Share

ตอนที่ 13

Author: Scince
last update Last Updated: 2025-05-14 12:12:39

ถึงกำหนดที่ช่างจะเข้ามาทำบ้านให้กับทั้งสองคน แต่เนื่องจากว่าบ้านของพวกเขานั้นอยู่ท้ายหมู่บ้านจึงค่อนข้างที่จะอยู่ห่างไกล เถ้าแก่เดินทางมาส่งลูกน้องด้วยตัวเอง เพราะพวกเขาจำเป็นที่จะต้องขนเครื่องมือต่างๆ นอกจากนั้นยังมีไม้สำหรับทำบ้านอีกด้วย 

          ไม่เคยมีเกวียนเข้ามาในหมู่บ้านมากถึงเพียงนี้ หากนับด้วยสายตาตอนนี้มีมากถึง 5 คันแล้ว เดือดร้อนไปถึงท่านผู้นำหมู่บ้านต้องมาสอบถาม เพราะไม่เคยมีขบวนขนของเข้ามาในหมู่บ้านมากถึงเพียงนี้มาก่อน

“คารวะนายท่าน ไม่ทราบพวกท่านเข้ามาในหมู่บ้านนี้ด้วยเหตุอันใดหรือ?” ท่านผู้นำหมู่บ้านตรงเข้าไปถามคนที่อยู่ในรถม้า

          “ไม่ทราบว่าท่านผู้นี้คือ?” เถ้าแก่ไม่รู้ว่าชายที่เดินมาขวางขบวนขนของนี้คือใครจึงเอ่ยถามออกไป

“ข้าคือผู้นำหมู่บ้านของหมู่บ้านป่าแห่งนี้ขอรับ” ท่านผู้นำหมู่บ้านแนะนำตัว

          “ไอหยา…ขอโทษที่เสียมารยาทกับท่านผู้นำ ข้าแซ่จงรับสร้างบ้านในแถบนี้ ได้รับการติดต่อจากนายพรานซ่งให้ไปสร้างบ้านให้ท้ายหมู่บ้านแห่งนี้น่ะขอรับ” เถ้าแก่แนะนำตัวอย่างนอบน้อม บางครั้งการเป็นเจ้าคนนายคนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเบ่งไปเสียทุกที่ ในเมื่อเขามาอย่างนอบน้อมเราก็สมควรที่จะต้องนอบน้อมกลับ

          “เป็นเช่นนี้นี่เอง ถ้าเช่นนั้นข้าไม่รบกวนนายช่าง ตรงไปท้ายหมู่บ้านนี้ ราวๆ 2 ลี้ก็ถึงบ้านของพวกเขาแล้วล่ะ” ท่านผู้นำพยักหน้าเข้าใจ แล้วผายมือเชื้อเชิญให้พวกเขาเดินทางต่อได้

           เมื่อทราบเรื่องแล้วว่าคาราวานเกวียนพวกนี้มาด้วยเหตุผลอันใด ท่านผู้นำหมู่บ้านจึงนำเนื้อความไปแจ้งแก่ลูกบ้าน

“ข้าคิดว่าเศรษฐีผู้นั้นทำไม่ถูกต้อง จะมาสร้างบ้านหรือเป็นคนของหมู่บ้านจำเป็นต้องแจ้งชื่อกับท่านผู้นำก่อน หมู่บ้านของพวกเราใช่ว่าใครจะเข้ามาอยู่โดยง่ายได้” ชาวบ้านท่านหนึ่งแสดงความคิดเห็น 

          หลังจากที่ทราบข่าวว่าพรานป่าซ่งขายภรรยาและที่ดินผืนนั้นให้กับเศรษฐีรูปงาม เขาอยากได้ที่ผืนนั้นของพรานป่ามานานมากแล้ว น่าเสียดายที่เป็นที่มรดกตกทอดของตระกูลซ่ง แต่ไม่เห็นว่าพรานป่าหน้าโฉดจะทำประโยชน์อันใด ที่ดินตั้งมากมายกลับปล่อยทิ้งขว้างให้รกร้าง เคยไปถามเช่าหรือแม้กระทั่งถามซื้อก็ไม่ยอมขาย น่าเจ็บใจยิ่งนัก

          “ใช่ๆ ข้าเห็นด้วยๆ” เมื่อมีคนเริ่มแน่นอนว่าต้องมีคนตาม จากเดิมเพียงแค่ต้องการจะแจ้งข่าวว่าคาราวานเหล่านั้นมาทำอะไร กลับกลายเป็นว่ากลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปเสียได้

ทางด้านท่านผู้นำเองก็หนักใจไม่น้อย หากเอาตามความรู้สึกของตนคือซ่งเวยหลงเป็นคนดีไม่น้อย เขาไม่เคยสร้างความเดือดร้อนหรือหนักใจมาให้ มีเพียงข่าวลือเท่านั้นที่บอกว่าเขาเป็นพรานป่าโหดร้าย แต่ตนยังไม่เห็นหรือมีเหตุการณ์อะไรที่บ่งชี้ว่าชายหนุ่มเป็นคนโหดร้าย จะมีก็เพียงแค่ล่าสัตว์เพื่อประทังชีพเท่านั้น

          “เอาล่ะๆ รอข้าไปสืบความก่อนเถิด พวกเจ้าก็อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปเลย” ท่านผู้นำลุกขึ้นยืน เนื่องจากว่าตอนนี้เสียงของชาวบ้านแตกทางด้านความคิดเห็น

          “หลานชายข้าเป็นคนดี ใครช่างกล้ากล่าวหาว่าร้ายแก่เขา” จู่ๆก็มีเสียงของพ่อเฒ่าที่น่าจะอายุมากที่สุดและเป็นที่เคารพของคนในหมู่บ้าน นั่นก็คือพ่อเฒ่าจู

          “หากหลานชายท่านเป็นคนดีจริงก็คงไม่ขายบ้าน ขายที่ของตระกูล ที่ร้ายแรงไปกว่านั้นคือขายเมียที่เพิ่งจะแต่งไปไม่นายเพื่อเป็นทาสให้แก่เศรษฐีหนุ่มผู้นั้นหรอก” ชายวัยกลางคนคนเดิมที่พูดออกไป อย่างไรเสียเขาจะต้องหาทางเอาที่ดินอันอุดมสมบูรณ์นั้นมาเป็นของตนให้จงได้ ที่ผืนนั้นปลูกอะไรก็งอกงามแทบจะไม่ต้องบำรุงอะไรเลยด้วยซ้ำ 

          “ใช่ๆ เรื่องนี้พวกเราเป็นพยานให้ได้” เสียงของชาวบ้านหลายๆคนดังขึ้น ซึ่งก็คือเหล่าแม่บ้านที่ไปยังบ้านของซ่งเวยหลงเมื่อ 2 วันก่อนนั่นเอง

          “เหลวไหล พวกเจ้าไม่มีงานทำกันแล้วหรือถึงได้กล่าวหารังแกเด็ก” ผู้เฒ่าจูใช้ไม้เท้าที่ตนใช้ค้ำยันเพื่อพยุงตัวเองกระทุ้งลงพื้นอย่างแรง ทำให้คนบริเวณนั้นต่างตกใจไปตามๆกัน

“ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ไปที่บ้านของพรานซ่ง สอบถามเศรษฐีหนุ่มผู้นั้นก็สิ้นเรื่อง การที่จะซื้อขายกันได้จำเป็นต้องแจ้งท่านผู้นำ เพื่อออกหนังสือครอบครองให้อยู่แล้ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่พวกเขาจะทำกันเองโดยพลการได้” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นหลังจากที่นั่งฟังมาเป็นเวลานาน เพราะเนื้อความที่ฟังจากหลายๆคนเล่ามานั้นคล้ายว่าจะเป็นการคิดไปเองมากกว่า

          “ข้าขอถามพวกท่านสักอย่างได้หรือไม่?” อาจื่อสหายของซ่งเวยหลงเอ่ยขึ้น “เศรษฐีผู้นั้นบอกกับพวกท่านหรือไม่ว่าอาหลงได้ขายบ้านพร้อมที่ดินให้กับเขาแล้ว” ชาวบ้านต่างมองหน้ากันไปมา เพราะไม่มีใครได้ยินกับหูว่าชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นบอกว่าพรานซ่งขายบ้านให้กับเขาแล้ว

          “อะ เอ่อ แต่เศรษฐีผู้นั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธนี่นา ” ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น

          “เขาไม่ปฏิเสธ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขายอมรับใช่หรือไม่ แล้วพวกท่านมาโวยวายเรื่องอันใดกัน มีผู้ใดเดือดร้อนจากเรื่องนี้บ้าง?” อาจื่อพูดขึ้น ทุกคนต่างหลบสายตาไม่มีใครกล้าสบตาเลยสักคน เพราะที่อาจื่อพูดก็มีเหตุผล 

“แต่ถึงอย่างไรเราก็ต้องไปถามให้รู้เรื่องว่าพรานซ่งหายไปไหน พวกเราจะทิ้งขว้างเขาเช่นนี้ไม่ได้” ชายวัยกลางคนพูดขึ้น

          “ท่านลุงเยี่ยน ดูท่าว่าท่านลุงจะเป็นเดือดเป็นร้อนเหลือเกินนะ หรือว่านึกเสียดายที่อาหลงไม่ยอมขายที่ผืนนั้นให้แก่ท่าน ได้ข่าวว่าท่านอยากได้มากไม่ใช่หรือ” อาจื่อพูดขึ้นพร้อมทั้งเดินเข้าไปใกล้กับชายวัยกลางคนผู้นั้น ซึ่งมีแซ่ว่าเยี่ยน

          “เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นเจ้า ข้าไม่เสียเวลามาอธิบายด้วยหรอก ท่านผู้นำข้าว่าทางที่ดีเราไปที่บ้านของพรานซ่งเพื่อไขข้อสงสัยกันเถอะ” ท่านลุงเยี่ยนพูดขึ้น

          ทางด้านซ่งเวยหลงและภรรยาต่างต้อนรับเถ้าแก่ รวมไปถึงคนงานที่จะมาสร้างบ้านเป็นอย่างดี ช่วง 2 วันที่ผ่านมานี้ นอกจากจะทำคอกวัวแล้ว ซ่งเวยหลงก็ทำการถางหญ้าที่ขึ้นมาบริเวณรอบๆบ้าน เพราะภรรยาบอกว่าจะสร้างบ้านบริเวณนั้น นางบอกว่าฮวงจุ้ยค่อนข้างดี เนื่องจากว่าหลังบ้านเป็นภูเขา บริเวณหน้าบ้านมีลำธารเล็กๆ ไหลผ่าน ส่วนบ้านหลังเดิมนี้ก็จะเก็บเอาไว้เป็นที่เก็บของ

“ระหว่างทางเข้ามาในหมู่บ้าน มีท่านผู้นำมาสอบถามข้าด้วยนะ” เถ้าแก่เล่าเรื่องเมื่อครู่ที่เกิดขึ้นให้ฟัง

          “ถึงขนาดนั้นเลยหรือเจ้าคะ” เซี่ยซูมี่เอ่ยถามขึ้น 

          “ข้าเองก็ลืมไปแจ้งกับทางท่านผู้นำหมู่บ้านน่ะขอรับ ต้องขอโทษเถ้าแก่ด้วยที่ทำให้ต้องวุ่นวาย” ซ่งเวยหลงเอ่ยขึ้น เขาเองมัวแต่ยุ่งกับการถางหญ้า จึงลืมเรื่องสำคัญอย่างแจ้งกับทางท่านผู้นำไปเสียสนิท

          “ไม่เป็นไรๆ ก็แค่มาถามเท่านั้น เมื่อรู้ว่ามาสร้างบ้านของพรานซ่งก็ไม่ได้ว่าอะไร ซ้ำยังบอกทางมาบ้านพรานซ่งแก่ข้าและลูกน้องด้วย” เถ้าแก่พูดจายิ้มแย้ม เป็นเรื่องธรรมดาของผู้นำที่จำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อความปลอดภัยของหมู่บ้าน

          “ขอรับ” ซ่งเวยหลงพยักหน้า รู้สึกโล่งอกที่ไม่มีเรื่องน่าปวดหัวเกิดขึ้น

          “อาหลง อาหลง อยู่หรือไม่” อาจื่อสหายคนสนิทของซ่งเวยหลง ยืนตะโกนอยู่ที่หน้าบ้าน เรื่องที่มีคนมาสร้างบ้านนั้นคงเป็นเรื่องจริง แต่ก็อาจจะเป็นสหายรักของตนก็เป็นได้

          “เสียงอาจื่อนี่เจ้าคะ” เซี่ยซูมี่จำเสียงสหายของสามีได้

          “อืม พี่ออกไปดูเอง” ซ่งเวยหลงพูดขึ้น เขาจำเสียงสหายได้ แต่ไม่รู้ว่ามาตะโกนเรียกที่หน้าบ้านด้วยเหตุอันใด

          “ไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ” เถ้าแก่พูดขึ้น 

          เมื่อเดินออกไปยังหน้าบ้าน ซ่งเวยหลงเป็นต้องขมวดคิ้วแปลกใจ เพราะไม่ใช่มีเพียงแค่สหายของตนเท่านั้น แต่ยังมีท่านผู้นำหมู่บ้าน ชาวบ้านเกือบครึ่งหมู่บ้าน รวมไปถึงท่านลุงจูของตนด้วย ซ่งเวยหลงตรงเข้าไปประคองท่านลุงจูเข้ามาภายในบ้าน

          “ท่านลุงมาได้อย่างไรขอรับ” ซ่งเวยหลงเอ่ยถามท่านลุงจูอย่างแปลกใจ

          “เข้าไปคุยในบ้านเถอะ” ผู้เฒ่าจูพูดขึ้น มีหรือที่ตนจะจำหลานชายไม่ได้ ในเมื่อเห็นกันมาตั้งแต่ยังเล็กๆ

          “ท่านผู้เฒ่าจูรู้จักกับเศรษฐีหนุ่มผู้นี้ด้วยหรือ?” เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มรูปงามตรงเข้าไปประคองพ่อเฒ่าจูเข้าไปภายในบ้าน ชาวบ้านเองต่างก็สงสัยในความสัมพันธ์เข้าไปอีก

          “หรือว่าพ่อหนุ่มรูปงามผู้นี้จะเกี่ยวข้องกับนายพรานซ่ง” มีชาวบ้านคนหนึ่งออกความเห็น

          “เข้าไปพวกท่านก็จะรู้เอง หึ” อาจื่อพูดขึ้นอย่างสะใจ เขาเองก็จำสหายที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาได้เป็นอย่างดี ไม่คิดเลยว่าสหายจะยอมเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อหญิงงามผู้นั้น

         

“พวกท่านมาที่บ้านข้าด้วยเรื่องอันใดหรือ?” ซ่งเวยหลงพูดขึ้น พร้อมทั้งหันไปมองท่านผู้นำ

          “เรียนท่านเศรษฐี ข้าเป็นผู้นำของหมู่บ้าน ได้รับแจ้งจากลูกบ้านว่าท่านเป็นคนซื้อบ้านพร้อมที่ดินผืนนี้จากนายพรานซ่ง ข้าจึงอยากจะมาสอบถามข้อเท็จจริงจากท่าน เพราะหากว่าเป็นเช่นนั้นข้าในฐานะผู้นำของหมู่บ้านจำเป็นที่ต้องสอบถามชื่อแซ่ของท่านเพื่อจดเข้าไปในประวัติของหมู่บ้านป่าเรา” ท่านผู้นำพูดถึงเหตุผลที่ตนมาในวันนี้ แม้ว่าจะรู้สึกคุ้นน้ำเสียง รวมไปถึงท่าทางการพูดของชายหนุ่มผู้นี้มากก็ตาม

          “ข้าแซ่ซ่ง นามว่าเวยหลง เป็นเจ้าของบ้านและที่ดินผืนนี้โดยชอบธรรม ไม่ทราบว่าท่านผู้นำไปเอาข่าวไร้สาระพวกนี้มาจากที่ใดหรือ?” ซ่งเวยหลงพูดขึ้น ชาวบ้านต่างงุนงงกับชื่อแซ่ที่ชายหนุ่มบอก เพราะมันช่างเหมือนกับชื่อแซ่ของนายพรานซ่งเสียเหลือเกิน

“นายพรานซ่งมีนามว่าอย่างไรหรือ อาจื่อ” ท่านป้าท่านหนึ่งสะกิดถามนามของนายพราน เพราะเธอเองรู้สึกคุ้นกับชื่อแซ่ที่เศรษฐีหนุ่มผู้นี้บอก

          “ซ่งเวยหลง” อาจื่อพูดช้าๆชัดๆ และเน้นน้ำเสียงให้ได้ยินกันถ้วนหน้า ออกไปทางตะโกนเสียด้วยซ้ำ ทางด้านท่านลุงเยี่ยนนั้นเหมือนจะหน้าชาไปแล้ว

          “อ้อ ที่แท้ก็นามว่าซ่งเวยหลง ดะ เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่าท่านเศรษฐีซ่งเวยหลง กับนายพรานซ่งเวยหลง คะ คือคนเดียวกัน” ท่านป้าคนเดิมพูดขึ้นด้วยความตกใจ นางไม่เคยเห็นหน้านายพรานชัดๆ เพราะมีข่าวไม่ดีมากมายออกมาเกี่ยวกับนายพรานคนนี้ เวลาที่ต้องขึ้นเขาหาของป่าก็มักจะเดินอ้อมไปขึ้นเขาอีกทาง ไม่เดินผ่านหน้าบ้านของพรานโหดผู้นี้เป็นอันขาด

          “ใช่แล้วขอรับท่านป้า” อาจื่อตอบแทนทุกคน เมื่อได้รู้ความจริงต่างก็ตกตะลึงตาค้าง เพราะสิ่งที่คิดมาตั้งแต่แรกนั้นผิดเพี้ยนไปหมด ผู้ใดกันปล่อยข่าวว่าพรานซ่งผู้นั้นเป็นคนโหดเหี้ยม แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นตรงหน้านี้มีเพียงชายหนุ่มรูปงามราวกับลูกเศรษฐีไม่ก็ลูกขุนนางต่างหาก หาได้เหมือนกับพรานป่าไม่

“ไอหยา…อาหลงหรือนี่ ลุงต้องขอโทษด้วยที่จำเจ้าไม่ได้ แต่เมื่อได้ยินเสียงลุงก็จำได้แล้วล่ะว่าเป็นเจ้าอย่างแน่นอน” ท่านผู้นำพูดขึ้น

          “หมดเรื่องแล้ว พวกเราขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” ชาวบ้านต่างหน้าแตกไปตามๆกัน เพราะแต่ละคนต่างหมายตาที่ดินผืนงามของพรานป่า แต่ในเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ซ้ำยังรูปงามถึงเพียงนี้ คงต้องบอกว่าหมดหวังที่จะครอบครองแล้ว

          “มันจะไม่ง่ายไปหน่อยหรือ พวกเจ้ากล่าวหาหลานชายข้าว่าเป็นพรานป่าโหดร้าย เรื่องนี้เป็นตราบาปแก่หลานชายข้ามาช้านาน จนไม่มีหญิงใดอยากจะร่วมหอด้วย หากไม่เป็นเพราะคำมั่นสัญญามาแต่ช้านาน หลานชายข้าคงได้อยู่เดียวดายไปแล้ว เมื่อมีกำลังจะสร้างบ้าน ก็ยังมิวายถูกใส่ร้ายว่าขายเมียกิน เรื่องนี้ข้าผู้เฒ่าจูไม่มีทางยินยอมเป็นอันขาด” ท่านผู้เฒ่าจูพูดขึ้น เขาต้องเรียกความเป็นธรรมแก่หลานชายให้จงได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 63

    “ท่านพี่เจ้าคะ ข้าเจ็บท้องเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่ปลุกสามีในช่วงกลางดึกของคืนฝนตกหนักคืนหนึ่ง วันนี้กลับไม่โชคดีเหมือนครั้งที่คลอดซ่งอี้เทียน เพราะยังไม่ถึงกำหนดคลอดทุกคนจึงยังไม่มีการเตรียมการใดๆ “เจ็บอย่างไร ทนได้หรือไม่” ซ่งเวยหลงรีบลุกขึ้นเพื่อดูอาการของภรรยา ไม่หลงเหลือความง่วงเลยสักนิด “ไม่ไหวเจ้าค่ะ ให้คนไปตามหมอตำแยให้น้องทีเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่เค้นเสียงออกมา แม้ว่าภายในใจจะไม่อยากพูดคุยอะไรไปมากกว่านี้เลยก็ตามทันทีที่ฟังภรรยาพูดจบ ซ่งเวยหลงก็ออกไปสั่งการสาวใช้ที่คอยรับใช้หน้าห้อง ให้ไปตามหมอตำแยมาโดยด่วน ฮูหยินซ่งกำลังจะคลอดลูกแล้ว สาวใช้ในเรือนรีบลุกเพื่อไปทำหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมายอย่างไม่มีอิดออด แม้จะสงสัยอยู่บ้างว่ายังไม่ครบกำหนดจะคลอดได้อย่างไร แต่ก็มีเสียงแตกหลายเสียง เนื่องจากว่าครรภ์ของฮูหยินนั้นใหญ่ผิดปกติหลังจากนั้นราวๆ 2 ชั่วยาม เซี่ยซูมี่ก็ได้ให้กำเนิดทายาทสกุลซ่ง แต่ที่น่ายินดีไปมากกว่านั้นคือเป็นแฝดชาย แม้ว่าจะคลอดก่อนกำหนด แต่แฝดทั้งสองก็สมบูรณ์แข็งแรงดี เมื่อแฝดทั้งสองคลอดฟ้าฝนกลับหยุดลง จากนั้นก็มีแสงใหม่ของอีกวันโผล่ขึ้น คล้ายจะบอกเป็น

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 62

    3 ปีผ่านไป ซ่งอี้เทียนเริ่มโตขึ้นมาก อีกทั้งยังเป็นเด็กที่รู้มากอีกด้วย เซี่ยซูมี่สอนลูกชายอ่านเขียนตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยหวังว่าโตขึ้นไปในภายภาคหน้าเขาจะสามารถดูแลตัวเองได้ ส่วนกิจการของบ้านซ่งต้องบอกว่าขยายใหญ่โตมาก อีกทั้งยังสร้างโรงเตี๊ยมขึ้นมา เพื่อแข่งกับโรงเตี๊ยมเหอฟู่อีกด้วย โดยให้ชื่อโรงเตี๊ยมว่า หลงโถว เช่นเดียวกับร้านค้า ผู้คนในเมืองรวมไปถึงลูกค้าต่างเมือง ต่างรู้จักร้านหลงโถวนี้เป็นอย่างดีทางด้านคุณชายเหอได้ถูกทางการจับตัว เนื่องจากว่ามีคนมาร้องเรียนเรื่องที่ลูกสาวหายตัวไป หลังจากที่แต่งเข้าไปเป็นอนุ เมื่อมีคนมาร้องเรียนกับทางการ อีกหลายๆคนที่ได้ข่าวก็เริ่มมาร้องเรียนบ้าง เนื่องจากว่าเมื่อก่อนชาวบ้านต่างเกรงกลัวอำนาจและบารมีของสกุลเหอ อีกทั้งยังมีท่านเจ้าเมืองหนุนหลัง ทำให้ไม่มีใครแจ้งความเอาผิด แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อมีท่านรองแม่ทัพหยางเข้ามาประจำการในเมืองนี้ ทำให้ชาวบ้านสามารถเข้าถึงทางการได้ง่ายขึ้น“มีชาวบ้านเข้ามารองเรียนเรื่องคนหายไม่เว้นวัน” ท่านเจ้าเมืองถอนหายใจ ไม่คิดเลยว่าสหายที่เติบโตด้วยกันมาจะเป็นคนเช่นนี้ เดิมทีเหอฟู่ผู้นี้เป็นคนจิตใจดีมีเมตตา

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 61

    หลังจากที่ให้ลูกชายกินนม เซี่ยซูมี่จึงพาลูกชายออกมายังห้องโถง ซึ่งแม่บ้านเห่ยนำเตาขนาดเล็กมาวางไว้รอบๆ ห้อง เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับภายในบ้าน ทำให้บ้านไม่หนาวเย็นอย่างที่ควรจะเป็น “มาแล้วหรือหลานชายของป้า มาให้ป้าอุ้มให้หายคิดหน่อยหน่อยเถิด” เซี่ยซือมั่นเงยหน้าจากผ้าที่กำลังปักอยู่ จากนั้นก็ยื่นงานปักให้สาวใช้คนสนิททำต่อ ส่วนนางนั้นเอื้อมมือเพื่อที่จะไปอุ้มหลายชายเข้าสู่อ้อมกอดซ่งอี้เทียนเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความรักความเอ็นดูที่ท่านป้าหมาดๆของเขามีให้ ทารกน้อยอายุเพียง 1 เดือน จากตอนแรกที่อยู่ในอ้อมกอดมารดา จึงยอมให้ท่านป้าของเขาอุ้มเข้าไปกอดอย่างง่ายดายส่วนทางด้านท่านป้าที่เมื่อได้อุ้มหลานชายแล้วนั้น ก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าหลานชายไม่ได้ผอมแห้งดังเช่นที่ตนนั้นกังวล แต่เขากลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ทารกน้อยมีน้ำหนักหากจะพูดแล้วนั้น น่าจะหนักกว่าเด็กทั่วๆ ไปเสียด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าทารกที่กินเพียงน้ำนมของผู้เป็นแม่เพียงอย่างเดียวจะอุดมสมบูรณ์ได้ “เป็นไรไปหรือเจ้าคะ?” เซี่ยซูมี่สังเกตเห็นสีหน้าฉงนของพี่สาวจึงอดที่จะเอ่ยถามออกไปไม่ได้ “เสี่

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 60

    1 เดือนผ่านไปเซี่ยซูมี่ออกจากการอยู่ไฟแล้วเรียบร้อย อีกทั้งวันนี้ยังมีแขกมาเยี่ยม ซ่งอี้เทียน นั่นก็คือท่านป้าและท่านลุงหยางหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งก็คือท่านรองแม่ทัพหยางนั่นเองกล่าวถึงเซี่ยซือมั่นเมื่อเข้าไปทำงานยังจวนของท่านรองแม่ทัพ ก็ได้มีโอกาสศึกษาดูใจกับรองแม่ทัพหนุ่มมากขึ้น ทำให้ทั้งสองคนมีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน อีกทั้งหญิงสาวยังรับหน้าที่ในการทำอาหารขึ้นโต๊ะให้แก่เขาเองอีกด้วย คุณสมบัติเพียบพร้อมเช่นนั้นจะหนีจากฮูหยินใหญ่ของเขาไปได้อย่างไรกัน“หลานชายของป้า น่าตีท่านพ่อกับท่านแม่ของเจ้ายิ่งนัก หลานชายคลอดทั้งที กลับไม่ส่งข่าวคราวให้ป้าบ้างเลย” เซี่ยซือมั่นทำทีเป็นบ่นกับหลานชาย ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วพ่อกับแม่ของเจ้าก้อนกลมนั้นก็นั่งอยู่ด้วย “หิมะตกหนัก อีกทั้งข้าเองก็เพิ่งจะออกจากการอยู่ไฟ ป้าเห่ยไม่ยอมให้ข้าเห็นเดือนเห็นตะวันเลยล่ะเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่อดที่จะบ่นแม่บ้านของตัวเองไม่ได้ เพราะนางไม่ยอมให้ออกไปไหนเลยแม้ว่าจะอ้อนวอนมากเพียงใดก็ตาม เซี่ยซูมี่เป็นคนสะอาด จะยอมให้ผมตัวเองมันเยิ้มได้อย่างไรกัน นอกจากมันแล้วก็ยังรู้สึกคันหนังหัวแต่ไม่อยากสอดนิ้วมือเข้าไปเพราะหนังหัวช่

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 59

    เซี่ยซูมี่ลืมตาตื่นในเช้าของอีกวัน คิดว่าตัวเองฝันไปหรือเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อใช้มือคลำสัมผัสที่หน้าท้องกลับพบว่ามันยุบลง ไม่ป่องเหมือนเมื่อวาน นอกจากนั้นแล้วในยามที่ขยับตัวก็รู้สึกเจ็บ อีกทั้งยังเหมือนได้ยินเสียงร้องงอแงของเด็กอีกด้วย “อือ” คุณแม่มือใหม่ส่งเสียงในลำคอ “ลูกพ่อ แม่ของลูกตื่นแล้ว” ซ่งเวยหลงตอนนี้กำลังอุ้มลูกชายอยู่สืบเนื่องจากเมื่อคืนที่ได้บอกกับหมอตำแยเอาไว้ว่าจะให้ลูกกินนมของภรรยาเป็นคนแรกนั้นต้องหยุดลง เนื่องจากว่าลูกชายร้องไห้งอแงในยามเช้าแต่ภรรยาเขากลับยังไม่ได้สติ ตนจึงจำเป็นต้องให้แม่นมที่เตรียมไว้สำหรับลูกชายทำหน้าที่แทนทารกน้อยราวกับว่ารับรู้และเข้าใจในสิ่งที่บิดาพูด ทันทีที่พูดถึงมารดาเขากลับเงียบเสียงลง คล้ายกำลังฟังเสียงการเคลื่อนไหวของมารดา แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเหมือนตอนที่อยู่ในท้อง เขากลับเริ่มเบะปากเตรียมที่จะร้องไห้อีกครั้ง “ท่านพี่ นะ น้ำเจ้าค่ะ น้องขอน้ำ” เซี่ยซูมี่รู้สึกลำคอแห้งผาก แม้ว่าอยากจะลุกขึ้นไปอุ้มลูกชายมากเพียงใด แต่ตอนนี้ตนต้องได้กินน้ำเพื่อให้ร่างกายมีแรงขึ้นมาก่อน “ฮูหยิน น้ำเจ้าค่ะ”

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 58

    หลังจากที่ไปส่งพี่สาวที่จวนของท่านรองแม่ทัพ เรียกได้ว่าหายห่วงไปได้มากทีเดียว เดิมทีเซี่ยซูมี่ตั้งใจจะพาพี่สาวไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ให้สมกับตำแหน่งแม่บ้านใหญ่ของจวนท่านรองแม่ทัพ แต่กลับถูกเจ้าของจวนขัดขึ้นเสียก่อน เนื่องจากว่าเขาได้ให้คนงานจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อไปถึงจวนก็ไปดูที่พักของพี่สาว คงต้องบอกว่าไม่เหมือนกับที่พักพิงของคนงานเลยสักนิด แม้จะบอกว่าไม่ได้ให้เข้าทำงานมาเป็นทาส หรือแม้กระทั่งยกตำแหน่งแม่บ้านใหญ่ให้ ก็ยังดูไม่ใช่ที่พักของคนงานอยู่ดี แต่คล้ายว่าเป็นห้องนอนของแขกคนสำคัญมากกว่าเซี่ยซือมั่นได้แต่มองหน้าน้องสาวเพื่อขอความคิดเห็น แต่เซี่ยซูมี่กับเดินตัวติดกับสามี ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสายตาที่พี่สาวพยายามจะส่งมาให้ ได้เห็นการต้อนรับที่อบอุ่นเช่นนี้แล้วเซี่ยซูมี่เองก็เบาใจ “ท่านว่าพี่ชายของท่านจะจริงจังกับพี่สาวของข้ามากน้อยเพียงใดเจ้าคะ?” ระหว่างที่กลับบ้านป่า เซี่ยซูมี่ก็ชวนสามีพูดคุยเพื่อให้ไม่เหงาปากมากจนเกินไป “ชู่ว หยุดพูดจาส่งเดช มีคนตามมาส่งเราด้วย” ซ่งเวยหลงทำเสียงเป็นเชิงบอกให้ภรรยาหยุดพากพิงถึงบุคคลอื่น เนื่องจากว่าพี่ชายได้

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 57

    “คารวะท่ารองแม่ทัพเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่และพี่สาวทำความเคารพรองแม่ทัพหนุ่มอีกครั้ง “ตามสบายเถิดน้องสะใภ้ ไม่ต้องมากพิธี” รองแม่ทัพกล่าวทักทายภรรยาของสหายอย่างเป็นกันเอง ทั้งๆที่ความเป็นจริงคือเขาเป็นคนที่ค่อนข้างระวังตัว ด้วยมีหน้าที่ที่ต้องถวายอารักขาความปลอดภัยให้แก่องค์ชายห้ามาตั้งแต่เด็กๆ “ท่านมาก็ดีแล้วขอรับ ข้าขอขอบคุณสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ด้วย” ซ่งเวยหลงเอ่ยขึ้น ช่วงที่ไปล่าสัตว์ด้วยกันเขาได้เรียนรู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับวิชาป้องกันตัว รองแม่ทัพหนุ่มเองก็ได้เรียนรู้วิชาเอาตัวรอดเมื่ออยู่ในป่าเช่นกัน ทำให้ทั้งสองคนสนิทกันมาก “ไม่เป็นไร เรื่องของเจ้าก็เหมือนเรื่องขอข้า ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อจะมาทำเรื่องที่พูดเอาไว้ให้สำเร็จลุล่วง ซ่งเวยหลง เจ้าต้องการที่จะเป็นพี่น้องสาบานร่วมกับข้าหรือไม่?” รองแม่ทัพเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งจ้องมองหน้าสหายที่ตนเอ็นดูเหมือนน้องชายแท้ๆ “ไมตรีที่ท่านมอบให้ ข้าซ่งเวยหลงไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ อีกทั้งยังรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นพี่น้องกับท่าน” ซ่งเวยหลงไม่คิดปฏิเสธ เพราะเขาเองก็รับรู้ได้ถึงความเมตตาที่รองแม่

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 56

    ทุกคนถูกจับตัวไปที่ศาลของท่านเจ้าเมืองเพื่อช่วยตัดสิน โดยท่านลุงไท่ร้องทุกข์แก่ท่านเจ้าเมืองทันทีที่ไปถึง รวมไปถึงเซี่ยซูมี่และซ่งเวยหลงเองก็ถูกควบคุมตัวมาในที่นี้ด้วย “จับตัวข้ามาด้วยเรื่องอันใดกัน ข้าจะกลับหมู่บ้านป่า” นางเซี่ยโวยวายในขณะที่ถูกจับกุมตัวมีเพียงซ่งเวยหลงและภรรยาเท่านั้นที่ไม่ถูกควบคุมตัวโดยทหาร หากจะบอกว่าทหารเหล่านั้นเกรงกลัวสายตาของซ่งเวยหลงที่จ้องมองในตอนที่กำลังจะไปคุมตัวคนท้องก็คงจะไปผิด ทหารผู้น้อยจึงทำได้เพียงผายมือเชิญทั้งสองคนไปยังศาล ซึ่งเซี่ยซูมี่ก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด “หุบปาก ต่อหน้าท่านเจ้าเมืองห้ามเสียมารยาท” ลูกน้องคนสนิทของท่านเจ้าเมืองเอ่ยขึ้นน้ำเสียงน่าเกรงขาม ทำให้ชาวบ้านที่ตามมาดูคำตัดสินต่างเงียบไม่มีใครกล้าเอ่ยคำใดออกมา หลังจากที่ท่านเจ้าเมืองเข้ามานั่งประจำตำแหน่งก็เริ่มทำการสอบสวน ซึ่งเปิดโอกาสให้กับผู้ร้องทุกข์นั่นก็คือท่านลุงไท่เป็นคนพูดก่อน “เซี่ยซือมั่น สิ่งที่ไท่หานพูดเป็นความจริงหรือไม่” ท่านเจ้าเมืองเริ่มทำการสอบสวน “ข้าน้อยเซี่ยซือมั่นคารวะท่านเจ้าเมือง สิ่งที่ท่านลุงไท่พูดเป็นความจริ

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 55

    เซี่ยซือมั่นถูกบิดาจับข้อมือเอาไว้ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่มารดาตะโกนออกมาจนสุดเสียง ท่านลุงไท่เองก็ตกใจเมื่ออยู่ดีๆ ก็ถูกกล่าวหาว่าคดโกง สมัยนี้เรื่องโกงต่างๆ ไม่ค่อยมีเกิดขึ้น ทุกคนอยู่ด้วยกันด้วยความซื่อสัตย์ รักเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเองเป็นอย่างมาก “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” ท่านลุงไท่มองตาเขียวรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก คนในเมืองรู้จักตนอยู่ไม่น้อย เพราะมีอาชีพรับของป่าจากหมู่บ้านต่างๆ มาขาย หากเรื่องนี้ถูกผู้คนเข้าใจผิด แล้วตนจะทำงานต่อไปอย่างไร “หมายความว่าที่ผ่านมาเจ้าคดโกงข้า วันนี้หากข้าไม่มารับเงินกับลูกสาวด้วยมือของข้าเอง ก็หารู้ไม่ว่าเจ้าโกงเงินข้าทุกเดือน เร่เข้ามา… มาดูคนหน้าด้านโกงได้แม้กระทั่งเงินอีแปะ” นางเซี่ยแผดเสียงออกไปเพื่อต้องการให้ทุกคนมามุงและสนใจ “นี่เจ้า….” ท่านลุงไท่ชี้หน้านางเซี่ยด้วยความโมโห จากนั้นก็หันไปสบตากับเซี่ยซือมั่น เพื่อต้องการให้นางพูดและอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น ตนไม่เคยคิดที่จะเปิดดูถุงผ้านั้นว่ามีเงินอยู่จำนวนเท่าใด เพราะความสงสารหญิงสาวที่จากบ้านมาทำงานไกลถึงในเมือง อยู่กินตัวคนเดียวเป็นสาวเป

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status