หน้าหลัก / แฟนตาซี / สายน้ำในความทรงจำ / 4. เพื่อนใหม่ของพ่อและแม่

แชร์

4. เพื่อนใหม่ของพ่อและแม่

ผู้เขียน: อาภัสร์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-04 08:33:10

“แม่คะ” แก้วเก้ากระตุกแขนแม่เบา ๆ “เจ้าองค์อินทร์กับเจ้าเทพนรินทร์เป็นอะไรกันคะ”

“เจ้าองค์อินทร์ท่านเป็นพี่ อายุมากกว่าเจ้าเทพนรินทร์  ผู้เป็นน้องราวสี่หรือห้าปีเนี่ยล่ะ ท่านทั้งสองเป็นบุตรของเจ้าแมนสรวงกับคุณวิชุดา  คุณวิชุดานั้นเป็นหญิงสาวสามัญชน ท่านพบรักกับเจ้าแมนสรวงสมัยเรียนกฎหมายที่อ๊อกฟอร์ดด้วยกัน”

แก้วเก้ารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า ถ้าเป็นอย่างนั้นตาผู้กำกับจอมเฮี้ยบนั่นจะกลัวเจ้าเทพนรินทร์เหรอ

ภาณินีดูนาฬิกาข้อมือ เห็นว่าถึงเวลาแล้ว จึงจูงมือลูกสาวพาเดินสาวเท้าก้าวยาว ๆ ไปจนถึงหน้าห้องแต่งตัว ใช้มือข้างหนึ่งผลักประตูเข้าไป แล้วทักเอมอรที่นั่งพักอยู่ข้างใน

“ขอโทษนะคะ มาช้าไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรค่ะ ใช้เวลานิดหน่อย คราวนี้ไม่นานเหมือนเมื่อกลางวันหรอกนะหนูแก้วเก้า”    

แก้วเก้านั่งนิ่งเป็นหุ่นอีกครั้ง คุณเอมอรจัดแต่งผมให้ แล้วตบแป้งและเติมสีลิปสติก

“แต่งหน้าเสร็จแล้ว ก็ไปให้คุณแม่แต่งตัวนะคะ”

คุณเอมอร ก้าวออกไปที่ประตู ชะเง้อแล เรียกหาภาณินี “คุณอุ้มคะ เสร็จแล้วค่ะ”

ÿ

เมื่อก้าวออกจากห้องแต่งตัว ทั้งภาณินีและแก้วเก้าต่างก็แปลกใจที่พบเจ้าองค์อินทร์ยืนรออยู่ในมือของเขาถือกล่องเหล็กสีดำ กล่องนั้นเป็นของใหม่  เขาหมุนเลขรหัส เปิดฝากล่อง แล้วยื่นส่งให้ หน้าตาไร้อารมณ์ในความรู้สึกของแก้วเก้า

“อาจารย์ภาณินีครับ เจ้าย่าสั่งให้นำเครื่องประดับชุดนี้มาให้หนูแก้วเก้า”

ภาณีนีมองดูสร้อยคอทองคำที่สะท้อนแสงไฟวับวาว ทองคำเส้นที่ขึ้นรุปเป็นห่วงวงรีเล็ก ๆ ร้อยเกี่ยวเชื่อมต่อกัน จี้ตรงกลางเป็นทับทิมพม่าสีแดงเลือดนกพิราบเจียทรงกลมหลังเต่า ขนาด 3.08 กะรัต จำนวน 3 เม็ด ล้อมด้วยเพชรเม็ดเล็ก งานช่างทำมือออกแบบเรียบ ๆ แต่กลับดูมีพลังดึงดูดให้ต้องมองซ้ำ 

“ดู ๆ แล้วไม่ใช่ของที่ใช้ในการแสดงละคร เป็นของเก่าที่มีราคาค่างวดสูงมากนะคะเจ้า” ภาณินีชักมือกลับไม่ต้องการรับของมีค่าชิ้นนั้น  ส่วนแก้วเก้าอยากรู้อยากเห็น ชะเง้อเข้าไปดูบ้าง เสียงร้อง “อื้อหือ” เบา ๆ  

ชายหนุ่มมีท่าทางเคร่งขรึม เขาแตะข้อศอกของภาณินี หลบไปพูดเบา ๆ ได้ยินกันเพียงสองคน

“เจ้าย่าของผมคงไม่พอใจ ถ้าผมทำให้ลูกสาวของอาจารย์สวมสร้อยคอชุดนี้ไม่ได้”

“เอ่อ ... เจ้าคะ ทำไมเจ้าขวัญหล้าไม่มอบให้แก้วเก้าด้วยตัวเองล่ะคะ เมื่อครู่เราก็อยู่กับท่าน”

“เจ้าย่าให้ผมเก็บรักษาเอาไว้ ให้ผู้ที่จะเล่นเป็นเจ้านางน้อยครับ ของอยู่กับผมตลอดเวลาเพราะเป็นของสำคัญของตระกูล”

ภาณินีอึ้งไปชั่วขณะ ประสานกับสายตาวิงวอนของเจ้าองค์อินทร์   พลางยื่นมือรับกล่องโลหะมาถือไว้ “ได้ค่ะ แต่ถ้าหายไป ดิฉันไม่รับผิดชอบนะคะ”   

“ครับ ไม่ต้องห่วงครับ เราวางระบบรักษาความปลอดภัยในนี้เป็นอย่างดี” เจ้าองค์อินทร์ยิ้มตอบ “ผมขอตัวลูกสาวอาจารย์ไปซ้อมอีกสักรอบนะครับ”

ภาณินีเรียกแก้วเก้าเข้ามา แล้วสวมสร้อยคอเส้นนั้นต่อหน้าเจ้าองค์อินทร์  พลางกำชับให้ระมัดระวังตัวไม่ทำให้สร้อยหาย

ÿ

“หนูแก้วเก้า…” เจ้าองค์อินทร์เรียก น้ำเสียงของเขา   แก้วเก้าฟังออกว่าเขาแสนจะดูแคลนเธอ

“ฮึ!”  เธอไม่ชอบที่เขาเรียกอย่างนั้น ”ฉันโตแล้ว ไม่ใช่เด็กเล็ก ๆ สักหน่อย” แก้วเก้าเถียงอยู่ในใจ

“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” น้ำเสียงเข้มงวด

แก้วเก้าเริ่มอึดอัด รู้สึกเหมือนว่าตกอยู่ภายใต้การควบคุม

ระหว่างทางที่พาเด็กสาวเดินไป เหล่านักแสดงชายหญิงทยอยกันเข้าไปรอด้านหลังเวทีหมดแล้ว  เจ้าองค์อินทร์ดันหลังของเก้าให้เข้าไปในห้องเล็ก ๆ มีกระจกบานใหญ่อยู่ในนั้นด้วย

เขาปิดประตูและกดล็อค  แก้วเก้าหันไปเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ  แต่เขากลับจับหัวไหล่ทั้งสองข้างของเด็กสาว หมุนตัวหญิงสาวกลับหลังหันไปมองกระจก แก้วเก้าส่องดูตัวเองเห็น เจ้าองค์อินทร์ยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง เด็กสาวก้าวมาข้างหน้า ขยับตัวให้ห่างออกมา แต่เขาก็ยังขยับตามติด จนแผ่นอกของเขาประชิดใกล้ เธอไม่พอใจอย่างมาก เริ่มขมวดคิ้ว

“จุ๊! จุ๊! จุ๊! อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิ” 

“จะทำอะไรกับเก้ากันแน่คุณเจ้า!” แก้วเก้าแผดเสียง เพราะตกใจมากกว่าอย่างอื่น

“เอ้อ! เสียงใสดีนี่ ลองพูดตามผมนะ หนู” 

“เก้าขอร้องได้มั้ยคะ อย่าเรียกเก้าว่า หนู ...ไม่ชอบสักนิด” แก้วเก้ากอดอก ปั้นปึ่งกับเขาเต็มที่

“อ๋อ เข้าใจแล้ว” เขายิ้ม ประกายตาวับวาว “ถ้าไม่เรียกหนู ก็จะอารมณ์ดีขึ้นใช่มั้ย” 

แก้วเก้าพยักหน้า

“แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรที่เหมาะสมกับตัวหนูมากกว่านี้นะ” เขาทำทีถอนหายใจ ดูว่าเป็นเรื่องหนักหนามาก แล้วก็พูดต่อ "หนู ...น้องเก้าใช่มั้ยครับ”

แก้วเก้าพยักหน้าอีกครั้ง ยังไม่ค่อยสบอารมณ์

“มาเข้าเรื่องกัน ผมคิดว่า เด็กตัวเล็ก ๆ ที่ไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อน ทำได้แค่นี้ก็โอเคแล้ว”  หางเสียงตวัดแปร่งปร่า                       

แก้วเก้าจ้องดวงตาของเขาเขม็ง ไม่เข้าใจเจตนาของเขา รู้แต่ว่าเขากำลังตำหนิ  ฝืนแข็งใจถามเขา

“หมายความว่ายังไงคะ”

“ก็บอกแล้วไง ถ้าจะทำให้ดีกว่านี้ก็ทำได้” เขาประคองใบหน้าของแก้วเก้าตั้งตรง

“คนที่ยืนอยู่นี้ดูให้ดี ๆ”

แก้วเก้ายังจ้องเขาอยู่ สกัดกลั้นน้ำตาที่กำลังท้นออกมา

“มองตัวเองในกระจกสิ มองผมทำไมโกรธเหรอ...”

“ใช่ค่ะ! เก้ากำลังโกรธคุณ และเก้าจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้"

“คนขี้แพ้" เจ้าองค์อินทร์ก้าวถอยหลังไปพิงประตู ยกแขนขึ้นกอดอก  ส่ายหน้าส่งสายตาที่กระตุ้นอารมณ์โกรธของแก้วเก้ามากขึ้นไปอีก

“เก้าไม่ชอบคุณ...เก้าจะไม่เล่นเป็นอะไรทั้งนั้น"

แก้วเก้าพยายามดันตัวเขาออกจากประตูบานนั้น

“เอาสิ ถ้ายกตัวผมออกไปได้ ผมยอมให้กลับบ้านแต่มีเวลาให้แค่ 1 นาทีนะ"

แก้วเก้าดันตัวเขาสุดแรงเกิดแต่เขาตัวสูงใหญ่กว่ามาก พอเหนื่อยก็ลงไปนั่งกับพื้น หมดแรงสู้กับเขา และรู้สึกผิดหวังที่เอาชนะเขาไม่ได้

เจ้าองค์อินทร์คุกเข่าลงข้างหน้าหญิงสาว ท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วทำให้แก้วเก้ารู้สึกตกใจ

“เจ้านางน้อย ถึงเวลาต้องเสด็จแล้วโปรดอย่าทำให้พระมารดาเสียพระทัยอีกเลย"

“อะ..อะไร ไม่ไป ทำไมแม่จะต้องเสียใจในเมื่อเก้าจะกลับบ้าน จะไปอยู่กับแม่ เก้าไม่อยากอยู่กับใครที่ไหนทั้งนั้น" แก้วเก้ารู้สึกว่าตนเองสิ้นท่าให้กับคนคนนี้

“อย่าทรงเศร้าโศกโศกาไปเลย มันเป็นหน้าที่ของพระองค์ที่จะต้องเสียสละแก่แผ่นดินเชียงรุ้ง พระองค์ต้องเข้มแข็ง"

เขาลุกขึ้น ยื่นมือให้แก้วเก้าจับ ใบหน้าดุดันเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นยิ้ม เขาเป็นคนดีหรือคนบ้ากันแน่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แล้วก็พูดภาษาละคร 

นึกถึงตอนนี้แก้วเก้าเริ่มรู้ตัวว่า ที่แท้เขาดึงเข้าไปซ้อมละครนั่นเอง จำใจส่งมือให้เขา เขาดึงเธอลุกขึ้นยืนและจับหมุนให้เผชิญหน้า

“ข้าพระองค์จักติดตามถวายอารักขา จนกระทั่งพระองค์จะได้เข้าเฝ้าเจ้าวีรวงศ์อย่างเรียบร้อย จงวางพระทัย  ข้าพระองค์จะดูแลพระองค์ไม่ให้ใครมาย่ำยีข่มเหงได้"

“เจ้าวีรวงศ์คือใครกันคะ"

“เจ้าผู้ครองเวียงไชย ทรงครอบครองเอกราชเหนือเวียงเชียงรุ้งของเรา เจ้านางน้อย หากท่านทรงทำให้เจ้าวีรวงศ์พอพระทัย เชียงรุ้งของเราก็จะปลอดภัย"

“มันเกี่ยวกันยังไง ฉันจะช่วยอะไรได้" เริ่มต่อบทที่เขาส่งมาให้ ไปตามอารมณ์

“พระองค์ย่อมช่วยได้แน่ ๆ เพราะเจ้าวีรวงศ์ประสงค์เอาตัวพระองค์ไปเป็นพระสุนิสา"

เขาหมุนตัวของแก้วเก้าให้กลับไปมองกระจกอีกครั้ง

“เจ้านางน้อย...”

 แก้วเก้าพึมพำ ดูตัวเองเหมือนมีอีกร่างหนึ่ง ซึ่งสาวกว่าซ้อนอยู่ กะพริบตาถี่ ๆ ปรับสายตาตัวเอง

“ถูกแล้ว นี่คือเจ้านางน้อยแห่งเวียงเชียงรุ้ง ไม่ใช่ แก้วเก้า วิริยนันท์ หรือน้องเก้า ขึ้นไปบนเวทีแล้วทำให้ทุกคนเชื่อว่า คุณคือ เจ้านางน้อยแห่งเวียงเชียงรุ้งจริง ๆ”

“คุณเจ้า...” สาวน้อยยิ้มทั้งน้ำตา

“ครับ คิดซะว่าผมเป็นพี่ชายของเก้า ตอนนี้ผมกำลังทำหน้าที่ผู้กำกับฯ การแสดง ขอให้ส่งอารมณ์แบบเมื่อสักครู่นี้ออกมาอีกครั้ง ทำได้มั้ย...  ความทดท้อ หมดหวัง ความพลัดพรากและสูญเสียแต่ก็แฝงความเด็ดเดี่ยว ไม่ใช่แค่การคิดถึงใครสักคนที่เราอยากเจอะเจอ ทำให้มากกว่า ใหญ่กว่าที่ซ้อมครั้งแรก”

“เข้าใจแล้วเก้าเข้าใจแล้วค่ะ”  

แก้วเก้ายิ้มกว้างรู้สึกพอใจที่เขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกเธอ

“ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปทำให้คนรู้จักเจ้านางน้อยคนนี้กัน”

 เขาจับมือของแก้วเก้า แล้วจูงเดินไปข้างหน้า เด็กสาวมองร่างสูงสง่า ในชุดสูทสีเข้ม รู้สึกอบอุ่นและมั่นใจในตัวเขา

  ÿ

เจ้าองค์อินทร์และแก้วเก้าเดินผ่านกลุ่มนักแสดงที่กำลังรอขึ้นแสดง เจ้าเทพนรินทร์ยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น  แก้วเก้าสังเกตเห็นว่ามีหญิงสาวหน้าตาสวยและสง่างามมากคนหนึ่งยืนเกาะแขนเจ้าเทพนรินทร์อยู่ เจ้าองค์อินทร์กระชับฝ่ามือที่จับจูงมือของแก้วเก้าแน่นขึ้น

“ไปรู้จักกับคน ๆ หนึ่งก่อนนะ แก้วเก้า"

“ค่ะ” แก้วเก้าเงยหน้ามองเจ้าองค์อินทร์ สายตาของเขาจ้องไปที่เจ้าเทพนรินทร์กับหญิงสาวคนนั้น

"พี่ชายครับ" เจ้าเทพนรินทร์ทักเจ้าองค์อินทร์

"ไฮ! อินดี้ ... !"  สาวสวยคนนั้นทักเสียงแหลม   

"สวัสดีครับ คุณปูเป้" เจ้าองค์อินทร์ก้มศีรษะนิดหนึ่ง ออกแรงดึงมือแก้วเก้า และดันหัวไหล่ของเธอให้ยืนเยื้องไปข้างหน้า

"นี่คือ แก้วเก้า นางเอกของเราในคืนนี้"

"อ๋อ เด็กคนนี้เหรอ หลาน ดอกเตอร์อลงกตกับคุณหมอเนตรดาวจะแสดงได้มั้ยคะ ทราบว่าไม่เคยเรียนหรือแสดงมาก่อนเลย"  

แก้วเก้าไม่ชอบใจน้ำเสียงนั้น

"รอดูดีกว่าครับ แล้วค่อยวิจารณ์" เจ้าองค์อินทร์ทำให้แก้วเก้ามีความรู้สึกดีกับเขามากขึ้น

“แต่ผมเชื่อว่าเธอเหมาะสมจะเป็นเจ้านางน้อยมากที่สุด" เจ้าเทพนรินทร์ยิ้มกับแก้วเก้าอย่างอ่อนโยน

"แหม ทั้งเจ้าพี่ เจ้าน้องชื่นชมกันออกนอกหน้าเชียวค่ะ ปูเป้ชักอยากดูซะแล้ว"

ปูเป้ช้อนสายตาค้อนชายหนุ่มทั้งสองคน   แก้วเก้าเห็นท่าตลกนั้นกลั้นหัวเราะแทบแย่

"น้องเก้าครับ นี่คือ คุณปรินดา สิทธิฐากร หรือคุณปูเป้ เพื่อนพี่นรินทร์เอง"

เจ้าเทพนรินทร์แนะนำหญิงสาวซึ่งยังควงแขนเขาไม่ยอมปล่อย

แก้วเก้าพนมมือไหว้ "สวัสดีค่ะ"

"จ้ะหนู… พี่ปูเป้จะให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ พี่นรินทร์นะจ๊ะ"

สายตาของปรินดาหรือปูเป้จับจ้องอยู่ที่ทับทิมล้อมเพชรเหนือทรงอกของแก้วเก้า

"ขอบคุณค่ะ"  แก้วเก้ากล่าว ยกมือขึ้นคลำสร้อยคอโดยสัญชาตญาณ  

"ขอตัวนะครับ ผมต้องพาแก้วเก้าไปรวมกับกลุ่มนักแสดงทางนั้น อีกครึ่งชั่วโมงก็จะเริ่มการแสดง นรินทร์พาคุณ   ปูเป้ไปข้างนอกได้แล้ว ในนี้ค่อนข้างวุ่นวายครับ ผมต้องการให้มีแต่นักแสดงกับคนที่เกี่ยวข้องจริง ๆ เท่านั้น"

"ฮึ! ไปก็ได้ อินดี้นะ...จำไว้เลย ไปค่ะนรินทร์ คุณแม่ของปู้เป้อยู่ทางโน้น"

เธอค้อนควัก จริตจะก้านน่าขันที่สุดในความรู้สึกของแก้วเก้า                                                           

ÿ

"พี่ชายครับ" เจ้าเทพนรินทร์แกะมือของคุณปูเป้ออกจากการเกาะกุม เข้ามาหาพี่ชายยกมือป้องหูกระซิบกันเบา ๆ

แก้วเก้าทำเป็นมองทางอื่น แต่กลับเงี่ยหู ตั้งใจฟัง                   

"ผมพาเธอหลบเจ้าย่าครับ ก็เลยต้องพาเธอเดินไปมา"

คราวนี้แก้วเก้ากลั้นหัวเราะไม่อยู่จริง ๆ เจ้าองค์อินทร์พยักหน้าเข้าใจ แล้วโอบไหล่เด็กสาวเดินจากคนทั้งคู่  ไม่ได้เหลียวไปดูพวกเขาอีก

เจ้าองค์อินทร์บอกให้แก้วเก้าอยู่กับพี่ฉัตรพรซึ่งแสดงเป็นแม่ของเจ้านางน้อย                        

"พอฉัตรพรขับร้องจบ เก้าก็จะเดินออกไป แสดงให้ได้อย่างเมื่อตอนซ้อมในห้องเล็ก แล้วขึ้นนั่งบนเสลี่ยงที่ประทับจำลอง...แค่นั้นเองทำได้มั้ย"

เจ้าองค์อินทร์กล่าวอย่างอ่อนโยน สายสร้อยทับทิมบนเนินอกสาวน้อย ส่งประกายแวววับ  แก้วเก้าเงยหน้า ช้อนตาขึ้นสบตาเขา ตั้งใจฟัง พยักหน้าเบา ๆ ทั้งคู่รู้สึกเหมือนต้องมนต์สะกด เขาก้มลงหอมที่หน้าผากของเก้าหนึ่งทีอย่างเอ็นดู แก้วเก้าได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้นดังตุ้บ ตุ้บ และรู้สึกชาไปทั่วทั้งตัว

แก้วเก้าเหลียวหลัง มองหาเจ้าองค์อินทร์ เขาหายไปไหนแล้ว ดูเหมือนพี่ฉัตรพรจะเข้าใจ

“น้องแก้วเก้าจ๊ะ” พี่ฉัตรพรแตะแขนข้างซ้ายของเก้า

“เราไปนั่งทางโน้นเถอะ จะเห็นภาพด้านหน้าเวทีชัด ๆ  สักครู่พวกเราจะตั้งแถวกัน น้องต้องอยู่หัวแถว เพราะตัวเล็กกว่าทุกคน”

“เจ้าองค์อินทร์อยู่ข้างนอกค่ะ ท่านนั่งอยู่กับเจ้าย่าและน้องชาย พอประธานกล่าวเปิดงานเสร็จแล้ว พวกเราก็ต้องเริ่มทยอยออกไปบนเวที รอครูช่าง กล่าวถวายโองการสรรเสริญ เทพและครูบาอาจารย์แล้ว  เจ้าองค์อินทร์จะเป็นผู้แทนพวกเรายกพานดอกไม้ พานหมากพลูขึ้นไหว้ครูค่ะ”

“แล้วเก้าต้องทำอะไรบ้างคะ”

“น้องเก้าก็ไหว้ครูไปพร้อม ๆ กับพวกพี่ไงจ๊ะ เสร็จพิธี    ก็จะเริ่มการแสดงของพวกเราแล้วล่ะ”

“ฮ้าววว…!” แก้วเก้าหาวยาว “เก้าง่วงนอนแล้ว”

“เก้า…” เสียงทุ้ม ๆ นุ่ม ๆ ดังขึ้นข้างหลัง  เหมือนเสียงสวรรค์ ทำให้เด็กสาวตาสว่าง

“พ่อ! พ่อคะ…” แก้วเก้าลืมตัว กระโดดกอดพ่อ

“เบา ๆ ลูก เดี๋ยวผ้าผ่อนจะหลุดเอา”

“ไม่หลุดหรอกค่ะ แม่นุ่งให้เกล้ามัดซะแน่นเลย พ่อมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วคุณย่าล่ะคะ” แก้วเก้ารัวยิงคำถาม พ่อทำท่ากุมขมับ

“เก้า พ่อขับรถมา มาถึงได้สักพักหนึ่งแล้ว คุณย่าอยู่กับเจ้าขวัญหล้า แล้วก็แขกผู้ใหญ่หลายท่านจ้ะ”

“พ่อคะ เก้าอยากรู้ว่า พวกเราเข้ามาข้องเกี่ยวกับพวกเจ้าอะไรต่อมิอะไรเนี่ยได้ยังไง”

“เก้า” พ่อทำเสียงเข้ม “พูดถึงพวกเขาแบบนั้นไม่ดีนะลูก  พ่อและแม่อยากให้เก้าทำวันนี้ให้ดีที่สุด เก้ารู้จักเจ้าขวัญหล้าแล้วใช่มั้ย”

“ค่ะพ่อ”

“เจ้าขวัญหล้า ขอให้เราช่วยทำให้เธอมีความสุขสักครั้ง ก่อนที่เธอจะจากโลกนี้ไป”

“ดูท่านยังแข็งแรง ไม่น่าเลยค่ะ” แก้วเก้าส่ายหน้าไม่อยากเชื่อ

“คนเราเกิดมาแล้วก็ต้องตาย นี่เป็นธรรมชาติที่ไม่เปลี่ยนแปลง พอตายไปแล้ว ร่างกายของเรา มันก็จะไม่เป็นของเราอีกแล้ว”

“ละครเรื่องนี้ สำคัญกับท่านมากถึงอย่างนั้นเชียว    เหรอคะ”

 พ่อผงกศีรษะ “พ่อไม่รู้อะไรมากนักหรอก”

เมื่อเห็นว่าบนเวทีเริ่มมีคนเคลื่อนไหว เขาก้มลงหอมตรงหน้าผากมน ๆ ของลูกสาว

“พ่อคะ” ดึงแขนพ่อเอาไว้ แล้วกระซิบเบา  ๆ “เมื่อกี๊   เจ้าองค์อินทร์พูดกับเก้าว่า เจ้านางน้อยของพี่ แล้วก็จุ๊บหน้าผากเก้า เหมือนอย่างที่พ่อทำกับเก้าเลยค่ะ”

พ่อเลิกคิ้วขึ้นสูง และขมวดสงสัย เหมือนที่แก้วเก้าเองก็สงสัย

“พ่อต้องจัดการอะไรบางอย่างกับเจ้าคนนี้ซะแล้ว!”

“เอาเลยค่ะพ่อ ฮึ!” แก้วเก้าสบอารมณ์ที่พ่อพูดถูกใจ

“เอ้อ ขอโทษค่ะ” พี่ฉัตรพรแทรกกลางเข้ามาระหว่างสองคน

“ท่านอธิการบดี ประธานพิธีกล่าวเปิดงานแล้วค่ะ พวกเราจะต้องเดินออกไปด้านหน้าเวทีกันแล้ว”

“ธุระสำคัญของเรา ค่อยคุยกันต่อที่บ้านนะลูก”

“สัญญานะคะพ่อ คืนนี้เก้าอยากนอนกับพ่อกับแม่ให้เก้านอนด้วยนะ”

“พ่อสัญญา เราจะคุยกันจนกว่าใครคนหนึ่งจะยอมแพ้หลับไปก่อน แม่ฝากมาบอกว่า เต็มที่ไปเลยนะลูก”

“ค่ะ พ่อ”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สายน้ำในความทรงจำ   59. สายน้ำกับความรัก

    เจ้าขวัญสรวง ดอกเตอร์อลงกต หมอเนตรดาว ภาณินี อธิคม เจ้าเทพนรินทร์และท้าวศรีโสภางค์ มาแสดงความยินดีกับเธอ เพื่อนทั้งชายและหญิงห้อมล้อมของถ่ายรูป สลับสับเปลี่ยนกันไปมาแก้วเก้าส่งปริญญาบัตรให้อธิคมและภาณินีชื่นชม ทั้งคู่เปิดออกอ่าน แล้วส่งต่อให้เจ้าองค์อินทร์ เขารับมาถือไว้กับตัว ภาณินีหรี่ตามองว่าที่ลูกเขย“เห็นมั้ยว่าพี่ส่งอะไรให้เจ้า”“ครับ” เจ้าองค์อินทร์ ถูกลูกศิษย์ภาคการละครดึงตัวไปถ่ายรูป พร้อม ๆ กับแก้วเก้า “อะไรนะครับอาจารย์”“หืม... จนป่านนี้ยังเรียกว่าพี่กับอาจารย์กันอยู่อีก” หมอเนตรดาวหัวเราะ ชวนทุกคนเข้าไปที่ห้องทำงานของอลงกตบนอาคารคณะศิลปกรรมอลงกตก็ถูกเชิญถ่ายรูปกับนิสิตเหมือนกัน จนทุกคนพอใจแล้ว อลงกตจับมือหลานสาวกลับมาที่ห้องทำงานของเขา เจ้าองค์อินทร์เดินตามมาด้วยกันเจ้าขวัญสรวงชราลงไปมาก แต่ก็คงความสดใส และมีความสุข เธอลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นหลานชายเดินเข้ามา เจ้าองค์อินทร์กับแก้วเก้าต่างโผเข้าไปประคองและกอดด้วยความรักและคิดถึง&ldqu

  • สายน้ำในความทรงจำ   58. คู่หมั้นหายไป

    “นายปริญญายังมีไพ่ใบสุดท้ายอยู่กับตัวคือคุณวิชุดา หลวงพ่อยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี”“คุณวิชุดาเป็นแม่ของพระองค์อินทร์ จะว่าไปเราก็เกี่ยวดองกับเธออยู่นะ”ภาณินีค้อนสามี“อุ้มกลัวผู้หญิงคนนี้นะคะ พูดถึงเรื่องหมั้นของลูกกับเจ้าองค์อินทร์ ของหมั้นไปอยู่กับหลวงพ่อเสียแล้ว หลวงพ่อบอกพี่คมหรือเปล่าว่าท่านเอาสร้อยไปทำไมคะ”“อืม ไม่ได้บอกอะไรเลย” อธิคมพับหนังสือพิมพ์สอดเก็บเข้าซอง“ท่านต้องมีเหตุผล แต่บอกเราไม่ได้”แก้วเก้าเลื่อนศีรษะที่หนุนหัวไหล่มารดาอยู่ เอาปากเข้าไปใกล้ ๆ กระซิบข้างหูของมารดาเบา ๆภาณินีพูดพึมพำตามที่ได้ยิน แก้วเก้ายกมือปิดปากมารดา เกรงว่ามารดาจะหลุดปากพูดให้ใครได้ยิน อธิคมเห็นภรรยาเบิกตาโพลง“เก้าบอกอะไรแม่ เก้ารู้ใช่มั้ยลูก..!”แก้วเก้าผงกศีรษะสองที แล้วหลับตาลงไปด้วยความอ่อนเพลีย ภาณินีกระซิบบอกต่อสามี“มณีแก้วเก้า คือ แก้วจุฬามณีบนพระนลาฎพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเชียงรุ้งค่ะ”&ld

  • สายน้ำในความทรงจำ   57. สิ้นเจ้าแมนสรวง

    ปัง ! ปัง! ปัง!“ทางนั้น... เสียงมาจากทางนั้น…!” พระเทพนรินทร์ชี้มือไปข้างหน้า“ฟังดูดี ๆ เสียงปืนดังมาจากปืนคนละกระบอก แล้วก็เหมือนยิงขึ้นฟ้า มันลงมือขุดกันไปแล้วละมัง”เจ้าแมนสรวงผงกศีรษะ เขามองพระหนุ่มทั้ง 3 รูป“พวกเราไม่มีอาวุธเลย แล้วจะต่อสู้อย่างไร”“โยมน้า ไม่เคยได้ยินคำว่า ธรรมะชนะอธรรมเหรอครับ” พระเลอสรวงกล่าว ริมฝีปากเหยียดยิ้ม“น้าเคยได้ยิน เดินตามรอยเท้านั่นไป มันแบกลากอะไรเดินไปด้วย ดูสิ รอบ ๆ รถของมัน รอยเท้าของคนไม่เกิน 10 คนได้”“9 คนครับ หายไปคนหนึ่ง เพราะถูกตำรวจจับเมื่อเช้า” คำปันเดินตามมาส่ง จนพ้นแนวต้นไม้ หนา ๆ เห็นทางไปพระธาตุหลวงเวียงไชย “ตำรวจยึดปืนมันได้ มันยิงหลวงพ่ออุดมแล้ว แต่ปืนไม่ลั่น ผมคิดว่า พวกท่านก็ต้องปลอดภัยเหมือนกัน เพราะท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่ออุดม”“ไม่หรอกนะ คำปัน แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของ ๆ ตน เอาล่ะ ส่งแค่นี้ โยมเข้าไปรออยู่ในรถ เราจะเข

  • สายน้ำในความทรงจำ   56. แก้วจุฬามณี

    บานประตูห้องด้านขวา ขยับเปิดออก พระองค์อินทร์ยกขาก้าวให้พ้นขอบประตูซึ่งยกขึ้นมาสูงระดับครึ่งหน้าแข้งของเขา แก้วเก้าเห็นเป็นพระองค์อินทร์ก็ก้มหน้าลงมองพื้นกระดาน“โยม... นี่ กุญแจห้องนั้น” “คะ” แก้วเก้ารู้สึกกลัวขึ้นมา “ทำไมเก้าต้องไปอยู่ที่นั่นคนเดียวด้วย”พระองค์อินทร์ยิ้มปลอบใจ“หลวงพี่ล่ะคะ หลวงพี่อยู่ที่ไหน”“อาตมาอยู่ที่นี่”“ห้ามสีกาเข้ามาข้างใน แล้วทำไมเก้าเข้ามาได้ล่ะคะ”“ห้องนี้ต่างหากที่โยมเข้ามาไม่ได้” หลวงปู่สิงห์ เจ้าอาวาสยืนประสานมือไขว้ สำรวมกายอยู่ด้านหลังของแก้วเก้า“ส่วนห้องนั้น เป็นที่ประทับของเจ้านางในคุ้มหลวง ยามที่ท่านมาปฏิบัติธรรม เป็นสมบัติตกทอดของเชียงรุ้ง อาตมาให้ยกมาจากห้องใต้ดิน ใต้ฐานองค์พระธาตุหลวงเวียงไชย”หลวงปู่สิงห์เดินไปเปิดห้องด้านซ้ายเอง ท่านมองแก้วเก้า แล้วเรียกให้เธอเข้าไปแก้วเก้าลุกขึ้น หลวงปู่สิงห์ถอยห

  • สายน้ำในความทรงจำ   55. นักล่าสมบัติ

    “ค่ะ” หมอเนตรดาว ฉวยกระเป๋าถือ พยักหน้าเรียกภาณินีให้ไปด้วยกันอธิคมยิ้มให้กำลังใจภรรยา “ไปก่อนเถอะจ้ะ เดี๋ยวพี่ตามไป ตอนเช้าจะได้พบลูกแล้วนะ”ภาณินียกมือโบกลา แล้วเดินตามพี่สะใภ้ไปขึ้นรถตู้อลงกต อธิคม และชัยยศ นั่งคุยกันต่อ พวกเขาชวนกันไป สำรวจตลาดบ้านแม่ปิน ใกล้ ๆ โมเต็ลที่คนพวกนั้นพักÿชายหนุ่มทั้ง 3 คน ออกไปเดินคุยกันข้างนอกบริเวณที่พัก “ผมกับภรรยาเคยมาทำงานวิจัยที่นี่เมื่อหลายสิบปีก่อน งานวิจัยของเรา อาจชักนำให้คนพวกนี้อยากมาขุดหาของโบราณของเก่า”อธิคมเริ่มเล่าเรื่องหลวงพ่ออุดม เถ้าแก่ซ้ง แซ่สุน อดีตเจ้าของโรงสี ปากน้ำโพธิ์ ให้ชัยยศฟังคร่าว ๆ เป็นข้อมูลว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไปและอาจเกี่ยวข้องกับคน 10 คนนั้น“พี่กต คุณชัยยศครับ เราต้องเข้าไปที่นั่นก่อนพวกมัน ถ้าไปทีหลัง อาจเตือนชาวบ้านไม่ทัน” อธิคมแสดงอาการวิตกกังวลมากขึ้น“ค่ำแล้ว ไปไม่ได้หรอก นอกจากจะไปเช้า แต่ถ้าเราเข้าไปข้างใน ก็จะไม่ได้เจอกับหลานตอนเช้า นอกจากแบ่งกัน แล้วใครจะอย

  • สายน้ำในความทรงจำ   54. เพื่อนเก่าปมแค้น

    “ฟังปะป๊านะ ปูเป้ ตั้งสติให้ดี ๆ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดเป็นครั้งแรกกับครอบครัวของเรา อากงก็เคยถูกตำรวจจับตัวออกจากบ้าน ทิ้งกิจการทั้งหมดอาม่าเป็นคนดูแลจนตกทอดมาอถึงปะป๊า คราวนี้ก็เหมือนกันถึงปะป๊าจะไม่อยู่ ปูเป้ต้องดูแลกิจการต่อไปและต้องเป็นผู้ใหญ่นะ ไม่งั้นจะบริหารกิจการและสั่งใช้คนในบ้านไม่ได้”“แล้วปะป๊าทำผิดจริง ๆ หรือเปล่า บอกหนูมาตรง ๆ สิคะ”“ป๊า เฮ้ย! อย่ารู้เลย”ปรินดาคิดหาทางช่วยเหลือบิดา “นรินทร์กับคุณป้าวิชุดาต้องช่วยปะป๊าได้ ”“ไม่ได้นะ” เสียงตวาด ทำเอาปรินดาตกใจ“ทำไมปะป๊าต้องทำเสียงดังอย่างนั้นด้วย ปูเป้เป็นห่วงปะป๊านะ” ปรินดาหน้าแดง รู้สึกโกรธและงอนบิดาระคนกัน “ลุงสมิธ เป็นลุงของนรินทร์กับอินดี้ แล้วปะป๊าไปเกี่ยวข้องกับเขายังไง ถึงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าเขาล่ะคะ”“มันเข้าใจผิดกันไปเอง” ปริญญาควักบุหรี่มาจุดแล้วสูบอัดควันเข้าปอดแรง ๆ แต่ลูกสาวปรี่เข้ามาคว้าแล้วขว้างทิ้ง “หมอสั่งห้ามแล้ว ปะป๊าย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status