(ภาค 1)
บทที่ 9
คาร์ริส ลูกัสตาร์ (1)
ณ ปัจจุบัน...
เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ ไคล์เดนสั่งให้ฟินน์ หัวหน้าพ่อบ้านออกไปตามหมอมาตรวจอาการของซีเอล
เพราะอาการเวียนหัวทำให้สมองของซีเอลล่องลอยไปชั่วขณะ เผลอหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต แต่นอกเหนือจากนั้นอาการของเขาก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
“...เอล...ซีเอล?”
เสียงทุ้มเอ่ยเรียก
ซีเอลดึงสติกลับมา เห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาของไคล์เดนอยู่ใกล้ในระยะที่เหมือนจะจูบ
“ที่รัก?”
ดวงตาสีฟ้าของซีเอลเบิกโตเล็กน้อยเพราะความตกใจ
“เห็นเจ้าเหม่อๆ สงสัยว่าเป็นอะไรหรือเปล่า”
ซีเอลสบตากับสามีพลางตอบรับ “ครับ”
สักครู่ต่อมา เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฟินน์เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับหมอวัยชรา ทั้งสองก้มศีรษะทำเคารพไคล์เคนกับซีเอลอย่างเรียบง่าย
ใช้เวลาเพียงครู่ท่านหมอสูงวัยก็ตรวจร่างกายซีเอลเรียบร้อย
“ภรรยาข้าป่วยเป็นอะไรหรือ” ไคล์เดนโพลงถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ท่านหมอเก็บอุปกรณ์วัดไข้พร้อมอธิบาย “ร่างกายอ่อนเพลียจากการพักผ่อนน้อยน่ะครับ พักผ่อนให้เต็มที่แค่วันสองวันก็กลับมาเป็นปกติแล้ว แต่ข้าจะจัดยาบำรุงที่ช่วยผ่อนคลายให้ด้วย การนอนจะได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”
“อย่างนี้เอง” ไคล์เดนตอบ สีหน้าแสดงออกว่าสบายใจขึ้นแล้ว
หลังจากนั้นท่านหมอก็จัดยาบำรุงให้สองชุด ทั้งสองกล่าวขอบคุณ ก่อนฟินน์จะเดินไปส่งท่านหมอพร้อมกับจ่ายค่ารักษา
“พักผ่อนเถอะ ข้าจะคอยเฝ้าอยู่ข้างๆ”
ซีเอลยิ้มอ่อนหวาน ดีใจกับความเอาใจใส่ของสามี แต่วันนี้พวกเขาตะเวนซื้อของกันทั้งวัน ไคล์เดนก็คงเหนื่อยไม่น้อยเหมือนกัน
“ข้าไม่เป็นอะไรมากจริงๆ ที่รักก็พักผ่อนเถอะครับ พรุ่งนี้มีงานที่ต้องเข้าวังไม่ใช่เหรอ ถ้างานเสร็จเร็วพวกเราจะได้กลับอาณาเขตเบอร์แรมเร็วๆ ยังไงล่ะครับ”
“แต่ข้า...”
“นะครับ” ซีเอลทำตาแป๋วอ้อนวอนไคล์เดน
สีหน้าของชายหนุ่มพลันอ่อนโยน “ได้ ถ้าอย่างนั้นเจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าจะสะสางงานต่อสักหน่อย”
“อย่าหักโหมนะครับ”
“อืม” ไคล์เดนตอบหน้านิ่ง ก่อนจะก้มหน้าลงมาแตะจูบหน้าผากภรรยา
สองวันมานี้ซีเอลได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ สีหน้าเลยกลับมาสดใส
หากพูดถึงสาเหตุของอาการอ่อนเพลีย เป็นเพราะซีเอลหาเรื่องใส่ตัวเอง ตั้งแต่เสนอให้ไคล์เดนฝึกดื่ม พอสามีเริ่มเมาทีไรก็จะคึกคักทันที กักขังซีเอลไว้ใต้ร่าง เคี่ยวกรำบังคับให้ร้องครวญครางจนถึงรุ่งสาง...
ซีเอลรีบดึงสติกลับก่อนความคิดลามกจะเตลิดไปไกล
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ซีเอลพักผ่อน ชายหนุ่มสะสางงานต่างๆ จนแล้วเสร็จ แถมยังสั่งให้ฟินน์เตรียมข้าวของให้พร้อมเพื่อกลับอาณาเขตเบอร์แรม
ฟินน์ใช้เวลาเพียงสองวันในการตรวจสอบสภาพของรถม้า และเก็บข้าวของขึ้นรถ เช้าวันที่สามคือวันเดินทางกลับอาณาเขต
ใช้เวลาเพียงหกวันก็กลับมาถึงอาณาเขตเบอร์แรม
ซิกเนอร์ รองหัวหน้าพ่อบ้านคอยดูแลความเรียบร้อยในช่วงที่ฟินน์ตามนายท่านเข้าเมืองหลวง ทันทีที่เห็นว่ารถม้าของนายท่านวิ่งเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ ซิกเนอร์กับเหล่าคนรับใช้ก้มศีรษะต้อนรับ ก่อนจะไปช่วยกันขนของลงจากรถม้า
“นายท่านครับ สามวันก่อนมีจดหมายจากลอร์ดลูกัสตาร์ส่งมาครับ”
ระหว่างที่ซีเอลกับไคล์เดนนั่งพักในห้องโถง รองหัวหน้าพ่อบ้านซิกเนอร์เข้ามาพร้อมกับจดหมาย
ไคล์เดนรับแล้วส่งให้ซีเอล
ลอร์ดลูกัสตาร์ไม่ใช่ใครอื่น ชายคนนั้นคือริคาร์โด ลูกัสตาร์...พี่ชายของซีเอลเอง
ริคาร์โดเป็นอัลฟ่าบริสุทธิ์ ในขณะที่มาร์ควิสลีวานทำงานรับใช้จักรพรรดิอยู่ในเมืองหลวง ริคาร์โดจะคอยดูแลอาณาเขตกอร์เลตอันเป็นเขตปกครองของตระกูลลูกัสตาร์แทนบิดา
ใจความในจดหมายกล่าวว่าริคาร์โดได้วันหยุดยาว ตอนนี้กำลังเดินทางออกจากอาณาเขตกอร์เลตมุ่งหน้ามายังอาณาเขตเบอร์แรม
เมื่ออ่านจดหมายจบ ซีเอลรีบสั่งให้ซิกเนอร์จัดเตรียมห้องเด็กกับห้องพักสำหรับแขกด้วยความตื่นเต้น
จดหมายนี้ส่งมาเมื่อสามวันก่อน คาดว่าไม่เกินวันสองวัน ทางนั้นก็ใกล้จะมาถึงอาณาเขตเบอร์แรมแล้ว
“ในจดหมายบอกว่าอะไรเหรอ” ไคล์เดนเอ่ยถาม
“ท่านพี่กับคาร์ริสกำลังมาที่นี่ครับ!”
“ทั้งที่ทางเราตั้งใจจะไปหาก่อนแท้ๆ”
“นั่นสินะครับ บังเอิญจัง” ซีเอลตอบกลับพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ไคล์เดนเห็นแบบนี้ก็ถึงกับยิ้มตาม
“ถ้าอย่างนั้นรีบเตรียมห้องกับอาหารไว้รอต้อนรับเถอะ”
“ครับ!”
บ่ายวันถัดมา ซิกเนอร์เข้ามารายงานนายท่านทั้งสองว่าแขกคนสำคัญกับแขกตัวน้อยได้เดินทางมาถึงแล้ว
ซีเอลลุกพรวดจากเก้าอี้ ก้าวฉับๆ ออกจากห้อง
ไคล์เดนรีบก้าวตามหลังภรรยา “ช้าๆ หน่อยก็ได้ เดี๋ยวล้มหรอก”
“ที่รักเองก็ตื่นเต้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ รีบหน่อยเถอะครับ”
ไคล์เดนส่ายหน้ายิ้มๆ อย่างจนใจ
เมื่อมาถึงหน้าคฤหาสน์ อยู่ๆ เจ้าก้อนขาวตัวนุ่มนิ่มก็โถมเข้าใส่ซีเอล
“หม่าม๊า!”
เสียงเล็กๆ ใสแจ่วน่าเอ็นดูร้องเรียก
ซีเอลยิ้มกว้างพลางนั่งยองๆ ทั้งกอดทั้งหอมเทวดาตัวน้อยด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ ส่วนเจ้าตัวเล็กนั้นทำแก้มป่อง ดวงตากลมโตสีฟ้าเหมือนกับซีเอลมีน้ำตาคลอน้อยๆ ด้วย ช่างขี้อ้อนเหลือเกินนะ!
“หม่าม๊าลืมคายิ้ดแย้วเหยอ”
“หม่าม๊าไม่ได้ลืม หม่าม๊าคิดถึงคาร์ริสทุกวันเลย คิดถึงม้ากมากด้วย แล้วหม่าม๊าก็มีของฝากให้คาร์ริสด้วยนะ”
“ของฝาก!”
ได้ยินคำว่า ‘ของฝาก’ แก้มขาวกลมเป็นก้อนแป้งที่กำลังพองลมเปลี่ยนเป็นดีใจอย่างฉับพลัน
“เดี๋ยวเราค่อยไปดูของฝากกัน มาทักทายป่าป๊าก่อนนะ”
คราวนี้ศีรษะเล็กๆ ขยับมองไคล์เดน
ชายหนุ่มย่อตัวลงแล้วอ้าแขนรับ
หลังจากเจ้าตัวเล็กผละจากซีเอลก็เดินเข้าไปหาคนเป็นพ่อ
ทว่า...
“แย่งหม่าม๊าของคายิ้ดไปอีกแย้ว!!”
ตุบตับ ตุบตับ!
คาร์ริสตัวน้อยไม่ได้โผกอดไคล์เดนอย่างที่ทำกับซีเอล กำปั้นน้อยทุบรัวใส่ชายหนุ่มปักๆ
ไคล์เดนยิ้มเอ็นดู กำปั้นของเด็กวัยสองขวบไม่ได้ทำให้เจ็บ แต่จักจี้มากกว่า
“คิดว่าถูกสะกิดซะอีก” ชายหนุ่มแกล้งพูด จากนั้นอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาหอมฟอดใหญ่
“ยึ๋ย...”
มือเล็กป้อมพยายามดันใบหน้าของไคล์เดนออก ทั้งยังทำเสียงไม่เต็มใจ
เสียงหัวเราะของริคาร์โดดังขึ้น
“พอดีว่างานของทางนี้เคลียร์เสร็จเร็ว รู้สึกว่างๆ ก็เลยตั้งใจจะพาคาร์ริสออกไปเที่ยว แต่พอคิดว่าพวกเจ้าพ่อแม่ลูกไม่ได้เจอมาตั้งนานก็เลยเปลี่ยนใจมาที่นี่แทน แถมส่งจดหมายมาบอกกะทันหันอีก โทษทีนะ” ริคาร์โดพูดปนขำขณะมองเจ้าตัวเล็กกับไคล์เดนทำสงครามกัน
คนหนึ่งปล่อยกำปั้นใส่ คนหนึ่งหอมฟอดๆ เป็นภาพที่ตลกอย่างมาก
“ข้าเองก็ตั้งใจว่าจะไปหาท่านพี่กับคาร์ริสหลังจากกลับมาจากเมืองหลวงเหมือนกัน ไม่คิดว่าท่านพี่จะเดินทางมาซะก่อน พวกเราดีใจมากๆ เลยครับ”
“อีกห้าวันก็ถึงเทศกาลร่องเรือประจำปี ไปเที่ยวด้วยกันสิ” ไคล์เดนถามริคาร์โด
“แน่นอนอยู่แล้ว!” ริคาร์โดตอบอย่างตื่นเต้น จริงๆ แล้ว เพราะรู้ว่ามีงานเทศกาลจึงเดินทางมาที่นี่ ในเมื่อมีงานเทศกาล ก็ต้องมีหนุ่มสาวสวยหล่อออกมาเที่ยว ถึงตอนนั้น อาจจะตกได้สักคนสองคน
ระหว่างที่พวกผู้ใหญ่คุยกัน คาร์ริสที่อยู่ในอ้อมแขนของไคล์เดนขยี้ตา ส่งเสียงงัวเงีย
“งื้อ...”
ซีเอลร้อง “อ๋า!” ราวกับเพิ่งนึกออก “ดีใจจนลืมเลยว่าท่านพี่กับคาร์ริสเพิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ พักผ่อนที่ห้องก่อนนะครับ เดี๋ยวข้าสั่งให้คนยกของว่างไปให้”
“ดีเลย นั่งรถม้านานๆ รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว เอนหลังสักหน่อยก็คงจะดี” ริคาร์โดว่าพลางนวดไหล่
จังหวะที่ซีเอลกำลังเรียกฟินน์ให้อุ้มคาร์ริสไปที่ห้อง ไคล์เดนชิงบอกว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าพาเขาไปนอนเอง”
นั่นสินะ ไม่ใช่แค่ไคล์เดนหรอกที่อยากอยู่กับลูกให้นานขึ้น ซีเอลเองก็ไม่ต่างกัน
“ครับ”
ซีเอลตอบพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย มองสามีอุ้มเจ้าตัวเล็กกลับห้อง
แม้ว่าซีเอลกับไคล์เดนจะเพิ่งแต่งงานกันได้สามเดือน หากอันที่จริง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้เพิ่งเริ่มต้น แต่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นมานานมากแล้ว...
(ภาค 2)บทที่ 74บทพิเศษ หลายปีต่อมา ภายในท้องพระโรงอันโอ่อ่า ณ พระที่นั่งอันสูงส่ง จักรพรรดิผู้งดงามที่สุดในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิอันเดอร์นิซ นั่งเท้าคางมองอัศวินหนุ่มผมเงินก้าวยาวๆ ตรงเข้ามายังบัลลังก์ แทนที่จะหยุดยืนเบื้องล่าง อัศวินหนุ่มผมเงินกลับก้าวขึ้นบันได วินาทีที่จักรพรรดิไม่ทันได้ตั้งตัว เขาคนนั้นใช้แขนแข็งแรงทั้งสองข้างเท้าลงบนที่เท้าแขนบัลลังก์ อัศวินหนุ่มโน้มตัวลงต่ำ นัยน์ตาสีฟ้าลึกล้ำจับจ้องมองดวงหน้าอันละเอียดลออของจักรพรรดิในระยะประชิด ทั้งๆ ที่อัศวินหนุ่มกล้าทำถึงขนาดนั้น กลับไม่มีองครักษ์คนใดเข้าไปขัดขวางเลยสักคน จักรพรรดิคนงามยังคงเท้าคางเช่นเดิม ขณะช้อนดวงตาคู่สวยขึ้นมองอัศวินหนุ่มผมเงิน น้ำเสียงนุ่มนวลชวนหลงใหลพลันดังออกจากริมฝีปากสีแดง “คิดจะทำอะไร?” อัศวินหนุ่มยิ้มมุมปาก ดวงตามองแพขนตาหนาขยับไหวเหมือนกับปีกผีเสื้อ ทั้งยังทำท่าสูดกลิ่นอายอันหอมหวานจากเรือนกายของจักรพรรดิ “กำลังขอรางวัลจากฝ่าบาทยังไงล่ะครับ” ว่าจบ ริมฝีปากของชายหนุ่มก็ประกบ
(ภาค 2)บทที่ 73บทส่งท้าย (2) ชายหนุ่มพูดพร้อมกลืนกินของเหลวลงท้องทั้งหมด นิ้วที่อยู่ข้างในเพิ่มมาเป็นสามนิ้ว “อ๊ะ อ๊า!” ความร้อนหวนกลับมาอีกครั้ง ร่างบางบิดอย่างร้อนเร่าในขณะที่คาร์ริสขยายช่องทางเร้นลับต่อไป แต่แล้ว จู่ๆ คาร์ริสก็ดึงนิ้วทั้งสามออก “ขอโทษนะครับฟาฟา ข้าทนต่อไปไม่ไหวแล้วครับ” ฟาร์เลียสแยกแย้มเรียวขา สองมือยื่นมาข้างหน้า “...เช่นนั้น...ก็เข้ามา” อึก! คาร์ริสกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ นัยน์ตาสีฟ้าลึกล้ำหลุบมองช่องทางยับย่นที่แดงและบวมเล็กน้อย (อย่างกับดอกกุหลาบเลย) ฟาร์เลียสงดงามยวนใจไปเสียทุกส่วน สิ่งเหล่านั้นกระตุ้นอารมณ์ของคาร์ริสจนอดทนไม่ไหว มือหนึ่งแหวกน่องขาของคนใต้ร่าง มือหนึ่งจับส่วนแข็งขึงจดจ่อกับช่องทางเร้นลับ “ฮึก ฮ้า...” ความโอฬารแทรกเข้ามาในช่องทางคับแคบทีละนิด ร่างบางสั่นเทิ้มด้วยความซ่านเสียว น้ำตาคลอรื้นตรงหางตา ทั้งน่ารักทั้งน่าสงสาร แต่ว่า แม้จะเป็นเช่นนั้น หากผนังเนื้อด้านในก
(ภาค 2)บทที่ 72บทส่งท้าย (1) เพราะเป็นครั้งแรกกับคนที่ชอบ คาร์ริสทั้งประหม่าและตื่นเต้น ถ้าเผลอรุนแรงเกินไปจนทำให้ฟาร์เลียสเจ็บจะทำยังไงดี แล้วหากว่าฟาร์เลียสไม่ชอบลีลาของคนที่เด็กกว่าล่ะ...ว่าตามจริงแล้ว คาร์ริสไม่เคยมีประสบการณ์ทั้งในโลกนี้และโลกก่อนเสียด้วย! ตอนนั้นเอง สองมือเรียวยื่นมาประคองใบหน้า คาร์ริสได้สติก่อนจะหลุบตามองเจ้าของมือเรียว “ไม่ต้องฝืนก็ได้” ไม่ได้ฝืนสักหน่อย แต่ว่า ฟาร์เลียสคงเข้าใจผิด คิดว่าเขากำลังฝืนตัวเองอยู่แน่ๆ เลยทำหน้าหม่นหมองแบบนั้น คาร์ริสรู้สึกไม่สบายใจที่ทำให้คนรักเข้าใจผิด จนอยากต่อว่าตัวเองแรงๆ สักหลายครั้ง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาลังเล ตัวเองเป็นคนร้องขอเองแท้ๆ ยังจะมาทำให้อีกฝ่ายกังวลใจอีก “ขอโทษนะครับ ข้าเหม่อเพราะตื่นเต้น ก็ฟาฟาน่ารักขนาดนี้” ไม่เพียงพูดเปล่า คาร์ริสก้มหน้าลงจูบฟาร์เลียสทันที ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าไปในโพลงปาก เลาะตามแนวฟัน ดูดรัดกับลิ้นอ่อนนุ่มแสนหอมหวาน ร่างกายที่โหยหาคู่แห่งโชคชะตามานานแสนนาน พอถูกกระตุ้นนิดหน่อย
(ภาค 2)บทที่ 71ลงเอย ระหว่างที่คาร์ริสกับเอลม่ารักษาตัวพร้อมกับวันหยุดยาว ภายในวังหลวงได้มีการไต่สวนลอร์ดเซเฟอร์โน่ พยานสำคัญชาวเมืองของเคานต์เออร์นอร์และนักเวทที่รอดชีวิตจากการระเบิดครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม คดีของลอร์ดเซเฟอร์ปิดฉากลงอย่างรวดเร็ว โดยลอร์ดเซเฟอร์โน่สารภาพความผิดเพื่อแลกกับชีวิตของคนในตระกูล เหตุผลหลักของการก่อคดีครั้งนี้ นอกจากมีความโลภเป็นแรงจูงใจ ยังมีความคิดล้าสมัย อ้างว่าทนไม่ได้หากอำนาจของจักรวรรดิต้องตกอยู่ในมือของเจ้าชายฟาร์เลียสที่เป็นโอเมก้า เลยทำให้จักรวรรดิเกิดความวุ่นวาย แน่นอน ลอร์ดเซเฟอร์โน่ถูกตัดสินโทษประหาร เคานต์เออร์นอร์ได้รับการปลอบขวัญตามสมควร คาร์ริสกับเอลม่าได้รับรางวัลด้วยการเลื่อนยศ จากคดีของลอร์ดเซเฟอร์โน่ จักรพรรดิได้คิดทบทวนถึงความไม่ผิดพลาดของตนเอง หลังจากหาลือกับเหล่าขุนนางอยู่หลายวัน ในที่สุดก็มีประกาศแต่งตั้งฟาร์เลียสเป็นรัชทายาท และทันทีที่มีการประกาศออกไป บทบาทของเจ้าชายอเล็กซีสก็ถูกลดทอนลง ฤดูกาลเคลื่อนผ่านย่างเข้าสู่ปลายฤดูใบไม้ร่วง
(ภาค 2) บทที่ 70สารภาพ (2) ย้อนกลับไปตอนเกิดการระเบิดพลีชีพอันรุนแรง คาร์ริสได้กลิ่นคล้ายกำมะถัน บวกกับที่ตนได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักจากป้าเจซซี่ ประสาทสัมผัสจึงว่องไวเหมือนสัตว์ป่า คาร์ริสตะโกนเตือนทุกคนให้หนี แล้วคว้าเอลม่าพุ่งออกมา แต่ระเบิดนั้นไม่ได้เกิดจากเวทมนตร์เพียงอย่างเดียว ระเบิดรุนแรงพร้อมกับเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ ป่านอกเมืองหนึ่งในสามส่วนถูกเผาไหม้จนวอด แรงอัดของระเบิดทำให้ทุกคนบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่คาร์ริสพกน้ำศักดิ์สิทธิ์สำหรับรักษาบาดแผลและอาการป่วยที่ฟาร์เลียสเคยให้ไว้ ชายหนุ่มดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์รักษาตัวเอง ก่อนจะป้อนให้กับเอลม่าที่เจ็บหนักไม่ต่างกัน บาดแผลตามร่างกายแม้ไม่ได้หายสนิท หากน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็ช่วยยื้อชีวิตไว้ได้ ยูเทซ บุตรชายของเคานต์เออร์นอร์รีบระดมทหารมาดับไฟ ทั้งยังเร่งหาแพทย์มาช่วยรักษาคนเจ็บ กระนั้นก็มีคนที่ช่วยไว้ไม่ทัน คาร์ริสกับเอลม่าพักรักษาตัวอยู่ที่คฤหาสน์เคานต์เออร์นอร์เพียงแค่สองวัน ก่อนจะออกเดินทางกลับเมืองหลวง ‘จะกลับทันทีเลยเหรอ พวกเจ้าควรอยู่ร
(ภาค 2) บทที่ 69สารภาพ (1) น่าจะราวๆ หนึ่งเดือน นับตั้งแต่คาร์ริสออกไปทำภารกิจสำคัญที่อาณาเขตของเคานต์เออร์นอร์ แม้ว่าหลังจากนั้น อุณหภูมิที่ลดต่ำผิดฤดูกาลจะสงบลงแล้ว แต่ยังไม่เห็นวี่แววของคาร์ริสและเอลม่า หนำซ้ำ ช่วงนี้ยังเหมือนว่าหน่วยอัศวินจะวุ่นวายกันน่าดู พอเป็นแบบนี้ ฟาร์เลียสรู้สึกหวั่นใจขึ้นมา ก่อนหน้านี้เคยให้มหาดเล็กประจำวังไปสอบถามที่หน่วยอัศวินอินทรีสีทอง ได้ความจากราฟาเอลว่า คาร์ริสกำลังทำหน้าที่ดาบแห่งราชา ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง แต่ว่า หนึ่งเดือนแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่มีข่าวอะไรบ้างเลย ระหว่างคิดด้วยความกังวล มหาดเล็กประจำวังก็ได้เข้ามารายงานกับฟาร์เลียส “เจ้าชายพ่ะย่ะค่ะ ท่านเอลม่าแห่งหน่วยอัศวินราชสีห์สีเงินกลับมาแล้ว แต่ดูจากสภาพเหมือนว่าจะบาดเจ็บหนักพ่ะย่ะค่” มหาดเล็กกล่าวจบก็ส่ายหน้า ท่าทางเช่นนั้นทำให้ฟาร์เลียสไม่สบายใจเป็นอย่างมาก “คาร์ริสล่ะ” ฟาร์เลียสโพลงถาม คาร์ริสกับเอลม่าออกไปทำภารกิจลับด้วยกัน หากว่าเอลม่ากลับมา คาร์ริสก็ต้องกลับมา