공유

ตอนที่ 9

작가: Scince
last update 최신 업데이트: 2025-05-14 12:12:14

วันนี้เป็นวันที่ 10 หลังจากที่ซ่งเวยหลงเข้าป่า แต่ยังคงไร้วี่แววว่าเขาจะกลับเข้าบ้านมา เซี่ยซูมี่รู้สึกเป็นห่วงสามีในนามไม่น้อย ไม่คิดว่าการที่เขาบอกว่าอาจไปนานหลายวันนั้นจะไปนานถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง อีกทั้งยังเดินทางเข้าป่าลึกเพียงคนเดียว 

ระหว่างที่ใช้เวลาอยู่คนเดียวในกระท่อมหลังน้อย เซี่ยซูมี่ใช้เวลาทำลูกพลับตากแห้ง ต้องบอกว่าได้มามากพอสมควร ถ้าจะให้ดีต้องใช้เวลาราวๆ 20 วันถึงจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ แม่ไก่ที่สามีอุ้มกลับมาคราวก่อนก็ฟักไข่ออกมาเป็นตัวทั้งหมด 6 ตัว ซึ่งถือว่ามาพอสมควร

วันนี้จึงตั้งใจว่าจะออกไปสำรวจป่ารอบบ้านอีกครั้ง นอกจากนั้นจะลองไปดูว่ามีจอมปลวกอยู่บ้างหรือไม่ เรื่องสร้างบ้านยังคงเป็นเป้าหมายหลักและจะต้องทำให้สำเร็จ

ระหว่างที่ออกเดินสำรวจป่ารอบๆ ก็พบเข้ากับจอมปลวกใหญ่ๆอยู่ 2 อัน แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะมันเป็นจอมปลวกที่ใหญ่พอสมควร จากนั้นก็เริ่มขุดเพื่อที่จะเอาไปเก็บไว้ที่บ้านก่อน ไหนๆ ก็เจอแล้วจะได้ไม่ต้องเสียเวลาหลายรอบ แต่เมื่อกลับถึงบ้านก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า 

“สะ เสือ” เซี่ยซูมีขาสั่น นางพบเข้ากับเสือที่นอนอยู่ตรงลานบ้าน จากนั้นก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ กลัวว่าหากขยับแล้วมันจะกระโจนเข้าหา 

          “ไปไหนมาหรือ” จู่ๆก็มีคนมีกระซิบข้างๆหู เสียงของเขาช่างคุ้นหูเสียจริง แต่พอหันไปมองกลับไม่รู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย 

ชายหนุ่มรูปงามยืนอยู่ข้างๆ เมื่อใช้สายตาไล่มอง ไม่ว่าจะน้ำเสียง หุ่นก็ดูคล้ายสามีหน้าหนวดของตน โดยเฉพาะสายตาของเขา แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อชายที่เห็นตรงหน้านี้กลับรูปงามอย่างไร้ที่ติ

          “ช่วยถอยออกไปด้วยเจ้าค่ะ ข้ามีสามีแล้ว” เซี่ยซูมี่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ 

“อย่างนั้นหรอกหรือ?” ชายหนุ่มอมยิ้มมุมปากอย่างพอใจ แต่ยังคงปั้นหน้านิ่ง เมื่อได้ฟังคำตอบจากสาวงามที่ไม่ได้พบหน้าหลายวัน

          ‘นี่นางจำเขาไม่ได้จริงๆหรือ?’ ซ่งเวยหลงได้แต่คิดในใจ ที่ตัดสินใจโกนหนวดเคราในครั้งนี้ เป็นเพราะว่าในป่าอากาศชื้นทำให้รู้สึกไม่สบายตัว เมื่อมีหนวดเครายาวเฟื้อย นอกจากนี้ยังไม่อยากจะให้ภรรยารู้สึกกลัวไปมากกว่านี้ เวลาที่นางมองมา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อกลับมาแล้วนั้น นางจะใช้สายตาว่างเปล่ามองหน้าตน 

          เดิมทีซ่งเวยหลงเป็นคนมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตนพอสมควร สาเหตุที่ต้องไว้หนวดเครา ก็เป็นเพราะว่าเบื่อสายตาของหญิงน้อยใหญ่ที่มองมา พวกนางมองเขาราวกับว่าเป็นอาหารรสเลิศที่อยากจะลิ้มลอง หลังจากนั้นเป็นต้นมา จึงตัดสินใจไว้หนวดเครา เพื่อปิดบังใบหน้าที่แท้จริง

          “แล้วก็ช่วยเอาเจ้าตัวนั้นออกไปด้วยเจ้าค่ะ ตรงนี้คือบริเวณบ้านของข้าและสามี” เซี่ยซูมี่พูดขึ้น

แม้ว่าจะรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับรูปลักษณ์ของชายตรงหน้า คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเขานั้นรูปงามมากเพียงใด หากเปรียบเทียบก็คงจะหล่อเทียบชั้นพระเอกเกรดเอในตอนนี้เลยก็ว่าได้

เวลาที่ออกงานสังคมก็มักจะพบกันดาราพวกนั้นบ่อยๆ จึงคิดว่ามีภูมิป้องความหล่ออยู่มากพอสมควร แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อได้มาเจอชายคนนี้ มันคล้ายกับว่าภูมิป้องกันคนหล่อนั้นเริ่มลดน้อยลง รู้สึกหัวใจเต้นถี่รัวเร็วเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมอง

          “สามีแม่นางเล่าเขาอยู่ที่ใด? หากแม่นางมีสามีจริง ข้าคิดว่าเขาคงไม่ใจร้ายทิ้งให้แม่นางอยู่ในกระท่อมร้างเพียงลำพังหรอก จริงหรือไม่?” ซ่งเวยหลงขยับเข้าไปใกล้ เพื่อไล่ต้อนหญิงสาวตรงหน้าให้จนมุม นางเดินถอยหลังหนีเขาไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้วิ่งคล้ายว่าจะกลัวสิ่งที่อยู่ข้างหลังมากกว่าตนที่อยู่ตรงหน้า

          “ใครบอกท่านหรือว่ามันเป็นกระท่อมร้าง แม้ว่าภายนอกมันจะดูเก่าและโทรม แต่ข้ามั่นใจว่าภายในบ้านของข้าสะอาดกว่าจิตใจของท่านมากเจ้าค่ะ รีบออกไปจากบริเวณบ้านของข้าดีกว่า หากสามีของข้ามาอย่าหาว่าข้าไม่เตือนท่าน ทั่วทั้งหมู่บ้านป่าแห่งนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักความโหดร้ายของสามีข้า” เซี่ยซูมี่กอดอกพูดจาเยินยอความโหดร้ายของสามีอย่างภาคภูมิใจ 

          “หึ” ซ่งเวยหลงหลุดขำออกมา ไม่คิดว่านางจะภูมิใจกับคำล่ำลือผิดๆที่เขาและสหายตั้งใจกุเรื่องขึ้นมา เป็นเพราะเบื่อความวุ่นวายจึงจงใจปล่อยข่าวเช่นนั้นออกไป 

          “หัวเราะอะไรหรือเจ้าคะ? ใกล้จะได้เวลาสามีของข้ากลับบ้านแล้ว ท่านรีบไปเถอะเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่ขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าเหตุใดชายหน้าหยกตรงหน้าถึงหัวเราะ มันไม่มีอะไรน่าขำเลยสักนิด

“นี่แหน่ะ ข้อหาจำสามีของตัวเองไม่ได้” ซ่งเวยหลงเบื่อที่จะเล่นละครแล้วจึงดีดหน้าผากภรรยาเบาๆด้วยความเอ็นดู ทำไมท่าทางยิ่งยโสของนางที่มองออกมาเขาถึงมองว่าน่ารักนะ อาจจะเป็นเพราะนางไม่หวั่นไหวกับรูปลักษณ์ภายนอกก็เป็นได้

          เซี่ยซูมี่ลูบหน้าผากของตัวเองป้อยๆ รู้สึกงงกับสิ่งที่ชายตรงหน้าพูดออกมา แต่เมื่อสังเกตดีๆก็รู้สึกคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก ทั้งน้ำเสียงและท่าทาง

          “ทะ ท่านพี่ ท่านพี่หรือเจ้าคะ?” เซี่ยซูมี่ตาโต แม้จะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาแสดงออกมา แต่เมื่อเขาหันหลังแล้วเดินไปทางเสือที่นอนอยู่ ตนก็จำด้านหลังของสามีได้ ไม่ผิดเป็นแน่ นี่คือสามีหน้าหนวดแน่ๆ

          “พี่เอง พี่กลับมาแล้ว" ซ่งเวยหลงพยักหน้ายืนยัน พร้อมทั้งมองหน้าภรรยาด้วยสายตาอบอุ่น รู้สึกเอ็นดูนางไม่น้อย 

          “ทำไมท่่าน” เซี่ยซูมี่รู้สึกสับสน และมีคำถามมากมายที่อยากจะถามออกไป

          “เดี๋ยวพี่มา เจ้าไปหาใบไม้มาปิดเจ้าตัวนี้เอาไว้ก่อนเถิด คนผ่านไปผ่านมาจะได้ไม่ตกใจ พี่จะออกไปยืมเกวียนจากผู้นำหมู่บ้านสักครู่” ซ่งเวยหลงใช้นิ้วชี้ปิดริมฝีปากภรรยาเอาไว้ เป็นเชิงบอกให้นางอย่าเพิ่งสงสัยอะไรตอนนี้ เพราะเขาต้องเร่งทำเวลาเพื่อนำเอาร่างเสือที่ไร้วิญญาณนี้ไปขายในเมือง

          “เจ้าตัวนี้ตายแล้วหรือเจ้าคะ” เซี่ยซูมี่ถามเบาๆทั้งที่สามียังไม่เอานิ้วมือออกจากริมฝีปากเลยด้วยซ้ำ

          “สิ้นแล้ว” ซ่งเวยหลงพยักหน้าตอบ

          “ถ้าเช่นนั้นเรามาแปรสภาพมันกันเถอะเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่รู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกที่รู้ว่ามันตายแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ต้องอยู่นิ่งๆไม่โวยวาย เป็นเพราะคิดว่ามันอาจจะนอนหลับ จึงไม่กล้าที่จะเสียงดัง แต่เมื่อรู้ว่ามันไม่มีลมหายใจอยู่แล้วจึงรู้สึกโล่งใจ

          “อย่างไรหรือ?” ซ่งเวยหลงไม่เข้าใจในสิ่งที่ภรรยาบอก แปรสภาพอะไร

          “ข้าหมายความว่าเรามาชำแหละมันกันเถอะเจ้าค่ะ ถลกหนังมันออกมา จากนั้นก็เอาไปขายให้กับร้านที่รับซื้อพวกนี้โดยตรง หรือไม่ก็ขายให้กับบ้านเศรษฐีสักคนที่ในเมือง อุ้งตีนเสือก็น่าจะราคาดีไม่น้อย ไหนจะเขี้ยวอันแสนคมของมันนั่นอีกน่าจะขายได้หลายตำลึง มันน่าจะดีกว่าที่เราเอาไปขายทั้งตัวนะเจ้าคะ” เซี่ยซูมี่พูดขึ้น

“อืม ...พี่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย” ซ่งเวยหลงพูดขึ้น ทุกครั้งที่ล่าสัตว์มาได้ก็มักจะเอาไปขายทั้งแบบนั้นเลย ไม่เคยคิดที่จะแยกชิ้นส่วน เพราะความซื่อ หรืออาจจะเป็นเพราะไม่มีใครทำกัน เขาเองก็เพิ่งจะเคยได้ยินครั้งนี้เป็นครั้งแรก

          “ไม่แปลกหรอกเจ้าค่ะ ท่านพี่รอข้าสักครู่นะเจ้าคะข้าจะไปเอามีดมาให้” เซี่ยซูมี่พูดจบก็เข้าไปภายในบ้าน นึกถึงมีดแล่ปลาสำหรับทำซาซิมิอันแสนคมคิดว่ามันน่าจะดีกว่ามีดในยุคนี้ 

          “มาแล้วเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่หยิบมีดขึ้นมา ในมือตอนนี้มีมีดอยู่ทั้งหมด 3 เล่ม ทั้งเล่มสั้นและยาวเลือกได้ตามถนัด

          “แปลกตายิ่งนัก เจ้าไปเอาของพวกนี้มาจากที่ใดหรือ?” ซ่งเวยหลงขมวดคิ้วสงสัย มั่นใจว่าไม่เคยเห็นมีดพวกนี้มาก่อนอย่างแน่นอน

          “มีคนมาถามขายให้ข้าน่ะเจ้าค่ะ เห็นบอกว่าเป็นมีดประจำตระกูลแต่จำต้องขาย เพราะหลานชายป่วยหนัก ข้าเห็นว่าน่าสงสารก็เลยช่วยรับซื้อไปน่ะเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่พูดขึ้นเป็นฉากๆ พร้อมทั้งพูดออกมาอย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติ ไม่มีอาการประหม่าใดๆ ทำให้ซ่งเวยหลงเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย

          “อืม ดีแล้วล่ะ” นอกจากที่จะเชื่อแล้วยังเห็นด้วยกับนาง พร้อมทั้งชื่นชมที่ภรรยาจิตใจดีมีเมตตา

ซ่งเวยหลงลงมือชำแหละร่างของเสือเจ้าป่าดุร้าย มันโชคร้ายที่ขาบาดเจ็บทั้งสองข้างทำให้สู้ไม่ได้ หากว่ามันแข็งแรงอยู่เขาเองก็ไม่มั่นใจว่าจะล่าเสือดุร้ายผู้หิวกระหายได้หรือไม่ สองสามีภรรยาใช้เวลาค่อนวันในการจัดการแยกชิ้นส่วนของเสือ จากนั้นก็เข้าไปในเมืองเพื่อขาย เพราะหากเก็บไว้นานตรงส่วนเนื้อจะขายไม่ได้ราคา 

พวกเขาทั้งสองตรงไปที่โรงเตี๊ยมชื่อดังก่อน พวกเขาคุ้ยเคยกับซ่งเวยหลงอยู่แล้ว อีกทั้งยังเคยเห็นทั้งตอนที่รูปงามและหนวดยาวเฟื้อย จึงไม่มีใครแปลกใจเหมือนที่เซี่ยซูมี่เป็น

          “ไอหยา…กวนหนวดเคราแล้วรูปงามเป็นไหนๆ” หลงจู๊พูดคุยขณะที่รอให้ลูกน้องทำการชั่งเนื้อ

          “ขอบคุณท่านหลงจู๊” ซ่งเวยหลงพูดขอบคุณจากนั้นก็ห่อหน้าตา เพราะไม่ชอบให้ใครจ้องมองใบหน้าของตนนานๆ

“ทั้งหมด 250 ชั่งขอรับ” ลูกน้องแจ้งน้ำหนักของเนื้อที่ซ่งเวยหลงเอามาขาย

          “เนื้อนี้ยังสดใหม่อยู่ อีกทั้งยังเป็นเนื้อชั้นดีหายาก ให้ราคาชั่งละ 500 อีแปะ เจ้าพอใจหรือไม่" หลงจู๊พูดขึ้น เดิมทีหากว่าเอามาขายเหมือนครั้งก่อนๆที่เขาเคยมาขายคงจะได้ราคาเพียงชั่งละ 1-200 อีแปะเท่านั้น แต่นี่มีแต่เนื้อเลยจึงได้ราคาสูง

          “พอใจขอรับ” ซ่งเวยหลงพยักหน้าพอใจ เพราะราคานี้ถือว่าดีมากแล้ว 

          “ส่วนอุ้งตีนเสือนี้ข้าให้ข้างละ 1 ตำลึง ” ตรงส่วนนี้จะให้ราคาสูงเพราะมันหายากและมีน้อย หากทำขายทางร้านก็สามารถเรียกราคาได้กว่ากว่าราคาซื้อเป็นสิบเท่าอย่างไม่ต้องสงสัย

          “อุ้งละ 2 ตำลึงเงินเจ้าค่ะ หากไม่ได้ข้าก็จะให้สามีไปขายที่ร้านขายยา หรือไม่ก็เอาไปดองเหล้ากินเองยังจะดีเสียกว่า” เซี่ยซูมี่พูดขึ้น เดิมทีตั้งใจว่าจะให้สามีจัดการ ส่วนตนนั้นนั่งรออย่างเงียบๆ แต่เมื่อได้ยินราคาก็รู้สึกปวดใจ

“เห็นทีจะไม่ได้หรอกแม่นาง ราคานี้ก็สูงมากแล้ว” หลงจู๊ส่ายหน้า

“ถ้าเช่นนั้นพวกข้าขอตัวเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่ลุกขึ้นพร้อมทั้งพยักหน้าให้สามีลุกตาม เธอทำใจขายราคานี้ไม่ได้จริงๆ สู้เอาไปดองยาแล้วเอาขายอีกรอบจะยิ่งได้ราคาสูงเป็นสิบเท่าเสียด้วยซ้ำ

          “ช้าก่อนๆ เห็นแก่พรานซ่งที่ทำการค้ากันมาเป็นเวลายาวนาน ข้าจะกัดฟันสู้ราคาก็แล้วกัน” หลงจู๊กัดฟันพูด พร้อมทั้งตกลงราคาซื้อขายที่อุ้งตีนละ 2 ตำลึงเงิน 

รวมของทั้งสองอย่างที่นำมาวันนี้สองสามีภรรยาได้เงินมาทั้งหมด 1 ตำลึงทอง 33 ตำลึงเงิน หากเป็นเมื่อก่อนคงขายได้เพียง 20-30 ตำลึงเงินเท่านั้น ซ่งเวยหลงไม่เคยหาเงินได้มากเท่านี้มาก่อน เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นก้อนเงินตำลึงทองครั้งนี้เอง ก่อนออกจากร้านไปหลงจู๊ยังเอ่ยชมความกล้าและฉลาดของภรรยา พร้อมทั้งชื่นชมและยินดีที่ตนได้ภรรยาดี

พวกเขายังเหลือหนังเสือที่ต้องเอาไปขายให้กับร้านเครื่องหนัง และเมื่อไปถึงทางร้านให้ราคาอยู่ที่ 50 ตำลึงเงิน ภรรยาจูงมือของตนออกจากร้านบอกว่าจะเอาไปขายให้กับเศรษฐีเมืองนี้ เชื่อว่าคงได้ราคาไม่ต่ำกว่า 1 ตำลึงทองอย่างแน่นอน จนเจ้าของร้านเครื่องหนังต้องวิ่งตามออกมาแทบไม่ทัน หนังเสือใช่ว่าใครก็จะมีโดยง่าย อีกทั้งยังเป็นหนังที่สมบูรณ์ลวดลายสวยงาม หากเอาไปขายให้กับขุนนางคงได้ราคาดีไม่น้อย เถ้าแก่เจ้าของร้านสู้ราคาให้ไป 2 ตำลึงทอง 

ซ่งเวยหลงไม่คิดเลยว่าเพียงแค่หนังเสือและหัวของมันจะมีราคามากถึงเพียงนี้ เซี่ยซูมี่พอใจกับราคานี้จึงพยักหน้าตกลง สามีหายไป 10 วันทำเงินเข้าบ้านมากถึง 3 ตำลึงทอง 33 ตำลึงเงิน เป็นเช่นนี้แล้วก็สามารถสร้างบ้านใหม่ได้แล้วล่ะ

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 63

    “ท่านพี่เจ้าคะ ข้าเจ็บท้องเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่ปลุกสามีในช่วงกลางดึกของคืนฝนตกหนักคืนหนึ่ง วันนี้กลับไม่โชคดีเหมือนครั้งที่คลอดซ่งอี้เทียน เพราะยังไม่ถึงกำหนดคลอดทุกคนจึงยังไม่มีการเตรียมการใดๆ “เจ็บอย่างไร ทนได้หรือไม่” ซ่งเวยหลงรีบลุกขึ้นเพื่อดูอาการของภรรยา ไม่หลงเหลือความง่วงเลยสักนิด “ไม่ไหวเจ้าค่ะ ให้คนไปตามหมอตำแยให้น้องทีเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่เค้นเสียงออกมา แม้ว่าภายในใจจะไม่อยากพูดคุยอะไรไปมากกว่านี้เลยก็ตามทันทีที่ฟังภรรยาพูดจบ ซ่งเวยหลงก็ออกไปสั่งการสาวใช้ที่คอยรับใช้หน้าห้อง ให้ไปตามหมอตำแยมาโดยด่วน ฮูหยินซ่งกำลังจะคลอดลูกแล้ว สาวใช้ในเรือนรีบลุกเพื่อไปทำหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมายอย่างไม่มีอิดออด แม้จะสงสัยอยู่บ้างว่ายังไม่ครบกำหนดจะคลอดได้อย่างไร แต่ก็มีเสียงแตกหลายเสียง เนื่องจากว่าครรภ์ของฮูหยินนั้นใหญ่ผิดปกติหลังจากนั้นราวๆ 2 ชั่วยาม เซี่ยซูมี่ก็ได้ให้กำเนิดทายาทสกุลซ่ง แต่ที่น่ายินดีไปมากกว่านั้นคือเป็นแฝดชาย แม้ว่าจะคลอดก่อนกำหนด แต่แฝดทั้งสองก็สมบูรณ์แข็งแรงดี เมื่อแฝดทั้งสองคลอดฟ้าฝนกลับหยุดลง จากนั้นก็มีแสงใหม่ของอีกวันโผล่ขึ้น คล้ายจะบอกเป็น

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 62

    3 ปีผ่านไป ซ่งอี้เทียนเริ่มโตขึ้นมาก อีกทั้งยังเป็นเด็กที่รู้มากอีกด้วย เซี่ยซูมี่สอนลูกชายอ่านเขียนตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยหวังว่าโตขึ้นไปในภายภาคหน้าเขาจะสามารถดูแลตัวเองได้ ส่วนกิจการของบ้านซ่งต้องบอกว่าขยายใหญ่โตมาก อีกทั้งยังสร้างโรงเตี๊ยมขึ้นมา เพื่อแข่งกับโรงเตี๊ยมเหอฟู่อีกด้วย โดยให้ชื่อโรงเตี๊ยมว่า หลงโถว เช่นเดียวกับร้านค้า ผู้คนในเมืองรวมไปถึงลูกค้าต่างเมือง ต่างรู้จักร้านหลงโถวนี้เป็นอย่างดีทางด้านคุณชายเหอได้ถูกทางการจับตัว เนื่องจากว่ามีคนมาร้องเรียนเรื่องที่ลูกสาวหายตัวไป หลังจากที่แต่งเข้าไปเป็นอนุ เมื่อมีคนมาร้องเรียนกับทางการ อีกหลายๆคนที่ได้ข่าวก็เริ่มมาร้องเรียนบ้าง เนื่องจากว่าเมื่อก่อนชาวบ้านต่างเกรงกลัวอำนาจและบารมีของสกุลเหอ อีกทั้งยังมีท่านเจ้าเมืองหนุนหลัง ทำให้ไม่มีใครแจ้งความเอาผิด แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อมีท่านรองแม่ทัพหยางเข้ามาประจำการในเมืองนี้ ทำให้ชาวบ้านสามารถเข้าถึงทางการได้ง่ายขึ้น“มีชาวบ้านเข้ามารองเรียนเรื่องคนหายไม่เว้นวัน” ท่านเจ้าเมืองถอนหายใจ ไม่คิดเลยว่าสหายที่เติบโตด้วยกันมาจะเป็นคนเช่นนี้ เดิมทีเหอฟู่ผู้นี้เป็นคนจิตใจดีมีเมตตา

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 61

    หลังจากที่ให้ลูกชายกินนม เซี่ยซูมี่จึงพาลูกชายออกมายังห้องโถง ซึ่งแม่บ้านเห่ยนำเตาขนาดเล็กมาวางไว้รอบๆ ห้อง เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับภายในบ้าน ทำให้บ้านไม่หนาวเย็นอย่างที่ควรจะเป็น “มาแล้วหรือหลานชายของป้า มาให้ป้าอุ้มให้หายคิดหน่อยหน่อยเถิด” เซี่ยซือมั่นเงยหน้าจากผ้าที่กำลังปักอยู่ จากนั้นก็ยื่นงานปักให้สาวใช้คนสนิททำต่อ ส่วนนางนั้นเอื้อมมือเพื่อที่จะไปอุ้มหลายชายเข้าสู่อ้อมกอดซ่งอี้เทียนเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความรักความเอ็นดูที่ท่านป้าหมาดๆของเขามีให้ ทารกน้อยอายุเพียง 1 เดือน จากตอนแรกที่อยู่ในอ้อมกอดมารดา จึงยอมให้ท่านป้าของเขาอุ้มเข้าไปกอดอย่างง่ายดายส่วนทางด้านท่านป้าที่เมื่อได้อุ้มหลานชายแล้วนั้น ก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าหลานชายไม่ได้ผอมแห้งดังเช่นที่ตนนั้นกังวล แต่เขากลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ทารกน้อยมีน้ำหนักหากจะพูดแล้วนั้น น่าจะหนักกว่าเด็กทั่วๆ ไปเสียด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าทารกที่กินเพียงน้ำนมของผู้เป็นแม่เพียงอย่างเดียวจะอุดมสมบูรณ์ได้ “เป็นไรไปหรือเจ้าคะ?” เซี่ยซูมี่สังเกตเห็นสีหน้าฉงนของพี่สาวจึงอดที่จะเอ่ยถามออกไปไม่ได้ “เสี่

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 60

    1 เดือนผ่านไปเซี่ยซูมี่ออกจากการอยู่ไฟแล้วเรียบร้อย อีกทั้งวันนี้ยังมีแขกมาเยี่ยม ซ่งอี้เทียน นั่นก็คือท่านป้าและท่านลุงหยางหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งก็คือท่านรองแม่ทัพหยางนั่นเองกล่าวถึงเซี่ยซือมั่นเมื่อเข้าไปทำงานยังจวนของท่านรองแม่ทัพ ก็ได้มีโอกาสศึกษาดูใจกับรองแม่ทัพหนุ่มมากขึ้น ทำให้ทั้งสองคนมีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน อีกทั้งหญิงสาวยังรับหน้าที่ในการทำอาหารขึ้นโต๊ะให้แก่เขาเองอีกด้วย คุณสมบัติเพียบพร้อมเช่นนั้นจะหนีจากฮูหยินใหญ่ของเขาไปได้อย่างไรกัน“หลานชายของป้า น่าตีท่านพ่อกับท่านแม่ของเจ้ายิ่งนัก หลานชายคลอดทั้งที กลับไม่ส่งข่าวคราวให้ป้าบ้างเลย” เซี่ยซือมั่นทำทีเป็นบ่นกับหลานชาย ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วพ่อกับแม่ของเจ้าก้อนกลมนั้นก็นั่งอยู่ด้วย “หิมะตกหนัก อีกทั้งข้าเองก็เพิ่งจะออกจากการอยู่ไฟ ป้าเห่ยไม่ยอมให้ข้าเห็นเดือนเห็นตะวันเลยล่ะเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่อดที่จะบ่นแม่บ้านของตัวเองไม่ได้ เพราะนางไม่ยอมให้ออกไปไหนเลยแม้ว่าจะอ้อนวอนมากเพียงใดก็ตาม เซี่ยซูมี่เป็นคนสะอาด จะยอมให้ผมตัวเองมันเยิ้มได้อย่างไรกัน นอกจากมันแล้วก็ยังรู้สึกคันหนังหัวแต่ไม่อยากสอดนิ้วมือเข้าไปเพราะหนังหัวช่

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 59

    เซี่ยซูมี่ลืมตาตื่นในเช้าของอีกวัน คิดว่าตัวเองฝันไปหรือเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อใช้มือคลำสัมผัสที่หน้าท้องกลับพบว่ามันยุบลง ไม่ป่องเหมือนเมื่อวาน นอกจากนั้นแล้วในยามที่ขยับตัวก็รู้สึกเจ็บ อีกทั้งยังเหมือนได้ยินเสียงร้องงอแงของเด็กอีกด้วย “อือ” คุณแม่มือใหม่ส่งเสียงในลำคอ “ลูกพ่อ แม่ของลูกตื่นแล้ว” ซ่งเวยหลงตอนนี้กำลังอุ้มลูกชายอยู่สืบเนื่องจากเมื่อคืนที่ได้บอกกับหมอตำแยเอาไว้ว่าจะให้ลูกกินนมของภรรยาเป็นคนแรกนั้นต้องหยุดลง เนื่องจากว่าลูกชายร้องไห้งอแงในยามเช้าแต่ภรรยาเขากลับยังไม่ได้สติ ตนจึงจำเป็นต้องให้แม่นมที่เตรียมไว้สำหรับลูกชายทำหน้าที่แทนทารกน้อยราวกับว่ารับรู้และเข้าใจในสิ่งที่บิดาพูด ทันทีที่พูดถึงมารดาเขากลับเงียบเสียงลง คล้ายกำลังฟังเสียงการเคลื่อนไหวของมารดา แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเหมือนตอนที่อยู่ในท้อง เขากลับเริ่มเบะปากเตรียมที่จะร้องไห้อีกครั้ง “ท่านพี่ นะ น้ำเจ้าค่ะ น้องขอน้ำ” เซี่ยซูมี่รู้สึกลำคอแห้งผาก แม้ว่าอยากจะลุกขึ้นไปอุ้มลูกชายมากเพียงใด แต่ตอนนี้ตนต้องได้กินน้ำเพื่อให้ร่างกายมีแรงขึ้นมาก่อน “ฮูหยิน น้ำเจ้าค่ะ”

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 58

    หลังจากที่ไปส่งพี่สาวที่จวนของท่านรองแม่ทัพ เรียกได้ว่าหายห่วงไปได้มากทีเดียว เดิมทีเซี่ยซูมี่ตั้งใจจะพาพี่สาวไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ให้สมกับตำแหน่งแม่บ้านใหญ่ของจวนท่านรองแม่ทัพ แต่กลับถูกเจ้าของจวนขัดขึ้นเสียก่อน เนื่องจากว่าเขาได้ให้คนงานจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อไปถึงจวนก็ไปดูที่พักของพี่สาว คงต้องบอกว่าไม่เหมือนกับที่พักพิงของคนงานเลยสักนิด แม้จะบอกว่าไม่ได้ให้เข้าทำงานมาเป็นทาส หรือแม้กระทั่งยกตำแหน่งแม่บ้านใหญ่ให้ ก็ยังดูไม่ใช่ที่พักของคนงานอยู่ดี แต่คล้ายว่าเป็นห้องนอนของแขกคนสำคัญมากกว่าเซี่ยซือมั่นได้แต่มองหน้าน้องสาวเพื่อขอความคิดเห็น แต่เซี่ยซูมี่กับเดินตัวติดกับสามี ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสายตาที่พี่สาวพยายามจะส่งมาให้ ได้เห็นการต้อนรับที่อบอุ่นเช่นนี้แล้วเซี่ยซูมี่เองก็เบาใจ “ท่านว่าพี่ชายของท่านจะจริงจังกับพี่สาวของข้ามากน้อยเพียงใดเจ้าคะ?” ระหว่างที่กลับบ้านป่า เซี่ยซูมี่ก็ชวนสามีพูดคุยเพื่อให้ไม่เหงาปากมากจนเกินไป “ชู่ว หยุดพูดจาส่งเดช มีคนตามมาส่งเราด้วย” ซ่งเวยหลงทำเสียงเป็นเชิงบอกให้ภรรยาหยุดพากพิงถึงบุคคลอื่น เนื่องจากว่าพี่ชายได้

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status