บทที่ 10
ธิดาเทพลี่จิน วันออกเดินทางของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬ แม่ทัพใหญ่ผู้นำทัพในครั้งนี้คือชินอ๋องเซี่ยเหวินหรง ฉายาอ๋องทมิฬ ตัวตนในเมืองหลวงของเขานั้นเปรียบดั่งคุณชายผู้สูงศักดิ์ แต่เมื่อเขาสวมเกราะสีดำเงาวาว ขี่อาชาโลหิตสีนิลนั้น รูปลักษณ์ช่างดูน่าเกรงขาม ประกอบกับหน้ากากสีดำปีกนกอินทรีสยายปีก ปิดเพียงครึ่งหน้าบนเผยให้เห็นปากหยักหนาที่ออกคำสั่งเคลื่อนทัพ หยางซูมี่มองตามร่างสูงใหญ่ที่ค่อยๆ ห่างไกลไปจากสายตา นางนึกถึงร่างสูงเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน ที่เข้ามาออดอ้อนให้นางสวมชุดเกราะให้ ก่อนจะลาจากกัน ยังมารังแกกันอีก ริมฝีปากหยักหนาที่ฉกมาขโมยจูบหอมหวานจากนางราวกับจะกลืนกินดวงวิญญาณของนางให้ออกจากร่างไป รสสัมผัสจากคราแรกอ่อนโยนดั่งปีกผีเสื้อกลับร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเมื่อเห็นว่านางหายใจไม่ออก เขาถึงได้ผละออกมา แล้ววนกลับมาจูบอีกครั้งจนปากของนางบวมเจ่อ แดงก่ำไปหมดแล้ว ฮือออ ท่านอ๋องบ้า “พี่จะรีบไปรีบกลับ หลังจากเสร็จศึกนี้ พี่จะมารับรางวัลจากเจ้านะมี่มี่” เซี่ยเหวินหรงยิ้มกริ่ม ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ส่งมาให้หยางซูมี่ นางถึงกับวางหน้าไม่ถูก ภายในกายรู้สึกร้อนวูบวาบกับสายตาคมคู่นั้น “ท่านพี่รีบกลับมานะเจ้าคะ น้องจะรอ” หยางซูมี่เอ่ยอย่างยั่วเย้า เขาเห็นเช่นนั้นอยากจะถอดชุดเกราะแล้วอุ้มร่างบางขึ้นไปที่เตียงแทน แต่ติดตรงหน้าที่ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันมองร่างบางที่จงใจเอ่ยยั่วยวนเขา การเดินทางของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬสองแสนนายนั้น เดินทางด้วยความระเบียบเรียบร้อย ทหารในกองทัพจะมีนายกองประจำการ 4 หน่วยคือ ถังกังหัวหน้าหน่วยกิเลน การรบแข็งกร้าวเข้มแข็งเป็นทัพหน้า ถังจื้อหัวหน้าหน่วยจิ้งจอก เป็นหน่วยสอดแนมการรบมุ่งเน้นค่อยปั่นป่วนศัตรู ถังจ้านหัวหน้าหน่วยหมีขาว เป็นหน่วยเจาะทะลวง และถังซิ่วหัวหน้าหน่วยเต่าดำ เป็นกองหลังเน้นป้องกันศัตรู หัวหน้าหน่วยทั้งสี่คือพี่น้องตระกูลถัง เดิมทีสี่พี่น้องเป็นเพียงขอทานที่เซี่ยเหวินหรงช่วยเอาไว้เมื่อ 10 ปีก่อน หลังจากนั้นจึงได้เข้ามาเป็นองครักษ์ไป๋หู่ แต่เพราะความสามารถจึงได้ให้มาเป็นนายกองกุมกำลังทหารคนละ 50,000 นาย ขึ้นตรงต่อชินอ๋องแต่เพียงผู้เดียว เดินทางเพียงครึ่งเดือน กองทัพพยัคฆ์ทมิฬก็มาถึงชายแดนเหนือแห่งแคว้นเซี่ย เซี่ยเหวินหรงสั่งให้ตั้งทัพที่เมืองเว่ย ที่อยู่ติดกับเมืองอู่ที่ถูกเผ่าหูเจี๋ยน่าตีแตกไปแล้ว เซี่ยเหวินหรงมาถึงจึงเรียกรองแม่ทัพลู่เหอกัง เจ้าเมืองเว่ย และเจ้าเมืองอู่ที่หนีรอดออกมาได้ เพื่อถามถึงสถานการณ์เมื่อครั้งที่เมืองอู่แตก “เรียนชินอ๋อง กระหม่อมคือเจ้าเมืองอู่พ่ะย่ะค่ะ วันนั้นเป็นคืนเดือนมืด จู่ๆ ทัพจากเผ่าหูเจี๋ยน่าก็ยกมาตีเมืองอู่ แม่ทัพหลี่ซีฮั่น นำทหารกว่า 3,000 นาย จัดทัพออกไปต้านแต่เผ่าหูเจี๋ยน่านั้นเล่นสกปรกยิ่งนัก ใช้พิษสลายกำลังโปรยมาในอากาศ ทำให้ท่านแม่ทัพหลี่ขยับตัวไม่ได้ แล้วถูกหูเจี๋ยลี่ฟันคอจนขาดพ่ะย่ะค่ะ ก่อนท่านแม่ทัพหลี่จะสิ้นได้ให้กระหม่อมและทหารอีก 300 นายใช้เส้นทางลับเพื่ออพยพชาวบ้านมาที่เมืองเว่ยพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าเมืองอู่เอ่ยด้วยความเจ็บแค้นที่มีต่อเผ่าหูเจี๋ยน่า “กระหม่อมรองแม่ทัพลู่เหอกัง หลังจากหูเจี๋ยลี่ปลิดชีพท่านแม่ทัพหลี่ได้แล้วจึงตีเมืองอู่แตก และเผาทำลายเมืองทันที กระหม่อมและทหารอีก 500 นายหนีรอดออกมาได้แล้วไปสมทบกับท่านเจ้าเมืองอู่ที่เมืองเว่ยพ่ะย่ะค่ะ” “เมื่อรอดมาได้ก็ดีแล้ว ดีที่ท่านแม่ทัพหลี่คำนึงถึงชาวเมืองก่อนถึงได้ไม่มีชาวเมืองถูกฆ่าตาย หรือจับไปเป็นเฉลยศึก สั่งการลงไป! หน่วยจิ้งจอกเข้าสอดแนมที่เมืองอู่ และเผ่าหูเจี๋ยน่า อย่าให้อีกฝ่ายรู้ตัว หน่วยเต่าดำไปวางกับดักที่รอบๆ เมืองเว่ย ท่านเจ้าเมืองเว่ยข้าขอแผนภาพชัยภูมิของเมืองเว่ยด้วย” เซี่ยเหวินหรงหันไปสั่งการทันที “เราจะใช้เมืองเว่ยเป็นที่ตั้งของกองทัพใหญ่ ส่วนเมืองข้างเคียงอย่างเมืองหนาน และเมืองโจวให้แบ่งกำลังทหารจากหน่วยเต่าดำและกิเลน 10,000 นาย ไปประจำการเมืองละ 5,000 นาย เพื่อป้องกันเผ่าหูเจี๋ยน่าลอบจอมตี” สมกับเป็นท่านอ๋องทมิฬ เมื่อมาถึงก็สามารถลงมือจัดการได้เลย เมื่อได้รับคำสั่งทั้งหมดจึงออกไปทำตามทันที เผ่าหูเจี๋ยน่า “นายท่าน ตอนนี้กองทัพพยัคฆ์ทมิฬของชินอ๋องเดินทางมาถึงเมืองเว่ยแล้วขอรับ” คนสนิทของหูเจี๋ยลี่รายงาน “ช่างรวดเร็วยิ่งนัก ข้ากำลังรออยู่เลย” หูเจี๋ยลี่เอ่ยอย่างสมใจที่เขาสังหารแม่ทัพหลี่ซีฮั่น ก็เพื่อให้ชินอ๋องเดินทางมาปราบเขาด้วยตนเอง นับว่าแผนการของธิดาเทพล้วนบรรลุผลแล้ว เหลือแค่แผนการสุดท้าย เขาอยากจะรู้นักว่าชินอ๋องจะเก่งกาจแค่ไหนกัน โฉมสะคราญใบหน้าเรียวยาว ตาคิ้วจมูกปากรับกันอย่างพอเหมาะพอเจาะ ผิวขาวดุจหิมะ นางสวมอาภรณ์สีขาวพิสุทธิ์ กำลังเดินเยื้องย่างเข้าไปที่วิหารของเผ่าหูเจี๋ยน่า นางก็คือธิดาเทพประจำเผ่าหูเจี๋ยน่านามว่า ลี่จิ่น ลี่จิ่นเดินไปคุกเข่าที่หน้ารูปปั้นธิดาเทพประจำวิหารของเผ่าหูเจี๋ยน่า นางหลับตาเข้าสมาธิเพื่อสื่อสารกับเทพเจ้าหมาป่าที่คอยคุ้มครองเผ่าหูเจี๋ยน่า เดิมทีนางคือบุตรีของหัวหน้าเผ่าคนก่อนกับคุณหนูรองลู่หลี่น่า อดีตคุณหนูแห่งจวนตระกูลลู่แห่งแคว้นเซี่ย มารดาของนางหลงรักหัวหน้าเผ่าคนก่อนจึงลอบหนีออกมา ลู่หลี่น่าคาดหวังที่จะได้เป็นนายหญิงของเผ่าหูเจี๋ยน่า อนิจจาแต่ความเป็นจริงนั้นช่างโหดร้าย หัวหน้าเผ่าคนก่อนมีภรรยาอยู่แล้วคือมารดาของหูเจี๋ยลี่ ลู่หลี่น่าจึงเป็นได้เพียงอนุ อีกทั้งยังได้รับความไม่เป็นธรรมอีกด้วย มารดาของหูเจี๋ยลี่นั้นอำมหิต โหดร้าย ลอบทำร้ายหลี่ซิ่นอยู่เป็นนิจ จนนางสิ้นใจตายไปหลังจากให้กำเนิดลี่จิ่นได้เพียง 3 หนาวเท่านั้น ลี่จิ่นต้องอยู่อย่างลำบากยากแค้น ถูกรังแกไม่เว้นแต่ละวัน มารดาเลี้ยงคอยกลั่นแกล้ง บิดาไม่เคยสนใจไยดีในการมีอยู่ของลี่จิ่นเลยสักครั้ง จนกระทั่งลี่จิ่นอายุได้ 7 หนาว ลี่จิ่นได้เข้าไปซ่อนตัวเพื่อหนีความผิดที่วิหารธิดาเทพ ลี่จิ่นบังเอิญพบธิดาเทพคนก่อน เมื่อธิดาเทพคนก่อนลองทำนายดวงชะตาของลี่จิ่นจึงพบว่ามีดวงสมพงศ์กับนาง อนาคตจะได้กลายเป็นธิดาเทพคนต่อไป ธิดาเทพคนก่อนจึงแจ้งหัวหน้าเผ่าคนก่อนขอรับลี่จิ่นมาอยู่ที่วิหารเทพ แม้มารดาของหูเจี๋ยลี่จะไม่ยินยอม แต่ไม่อาจขัดความประสงค์ของธิดาเทพได้ ลี่จิ่นอายุได้เพียง 10 หนาวกลับสามารถทำนายความเป็นไปของเผ่าได้อย่างแม่นยำ ทั้งโรคระบาด ภัยธรรมชาติ แม้ตอนแรกจะไม่มีผู้ใดเชื่อ แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ที่ตรงกับคำทำนายผู้คนในเผ่าต่างยอมรับการทำนายของลี่จิ่น 3 ปีต่อมาธิดาเทพคนก่อนสิ้นอายุขัย ดับขันธ์กลายไปเป็นดวงดาวบนท้องฟ้า ลี่จิ่นจึงขึ้นมาเป็นธิดาเทพของเผ่าหูเจี๋ยน่าสืบต่อไป "ท่านเทพหมาป่าทรงมีคำชี้แนะอย่างไรบ้างหรือธิดาเทพ" หูเจี๋ยลี่เอ่ยถามธิดาเทพลี่จิ่นเมื่อนางออกจากสมาธิแล้ว "ประสงค์ของท่านเทพคือการตีเมืองเว่ยให้แตก แล้วนำเลือดจากศีรษะของพยัคฆ์ทมิฬมาเป็นเครื่องเซ่นไหว้ให้ท่านเทพเจ้าค่ะ" ลี่จิ่นเอ่ยตอบด้วยเสียงราบเรียบ นัยน์ตาคมของนางที่มองตอบมานั้น ช่างดูมีพลังและทรงอำนาจเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่หูเจี๋ยลี่ยังไม่กล้าสบตากับธิดาเทพตรงๆ "ประสงค์ของท่านเทพ ข้าจะทำให้เป็นจริงให้จงได้" หูเจี๋ยลี่เอ่ยอย่างมั่นใจ "ท่านจงระวังชินอ๋องให้ดี อย่าได้ดูเบาเขา มิเช่นนั้นศีรษะจะหลุดจากบ่าได้" ลี่จิ่นเอ่ยเตือนแม้หูเจี๋ยลี่จะไม่ชอบใจกับคำเตือนนั้น แต่เขาก็ไม่อาจละเลยได้ ธิดาเทพนั้นทำนายสิ่งใดไม่เคยพลาด ดูท่าเขาจะประมาทชินอ๋องไม่ได้เสียแล้วตอนพิเศษ 4 (ตอนปลาย) “คุณหนูกู่เกรงใจเกินไปแล้ว ในฐานะตัวแทนของฝ่าบาทพวกข้าต้องมาร่วมยินดีอยู่แล้ว”หยางซูมี่เดินเข้างานไปเลย ไม่ได้สนใจสตรีนางนี้มากนัก ทำเพียงเหมือนกับว่านางไม่คู่ควรที่จะให้พระชายาเช่นนางต้องมาเสวนาด้วย กู่เจียอีได้แต่ลอบกำมือแน่น คอยดูเถอะวันนี้ข้าจะเหยียบหน้าจมให้จมดิน และจะกลายมาเป็นพระชายาของชินอ๋องให้จงได้“เจ้าอยากเล่นกับนางหรือไม่” เซี่ยเหวินหรงหันมาเอ่ยถามภรรยาคนงาม“ให้บทเรียนกับนางเบาๆ ก็พอเจ้าค่ะ” หยางซูมี่หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่พระสวามีงานเลี้ยงในจวนเจ้าเมืองวันนี้ กลับพบว่าขณะที่ทั้งหมดกำลังสนุกสนานกันภายในงานเลี้ยงนั้น กลับพบว่าคุณหนูกู่เจียอีผลัดตกลงไปในสระน้ำ แต่โชคดีที่มีคุณชายท่านหนึ่งช่วยเอาไว้ได้ แต่เพราะตอนเปียกน้ำทำให้ทั้งสองได้แนบชิดกัน และด้วยอาภรณ์ของกู่เจียอีนั้นที่เป็นสีขาว ทำให้มองเห็นเรือนร่างของนาง จนมองเห็นไปถึงเอี๊ยมตัวใน และคุณชายผู้นี้ก็ได้แตะต้องนางไปแล้วแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ด้วยเหตุนี้ในหนึ่งเดือนต่อมาจึงได้เกิดงานมงคลขึ้นกู่เจียอีได้แต่งเข้าไปเป็นฮูหยินรอง เน
ตอนพิเศษ 4 (ตอนต้น) หลังจากงานแต่งผ่านไปได้หนึ่งเดือน คนในตระกูลหยางนำโดยท่านเสนาบดีหยางหมิงได้เดินทางกลับเมืองหลวง พวกเขานั้นได้จากเมืองหลวงมานานมากแล้ว สมควรต้องไปจัดการงานที่ค้างคาเอาไว้ แม้จะเสียดายที่หยางซูมี่กับเซี่ยเหวินหรงไม่ได้กลับไปด้วยก็ตาม“ท่านพ่อเดินทางกลับดีๆ นะเจ้าคะ อีก 3 เดือนลูกจะกลับเมืองหลวงพร้อมท่านอ๋องเจ้าค่ะ”“ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยมี่เอ๋อร์ ข้าน้อยขอฝากบุตรสาวด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ประโยคท้ายหยางหมิงหันไปเอ่ยกับเซี่ยเหวินหรง“ท่านพ่อตาอย่าได้เป็นห่วง มี่เอ๋อร์อยู่กับข้าย่อมต้องปลอดภัย”เซี่ยเหวินหรงให้คำมั่น ทั้งสองยืนส่งจนขบวนรถม้าเคลื่อนตัวห่างไปเรื่อยๆ“พี่ต้องกลับไปยังจวนเจ้าเมืองเพื่อพบหน้ากับเจ้าเมืองคนใหม่ เจ้าอยู่ที่นี่ดีๆ แล้วพี่จะรีบกลับมา” เซี่ยเหวินหรงลูบหัวหยางซูมี่ด้วยความเอ็นดู“เจ้าค่ะท่านพี่”หยางซูมี่พยักหน้ารับ แล้วเขย่งปลายเท้ายื่นหน้าไปจูบแก้มสาก จนใบหูของเขาขึ้นสีแดงก่ำ“รีบกลับมานะเจ้าคะ ข้าจะรออาบน้ำพร้อมกับท่านพี่”หยางซูมี่ขยิบตาใส่เซี่ยเหวินหรง
ตอนพิเศษ 3 (ตอนปลาย) เซี่ยเหวินหรงเองก็รีบปลดอาภรณ์ของเขาออกเช่นกัน ร่างกายสูงใหญ่ไร้อาภรณ์ปกปิดกาย มองเห็นกล้ามหน้าท้องหนั่นแน่นที่เป็นลอนสวยอย่างคนที่ออกกำลังกาย ตรงกึ่งกลางเห็นแท่งหยกที่เริ่มจะขยายตัวอวดความศักดิ์ดาของตน หยางซูมี่ลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นแท่งหยกของเขาหยางซูมี่เนื้อตัวแดงก่ำด้วยความเขินอาย แม้จะเคยร่วมรักกับเขามาหลายครั้ง แต่นางกับเขาก็ห่างหายกันไป 2 ปีกว่า นางจึงรู้สึกประหม่ามากนัก แต่เพราะไม่อยากจะให้เขารู้ว่านางนั้นเขินอายมากเพียงใด จึงทำใจกล้าเงยหน้ามองร่างสูง ยกยิ้มอ่อนหวานแล้วเอื้อมมือไปปลดสายผูกเอี๊ยมออก ทำให้ปราการชิ้นสุดท้ายหลุดร่วงลงมา มองเห็นก้อนเต้าหู้อวบอิ่มสองก้อนและเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อเซี่ยเหวินหรงไม่อาจจะอดใจได้อีกต่อไป เขาช้อนร่างบางของหยางซูมี่อุ้มลงไปในถังอาบน้ำด้วยกัน เขานั่งพิงขอบอ่างให้หยางซูมี่นั่งบนตักแกร่ง มือข้างหนึ่งบีบสะโพกกลมกลึง อีกข้างก็ยื่นไปข้างหน้ากอบกุมก้อนเต้าหู้บีบคลึงอย่างอ่อนโยน นิ้วชี้เขี่ยเม็ดทับทิมสีชมพูจนตั้งช่อชูชันขึ้นมา“อ๊าาาา ท่านพี่”เซี่ยเหวินหรงจับร่างบางหั
ตอนพิเศษ 3 (ตอนต้น) ขบวนเจ้าบ่าวนำโดยชินอ๋องเซี่ยเหวินหรง พระองค์ขี่อาชาโลหิตสีขาวนำขบวนสินสอดมากกว่า 100 หีบ โดยมีทหารของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬคอยดูแล แม้ว่าหยางซูมี่จะเอ่ยว่าต้องการจัดงานแต่งงานแบบเรียบง่ายแต่เมื่อฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงทรงทราบก็รีบส่งม้าเร็วนำราชโองการสมรสพระราชทานมามอบให้ ทั้งยังระบุว่าชินอ๋องจะมีหยางซูมี่เป็นพระชายาแต่เพียงผู้เดียวจวบจนทั้งคู่สิ้นอายุขัยข่าวการแต่งงานครั้งที่สองของทั้งคู่แพร่สะพัดไปทั่วแคว้นเซี่ย บางคนต่างก็ยินดีที่ทั้งสองกลับมาใช้ชีวิตร่วมกัน แต่บางคนก็ค่อนขอดที่ทั้งสองเลิกรากันไปแล้วแต่ยังกลับมาแต่งงานกันอีกครั้ง ไม่ว่าผู้คนจะพูดกันอย่างไร แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็หาได้สนใจไม่ เพราะทั้งคู่ได้ตกลงใจที่จะกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง คำพูดของผู้อื่นหาได้สลักสำคัญกับพวกเขาทั้งสองคนไม่เซี่ยเหวินหรงขี่ม้ามาหยุดที่หน้าประตูบ้านพักของหยางซูมี่ เมื่อเขาเดินเข้าไปยังห้องโถงหลักก็พบว่าหยางซูมี่นั้นยืนรอเขาอยู่ก่อนแล้ว วันนี้นางสวมชุดสีแดงมงคลปักลายหงส์สยายปีก และมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสวมทับเอาไว้ที่ศีรษะ ทำให้เขาไม่
ตอนพิเศษ 2 ริมชายหาดแห่งหมู่บ้านผิงอัน มีสตรีร่างบอบบาง กับบุรุษร่างสูงใหญ่นั่งอิงแอบกันอยู่ใต้ต้นมะพร้าว สายตาทั้งคู่ทอดมองออกไปยังน้ำทะเลใสสีเขียวมรกต หาดทรายสีขาวละเอียด ลมทะเลพัดมาเป็นระยะๆ คล้ายกับกำลังปลอบประโลมคนทั้งคู่ ทั้งสองปล่อยให้จิตใจได้ซึมซับกับธรรมชาติที่สวยงามนี้“เจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด” เซี่ยเหวินหรงหันมาเอ่ยถามในสิ่งที่เขาสงสัย“ข้ามาถึงเมื่อสามวันก่อนเจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมาทำให้ท่านแปลกใจเล่น” หยางซูมี่เอ่ยพลางหัวเราะ นัยน์ตาพราวระยับดั่งดวงดารา“รู้หรือไม่ว่าทำข้าเป็นห่วง ตอนที่ข้ารู้ว่าเจ้าหายตัวไป”เซี่ยเหวินหรงเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งรั้นอย่างมันเขี้ยว“ข้าเจ็บนะเหวินหรง”หยางซูมี่หันมาดุเขาอย่างไม่จริงจังนัก เซี่ยเหวินหรงเอื้อมมือไปกอบกุมที่มือขาวบางอย่างทะนุถนอม“ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าเร็วถึงเพียงนี้ ที่นี่มีเรื่องให้ข้าจัดการมากมายนัก ข้ายังคิดว่าอย่างเร็วก็คงอีกสักปีสองปีถึงจะกลับไปหาเจ้าที่เมืองหลวงได้”“ข้ารู้ว่าท่านทำงานหนักมากเพียงได ดูสิชินอ๋องผู้สง่างามกลายร่
ตอนพิเศษ 1 2 ปีต่อมาชายแดนใต้ของแคว้นเซี่ยที่ติดกับทะเล เมื่อ 2 ปีก่อนมีการค้าเกลือเถื่อนเกิดขึ้น เซี่ยเหวินหลินที่ได้ออกมาจัดการนั้น กลับจัดการแบบปล่อยผ่าน อนึ่งเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกับพ่อค้าที่ค้าเกลือเถื่อนแต่หลังจากที่ชินอ๋องเซี่ยเหวินหรงจัดการปราบปรามกบฏได้หมดสิ้น จึงได้ทูลขอฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงมาปราบปรามการค้าเกลือเถื่อน และมาจัดระบบการปกครองใหม่ของชายแดนใต้ ซึ่งฮ่องเต้ก็ได้ออกพระราชโองการมอบอำนาจทุกอย่างให้ชินอ๋องเป็นผู้จัดการทั้งหมดตลอดเวลากว่าสองปีที่ผ่านมานี้เซี่ยเหวินหรงออกรบไปปราบปรามโจรสลัดทั้งในน่านน้ำ และบนเรือ โจรสลัดนั้นชอบขึ้นมาดักปล้นฆ่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่ง แต่หลังจากที่ชินอ๋องมาโจรสลัดก็หนีหายไปหมดด้วยหวาดเกรงชินอ๋องนอกจากจะปราบโจรสลัดแล้ว เซี่ยเหวินหรงยังต้องเข้ามาปราบปรามพ่อค้าเกลือเถื่อน และยังต้องมาจัดระเบียบเมืองหนานผิงใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเจ้าเมืองหนานผิงปกครองเมืองชายแดนใต้อย่างไร้ความยุติธรรม กดขี่ข่มเหงชาวเมืองหนานผิง ทหารประจำเมืองก็ชอบรีดไถจากชาวบ้าน เรียกร้องค่าคุ้มครอง หากครอบค