บทที่ 9
กลับบ้านเดิม สามวันหลังแต่งงาน หนึ่งวันก่อนออกเดินทางไปชายแดนเหนือ เซี่ยเหวินหรงพาหยางซูมี่มาเยี่ยมบ้านเดิมหลังจากแต่งงานได้สามวัน ซึ่งเป็นธรรมเนียมของคู่บ่าวสาวที่เจ้าบ่าวต้องพาเจ้าสาวกลับมาเยี่ยมบ้านเดิม ทั้งสองเดินทางมาถึงจวนตระกูลหยางตั้งแต่ยามเฉิน ทุกคนในจวนตระกูลหยางต่างออกมารอต้อนรับชินอ๋องกับพระชายา หยางหมิงยืนอยู่ด้านหน้า ถัดมาเป็นหยางเฟยเทียน เสิ่นอี๋นั่ว หยางฟางหรง หยางเจียลี่ และบรรดาบ่าวรับใช้ทั้งหมด เมื่อทั้งสองลงมาจากรถม้า ทุกคนต่างยอบกายถวายความเคารพตามบรรดาศักดิ์ฐานะ หยางซูมี่รีบเข้าไปประคองท่านพ่อและพี่ชายให้รีบลุกขึ้น นางไม่ชินกับการที่ทุกคนต้องมาถวายความเคารพเช่นนี้เลยแม้จะทำตามตำแหน่งฐานะพระชายาชินอ๋องก็ตาม “เชิญเสด็จเข้าไปด้านในดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ” หยางหมิงเสนอให้ทั้งสองเข้าไปด้านในจะดีกว่า เพราะในเวลานี้ที่ด้านนอกจวนล้วนมีชาวบ้านที่มามุงดูกันหลายคนนัก เซี่ยเหวินหรงตรงเข้าไปจูงมือหยางซูมี่เดินเข้าไปในเรือนหลัก คล้อยหลังทั้งสองคนเดินจากไป มีสายตาริษยาที่มองมาด้วยความร้อนรุ่ม ยิ่งเห็นชินอ๋องแสดงความโปรดปรานต่อพระชายามากเท่าใด นางยิ่งเจ็บปวดใจมากเท่านั้น ทำไมที่ตรงนั้นไม่เป็นของนาง หรือเพียงเพราะนางไม่ได้เป็นบุตรีที่เกิดจากภรรยาเอกเช่นนั้นหรือ หยางเจียลี่คิดโทษชาติกำเนิดของตน ทั้งหมดเดินเข้าไปด้านในของเรือนหลักเพื่อพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบของหยางซูมี่ พูดคุยกันได้สักพักหยางหมิงจึงได้ขอตัวไปทำงานต่อในห้องหนังสือ ซึ่งงานนั้นสืบเนื่องมาจากการที่ชินอ๋องจะต้องออกไปรบที่ชายแดนเหนือ ตัวเขาผู้เป็นเสนาบดีกรมคลัง มีหน้าที่เบิกจ่ายเงินเพื่อใช้ในการจัดหาเสบียงของกองทัพ หยางเฟยเทียนจึงชวนชินอ๋องไปนั่งที่ศาลาใกล้กับสระน้ำที่มีดอกเหลียนฮวาสีชมพูออกดอกบานสะพรั่ง ซึ่งเป็นมุมโปรดของเขากับน้องสาว หยางเฟยเทียนกับเซี่ยเหวินหรงชิมชาจากดอกเหลียนฮวาและเล่นหมากล้อมกัน หยางซูมี่เห็นทั้งคู่ดูเข้ากันได้จึงขอตัวกลับไปที่เรือนไผ่หลิวของนาง หยางเจียลี่เมื่อสบโอกาส จึงเดินเข้าไปในศาลาให้สาวใช้นำพิณเข้ามาด้วย เพื่อนางจะได้บรรเลงพิณให้ชินอ๋องได้ต้องตาต้องใจนาง แต่ความหวังเป็นอันต้องมอดดับลง “เปิ่นหวางชมชอบการเดินหมากล้อมอย่างสงบมากกว่า ขอคุณหนูรองไปเล่นพิณที่อื่นเถิด” หยางเฟยเทียนถึงกับกลั้นเสียงหัวเราะไม่ได้ น้องรองของเขานั้นช่างใจกล้าเหลือเกินชินอ๋องเป็นถึงพี่เขยของนาง แต่นางยังกล้ามายั่วยวนชินอ๋องเช่นนี้อีก เมื่อเรื่องนี้รู้ไปถึงหูหยางหมิง เขาจึงสั่งกักบริเวณหยางเจียลี่และให้คัดตำราสอนหญิง 100 จบ ทั้งยังพูดตัดความหวังของบุตรสาว ว่าให้นางมองหาชายอื่นซะหากยังไม่เลิกราเขาจะให้นางแต่งไปกับพ่อค้าพาณิชย์ที่ชายแดนทางใต้ เรื่องนี้ทำให้หยางเจียลี่ยิ่งคับแค้นใจมากขึ้นถึงความลำเอียงของบิดา เรือนไผ่หลิว หยางซูมี่เดินเข้าไปที่ท้ายเรือนไผ่หลิวที่มีห้องเก็บสมุนไพรของท่านแม่ นางสั่งให้บ่าวสองคนที่คอยดูแลแปลงสมุนไพรเก็บฉั่งฉิกที่มีอยู่เต็มแปลง นำไปตากแดดให้แห้ง แล้วนำมาบดเป็นผงให้ละเอียด ฉั่งฉิกนั้นเป็นสมุนไพรห้ามเลือด แก้ปวด ลดอาการบวม ผู้คนในยุคนี้ยังไม่รู้จักต้นฉั่งฉิกว่ามีสรรพคุณห้ามเลือดที่ได้ผลชะงัดนัก หยางซูมี่ขอบคุณตนเองที่ตอนเป็นไผ่หลิวนั้นเคยอ่านตำราสมุนไพรมาบ้าง ทำให้นางรู้สรรพคุณของสมุนไพร ผงฉั่งฉิกที่จะทำใหม่นั้นคงต้องรออีก 7 วันถึงจะได้ แต่ชินอ๋องต้องออกเดินทางพรุ่งนี้แล้วจึงสั่งให้เจินเจินเข้าไปเอาผงฉั่งฉิกที่ห้องเก็บสมุนไพรมา 100 ขวด เพื่อนำไปมอบให้ชินอ๋องก่อน กลับเข้ามาในห้องส่วนตัวของหยางซูมี่ที่เรือนไผ่หลิว เมื่อแน่ใจว่าปิดประตูสนิทแล้วหยางซูมี่จึงสั่งให้เจินเจินและซินซินงัดไม้กระดานที่อยู่ข้างเตียงเพื่อนำหีบไม้ที่บรรจุของสำคัญของออกมา เมื่อตรวจดูว่าไม่มีผู้ใดเข้ามาแอบเปิดดู จึงให้เจินเจินกับซินซินยกไปเก็บที่เดิม นางเพียงแค่หยิบสมุดออกมาเล่มเดียว เจินเจินเอาสมุดที่คุณหนูส่งให้เก็บไว้ในอก สมุดเล่มนี้ของคุณหนูนั้นล้ำค่ามากจะให้หายไปไม่ได้เด็ดขาด “เจ้านำสมุดเล่มนี้ไปมอบให้เจ้าของหอหนังสือแสงจันทร์ เมื่อรับเงินมาแล้วก็นำไปฝากที่หอรับฝากเงินตงตง เสร็จแล้วซื้อขนมดอกกุ้ยฮวากับขนมเซาปิ่งกลับมาด้วย” เจินเจินรับคำสั่ง ก่อนจะลอบออกจากจวนไปทางประตูข้าง แต่นางไม่รู้เลยว่ามีองครักษ์ไป๋หู่แอบติดตามไปด้วย หยางซูมี่สั่งการสาวใช้เสร็จ ก็ทำทีเป็นหยิบเครื่องประดับล้ำค่าที่ยังเก็บไว้ในช่องลับเอากลับไปจวนชินอ๋องด้วย จากนั้นจึงเดินไปที่ศาลาเหลียนฮวาเพื่อไปหาพระสวามีกับพี่ชายใหญ่ที่นั่งเล่นหมากล้อมกันมาเกือบ 1 ชั่วยามแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ ศาสตร์การเดินหมากล้อมนั้นนอกจะฝึกสมาธิ สติปัญญา ยังบอกนิสัยใจคอของผู้เล่นได้ด้วย หยางซูมี่สังเกตว่าเซี่ยเหวินหรงวางหมากได้อย่างเฉียบคม ตรงไปตรงมา แต่บางทีก็ดูใจอ่อนมักอ่อนข้อให้พี่ชายใหญ่ของนางเสมอ หยางซูมี่อดจะนึกชื่นชมเซี่ยเหวินหรงในใจไม่ได้ว่าเขาช่างรู้จักเข้าหาครอบครัวของนาง หยางซูมี่นั่งมาสักพักแต่แปลกใจว่าไม่เห็นหยางเจียลี่เลย ขนาดหยางฟางหรงยังมานั่งดูหมากล้อม หากเป็นปกติหยางเจียลี่จะต้องเข้ามาเสนอหน้า แฮ่ม! ต้องมาให้พระสวามีของนางเห็นหน้าแล้ว หยางเฟยเทียนสังเกตเห็นหยางซูมี่หันซ้ายหันขวาจึงรู้ว่าต้องมองหาหยางเจียลี่เป็นแน่ “ชินอ๋องทรงต้องการความสงบ จึงไล่น้องรองออกไปเล่นพิณที่อื่น” หยางซูมี่เลิกคิ้วมองคนข้างตัว อดยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “กระหม่อมอยากลองเล่นหมากล้อมบ้างพ่ะย่ะค่ะ” หยางฟางหรงหันมาเอ่ยกับหยางซูมี่ แต่ก่อนนั้นหยางฟางหรงมีนิสัยซุกซน ชอบรังแกบ่าวไพร่ และยังเคยกลั่นแกล้งหยางซูมี่คนเก่าแต่หลังจากที่ไผ่หลิวเข้ามาอยู่ร่างนี้ นางก็ได้กำราบเด็กนิสัยเสียจนหยางฟางหรงมีนิสัยที่ดีขึ้นมาก “อยู่เพียงลำพัง ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์หรอก มาเถอะพี่จะเล่นกับเจ้าเอง” หยางซูมี่หันไปสั่งซินซินให้ไปนำกระดานหมากล้อมเข้ามา เซี่ยเหวินหรงเองก็ชะงักการเดินหมาก เขาเคยได้ยินมาว่าหยางซูมี่นั้นอ่อนด้อยในศาสตร์ทั้งสี่ เขาเองก็ยังไม่เคยเห็นหยางซูมี่เดินหมากสักครั้ง นับว่าการมาที่จวนตระกูลหยางไม่เสียเที่ยวแล้ว หยางซูมี่เดินหมากกับหยางฟางหรงอย่างสนุกสนาน ไม่เหมือนการเดินหมากของเซี่ยเหวินหรงกับ หยางเฟยเทียนที่ดูจริงจัง หยางซูมี่เพียงเดินหมากอย่างง่ายๆ เป็นการชี้แนะการเดินหมากให้กับหยางฟางหรง ทั้งคู่เดินไปเกือบครึ่งชั่วยามผลออกมาว่าหยางซูมี่ชนะ แม้ว่าหยางฟางหรงจะแพ้แต่เขากลับรู้สึกภูมิใจมากกว่า ครั้งก่อนที่เขาเดินหมากกับพี่หญิงใหญ่นั้น เล่นเพียงหนึ่งเค่อเขาก็แพ้แล้ว ครั้งนี้ถือว่าเขาเล่นเก่งขึ้นใช่หรือไม่ เซี่ยเหวินหรงมองดูพระชายาตัวน้อยของตนอย่างประหลาดใจ และทึ่งกับการเดินหมากชี้แนะใช่ว่าจะเดินกันได้อย่างง่ายๆ เพราะไม่ได้หวังผลแพ้ชนะ แต่เป็นการชี้แนะแนวทางให้ฝ่ายตรงข้าม อีกทั้งการเดินหมากของหยางซูมี่ก็เหมือนกับการเดินหมากของบุรุษมากกว่าสตรีชนชั้นสูง ที่มักเดินหมากอ้อมไป อ้อมมา กว่าจะรู้ผลแพ้ชนะต้องใช้เวลาหลายชั่วยาม เมื่อถึงยามอู่หยางหมิงได้ให้พ่อบ้านหยางมาเชิญทุกคนในศาลาให้มาร่วมโต๊ะอาหารกันที่โถงเรือนหลัก ทั้งหมดเมื่อมานั่งกันอย่างพร้อมหน้าแล้วขาดก็แต่เสิ่นอี๋นั่วกับหยาเจียลี่ เซี่ยเหวินหรงที่มีฐานะสูงกว่าจึงเป็นผู้คีบอาหารเป็นคนแรก ทั้งหมดจึงได้เริ่มคีบอาหารให้ตนเองบ้าง หยางซูมี่คอยคีบอาหารใส่จานให้ทุกคนเรียกรอยยิ้มจากทุกคนที่นางช่างเอาอกเอาใจเช่นนี้ เซี่ยเหวินหรงเองก็ทานได้มากถึง 2 ถ้วย บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่ได้คร่ำเคร่งมารยาทมากนั้น มีเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะเป็นระยะ เซี่ยเหวินหรงรู้สึกอุ่นวาบในอก รู้สึกว่านี่ซินะถึงจะเป็นการทานอาหารของครอบครัว หลังจากทานข้าวเสร็จ หยางซูมี่พาสวามีมาที่เรือนไผ่หลิวด้านหลังของเรือน นางพามาที่ห้องเก็บสมุนไพร นำผงฉั่งฉิกออกมาให้เซี่ยเหวินหรงดู พลางอธิบายถึงสรรพคุณห้ามเลือด ทั้งยังทดลองกับนิ้วมือของบ่าวผู้หนึ่ง โดยใช้มีดกรีดเป็นรอยเพียงเล็กน้อยให้เลือดไหลออกมา เมื่อเทผงฉั่งฉิกลงไป เพียงชั่วลมหายใจเลือดก็หยุดไหล เซี่ยเหวินหรงถึงกับหัวเราะออกมาอย่างยินดี แล้วคว้าตัวหยางซูมี่เข้ามากอดแนบอกแกร่ง บ่าวในเรือนต่างรีบก้มหน้าแล้วเดินออกไปจากห้องเก็บสมุนไพรทันที หยางซูมี่ถึงกับใจสั่นสะท้านกับสัมผัสแนบชิด ใบหน้างามซับสีเลือดสองข้างแก้ม เซี่ยเหวินหรงปล่อยมือออก แต่ไม่วายหันกลับมาจุมพิตที่หน้าผากกลมมนของหยางซูมี่ นางถึงกับทำวางหน้าไม่ถูกรีบหันหลังเดินออกไปจากห้องเก็บสมุนไพรทันที ร่างสูงเพียงยกยิ้มอ่อนโยนแล้วมองตามร่างบางที่เดินออกไป ก่อนจะเร่งตามไปง้อคนที่เขินอายจนรีบเดินหนีเขาไปตอนพิเศษ 4 (ตอนปลาย) “คุณหนูกู่เกรงใจเกินไปแล้ว ในฐานะตัวแทนของฝ่าบาทพวกข้าต้องมาร่วมยินดีอยู่แล้ว”หยางซูมี่เดินเข้างานไปเลย ไม่ได้สนใจสตรีนางนี้มากนัก ทำเพียงเหมือนกับว่านางไม่คู่ควรที่จะให้พระชายาเช่นนางต้องมาเสวนาด้วย กู่เจียอีได้แต่ลอบกำมือแน่น คอยดูเถอะวันนี้ข้าจะเหยียบหน้าจมให้จมดิน และจะกลายมาเป็นพระชายาของชินอ๋องให้จงได้“เจ้าอยากเล่นกับนางหรือไม่” เซี่ยเหวินหรงหันมาเอ่ยถามภรรยาคนงาม“ให้บทเรียนกับนางเบาๆ ก็พอเจ้าค่ะ” หยางซูมี่หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่พระสวามีงานเลี้ยงในจวนเจ้าเมืองวันนี้ กลับพบว่าขณะที่ทั้งหมดกำลังสนุกสนานกันภายในงานเลี้ยงนั้น กลับพบว่าคุณหนูกู่เจียอีผลัดตกลงไปในสระน้ำ แต่โชคดีที่มีคุณชายท่านหนึ่งช่วยเอาไว้ได้ แต่เพราะตอนเปียกน้ำทำให้ทั้งสองได้แนบชิดกัน และด้วยอาภรณ์ของกู่เจียอีนั้นที่เป็นสีขาว ทำให้มองเห็นเรือนร่างของนาง จนมองเห็นไปถึงเอี๊ยมตัวใน และคุณชายผู้นี้ก็ได้แตะต้องนางไปแล้วแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ด้วยเหตุนี้ในหนึ่งเดือนต่อมาจึงได้เกิดงานมงคลขึ้นกู่เจียอีได้แต่งเข้าไปเป็นฮูหยินรอง เน
ตอนพิเศษ 4 (ตอนต้น) หลังจากงานแต่งผ่านไปได้หนึ่งเดือน คนในตระกูลหยางนำโดยท่านเสนาบดีหยางหมิงได้เดินทางกลับเมืองหลวง พวกเขานั้นได้จากเมืองหลวงมานานมากแล้ว สมควรต้องไปจัดการงานที่ค้างคาเอาไว้ แม้จะเสียดายที่หยางซูมี่กับเซี่ยเหวินหรงไม่ได้กลับไปด้วยก็ตาม“ท่านพ่อเดินทางกลับดีๆ นะเจ้าคะ อีก 3 เดือนลูกจะกลับเมืองหลวงพร้อมท่านอ๋องเจ้าค่ะ”“ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยมี่เอ๋อร์ ข้าน้อยขอฝากบุตรสาวด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ประโยคท้ายหยางหมิงหันไปเอ่ยกับเซี่ยเหวินหรง“ท่านพ่อตาอย่าได้เป็นห่วง มี่เอ๋อร์อยู่กับข้าย่อมต้องปลอดภัย”เซี่ยเหวินหรงให้คำมั่น ทั้งสองยืนส่งจนขบวนรถม้าเคลื่อนตัวห่างไปเรื่อยๆ“พี่ต้องกลับไปยังจวนเจ้าเมืองเพื่อพบหน้ากับเจ้าเมืองคนใหม่ เจ้าอยู่ที่นี่ดีๆ แล้วพี่จะรีบกลับมา” เซี่ยเหวินหรงลูบหัวหยางซูมี่ด้วยความเอ็นดู“เจ้าค่ะท่านพี่”หยางซูมี่พยักหน้ารับ แล้วเขย่งปลายเท้ายื่นหน้าไปจูบแก้มสาก จนใบหูของเขาขึ้นสีแดงก่ำ“รีบกลับมานะเจ้าคะ ข้าจะรออาบน้ำพร้อมกับท่านพี่”หยางซูมี่ขยิบตาใส่เซี่ยเหวินหรง
ตอนพิเศษ 3 (ตอนปลาย) เซี่ยเหวินหรงเองก็รีบปลดอาภรณ์ของเขาออกเช่นกัน ร่างกายสูงใหญ่ไร้อาภรณ์ปกปิดกาย มองเห็นกล้ามหน้าท้องหนั่นแน่นที่เป็นลอนสวยอย่างคนที่ออกกำลังกาย ตรงกึ่งกลางเห็นแท่งหยกที่เริ่มจะขยายตัวอวดความศักดิ์ดาของตน หยางซูมี่ลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นแท่งหยกของเขาหยางซูมี่เนื้อตัวแดงก่ำด้วยความเขินอาย แม้จะเคยร่วมรักกับเขามาหลายครั้ง แต่นางกับเขาก็ห่างหายกันไป 2 ปีกว่า นางจึงรู้สึกประหม่ามากนัก แต่เพราะไม่อยากจะให้เขารู้ว่านางนั้นเขินอายมากเพียงใด จึงทำใจกล้าเงยหน้ามองร่างสูง ยกยิ้มอ่อนหวานแล้วเอื้อมมือไปปลดสายผูกเอี๊ยมออก ทำให้ปราการชิ้นสุดท้ายหลุดร่วงลงมา มองเห็นก้อนเต้าหู้อวบอิ่มสองก้อนและเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อเซี่ยเหวินหรงไม่อาจจะอดใจได้อีกต่อไป เขาช้อนร่างบางของหยางซูมี่อุ้มลงไปในถังอาบน้ำด้วยกัน เขานั่งพิงขอบอ่างให้หยางซูมี่นั่งบนตักแกร่ง มือข้างหนึ่งบีบสะโพกกลมกลึง อีกข้างก็ยื่นไปข้างหน้ากอบกุมก้อนเต้าหู้บีบคลึงอย่างอ่อนโยน นิ้วชี้เขี่ยเม็ดทับทิมสีชมพูจนตั้งช่อชูชันขึ้นมา“อ๊าาาา ท่านพี่”เซี่ยเหวินหรงจับร่างบางหั
ตอนพิเศษ 3 (ตอนต้น) ขบวนเจ้าบ่าวนำโดยชินอ๋องเซี่ยเหวินหรง พระองค์ขี่อาชาโลหิตสีขาวนำขบวนสินสอดมากกว่า 100 หีบ โดยมีทหารของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬคอยดูแล แม้ว่าหยางซูมี่จะเอ่ยว่าต้องการจัดงานแต่งงานแบบเรียบง่ายแต่เมื่อฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงทรงทราบก็รีบส่งม้าเร็วนำราชโองการสมรสพระราชทานมามอบให้ ทั้งยังระบุว่าชินอ๋องจะมีหยางซูมี่เป็นพระชายาแต่เพียงผู้เดียวจวบจนทั้งคู่สิ้นอายุขัยข่าวการแต่งงานครั้งที่สองของทั้งคู่แพร่สะพัดไปทั่วแคว้นเซี่ย บางคนต่างก็ยินดีที่ทั้งสองกลับมาใช้ชีวิตร่วมกัน แต่บางคนก็ค่อนขอดที่ทั้งสองเลิกรากันไปแล้วแต่ยังกลับมาแต่งงานกันอีกครั้ง ไม่ว่าผู้คนจะพูดกันอย่างไร แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็หาได้สนใจไม่ เพราะทั้งคู่ได้ตกลงใจที่จะกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง คำพูดของผู้อื่นหาได้สลักสำคัญกับพวกเขาทั้งสองคนไม่เซี่ยเหวินหรงขี่ม้ามาหยุดที่หน้าประตูบ้านพักของหยางซูมี่ เมื่อเขาเดินเข้าไปยังห้องโถงหลักก็พบว่าหยางซูมี่นั้นยืนรอเขาอยู่ก่อนแล้ว วันนี้นางสวมชุดสีแดงมงคลปักลายหงส์สยายปีก และมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสวมทับเอาไว้ที่ศีรษะ ทำให้เขาไม่
ตอนพิเศษ 2 ริมชายหาดแห่งหมู่บ้านผิงอัน มีสตรีร่างบอบบาง กับบุรุษร่างสูงใหญ่นั่งอิงแอบกันอยู่ใต้ต้นมะพร้าว สายตาทั้งคู่ทอดมองออกไปยังน้ำทะเลใสสีเขียวมรกต หาดทรายสีขาวละเอียด ลมทะเลพัดมาเป็นระยะๆ คล้ายกับกำลังปลอบประโลมคนทั้งคู่ ทั้งสองปล่อยให้จิตใจได้ซึมซับกับธรรมชาติที่สวยงามนี้“เจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด” เซี่ยเหวินหรงหันมาเอ่ยถามในสิ่งที่เขาสงสัย“ข้ามาถึงเมื่อสามวันก่อนเจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมาทำให้ท่านแปลกใจเล่น” หยางซูมี่เอ่ยพลางหัวเราะ นัยน์ตาพราวระยับดั่งดวงดารา“รู้หรือไม่ว่าทำข้าเป็นห่วง ตอนที่ข้ารู้ว่าเจ้าหายตัวไป”เซี่ยเหวินหรงเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งรั้นอย่างมันเขี้ยว“ข้าเจ็บนะเหวินหรง”หยางซูมี่หันมาดุเขาอย่างไม่จริงจังนัก เซี่ยเหวินหรงเอื้อมมือไปกอบกุมที่มือขาวบางอย่างทะนุถนอม“ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าเร็วถึงเพียงนี้ ที่นี่มีเรื่องให้ข้าจัดการมากมายนัก ข้ายังคิดว่าอย่างเร็วก็คงอีกสักปีสองปีถึงจะกลับไปหาเจ้าที่เมืองหลวงได้”“ข้ารู้ว่าท่านทำงานหนักมากเพียงได ดูสิชินอ๋องผู้สง่างามกลายร่
ตอนพิเศษ 1 2 ปีต่อมาชายแดนใต้ของแคว้นเซี่ยที่ติดกับทะเล เมื่อ 2 ปีก่อนมีการค้าเกลือเถื่อนเกิดขึ้น เซี่ยเหวินหลินที่ได้ออกมาจัดการนั้น กลับจัดการแบบปล่อยผ่าน อนึ่งเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกับพ่อค้าที่ค้าเกลือเถื่อนแต่หลังจากที่ชินอ๋องเซี่ยเหวินหรงจัดการปราบปรามกบฏได้หมดสิ้น จึงได้ทูลขอฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงมาปราบปรามการค้าเกลือเถื่อน และมาจัดระบบการปกครองใหม่ของชายแดนใต้ ซึ่งฮ่องเต้ก็ได้ออกพระราชโองการมอบอำนาจทุกอย่างให้ชินอ๋องเป็นผู้จัดการทั้งหมดตลอดเวลากว่าสองปีที่ผ่านมานี้เซี่ยเหวินหรงออกรบไปปราบปรามโจรสลัดทั้งในน่านน้ำ และบนเรือ โจรสลัดนั้นชอบขึ้นมาดักปล้นฆ่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่ง แต่หลังจากที่ชินอ๋องมาโจรสลัดก็หนีหายไปหมดด้วยหวาดเกรงชินอ๋องนอกจากจะปราบโจรสลัดแล้ว เซี่ยเหวินหรงยังต้องเข้ามาปราบปรามพ่อค้าเกลือเถื่อน และยังต้องมาจัดระเบียบเมืองหนานผิงใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเจ้าเมืองหนานผิงปกครองเมืองชายแดนใต้อย่างไร้ความยุติธรรม กดขี่ข่มเหงชาวเมืองหนานผิง ทหารประจำเมืองก็ชอบรีดไถจากชาวบ้าน เรียกร้องค่าคุ้มครอง หากครอบค