LOGINตอนที่ 6
แรกพบเจอ
“เจ้าว่าอย่างไรนะ!! แล้วคุณชายหลงคนพี่หรือคนน้องที่มา” บิดานางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“คุณชายหลงคนพี่พะย่ะค่ะ ชื่ออะไรนะ อ่อ...หลงจิวซิ่ง ใช่ ๆ ที่มีบรรยากาศน่ากลัว ๆ หน่อย”
บ่าวผู้นั้นรายงานจบก็รีบขอตัวกลับออกไป เพราะอารมณ์คนหวงลูกสาวเริ่มปะทุขึ้นมาแล้ว
“เหยียนเอ๋อร์เจ้าอยู่แต่ในเรือนตัวเองห้ามออกไปไหนเด็ดขาดจนกว่าพ่อจะให้คนไปตาม เข้าใจหรือไม่!!” บิดาหันมาเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงจริงจัง ราวกับกำลังเกิดศึกสงครามอย่างไรอย่างนั้น
“เพคะ ๆ เอาแบบเดิมใช่หรือไม่เพคะ” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ เพราะเวลามีแม่สื่อหรือคุณชายบ้านใดมาที่จวน บิดาก็จะสั่งนางเช่นนี้เสมอ
“ไป๋ลู่พาคุณหนูเจ้ากลับเรือนไปให้ไวเลย!!” บิดาเอ่ยก่อนจะขอตัวไปรับแขก นางจึงเดินกลับเรือนไปอย่างว่าง่าย
บิดานางก็แปลกคน เขาผ่านมาขอพักที่จวนไม่ได้มาสู่ขอนางอย่างทุกครั้งเสียหน่อย ทำเป็นหวงนางไปได้
“คุณหนูเมื่อครู่พ่อบ้านบอกว่ามีคนเอาสัตว์เปลือกแข็งมาส่ง คุณหนูจะทำอะไรทานดีเพคะ” ไป๋ลู่เอ่ยรายงานขณะเดินตามนางกลับเรือน
“จริงหรือ!!! ไปดูกันเถอะถ้าได้กุ้งเยอะรอบนี้ข้าจะทำข้าวต้มกุ้งให้ท่านพ่อลองทาน” นางเอ่ยอย่างตื่นเต้นก่อนจะเปลี่ยนทิศทางไปที่โรงครัวแทน
ด้านท่านอ๋องกำลังนั่งจ้องหน้าชายรุ่นลูกอยู่ด้วยสายตาเย็นชา ซึ่งทางนั้นก็มีสายตาที่ไม่ต่างกัน
“ข้าคิดว่าจะขยายกิจการมาที่เมืองไห่เฟิงแห่งนี้ แต่เพราะเดินทางมาถึงก่อนกำหนดจวนที่สั่งให้สร้างไว้เลยยังไม่แล้วเสร็จดี ข้าจึงได้มาขอความเมตตาจากท่านอ๋องขอพักอาศัยที่จวนท่านสักพักพะย่ะค่ะ”
แม้จะเป็นคำพูดขอร้องแต่ท่านอ๋องกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยสักนิด ยิ่งท่าทางหยิ่งผยองไม่มองหน้าผู้ใดนั่นอีก
ในใจเขาอยากตะโกนออกไปเสียว่า ข้าไม่เมตตาเจ้า!!!กลับออกจากจวนข้าไปเสีย!!! ให้รู้แล้วรู้รอดแต่ไม่อาจทำเช่นนั้นได้เพราะจดหมายที่ฮ่องเต้ฝากเขามาระบุว่าให้เขาช่วยดูแลคนผู้นี้ให้ดี
“คุณชายหลงเพิ่งเดินทางมาถึงคงเหนื่อยไม่น้อย เช่นนั้นก็ไปพักที่เรือนรับรองก่อนเถอะ แล้วข้าจะให้คนยกสำรับไปส่งให้”
เมื่อขับไล่ไม่ได้ก็คงได้แต่ต้องเฝ้าระวังไม่ให้คนผู้นี้เจอบุตรสาวตัวเองเท่านั้น
“ขอบคุณท่านอ๋องที่เมตตาขอรับ ได้ยินข่าวว่าท่านอ๋องรับบุตรสาวบุญธรรมมาคนหนึ่งใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ”
เอ่ยเพียงเท่านั้นแล้วก็ไม่ยอมพูดต่อ ทำให้ท่านอ๋องที่เป็นคนหวงบุตรสาวส่งสายตาทะมึนทึงให้คนตรงหน้าทันที
“เป็นเช่นที่คุณชายหลงเอ่ยมานั่นแหละ พ่อบ้านพาคุณชายหลงไปพักได้แล้ว!!!”
หลงจิวซิ่งไม่พูดอะไรต่อเพียงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ที่ตนถามไปเมื่อครู่ก็เพียงต้องการพิสูจน์คำพูดที่ได้ยินมาเท่านั้น และดูแล้วท่านอ๋องโจวจิ้งห้าวเป็นคนที่หวงบุตรสาวบุญธรรมผู้นั้นมากจริง ๆ
เมื่อกลับถึงห้องพักเขาก็เขียนจดหมายกลับไปที่เมืองหลวงทันที กว่ากิจการจะเข้าที่จดหมายฉบับนั้นคงแสดงผลของมันแล้ว
เย็นนั้นในจวนอ๋องมีแขกมาขอร่วมโต๊ะด้วยหนึ่งคน ทำให้บรรยากาศที่แสนอบอุ่นของพ่อลูกต้องหยุดชะงักลงทันที
“ขออภัยท่านอ๋องที่ข้ามาขัดจังหวะ พอดีว่าทานข้าวคนเดียวแล้วข้ารู้สึกเหงานัก จึงอยากจะขอมาร่วมโต๊ะกับท่าน...คงไม่ว่าอะไรใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ”
หลงจิวซิ่งเอ่ยพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ยียวนที่สุดเท่าที่ท่านอ๋องเคยได้พบเห็นมาในชีวิตนี้
“ท่านพ่อข้าวต้มกุ้งมาแล้วเพคะ วันนี้ข้าทำด้วยตัวเองเลยนะ หากท่านทานแล้วรับรองลอยขึ้นสวรรค์ไปพบมารดาข้า...แน่นอน”
คำพูดสุดท้ายนางเอ่ยให้มันจบไปเท่านั้น และตอนนี้ตัวเองก็ได้รู้ตัวแล้วว่ากำลังทำเสียมารยาทต่อหน้าแขกของบิดา
“มาเถอะเยี่ยนเหยียนบิดาจะแนะนำแขกให้เจ้ารู้จัก นี่คือคุณชายหลงจิวซิ่งจะมาขอพักที่จวนเราสักระยะ นางคือบุตรสาวบุญธรรมของข้าชื่อเยี่ยนเหยียน”
ท่านอ๋องเอ่ยแนะนำคนทั้งสองให้รู้จักกันอย่างเสียไม่ได้ แม้จะเห็นสายตาของหลงจิวซิ่งมองบุตรสาวแปลกไปก็ตาม
“ขออภัยที่เมื่อครู่ข้าเสียมารยาท เช่นนั้นท่านพ่อรับแขกเถอะเพคะข้าจะกลับไปทานที่เรือนดีกว่า” นางเอ่ยเช่นนั้นเพราะแอบเห็นสายตาของบุรุษผู้นั้นมองมาที่ตนอย่างแฝงความนัย
ลางสังหรณ์มันร้องเตือนว่านางไม่ควรเข้าใกล้บุรุษผู้นี้มากนัก ไม่เช่นนั้นตัวเองอาจพบเจอเรื่องเดือดร้อนได้
“เป็นข้าต่างหากที่ต้องเอ่ยคำพูดนั้น เพราะทานข้าวที่เรือนคนเดียวแล้วรู้สึกเหงาจึงต้องมารบกวนเวลาพ่อลูกของพวกท่านเช่นนี้”
จบคำพูดของชายหนุ่ม ท่านอ๋องก็สื่อผ่านสายตาทันทีว่าเจ้าก็รู้ตัวนี่! เช่นนั้นก็รีบกลับเรือนเจ้าไปได้แล้ว!!
“เออ...เช่นนั้นเราก็ทานข้าวด้วยกันดีกว่านะเพคะท่านพ่อ นั่งทานด้วยกันหลายคนก็น่าจะอร่อยดี คุณชายหลงจะได้ไม่เหงาด้วย”
นางเอ่ยเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศแปลก ๆ รอบตัว แถมพ่อบ้านก็กำลังส่งสายตาขอร้องนางอยู่ด้วย
“เช่นนั้นจะเป็นอะไรหรือไม่ หากข้าจะขอรบกวนมานั่งทานข้าวกับท่านอ๋องทุกเย็น”
ประโยคของชายหนุ่มทำให้สองพ่อลูกชะงักและมองหน้ากัน ไม่ต้องพูดถึงพวกบ่าวที่ยืนรอด้านหลัง พวกเขาเหล่านั้นไว้อาลัยให้คุณชายหลงรอแล้ว
“คงไม่เหมาะสมกระมั้งคุณชายหลง บุตรสาวข้าเป็นสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน ทำเช่นนั้นนางจะเสื่อมเสียเอาได้อีกอย่างคุณชายก็ไม่ได้เป็นอะไรกับบุตรสาวข้าด้วย”
ท่านอ๋องเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม พร้อมกับส่งสายตาไม่พอใจให้ชายหนุ่มรุ่นลูกอย่างชัดเจน
“เช่นนั้นต้องเป็นอะไรกับคุณหนูโจวเยี่ยนเหยียนก่อนใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ ข้าถึงจะได้ร่วมโต๊ะอาหารกับนางได้ทุกวัน” เขาเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มท้าทายให้ท่านอ๋อง
แล้วนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้โจวเยี่ยนเหยียนไม่ได้ก้าวขาออกจากเรือนอีกเลย หากคุณชายหลงไม่ออกไปทำธุระนอกจวน
อาหารเย็นวันนั้นก็จบลงที่บิดานางโกรธเป็นฟื้นเป็นไฟ คว้าดาบวิ่งไล่ฟันคุณชายหลงจนเขารีบหนีกลับเรือนแทนไม่ทัน ก่อนไปยังมีหน้ามาบอกนางอีกว่าจะรอร่วมโต๊ะอาหารกับนางให้ได้ในสักวัน
“คุณชายหลงผู้นั้นไม่รู้ว่าเจตนาที่แท้จริงของเขาเป็นเช่นไรกันแน่ แถมยังไปยั่วโมโหท่านอ๋องเช่นนั้นอีก บ่าวว่าคุณหนูอยู่ให้ห่างเขาจะดีกว่านะเพคะ แม้เขาจะหน้าตาดีแต่บรรยากาศรอบตัวเขาช่างแตกต่างกันมากนัก” ไป๋ลู่เอ่ยขณะยกขนมกับชาเข้ามาให้นาง
“ข้าคิดว่าเขาอยากถือสิทธิ์การค้าในเขตปกครองท่านพ่อนะสิ เพราะตอนนี้ท่านพ่อถือครองการค้าแทบทุกอย่างในเมืองไห่เฟิง รวมถึงเมืองข้างเคียงทั้งหมด แต่ที่ยั่วโมโหท่านพ่อเช่นนั้นคงต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่างมากกว่า”
“แล้วพิสูจน์อะไรงั้นหรือเพคะ” ไป๋ลู่เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“ข้าจะไปรู้หรือ! เจ้าอยากรู้ก็ไปถามคุณชายหลงเองสิ เดี๋ยวข้าให้คนพาไปดีหรือมั้ย” นางแกล้งเอ่ยเย้าสาวใช้ตัวเอง
“ไม่เอาเพคะ!! คนผู้นั้นน่ากลัวจะตายบ่าวเห็นไกล ๆ ยังขนลุก หากให้บ่าวเข้าไปถามเขาโดยตรงบ่าวคงไม่ได้มีชีวิตกลับมารับใช้คุณหนูอีกต่อไปแล้ว” ไป๋ลู่รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“คุณหนูเพคะ คุณชายหลงมาขอพบตอนนี้รออยู่ที่ศาลาสระบัว บอกว่ามีของฝากจากเมืองหลวงมาให้ แต่ยังไม่มีโอกาสวันนี้จึงได้มาขอรบกวนเพคะ”
สาวใช้เฝ้าหน้าประตูเข้ามารายงาน ทำให้นางกับไป๋ลู่มองหน้ากันอย่างสงสัย โอกาสที่ว่าคงเป็นโอกาสที่บิดานางไม่อยู่จวนนะสิ
“เดี๋ยวข้าตามออกไป ให้คนเอาชากับขนมไปรับรองคุณชายหลงก่อนแล้วกัน” นางเอ่ยพร้อมกับให้ไป๋ลู่ช่วยใส่เสื้อคลุมให้
ไม่รู้คนผู้นั้นจะมาไม้ไหนกันแน่ รู้ทั้งรู้ว่าสังคมสมัยนี้มีธรรมเนียมชายหญิงที่ยังไม่ได้ออกเรือนไม่ควรอยู่ใกล้กันแท้ ๆ หรือเขาตั้งใจวางแผนให้ตัวเองมีข่าวลือเสียหายกับนาง
แต่เพราะไม่ควรให้แขกต้องรอนาน นางจึงออกไปพบเขาที่ศาลาโดยไม่ลืมให้คนไปตามสหายข้างจวนของนางมาอยู่เป็นเพื่อนด้วย
“ขออภัยที่ทำให้คุณชายหลงต้องรอเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพร้อมกับเดินไปนั่งตรงข้ามเขา
“ไม่ถือว่าเป็นการรอเลยขอรับ คุณหนูเยี่ยนเหนียนอย่าคิดมากไปเลย” เขาเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“เจ้าค่ะ” นางรับคำก่อนจะเงียบ เพราะไม่อยากชวนเขาคุยต่อ
“ข้าเอาของฝากมาให้ ไม่รู้ว่าคุณหนูจะชอบหรือไม่” เขาเอ่ยพร้อมกับเปิดกล่องไม้ลวดลายสวยงามแล้ววางตรงหน้านาง
สิ่งที่เขามอบให้เป็นปิ่นหยกมันแพะแกะสลักเป็นรูปหงส์ และที่วางข้างกันเป็นป้ายหยกชิ้นหนึ่งที่สลักอักษรคำว่า หลง อยู่
นางมองของในกล่องก่อนจะเงยหน้าสบตากับเขานิ่ง สิ่งที่เขามอบให้นางต้องการสื่ออย่างชัดเจนว่าขอให้นางแต่งเข้าจวนเป็นภรรยาเขา
ตอนพิเศษต้องใจจ้าวฝูหมิงออกจากจวนท่านประมุขได้ก็ไม่รู้จะไปที่ใด เมืองหลวงแสนวุ่นวายเดินไปทางไหนก็มีแต่ผู้คนมากมายไปหมด หาความสงบไม่เจอเลยสักนิด“เจ้าหยุดนะ!! ข้าคือบุตรชายคนรองแม่ทัพใหญ่เจ้าบังอาจนักที่กล้าขโมยเงินของข้าเช่นนี้!!!”ที่มุมถนนมีคนสองคนกำลังรุมเตะชายผู้หนึ่งอยู่ด้วยความโกรธ ปากก็ตะโกนด่าเขาไม่หยุดทำให้จ้าวฝูหมิงหยุดมองอย่างสนใจ“นายท่านอย่าเข้าไปยุ่งเลยดีกว่าขอรับ” บ่าวคนสนิทเอ่ยเตือนผู้เป็นนาย แต่เขากลับเอาแต่ยืนนิ่งไม่ไหวติงเขามองชายผู้นั้นหยิบถุงเงินตัวเอง ก่อนจะทำหน้าตาเยาะเย้ยขอทานที่ถูกรุมทำร้ายเมื่อครู่ แล้วเดินกลับไปทางที่วิ่งมากับบ่าวตัวเอง“นะ นายท่านจะไปไหนขอรับ!!!” บ่าวคนสนิทของจ้าวฝูหมิงรีบวิ่งตามผู้เป็นนายไป เพราะเขาเดินตามสองคนนายบ่าวผู้นั้นไปแล้วจ้าวฝูหมิงเดินตามชายหนุ่มผู้นั้นไปจนถึงตรอกฟ้าคราม ที่รู้เพราะมีป้ายเขียนตัวใหญ่เด่นสะดุดตาตรงทางเข้า&ldquo
ตอนพิเศษจะ... (ตั้งใจรัก) จนกว่าจะได้แต่งเมื่อขบวนถูกหยุดกลางทาง หยางรุ่นชิงจึงต้องลงมาคุยกับชายหนุ่มให้รู้เรื่อง หากยังถูกตามต่อไปเขาคงได้ใจอ่อนยอมเป็นฮูหยินให้คนตรงหน้าแน่“น้องรุ่นชิงจะไปเมืองไคชิงเหตุใดจึงไม่ส่งข่าวบอกพี่ชายคนงามบ้าง เจ้าเล่นหนีมาเช่นนี้แล้วแม่สื่อกับของหมั้นที่กำลังจัดเตรียมจะทำเช่นไร” จ้าวฝูหมิงเอ่ยเกินจริงทั้งที่ทุกอย่างยังไม่ได้ถูกจัดเตรียมสักนิด“เออ...ข้าไม่ได้หนีนะ เพียงแต่ท่านแม่บอกว่าข้าเหน็ดเหนื่อยจากการค้าขาย จึงไห้ไปพักผ่อนที่เมืองไคชิงก่อน เผื่อจะได้หาช่องทางขยายกิจการของตระกูลหยางด้วย”เด็กหนุ่มเอ่ยแก้ตัว ทั้งที่รู้ว่าคนตรงหน้ามองออกแน่ และที่ตามเขามาทันเช่นนี้คงให้คนจับตาดูเขาเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมเขาไม่คิดให้รอบคอบกว่านี้นะแต่อีกใจก็แอบดีใจจนอิ่มฟูไปทั้งอก ที่รู้ว่าเขาใส่ใจตัวเองเช่นนี้ หากท่านแม่ยอมรับเขาได้ก็คงจะดีไม่น้อย“เช่นนั้นขอพี่ชายคน
ตอนที่ 46ดอกรักผลิบานชั่วกาล 2 (จบ.)“ยินดีที่ได้พบคุณชายหยางเจ้าค่ะ ว่าแต่เพิ่งกลับมาเมืองหลวงหรือเจ้าคะ” นางหันไปถามผู้อาวุโสจ้าว“เป็นเช่นนั้นขอรับและเพิ่งรู้ข่าวว่าท่านกำลังตั้งครรภ์ เรื่องที่จะรบกวนคงต้องเปลี่ยนใจแล้ว” จ้าวฝูหมิงเอ่ยทั้งที่ยังยิ้มอยู่“เรื่องอะไรท่านลองพูดมาก่อนเถอะเจ้าคะ เผื่อว่าข้าจะให้ผู้อื่นช่วยได้ ท่านไม่ต้องคิดเกรงใจอย่างไรเราก็คนกันเองทั้งนั้น” นางเอ่ยพร้อมสังเกตสีหน้าคนทั้งสองไปด้วยท่านจ้าวดูจะกำลังวางแผนบางอย่างอยู่ แต่อีกคนนั้นไม่ได้รู้เนื้อรู้ตัวเลยสักนิด“ข้าอยากได้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอหยางรุ่นชิงกับตระกูลหยางขอรับ”เมื่อจบประโยคคนข้างกายท่านจ้าวก็ทำถ้วยชาหลุดมือทันที พร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำขึ้นมาอย่างชัดเจน“เรื่องมงคลเช่นนี้ข้าจะพลาดได้อย่างไร ข้าจะให้คนออกหน้าให้อย่างไรที่นี่ตระกูลซ่งก็ได้ชื่อว่าเป็นคหบดีที่ร่ำรวยติดสามอันด
ตอนที่ 45ดอกรักผลิบานชั่วกาล“คิดสิ่งใดอยู่ สามีขอสั่งให้เจ้าหยุดคิดถึงเจ้าลูกเต่านั่นเดี๋ยวนี้!!” อยู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเป็นหึงหวงนางแทน“สามีท่านดื่มน้ำส้มจนหมดไปสิบไหแล้วกระมั้ง ก็ไม่ใช่ท่านหรือที่พูดให้ข้าคิดตาม”“ไม่รู้แหละ เจ้าคิดถึงข้าได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้การข้าต้องรีบสร้างเจ้าก้อนให้มาอยู่ในท้องเจ้าแล้ว ไม่เช่นนั้นสักวันเจ้าต้องคิดหาบุรุษอื่นแล้วหนีข้าไปแน่” เขาเอ่ยพร้อมกับอุ้มนางตรงไปที่ห้องนอนอย่างแน่วแน่“ท่านจะทำอีกทำไมเจ้าคะ ตอนนี้เขาก็อยู่ในท้องข้าแล้วเนี่ย” คำพูดของนางทำให้เขาชะงักฝีเท้า“เจ้าว่าอย่างไรนะ!!” เขาถามนางอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเมื่อครู่ตนไม่ได้ฟังผิดไป“ข้ากำลังตั้งท้องลูกของท่านได้ประมาณสองเดือนแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยช้า ๆ ให้เขาฟังอย่างชัดเจนซ่งอี้เฉินคล้ายจะหูดับไปครู่หนึ่ง ชีวิตนี้เพิ่งเข้าใจว่าเหตุ
ตอนที่ 44คิดไม่ผิดหลิวซื่อเฟิงถูกลากออกไปรับโทษตามที่ท่านประมุขเป็นผู้สั่ง เริ่มจากตัดเส้นลมปราณเพื่อไม่ให้คนหลบหนีก่อนจะเอาอุปกรณ์สำหรับถอดเล็บออกมา หลิวซื่อเฟิงที่เห็นเช่นนั้นถึงกับน้ำตาไหลด้วยความกลัว แต่ไม่อาจหนีไปไหนได้เพราะถูกมัดตรึงไว้กับเก้าอี้กรี๊ด!!!!!!เสียงกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าดังออกมาจากเรือนด้านหลังจวน แต่เพราะเรือนนี้ห่างไกลจากเรือนหลักนักจึงไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงนางกว่าจะถอดออกครบยี่สิบเล็บนางก็สลบไปถึงสองครั้ง ผู้ที่ลงโทษไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น พวกเขายกดังน้ำเกลือขนาดใหญ่เข้ามา ก่อนจะเอ่ยกับผู้ที่นั่งอยู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาปนสมเพช“แม่นางหลิวซื่อเฟิง เพราะท่านคิดทำร้ายนายหญิงท่านประมุขจึงสั่งมาว่าให้ทำอย่างไรก็ได้ให้ท่านทรมานที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วอย่าโกรธเคืองพวกข้าเลยนะ”เอ่ยจบก็ราดน้ำเกลือเข้มข้นใส่แผลสดที่เลือดยังไหลไม่หยุด ความเจ็บปวดปนกับความแสบทำให้นางกรีด
ตอนที่ 43ปองร้าย“ขอบคุณนายหญิงที่ชี้แนะทางให้แก่ข้า จากนี้ฝากท่านดูแลท่านประมุขด้วยขอรับ” จ้าวฝูหมิงเอ่ยพลางคารวะนางอย่างที่คนในราชวงศ์ทำกัน“ขอให้ท่านตามหาเด็กดื้อผู้นั้นเจอนะเจ้าคะ” นางอวยพรพร้อมกับทำมือชูสองนิ้วให้กำลังใจจ้าวฝูหมิงฝากจดหมายไว้ให้ซ่งอี้เฉินหนึ่งฉบับ ก่อนจะเดินจากไปพร้อมคนของเขา“ท่านจ้าวจะไปตามหาเด็กหายหรือเจ้าคะ” ลู่หลินเอ่ยถามอย่างสงสัยและไม่เข้าใจ“ดูท่าแล้วไม่ใช่แค่เด็กที่หาย แต่หัวใจเขาก็ถูกเด็กผู้นั้นขโมยไปด้วย ข้าเพิ่งพูดคุยกับเขาไปเพียงสองเดือนเองนะ สงสัยเด็กคนนั้นคงเป็นคนในเมืองหลวงนี้เป็นแน่”นางรำพึงรำพันคนเดียว ก่อนที่จะถูกสาวใช้พากลับเข้าเรือน เพราะหิมะเริ่มตกหนักมากขึ้น“คนจากโรงครัวบอกว่าได้ชามาใหม่ จึงอยากให้นายหญิงลองชิมว่าถูกใจหรือไม่เจ้าค่ะ” ลู่หลิ่งเอ่ยพร้อมกับยกชาเข้ามาให้นาง“กลิ่นหอมจังเลย ว้







