Home / แฟนตาซี / สายน้ำในความทรงจำ / 3. เจ้านางน้อยจำเป็น

Share

3. เจ้านางน้อยจำเป็น

last update Last Updated: 2024-12-04 01:01:52

“พี่คม คุณแม่ มีอะไรกันเหรอคะ” ภาณินีพูดแล้วเหลียวหลังไปสั่งลูกสาว “เก้าไปรอแม่ที่รถเลยลูก”

แก้วเก้า ปิดโทรทัศน์ ลุกขึ้น หมุนตัวหนึ่งรอบ คล้ายระบำปลายเท้า พนมมือไหว้ย่านวลและพ่อ ทำหน้าตาล้อเลียนแม่ แล้วหมุนตัวออกไปทางประตูด้านหน้าบ้าน “ค่ะแม่”  

อธิคมโบกมือลา “อุ้ม ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ สักสี่โมงครึ่ง    พี่คงพาคุณแม่ไปถึง”

“ค่ะ อุ้มไปนะ” 

แก้วเก้านั่งไปในรถข้างหน้า คู่กับแม่ซึ่งเป็นคนขับ  มือข้างหนึ่งแตะจี้รูปพระจันทร์เสี้ยว ทำจากกะลาตาเดียว

“อ้าว เก้า แม่เก็บเอาไว้แล้ว นี่ลูกยังเอามาสวมคออีกเหรอ”

“ค่ะ แม่ เก้าคิดถึงใหญ่”

“ถอดออกเถอะ มันไม่เข้ากับเสื้อผ้าเลย” ภาณินีอดที่จะบ่นพึมพำออกมาไม่ได้

ภาณินีขับรถพาเก้าไปถึงหอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  แก้วเก้าเห็นเพื่อนของแม่ 2 คน  มองมายิ้ม ๆ 

“นี่ป้าเบญจา น้าแดง เพื่อนร่วมงานของแม่จ้ะ”

แก้วเก้ายกมือไหว้  แม่ยิ้มแย้มสดใส   

“ต๊าย! ลูกเธอ ถอดคุณคมมายังกับพิมพ์เดียวกันเลยนะ” ป้าเบญจาแตะลูกคางของแก้วเก้าเชยขึ้น เด็กสาวฉีกยิ้ม โดยอัตโนมัติ เพื่อนแม่ยังชมต่อ “มีลักยิ้มด้วย น่ารักจัง”

น้าแดง เพ่งพินิจแก้วเก้า มองอย่างไม่วางตา “อยู่ปักษ์ใต้ตั้งหลายปี กลับมาทีลูกสาวโตเชียว”   

 ภาณินีเกิดนึกขึ้นได้ว่าลืมเรื่องหนึ่งไป

 “ตายแล้ว อุ้มต้องรีบพาลูกไปพบช่างแต่งหน้า ขอตัวนะคะ แล้วค่อยคุยกันใหม่”  

 แม่แตะแขนแก้วเก้าให้เดินไปข้างหน้า ดุนหลังเร่งให้เดินเร็วขึ้น “เก้าต้องซ้อมบทกับพี่ ๆ น้า ๆ ก่อนขึ้นเวทีจริง ว่าไงลูก พร้อมมั้ย”

“ไม่พร้อม ก็ต้องบอกว่าพร้อม จริงมั้ยล่ะคะแม่” แก้วเก้าทำงอนแก้มป่อง

 แม่หัวเราะเบา ๆ ส่ายศีรษะ  คว้าแขนลูกสาวเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว

 “โอโห” เด็กสาวอุทาน พลางสะกิดเรียกแม่ “แม่คะ พี่ ๆ เขาสวย ๆ หล่อ ๆ กันทั้งนั้นเลย”

เธอมองเลยไปเห็นชายหนุ่มหน้าตาสะอาดอ้าน คมคาย สมาร์ท ในชุดสูทสีเข้ม กางเกงสีเดียวกับสูท เขายืนเอามือกอดอก ทำท่าคิดอะไรอยู่  แก้วเก้ามองเพลิน เขารู้ตัวว่ามีคนมอง หันมาเจอสายตาของเด็กสาวพอดี

แก้วเก้าตกใจ รีบหันหลังให้อย่างรวดเร็ว หัวใจเต้น โครมครามแปลก  ๆ

ÿ

ผู้หญิงคนหนึ่งอายุพอ ๆ กับแม่ เดินมาหาแก้วเก้า 

“สวัสดีค่ะคุณอุ้ม หนูแก้วเก้า! น่ารัก  อาจารย์อลงกต พูดชมหลานสาวจนอรอยากเห็นตัว”

“อุ้มส่งตัวลูกสาวให้คุณเอมอรไว้เลย” แม่ส่งมือเก้าให้เอมอร “เก้า แม่จะเดินวน ๆ  ดูอยู่แถวนี้นะ ลูกอดทนสักนิดนะจ๊ะ ทำผมแต่งหน้าอาจจะทำให้อึดอัด รำคาญบ้าง”

แก้วเก้ายกมือป้องปากกระซิบ

“ค่ะแม่ แต่แม่อย่าไปนานนักนะคะ เก้าไม่เห็นมีเด็กคนอื่นเลย ในนี้มีแต่ผู้ใหญ่ ๆ ทั้งนั้น”

“ได้ แม่จะหมั่นแวะมาดูลูกนะจ๊ะ” แม่หอมแก้มลูกสาวก่อนไป

แก้วเก้าเดินตามคุณเอมอรเข้าไปข้างใน เธอบอกให้นั่งลงตรงเก้าอี้หน้ากระจกบานใหญ่ ในห้องนั้นค่อนข้างวุ่นวาย และเสียงพูดคุย วี้ดว้ายดังอื้ออึง แก้วเก้ามองแม่ผ่านกระจก เห็นหลังของแม่ที่ด้านนอก กำลังยืนคุยกับใครคนหนึ่ง คงตัวสูงพอสมควร เพราะแม่ต้องแหงนหน้าคุยกับเขา ท่าทางของแม่ดูนอบน้อม เหมือนคุยกับคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า  แก้วเก้าเบ้หน้าเล็กน้อย เมื่อช่างทำผมดึงผมยาว ๆ ของเธอรวบตึงและยกเกล้าขึ้นสูง ทำเอาน้ำตาซึมทีเดียว 

เผลอกะพริบตาสองสามที แม่ก็หายไปจากครรลองสายตา  แถมใครก็ไม่รู้ปิดประตูทำให้สอดส่ายสายตาหาแม่              ไม่ได้อีก

ÿ

“แก้วเก้า” เสียงแหบ ๆ พยายามบีบเสียงให้เล็กแหลม คุณเอมอรกำลังวาดริมฝีปากของเด็กสาวอย่างระมัดระวังก็ชะงักหยุดมือเสีย

“อยู่นี่จ้ะ เชอรี่”

“จะเสร็จหรือยังฮ้า พี่อร ผู้กำกับขอเชิญฮ่ะ”

“จะเสร็จแล้ว สักสิบนาทีนะ บอกเจ้าด้วย”

 “ฮ่า” เชอรี่ลากเสียงยาว ๆ แล้วกลับออกไปข้างนอก ปิดประตู เก้าเพ่งมอง ทางหนึ่งข่มตาไม่ให้หลับ อีกทางหนึ่งก็คอยกังวลดูว่าแม่จะกลับเข้ามาเมื่อไหร่

 คุณเอมอรสำรวจไปรอบ ๆ จนพออกพอใจ  “เอาล่ะ เรียบร้อย สวยที่สุดเลยค่ะหนูแก้วเก้า”

 “ดูไม่เหมือนเก้าคนเดิมเลยค่ะ”

 แก้วเก้ารู้สึกว่า ตัวเธอกลายเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวแปลกประหลาดที่สุดต่างหาก ถ้าใหญ่กับหรัดเห็น ต้องจำไม่ได้แน่ ๆ

 “น้าอรจะพาไปส่งที่เวทีให้ค่ะ พวกพี่ ๆ กำลังซ้อมกัน”

 “ไม่ต้องหรอกครับ” ชายเจ้าของสูทสีเข้มยืนอยู่ข้างหลัง

แก้วเก้าเห็นเขา จ้องมองหน้าของเธอที่กระจก ดวงหน้าของเธอก็แดงสร้าน  น้าเอมอรเองก็ดูตกใจไม่น้อย เขาเข้ามาเงียบมาก

 “เจ้า! แหม เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ  เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ เออ จะให้เปลี่ยนชุดให้เธอเลยมั้ยคะ”

 “ยังไม่ต้องครับ เสื้อผ้าที่จะใช้แสดง เดี๋ยวอาจารย์ภาณินีจะทำให้ลูกสาวของเธอเอง เชิญครับ”

 เขายื่นมือไปตรงหน้าเด็กสาว   แก้วเก้าช้อนตาขึ้นมามองสบตาเขา ความรู้สึกหยิ่งทะนงตนผุดขึ้นมาอย่างประหลาด เรื่องอะไรจะต้องยื่นมือให้เขาจับด้วย ลุกขึ้นยืน และก้าวเดินออกไปช้า ๆ เห็นใบหน้าของเขาในกระจกยิ้ม

 “เก้าจะหาแม่ค่ะ น้าอร”

 “อาจารย์ภาณินีให้ผมมารับครับ เรากำลังรอหนูไปเข้าฉาก ถ้าหิวก็รบกวนรอสักนิด ซ้อมเสร็จแล้วก็ทานข้าวได้เลย”

 “เจ้าคะ นี่จะซ้อมกันกี่รอบคะ” น้าอรถามต่อ

 “จนกว่าผมจะพอใจครับ”  ตาคม ๆ จ้องมองเด็กสาว   ไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกยังไง

 “ถ้างั้น ก่อนขึ้นแสดงจริง ๆ เราต้องเจอกันอีกหนนะจ๊ะหนูแก้วเก้า”

  คุณเอมอรเปิดประตูห้องให้แก้วเก้าเดินออกไป ชายคนนั้นเดินตามมาข้างหลัง แก้วเก้ารู้สึกหวาดระแวงไม่ค่อยไว้ใจเขาเท่าไหร่

 “ทางนี้ครับ”

 เขาเดินเร็วนำหน้า ยกมือบอกทางไป แก้วเก้าซอยเท้าถี่ ๆ เร่งเดินเร็วเพื่อให้ทันคนข้างหน้า 

 “ค่อย ๆ ไปก็ได้”          

  “ค่ะ” แก้วเก้าทำปากขมุบขมิบ  

 “เดี๋ยวหนูแก้วเก้า ซ้อมบทพูดปากเปล่ากับผมก่อน ทราบแล้วใช่มั้ยครับว่าจะเล่นเป็นใคร”

"เป็นเจ้านางน้อยเนี่ยล่ะค่ะ” ปากเล็ก ๆ สีแดงขยับพูดกับเขาอย่างระมัดระวัง

“หนูจะต้องรู้ภูมิหลังของเจ้านางน้อยก่อน เธอเป็นพระธิดาที่เกิดจากพระสนมของเจ้าเวียงเชียงรุ้ง จะต้องถูกส่งตัวไปถวายให้เจ้าเวียงไชยแทนพระธิดาองค์โตที่เกิดจากพระชายา”

“ทะ ทำไมเก้าต้องซ้อมบทพูดด้วยล่ะ ก็แม่บอกว่า...” 

“เดิมทีก็ไม่มีบทพูดหรอก แต่ถ้ามีบทพูด หนูก็จะสามารถแสดงอารมณ์ออกมาทางน้ำเสียงได้”

“แล้วเก้าต้องพูดอะไรคะ”

 เขาพาเดินอ้อมไปทางด้านหลังเวที ไม่ได้ตอบคำถามของเธอ

“อะไรล่ะคะ ไม่บอกมาแล้วเก้าจะรู้เหรอ”   แก้วเก้าเริ่มแผลงฤทธิ์นิดหน่อย ขณะเขาพาขึ้นไปบนเวที

 “อย่าเพิ่งโมโหสิ หึ หึ หนูลองนึกถึงอารมณ์เศร้า ๆ เวลาที่ต้องจากใครสักคน แล้วเดินออกไปหน้าเวที หยุดยืนอยู่ตรงกลาง ที่พื้นมีกากบาทสีแดงเป็นเครื่องหมาย หนูยืนพูดตรงนั้น จากนั้นจะมีนายทหารแบกหามเสลี่ยงมารอรับ หนูส่งอารมณ์ให้คนดู   ตรงนั้น แล้วก้าวเดินขึ้นไปนั่งด้วยท่าทีอาลัยอาวรณ์บ้านเกิดเมืองนอน” เขายังใจเย็นอยู่ พูดอธิบายเสียยืดยาว

“ไม่เห็นยากเลยค่ะ เก้าจะทำให้เห็นเองว่าเก้าทำได้” แก้วเก้ายักไหล่ แค่นึกถึง “ใหญ่” กับสายน้ำที่เคยแหวกว่าย ก็น้ำตาไหลได้อย่างง่ายดายแล้ว

“ตกลงจะไม่พูดใช่มั้ย” เขาก้มลงมองจ้องลูกตาเด็กสาว มีแววแฝงความท้าทายอยู่ในที

แก้วเก้าผงกศีรษะเล็กน้อยรับคำท้าของเขา เขาหันไปบอกคนสองสามคนที่ประจำอยู่ด้านข้าง ยกมือส่งสัญญาณให้ แล้วก็แตะหัวไหล่ของแก้วเก้าให้เริ่มเดินไปด้านหน้าเวที เห็นแม่นั่งดูอยู่ในที่นั่งแถวหน้าสุด ท่ามกลางกับใครต่อใครอีกหลาย ๆ คน

“แม่! แม่คะ เก้าอยู่ทางนี้” 

แก้วเก้าตะโกนเรียกภาณินี ลืมการแสดงของตัวเอง ทุกคนหัวเราะเธอ  รวมทั้งเขาคนนั้น เป็นอันว่าต้องเริ่มต้นซ้อมใหม่อีกสามครั้ง แม่ยกนิ้วโป้งขึ้นสองนิ้วชูขึ้นให้กำลังใจ แก้วเก้าหายใจยาว ๆ ลึก ๆ ช้า ๆ

ผู้กำกับไม่ได้มาวุ่นวายสั่งอะไรอีก เขาปล่อยให้เด็กสาวสร้างอารมณ์และจินตนาการแต่ลำพัง

 แก้วเก้ารู้สึกเต็มตื้นในอารมณ์คิดถึงเพื่อน เดินไปเรื่อย ๆ  สมมุติว่า เบื้องหน้าคือท้องฟ้า และโคมไฟกลางห้องประชุม คือเดือนเสี้ยว ก้มมองดูพื้นเวทีที่มีกากบาทสีแดง ถึงตรงนั้น ก็ค่อย ๆ คุกเข่าลงทีละข้าง ยื่นมือไปข้างหน้า แล้วปล่อยท่อนแขนตกลงข้าง ๆ ลำตัว ก้มหน้าร้องไห้ ทางขวามือทหารแบกเสลี่ยงมาถึง  ค่อย ๆ ยืดตัวขึ้นช้า ๆ หมุนตัวมองดวงจันทร์ครั้งหนึ่ง แล้วหมุนตัวกลับค่อย ๆ ก้าวขึ้นไปนั่งในเสลี่ยงหลังตรง เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ถูกพาเข้าไปด้านหลังม่าน

เสียงปรบมือดังเปาะแปะ แม่ลุกขึ้นยืน เคียงข้างกับลุงกต

“โอเค!” เขายื่นมือมาข้างหน้าอีกครั้ง “แต่จะทำให้ดีกว่านี้ก็ได้อีกนะ”

“ฮึ! ตกลงว่ามันดีหรือไม่ดีล่ะ ถ้าไม่ดีก็เอาคนอื่นมาเล่นเหอะ เก้าจะกลับบ้าน”

“เก้า” แม่เรียก “เก้าทำได้ แต่เวลาแสดงจริง ๆ คนดูเยอะ ๆ เก้าต้องไม่ประหม่านะลูก”

“แม่คะ เก้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” เด็กสาวยกมือป้องปาก กระซิบกระซาบกับแม่ แต่แม่กลับพูดกับอีกคนหนึ่ง

“เจ้าองค์อินทร์คะ ขอบคุณมาก ๆ”

เพราะคน ๆ นี้เป็น “เจ้า”แม่จึงพูดกับเขาด้วยท่าทางนอบน้อม ทั้ง ๆ ที่แม่อาวุโสกว่า แก้วเก้าไม่เห็นจะสนใจเลย  เขาดูดีแต่ภายนอกเท่านั้นแหละ

“ผมไม่ได้ทำอะไรเลยครับ อาจารย์ภาณินี หนูแก้วเก้าคิดเองแสดงเองหมดเลย”

เขายิ้ม... แสร้งถ่อมตัวแน่ ๆ เธอรู้ดี

อลงกตเดินอ้อมมาทางด้านหลังหลานสาว 

 “ลุงกต” แก้วเก้าโผกอดลุง “พ่อกับคุณย่าของเก้ามาหรือยังคะ”   

  ภาณินีตอบลูกสาวแทนพี่ชาย  “ยังไม่มา แต่ก็ใกล้แล้วล่ะ ไปรับประทานอาหารก่อนนะเก้า คุณเอมอรกำชับว่าห้าโมงเย็นให้พาเก้าไปส่งที่ห้องแต่งตัวอีกครั้ง”

“ค่ะแม่ เก้าหิวแล้ว” บ่นอุบอิบ

ÿ

ดอกเตอร์อลงกต ศักดิ์เดชา คณบดีคณะศิลปกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จูงมือหลานสาว  เดินผ่านป้ายสีทองตัวหนังสือน้ำเงินเข้ม “ห้องรับรองแขกวีไอพี”

ลุงกตผลักประตูเข้าไปข้างในมีคนนั่งอยู่สองคน คนหนึ่งเป็นหญิงชราแต่งตัวดูภูมิฐาน ชายหนุ่มคนหนึ่งหน้าตาอ่อนเยาว์แต่ก็อายุมากกว่าแก้วเก้า  เขาสวมสูทสีเข้ม สุภาพเรียบร้อย

ลุงกตค้อมศีรษะให้กับหญิงชรา  “เก้าก้มลงกราบ     เจ้าขวัญหล้า ณ แมนรัตน์ สิลูก”

แก้วเก้ามองหน้าแม่ แม่พยักหน้าให้ทำตามที่ลุงบอก เด็กสาวคุกเข่าลงกับพื้นพรมสีแดง ค่อย ๆ เดินด้วยเข่า ก้มกราบที่เท้าของท่าน เห็นน้ำตาของท่านไหลด้วย

“สวัสดีจ้ะ” ท่านเอ่ย น้ำเสียงสั่นไหว “นี่ เจ้าเทพนรินทร์ ณ แมนรัตน์ หลานชายของฉัน” 

แก้วเก้าเงยหน้าขึ้น ยกมือไหว้เขา เขารับไหว้ด้วยท่าทีที่นุ่มนวล อ่อนโยน ต่างกับท่าทีของเจ้าองค์อินทร์ ผู้กำกับละคร   คนนั้นลิบลับ

“อาจารย์ภาณินี ลูกสาวของคุณทำผมแบบนี้หน้าตาเหมือนญาติคนหนึ่งของเรามาก ๆ ดิฉันอยากเห็นเธอแต่งชุดชาววังในเวียงหลวงเสียแล้วสิ”

“ก็อีกสักครู่ค่ะเจ้า อดใจรอนิดนะคะ” ภาณินียิ้มเอาใจหญิงชรา

“เชิญรับอาหารว่างด้วยกันก่อนนะครับเจ้า เจ้านางน้อยแห่งเวียงเชียงรุ้งของเราหิวมากเลยครับ” ประโยคเด็ดของลุงกตเรียกเสียงหัวเราะในห้องนั้น

“ขอบใจ ดอกเตอร์อลงกตอีกคนนะคะ หมอเนตรดาวภรรยาของคุณดูแลเลอสรวงได้ดีมากค่ะ เธอมีความอดทน และทุ่มเทเหมือนเลอสรวงเป็นลูกชายของเธอทีเดียว”

 “ครับ” ลุงกตเองนอบน้อม อ่อนโยน กับเจ้าขวัญหล้ามากกว่า ตอนที่แม่คุยกับเจ้าองค์อินทร์

“นรินทร์ ดูแลน้องนะ อย่าให้น้องหิวจนเป็นลมไปล่ะ”

 “ครับ เจ้าย่า” เจ้าเทพนรินทร์พูดอย่างสุภาพนุ่มนวลอีกครั้ง เขาหันไปยิ้มกับแก้วเก้า แล้วพาไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ซึ่งจัดวางของว่างเตรียมพร้อมไว้แล้ว

แก้วเก้ารู้สึกแปลก ๆ กับบรรยากาศรอบ ๆ ตัวในห้องรับรองนั้น แม่และลุงกตดูเกร็ง ๆ ไม่เป็นธรรมชาติ เพราะว่า คนพวกนี้เป็นเจ้า  ก็เลยต้องระวังตัว เมื่อคิดได้อย่างนี้ เธอก็เลยทำตัวลีบ ๆ เกร็ง ๆ ตามแม่กับลุงกตไปด้วย

“ทำตัวสบาย ๆ เถอะครับ น้องเก้า ไม่ต้องเรียกพี่ว่า เจ้า เหมือนคนอื่น ๆ เรียกว่าพี่นรินทร์”

“ค่ะ พี่นรินทร์” แก้วเก้าเรียกเขาตามนั้น

 “น้องเก้าคิดจะเรียนต่อที่ต่างประเทศบ้างมั้ย พี่ยินดีต้อนรับนะ ถ้าน้องจะไปเรียนที่อังกฤษ”

 เด็กสาวอึ้งนิดหน่อย ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม รอให้แม่เดินมาใกล้ ๆ 

“แม่คะ พี่นรินทร์ชวนเก้าไปเรียนที่อังกฤษค่ะ”

“โอ ไม่ล่ะมั้ง เจ้านรินทร์คงแค่ล้อเล่นกับลูกน่ะจ้ะ”

“ผมไม่ได้ล้อเล่นหรอกครับ  คุณแม่ของผมเห็นน้องเก้าแล้วจะต้องรักและเอ็นดูไม่น้อยทีเดียว”

ภาณินีเปลี่ยนเรื่องสนทนา หันหน้ามาเอ่ยกับลูกสาว  

“เก้าลูกแม่ วันนี้ มีคนรอชมลูกแสดงละครเวทีอยู่เยอะเลย ตั้งใจและเชื่อฟังเจ้าองค์อินทร์นะจ๊ะ”

“ไม่ต้องกังวลใจในเรื่องฝีมือของพี่ชายเลยครับ แต่ปัญหาของท่านคือ เป็นคนที่พูดจาออกจะตรงแบบขวานผ่าซากไปหน่อย อย่าเพิ่งขุ่นเคืองซะก่อนนะครับ”

แก้วเก้าคิดไปเพลิน ๆ พลางใช้ช้อนเขี่ยขนมเค้กรสส้ม 

“น้องเก้าคิดถึงใครอยู่เหรอ” เจ้าเทพนรินทร์คอยเอาใจใส่และชวนคุย

“เก้าคิดถึงเพื่อนค่ะ”

“เพื่อนคนนั้นคงสำคัญกับน้องเก้ามาก ๆ”

เขารินน้ำส้มคั้นจากเหยือกใส่แก้ว เมื่อเห็นว่ามันพร่องไปกว่าครึ่งหนึ่ง

“เพื่อนที่สุราษฎร์ธานีค่ะ เราสนิทกันมาก เก้ากับใหญ่ชอบไปเล่นน้ำที่แม่น้ำด้วยกัน”

เจ้าเทพนรินทร์รู้สึกขบขันหัวเราะในลำคอ หึหึ

“แม่น้ำเลยหรือครับ”

“แม่น้ำไหลผ่านด้านหลังโรงเรียนของเรา ตลิ่งไม่ชันหรอกค่ะ เดินไปได้ น้ำอยู่ระดับอก แต่ถ้าเดินห่างฝั่งไปก็จะเจอ  น้ำลึก พวกเราไม่มีใครกล้าว่ายข้ามไป นอกจากใหญ่คนเดียว” แก้วเก้าเล่าให้เขาฟัง

“โรงเรียนไม่มีสระว่ายน้ำเหรอ”

“ไม่มีสระว่ายน้ำหรอกค่ะเจ้า... เด็ก ๆ เล่นกันตามแหล่งน้ำธรรมชาติ” แม่ช่วยเสริม

“อ้อ” เจ้าเทพนรินทร์พูดสั้น ๆ แค่นั้น เขาเหลียวมองหน้าภาณินี

“เพื่อนของน้องเก้าคนนี้ อาจารย์รู้จักมั้ยครับ”

“ใหญ่น่ะเหรอคะ เขามาวิ่งเล่นแถว ๆ บ้านเราบ่อย ๆ ค่ะ เป็นเด็กดี และก็เรียนก็เก่งด้วย”

“ใช่ค่ะ ใหญ่เรียนดีที่สุดในห้อง เก้ายังต้องให้ใหญ่ช่วยสอนเลย”

“พอพูดถึงเพื่อน น้องเก้าก็ดูมีความสุขขึ้นมาทันทีทันใดเลย” เจ้าเทพนรินทร์สัพยอก แก้วเก้ารู้สึกว่าเขาเป็นคนน่าคบหาทีเดียว

“เก้าอิ่มแล้วค่ะแม่ แล้วก็เริ่มง่วงนอนด้วยค่ะ”

“ได้เวลาที่ต้องพาเก้าไปส่งให้คุณเอมอรแล้วค่ะ ดิฉันกับลูกต้องขอตัวก่อน” ภาณินีบอกกับเจ้าเทพนรินทร์

อลงกตยังคงนั่งจิบน้ำชาและอาหารว่าง สนทนาอยู่กับเจ้าขวัญหล้า  ภาณินีค้อมหลังเข้าไปหาหญิงชราอย่างสุภาพอ่อนน้อม “ดิฉันกับลูกสาวขอตัวนะคะ”

ภาณินีพาแก้วเก้าออกไปข้างนอก ขณะที่เจ้าเทพนรินทร์ ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารตามสองแม่ลูกออกไปด้วย               

ÿ

เจ้าเทพนรินทร์เดินแยกจากสองแม่ลูกไปอีกทางหนึ่ง สุดปลายทางนั้นแก้วเก้าเห็นเจ้าองค์อินทร์ยืนกอดอกฟังสุภาพสตรีสาวสวยคนหนึ่งพูดคุยอย่างตั้งอกตั้งใจ  แต่พอเห็นว่าเจ้าเทพนรินทร์เดินตรงไปหา เจ้าองค์อินทร์ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นค้อมศีรษะนิดหนึ่งให้สุภาพสตรีคนนั้น แล้วก้าวขาถอยเบี่ยงตัวออกมาคุยกับเจ้าเทพนรินทร์

แก้วเก้าคิดเอาเองว่า ผู้กำกับฯ คนนั้น คงจะกำลังถูกเจ้าเทพนรินทร์ต่อว่า เรื่องที่พูดไม่ดีกับเธอ เจ้าองค์อินทร์ผงกศีรษะสองสามครั้ง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สายน้ำในความทรงจำ   59. สายน้ำกับความรัก

    เจ้าขวัญสรวง ดอกเตอร์อลงกต หมอเนตรดาว ภาณินี อธิคม เจ้าเทพนรินทร์และท้าวศรีโสภางค์ มาแสดงความยินดีกับเธอ เพื่อนทั้งชายและหญิงห้อมล้อมของถ่ายรูป สลับสับเปลี่ยนกันไปมาแก้วเก้าส่งปริญญาบัตรให้อธิคมและภาณินีชื่นชม ทั้งคู่เปิดออกอ่าน แล้วส่งต่อให้เจ้าองค์อินทร์ เขารับมาถือไว้กับตัว ภาณินีหรี่ตามองว่าที่ลูกเขย“เห็นมั้ยว่าพี่ส่งอะไรให้เจ้า”“ครับ” เจ้าองค์อินทร์ ถูกลูกศิษย์ภาคการละครดึงตัวไปถ่ายรูป พร้อม ๆ กับแก้วเก้า “อะไรนะครับอาจารย์”“หืม... จนป่านนี้ยังเรียกว่าพี่กับอาจารย์กันอยู่อีก” หมอเนตรดาวหัวเราะ ชวนทุกคนเข้าไปที่ห้องทำงานของอลงกตบนอาคารคณะศิลปกรรมอลงกตก็ถูกเชิญถ่ายรูปกับนิสิตเหมือนกัน จนทุกคนพอใจแล้ว อลงกตจับมือหลานสาวกลับมาที่ห้องทำงานของเขา เจ้าองค์อินทร์เดินตามมาด้วยกันเจ้าขวัญสรวงชราลงไปมาก แต่ก็คงความสดใส และมีความสุข เธอลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นหลานชายเดินเข้ามา เจ้าองค์อินทร์กับแก้วเก้าต่างโผเข้าไปประคองและกอดด้วยความรักและคิดถึง&ldqu

  • สายน้ำในความทรงจำ   58. คู่หมั้นหายไป

    “นายปริญญายังมีไพ่ใบสุดท้ายอยู่กับตัวคือคุณวิชุดา หลวงพ่อยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี”“คุณวิชุดาเป็นแม่ของพระองค์อินทร์ จะว่าไปเราก็เกี่ยวดองกับเธออยู่นะ”ภาณินีค้อนสามี“อุ้มกลัวผู้หญิงคนนี้นะคะ พูดถึงเรื่องหมั้นของลูกกับเจ้าองค์อินทร์ ของหมั้นไปอยู่กับหลวงพ่อเสียแล้ว หลวงพ่อบอกพี่คมหรือเปล่าว่าท่านเอาสร้อยไปทำไมคะ”“อืม ไม่ได้บอกอะไรเลย” อธิคมพับหนังสือพิมพ์สอดเก็บเข้าซอง“ท่านต้องมีเหตุผล แต่บอกเราไม่ได้”แก้วเก้าเลื่อนศีรษะที่หนุนหัวไหล่มารดาอยู่ เอาปากเข้าไปใกล้ ๆ กระซิบข้างหูของมารดาเบา ๆภาณินีพูดพึมพำตามที่ได้ยิน แก้วเก้ายกมือปิดปากมารดา เกรงว่ามารดาจะหลุดปากพูดให้ใครได้ยิน อธิคมเห็นภรรยาเบิกตาโพลง“เก้าบอกอะไรแม่ เก้ารู้ใช่มั้ยลูก..!”แก้วเก้าผงกศีรษะสองที แล้วหลับตาลงไปด้วยความอ่อนเพลีย ภาณินีกระซิบบอกต่อสามี“มณีแก้วเก้า คือ แก้วจุฬามณีบนพระนลาฎพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเชียงรุ้งค่ะ”&ld

  • สายน้ำในความทรงจำ   57. สิ้นเจ้าแมนสรวง

    ปัง ! ปัง! ปัง!“ทางนั้น... เสียงมาจากทางนั้น…!” พระเทพนรินทร์ชี้มือไปข้างหน้า“ฟังดูดี ๆ เสียงปืนดังมาจากปืนคนละกระบอก แล้วก็เหมือนยิงขึ้นฟ้า มันลงมือขุดกันไปแล้วละมัง”เจ้าแมนสรวงผงกศีรษะ เขามองพระหนุ่มทั้ง 3 รูป“พวกเราไม่มีอาวุธเลย แล้วจะต่อสู้อย่างไร”“โยมน้า ไม่เคยได้ยินคำว่า ธรรมะชนะอธรรมเหรอครับ” พระเลอสรวงกล่าว ริมฝีปากเหยียดยิ้ม“น้าเคยได้ยิน เดินตามรอยเท้านั่นไป มันแบกลากอะไรเดินไปด้วย ดูสิ รอบ ๆ รถของมัน รอยเท้าของคนไม่เกิน 10 คนได้”“9 คนครับ หายไปคนหนึ่ง เพราะถูกตำรวจจับเมื่อเช้า” คำปันเดินตามมาส่ง จนพ้นแนวต้นไม้ หนา ๆ เห็นทางไปพระธาตุหลวงเวียงไชย “ตำรวจยึดปืนมันได้ มันยิงหลวงพ่ออุดมแล้ว แต่ปืนไม่ลั่น ผมคิดว่า พวกท่านก็ต้องปลอดภัยเหมือนกัน เพราะท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่ออุดม”“ไม่หรอกนะ คำปัน แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของ ๆ ตน เอาล่ะ ส่งแค่นี้ โยมเข้าไปรออยู่ในรถ เราจะเข

  • สายน้ำในความทรงจำ   56. แก้วจุฬามณี

    บานประตูห้องด้านขวา ขยับเปิดออก พระองค์อินทร์ยกขาก้าวให้พ้นขอบประตูซึ่งยกขึ้นมาสูงระดับครึ่งหน้าแข้งของเขา แก้วเก้าเห็นเป็นพระองค์อินทร์ก็ก้มหน้าลงมองพื้นกระดาน“โยม... นี่ กุญแจห้องนั้น” “คะ” แก้วเก้ารู้สึกกลัวขึ้นมา “ทำไมเก้าต้องไปอยู่ที่นั่นคนเดียวด้วย”พระองค์อินทร์ยิ้มปลอบใจ“หลวงพี่ล่ะคะ หลวงพี่อยู่ที่ไหน”“อาตมาอยู่ที่นี่”“ห้ามสีกาเข้ามาข้างใน แล้วทำไมเก้าเข้ามาได้ล่ะคะ”“ห้องนี้ต่างหากที่โยมเข้ามาไม่ได้” หลวงปู่สิงห์ เจ้าอาวาสยืนประสานมือไขว้ สำรวมกายอยู่ด้านหลังของแก้วเก้า“ส่วนห้องนั้น เป็นที่ประทับของเจ้านางในคุ้มหลวง ยามที่ท่านมาปฏิบัติธรรม เป็นสมบัติตกทอดของเชียงรุ้ง อาตมาให้ยกมาจากห้องใต้ดิน ใต้ฐานองค์พระธาตุหลวงเวียงไชย”หลวงปู่สิงห์เดินไปเปิดห้องด้านซ้ายเอง ท่านมองแก้วเก้า แล้วเรียกให้เธอเข้าไปแก้วเก้าลุกขึ้น หลวงปู่สิงห์ถอยห

  • สายน้ำในความทรงจำ   55. นักล่าสมบัติ

    “ค่ะ” หมอเนตรดาว ฉวยกระเป๋าถือ พยักหน้าเรียกภาณินีให้ไปด้วยกันอธิคมยิ้มให้กำลังใจภรรยา “ไปก่อนเถอะจ้ะ เดี๋ยวพี่ตามไป ตอนเช้าจะได้พบลูกแล้วนะ”ภาณินียกมือโบกลา แล้วเดินตามพี่สะใภ้ไปขึ้นรถตู้อลงกต อธิคม และชัยยศ นั่งคุยกันต่อ พวกเขาชวนกันไป สำรวจตลาดบ้านแม่ปิน ใกล้ ๆ โมเต็ลที่คนพวกนั้นพักÿชายหนุ่มทั้ง 3 คน ออกไปเดินคุยกันข้างนอกบริเวณที่พัก “ผมกับภรรยาเคยมาทำงานวิจัยที่นี่เมื่อหลายสิบปีก่อน งานวิจัยของเรา อาจชักนำให้คนพวกนี้อยากมาขุดหาของโบราณของเก่า”อธิคมเริ่มเล่าเรื่องหลวงพ่ออุดม เถ้าแก่ซ้ง แซ่สุน อดีตเจ้าของโรงสี ปากน้ำโพธิ์ ให้ชัยยศฟังคร่าว ๆ เป็นข้อมูลว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไปและอาจเกี่ยวข้องกับคน 10 คนนั้น“พี่กต คุณชัยยศครับ เราต้องเข้าไปที่นั่นก่อนพวกมัน ถ้าไปทีหลัง อาจเตือนชาวบ้านไม่ทัน” อธิคมแสดงอาการวิตกกังวลมากขึ้น“ค่ำแล้ว ไปไม่ได้หรอก นอกจากจะไปเช้า แต่ถ้าเราเข้าไปข้างใน ก็จะไม่ได้เจอกับหลานตอนเช้า นอกจากแบ่งกัน แล้วใครจะอย

  • สายน้ำในความทรงจำ   54. เพื่อนเก่าปมแค้น

    “ฟังปะป๊านะ ปูเป้ ตั้งสติให้ดี ๆ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดเป็นครั้งแรกกับครอบครัวของเรา อากงก็เคยถูกตำรวจจับตัวออกจากบ้าน ทิ้งกิจการทั้งหมดอาม่าเป็นคนดูแลจนตกทอดมาอถึงปะป๊า คราวนี้ก็เหมือนกันถึงปะป๊าจะไม่อยู่ ปูเป้ต้องดูแลกิจการต่อไปและต้องเป็นผู้ใหญ่นะ ไม่งั้นจะบริหารกิจการและสั่งใช้คนในบ้านไม่ได้”“แล้วปะป๊าทำผิดจริง ๆ หรือเปล่า บอกหนูมาตรง ๆ สิคะ”“ป๊า เฮ้ย! อย่ารู้เลย”ปรินดาคิดหาทางช่วยเหลือบิดา “นรินทร์กับคุณป้าวิชุดาต้องช่วยปะป๊าได้ ”“ไม่ได้นะ” เสียงตวาด ทำเอาปรินดาตกใจ“ทำไมปะป๊าต้องทำเสียงดังอย่างนั้นด้วย ปูเป้เป็นห่วงปะป๊านะ” ปรินดาหน้าแดง รู้สึกโกรธและงอนบิดาระคนกัน “ลุงสมิธ เป็นลุงของนรินทร์กับอินดี้ แล้วปะป๊าไปเกี่ยวข้องกับเขายังไง ถึงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าเขาล่ะคะ”“มันเข้าใจผิดกันไปเอง” ปริญญาควักบุหรี่มาจุดแล้วสูบอัดควันเข้าปอดแรง ๆ แต่ลูกสาวปรี่เข้ามาคว้าแล้วขว้างทิ้ง “หมอสั่งห้ามแล้ว ปะป๊าย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status