บทที่ 7
มู่เหลียนฮวา "อื้อ หนักจัง ต้าปิงเจ้าแมวอ้วนลุกออกไปจากท้องเลยนะ" หยางซูมี่พึมพำอย่างงัวเงีย คิ้วเรียวขมวดเพราะความอึดอัดที่ช่วงท้อง รู้สึกเหมือนมีอะไรทับ คิดว่าเป็นต้าปิงแมวอ้วนแสนรัก เอ๊ะ! แต่ต้าปิงไม่ได้ย้อนกลับมานี่น่าแล้วนางก็คือหยางซูมี่ไม่ใช่ไผ่หลิว แล้วอะไรทับท้อง นัยน์ตากลมโตค่อยๆ ปรือตาขึ้นมอง แม้จะยังง่วงงุนอยู่มากแต่สิ่งที่เห็นก็คือแขนผู้ชายที่มาทับท้อง เมื่อเลื่อนสายตาไปพบหน้าอกแกร่ง ไล่ลงไปเป็นคอ ถัดไปเป็นปลายคาง ปากหยักหนา จมูกโด่งเป็นสัน และสายตาคมที่กำลังมองลงมา "ชินอ๋อง!" หยางซูมี่อุทานด้วยความตกใจจึงรีบลุกขึ้นนั่ง แต่ติดที่แขนแกร่งไม่ยอมปล่อยเอวคอดของนาง "เรียกท่านพี่" เซี่ยเหวินหรงเอ่ยเสียงเข้มเล็กน้อยที่ร่างบางเรียกยังเขาว่าชินอ๋อง "มี่มี่ลุกไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะต้องเข้าวังไปพบเสด็จพี่กับเสด็จแม่" เซี่ยเหวินหรงลุกขึ้นไปเรียกสาวใช้หน้าห้องให้มาปรนนิบัติ แล้วเดินหายเข้าไปหลังฉากกั้นเพื่ออาบน้ำ หยางซูมี่ได้แต่มองตามเซี่ยเหวินหรงที่เดินหายเข้าไปหลังฉากกั้น นางหันไปหาสาวใช้ให้ช่วงประคองลุกขึ้นนั่ง เจินเจินเดินถืออ่างน้ำเข้ามาให้หยางซูมี่ล้างหน้า เซี่ยเหวินหรงเดินออกมาจากฉากกั้น สาวใช้จะเข้าไปช่วงแต่งตัวให้แต่เพียงแค่เขาปรายตามอง ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ ชินอ๋องทรงหวงพระวรกายมากไม่ให้สาวใช้คนใดเข้ามายุ่งวุ่นวายกับวรกายที่ล้ำค่าของตน เขาเพียงเข้าไปสวมชุดด้วยตนเองเหมือนทุกครั้ง “น้องหญิงมาช่วยแต่งตัวให้พี่หน่อยเถิด” น้ำเสียงทุ้มเข้มฟังดูเว้าวอน พวกสาวใช้ได้แต่ก้มหน้าเขินอายแทนพระชายา หยางซูมี่เดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย ผูกสายคาดเอว หวีผมดำขลับ ก่อนจะรวบเป็นมวยแล้วสวมกวานเป็นอันเสร็จ หยางซูมี่เดินถอยออกมาแล้วเดินเข้าไปหลังฉากกั้นบ้างเพื่ออาบน้ำ หลังจากที่สาวใช้เข้ามาเปลี่ยนน้ำถังใหม่ให้แล้ว เมื่อแต่งตัวเสร็จ หยางซูมี่จึงเดินออกมาจากห้องนอนไปที่ห้องโถงที่มีสำรับอาหารเตรียมไว้ให้ ทั้งสองทานอาหารกันอย่างเงียบๆ ไม่มีเสียงพูดคุย แต่ต่างคนก็คอยคีบอาหารให้แก่กัน เป็นการทานอาหารที่เรียบง่ายแต่ดูอบอุ่นอ่อนโยน วันนี้หยางซูมี่สวมอาภรณ์น้ำเงินเข้มไล่ไปหาสีฟ้าอ่อน ชายเสื้อปักเป็นลายนกยวนยางเดินดิ้นสีทอง เจินเจินทำผมให้กับหยางซูมี่ โดยเกล้าผมให้เป็นมวยผมขึ้นสูงอย่างสตรีที่ออกเรือนแล้ว ปักปิ่นทองรูปนกยวนยาง ดูงดงามเรียบง่ายแต่สง่างาม เซี่ยเหวินหรงสวมชุดสีน้ำเงินเข้มปักลายพยัคฆ์เดินดิ้นทอง ดูภูมิฐานสง่างาม เมื่อลงมาจากรถม้าหน้าพระราชวัง เกากงกงที่รอมาต้อนรับรีบเชิญเสด็จชินอ๋องกับพระชายาไปที่ตำหนักเฉียนชิงทันที ตลอดทางที่เดินผ่านมาหยางซูมี่สังเกตว่าจะมีพระสนมของฮ่องเต้อยู่ข้างทางประปราย คงจะมาสังเกตการณ์เป็นแน่ นางกำนัลและขันทีก็ให้เห็นอยู่หลายคนนักคงจะเป็นข้ารับใช้ที่ถูกสั่งจากผู้เป็นนายให้มาดูสถานการณ์ หยางซูมี่เดินอมยิ้มมาตลอดทาง เดินมากว่าเกือบหนึ่งเค่อทั้งสามจึงได้มาถึงยังตำหนักเฉียนชิง ตำหนักเฉียนชิงคือที่ประทับของฮ่องเต้ ตัวตำหนักสร้างจากไม้เนื้อหอมราคาแพง ทุกเสาแม้แต่บานประตูและหน้าต่างล้วนแกะสลักเป็นรูปมังกรดูวิจิตรงดงามอลังการ สีทองอร่ามที่สะท้อนออกมาก็คือทองคำบริสุทธิ์ทั้งหลัง นับว่าตำหนักเฉียนชิงคือตำหนักที่ล้ำค่าและงดงามที่สุดในพระราชวังแห่งนี้ “ชินอ๋องกับพระชายาเสด็จมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เกากงกงรายงาน “รีบเข้ามา” ผู้สูงศักดิ์แห่งวังหลวงเอ่ยอนุญาต เซี่ยเหวินหรงและหยางซูมี่เดินเข้าไปที่ตำหนักเฉียนชิง หยางซูมี่รู้สึกประหม่านี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้อย่างใกล้ชิด แม้เคยเห็นพระองค์แต่ก็เห็นจากที่ไกลๆ เท่านั้น อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นปนประหม่า ฝ่ามือเล็กเย็นเฉียบจนเซี่ยเหวินหรงที่จับมือเล็กอยู่ต้องหันมาเอ่ยปลอบโยน “เสด็จพี่พระทัยดีอย่าได้กังวล เพียงทำตัวดั่งเช่นปกติ” หยางซูมี่หันมองคนข้างกาย รู้สึกอุ่นวาบในใจ นางสูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา “ถวายบังคับฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ” ทั้งสองถวายความเคารพอย่างพร้อมเพรียงกัน “รีบลุกขึ้นไม่ต้องมากพิธี คราวหน้าเมื่ออยู่กันตามลำพังไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์” เซี่ยเฟยหลงเอ่ยอย่างใจดี “เจ้าค่ะ” หยางซูมี่เอ่ยตอบรับอย่างว่าง่าย เซี่ยเฟยหลงยกยิ้มอย่างพอใจ เกากงกงเดินถือถาดน้ำชาเข้ามา เพื่อให้สองสามีภรรยายกน้ำชาให้ญาติผู้ใหญ่ ฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงอายุห่างจากเซี่ยเหวินหรงถึง 10 ปี ทำให้เขาเอ็นดูน้องชายคนนี้มาก หลังจากยกน้ำชาให้แล้ว เซี่ยเฟยหลงประทานของขวัญให้คู่สามีภรรยาหลายชิ้น พระองค์ทรงพูดคุยเพื่อสร้างความสนิทสนมกับน้องสะใภ้ หยางซูมี่สังเกตว่าฮ่องเต้ดูจะทรงเอ็นดูสวามีของนางเป็นอย่างมาก แววตาแม้จะดูมีความสุข แต่ก็แฝงไปด้วยรอยเศร้าลึกที่วาบผ่านขึ้นมาชั่วครู่ เป็นความรู้สึกที่ดูเห็นใจและรู้สึกผิด หยางซูมี่ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ผ่านไปครึ่งชั่วยามทั้งคู่จึงกราบทูลลาเพื่อไปเข้าเฝ้าไทเฮาต่อ ตำหนักเฉียนชิงกับตำหนักหย่งเหิงอยู่ไม่ห่างกันมากนัก เดินไม่ทันธูปหมดดอกก็ถึงแล้ว ระหว่างทางทั้งสองพบคุณหนูมู่เหลียนฮวาที่กำลังเดินนำนางกำนัลมาทางนี้พอดี อีกฝ่ายเมื่อหันมาเห็นชินอ๋องก็ลอบยิ้มในใจ ส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มส่งมาให้ชินอ๋อง “มู่เอ๋อร์ถวายพระพรชินอ๋องเพคะ” มู่เหลียนฮวามองเมินสตรีข้างกายชินอ๋อง ซินซินที่ติดตามหยางซูมี่มาด้วยขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจนักที่อีกฝ่ายกล้าเมินพระชายา “คุณหนูมู่คงลืมถวายความเคารพต่อพระชายาเอกในชินอ๋อง หรือว่าในสายตาของคุณหนูมู่มองเพียงชินอ๋องเจ้าคะ” ประโยคเดียวของซินซินเหมือนตบหน้ามู่เหลียนฮวา พระชายายืนอยู่ตรงหน้าแต่เลือกที่จะมองเมินไม่ถวายความเคารพ ทำเช่นนี้เท่ากับไร้มารยาท ขาดการอบรม ไม่ให้เกียรติราชวงศ์ในสายตาเอาแต่จดจ้องแต่พระสวามีของผู้อื่น “ถวายพระพรพระชายาเพคะ ต้องขอประทานอภัยพระชายาด้วยเพคะ หม่อมฉันมิทันสังเกตว่าพระชายาก็เสด็จมาด้วยเพคะ” มู่เหลียนฮวาย่อกายถวายความเคารพ สายตาลอบมองซินซินอย่างกราดเกรี้ยว ในใจลอบจดบัญชีแค้นเอาไว้สักวันนางจะต้องกำราบสาวใช้อวดดีผู้นี้ “คุณหนูมู่เกรงใจเกินไปแล้ว แต่คราวหน้าอย่าให้มีเช่นนี้อีก ผู้คนเขาจะคิดเอาได้ว่าคุณหนูมู่ขาดการอบรม จะเสียไปถึงจวนตระกูลมู่ได้ ข้าเตือนเพราะความหวังดีนะ” ใบหน้าอ่อนโยนยิ้มหวาน แต่วาจาที่เอ่ยออกมาช่างทำให้คนฟังถึงกลับหน้าซีดเผือดตอนพิเศษ 4 (ตอนปลาย) “คุณหนูกู่เกรงใจเกินไปแล้ว ในฐานะตัวแทนของฝ่าบาทพวกข้าต้องมาร่วมยินดีอยู่แล้ว”หยางซูมี่เดินเข้างานไปเลย ไม่ได้สนใจสตรีนางนี้มากนัก ทำเพียงเหมือนกับว่านางไม่คู่ควรที่จะให้พระชายาเช่นนางต้องมาเสวนาด้วย กู่เจียอีได้แต่ลอบกำมือแน่น คอยดูเถอะวันนี้ข้าจะเหยียบหน้าจมให้จมดิน และจะกลายมาเป็นพระชายาของชินอ๋องให้จงได้“เจ้าอยากเล่นกับนางหรือไม่” เซี่ยเหวินหรงหันมาเอ่ยถามภรรยาคนงาม“ให้บทเรียนกับนางเบาๆ ก็พอเจ้าค่ะ” หยางซูมี่หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่พระสวามีงานเลี้ยงในจวนเจ้าเมืองวันนี้ กลับพบว่าขณะที่ทั้งหมดกำลังสนุกสนานกันภายในงานเลี้ยงนั้น กลับพบว่าคุณหนูกู่เจียอีผลัดตกลงไปในสระน้ำ แต่โชคดีที่มีคุณชายท่านหนึ่งช่วยเอาไว้ได้ แต่เพราะตอนเปียกน้ำทำให้ทั้งสองได้แนบชิดกัน และด้วยอาภรณ์ของกู่เจียอีนั้นที่เป็นสีขาว ทำให้มองเห็นเรือนร่างของนาง จนมองเห็นไปถึงเอี๊ยมตัวใน และคุณชายผู้นี้ก็ได้แตะต้องนางไปแล้วแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ด้วยเหตุนี้ในหนึ่งเดือนต่อมาจึงได้เกิดงานมงคลขึ้นกู่เจียอีได้แต่งเข้าไปเป็นฮูหยินรอง เน
ตอนพิเศษ 4 (ตอนต้น) หลังจากงานแต่งผ่านไปได้หนึ่งเดือน คนในตระกูลหยางนำโดยท่านเสนาบดีหยางหมิงได้เดินทางกลับเมืองหลวง พวกเขานั้นได้จากเมืองหลวงมานานมากแล้ว สมควรต้องไปจัดการงานที่ค้างคาเอาไว้ แม้จะเสียดายที่หยางซูมี่กับเซี่ยเหวินหรงไม่ได้กลับไปด้วยก็ตาม“ท่านพ่อเดินทางกลับดีๆ นะเจ้าคะ อีก 3 เดือนลูกจะกลับเมืองหลวงพร้อมท่านอ๋องเจ้าค่ะ”“ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยมี่เอ๋อร์ ข้าน้อยขอฝากบุตรสาวด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ประโยคท้ายหยางหมิงหันไปเอ่ยกับเซี่ยเหวินหรง“ท่านพ่อตาอย่าได้เป็นห่วง มี่เอ๋อร์อยู่กับข้าย่อมต้องปลอดภัย”เซี่ยเหวินหรงให้คำมั่น ทั้งสองยืนส่งจนขบวนรถม้าเคลื่อนตัวห่างไปเรื่อยๆ“พี่ต้องกลับไปยังจวนเจ้าเมืองเพื่อพบหน้ากับเจ้าเมืองคนใหม่ เจ้าอยู่ที่นี่ดีๆ แล้วพี่จะรีบกลับมา” เซี่ยเหวินหรงลูบหัวหยางซูมี่ด้วยความเอ็นดู“เจ้าค่ะท่านพี่”หยางซูมี่พยักหน้ารับ แล้วเขย่งปลายเท้ายื่นหน้าไปจูบแก้มสาก จนใบหูของเขาขึ้นสีแดงก่ำ“รีบกลับมานะเจ้าคะ ข้าจะรออาบน้ำพร้อมกับท่านพี่”หยางซูมี่ขยิบตาใส่เซี่ยเหวินหรง
ตอนพิเศษ 3 (ตอนปลาย) เซี่ยเหวินหรงเองก็รีบปลดอาภรณ์ของเขาออกเช่นกัน ร่างกายสูงใหญ่ไร้อาภรณ์ปกปิดกาย มองเห็นกล้ามหน้าท้องหนั่นแน่นที่เป็นลอนสวยอย่างคนที่ออกกำลังกาย ตรงกึ่งกลางเห็นแท่งหยกที่เริ่มจะขยายตัวอวดความศักดิ์ดาของตน หยางซูมี่ลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นแท่งหยกของเขาหยางซูมี่เนื้อตัวแดงก่ำด้วยความเขินอาย แม้จะเคยร่วมรักกับเขามาหลายครั้ง แต่นางกับเขาก็ห่างหายกันไป 2 ปีกว่า นางจึงรู้สึกประหม่ามากนัก แต่เพราะไม่อยากจะให้เขารู้ว่านางนั้นเขินอายมากเพียงใด จึงทำใจกล้าเงยหน้ามองร่างสูง ยกยิ้มอ่อนหวานแล้วเอื้อมมือไปปลดสายผูกเอี๊ยมออก ทำให้ปราการชิ้นสุดท้ายหลุดร่วงลงมา มองเห็นก้อนเต้าหู้อวบอิ่มสองก้อนและเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อเซี่ยเหวินหรงไม่อาจจะอดใจได้อีกต่อไป เขาช้อนร่างบางของหยางซูมี่อุ้มลงไปในถังอาบน้ำด้วยกัน เขานั่งพิงขอบอ่างให้หยางซูมี่นั่งบนตักแกร่ง มือข้างหนึ่งบีบสะโพกกลมกลึง อีกข้างก็ยื่นไปข้างหน้ากอบกุมก้อนเต้าหู้บีบคลึงอย่างอ่อนโยน นิ้วชี้เขี่ยเม็ดทับทิมสีชมพูจนตั้งช่อชูชันขึ้นมา“อ๊าาาา ท่านพี่”เซี่ยเหวินหรงจับร่างบางหั
ตอนพิเศษ 3 (ตอนต้น) ขบวนเจ้าบ่าวนำโดยชินอ๋องเซี่ยเหวินหรง พระองค์ขี่อาชาโลหิตสีขาวนำขบวนสินสอดมากกว่า 100 หีบ โดยมีทหารของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬคอยดูแล แม้ว่าหยางซูมี่จะเอ่ยว่าต้องการจัดงานแต่งงานแบบเรียบง่ายแต่เมื่อฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงทรงทราบก็รีบส่งม้าเร็วนำราชโองการสมรสพระราชทานมามอบให้ ทั้งยังระบุว่าชินอ๋องจะมีหยางซูมี่เป็นพระชายาแต่เพียงผู้เดียวจวบจนทั้งคู่สิ้นอายุขัยข่าวการแต่งงานครั้งที่สองของทั้งคู่แพร่สะพัดไปทั่วแคว้นเซี่ย บางคนต่างก็ยินดีที่ทั้งสองกลับมาใช้ชีวิตร่วมกัน แต่บางคนก็ค่อนขอดที่ทั้งสองเลิกรากันไปแล้วแต่ยังกลับมาแต่งงานกันอีกครั้ง ไม่ว่าผู้คนจะพูดกันอย่างไร แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็หาได้สนใจไม่ เพราะทั้งคู่ได้ตกลงใจที่จะกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง คำพูดของผู้อื่นหาได้สลักสำคัญกับพวกเขาทั้งสองคนไม่เซี่ยเหวินหรงขี่ม้ามาหยุดที่หน้าประตูบ้านพักของหยางซูมี่ เมื่อเขาเดินเข้าไปยังห้องโถงหลักก็พบว่าหยางซูมี่นั้นยืนรอเขาอยู่ก่อนแล้ว วันนี้นางสวมชุดสีแดงมงคลปักลายหงส์สยายปีก และมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสวมทับเอาไว้ที่ศีรษะ ทำให้เขาไม่
ตอนพิเศษ 2 ริมชายหาดแห่งหมู่บ้านผิงอัน มีสตรีร่างบอบบาง กับบุรุษร่างสูงใหญ่นั่งอิงแอบกันอยู่ใต้ต้นมะพร้าว สายตาทั้งคู่ทอดมองออกไปยังน้ำทะเลใสสีเขียวมรกต หาดทรายสีขาวละเอียด ลมทะเลพัดมาเป็นระยะๆ คล้ายกับกำลังปลอบประโลมคนทั้งคู่ ทั้งสองปล่อยให้จิตใจได้ซึมซับกับธรรมชาติที่สวยงามนี้“เจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด” เซี่ยเหวินหรงหันมาเอ่ยถามในสิ่งที่เขาสงสัย“ข้ามาถึงเมื่อสามวันก่อนเจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมาทำให้ท่านแปลกใจเล่น” หยางซูมี่เอ่ยพลางหัวเราะ นัยน์ตาพราวระยับดั่งดวงดารา“รู้หรือไม่ว่าทำข้าเป็นห่วง ตอนที่ข้ารู้ว่าเจ้าหายตัวไป”เซี่ยเหวินหรงเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งรั้นอย่างมันเขี้ยว“ข้าเจ็บนะเหวินหรง”หยางซูมี่หันมาดุเขาอย่างไม่จริงจังนัก เซี่ยเหวินหรงเอื้อมมือไปกอบกุมที่มือขาวบางอย่างทะนุถนอม“ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าเร็วถึงเพียงนี้ ที่นี่มีเรื่องให้ข้าจัดการมากมายนัก ข้ายังคิดว่าอย่างเร็วก็คงอีกสักปีสองปีถึงจะกลับไปหาเจ้าที่เมืองหลวงได้”“ข้ารู้ว่าท่านทำงานหนักมากเพียงได ดูสิชินอ๋องผู้สง่างามกลายร่
ตอนพิเศษ 1 2 ปีต่อมาชายแดนใต้ของแคว้นเซี่ยที่ติดกับทะเล เมื่อ 2 ปีก่อนมีการค้าเกลือเถื่อนเกิดขึ้น เซี่ยเหวินหลินที่ได้ออกมาจัดการนั้น กลับจัดการแบบปล่อยผ่าน อนึ่งเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกับพ่อค้าที่ค้าเกลือเถื่อนแต่หลังจากที่ชินอ๋องเซี่ยเหวินหรงจัดการปราบปรามกบฏได้หมดสิ้น จึงได้ทูลขอฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงมาปราบปรามการค้าเกลือเถื่อน และมาจัดระบบการปกครองใหม่ของชายแดนใต้ ซึ่งฮ่องเต้ก็ได้ออกพระราชโองการมอบอำนาจทุกอย่างให้ชินอ๋องเป็นผู้จัดการทั้งหมดตลอดเวลากว่าสองปีที่ผ่านมานี้เซี่ยเหวินหรงออกรบไปปราบปรามโจรสลัดทั้งในน่านน้ำ และบนเรือ โจรสลัดนั้นชอบขึ้นมาดักปล้นฆ่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่ง แต่หลังจากที่ชินอ๋องมาโจรสลัดก็หนีหายไปหมดด้วยหวาดเกรงชินอ๋องนอกจากจะปราบโจรสลัดแล้ว เซี่ยเหวินหรงยังต้องเข้ามาปราบปรามพ่อค้าเกลือเถื่อน และยังต้องมาจัดระเบียบเมืองหนานผิงใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเจ้าเมืองหนานผิงปกครองเมืองชายแดนใต้อย่างไร้ความยุติธรรม กดขี่ข่มเหงชาวเมืองหนานผิง ทหารประจำเมืองก็ชอบรีดไถจากชาวบ้าน เรียกร้องค่าคุ้มครอง หากครอบค