Share

บทที่ 7-2 จุดจบเย่หลี

last update Last Updated: 2025-05-16 12:04:13

จนกระทั่งได้ยินว่าฟ่านเฉินกลับมาที่จวนองค์ชายรองแล้ว นางก็รีบตรงไปหาเขาที่ห้องตำรา เมื่อมาถึงนางกลับพบว่าชายหนุ่มมีท่าทีเงียบครึม แววตาคล้ายกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่

เมื่อเห็นว่าเย่หลีเดินเข้ามาฟ่านเฉินก็มองนางคราหนึ่ง ก่อนจะพบว่ายามนี้นางจ้องเขาเขม็ง

"ฟ่านเฉิน ท่านสังหารบิดาข้า พี่ชายข้าด้วยเหตุใดกัน!"

ฟ่านเฉินมองเย่หลีด้วยแววตาที่เรียบเฉย เย่หลีพุ่งตรงเข้ามาหาเขา ก่อนจะยื่นมือมากระชากตัวเขาอย่างแรง

"ตอบข้ามา! ท่านพ่อข้า พี่ชายข้า ต้องตายเพราะท่าน ท่านเป็นคนสังหารพวกเขาใช่หรือไม่!"

"ไม่ใช่ ข้าไม่ได้ต้องการให้มันเป็นเช่นนี้!"

"ไม่ใช่ได้อย่างไร เป็นท่าน ฮือ คนสารเลวเป็นท่านที่ทำกับครอบครัวของข้า ฮือ ข้าขอร้องท่านให้ปล่อยพวกเขาไป แต่ท่านมันตระบัดสัตย์ ไม่รักษาสัญญา ฮือ ฆ่าข้าเลย ฆ่าเลย! คนอย่างท่านมันเทียบไม่ได้แม้กระทั่งสุนัข!"

เย่หลีทั้งทุบตีทั้งด่าทอฟ่านเฉิน เขาไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับนางจริงด้วย

ฟ่านเฉินปล่อยให้เย่หลีทุบตีโดยไม่ตอบโต้ เขาเอ่ยวาจาใดไม่ออก นี่ไม่ได้อยู่ในแผนการของเขา เดิมท่ีคิดจะให้สองพ่อลูกยอมจำนน หากไม่ยอมก็เพียงสั่งเนรเทศ เมื่อยึดกำลังทหารมาไว้ในมือได้แล้ว แม่ทัพใหญ่เย่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้อีก ไม่อาจเป็นภัยต่อเขาได้อีก แต่ทว่า..

เขามองสตรีตรงหน้าที่ทุบตีด่าทอเขาเป็นบ้าเป็นหลัง ชายหนุ่มรวบมือของนางเอาไว้ ก่อนจะเอ่ย

“เย่หลี! ข้าบอกว่าข้าไม่ได้ตั้งใจ มันไม่ได้อยู่ในแผนการของข้า แต่ว่าเย่หลี ท่านแม่เจ้าและน้องสาวเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าไม่ได้สังหารพวกนาง ยามนี้พวกนางถูกขังเอาไว้ในคุกใต้ดิน”

เย่หลีเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็วิ่งสุดชีวิตมุ่งหน้าไปที่คุกใต้ดินในทันที ฟ่านเฉินสั่งให้คนตามนางไป ก่อนจะยกมือขึ้นนวดที่หว่างคิ้วของตนเอง 

ตอนนี้ทุกอย่างที่เขาต้องการอยู่ในมือเขาหมดแล้ว แต่เหตุใดเขาจึงรู้สึกไม่มีความสุขเช่นนี้เล่า

ก่อนหน้านี้เขาสังหารฟ่านหลิ่นไปแล้ว ก่อนตายฟ่านหลิ่นบอกเขาประโยคหนึ่ง เป็นประโยคที่สั่นคลอนจิตใจเขาอย่างรุนแรง มันทำให้เขาสับสนมึนงงไปหมด และไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเป็นความจริง!

เย่หลีวิ่งตรงมาที่คุกหลวงใต้ดิน ระหว่างทางเมืองหลวงที่เคยคึกคักยามนี้กลับเงียบเชียบทุกที่มีแต่กลิ่นคาวเลือด เพราะมีคนของฟ่านเฉินตามมา เหล่าทหารที่ยืนอยู่จึงไม่ใครกล้าขวางทางนาง หญิงสาววิ่งเข้ามาด้านในคุกใต้ดินที่อับชื้นและเหม็นอับ นางสอดส่ายสายตามองไปโดยรอบ ก่อนจะพบกับเย่ฮูหยิน อนุซ่งและเย่หลิงที่นั่งกอดกันตัวสั่นอยู่ในห้องขังห้องหนึ่ง โดยมีทหารยืนถือดาบจ่อไปที่คอของพวกนาง เมื่อเย่หลีมองให้ดี ๆ อีกคราก็พบว่าไป๋ซู่ฮวาก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย

เย่หลีย่นหัวคิ้ว ก่อนจะรีบก้าวเดินเข้าไป

"เจ้าจะทำสิ่งใด!"

นางเอ่ยขึ้นมาด้วยความร้อนรน ก่อนจะตรงเข้าไปขวางอยู่ด้านหน้ามารดาทั้งสองและน้องสาวของนาง ยามนี้ห้องขังถูกเปิดออก ภายในเงียบสงบไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาแม้แต่คนเดียว เมื่อเย่หลีหันไปมองก็ไม่พบคนของฟ่านเฉินที่ตามมาเสียแล้ว

ไป๋ซู่ฮวาปรายตามองเย่หลีอย่างดูแคลน

ในอดีตนางและเย่หลีเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน แข่งขันกันในทุกด้าน นางเคยคิดว่าเย่หลีเหนือกว่านางทุกอย่าง แต่วันนี้นางรู้แล้ว เย่หลีไม่มีสิ่งใดเทียบนางได้เลยแม้แต่น้อย ก็เป็นแค่ลูกอนุคนหนึ่งเท่านั้น ไม่อาจสูงส่งทัดเทียมนางได้ และยังต่ำช้าเหมือนมารดาที่เป็นอนุของตนอีกด้วย

เย่หลีไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเสนอหน้ามาอยู่ข้างกายฟ่านเฉินของนางด้วยซ้ำ

นางหลงรักฟ่านเฉินมานาน ครั้งแรกที่ได้พบกับเขาคือตอนที่นางไปซื้อเครื่องประทินโฉมและถูกพวกอันธพาลมารังแก ก็ได้ฟ่านเฉินช่วยไว้ จากนั้นเมื่อไปร่วมงานเลี้ยงในวังนางก็ได้พบเจอเขาอีก เมื่อรู้ว่าเขาเป็นองค์ชายรองนางก็คิดอยากจะเคียงคู่กับเขา แต่ผู้ใดจะรู้นังสารเลวเย่หลีกลับใช้แผนการล่อลวงเขาจนได้แต่งเข้าจวนองค์ชายรอง แต่สวรรค์ก็เข้าข้างนางเช่นเดียวกัน สุดท้ายนางก็ได้แต่งเข้ามาเป็นภรรยาเอกของเขา

ก่อนหน้านี้สวีกุ้ยเฟยบอกนางว่า จะช่วยนางกำจัดเย่หลี ลูกสะใภ้ต่ำต้อยเช่นนั้นไม่คู่ควรกับฟ่านเฉินเลยสักนิด ยามนี้แม่ทัพใหญ่เย่และบุตรชายตายไปแล้ว ไม่มีผู้ใดคุ้มครองสตรีตระกูลเย่ได้อีก นี่เป็นเวลาที่เหมาะแก่การลงมือเป็นที่สุด

สวีกุ้ยเฟยบอกว่า แม้จะเหลือเพียงสตรีก็ควรตัดรากถอนโคนอย่าทิ้งเอาไว้ เพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อนางและสามีในภายภาคหน้า และให้บอกเย่หลีก่อนตายว่าเป็นฟ่านเฉินสั่งลงมือ ให้เย่หลีเจ็บปวดที่ถูกชายที่ตนเองหลงใหลสั่งฆ่าได้อย่างเลือดเย็น ไป๋ซู่ฮวาเห็นด้วยกับวิธีการนี้ นางอยากจะดูน้ำหน้าเย่หลีนัก ว่าตอนที่รู้ว่าถูกฟ่านเฉินสั่งฆ่านางจะทำหน้าเช่นไร

คิดมาแย่งของ ๆ ข้าก็ต้องโดนเช่นนี้!

นางจะไม่ยอมเหลือขวากหนามใดให้มาขวางทางอำนาจของนางและฟ่านเฉินอย่างที่สวีกุ้ยเฟยบอกเอาไว้!

เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงหันมายิ้มให้เย่หลี ก่อนจะเอ่ย

"นี่เป็นคำสั่งขององค์ชายรอง ยามนี้พวกเจ้าหมดประโยชน์แล้ว ให้สังหารทิ้งทั้งตระกูล อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว เพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อบัลลังก์ฮ่องเต้ในภายหลัง"

"เจ้าว่าอย่างไรนะ!"

เย่หลีเอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะจ้องไป๋ซู่ฮวาเขม็ง ที่แท้ก่อนหน้านี้เขาก็หลอกให้นางมาที่นี่และคิดจะสังหารนางพร้อมมารดาและน้องสาวใช่หรือไม่

เย่หลีขยับถอยหลัง ก่อนจะจับมือของเย่ฮูหยินและอนุซ่งเอาไว้แน่น อีกทั้งยังเอาตัวบังเย่หลิงเอาไว้ด้วย

นางเคยเกลียดชังเย่หลิง แต่เมื่อสูญเสียทุกอย่าง ได้ตระหนักรู้ นางก็พลันคิดได้

อำนาจวาสนาหรือจะสู้ความสงบสุขชั่วชีวิตได้

"ท่านแม่ น้องสาวไม่ต้องกลัว ข้าจะปกป้องพวกท่านเอง"

เย่ฮูหยินและอนุซ่งพยักหน้าทั้งน้ำตา ส่วนเย่หลิงก็มองเย่หลีด้วยแววตาที่วูบไหว

"พี่สาว ท่านเรียกข้าว่าอย่างไรนะ"

เย่หลีหันไปมองเย่หลิงเห็นเพียงแววตาใสซื่อบริสุทธิ์ที่ยามนี้แดงก่ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ระหว่างทางที่วิ่งมาเย่หลีได้ยินแล้วว่าฟ่านหลิ่นถูกฟ่านเฉินสังหารไปแล้ว เขาช่างเลือดเย็นยิ่งนัก แม้แต่พี่ชายแท้ ๆ ก็ยังสังหารได้ลงคอ

"เย่หลิง ข้าขอโทษ หากไม่ใช่เพราะข้าดื้อรั้นจนเลือกเดินทางผิด พวกเราอาจจะมีทางแก้ไขได้ และอาจจะมีจุดจบที่ดีกว่าตอนนี้"

เย่หลีเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ หากไม่ใช่เพราะนางเดินผิดเส้นทาง ไม่ใช่เพราะนางทุกอย่างจะมีจุดจบเช่นนี้หรือไม่

หากวันนั้นนางไม่ตกปากรับคำฟ่านเฉิน หากวันนั้นนางยับยั้งชั่งใจตนเอง จะสามารถเปลี่ยนเหตุการณ์เลวร้ายได้หรือไม่

แต่ทว่าเมื่อคิดอีกแง่หนึ่ง นางเป็นเพียงสตรีมือเปล่า ถึงนางไม่เข้าหาฟ่านเฉิน ไม่เกี่ยวพันกับเขา นางก็ไม่สามารถยับยั้งเรื่องที่เขาจะก่อกบฏได้ นางจะสามารถเปลี่ยนทุกอย่างดั่งใจตนปรารถนาได้จริงหรือ!

หรือว่าสวรรค์ลิขิตเอาไว้แล้วว่าคนตระกูลเย่อย่างไรย่อมต้องตายตกตามกันไปทั้งหมด!

ไป่ซู่ฮวาค้านจะเจรจากับแม่ลูกบัดซบพวกนี้แล้ว นางเกรงว่าหากฟ่านเฉินรู้เรื่องที่นางกำลังจะทำและมาที่นี่แผนของนางจะต้องเสียเปล่าเป็นแน่

"จับตัวเย่ฮองเฮามาให้ข้า นี่เป็นคำสั่งขององค์ชายรอง ข้าจะจัดการนาง"

เย่หลีเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รีบเข้ามาขวางทางเอาไว้ ไป๋ซู่ฮวาจึงจัดการตบนางไปฉาดหนึ่ง เย่หลีตบคืนเช่นเดียวกัน แต่ตบได้ฉาดเดียวก็ถูกทหารที่ไป๋ซู่ฮวาพามาด้วยกดตัวเอาไว้กับพื้น

"ซู่ฮวาเจ้าปล่อยนางนะ นางไม่เกี่ยว หากเจ้าเกลียดข้าก็มาลงที่ข้า!"

“ไม่เกี่ยวได้อย่างไร นางเป็นถึงฮองเฮา ข้าปล่อยนางไปไม่ได้หรอก หากว่านางเกิดตั้งครรภ์ภายหลัง และให้กำเนิดทายาทออกมา จะเป็นภัยต่อข้าและสามี”

"เจ้าและฟ่านเฉินมันตัวน่ารังเกียจ!"

ไป๋ซู่ฮวาเมื่อได้ยินกลับไม่โกรธเพียงยิ้มเยาะหยันอย่างผู้ชนะ นางพยักหน้าให้ทหารคราหนึ่ง ทหารผู้นั้นเงื้อดาบขึ้นหมายจะสังหารนางและเย่หลิงในดาบเดียว แต่เย่ฮูหยินกลับรับดาบนั้นแทน เย่หลีและเย่หลิงกรีดร้องสุดเสียง เย่ฮูหยินยื่นมือมาหมายจะจับใบหน้าของบุตรสาวทั้งสองที่นางรักยิ่งแต่ทว่ากลับสิ้นลมหายใจไปเสียก่อน

"ท่านแม่ / ท่านแม่!"

เย่หลีกำมือแน่นก่อนจะกรีดร้องสุดเสียง จะร้ายจะดีอย่างไรแม้เย่ฮูหยินไม่ใช่มารดาแท้ ๆ ของนางแต่ก็เลี้ยงดูนางมาเป็นอย่างดี นางตายก็ช่างไปเถิด แต่คนดี ๆ ไม่สมควรได้พบจุดจบเช่นนี้ไม่ใช่หรือ

นางจ้องไป๋ซู่ฮวาเขม็ง ไป๋ซู่ฮวากลับไม่สะทกสะท้านอีกทั้งยังย้ำประโยคเดิมว่า นี่คือคำสั่งของฟ่านเฉิน 

ดาบยาวอีกเล่มพุ่งตรงมาที่นาง แต่ทว่าครั้งนี้เย่หลิงกลับผลักนางออกและรับคมดาบนั้นแทนเย่หลี ก่อนตาย เย่หลิงยิ้มให้นางและบอกว่า

ไม่มีฟ่านหลิ่นแล้ว ข้าอยู่ไม่่ได้ ข้าจะไปหาเขาที่ปรโลก แต่ก่อนตายข้าดีใจที่ได้ปกป้องพี่สาว พี่สาวข้าไม่เคยเกลียดท่านเลย ท่านแม่บอกว่าพวกเราเป็นพี่น้องกัน จะต้องช่วยเหลือกัน

"อ๊า ไม่!"

เย่หลีดิ้นหลุดออกจากการจับกุมของทหารก่อนจะพุ่งเข้ามาคว้าร่างของเย่หลิงและเย่ฮูหยินมากอดเอาไว้ก่อนจะร้องไห้โฮ ยามนี้ตระกูลเย่สิ้นแล้ว ไม่มีใครหลงเหลืออีกแล้ว

คำพูดของเย่จิ้นอันเป็นความจริง นางเดินทางผิด หากนางเชื่อฟังคำของคนในครอบครัว บางคราท่านพ่อและพี่ชายอาจจะหาทางรับมือได้ พวกเขาอาจจะมีทางรอด สุดท้ายนางก็ทำได้เพียงมองดูพวกเขาตายตกไปทีละคน

อนุซ่งโผเข้ามากอดบุตรสาวของตน การตายของคนตระกูลเย่สร้างความสะเทือนให้แก่นางไม่น้อย จะร้ายจะดี สองแม่ลูกนั่นก็ไม่เคยทำร้ายนาง ซ้ำยังไม่รังเกียจเย่หลีของนาง

ไป๋ซู่ฮวามองเย่หลีอย่างสมเพช ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหา นางสั่งให้คนจับตัวเย่หลีเอาไว้ แต่ทว่าอนุซ่งกลับมาขวางตรงหน้า ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าไป๋ซู่ฮวา และเอ่ยขอร้อง

“พระชายา ได้โปรด ข้าขอร้องล่ะ ท่านปล่อยหลีเอ๋อร์ไปเถอะ ท่านเอาข้าไปทรมานแทน จะทุบจะตีข้าเช่นไรก็ได้ ข้ายอมทั้งสิ้น แต่ปล่อยนางไปเถอะ ฮือ ปล่อยนางไปเถอะ!”

อนุซ่งโขกศีรษะกับพื้นจนเลือดอาบศีรษะ เย่หลีรีบเข้ามาประคองอนุซ่ง ก่อนจะเอ่ย

“ท่านบ้าไปแล้วหรือ! อย่าทำเช่นนี้”

ยามนี้นางไม่เหลือใครแล้ว มีเพียงอนุซ่งที่เป็นมารดาแท้ ๆ เย่หลียิ้มขื่น ก่อนจะเอ่ยกับไป๋ซู่ฮวา

“ปล่อยมารดาข้าไป นางเป็นเพียงอนุ คงไม่อาจก่อคลื่นลมใดให้เจ้าได้กระมัง”

“ไม่! หลีเอ๋อร์ แม่ไม่ไป!”

ไป๋ซู่ฮวาส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะเอ่ย

“ช่างเป็นภาพที่ครอบครัวรักใคร่ปรองดองกันจริง ๆ แต่ขออภัยด้วย ข้าไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าไป!”

เอ่ยจบไป๋ซู่ฮวาก็สั่งให้คนนำยาพิษไปกรอกปากเย่หลี แต่ทว่าอนุซ่งกลับพุ่งเข้าไปคว้ายาถ้วยนั้นมาดื่มจนหมด นางกระอักโลหิตออกมา ก่อนจะสิ้นใจตาย เย่หลีมือสั่นทำสิ่งใดไม่ถูก การต้องมองเห็นคนในครอบครัวตายไปคนแล้วคนเล่าช่างเป็นเรื่องที่โหดร้ายเหลือเกิน

นางไม่มีเรี่ยวแรงจะโต้ตอบแล้ว หญิงสาวกรีดร้องออกมาเหมือนคนบ้า ไป๋ซู่ฮวาสั่งให้คนจับตัวเย่หลีเอาไว้ก่อนจะยื่นมือมาบีบปลายคางของเย่หลีให้เงยหน้าขึ้น และกรอกยาพิษใส่ปากของนาง เย่หลีดื่มยาพิษไปจนหมดถ้วย ก่อนจะไอออกมาด้วยความทรมาน ลำคอของนางแสบร้อนไปหมด นางนอนดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน กระอักโลหิตออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าจนอ่อนแรง ทำได้เพียงนอนมองไปที่ศพของเย่ฮูหยิน อนุซ่งและเย่หลิงด้วยดวงตาที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตา

เย่หลียิ้มขมขื่น นางไม่มีแม้กระทั่งเรี่ยวแรงจะลุกขึ้น ไม่มีแม้กระทั่งเรี่ยวแรงจะหายใจ

ฟ่านเฉินมอบความตายให้นางจริง ๆ

หญิงสาวส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสิ้นหวัง ภาพในวันวานภาพแล้วภาพเล่าวนย้อนกลับมาอีกครา

หากนางเกิดใหม่ได้อีกครั้ง นางจะไม่เดินบนทางเดิม ไม่เป็นคนเคียดแค้น ไม่หลงใหลในอำนาจ ไม่ทำตัวร้ายกาจ ไม่เดินสู่เส้นทางวังวนแห่งการแก่งแย่ง ปกป้องคนในครอบครัวด้วยชีวิต เชื่อคำของพี่ชายใหญ่ ใช้ชีวิตทุกวันให้มีความสุขที่สุด ไม่ยุ่งเกี่ยวกับฟ่านเฉิน ไม่ตกเป็นเครื่องมือของเขาจนนางช่วยคนในตระกูลไม่ได้ แม้ว่ามันอาจจะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ไม่มาก แต่ก็คงจะไม่ทำให้คนในตระกูลเย่ต้องตายเช่นนี้

ข้าจะไม่แก้แค้นผู้ใด ให้กลายเป็นเวรกรรมตามติดมาพบกันทุกชาติอีก 

ข้าทำเลวมามาก ยามตายก็โดดเดี่ยว ผู้คนก่นด่าประณามสาปแช่งข้า ขอให้ข้าได้มีโอกาสทำดีชดเชยสักคราได้หรือไม่

สวรรค์ได้ยินคำขอของข้าหรือไม่!

เย่หลีดวงตาแดงก่ำ โลหิตไหลออกมาจากดวงตาและริมฝีปากเพราะยาพิษในกายกำเริบ 

ภาพเบื้องหน้ายามนี้เริ่มเลือนรางลงไปเรื่อย ๆ

นางเหนื่อยล้าเหลือเกิน

เย่หลีเริ่มหมดแรงลงไปช้า ๆ ฉับพลันก็มีผีเสื้อตัวหนึ่งบินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของนาง สีสันของมันช่างสวยงามเหลือเกิน นางค่อย ๆ ยกมือขึ้นหมายจะจับมัน แต่ทว่าไม่อาจออกแรงยื่นมือไปคว้าจับได้

นางไม่ไหวแล้ว

เย่หลีค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ ลมหายใจของนางเริ่มขาดห้วง สุดท้ายก็หมดสิ้นลมหายใจ ก่อนจะตายนางพลันเห็นใบหน้าของคนผู้หนึ่ง

เป็นฟ่านเฉิน!

แม้แต่ยามตายเขาก็ยังไม่ยินยอมปล่อยนางไป

ฟ่านเฉิน ข้าจะไม่เคียดแค้นท่านให้เราสองคนมีเวรกรรมต่อกัน ท่านและข้า ไม่ว่าชาติใดก็อย่าได้มาบรรจบพบเจอกันอีกเลย!

อย่าได้พบเจอกันอีกเลย!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามีข้าหาใช่ตัวร้ายอีกต่อไป   ตอนพิเศษ

    ฟ่านเฉินพานางไปไหว้หลุมศพของหยางกุ้ยเฟยผู้เป็นมารดาหลังจากแต่งงานกันได้ไม่นาน อีกทั้งยังขอให้พระนางอวยพรให้เขาและนางใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างราบรื่น มีสายลมพัดเข้ามาแผ่วเบาราวกับว่าหยางกุ้ยเฟยรับรู้ถึงคำขอของนางและฟ่านเฉินแล้วเดิมทีฟ่านเฉินตั้งใจว่าจะเอาเลือดของสวีกุ้ยเฟยมาเซ่นสังเวยหลุมศพมารดา แต่เมื่อได้คิดอีกคราเขากลับพบว่าตนเองคิดถูกที่ไม่ทำเช่นนั้น เพราะเสด็จแม่เองก็คงไม่ต้องการให้เลือดชั่วของสวีกุ้ยเฟยมาแปดเปื้อนหลุมศพของนาง!หนึ่งปีแรกหลังจากแต่งงาน เย่หลียังคงไม่ตั้งครรภ์ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขาและนางเลยแม้แต่น้อย นางไม่มีแม่สามีคอยกดดัน อีกทั้งพ่อสามีก็ไม่เร่งรัดนางจากนั้นไม่นาน เย่หลีก็ได้เอ่ยถามฟ่านเฉินว่าเขาคิดจะถอนพิษให้ไป๋ซู่ฮวาหรือไม่ ยามนี้แผนการก็สำเร็จลุล่วงแล้ว อย่างไรก็ควรจะเมตตานางเสียหน่อย แต่ฟ่านเฉินกลับไม่ตกลงทำตามที่นางบอก เขาเอ่ยว่าไป๋ซู่ฮวากลับมาแล้วยังไม่รู้จักประมาณตน ปล่อยไว้ย่อมเป็นภัย ให้นางเป็นใบ้ไปชั่วชีวิตเช่นนั้นก็ดีแล้ว จะได้ไม่ก่อคลื่นลมให้เขาและนางต้องปวดหัวได้อีก เย่หลีเองก็ไม่ได้คัดค้านอันใดส่วนเย่หลิงนั้นนางได้แต่งงานกับหวังฉงคน

  • สามีข้าหาใช่ตัวร้ายอีกต่อไป   ตอนจบ

    เมื่อทุกอย่างจบลง แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องทำคือการปลอบขวัญกำลังใจเหล่าทหารกล้า พวกเขาทุกคนช่วยกันนำศพไปฝังเพราะอย่างไรเสียคงไม่อาจนำศพของพวกเขากลับบ้านเกิดได้อีกแล้ว เหล่าชาวบ้านก็ล้มตายไปไม่น้อยที่เหลือรอดก็มีอยู่ไม่มากและยังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฟ่านหลิ่นและฟ่านเฉินจึงสั่งให้ทหารช่วยดูแลชาวบ้านและปลอบขวัญพวกเขาจนมีอาการดีขึ้นเวลาผ่านมาร่วมหลายวัน คนทั้งหมดก็เดินทางกลับเมืองหลวง อย่างไรเสียย่อมต้องกลับไปรายงานความดีความชอบนี้ให้ฮ่องเต้ฟ่านหมิงจิ้นได้ทราบเสียก่อน ส่วนเรื่องอื่นนั้นค่อยจัดการหารือกันภายหลังระหว่างที่เดินทางกลับนั้นเย่หลีนั่งรถม้ามาพร้อมกับสาวใช้น้อยนางนั้น เดิมทีเย่หลีไม่ได้คิดจะพานางติดตามกลับเมืองหลวงมาด้วย แต่เพราะสตรีนางนั้นบอกว่าไม่มีที่ไปแล้ว เย่หลีสงสารจึงรับนางเอาไว้และตั้งชื่อให้ว่าอาหลวนเดินทางมาจนถึงจุดพักม้าอย่างไรย่อมต้องหยุดพักเสียหน่อยเพราะอีกหลายวันกว่าจะเดินทางถึงเมืองหลวงและยามนี้ม้าก็อ่อนแรงลงไปไม่น้อยแล้ว ทางการรีบจัดที่พักให้พวกเขาและดูแลเรื่องอาหารอย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เย่หลีได้พักที่เรือนรับรองที่สะดวกสบายที่สุด เดิมทีเรือนนี้คนของท

  • สามีข้าหาใช่ตัวร้ายอีกต่อไป   บทที่ 44 ปิดฉากสงคราม

    เช้าวันต่อมาหลังจากที่เย่หลีตื่นขึ้นมา ก็พบว่าฟ่านเฉินรวมถึงบิดาและพี่ชายของนางได้ออกรบกับแคว้นฉีอีกครั้งแล้วเมื่อคืนนี้หลังจากปรับความเข้าใจกันได้แล้ว นางก็กลับมาพักยังที่พักของตน ยามนอนหลับนางฝันดีตลอดทั้งคืนในขณะที่เย่หลีเพิ่งจะกินมื้อเช้าเสร็จและเดินออกมาภายนอกกระโจมก็พบว่ายามนี้ภายในค่ายทหารกำลังวุ่นวายเป็นอย่างมาก เหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บถูกหามเข้ามาคนแล้วคนเล่า บางคนถูกธนูยิงจนทะลุหน้าอก บางคนแขนขาด บางคนเลือดไหลโทรมกาย ช่างเป็นภาพที่น่าหวาดกลัวไม่น้อยเลย สาวใช้น้อยข้างกายของนางถึงกับเบือนหน้าหนีไม่กล้ามองเพราะหวาดกลัวเย่หลีย่นหัวคิ้ว ไม่คิดว่าทหารของแคว้นซ่งจะได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ นางมองไปโดยรอบก่อนจะพบกับฟ่านหลิ่นที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นางจึงรีบเอ่ยกับเขาทันที"คังอ๋อง เกิดเรื่องใดขึ้นหรือเพคะ"ฟ่านหลิ่นมองเย่หลีก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีเท่าใดนัก"เสด็จอาเล่นลูกไม้สกปรก ลอบส่งทหารไปซุ่มโจมตีทหารของพวกเราจากที่ลับ ก่อนหน้านี้ก็ส่งคนมาเผาเสบียงอาหาร อีกทั้งยังใช้ดินประสิวระเบิดภูเขาทำให้ก้อนหินร่วงลงมาทับทหารของแคว้นซ่งตายไปหลายพันนาย สถานกา

  • สามีข้าหาใช่ตัวร้ายอีกต่อไป   บทที่ 43 เริ่มใหม่

    ฟ่านเฉินรีบหันกลับมามองก่อนจะต้องตกตะลึงอยู่เช่นนั้น เขาคิดว่าตนเองคงจะฝันไป แต่เมื่อได้เห็นว่ายามนี้สตรีตรงหน้ากำลังแย้มยิ้มให้เขา เขาจึงตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นนางจริง ๆเย่หลีมองพิจารณาบุรุษตรงหน้า ยามนี้เขายังคงดูหล่อเหลาเช่นเดิม แต่ทว่าผิวกลับคล้ำลงไปไม่น้อย ดูคมเข้มชวนมองขึ้นกว่าแต่ก่อนมากนัก"เจ้ามาได้เช่นไร"ฟ่านเฉินเอ่ยถามเย่หลีด้วยความสงสัย เขาเองก็มองนางอย่างพิจารณาเช่นเดียวกัน แม้ยามนี้ผิวของนางจะดูคล้ำลงแต่ความงามนั้นไม่ด้อยลงไปเลยแม้แต่น้อยเย่หลียิ้มก่อนจะตอบ"ข้าก็เดินทางมากับขบวนเสบียงน่ะสิ มาพร้อมพี่ชายของท่าน"เมื่อได้ยินว่าเย่หลีมาพร้อมกับฟ่านหลิ่น ในใจของฟ่านเฉินก็พลันขมขื่นขึ้นมา นางมาพร้อมพี่ชายของเขา ไม่คิดว่าเวลาเพียงไม่นานความสัมพันธ์ของคนทั้งสองจะก้าวหน้ามาถึงขั้นนี้แล้วที่นางเคยบอกว่าไม่ชอบพี่ชายเขา คงเป็นเพราะนางจะยังไม่รู้หัวใจตนเองใช่หรือไม่ เมื่อรู้แล้วนางจึงเลือกพี่ชายของเขาอย่างไม่ลังเลเมื่อเห็นว่าฟ่านเฉินเอาแต่เงียบ เย่หลีก็รู้สึกสงสัยไม่น้อย อันใดกัน ไม่เจอกันนานก็ไม่มีเรื่องจะสนทนากันแล้วหรือเมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงเอ่ยถามเขาอีกครั

  • สามีข้าหาใช่ตัวร้ายอีกต่อไป   บทที่ 42 เดินทางตามหัวใจกลับคืน

    เย่หลีนั่งอยู่ในเรือนนั้นอีกสักพัก ก่อนที่นางจะตัดสินใจเรื่องราวบางอย่างได้ ก่อนกลับนางได้บอกกับอาหลันว่าให้นำชุดแต่งงานสองชุดนั้นส่งกลับไปให้นางที่จวนตระกูลเย่ด้วย อาหลันรับคำ เย่หลีพยักหน้ารับก่อนจะกลับจวนของตนไปเมื่อเย่หลีกลับมาที่จวนนางก็จัดการล้างหน้าของตนให้สะอาด ทำเหมือนกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เช้าวันต่อมานางก็ได้ยินข่าวหนึ่ง นับว่าเป็นข่าวดีของแคว้นซ่ง เมื่อมีจดหมายจากชายแดนว่าครั้งนี้ได้รับชัยชนะต่อเนื่องกัน พวกกบฏแคว้นฉีระส่ำระสาย เรื่องนี้สร้างความดีใจต่อฮ่องเต้ฟ่านหมิงจิ้นไม่น้อย เดิมทีเขาคิดว่าหากฟ่านเฉินกลับมาอาจจะมอบตำแหน่งดี ๆ ใหบุตรชาย เพราะยามนี้เหล่าขุนนางต่างถกเถียงกันว่าคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งองค์รัชทายาทก็คือหลิงอ๋อง เพราะการศึกที่ชนะได้ในครั้งนี้เก้าในสิบส่วนเพราะเป็นความปรีชาสามารถของหลิงอ๋องแต่ทว่านอกจากจดหมายของทางการทหารแล้ว กลับมีจดหมายของฟ่านเฉินแนบมาด้วย เมื่อเขาเปิดออกก็ถึงกับทอดถอนใจออกมาฟ่านเฉินบอกว่าไม่ต้องการตำแหน่งใดทั้งสิ้นเพราะหลังจบสงครามก็จะไม่ขอกลับเมืองหลวงอีก จะใช้ชีวิตอยู่ที่ชายแดนเยี่ยงคนธรรมดาสามัญ นับแต่นี้ท่องเที่ยวไปทั่วใต้หล้า ไม่

  • สามีข้าหาใช่ตัวร้ายอีกต่อไป   บทที่ 41 เรือนหอ

    "พี่สาวท่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ"เย่หลีที่กำลังคิดสิ่งใดไปเรื่อยเปื่อยพลันได้สติกลับคืนมาเมื่อเย่หลิงเอ่ยถามตน นางหันไปยิ้มให้น้องสาวก่อนจะส่ายหน้าไปมา แล้วจึงเอ่ยกับเย่หลิง"ข้าจะไปหาที่เดินเล่นสงบใจเสียหน่อย อีกไม่นานจะกลับมา""เจ้าค่ะ"เย่หลีเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นเดินไปพร้อมกับเถาเป่า เดิมทีนางอยากนั่งอยู่เงียบ ๆ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดอยู่ ๆ นางจึงอยากจะเดินเล่นรอบ ๆ จวนองค์ชายรองที่ยามนี้กลายเป็นจวนหลิงอ๋องเสียหน่อย"เจ้าไม่ต้องตามข้ามา รออยู่ตรงนี้ก็พอ""เจ้าค่ะคุณหนู"เถาเป่าพยักหน้ารับเพราะไม่กล้าขัดคำสั่งเจ้านาย เย่หลีเดินตามทางมาเรื่อย ๆ ยามนี้โดยรอบจวนอ๋องมีดอกไม้และใบไม้เขียวชอุ่มให้ความรู้สึกที่สบายตาไม่น้อยเลย สายลมพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของนางเล็กน้อย เย่หลีมองไปโดยรอบด้วยแววตาที่วูบไหว อยู่ ๆ นางก็หยุดฝีเท้าอยู่ที่ด้านหน้าเรือนแห่งหนึ่งมันคือเรือนที่นางเคยอยู่ในชาติก่อนที่จวนแห่งนี้เดิมทีมีแต่ความทรงจำที่ขมขื่นและเจ็บปวดมากมาย แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางจึงอยากจะมองมันให้ชัดเจนอีกสักคราราวกับว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่นางจะได้เยียบย่างเข้ามาในที่ที่เป็นความหลังแห่งนี้ราวกับภา

  • สามีข้าหาใช่ตัวร้ายอีกต่อไป   บทที่ 40 ล้างบางคนชั่ว

    เวลาผ่านมาร่วมหลายวัน ในที่สุดอาการบาดเจ็บของฟ่านเฉินก็หายดีจนเป็นปกติ เพราะได้รับบาดเจ็บระยะนี้จึงได้รับอนุญาตให้ไม่ต้องเข้าร่วมประชุมยามเช้าที่วังหลวงหลังจากกินมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็มุ่งหน้ามาที่วังหลวงเพื่อเยี่ยมเยือนบิดา ฮ่องเต้ฟ่านหมิงจิ้นเมื่อเห็นว่าบุตรชายไม่เป็นอันใดแล้วก็ดีใจไม่น้อย ฟ่านเฉินอยู่สนทนากับบิดาต่ออีกครู่หนึ่ง ก่อนจะขอตัวกลับเมื่อเดินออกมาแล้ว เขากลับยังไม่ได้ออกจากวังหลวง ชายหนุ่มเดินตรงมาที่คุกหลวงซึ่งเป็นสถานที่กักขังสวีกุ้ยเฟยเอาไว้ นางยังไม่ถูกลงโทษ เพราะเสด็จพ่อเดิมทีก็เหมือนจะมีเยื่อใยต่อนางอยู่ไม่น้อยเขาเดินเข้ามาในคุกหลวงที่มืดมิด ได้กลิ่นสาบจาง ๆ โชยมาต้องนาสิกเป็นระยะ แต่ทว่าชายหนุ่มกลับหาได้สนใจแม้แต่น้อย เขาเดินตรงมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าห้องขังห้องหนึ่ง เมื่อมองเข้าไปก็พบกับสตรีวัยกลางคนที่กำลังนั่งพิงกำแพงอยู่ ใบหน้าของนางที่เคยงดงามยามนี้แก่ชราลงไปหลายปี ผมเผ้ารุงรัง เสื้อผ้าสกปรกมอมแมม เมื่อได้ยินเสียงห้องขังเปิดออกนางจึงหันมามอง เมื่อพบว่าเป็นฟ่านเฉิน นางก็รีบลนลานเข้ามากอดเขาเอาไว้ ก่อนจะเอ่ย"เฉินเอ๋อร์ ช่วยแม่ด้วย ได้โปรดช่วยแม่ด้วย

  • สามีข้าหาใช่ตัวร้ายอีกต่อไป   บทที่ 39 ขมขื่น

    ยามนี้ฟ่านเฉินกำลังควบม้ามุ่งหน้าตรงมาที่จวนของฟ่านหรง เมื่อมาถึงเขาก็สั่งให้คนค้นทั่วทั้งจวน หลังจากสำรวจโดยรอบอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ถึงกับส่งเสียงเหอะออกมาคาดเดาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตระกูลสวีก่อนหน้านี้จะต้องเป็นฝีมือของฟ่านหรงถึงสิบส่วน คนของเขาบอกว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนสวีกุ้ยเฟยคลุ้มคลั่งแทบเสียสติเพราะตราคำสั่งทางทหารของบิดานางหายไป เขาเคยเห็นตราสั่งการทางทหารนั้นมาก่อน ย่อมจำได้เป็นอย่างดี การที่ฟ่านหรงหนีไปครั้งนี้ย่อมไม่ได้หนีไปตัวเปล่า แต่เขานำกองกำลังนั้นไปด้วย หากเป็นเช่นนี้ก็ย่อมอันตรายมากยิ่งนักเมื่อเขาออกมาจากจวนฟ่านหรงก็พบกับเย่จิ้นอันที่ควบม้าตามมา ชายหนุ่มมองฟ่านเฉินครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"องค์ชายรอง คนเล่า เขาหนีไปได้เช่นไร เห็นอยู่ว่าพิการเช่นนั้นไปแล้ว"ฟ่านเฉินมองเย่จิ้นอันก่อนจะเอ่ยตอบ"ถึงเขาจะพิการ แต่คนของเขาฝีมือไม่ได้ด้อย ข้าเชื่อว่าเขาต้องหนีไปพร้อมกับตราคำสั่งทางทหารของสวีกุ้ยเฟย อีกทั้งการที่ทหารในค่ายถูกโยกย้ายไปก่อนหน้านี้ล้วนเป็นฝีมือของเขารวมไปถึงการที่จวนตระกูลสวีเกิดเหตุในคืนนั้นก็เป็นฝีมือเขาด้วยเช่นกัน""เกิดการหักหลังกันเช่นนั้นหรือ""ถูกต้อง"เ

  • สามีข้าหาใช่ตัวร้ายอีกต่อไป   บทที่ 38 งานเลี้ยงของสวีกุ้ยเฟย

    ฟ่านเฉินเกรงว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์นอกเหนือความคาดหมายทำให้เขารับมือไม่ได้ จึงบอกให้เย่จิ้นอันจับตาดูฟ่านหรงเอาไว้เย่จิ้นอันพยักหน้ารับคำ เอ่ยปากอำลากลับมาที่จวนของตนเรื่องนี้เขาได้ปรึกษากับบิดาก่อนหน้านี้แล้ว ท่านพ่อเองก็คอยช่วยเหลือพวกเขาอย่างลับ ๆ อีกอย่างค่ายทหารที่ฟ่านเฉินบอกก็เป็นความจริง ชายหนุ่มนั่งสนทนากับบิดา ก่อนจะเอ่ย"ท่านพ่อ ก่อนหน้านี้ความฝันของหลีเอ๋อร์เหมือนจะเป็นจริงหลายส่วน แต่ว่าไม่ตรงกับฟ่านเฉิน เขาไม่ได้เลวร้ายหรือคิดแย่งบัลลังก์ เรื่องนี้ท่านคิดเห็นเช่นไร"แม่ทัพใหญ่เย่มีท่าทางครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้า"บางทีความฝันก็อาจจะไม่เป็นจริงเสมอไป เอาเถิด เจ้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำก็ทำอย่างรอบคอบ หากต้องการความช่วยเหลือพ่อจะคอยช่วยเจ้าอีกแรง ไว้จับคนร้ายได้เมื่อไหร่และเปิดโปงคนชั่วได้สำเร็จ คาดว่าเรื่องนี้คงจะทำให้ฝ่าบาทปวดหัวไม่น้อยเลย เรื่องนี้พ่อไม่ได้ทูลฝ่าบาทเพราะเกรงว่าอาจกระทบกับแผนการที่พวกเจ้าลงมืออยู่ แต่อย่างไรพ่อจะคอยช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ”"ขอรับท่านพ่อ"เย่จิ้นอันพยักหน้าแล้วขอตัวเดินออกมา ระหว่างทางได้พบกับเย่หลีที่เพิ่งเดินกลับมาจากเรือนใหญ่พอดี สองพี่น้องยิ้ม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status