บทที่ 8
พบหน้าไทเฮา เซี่ยเหวินหรงและหยางซูมี่เดินทางมาถึงตำหนักหย่งเหิงของไทเฮา เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้าไปพบได้ ทั้งสองถวายความเคารพไทเฮาอย่างเต็มพิธีการ ฉีกงกงขันทีข้างกายของไทเฮาเดินถือถาดที่มีถ้วยน้ำชา 2 ใบ ยื่นให้ชินอ๋องกับพระชายา เซี่ยเหวินหรงกำลังยื่นถ้วยน้ำชาให้ไทเฮา แต่หันไปเห็นหยางซูมี่ถือถ้วยน้ำชาด้วยมืออันสั่นเทา อีกทั้งยังมีควันลอยกรุ่นออกมาจากถ้วยน้ำชา เห็นได้ชัดว่าถ้วยน้ำชาของหยางซูมี่นั้นร้อนมาก เซี่ยเหวินหรงใช้มืออีกข้างหยิบถ้วยน้ำชาของหยางซูมี่ แล้วจงใจวางลงในถาดที่ฉีกงกงถือไว้อย่างแรง จนทำให้น้ำชาที่ร้อนนั้นกระเด็นไปโดนมือของฉีกงกง จนเผลอปล่อยถาดร่วงตกลงมา น้ำชาร้อนหกรดลวกขาฉีกงกง เซี่ยเหวินหรงเพียงปรายตามองฉีกงกงด้วยรอยยิ้ม บังอาจนักกล้ามาแตะต้องมี่มี่ของเขา “ลูกต้องขอประทานอภัยเสด็จแม่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ น้ำชาในถ้วยของหวางเฟยนั้นร้อนมาก ฉีกงกงคงชราเกินไปจนไม่ทันได้ตรวจดูให้ดีก่อน หวางเฟยของลูกมีความอดทนจึงไม่ทำให้น้ำชาร้อนพลาดไปหกใส่เสด็จแม่มิเช่นนั้นคงอาจจะทำให้ผิวของเสด็จแม่มีรอยแผลเป็นได้” เซี่ยเหวินหรงเอ่ยตำหนิ และไม่พอใจเป็นอย่างมาก มู่อิงฮวาเห็นเช่นนั้นจึงพยายามไกล่เกลี่ย “ช่วงนี้ฉีกงกงรับใช้แม่หลายอย่าง คงจะทำให้เขาเลอะเลือนไปบ้าง เจ้าอย่าได้ถือสาไปเลย” ไทเฮาไม่สั่งลงโทษในความสะเพร่าของฉีกงกงแต่กลับแก้ตัวให้ หยางซูมี่ได้ฟังก็ยิ่งสงสัยนัก ทั้งแววตา ท่าทางของไทเฮาก็เป็นสิ่งที่นางไม่อาจละเลยได้เลย “หวางเฟยเป็นเช่นไรบ้าง คงแสบร้อนน่าดู ยังไม่รีบไปตามหมอหลวงมาอีก” มู่อิงฮวาตวาดเสียงดุข้ารับใช้ “แผลเพียงเล็กน้อย อย่าได้ลำบากหมอหลวงเลยเพคะ หม่อมฉันไม่เป็นอะไรมาก” มู่อิงฮวายกยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วลุกขึ้นมาจับมือหยางซูมี่ จากนั้นจึงหันไปเอ่ยให้นางกำนัลหยิบขวดยาสีเขียวหยกออกมา มู่อิงฮวารับขวดยามาจากนางกำนัล แล้วลงมือทายาให้หยางซูมี่ด้วยตนเอง เพียงไม่นานความแสบร้อนที่มือก็จางหายไปแทนที่ด้วยความชุ่มชื้นเย็นสบาย “ขอบพระทัยไทเฮาเพคะ” หยางซูมี่เอ่ยขอบคุณ แล้วเดินถอยออกมายืนข้างเซี่ยเหวินหรง มู่เหลียนฮวาเดินเข้ามาในตำหนักหลังจากนางกำนัลเข้ามารายงานมู่อิงฮวา นางยอบกายคารวะผู้เป็นใหญ่ในตำหนัก และชินอ๋องกับพระชายา “หม่อมฉันไม่ทราบว่าชินอ๋องกับพระชายาจะเสด็จมาเข้าเฝ้าไทเฮาด้วย ไม่เช่นนั้นคงจะขอติดตามมาด้วยเพคะ” หยางซูมี่ลอบกลอกตามองบน พึ่งพบกันระหว่างทาง อีกทั้งวันนี้นางกับชินอ๋องต้องมาคารวะน้ำชาไทเฮาอยู่แล้ว มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าเสแสร้ง มู่เหลียนฮวานั้นช่างคล้ายคลึงกับน้องรองของนางจริงๆ “มู่เอ๋อร์มาแล้ว ช่างเถอะๆ วันนี้เจ้านำอะไรมาให้ข้าล่ะ” มู่อิงฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดี “หม่อมฉันตุ๋นรังนกมาถวายไทเฮาเพคะ” “เจ้าช่างเป็นเด็กรู้ความ นี่ก็ใกล้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว งั้นหรงเอ๋อร์กับหวางเฟยอยู่กินข้าวเป็นเพื่อนคนแก่หน่อยเถิด” "พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ / เพคะไทเฮา" ทั้งสองตอบรับอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ มื้ออาหารครั้งนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกอึดอัดนักสำหรับหยางซูมี่ ไทเฮาทรงคอยพูดจา และคีบอาหารให้กับเซี่ยเหวินหรงและมู่เหลียนฮวาอย่างสนิทสนม นานๆ ที ถึงจะหันมาพูดคุยกับหยางซูมี่ เซี่ยเหวินหรงก็เพียงตอบรับไทเฮาเป็นครั้งคราว มู่เหลียนฮวาคอยชายตาลอบมองชินอ๋องตลอดเวลา ท่าทางเขินอายประหนึ่งถูกชินอ๋องเกี้ยว กว่าจะจบมื้ออาหารทำเอาหยางซูมี่ลอบถอนหายใจไปหลายครั้ง นางก็พอรู้มาบ้างว่าไทเฮาอยากให้มู่เหลียนฮวาแต่งเข้าจวนชินอ๋อง แต่การที่พระนางทำเช่นนี้ในวันนี้มันออกจะเกินไปหรือไม่ นางพึ่งจะแต่งมาได้แค่วันเดียว ไทเฮาก็ทรงทำเหมือนจะให้ชินอ๋องทรงรับชายาเข้ามาเพิ่มอีกคน กลับมาจากพระราชวัง หยางซูมี่ขลุกตัวอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหน นางครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เจอในวันนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย และไม่เข้าใจ พฤติกรรมของแต่ละคนนั้นช่างขัดแย้งกันไปหมด การที่นางแต่งเข้าจวนชินอ๋องเห็นทีจะไม่ง่ายเสียแล้ว ยิ่งคิดยิ่งทอดถอนใจ นางอยากใช้ชีวิตธรรมดาแสนเรียบง่าย แต่สวรรค์กลับไม่เห็นใจนางบ้างเลย เซี่ยเหวินหรงเข้ามาในห้องหนังสือ ฟังคำรายงานจากไป๋ลู่องครักษ์คนสนิทที่เขาให้ไปสืบความถึง 2 ปี ถึงได้กลับมา จากคำรายงานของไป๋ลู่ ทำให้เขาเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าการตายของเสด็จแม่เว่ยกุ้ยเฟยพระมารดาผู้ให้กำเนิดเขามานั้น ไม่ได้สิ้นพระชนม์เพราะป่วยตาย แต่เป็นเพราะมีคนตั้งใจ แม้ตอนนี้เขายังไม่รู้แน่ชัดว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตายของเสด็จแม่ แต่ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร มันจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต! ไป๋ลู่และไป๋เย่รู้สึกกดดันถึงไอสังหารที่ชินอ๋องปล่อยออกมา ข่าวนี้นับเป็นข่าวที่กระทบจิตใจของชินอ๋องเป็นอย่างมาก “รายงาน ตอนนี้ทางชายแดนเหนือเกิดกบฏ หัวหน้าเผ่าหูเจี๋ยน่าเปลี่ยนผู้นำเผ่าแล้วพ่ะย่ะค่ะ เป็นหูเจี๋ยลี่หัวหน้าเผ่าคนใหม่ สายของเรารายงานว่าธิดาเทพประจำเผ่าได้ทำนายว่า หูเจี๋ยลี่จะเป็นผู้นำเผ่าหูเจี๋ยน่าที่ยิ่งใหญ่ ใต้ความชี้นำจากธิดาเทพทำให้หูเจี๋ยลี่เกิดลำพองใจ คิดก่อกบฏ ขึ้นที่ชายแดนเหนือแคว้นเซี่ยของเราพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ทหารและชาวบ้านต่างพากันระส่ำระสายด้วยแม่ทัพที่คอยดูแลชายแดนเหนือสิ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋เย่เดินออกมารายงานข่าวที่พึ่งทราบจากสายข่าวที่ส่งออกไปประจำยังจุดต่างๆ ทั่วดินแดน “ข้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพี่ เจ้าสองคนไปแจ้งข่าวแก่นายกองทั้งสี่ให้เตรียมตัว อีกไม่นานข้าจะนำทัพไปปราบเผ่าหูเจี๋ยน่าเอง” ทั้งสองรับคำ แล้วรีบไปส่งสาส์นบอกข่าวแก่นายกองทั้งสี่แห่งกองทัพพยัคฆ์ทมิฬทันที ณ ท้องพระโรงของแคว้นเซี่ย "หัวหน้าเผ่าคนใหม่ของเผ่าหูเจี๋ยน่าช่างเหิมเกริมนัก เพราะคิดว่ามีธิดาเทพเป็นเทพเซียนมาจุติ จึงได้อาจหาญกล้าท้าทายแคว้นเซี่ย ขอฝ่าบาทโปรดให้กระหม่อมลู่เหอหมิงออกรบเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะยกทัพไปตีเผ่าหูเจี๋ยน่าให้ย่อยยับ" แม่ทัพลู่เหอหมิง อยู่ในวัยกลางคน เป็นบุรุษร่างใหญ่ องอาจห้าวหาญ ใบหน้ามีรอยแผลเป็นที่ข้างแก้มซ้าย ทำให้ดูน่าหวาดกลัวต่อผู้ที่พบเห็น "ท่านแม่ทัพลู่ใจร้อนเกินไปแล้ว กระหม่อมกลับคิดว่าการที่หัวหน้าเผ่าผู้นี้เหิมเกริมเป็นเพราะธิดาเทพ หากเรากำจัดนางได้ย่อมทำให้เผ่าหูเจี๋ยน่าเสียขวัญเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ" เจียงเฉินรองเจ้ากรมการคลังเอ่ยแย้ง หากต้องจัดทัพไปออกรบ เงินในพระคลังจะต้องร่อยหรอเป็นแน่ จะไม่ดีกว่าหรือหากส่งสายลับไปกำจัดสตรีเพียงผู้เดียว "ที่รองเจ้ากรมเจียงพูดมาก็มีเหตุผล แต่ข้าคิดว่าการกำจัดหัวหน้าเผ่าหูเจี๋ยน่าก็เป็นเรื่องสำคัญ แม่ทัพของเราต้องสังเวยไปแล้วคนหนึ่งในสนามรบ หากฝ่าบาททรงเพิกเฉยแคว้นอื่นจะกระด้างกระเดื่องเอาได้ กระหม่อมยินดีนำกองทัพพยัคฆ์ทมิฬออกไปปราบปรามเผ่าหูเจี๋ยน่าพ่ะย่ะค่ะ" เซี่ยเหวินหรงออกความเห็น และเสนอตัวออกไปรบ "เจ้าพึ่งจะแต่งพระชายาได้แค่วันเดียวเองนะ จะออกไปรบได้อย่างไร" เซี่ยเฟยหลงเอ่ยแย้งอย่างไม่เห็นด้วย "กระหม่อมเป็นขุนนางของฝ่าบาท ย่อมสามารถสละซึ่งความสุขของตนเองได้พ่ะย่ะค่ะ" เสียงทุ้มเข้มเอ่ยอย่างหนักแน่นมั่นคง เซี่ยเฟยหลงถอนหายใจก่อนจะรับสั่งให้เซี่ยเหวินหรงออกไปรบในอีก 3 วันข้างหน้าคือวันเคลื่อนทัพ จวนชินอ๋อง พ่อบ้านหลินรีบเดินเข้ามาพบพระชายาเพื่อแจ้งข่าวให้ทรงทราบว่าในอีก 3 วันท่านอ๋องจะต้องเดินทางไปรบยังชายแดนเหนือเพื่อปราบปรามเผ่าหูเจี๋ยน่า หยางซูมี่รับฟังคำรายงานแล้วเพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะเรียกตัวสาวใช้ทั้งหมดมาชุมนุมกันที่หน้าเรือนหลัก จากนั้นสั่งให้ซินซินไปแบ่งหน้าที่ของสาวใช้เพื่อจัดเตรียมเสบียงอาหาร และของใช้จำเป็นให้กับชินอ๋อง แม้พ่อบ้านหลินจะทุกข์ใจที่ชินอ๋องกับพระชายาแต่งงานกันได้เพียงวันเดียว ก็มีเหตุต้องแยกจากกันเสียแล้ว แต่ใจหนึ่งก็อดจะปลื้มใจแทนชินอ๋องไม่ได้ ที่พระชายาทรงเป็นห่วงชินอ๋องยิ่งนักถึงกับลงมากำกับงานกับสาวใช้ด้วยพระองค์เอง ในครัวของจวนชินอ๋อง หยางซูมี่กำลังสั่งให้สาวใช้แล่เนื้อหมูเป็นชิ้นบางๆ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ จากนั้นใส่เกลือลงไปและผงวิเศษที่นางนำมาจากที่จวนตระกูลหยาง เมื่อคลุกเคล้าให้ได้ที่แล้ว สั่งให้พักไว้ อีก 1 ชั่วยามจึงค่อยนำไปตากแดด แม้พวกสาวใช้จะงุนงงกับวิธีการเช่นนี้ แต่ทุกคนก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้หยางซูมี่ยังสั่งให้นำหนังหมูมาหั่นเป็นเส้น เอาใส่ในกระทะเจียวจนเหลืองกรอบ นำมาใส่ครกตำแค่พอแตก ครกที่ใช้นั้นนางเป็นผู้สั่งช่างทำขึ้นมาเป็นพิเศษซึ่งนำมาจากจวนตระกูลหยางด้วย หยางซูมี่หันไปสั่งสาวใช้ 2 คนให้ซอยหอมแดงกับกระเทียม แล้วนำไปเจียวในกระทะให้ออกสีเหลืองทอง พักไว้จนเย็น นำมาคลุกเคล้ากับกากหมูที่ตำเสร็จแล้ว ใส่น้ำตาลทรายกับเกลือ และพริกแห้งคั่ว เสร็จแล้วเก็บไว้ในไห เอาผ้ามาปิดไว้ให้สนิทเพื่อนำไปที่ชายแดนด้วย นอกจากจะมีหมูแดดเดียวกับน้ำพริกกากหมูแล้ว หยางซูมี่ยังสั่งให้เจินเจินกลับไปที่จวนตระกูล หยาง แล้วขนผักดองกับไข่เค็มดองที่ได้ที่แล้วโดยนำมาอย่างละ 100 ไห พ่อครัวจวนชินอ๋องต่างทึ่งกับวิธีการทำอาหารของพระชายาไม่ได้ เมื่อลองนำหมูไปทอดแล้วชิม โดยกินกับข้าวร้อนๆ พร้อมน้ำพริกกากหมู ไข่เค็ม ผักดองนั้น ล้วนมีรสชาติที่แปลกใหม่แต่เลิศรสทั้งสิ้น ทุกคนในจวนชินอ๋องเมื่อได้ลองชิมต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ฝีมือการทำอาหารของพระชายานั้นช่างล้ำเลิศนัก ของที่ดูหาง่าย แต่กลับทำให้อร่อยได้ถึงเพียงนี้ตอนพิเศษ 4 (ตอนปลาย) “คุณหนูกู่เกรงใจเกินไปแล้ว ในฐานะตัวแทนของฝ่าบาทพวกข้าต้องมาร่วมยินดีอยู่แล้ว”หยางซูมี่เดินเข้างานไปเลย ไม่ได้สนใจสตรีนางนี้มากนัก ทำเพียงเหมือนกับว่านางไม่คู่ควรที่จะให้พระชายาเช่นนางต้องมาเสวนาด้วย กู่เจียอีได้แต่ลอบกำมือแน่น คอยดูเถอะวันนี้ข้าจะเหยียบหน้าจมให้จมดิน และจะกลายมาเป็นพระชายาของชินอ๋องให้จงได้“เจ้าอยากเล่นกับนางหรือไม่” เซี่ยเหวินหรงหันมาเอ่ยถามภรรยาคนงาม“ให้บทเรียนกับนางเบาๆ ก็พอเจ้าค่ะ” หยางซูมี่หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่พระสวามีงานเลี้ยงในจวนเจ้าเมืองวันนี้ กลับพบว่าขณะที่ทั้งหมดกำลังสนุกสนานกันภายในงานเลี้ยงนั้น กลับพบว่าคุณหนูกู่เจียอีผลัดตกลงไปในสระน้ำ แต่โชคดีที่มีคุณชายท่านหนึ่งช่วยเอาไว้ได้ แต่เพราะตอนเปียกน้ำทำให้ทั้งสองได้แนบชิดกัน และด้วยอาภรณ์ของกู่เจียอีนั้นที่เป็นสีขาว ทำให้มองเห็นเรือนร่างของนาง จนมองเห็นไปถึงเอี๊ยมตัวใน และคุณชายผู้นี้ก็ได้แตะต้องนางไปแล้วแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ด้วยเหตุนี้ในหนึ่งเดือนต่อมาจึงได้เกิดงานมงคลขึ้นกู่เจียอีได้แต่งเข้าไปเป็นฮูหยินรอง เน
ตอนพิเศษ 4 (ตอนต้น) หลังจากงานแต่งผ่านไปได้หนึ่งเดือน คนในตระกูลหยางนำโดยท่านเสนาบดีหยางหมิงได้เดินทางกลับเมืองหลวง พวกเขานั้นได้จากเมืองหลวงมานานมากแล้ว สมควรต้องไปจัดการงานที่ค้างคาเอาไว้ แม้จะเสียดายที่หยางซูมี่กับเซี่ยเหวินหรงไม่ได้กลับไปด้วยก็ตาม“ท่านพ่อเดินทางกลับดีๆ นะเจ้าคะ อีก 3 เดือนลูกจะกลับเมืองหลวงพร้อมท่านอ๋องเจ้าค่ะ”“ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยมี่เอ๋อร์ ข้าน้อยขอฝากบุตรสาวด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ประโยคท้ายหยางหมิงหันไปเอ่ยกับเซี่ยเหวินหรง“ท่านพ่อตาอย่าได้เป็นห่วง มี่เอ๋อร์อยู่กับข้าย่อมต้องปลอดภัย”เซี่ยเหวินหรงให้คำมั่น ทั้งสองยืนส่งจนขบวนรถม้าเคลื่อนตัวห่างไปเรื่อยๆ“พี่ต้องกลับไปยังจวนเจ้าเมืองเพื่อพบหน้ากับเจ้าเมืองคนใหม่ เจ้าอยู่ที่นี่ดีๆ แล้วพี่จะรีบกลับมา” เซี่ยเหวินหรงลูบหัวหยางซูมี่ด้วยความเอ็นดู“เจ้าค่ะท่านพี่”หยางซูมี่พยักหน้ารับ แล้วเขย่งปลายเท้ายื่นหน้าไปจูบแก้มสาก จนใบหูของเขาขึ้นสีแดงก่ำ“รีบกลับมานะเจ้าคะ ข้าจะรออาบน้ำพร้อมกับท่านพี่”หยางซูมี่ขยิบตาใส่เซี่ยเหวินหรง
ตอนพิเศษ 3 (ตอนปลาย) เซี่ยเหวินหรงเองก็รีบปลดอาภรณ์ของเขาออกเช่นกัน ร่างกายสูงใหญ่ไร้อาภรณ์ปกปิดกาย มองเห็นกล้ามหน้าท้องหนั่นแน่นที่เป็นลอนสวยอย่างคนที่ออกกำลังกาย ตรงกึ่งกลางเห็นแท่งหยกที่เริ่มจะขยายตัวอวดความศักดิ์ดาของตน หยางซูมี่ลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นแท่งหยกของเขาหยางซูมี่เนื้อตัวแดงก่ำด้วยความเขินอาย แม้จะเคยร่วมรักกับเขามาหลายครั้ง แต่นางกับเขาก็ห่างหายกันไป 2 ปีกว่า นางจึงรู้สึกประหม่ามากนัก แต่เพราะไม่อยากจะให้เขารู้ว่านางนั้นเขินอายมากเพียงใด จึงทำใจกล้าเงยหน้ามองร่างสูง ยกยิ้มอ่อนหวานแล้วเอื้อมมือไปปลดสายผูกเอี๊ยมออก ทำให้ปราการชิ้นสุดท้ายหลุดร่วงลงมา มองเห็นก้อนเต้าหู้อวบอิ่มสองก้อนและเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อเซี่ยเหวินหรงไม่อาจจะอดใจได้อีกต่อไป เขาช้อนร่างบางของหยางซูมี่อุ้มลงไปในถังอาบน้ำด้วยกัน เขานั่งพิงขอบอ่างให้หยางซูมี่นั่งบนตักแกร่ง มือข้างหนึ่งบีบสะโพกกลมกลึง อีกข้างก็ยื่นไปข้างหน้ากอบกุมก้อนเต้าหู้บีบคลึงอย่างอ่อนโยน นิ้วชี้เขี่ยเม็ดทับทิมสีชมพูจนตั้งช่อชูชันขึ้นมา“อ๊าาาา ท่านพี่”เซี่ยเหวินหรงจับร่างบางหั
ตอนพิเศษ 3 (ตอนต้น) ขบวนเจ้าบ่าวนำโดยชินอ๋องเซี่ยเหวินหรง พระองค์ขี่อาชาโลหิตสีขาวนำขบวนสินสอดมากกว่า 100 หีบ โดยมีทหารของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬคอยดูแล แม้ว่าหยางซูมี่จะเอ่ยว่าต้องการจัดงานแต่งงานแบบเรียบง่ายแต่เมื่อฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงทรงทราบก็รีบส่งม้าเร็วนำราชโองการสมรสพระราชทานมามอบให้ ทั้งยังระบุว่าชินอ๋องจะมีหยางซูมี่เป็นพระชายาแต่เพียงผู้เดียวจวบจนทั้งคู่สิ้นอายุขัยข่าวการแต่งงานครั้งที่สองของทั้งคู่แพร่สะพัดไปทั่วแคว้นเซี่ย บางคนต่างก็ยินดีที่ทั้งสองกลับมาใช้ชีวิตร่วมกัน แต่บางคนก็ค่อนขอดที่ทั้งสองเลิกรากันไปแล้วแต่ยังกลับมาแต่งงานกันอีกครั้ง ไม่ว่าผู้คนจะพูดกันอย่างไร แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็หาได้สนใจไม่ เพราะทั้งคู่ได้ตกลงใจที่จะกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง คำพูดของผู้อื่นหาได้สลักสำคัญกับพวกเขาทั้งสองคนไม่เซี่ยเหวินหรงขี่ม้ามาหยุดที่หน้าประตูบ้านพักของหยางซูมี่ เมื่อเขาเดินเข้าไปยังห้องโถงหลักก็พบว่าหยางซูมี่นั้นยืนรอเขาอยู่ก่อนแล้ว วันนี้นางสวมชุดสีแดงมงคลปักลายหงส์สยายปีก และมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสวมทับเอาไว้ที่ศีรษะ ทำให้เขาไม่
ตอนพิเศษ 2 ริมชายหาดแห่งหมู่บ้านผิงอัน มีสตรีร่างบอบบาง กับบุรุษร่างสูงใหญ่นั่งอิงแอบกันอยู่ใต้ต้นมะพร้าว สายตาทั้งคู่ทอดมองออกไปยังน้ำทะเลใสสีเขียวมรกต หาดทรายสีขาวละเอียด ลมทะเลพัดมาเป็นระยะๆ คล้ายกับกำลังปลอบประโลมคนทั้งคู่ ทั้งสองปล่อยให้จิตใจได้ซึมซับกับธรรมชาติที่สวยงามนี้“เจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด” เซี่ยเหวินหรงหันมาเอ่ยถามในสิ่งที่เขาสงสัย“ข้ามาถึงเมื่อสามวันก่อนเจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมาทำให้ท่านแปลกใจเล่น” หยางซูมี่เอ่ยพลางหัวเราะ นัยน์ตาพราวระยับดั่งดวงดารา“รู้หรือไม่ว่าทำข้าเป็นห่วง ตอนที่ข้ารู้ว่าเจ้าหายตัวไป”เซี่ยเหวินหรงเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งรั้นอย่างมันเขี้ยว“ข้าเจ็บนะเหวินหรง”หยางซูมี่หันมาดุเขาอย่างไม่จริงจังนัก เซี่ยเหวินหรงเอื้อมมือไปกอบกุมที่มือขาวบางอย่างทะนุถนอม“ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าเร็วถึงเพียงนี้ ที่นี่มีเรื่องให้ข้าจัดการมากมายนัก ข้ายังคิดว่าอย่างเร็วก็คงอีกสักปีสองปีถึงจะกลับไปหาเจ้าที่เมืองหลวงได้”“ข้ารู้ว่าท่านทำงานหนักมากเพียงได ดูสิชินอ๋องผู้สง่างามกลายร่
ตอนพิเศษ 1 2 ปีต่อมาชายแดนใต้ของแคว้นเซี่ยที่ติดกับทะเล เมื่อ 2 ปีก่อนมีการค้าเกลือเถื่อนเกิดขึ้น เซี่ยเหวินหลินที่ได้ออกมาจัดการนั้น กลับจัดการแบบปล่อยผ่าน อนึ่งเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกับพ่อค้าที่ค้าเกลือเถื่อนแต่หลังจากที่ชินอ๋องเซี่ยเหวินหรงจัดการปราบปรามกบฏได้หมดสิ้น จึงได้ทูลขอฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงมาปราบปรามการค้าเกลือเถื่อน และมาจัดระบบการปกครองใหม่ของชายแดนใต้ ซึ่งฮ่องเต้ก็ได้ออกพระราชโองการมอบอำนาจทุกอย่างให้ชินอ๋องเป็นผู้จัดการทั้งหมดตลอดเวลากว่าสองปีที่ผ่านมานี้เซี่ยเหวินหรงออกรบไปปราบปรามโจรสลัดทั้งในน่านน้ำ และบนเรือ โจรสลัดนั้นชอบขึ้นมาดักปล้นฆ่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่ง แต่หลังจากที่ชินอ๋องมาโจรสลัดก็หนีหายไปหมดด้วยหวาดเกรงชินอ๋องนอกจากจะปราบโจรสลัดแล้ว เซี่ยเหวินหรงยังต้องเข้ามาปราบปรามพ่อค้าเกลือเถื่อน และยังต้องมาจัดระเบียบเมืองหนานผิงใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเจ้าเมืองหนานผิงปกครองเมืองชายแดนใต้อย่างไร้ความยุติธรรม กดขี่ข่มเหงชาวเมืองหนานผิง ทหารประจำเมืองก็ชอบรีดไถจากชาวบ้าน เรียกร้องค่าคุ้มครอง หากครอบค