ลมหนาวพัดกรรโชกเป็นระลอกเหนือที่ราบน้ำแข็งที่ทอดยาวไกลสุดสายตา
เส้นขอบฟ้าถูกทาบทับด้วยเงาของกองกำลังพันธมิตรที่มากมายราวคลื่นดำถาโถม ท้องฟ้าเหนือหัวมืดครึ้ม แม้เป็นเวลากลางวัน แต่แสงจันทร์ก็เจิดจ้าราวจะย้ำเตือนถึงสงครามของเผ่ามังกร
หลงอวิ๋นยืนอยู่บนเนินน้ำแข็งกลางแนวบัญชาการ เสื้อคลุมสงครามปักยันต์มังกรน้ำแข็งพลิ้วไหวตามลม ดวงตาสีฟ้าเข้มมองตรงไปข้างหน้าอย่างสงบนิ่งและเฉียบคม
“กองหน้าเบี่ยงซ้าย กลางเตรียมเปิดทางเวท พวกเราจะใช้ธาตุเยือกแข็งรุกสวนแนวขวา”
เสียงเขานิ่งเฉียบ แต่น้ำเสียงเปี่ยมอำนาจพอให้แม่ทัพทั้งสามรีบเคลื่อนกำลังทันที
ธงราชวงศ์สะบัดแรง กองกำลังของหลงอวิ๋นเคลื่อนพลอย่างเป็นระเบียบ ทว่าปริมาณ…ย่อมสู้ไม่ได้
จากฝั่งตรงข้าม กองพันพันธมิตรของหลงเทียนเจินแผ่แนวรบยาวสุดลูกหูลูกตา
กองพลมังกรเพลิงจากแดนใต้
กองกำลังเวทย์คำสาปจากอาณาเขตตะวันตก และอัศวินดำจากทวีปต้องห้าม—ล้วนรวมตัวกันเพื่อโค่นราชวงศ์ที่แท้จริง
แววตาของหลงอวิ๋นเริ่มเครียดขึ้น
“เราสู้ด้วยกลยุทธ์ได้...แต่เรื่องจำนวน...&rd
เสียงกัมปนาทจากการปะทะยังสะท้อนทั่วท้องฟ้าเกล็ดน้ำแข็งแตกกระจายกลางอากาศเมื่อเวทสายหนึ่งระเบิดบนพื้นกลุ่มควันสีเงินยังคลุ้งอยู่เหนือร่างของเอลาเรียที่แน่นิ่งบนพื้น หยาดเลือดเล็ก ๆ ซึมออกจากมุมปาก เธอขยับตัวไม่ได้—แต่หัวใจยังเต้นอยู่...แม้แผ่วเบาตู้มมมม!เสียงระเบิดเวทอีกลูกหนึ่งดังขึ้นจากด้านข้าง เงาร่างมหึมาทะยานผ่านกลุ่มควัน มังกรทองพุ่งลงจากฟ้าอย่างฉับพลันหลงเทียนเจินที่ควรจะถูกพันธนาการไว้ในคุกวังจันทรา...หลุดรอดมาได้“ข้าจะจบเรื่องนี้ด้วยมือของข้าเอง!”เสียงคำรามของเขาเต็มไปด้วยเพลิงแค้นและความคลั่ง เกล็ดทองทั้งร่างแปรสภาพกลับเป็นมังกรกึ่งมนุษย์ ปีกสีทองแผ่กว้างก่อนจะพุ่งเข้าใส่เอลาเรียอย่างไร้ความลังเลฟึ่บ!!ร่างหนึ่งพุ่งตัดแนวสายตา พลังน้ำแข็งระเบิดกลางอากาศเป็นม่านเวทสีฟ้าขาวหลงอวิ๋น—เขายืนขวางหน้าร่างที่กำลังจะหมดสติของหญิงสาวคนรัก ฝ่ามือร่ายเกราะเวทที่บริสุทธิ์ที่สุดออกมาป้องกันเธอไว้อย่างหวงแหน“อย่า...แตะต้องนาง!”
ลมหนาวพัดกรรโชกเป็นระลอกเหนือที่ราบน้ำแข็งที่ทอดยาวไกลสุดสายตาเส้นขอบฟ้าถูกทาบทับด้วยเงาของกองกำลังพันธมิตรที่มากมายราวคลื่นดำถาโถม ท้องฟ้าเหนือหัวมืดครึ้ม แม้เป็นเวลากลางวัน แต่แสงจันทร์ก็เจิดจ้าราวจะย้ำเตือนถึงสงครามของเผ่ามังกรหลงอวิ๋นยืนอยู่บนเนินน้ำแข็งกลางแนวบัญชาการ เสื้อคลุมสงครามปักยันต์มังกรน้ำแข็งพลิ้วไหวตามลม ดวงตาสีฟ้าเข้มมองตรงไปข้างหน้าอย่างสงบนิ่งและเฉียบคม“กองหน้าเบี่ยงซ้าย กลางเตรียมเปิดทางเวท พวกเราจะใช้ธาตุเยือกแข็งรุกสวนแนวขวา”เสียงเขานิ่งเฉียบ แต่น้ำเสียงเปี่ยมอำนาจพอให้แม่ทัพทั้งสามรีบเคลื่อนกำลังทันทีธงราชวงศ์สะบัดแรง กองกำลังของหลงอวิ๋นเคลื่อนพลอย่างเป็นระเบียบ ทว่าปริมาณ…ย่อมสู้ไม่ได้จากฝั่งตรงข้าม กองพันพันธมิตรของหลงเทียนเจินแผ่แนวรบยาวสุดลูกหูลูกตากองพลมังกรเพลิงจากแดนใต้กองกำลังเวทย์คำสาปจากอาณาเขตตะวันตก และอัศวินดำจากทวีปต้องห้าม—ล้วนรวมตัวกันเพื่อโค่นราชวงศ์ที่แท้จริงแววตาของหลงอวิ๋นเริ่มเครียดขึ้น“เราสู้ด้วยกลยุทธ์ได้...แต่เรื่องจำนวน...&rd
เสียงปะทะของพลังเวทยังคงกึกก้องกลางสวนที่ครั้งหนึ่งเคยสงบ เอลาเรียยืนอยู่เบื้องหลังแนวโล่เวทของหลงอวิ๋น แสงจากสร้อยจันทราเสี้ยวบนคอเธอร้อนวาบขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทันใดนั้น เหมือนช่วงเวลาบนโลกชะงัก...หัวใจของเธอสั่นสะท้านในเสี้ยววินาทีนั้น เธอเห็นมันชัดเจนราวกับเวลาหยุดหมุน —ตำแหน่งของหลงเทียนเจินในอีกสามวินาทีข้างหน้าโดยสัญชาตญาณ พลังเวทบางอย่างตื่นขึ้นจากก้นบึ้งของสายเลือด ริมฝีปากของเธอขยับ ร่ายคาถาที่ไม่เคยได้ยินจากที่ใดมาก่อน แต่กลับลื่นไหลจากลิ้นราวกับเคยเอ่ยพันครั้ง“Il'shalu va Nahar'ath…”(จงชำแหละเงาแห่งอนาคตด้วยแสงของพระจันทร์)มือของเอลาเรียเปล่งแสงขึ้นทันที สายพลังสีเงินพุ่งออกจากฝ่ามือ พุ่งตรงไปยังจุดที่หลงเทียนเจินกำลังจะเคลื่อนไหว—แม่นยำ ราวกับชะตาถูกขีดเขียนไว้แล้วแสงปะทะเข้ากับร่างของหลงเทียนเจิน เสียงร้องคำรามของเขาดังลั่น เขาชะงักกลางอากาศ ร่างหยุดนิ่งเสี้ยววินาที—และนั่นคือโอกาสของหลงอวิ๋นพายุหิมะหมุนวนขึ้น
เสียงระฆังศึกดังก้องเหนือสนามรบของราชสภา หิมะสีขาวที่เคยสงบ—บัดนี้เปื้อนสีเลือด และบนยอดหอราชครูคือภาพที่ไม่มีใครกล้าจินตนาการองค์จักรพรรดิ์กับพระราชินีถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่เวทสีดำสนิทข้างกายคือชายหนุ่มในอาภรณ์สีทองเฉิดฉาย—องค์ชายหลงเทียนเจิน องค์ชายลำดับที่หนึ่ง ผู้ที่เคยเป็นที่รักของเหล่าขุนนาง...แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นผู้นำกองทัพกบฏ“หยุดการต่อสู้ซะ—มิฉะนั้นราชบัลลังก์จะไร้กษัตริย์โดยสิ้นเชิง!!”เสียงของหลงเทียนเจินดังชัด เหนือศีรษะของเขา โล่เวทสีทองเรียงรายล้อมเป็นกำแพงพลังแน่นหนากองทัพรักษ์เกราะทอง ของเขายืนเรียงแถวเป็นระเบียบดุจแผ่นเหล็กกลางสนามรบด้านล่าง—เสียงฝีเท้าหนักกระแทกกับพื้นน้ำแข็ง ขณะที่แม่ทัพเจิ้งอู่ควงหอกพายุฟาดแนวทัพกบฏเปิดทาง ข้างเขาคือชายผมยาวสีดำในเกราะสีน้ำเงินเข้มดั่งท้องฟ้ายามราตรี—แม่ทัพไป๋หลง ผู้ใช้กระบี่เดี่ยวฟาดวงเวทกลางอากาศได้ราวกับตัดกระดาษท่ามกลางเสียงเวทปะทะ แรงกระแทกระเบิด และเสียงคำรามของมังกรเวท ร่างของชายผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีฟ้
กลีบดอกลูเมียร์ไนท์โปรยปรายอย่างแผ่วเบาดอกไม้แห่งจันทราที่เบ่งบานได้เฉพาะในสวนชั้นใน—ยามค่ำคืนเมื่อมีเวทอุ่นจากผู้สืบสายเลือดมังกรจันทราเท่านั้นฉันนั่งอยู่ใต้ซุ้มไม้เงียบ ๆ บนม้านั่งหินเย็นในมือมีถ้วยชาร้อนที่หลงอวิ๋นชงให้ด้วยตนเอง กลิ่นหอมของกลีบลาเวนธาและผลเบอร์วินจันทร์ลอยฟุ้งคล้ายจะกล่อมความคิดให้เงียบลงแต่ไม่มีอะไรเงียบลงจริง ๆหัวใจของฉันยังคงสั่นไหวตั้งแต่เรากลับมาถึงพระราชวังจันทราหิมะที่กลายเป็นดินแดนเย็นยะเยือกและเต็มไปด้วยความเงียบที่ไม่น่าไว้วางใจ“ข้าต้องกลับไป...”“นั่นคือวังของข้า และข้าต้องเผชิญหน้ากับมัน เพื่อปกป้องเจ้าให้ได้”เสียงของเขา...ยังดังก้องอยู่ในความคิดของฉันเสียงฝีเท้าบนทางเดินหินดังแผ่ว ๆฉันหลุดออกจากความคิดเมื่อเห็นเขาเดินมาทางฉัน หลงอวิ๋นในเสื้อคลุมบางสีเงินอ่อน ผมยาวปล่อยสยายเล็กน้อยเพราะลม ไม่มีมงกุฎ ไม่มีอาภรณ์ราชวงศ์ มีเพียงดวงตาสีน้ำเงินเข้ม ที่เต็มไปด้วยเงาของคำมั่นสัญญาเขานั่งลงข้างฉัน เงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไร
ม่านควันจางเริ่มสลายราวกับจิตวิญญาณของโลกในมิตินี้กำลังถอนหายใจหญิงสาวในชุดหนังรัดรูปสีดำเดินฝ่าฝุ่นเวทที่ยังลอยฟุ้งอยู่กลางอากาศเข้าไปอย่างไม่เกรงกลัวใด ๆ แม้เปลวเพลิงจากไคเซอร์จะยังแฝงไอร้อนอยู่รอบกาย หรือม่านน้ำแข็งของหลงอวิ๋นจะยังไม่สลายเธอเดินตรงไปหาไคเซอร์ทันที...เหมือนไม่มีใครอื่นอยู่ในบริเวณนั้น“ท่านทำอะไรเนี่ย? จะทำลายปราสาททิ้งรึไงห๊ะ?”เสียงของเธอดังขึ้น เรียบนิ่ง แต่น้ำเสียงนั้นปะปนไปด้วยความไม่พอใจที่เก็บไว้ไคเซอร์ยืนนิ่งอยู่กลางเศษเปลวไฟที่เพิ่งมอด ชายเสื้อคลุมสีดำแดงสะบัดตามแรงลม ดวงตาสีแดงของเขาสบกับดวงตาคมเฉียบของเธอเขาไม่พูดอะไร... ไม่ขยับหนี และไม่มีแม้กระทั่งแววโกรธเคืองมีเพียงรอยยิ้มบางที่มุมปาก…ราวกับเขารอการปรากฏตัวของเธอแววตาแดงทับทิมทอแสงวาวเหมือนเด็กชายที่ได้พบของเล่นโปรดอีกครั้ง“ท่านยืนเฉยให้ฉันด่าอีกแล้วนะ ไคเซอร์”“ไม่เบื่อบ้างหรือไง?”หญิงสาวบ่นต่อ ขณะเดินเข้าใกล้เขาอีกสองก้าวไคเซอร์ก้มหน้าลงเล็กน้อย ลมหายใจของเขาแผ่วเบ