ตอนที่ 6
แรกพบเจอ
“เจ้าว่าอย่างไรนะ!! แล้วคุณชายหลงคนพี่หรือคนน้องที่มา” บิดานางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“คุณชายหลงคนพี่พะย่ะค่ะ ชื่ออะไรนะ อ่อ...หลงจิวซิ่ง ใช่ ๆ ที่มีบรรยากาศน่ากลัว ๆ หน่อย”
บ่าวผู้นั้นรายงานจบก็รีบขอตัวกลับออกไป เพราะอารมณ์คนหวงลูกสาวเริ่มปะทุขึ้นมาแล้ว
“เหยียนเอ๋อร์เจ้าอยู่แต่ในเรือนตัวเองห้ามออกไปไหนเด็ดขาดจนกว่าพ่อจะให้คนไปตาม เข้าใจหรือไม่!!” บิดาหันมาเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงจริงจัง ราวกับกำลังเกิดศึกสงครามอย่างไรอย่างนั้น
“เพคะ ๆ เอาแบบเดิมใช่หรือไม่เพคะ” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ เพราะเวลามีแม่สื่อหรือคุณชายบ้านใดมาที่จวน บิดาก็จะสั่งนางเช่นนี้เสมอ
“ไป๋ลู่พาคุณหนูเจ้ากลับเรือนไปให้ไวเลย!!” บิดาเอ่ยก่อนจะขอตัวไปรับแขก นางจึงเดินกลับเรือนไปอย่างว่าง่าย
บิดานางก็แปลกคน เขาผ่านมาขอพักที่จวนไม่ได้มาสู่ขอนางอย่างทุกครั้งเสียหน่อย ทำเป็นหวงนางไปได้
“คุณหนูเมื่อครู่พ่อบ้านบอกว่ามีคนเอาสัตว์เปลือกแข็งมาส่ง คุณหนูจะทำอะไรทานดีเพคะ” ไป๋ลู่เอ่ยรายงานขณะเดินตามนางกลับเรือน
“จริงหรือ!!! ไปดูกันเถอะถ้าได้กุ้งเยอะรอบนี้ข้าจะทำข้าวต้มกุ้งให้ท่านพ่อลองทาน” นางเอ่ยอย่างตื่นเต้นก่อนจะเปลี่ยนทิศทางไปที่โรงครัวแทน
ด้านท่านอ๋องกำลังนั่งจ้องหน้าชายรุ่นลูกอยู่ด้วยสายตาเย็นชา ซึ่งทางนั้นก็มีสายตาที่ไม่ต่างกัน
“ข้าคิดว่าจะขยายกิจการมาที่เมืองไห่เฟิงแห่งนี้ แต่เพราะเดินทางมาถึงก่อนกำหนดจวนที่สั่งให้สร้างไว้เลยยังไม่แล้วเสร็จดี ข้าจึงได้มาขอความเมตตาจากท่านอ๋องขอพักอาศัยที่จวนท่านสักพักพะย่ะค่ะ”
แม้จะเป็นคำพูดขอร้องแต่ท่านอ๋องกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยสักนิด ยิ่งท่าทางหยิ่งผยองไม่มองหน้าผู้ใดนั่นอีก
ในใจเขาอยากตะโกนออกไปเสียว่า ข้าไม่เมตตาเจ้า!!!กลับออกจากจวนข้าไปเสีย!!! ให้รู้แล้วรู้รอดแต่ไม่อาจทำเช่นนั้นได้เพราะจดหมายที่ฮ่องเต้ฝากเขามาระบุว่าให้เขาช่วยดูแลคนผู้นี้ให้ดี
“คุณชายหลงเพิ่งเดินทางมาถึงคงเหนื่อยไม่น้อย เช่นนั้นก็ไปพักที่เรือนรับรองก่อนเถอะ แล้วข้าจะให้คนยกสำรับไปส่งให้”
เมื่อขับไล่ไม่ได้ก็คงได้แต่ต้องเฝ้าระวังไม่ให้คนผู้นี้เจอบุตรสาวตัวเองเท่านั้น
“ขอบคุณท่านอ๋องที่เมตตาขอรับ ได้ยินข่าวว่าท่านอ๋องรับบุตรสาวบุญธรรมมาคนหนึ่งใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ”
เอ่ยเพียงเท่านั้นแล้วก็ไม่ยอมพูดต่อ ทำให้ท่านอ๋องที่เป็นคนหวงบุตรสาวส่งสายตาทะมึนทึงให้คนตรงหน้าทันที
“เป็นเช่นที่คุณชายหลงเอ่ยมานั่นแหละ พ่อบ้านพาคุณชายหลงไปพักได้แล้ว!!!”
หลงจิวซิ่งไม่พูดอะไรต่อเพียงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ที่ตนถามไปเมื่อครู่ก็เพียงต้องการพิสูจน์คำพูดที่ได้ยินมาเท่านั้น และดูแล้วท่านอ๋องโจวจิ้งห้าวเป็นคนที่หวงบุตรสาวบุญธรรมผู้นั้นมากจริง ๆ
เมื่อกลับถึงห้องพักเขาก็เขียนจดหมายกลับไปที่เมืองหลวงทันที กว่ากิจการจะเข้าที่จดหมายฉบับนั้นคงแสดงผลของมันแล้ว
เย็นนั้นในจวนอ๋องมีแขกมาขอร่วมโต๊ะด้วยหนึ่งคน ทำให้บรรยากาศที่แสนอบอุ่นของพ่อลูกต้องหยุดชะงักลงทันที
“ขออภัยท่านอ๋องที่ข้ามาขัดจังหวะ พอดีว่าทานข้าวคนเดียวแล้วข้ารู้สึกเหงานัก จึงอยากจะขอมาร่วมโต๊ะกับท่าน...คงไม่ว่าอะไรใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ”
หลงจิวซิ่งเอ่ยพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ยียวนที่สุดเท่าที่ท่านอ๋องเคยได้พบเห็นมาในชีวิตนี้
“ท่านพ่อข้าวต้มกุ้งมาแล้วเพคะ วันนี้ข้าทำด้วยตัวเองเลยนะ หากท่านทานแล้วรับรองลอยขึ้นสวรรค์ไปพบมารดาข้า...แน่นอน”
คำพูดสุดท้ายนางเอ่ยให้มันจบไปเท่านั้น และตอนนี้ตัวเองก็ได้รู้ตัวแล้วว่ากำลังทำเสียมารยาทต่อหน้าแขกของบิดา
“มาเถอะเยี่ยนเหยียนบิดาจะแนะนำแขกให้เจ้ารู้จัก นี่คือคุณชายหลงจิวซิ่งจะมาขอพักที่จวนเราสักระยะ นางคือบุตรสาวบุญธรรมของข้าชื่อเยี่ยนเหยียน”
ท่านอ๋องเอ่ยแนะนำคนทั้งสองให้รู้จักกันอย่างเสียไม่ได้ แม้จะเห็นสายตาของหลงจิวซิ่งมองบุตรสาวแปลกไปก็ตาม
“ขออภัยที่เมื่อครู่ข้าเสียมารยาท เช่นนั้นท่านพ่อรับแขกเถอะเพคะข้าจะกลับไปทานที่เรือนดีกว่า” นางเอ่ยเช่นนั้นเพราะแอบเห็นสายตาของบุรุษผู้นั้นมองมาที่ตนอย่างแฝงความนัย
ลางสังหรณ์มันร้องเตือนว่านางไม่ควรเข้าใกล้บุรุษผู้นี้มากนัก ไม่เช่นนั้นตัวเองอาจพบเจอเรื่องเดือดร้อนได้
“เป็นข้าต่างหากที่ต้องเอ่ยคำพูดนั้น เพราะทานข้าวที่เรือนคนเดียวแล้วรู้สึกเหงาจึงต้องมารบกวนเวลาพ่อลูกของพวกท่านเช่นนี้”
จบคำพูดของชายหนุ่ม ท่านอ๋องก็สื่อผ่านสายตาทันทีว่าเจ้าก็รู้ตัวนี่! เช่นนั้นก็รีบกลับเรือนเจ้าไปได้แล้ว!!
“เออ...เช่นนั้นเราก็ทานข้าวด้วยกันดีกว่านะเพคะท่านพ่อ นั่งทานด้วยกันหลายคนก็น่าจะอร่อยดี คุณชายหลงจะได้ไม่เหงาด้วย”
นางเอ่ยเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศแปลก ๆ รอบตัว แถมพ่อบ้านก็กำลังส่งสายตาขอร้องนางอยู่ด้วย
“เช่นนั้นจะเป็นอะไรหรือไม่ หากข้าจะขอรบกวนมานั่งทานข้าวกับท่านอ๋องทุกเย็น”
ประโยคของชายหนุ่มทำให้สองพ่อลูกชะงักและมองหน้ากัน ไม่ต้องพูดถึงพวกบ่าวที่ยืนรอด้านหลัง พวกเขาเหล่านั้นไว้อาลัยให้คุณชายหลงรอแล้ว
“คงไม่เหมาะสมกระมั้งคุณชายหลง บุตรสาวข้าเป็นสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน ทำเช่นนั้นนางจะเสื่อมเสียเอาได้อีกอย่างคุณชายก็ไม่ได้เป็นอะไรกับบุตรสาวข้าด้วย”
ท่านอ๋องเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม พร้อมกับส่งสายตาไม่พอใจให้ชายหนุ่มรุ่นลูกอย่างชัดเจน
“เช่นนั้นต้องเป็นอะไรกับคุณหนูโจวเยี่ยนเหยียนก่อนใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ ข้าถึงจะได้ร่วมโต๊ะอาหารกับนางได้ทุกวัน” เขาเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มท้าทายให้ท่านอ๋อง
แล้วนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้โจวเยี่ยนเหยียนไม่ได้ก้าวขาออกจากเรือนอีกเลย หากคุณชายหลงไม่ออกไปทำธุระนอกจวน
อาหารเย็นวันนั้นก็จบลงที่บิดานางโกรธเป็นฟื้นเป็นไฟ คว้าดาบวิ่งไล่ฟันคุณชายหลงจนเขารีบหนีกลับเรือนแทนไม่ทัน ก่อนไปยังมีหน้ามาบอกนางอีกว่าจะรอร่วมโต๊ะอาหารกับนางให้ได้ในสักวัน
“คุณชายหลงผู้นั้นไม่รู้ว่าเจตนาที่แท้จริงของเขาเป็นเช่นไรกันแน่ แถมยังไปยั่วโมโหท่านอ๋องเช่นนั้นอีก บ่าวว่าคุณหนูอยู่ให้ห่างเขาจะดีกว่านะเพคะ แม้เขาจะหน้าตาดีแต่บรรยากาศรอบตัวเขาช่างแตกต่างกันมากนัก” ไป๋ลู่เอ่ยขณะยกขนมกับชาเข้ามาให้นาง
“ข้าคิดว่าเขาอยากถือสิทธิ์การค้าในเขตปกครองท่านพ่อนะสิ เพราะตอนนี้ท่านพ่อถือครองการค้าแทบทุกอย่างในเมืองไห่เฟิง รวมถึงเมืองข้างเคียงทั้งหมด แต่ที่ยั่วโมโหท่านพ่อเช่นนั้นคงต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่างมากกว่า”
“แล้วพิสูจน์อะไรงั้นหรือเพคะ” ไป๋ลู่เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“ข้าจะไปรู้หรือ! เจ้าอยากรู้ก็ไปถามคุณชายหลงเองสิ เดี๋ยวข้าให้คนพาไปดีหรือมั้ย” นางแกล้งเอ่ยเย้าสาวใช้ตัวเอง
“ไม่เอาเพคะ!! คนผู้นั้นน่ากลัวจะตายบ่าวเห็นไกล ๆ ยังขนลุก หากให้บ่าวเข้าไปถามเขาโดยตรงบ่าวคงไม่ได้มีชีวิตกลับมารับใช้คุณหนูอีกต่อไปแล้ว” ไป๋ลู่รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“คุณหนูเพคะ คุณชายหลงมาขอพบตอนนี้รออยู่ที่ศาลาสระบัว บอกว่ามีของฝากจากเมืองหลวงมาให้ แต่ยังไม่มีโอกาสวันนี้จึงได้มาขอรบกวนเพคะ”
สาวใช้เฝ้าหน้าประตูเข้ามารายงาน ทำให้นางกับไป๋ลู่มองหน้ากันอย่างสงสัย โอกาสที่ว่าคงเป็นโอกาสที่บิดานางไม่อยู่จวนนะสิ
“เดี๋ยวข้าตามออกไป ให้คนเอาชากับขนมไปรับรองคุณชายหลงก่อนแล้วกัน” นางเอ่ยพร้อมกับให้ไป๋ลู่ช่วยใส่เสื้อคลุมให้
ไม่รู้คนผู้นั้นจะมาไม้ไหนกันแน่ รู้ทั้งรู้ว่าสังคมสมัยนี้มีธรรมเนียมชายหญิงที่ยังไม่ได้ออกเรือนไม่ควรอยู่ใกล้กันแท้ ๆ หรือเขาตั้งใจวางแผนให้ตัวเองมีข่าวลือเสียหายกับนาง
แต่เพราะไม่ควรให้แขกต้องรอนาน นางจึงออกไปพบเขาที่ศาลาโดยไม่ลืมให้คนไปตามสหายข้างจวนของนางมาอยู่เป็นเพื่อนด้วย
“ขออภัยที่ทำให้คุณชายหลงต้องรอเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพร้อมกับเดินไปนั่งตรงข้ามเขา
“ไม่ถือว่าเป็นการรอเลยขอรับ คุณหนูเยี่ยนเหนียนอย่าคิดมากไปเลย” เขาเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“เจ้าค่ะ” นางรับคำก่อนจะเงียบ เพราะไม่อยากชวนเขาคุยต่อ
“ข้าเอาของฝากมาให้ ไม่รู้ว่าคุณหนูจะชอบหรือไม่” เขาเอ่ยพร้อมกับเปิดกล่องไม้ลวดลายสวยงามแล้ววางตรงหน้านาง
สิ่งที่เขามอบให้เป็นปิ่นหยกมันแพะแกะสลักเป็นรูปหงส์ และที่วางข้างกันเป็นป้ายหยกชิ้นหนึ่งที่สลักอักษรคำว่า หลง อยู่
นางมองของในกล่องก่อนจะเงยหน้าสบตากับเขานิ่ง สิ่งที่เขามอบให้นางต้องการสื่ออย่างชัดเจนว่าขอให้นางแต่งเข้าจวนเป็นภรรยาเขา
ตอนที่ 10ไร้ราคา“ผิดแล้วท่านป้าฮัว บุญคุณที่ข้าติดค้างพวกท่านไว้ ข้าได้ชดใช้คืนให้หมดแล้ว จะให้ข้าพูดหรือไม่ว่าบ้านที่พวกท่านอยู่ทุกวันนี้เป็นเงินของผู้ใดที่พวกท่านเอามาสร้าง” นางเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเงียบไม่พูดต่อในความทรงจำของเจ้าของร่างนี้มีเหตุการณ์หนึ่ง ที่เจ้าตัวบังเอิญไปพบโสมต้นหนึ่งเข้าขณะไปเก็บผักป่าช่วยมารดาตอนอายุแปดขวบตัวมารดาเห็นครั้งแรกก็ดีใจจนออกนอกหน้า วันถัดมาบิดากับมารดาก็เข้าเมืองและซื้อของกลับบ้านมามากมาย แต่นางไม่ได้แตะต้องของเหล่านั้นเลยสักชิ้นต่อมาก็ได้จ้างช่างมาทำบ้านใหม่อย่างดี ทุกคนมีห้องแยกเป็นของตัวเองยกเว้นนางอีกเช่นเคย เพราะนางถูกสั่งให้ไปนอนที่ห้องเก็บฟืนพอนางได้ความทรงจำของร่างนี้มาจึงได้เข้าใจทุกอย่าง ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางปล่อยพวกเขาไปแล้วแท้ ๆ ไม่คิดว่าจะเป็นพวกเขาเองที่เดินเข้ามาให้นางเอาคืนถึงบ้านหลังใหม่“ตะ แต่หากไม่ได้ข้ามีหรือเจ้าจะได้มานั่งชูคอเป็นลูกสาวท่านอ๋องอยู่ในตอนนี้ ไม่รู้แหละ!! วันนี้เจ้าต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้พวกข้าสิบตำลึงทอง ไม่เช่นนั้นข้าจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเจ้าเป็นคนอกตัญญูเพียงใด!!!”ฮัวเฉิงเห็นท่าว่าอย่างไรก็พูดกันดี ๆ
ตอนที่ 9บุญคุณต้องทดแทนหลังจากที่ขบวนของหมั้นกับเหล่าขันทีจากเมืองหลวงออกจากจวนไปแล้ว บิดาก็เรียกนางเข้าไปพบที่ห้องทำงานใบหน้าของบิดายามนี้ดูอิดโรยนัก ราวกับทำงานหนักติดต่อกันมาหลายวันโดยไม่ได้นอน ทั้งที่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย“ท่านพ่ออย่าทรงคิดมากเลยเพคะ ข้าเพียงแต่งงานเท่านั้นไม่ได้ตายเสียหน่อย” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสเพราะไม่อยากให้บิดาคิดมาก“เห้อ!!! พ่อรู้ แต่เจ้าลูกเต่านั่นเล่ห์เหลี่ยมของมันมากมายนัก พ่อกลัวว่าเจ้าจะต้องเจ็บปวดเพราะเขา” อ๋องโจวจิ้วห้าวเอ่ยสิ่งที่ตนคิดกังวลออกมา“ท่านพ่ออย่าคิดมากสิเพคะเดี๋ยวแก่เร็วนะ ข้าไม่เป็นไรเลยจริง ๆ ไม่แต่งให้เขาก็ยังมีบุรุษอื่นที่ข้าต้องออกเรือนด้วย แล้วก็ดีเสียอีกที่เป็นคุณชายหลง เรารู้ว่าเขาต้องการสิ่งใดเราก็เพียงยื่นข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อกับเขาก็พอ เท่านี้ชีวิตลูกก็ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว”“หากวันหน้าพ่อไม่อยู่เขาก็จะคิดกำจัดเจ้า แล้วหาตัวประโยชน์คนใหม่มาแทนที่ พ่อยอมไม่ได้ที่จะให้เจ้าเป็นเช่นนั้น”“ท่านพ่อเพคะ! กว่าจะถึงเวลานั้นข้าก็ตั้งหลักได้แล้ว ท่านคิดว่าบุตรสาวผู้นี้จะนั่งทำตัวไร้ประโยชน์เป็นฮูหยินในจวนเขาเฉย ๆ งั้นหร
ตอนที่ 8ฝืนชะตาเรื่องที่ท่านอ๋องจะหาบุรุษให้บุตรสาวบุญธรรมเพียงคนเดียวนั้น ไปถึงหูหลงจิวซิ่งในเย็นวันนั้น ทำให้เขารู้สึกว่าต้องวางแผนทุกอย่างใหม่ ไม่เช่นนั้นตนคงเสียผลประโยชน์ที่คาดการณ์ไว้แน่“นายท่านขอรับ คนของเราบอกมาว่าคุณหนูโจวมักจะออกไปจุดตะเกียงด้วยตัวเองทางด้านหลังเรือนทุกวันตอนยามซวีขอรับ”บ่าวคนสนิทเอ่ยรายงาน ทำให้ผู้เป็นนายที่นั่งอยู่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้“ปล่อยข่าวลือว่าคุณหนูโจวกับข้ามีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน และตอนนี้กำลังพัฒนาความสัมพันธ์กันอยู่ แม้บิดาของนางจะไม่เห็นด้วยก็ตาม”“.....”“เรื่องนี้ทำให้มันเป็นเพียงแค่เรื่องนินทากันในกลุ่มสตรีเท่านั้น ไม่ต้องให้เรื่องใหญ่มากนัก และกำชับคนของเราให้จับตาดูทุกความเคลื่อนไหวของนางให้ดี แล้วมารายงานข้าทุกวัน”“ขอรับ”บ่าวคนสนิทรับคำ ก่อนจะถอยออกจากห้องไป ดูท่าแล้วนายท่านของเขาคงไม่ไช่เพียงต้องการหาผลประโยชน์จากคุณหนูโจวอย่างเดียวแล้ว แต่คงถูกใจนางด้วยส่วนหนึ่งต่างหากรุ่งเช้าข่าวลือเรื่องนี้ก็เริ่มแพร่กระจายไปทีละนิด จนรู้กันทั่วในกลุ่มของฮูหยินและเหล่าคุณหนูในเมืองไห่เฟิง กว่าท่านอ๋องจะรู้ก็หยุดข่าวลือนี้ไม่ได้แล้ว“นี่มันเ
ตอนที่ 7ตัดสัมพันธ์ด้ายแดงด้วยธรรมเนียมที่นางรู้มาและยังมีเหล่าท่านป้าทั้งหลายคอยพร่ำสอนนั้น หากบุรุษใดมอบปิ่นหรือป้ายหยกสลักชื่อตระกูลให้สตรีนางใด นั่นหมายความว่าบุรุษผู้นั้นต้องการให้นางเป็นฮูหยินเอกของเขา“ต้องเสียมารยาทกับคุณชายหลงแล้ว ข้าคงไม่อาจรับของฝากเหล่านี้เอาไว้เจ้าค่ะ” นางเอ่ยตอบโดยไม่หลบตาเขา“น่าเสียดายยิ่งนัก เช่นนั้นข้าก็จะไม่บังคับคุณหนูให้เกิดความคับข้องหมองใจแล้วกัน แต่คงมีสักวันที่คุณหนูจะได้รับของเหล่านี้แน่นอน”ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินออกจากศาลาไปโดยไม่เอ่ยลานางสักคำ สร้างความงุนงงให้แก่นางและพวกบ่าวเป็นอย่างมาก“เยี่ยนเหยียนนั่นใครหรือ ใช่คุณชายหลงที่คนกำลังลือกันอยู่ในตอนนี้หรือไม่ รูปงามนักข้าเห็นแล้วรู้สึกว่าหัวใจข้าคล้ายจะหยุดเต้นเลยล่ะ” จางเลี่ยงซูเอ่ยขึ้นขณะเดินเข้ามานั่งในศาลาจางเลี่ยงซูเป็นสหายที่รู้จักกันมาปีกว่าแล้ว บิดาของนางเป็นพ่อค้าที่ถือว่ามีอิทธิพลผู้หนึ่งในเมืองไห่เฟิงเลยทีเดียว ทั้งสองได้รู้จักและสนิทกันตอนงานเลี้ยงวันเกิดท่านเจ้าเมือง ตั้งแต่นั้นทั้งสองก็ไปมาหาสู่กันอยู่เรื่อย ๆ“ใช่! เป็นคนผู้นั้นแหละ มีดีแค่หน้า
ตอนที่ 6แรกพบเจอ“เจ้าว่าอย่างไรนะ!! แล้วคุณชายหลงคนพี่หรือคนน้องที่มา” บิดานางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก“คุณชายหลงคนพี่พะย่ะค่ะ ชื่ออะไรนะ อ่อ...หลงจิวซิ่ง ใช่ ๆ ที่มีบรรยากาศน่ากลัว ๆ หน่อย”บ่าวผู้นั้นรายงานจบก็รีบขอตัวกลับออกไป เพราะอารมณ์คนหวงลูกสาวเริ่มปะทุขึ้นมาแล้ว“เหยียนเอ๋อร์เจ้าอยู่แต่ในเรือนตัวเองห้ามออกไปไหนเด็ดขาดจนกว่าพ่อจะให้คนไปตาม เข้าใจหรือไม่!!” บิดาหันมาเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงจริงจัง ราวกับกำลังเกิดศึกสงครามอย่างไรอย่างนั้น“เพคะ ๆ เอาแบบเดิมใช่หรือไม่เพคะ” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ เพราะเวลามีแม่สื่อหรือคุณชายบ้านใดมาที่จวน บิดาก็จะสั่งนางเช่นนี้เสมอ“ไป๋ลู่พาคุณหนูเจ้ากลับเรือนไปให้ไวเลย!!” บิดาเอ่ยก่อนจะขอตัวไปรับแขก นางจึงเดินกลับเรือนไปอย่างว่าง่ายบิดานางก็แปลกคน เขาผ่านมาขอพักที่จวนไม่ได้มาสู่ขอนางอย่างทุกครั้งเสียหน่อย ทำเป็นหวงนางไปได้“คุณหนูเมื่อครู่พ่อบ้านบอกว่ามีคนเอาสัตว์เปลือกแข็งมาส่ง คุณหนูจะทำอะไรทานดีเพคะ” ไป๋ลู่เอ่ยรายงานขณะเดินตามนางกลับเรือน“จริงหรือ!!! ไปดูกันเถอะถ้าได้กุ้งเยอะรอบนี้ข้าจะทำข้าวต้มกุ้งให้ท่านพ่อลองทาน” นางเอ่ยอย่างตื่
ตอนที่ 5สถานะที่แท้จริงเมื่อนายท่านพูดจบในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบทันที โดยเฉพาะฮัวหนิงอันที่พูดคำใดไม่ออกไปชั่วครู่ เจ้าของร่างนี้เป็นถึงลูกพระชายาอ๋องเลยงั้นหรือ!!“มะ หม่อมฉันเป็นลูกของพระชายาเลยหรือเพคะ!” นางเอ่ยถามเพื่อความมั่นใจ แต่ก็ต้องนิ่งค้างไปอีกครั้งกับคำตอบของนายท่านตรงหน้า“ไม่ใช่ เจ้าเป็นลูกของข้ากับนางต่างหาก เจ้าอ๋องชั่วช้าผู้นั้นไม่สมควรเป็นบิดาของใครด้วยซ้ำ!!” ฮัวหนิงอันยิ่งงุนงงมากกว่าเดิมท่านเอ่ยเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่ ไม่ใช่ว่ามารดาของนางแอบคบชู้แล้วไปแต่งกับบุรุษอีกคนหรอกนะ ยุคจีนโบราณมีเรื่องอะไรเช่นนี้ด้วยหรือ“.......”“ข้าโจวจิ้งห้าวเป็นน้องชายของอ๋องผู้นั้น และเป็นอดีตคนรักของมารดาเจ้า จากนี้ข้าจะรับเจ้าเป็นลูกบุญธรรมของข้าเอง” นายท่านหรือท่านอ๋องโจวจิ้งห้าวเอ่ยกับเด็กสาวที่นั่งทำหน้างุนงงอยู่“แปลว่านายท่านก็คือท่านอ๋องเช่นกันหรือเพคะ แล้วหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าข้าคือลูกของท่านกับท่านแม่ ช่วยอธิบายให้ข้าเข้าใจมากกว่านี้ได้หรือไม่เจ้าคะ”นางเอ่ยถามโดยไม่สนใจคำแทนตัวที่แสนยุ่งยากนั่น ทำให้คนตรงหน้าพอจะรู้ตัวว่าตนยังไม่ได้อธิบายเรื่องทุกอย่างให้