Share

ตอนที่ 12

Author: Scince
last update Last Updated: 2025-05-14 12:12:33

เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เป็นยามเว่ยแล้ว ซ่งเวยหลงช่วยภรรยาให้ลงจากเกวียน จากนั้นเขาก็ขนข้าวของที่ซื้อมาเข้าไปไว้ภายในบ้าน เซี่ยซูมี่เดินไปดูลูกหมูป่าว่าพวกมันเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ลืมที่จะเอาน้ำและอาหารให้กิน ซึ่งอาหารที่ให้กินนั้นก็คือผักสวนครัวที่ปลูกเอาไว้นั่นเอง

“ทำไมลูกนางเซี่ยถึงอยู่กับชายอื่น หรือว่าพวกเขาฆ่าพรานซ่งตายไปแล้ว?” จู่ๆ ก็มีเสียงกระซิบกระซาบอยู่ที่หน้าบ้าน เซี่ยซูมี่ให้อาหารลูกหมูเสร็จจึงออกไปดู

          “นั่นไงๆ เดินมาทางนี้แล้ว ใช่ลูกของนางเซี่ยไม่ผิดเป็นแน่"

          เซี่ยซูมี่สังเกตเห็นว่ามีชาวบ้านจำนวนหนึ่งยืนออกันอยู่ที่หน้าบ้าน จึงตั้งใจว่าจะเดินไปถามแต่แล้วก็ถูกสามีดึงเอาไว้เสียก่อน

          “พี่ไปเอง” ซ่งเวยหลงพูด พร้อมทั้งให้ภรรยาเข้าไปรอในบ้าน

          “เจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่พยักหน้า จากนั้นก็เข้าไปในบ้านตามที่สามีบอก

          เนื่องจากว่าทั้งสองคนยังไม่ได้กินมื้อกลางวัน สำหรับซ่งเวยหลงแล้วนั้นเป็นเรื่องปกติที่ไม่ได้กินมื้อกลางวัน ปกติแล้วกินเพียง 2 มื้อเท่านั้น หรือบางครั้งก็กินแค่มื้อเดียว แต่สำหรับเซี่ยซูมี่ในร่างนี้นั้นมักจะหิวเป็นเวลา และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกินให้ครบทั้ง 3 มื้อ 

          “พวกท่านมาที่บ้านข้ามีธุระอันใดหรือ?” ซ่งเวยหลงเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เดินไปถึงหน้าบ้าน

          “หากพวกเราจำไม่ผิด บ้านหลังนี้น่าจะเปนบ้านของพรานป่าซ่ง ไม่ทราบว่าพ่อหนุ่มมีความเกี่ยวข้องอันใดกับพรานซ่งหรือ?” แม่เฒ่าผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้น

ที่อยู่หน้าบ้านของตนในเวลานี้ก็มีแต่หญิงแม่บ้านที่ว่างงานทั้งนั้น งานอดิเรกก็คงจะหนีไม่พ้นเป็นหูเป็นตาให้กับบ้านอื่นๆ แต่เรื่องภายในบ้านของตนเองกลับจัดการไม่ได้

“ข้าบอกพวกท่านไปแล้วว่าที่นี่คือบ้านของข้า” ซ่งเวยหลงพูดขึ้นอีก ไม่ได้แนะนำตัวเองว่าแท้จริงแล้วตนก็คือพรานป่าที่พวกเขาพูดถึง ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องรายงานทุกความเคลื่อนไหวของตนเอง

          “พรานซ่งขายที่ผืนนี้ให้แก่พ่อหนุ่มหรอกหรือ? ข้าบอกแล้วว่าพรานป่านิสัยโฉดผู้นั้นน่ากลัว นี่ก็คงจะขายบ้านขายเมียให้กับพ่อหนุ่มผู้นี้ไว้เป็นทาสรับใช้สินะ พ่อหนุ่มเองก็เมตตานังหนูเซี่ยมันหน่อยก็แล้วกัน อยู่ที่บ้านเซี่ยพ่อแม่ก็ไม่ค่อยจะสนใจเพราะขี้โรค แต่งงานออกมาก็ถูกผัวขายเป็นทาสอีก ช่างน่าเวทนายิ่งนัก” ท่านป้าท่านหนึ่งพูดขึ้นมาเป็นตุเป็นตะ

เนื่องจากว่าไม่มีผู้ใดเคยเห็นหน้าพรานป่า จะเห็นเพียงด้านหลัง ไม่ก็ใบหน้าที่ถูกโพกด้วยผ้าเหลือเพียงลูกตา แต่ก็ยังมิวายเห็นหนวดยาวรุงรังที่เล็ดรอดออกมา ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถยืนยันตัวตนที่แท้จริงของพรานป่าผู้นี้ได้

          “หากไม่มีธุระอันใดแล้วข้าขอตัวก่อน งานที่บ้านยังมีอยู่มาก” ซ่งเวยหลงไม่คิดที่จะแก้ตัวหรืออธิบายใดๆ อีกทั้งยังไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ที่ถูกพาดพิงไปในทางไม่ดี แต่ก็ไม่คิดที่จะแก้ตัว

          “ตามสบายๆ” 

          จากนั้นเหล่าชาวบ้านก็เดินจากไป แต่ยังไม่วายเอาไปโพทะนาต่อกับเรื่องที่ตนได้เห็นมา ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพรานป่าซ่งผู้โหดร้ายขายภรรยาเป็นทาสให้กับหนุ่มรูปงามท้ายหมู่บ้าน เรื่องนี้ดังเข้าไปถึงหูสองสามีภรรยาบ้านเซี่ย

          “นี่ตาแก่ ท่านว่าพวกเราควรที่จะเรียกร้องค่าเสียหายดีหรือไม่” นางเซี่ยพูดขึ้นเมื่อเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ยินมาให้กับสามีฟัง

          “จะไปเรียกร้องเรื่องอันใด ก็ในเมื่อเรายกลูกสาวให้กับพรานป่าอัปลักษณ์นั่นไปแล้ว” นายเซี่ยพูดขึ้น และรู้สึกเสียดายที่ไม่ฉลาดเหมือนพรานป่าโฉดนั่น ไม่เพียงแต่มันไม่ต้องเสียเงินค่าสินสอด แต่ยังได้เงินจากการขายลูกสาวของพวกเขาอีกต่างหาก น่าเจ็บใจยิ่งนัก

          “เราก็แค่ไปร้องไห้ฟูมฟาย พวกเศรษฐีไม่ชอบความวุ่นวาย ทนความรำคาญไม่ไหวก็จ่ายค่าเลี้ยงดูให้เราเองนั่นแหละ” นางเซี่ยออกความคิด ลูกสาวคนโตที่เอาไปขายให้อยู่ที่บ้านของเศรษฐียังไม่มีปัญหาอันใดเลย

          “ถ้าเช่นนั้นเรารีบไปกันเถอะก่อนที่พวกเขาจะย้ายที่อยู่ บ้านป่าเช่นนี้คงพักอาศัยได้ไม่นานเท่าไหร่หรอก” 

หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว สองสามีภรรยาบ้านเซี่ยก็เดินไปยังบ้านหลังเล็กที่อยู่ตีนเขาท้ายหมู่บ้าน ที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยพูดเอาไว้ว่าจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกเป็นอันขาด แต่ในเมื่อมีคนนำลูกสาวของพวกเขาไปขาย จะไม่ให้ไปรับส่วนแบ่งได้อย่างไร สู้อุตส่าห์ทนเลี้ยงมาตั้ง 15 ปี จะไม่ให้ได้อะไรเลยนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

          เมื่อไปถึงยังบ้านของลูกเขยและลูกสาว พบว่ามีชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ มองจากทางด้านหลังก็น่าจะใช่ลูกเขยของตน ไหนบอกว่าเจ้าพรานป่าใจโฉดผู้นั้นหนีไปแล้ว เหตุใดถึงยังอยู่ที่นี่ หรือชาวบ้านปากหอยปากปูพวกนั้นจะพูดปด

          “ไหนเจ้าบอกว่าลูกเขยอัปลักษณ์หนีไปแล้วอย่างไรเล่า” นายเซี่ยกระซิบกระซาบกับภรรยาอยู่ข้างรั้วบ้าน

          “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า ป้าไป๋ข้างบ้านเป็นคนมาบอกเรื่องนี้กับข้าเองนี่นา” นางเซี่ยพูดอย่างอารมณ์เสีย 

          “เสียเวลาจริงๆ” นายเซี่ยกำลังจะลุกเดินจากไป แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อได้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มชัดๆ 

ในคราแรกชายหนุ่มนั่งหันหลังทำคอกวัวอยู่ จึงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นลูกเขยพรานป่า แต่เมื่อชายหนุ่มผู้นั้นหันหน้ามากลับพบว่าเหมือนเป็นคนละคนกัน เพราะชายที่อยู่ในบ้านตอนนี้นั้นรูปงามยิ่งนัก ไม่เหมือนพรานป่าหนวดยาวนั่นเลยสักนิด

“นี่คงจะเป็นหนุ่มรูปงามที่ป้าไป๋เล่าให้ข้าฟังเป็นแน่” นางเซี่ยดี๊ด๊าเมื่อคิดว่าตนจะได้ส่วนแบ่งค่าเลี้ยงดูของลูกสาว ในบ้านมีเกวียนเทียมก็ไม่น่าจะธรรมดาหรอก ทั่วทั้งหมูบ้านมีเพียงท่านผู้นำหมู่บ้านเท่านั้นที่มีเกวียนเก่าๆ ให้ชาวบ้านได้เช่าอาศัยขนของ จากนั้นก็เก็บค่าเช่าราคาโหด

          “ถ้าเช่นนั้นก็รีบเข้าไปเถอะ จะได้รีบกลับ ข้ารู้สึกเปรี้ยวปากขึ้นมาแล้ว” นายเซี่ยรีบกระโจนเข้าไปภายในบ้านทันที ไม่รอให้ภรรยาตอบตกลงใดๆ 

ทางด้านซ่งเวยหลงที่กำลังทำคอกให้กับวัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาภายในบ้านจึงหยุดการกระทำทุกอย่าง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมอง เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน จากนั้นก็ใช้ความคิดว่ารู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาสองคนนี้จากที่ไหน

          “ท่านพ่อ ท่านแม่” เซี่ยซูมี่กำลังจะเดินมาตามสามีให้ไปกินมื้อกลางวัน แต่กลับพบว่า ตอนนี้สามีกำลังยืนประจันหน้ากับพ่อแม่ของตนอยู่

          “เสี่ยวมี่ แม่ได้ข่าวว่าเจ้าถูกสามีขายให้กับนายท่านผู้นี้ เขาทำเช่นนี้กับลูกของแม่ได้อย่างไรกัน โธ่…ลูกรักของแม่” นางเซี่ยบีบน้ำตาร้องห่มร้องไห้ในทันที  เมื่อความโลภบดบังสายตาทำให้หน้ามืดตามัวคิดเองเออเอง ไม่คิดจะสอบถามความเป็นมาเลยด้วยซ้ำ

          เซี่ยซูมี่ที่ไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้านั้น จึงได้แต่ขมวดคิ้วแต่ยังไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงหันไปมองหน้าสามีที่ทำหน้านิ่งจ้องมองพ่อแม่ของตนอย่างใช้ความคิด

          “ใครบอกท่านหรือเจ้าคะ” ในเมื่อไม่มีใครพูดอะไรจึงจำเป็นต้องถามต้นตอของเรื่องราวทั้งหมด

          “อะเอ่อ ท่านป้าไป๋ที่อยู่ข้างบ้านของเราอย่างไรเล่ามาแจ้งข่าวกับแม่ พ่อกับแม่จึงรีบมา เดิมทีไม่คิดว่าเรื่องที่พวกชาวบ้านพูดจะเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อได้มาเห็นกับตาตัวเองแล้ว โถ่ … เสี่ยวมี่ลูกแม่ ฮือๆ แม่รึก็อุตส่าห์ยกเจ้าให้ไอ้พรานป่าไป โดยไม่คิดค่าสินสอดเลยสักอีแปะ ด้วยหวังว่าให้เขาดูแลเจ้าอย่างดีก็พอแล้ว ไม่คิดเลยว่ามันจะชั่วช้าขายเจ้าได้ลงคอ” นางเซี่ยร้องห่มร้องไห้โวยวายราวจะขาดใจ 

ทางด้านสองสามีภรรยาเมื่อได้ฟังเรื่องราว แม้จะไม่รู้ความต้องการทั้งหมดของผู้เป็นแม่ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าพวกท่านทั้งสองที่มายืนบีบน้ำตาอยู่ตรงนี้ต้องการสิ่งใด ที่บอกว่าบีบน้ำตาเป็นเพราะว่าคนร้องไห้อย่างไรกันไม่มีน้ำตาสักหยด หากฟูมฟายราวจะขาดใจเพียงนั้น น้ำตาคงต้องไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างแล้วเป็นแน่

ซ่งเวยหลงเสียเวลาฟังเรื่องไร้สาระจากแม่ยายมานานพอสมควร เขาจึงลงมือสร้างคอกวัวต่อไป ด้วยเกรงว่าอาจจะไม่ทันให้พวกมันอยู่ในคืนวันนี้ เพราะภรรยาต้องการให้ทำหลังคาบังแดดฝนให้แก่พวกมันด้วย จึงได้แวะซื้อหลังคามุงหญ้ากลับมาด้วย 

          “พวกท่านกลับไปเถอะเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมีพูดกับพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา ครั้งแรกที่เห็นหน้าปฏิเสธไม่ได้ว่าลึกๆแล้วแอบดีใจที่ได้เห็นหน้าทั้งสองคนอีกครั้ง แต่เมื่อพวกเขาพ่นคำพวกนั้นออกมาก็รู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก

          “ได้อย่างไรกัน ข้าเลี้ยงแกมาตั้ง 15 ปี ผัวเฮงซวยของแกกลับขายให้กับคนอื่นเสียนี่ สินสอดก็ไม่ได้สักอีแปะ อย่างไรวันนี้ข้าก็ต้องได้ส่วนแบ่งในการขายเจ้าไปเป็นทาส” นายเซี่ยไม่คิดจะอ้อมค้อมอีกต่อไป ขืนมัวแต่อาลัยอาวรณ์เช่นภรรยาของตน ไม่รู้ว่าคืนนี้จะตกลงกันได้หรือไม่ สู้บอกความจริงไปเลยเสียดีกว่า รับเงินมาจะได้จบๆกันไป

          “หึ ส่วนแบ่งอย่างนั้นหรือ หากท่านคิดจะรับส่วนแบ่งจากเขยพรานป่าของท่านนั้นย่อมได้ แต่ไม่ใช่ส่วนแบ่งเงินตามที่ท่านทั้งสองเข้าใจหรอกนะ แต่ทว่าเป็นส่วนแบ่งหนี้สินต่างหาก นอกจากขายที่ดินผืนนี้รวมทั้งแม่นางผู้นี้แล้ว เขายังติดหนี้ข้าอยู่มากโข รวมๆแล้วก็น่าจะ 3 ตำลึงทอง พวกท่านอยากจะร่วมช่วยลูกเขยใช้หนี้แล้วไถ่ตัวลูกสาวท่านหรือไม่เล่า?” ซ่งเวยหลงแต่งเรื่องขึ้น 

ทางด้านเซี่ยซูมี่มองหน้าสามีอย่างอึ้งๆ ไม่คิดว่าเขาจะแต่งเรื่องเป็นเรื่องราวได้มากถึงเพียงนี้ คิดว่าจะไล่ตะเพิดพ่อกับแม่ของตนเสียอีก เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่เข้ามาวุ่นวายกันอีก

          “3 ตะ ตำลึงทองเชียวหรือ?” นางเซี่ยพูดขึ้นอย่างตกใจ อีกทั้งยังตาโตกับจำนวนเงินที่ได้ยิน เกิดมา 30 กว่าปียังไม่เคยเห็นก้อนเงินตำลึงเลยด้วยซ้ำ แล้วจะมีปัญญาที่ไหนไปใช้หนี้มากโขพวกนี้ หากว่ามีก็ไม่มีทางเสียหรอก เรื่องอะไรจะต้องมานั่งใช้หนี้ที่พวกตนไม่ได้เป็นคนก่อ

          “เรื่องนี้พวกข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง นายท่านเว้นพวกเราสองสามีภรรยาสักครั้งหนึ่งเถิด ส่วนนังลูกสาวตัวซวยนี้พวกข้าก็ขอมอบนางให้แก่ท่าน จะเอาไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็แล้วแต่นายท่าน พวกข้าขอตัว” เมื่อพูดจบนายเซี่ยก็รีบจูงมือภรรยาออกไปจากบริเวณบ้านอาถรรพ์นี้ทันที 

          “เฮอะ" เซี่ยซูมี่ได้แต่แสยะยิ้ม จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปยังท้องฟ้าเพื่อกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลลงมา แค่นี้ก็น่าสมเพชตัวเองมากพออยู่แล้ว ยังจะร้องไห้เสียน้ำตาไปไย ดีเสียอีกจะได้ตอกย้ำกับตัวเองว่าคนเหล่านั้นไม่มีค่าพอให้จดจำ บุญคุณที่เลี้ยงดูกันมาก็ขอให้มันจบสิ้นกันไปตั้งแต่ที่พวกเขาผลักไสออกจากบ้านก็แล้วกัน

          “อย่าไปใส่ใจเลย สักวันหนึ่งพวกเขาจะต้องมาขอร้องเจ้าพี่ให้สัญญา” ซ่งเวยหลงรู้สึกสงสารภรรยาจับใจ สัญญากับตัวเองว่าจะทำให้แม่นางผู้นี้เป็นหญิงชาวบ้านป่าที่น่าอิจฉามากที่สุด ให้คนพวกนั้นได้เห็นว่านางโชคดีที่สุดที่ได้แต่งงานอยู่กินกับพรานป่าผู้นี้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 63

    “ท่านพี่เจ้าคะ ข้าเจ็บท้องเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่ปลุกสามีในช่วงกลางดึกของคืนฝนตกหนักคืนหนึ่ง วันนี้กลับไม่โชคดีเหมือนครั้งที่คลอดซ่งอี้เทียน เพราะยังไม่ถึงกำหนดคลอดทุกคนจึงยังไม่มีการเตรียมการใดๆ “เจ็บอย่างไร ทนได้หรือไม่” ซ่งเวยหลงรีบลุกขึ้นเพื่อดูอาการของภรรยา ไม่หลงเหลือความง่วงเลยสักนิด “ไม่ไหวเจ้าค่ะ ให้คนไปตามหมอตำแยให้น้องทีเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่เค้นเสียงออกมา แม้ว่าภายในใจจะไม่อยากพูดคุยอะไรไปมากกว่านี้เลยก็ตามทันทีที่ฟังภรรยาพูดจบ ซ่งเวยหลงก็ออกไปสั่งการสาวใช้ที่คอยรับใช้หน้าห้อง ให้ไปตามหมอตำแยมาโดยด่วน ฮูหยินซ่งกำลังจะคลอดลูกแล้ว สาวใช้ในเรือนรีบลุกเพื่อไปทำหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมายอย่างไม่มีอิดออด แม้จะสงสัยอยู่บ้างว่ายังไม่ครบกำหนดจะคลอดได้อย่างไร แต่ก็มีเสียงแตกหลายเสียง เนื่องจากว่าครรภ์ของฮูหยินนั้นใหญ่ผิดปกติหลังจากนั้นราวๆ 2 ชั่วยาม เซี่ยซูมี่ก็ได้ให้กำเนิดทายาทสกุลซ่ง แต่ที่น่ายินดีไปมากกว่านั้นคือเป็นแฝดชาย แม้ว่าจะคลอดก่อนกำหนด แต่แฝดทั้งสองก็สมบูรณ์แข็งแรงดี เมื่อแฝดทั้งสองคลอดฟ้าฝนกลับหยุดลง จากนั้นก็มีแสงใหม่ของอีกวันโผล่ขึ้น คล้ายจะบอกเป็น

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 62

    3 ปีผ่านไป ซ่งอี้เทียนเริ่มโตขึ้นมาก อีกทั้งยังเป็นเด็กที่รู้มากอีกด้วย เซี่ยซูมี่สอนลูกชายอ่านเขียนตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยหวังว่าโตขึ้นไปในภายภาคหน้าเขาจะสามารถดูแลตัวเองได้ ส่วนกิจการของบ้านซ่งต้องบอกว่าขยายใหญ่โตมาก อีกทั้งยังสร้างโรงเตี๊ยมขึ้นมา เพื่อแข่งกับโรงเตี๊ยมเหอฟู่อีกด้วย โดยให้ชื่อโรงเตี๊ยมว่า หลงโถว เช่นเดียวกับร้านค้า ผู้คนในเมืองรวมไปถึงลูกค้าต่างเมือง ต่างรู้จักร้านหลงโถวนี้เป็นอย่างดีทางด้านคุณชายเหอได้ถูกทางการจับตัว เนื่องจากว่ามีคนมาร้องเรียนเรื่องที่ลูกสาวหายตัวไป หลังจากที่แต่งเข้าไปเป็นอนุ เมื่อมีคนมาร้องเรียนกับทางการ อีกหลายๆคนที่ได้ข่าวก็เริ่มมาร้องเรียนบ้าง เนื่องจากว่าเมื่อก่อนชาวบ้านต่างเกรงกลัวอำนาจและบารมีของสกุลเหอ อีกทั้งยังมีท่านเจ้าเมืองหนุนหลัง ทำให้ไม่มีใครแจ้งความเอาผิด แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อมีท่านรองแม่ทัพหยางเข้ามาประจำการในเมืองนี้ ทำให้ชาวบ้านสามารถเข้าถึงทางการได้ง่ายขึ้น“มีชาวบ้านเข้ามารองเรียนเรื่องคนหายไม่เว้นวัน” ท่านเจ้าเมืองถอนหายใจ ไม่คิดเลยว่าสหายที่เติบโตด้วยกันมาจะเป็นคนเช่นนี้ เดิมทีเหอฟู่ผู้นี้เป็นคนจิตใจดีมีเมตตา

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 61

    หลังจากที่ให้ลูกชายกินนม เซี่ยซูมี่จึงพาลูกชายออกมายังห้องโถง ซึ่งแม่บ้านเห่ยนำเตาขนาดเล็กมาวางไว้รอบๆ ห้อง เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับภายในบ้าน ทำให้บ้านไม่หนาวเย็นอย่างที่ควรจะเป็น “มาแล้วหรือหลานชายของป้า มาให้ป้าอุ้มให้หายคิดหน่อยหน่อยเถิด” เซี่ยซือมั่นเงยหน้าจากผ้าที่กำลังปักอยู่ จากนั้นก็ยื่นงานปักให้สาวใช้คนสนิททำต่อ ส่วนนางนั้นเอื้อมมือเพื่อที่จะไปอุ้มหลายชายเข้าสู่อ้อมกอดซ่งอี้เทียนเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความรักความเอ็นดูที่ท่านป้าหมาดๆของเขามีให้ ทารกน้อยอายุเพียง 1 เดือน จากตอนแรกที่อยู่ในอ้อมกอดมารดา จึงยอมให้ท่านป้าของเขาอุ้มเข้าไปกอดอย่างง่ายดายส่วนทางด้านท่านป้าที่เมื่อได้อุ้มหลานชายแล้วนั้น ก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าหลานชายไม่ได้ผอมแห้งดังเช่นที่ตนนั้นกังวล แต่เขากลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ทารกน้อยมีน้ำหนักหากจะพูดแล้วนั้น น่าจะหนักกว่าเด็กทั่วๆ ไปเสียด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าทารกที่กินเพียงน้ำนมของผู้เป็นแม่เพียงอย่างเดียวจะอุดมสมบูรณ์ได้ “เป็นไรไปหรือเจ้าคะ?” เซี่ยซูมี่สังเกตเห็นสีหน้าฉงนของพี่สาวจึงอดที่จะเอ่ยถามออกไปไม่ได้ “เสี่

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 60

    1 เดือนผ่านไปเซี่ยซูมี่ออกจากการอยู่ไฟแล้วเรียบร้อย อีกทั้งวันนี้ยังมีแขกมาเยี่ยม ซ่งอี้เทียน นั่นก็คือท่านป้าและท่านลุงหยางหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งก็คือท่านรองแม่ทัพหยางนั่นเองกล่าวถึงเซี่ยซือมั่นเมื่อเข้าไปทำงานยังจวนของท่านรองแม่ทัพ ก็ได้มีโอกาสศึกษาดูใจกับรองแม่ทัพหนุ่มมากขึ้น ทำให้ทั้งสองคนมีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน อีกทั้งหญิงสาวยังรับหน้าที่ในการทำอาหารขึ้นโต๊ะให้แก่เขาเองอีกด้วย คุณสมบัติเพียบพร้อมเช่นนั้นจะหนีจากฮูหยินใหญ่ของเขาไปได้อย่างไรกัน“หลานชายของป้า น่าตีท่านพ่อกับท่านแม่ของเจ้ายิ่งนัก หลานชายคลอดทั้งที กลับไม่ส่งข่าวคราวให้ป้าบ้างเลย” เซี่ยซือมั่นทำทีเป็นบ่นกับหลานชาย ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วพ่อกับแม่ของเจ้าก้อนกลมนั้นก็นั่งอยู่ด้วย “หิมะตกหนัก อีกทั้งข้าเองก็เพิ่งจะออกจากการอยู่ไฟ ป้าเห่ยไม่ยอมให้ข้าเห็นเดือนเห็นตะวันเลยล่ะเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่อดที่จะบ่นแม่บ้านของตัวเองไม่ได้ เพราะนางไม่ยอมให้ออกไปไหนเลยแม้ว่าจะอ้อนวอนมากเพียงใดก็ตาม เซี่ยซูมี่เป็นคนสะอาด จะยอมให้ผมตัวเองมันเยิ้มได้อย่างไรกัน นอกจากมันแล้วก็ยังรู้สึกคันหนังหัวแต่ไม่อยากสอดนิ้วมือเข้าไปเพราะหนังหัวช่

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 59

    เซี่ยซูมี่ลืมตาตื่นในเช้าของอีกวัน คิดว่าตัวเองฝันไปหรือเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อใช้มือคลำสัมผัสที่หน้าท้องกลับพบว่ามันยุบลง ไม่ป่องเหมือนเมื่อวาน นอกจากนั้นแล้วในยามที่ขยับตัวก็รู้สึกเจ็บ อีกทั้งยังเหมือนได้ยินเสียงร้องงอแงของเด็กอีกด้วย “อือ” คุณแม่มือใหม่ส่งเสียงในลำคอ “ลูกพ่อ แม่ของลูกตื่นแล้ว” ซ่งเวยหลงตอนนี้กำลังอุ้มลูกชายอยู่สืบเนื่องจากเมื่อคืนที่ได้บอกกับหมอตำแยเอาไว้ว่าจะให้ลูกกินนมของภรรยาเป็นคนแรกนั้นต้องหยุดลง เนื่องจากว่าลูกชายร้องไห้งอแงในยามเช้าแต่ภรรยาเขากลับยังไม่ได้สติ ตนจึงจำเป็นต้องให้แม่นมที่เตรียมไว้สำหรับลูกชายทำหน้าที่แทนทารกน้อยราวกับว่ารับรู้และเข้าใจในสิ่งที่บิดาพูด ทันทีที่พูดถึงมารดาเขากลับเงียบเสียงลง คล้ายกำลังฟังเสียงการเคลื่อนไหวของมารดา แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเหมือนตอนที่อยู่ในท้อง เขากลับเริ่มเบะปากเตรียมที่จะร้องไห้อีกครั้ง “ท่านพี่ นะ น้ำเจ้าค่ะ น้องขอน้ำ” เซี่ยซูมี่รู้สึกลำคอแห้งผาก แม้ว่าอยากจะลุกขึ้นไปอุ้มลูกชายมากเพียงใด แต่ตอนนี้ตนต้องได้กินน้ำเพื่อให้ร่างกายมีแรงขึ้นมาก่อน “ฮูหยิน น้ำเจ้าค่ะ”

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 58

    หลังจากที่ไปส่งพี่สาวที่จวนของท่านรองแม่ทัพ เรียกได้ว่าหายห่วงไปได้มากทีเดียว เดิมทีเซี่ยซูมี่ตั้งใจจะพาพี่สาวไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ให้สมกับตำแหน่งแม่บ้านใหญ่ของจวนท่านรองแม่ทัพ แต่กลับถูกเจ้าของจวนขัดขึ้นเสียก่อน เนื่องจากว่าเขาได้ให้คนงานจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อไปถึงจวนก็ไปดูที่พักของพี่สาว คงต้องบอกว่าไม่เหมือนกับที่พักพิงของคนงานเลยสักนิด แม้จะบอกว่าไม่ได้ให้เข้าทำงานมาเป็นทาส หรือแม้กระทั่งยกตำแหน่งแม่บ้านใหญ่ให้ ก็ยังดูไม่ใช่ที่พักของคนงานอยู่ดี แต่คล้ายว่าเป็นห้องนอนของแขกคนสำคัญมากกว่าเซี่ยซือมั่นได้แต่มองหน้าน้องสาวเพื่อขอความคิดเห็น แต่เซี่ยซูมี่กับเดินตัวติดกับสามี ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสายตาที่พี่สาวพยายามจะส่งมาให้ ได้เห็นการต้อนรับที่อบอุ่นเช่นนี้แล้วเซี่ยซูมี่เองก็เบาใจ “ท่านว่าพี่ชายของท่านจะจริงจังกับพี่สาวของข้ามากน้อยเพียงใดเจ้าคะ?” ระหว่างที่กลับบ้านป่า เซี่ยซูมี่ก็ชวนสามีพูดคุยเพื่อให้ไม่เหงาปากมากจนเกินไป “ชู่ว หยุดพูดจาส่งเดช มีคนตามมาส่งเราด้วย” ซ่งเวยหลงทำเสียงเป็นเชิงบอกให้ภรรยาหยุดพากพิงถึงบุคคลอื่น เนื่องจากว่าพี่ชายได้

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 57

    “คารวะท่ารองแม่ทัพเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่และพี่สาวทำความเคารพรองแม่ทัพหนุ่มอีกครั้ง “ตามสบายเถิดน้องสะใภ้ ไม่ต้องมากพิธี” รองแม่ทัพกล่าวทักทายภรรยาของสหายอย่างเป็นกันเอง ทั้งๆที่ความเป็นจริงคือเขาเป็นคนที่ค่อนข้างระวังตัว ด้วยมีหน้าที่ที่ต้องถวายอารักขาความปลอดภัยให้แก่องค์ชายห้ามาตั้งแต่เด็กๆ “ท่านมาก็ดีแล้วขอรับ ข้าขอขอบคุณสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ด้วย” ซ่งเวยหลงเอ่ยขึ้น ช่วงที่ไปล่าสัตว์ด้วยกันเขาได้เรียนรู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับวิชาป้องกันตัว รองแม่ทัพหนุ่มเองก็ได้เรียนรู้วิชาเอาตัวรอดเมื่ออยู่ในป่าเช่นกัน ทำให้ทั้งสองคนสนิทกันมาก “ไม่เป็นไร เรื่องของเจ้าก็เหมือนเรื่องขอข้า ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อจะมาทำเรื่องที่พูดเอาไว้ให้สำเร็จลุล่วง ซ่งเวยหลง เจ้าต้องการที่จะเป็นพี่น้องสาบานร่วมกับข้าหรือไม่?” รองแม่ทัพเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งจ้องมองหน้าสหายที่ตนเอ็นดูเหมือนน้องชายแท้ๆ “ไมตรีที่ท่านมอบให้ ข้าซ่งเวยหลงไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ อีกทั้งยังรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นพี่น้องกับท่าน” ซ่งเวยหลงไม่คิดปฏิเสธ เพราะเขาเองก็รับรู้ได้ถึงความเมตตาที่รองแม่

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 56

    ทุกคนถูกจับตัวไปที่ศาลของท่านเจ้าเมืองเพื่อช่วยตัดสิน โดยท่านลุงไท่ร้องทุกข์แก่ท่านเจ้าเมืองทันทีที่ไปถึง รวมไปถึงเซี่ยซูมี่และซ่งเวยหลงเองก็ถูกควบคุมตัวมาในที่นี้ด้วย “จับตัวข้ามาด้วยเรื่องอันใดกัน ข้าจะกลับหมู่บ้านป่า” นางเซี่ยโวยวายในขณะที่ถูกจับกุมตัวมีเพียงซ่งเวยหลงและภรรยาเท่านั้นที่ไม่ถูกควบคุมตัวโดยทหาร หากจะบอกว่าทหารเหล่านั้นเกรงกลัวสายตาของซ่งเวยหลงที่จ้องมองในตอนที่กำลังจะไปคุมตัวคนท้องก็คงจะไปผิด ทหารผู้น้อยจึงทำได้เพียงผายมือเชิญทั้งสองคนไปยังศาล ซึ่งเซี่ยซูมี่ก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด “หุบปาก ต่อหน้าท่านเจ้าเมืองห้ามเสียมารยาท” ลูกน้องคนสนิทของท่านเจ้าเมืองเอ่ยขึ้นน้ำเสียงน่าเกรงขาม ทำให้ชาวบ้านที่ตามมาดูคำตัดสินต่างเงียบไม่มีใครกล้าเอ่ยคำใดออกมา หลังจากที่ท่านเจ้าเมืองเข้ามานั่งประจำตำแหน่งก็เริ่มทำการสอบสวน ซึ่งเปิดโอกาสให้กับผู้ร้องทุกข์นั่นก็คือท่านลุงไท่เป็นคนพูดก่อน “เซี่ยซือมั่น สิ่งที่ไท่หานพูดเป็นความจริงหรือไม่” ท่านเจ้าเมืองเริ่มทำการสอบสวน “ข้าน้อยเซี่ยซือมั่นคารวะท่านเจ้าเมือง สิ่งที่ท่านลุงไท่พูดเป็นความจริ

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 55

    เซี่ยซือมั่นถูกบิดาจับข้อมือเอาไว้ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่มารดาตะโกนออกมาจนสุดเสียง ท่านลุงไท่เองก็ตกใจเมื่ออยู่ดีๆ ก็ถูกกล่าวหาว่าคดโกง สมัยนี้เรื่องโกงต่างๆ ไม่ค่อยมีเกิดขึ้น ทุกคนอยู่ด้วยกันด้วยความซื่อสัตย์ รักเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเองเป็นอย่างมาก “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” ท่านลุงไท่มองตาเขียวรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก คนในเมืองรู้จักตนอยู่ไม่น้อย เพราะมีอาชีพรับของป่าจากหมู่บ้านต่างๆ มาขาย หากเรื่องนี้ถูกผู้คนเข้าใจผิด แล้วตนจะทำงานต่อไปอย่างไร “หมายความว่าที่ผ่านมาเจ้าคดโกงข้า วันนี้หากข้าไม่มารับเงินกับลูกสาวด้วยมือของข้าเอง ก็หารู้ไม่ว่าเจ้าโกงเงินข้าทุกเดือน เร่เข้ามา… มาดูคนหน้าด้านโกงได้แม้กระทั่งเงินอีแปะ” นางเซี่ยแผดเสียงออกไปเพื่อต้องการให้ทุกคนมามุงและสนใจ “นี่เจ้า….” ท่านลุงไท่ชี้หน้านางเซี่ยด้วยความโมโห จากนั้นก็หันไปสบตากับเซี่ยซือมั่น เพื่อต้องการให้นางพูดและอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น ตนไม่เคยคิดที่จะเปิดดูถุงผ้านั้นว่ามีเงินอยู่จำนวนเท่าใด เพราะความสงสารหญิงสาวที่จากบ้านมาทำงานไกลถึงในเมือง อยู่กินตัวคนเดียวเป็นสาวเป

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status