหลิวซื่อเฟิง เพราะท่านคิดทำร้ายนายหญิงท่านประมุขจึงสั่งมาว่าให้ทำอย่างไรก็ได้ให้ท่านทรมานที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วอย่าโกรธเคืองพวกข้าเลยนะ”เอ่ยจบก็ราดน้ำเกลือเข้มข้นใส่แผลสดที่เลือดยังไหลไม่หยุด ความเจ็บปวดปนกับความแสบทำให้นางกรีด
ตอนที่ 43ปองร้าย“ขอบคุณนายหญิงที่ชี้แนะทางให้แก่ข้า จากนี้ฝากท่านดูแลท่านประมุขด้วยขอรับ” จ้าวฝูหมิงเอ่ยพลางคารวะนางอย่างที่คนในราชวงศ์ทำกัน“ขอให้ท่านตามหาเด็กดื้อผู้นั้นเจอนะเจ้าคะ” นางอวยพรพร้อมกับทำมือชูสองนิ้วให้กำลังใจจ้าวฝูหมิงฝากจดหมายไว้ให้ซ่งอี้เฉินหนึ่งฉบับ ก่อนจะเดินจากไปพร้อมคนของเขา“ท่านจ้าวจะไปตามหาเด็กหายหรือเจ้าคะ” ลู่หลินเอ่ยถามอย่างสงสัยและไม่เข้าใจ“ดูท่าแล้วไม่ใช่แค่เด็กที่หาย แต่หัวใจเขาก็ถูกเด็กผู้นั้นขโมยไปด้วย ข้าเพิ่งพูดคุยกับเขาไปเพียงสองเดือนเองนะ สงสัยเด็กคนนั้นคงเป็นคนในเมืองหลวงนี้เป็นแน่”นางรำพึงรำพันคนเดียว ก่อนที่จะถูกสาวใช้พากลับเข้าเรือน เพราะหิมะเริ่มตกหนักมากขึ้น“คนจากโรงครัวบอกว่าได้ชามาใหม่ จึงอยากให้นายหญิงลองชิมว่าถูกใจหรือไม่เจ้าค่ะ” ลู่หลิ่งเอ่ยพร้อมกับยกชาเข้ามาให้นาง“กลิ่นหอมจังเลย ว้







