หลังจากวันนั้นท่านอ๋องก็ให้คนมาส่งขนมให้อันถิงทุกวัน ชุนอิงเริ่มอยากรู้ว่าขนมนี้มาจากร้านใดในม่านโจว นางให้คนไปสืบจนทราบว่าเป็นร้านของผู้ที่พึ่งย้ายมาใหม่
“เช่นนั้นเองหรือ ท่านหญิงพึ่งจะนอนกลางวันไป พวกเจ้าเฝ้าให้ดีข้าจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”
“เจ้าค่ะ”
ร้านขนมหรูเฟย
ชุนอิงเดินเข้ามาในร้านขนมที่ส่งกลิ่นหอมตั้งแต่หน้าร้านจนชวนน้ำลายสอ เมื่อเดินเข้ามาจึงพบว่ามีขนมหลายอย่างที่พึ่งทำเสร็จใหม่ ๆ นางเดินเข้ามาในร้าน เวลานั้นหรูเฟยอยู่พอดีจึงได้เดินเข้ามารับรองนาง
“แม่นางไม่ทราบว่ามีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่”
ชุนอิงหันไปมองหน้าของไป๋หรูเฟยที่ยิ้มให้นาง เมื่อมองดูแล้วชุนอิงรู้สึกได้ทันทีว่า นางไม่เหมือนกับแม่ค้าทั่วไป แต่เหมือนกับบุตรีขุนนางชั้นสูงมากกว่า
“แม่นาง”
“อ้อ จริงด้วยข้ามาเลือกซื้อขนมสักหน่อย น้องสาวของข้าชอบกิน”
“เช่นนั้นพอดีเลย วันนี้มีขนมงาดำที่พึ่งทำออกมาใหม่ท่านจะลองชิมดูหรือไม่”
“ไม่ละสีมันไม่ค่อยน่ากิน เจ้าดูสิดำเป็นถ่านเช่นนี้ ดูไม่เหมือนของที่ให้คนกินได้เลย”
คนที่เดินในร้านเริ่มหันมามองที่นางพูด และบางคนก็เริ่มคิดตาม แต่เดิมที่จะเลือกซื้อก็เริ่มเปลี่ยนใจ หรูเฟยเริ่มรู้สึกไม่ดีกับลูกค้าคนนี้เสียแล้ว
“เช่นนั้นลองขนมเปี๊ยะนี้ดีหรือไม่ ทำเป็นรูปดอกไม้ข้างในมีไส้ถั่วเขียว ถั่วแดงตามกลีบดอก”
“น้องสาวข้าแพ้ถั่วเขียว เด็ก ๆ น่ะกินถั่วมากไม่ดีท้องจะอืด เจ้าทำของกินขาย ไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอกหรือ”
“ขออภัยด้วย หากวันนี้ไม่มีขนมที่ถูกใจเชิญมาใหม่วันหลังดีหรือไม่”
“นี่เจ้าไล่ลูกค้างั้นหรือ เห็นว่าคนมากขายดีแล้วจะเลือกขายหรืออย่างไร เป็นแค่แม่ค้ามีหน้าที่ขายของก็ขายสิ”
“ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ ขนมทางนี้อาจจะไม่ถูกใจ ลองไปดูหมั่นโถวดีหรือไม่เจ้าคะ ข้าพาท่านไปเอง”
จินถานรีบเข้ามาจัดการพาชุนอิงออกไปทันที เพราะตอนนี้สีหน้าของคุณหนูพวกนางเริ่มไม่ดีแล้ว อีกอย่างเพราะคำพูดของชุนอิง ตอนนี้ลูกค้าเริ่มคิดตาม แต่มีบางคนที่ไม่ได้คิดมากถึงเพียงนั้น
“ท่านแม่ข้าอยากกินกระต่าย”
“ได้สิ”
“นี่น่ะหรือกระต่าย สีออกแดงแป๊ดขนาดนั้นไม่รู้ว่าใส่อะไรลงไป กินเข้าไปจะปลอดภัยแน่หรือ”
“แม่นาง สินค้าในร้านของข้าทำมาจากผักและธัญพืช ไม่มีส่วนผสมที่อันตราย ข้าขายมานานแล้วยังไม่มีผู้ใดเห็นว่ามีปัญหา วันนี้หากเจ้ามิได้มาซื้อขนมแต่มาหาเรื่อง ข้าคิดว่าเราคงต้องคุยกันหน่อยแล้ว”
“นั่นสิ ขนมของแม่นางไป๋นอกจากจะอร่อยแล้วยังมีประโยชน์ด้วย นางมิได้ใส่แค่แป้งหรือน้ำตาล ยังผสมผักให้เด็กที่กินผักยากกินง่ายขึ้น หากเจ้าไม่รู้อะไรก็รีบออกไป อย่ามาสร้างความวุ่นวาย”
“ใช่ ๆ ออกไป สร้างความวุ่นวาย นิสัยไม่ดี”
“อะไรของพวกเจ้านี่ ข้าก็แค่…โอ๊ย! กล้าผลักข้างั้นหรือ ไม่รู้หรือว่าข้าเป็นผู้ใด”
“เจ้าจะเป็นองค์หญิง หรือใครมาจากไหนก็ไม่มีสิทธิ์มากล่าวหาคนอื่นเช่นนี้ ข้ากินหมั่นโถวกับขนมเปี๊ยะร้านเถ้าแก่ไป๋มานานไม่เห็นจะมีปัญหา เจ้าจงใจมาหาเรื่องนางชัด ๆ"
“ใช่ ๆ ออกไปนะ ออกไป!”
“อย่าผลักข้านะ พวกชั้นต่ำ ข้าเป็นคนในตำหนักท่านอ๋อง! มีหน้าที่ดูแลท่านหญิงฟู่ซึ่งเป็นพระขนิษฐาของท่านอ๋อง พวกเจ้ากล้าทำร้ายหรือ"
ทุกคนนิ่งไปเมื่อชุนอิงเอ่ยอ้างท่านอ๋องขึ้นมา ไป๋หรูเฟยนิ่งไปทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางเดินกลับเข้าไปในร้านทันที
“คุณหนูเจ้าคะ”
“ทำไม! เมื่อครู่ยังยืนด่าข้าอยู่เลยมิใช่หรือ ตอนนี้เป็นใบ้กันไปหมดแล้วหรืออย่างไรกัน ข้าน่ะ…”
“ซ่า…. ส์”
“กรี๊ด!! เฮือก….”
น้ำเย็น ๆ สาดไปที่สตรีที่ยืนอยู่หน้าร้าน ชุนอิงทั้งหนาวทั้งโกรธเมื่อเห็นว่าผู้ใดที่สาดน้ำใส่นาง
“เจ้า! นี่ถึงกับกล้า….”
“ก็แค่สาดน้ำไล่สุนัขตัวหนึ่งที่มากร่างผิดที่ เหตุใดจึงไม่กล้าเล่า”
“เจ้า! ข้าเป็นถึงคนของตำหนักท่านอ๋อง เจ้ากล้าทำร้ายข้าเช่นนี้ไม่กลัวความผิดเลยงั้นหรือ”
“ต่อให้เจ้าเป็นพระสนมของฝ่าบาท ก็ไม่มีสิทธิ์มากล่าวหาคนอื่น หรือหากว่าแม่นางว่างมาก เช่นนั้นก็ไปศาลาว่าการกับข้าในตอนนี้เลย เพื่อพิสูจน์ความจริงว่าผู้ใดกันแน่ที่ผิด ข้าไป๋หรูเฟยทำการค้าอย่างขาวสะอาด ไม่กลัวคนใส่ร้าย”
“ใช่ ๆ ข้าเห็นด้วย”
“ใช่ จับนางไปเลย”
“พวกเจ้า…พวกเจ้า! ฝากไว้ก่อนเถอะ ไป๋หรูเฟย”
“ไปเลย คนสารเลว”
“ไป ๆ”
เมื่อชุนอิงรีบกลับไปที่รถม้าและออกจากหน้าร้านไป หรูเฟยจึงรีบเดินกลับเข้ามาในร้านทันทีด้วยความโมโห
“คุณหนูอย่าพึ่งโมโหไปเลยนะเจ้าคะ นางคงแค่จะมาหาเรื่องเท่านั้น น่าจะเป็นคนของร้านอื่น”
“ใช่เจ้าค่ะข้าก็คิดเช่นนั้น หมั่นโถวและขนมในร้านของเราแปลกใหม่และไม่เหมือนใคร ร้านในเมืองคงจะเริ่มส่งคนมาก่อกวน ท่านก็อย่าคิดมากเลยนะเจ้าคะ”
“นางเป็นคนของตำหนักท่านอ๋องจริง ๆ พวกเจ้าไม่ทันสังเกตโคมที่ห้อยหน้ารถม้าของนางงั้นหรือ”
“อะไรนะ นี่นางเป็นคนตำหนักท่านอ๋องจริง ๆ หรือนี่ เช่นนั้นที่นางมาที่นี่ ก็เพราะท่านอ๋องสั่งงั้นหรือ”
“ไม่ใช่เป้าเซี่ยเจ้าเข้าใจผิดแล้ว นางมาเพราะคิดว่าท่านอ๋องมาที่นี่จึงจงใจมาหาเรื่องคุณหนู คิดว่าท่านอ๋อง…”
“ให้ตายเถอะ…”
“ช่างเถอะพวกเจ้าไม่ต้องเดาแล้ว ข้าขอไปสงบอารมณ์หลังร้านก่อนนะ อย่าลืมปิดร้านให้ดีด้วยล่ะ”
""เจ้าค่ะ""
ไป๋หรูเฟยคิดเอาไว้อยู่แล้วว่า การที่ท่านอ๋องเสด็จมาที่นี่ทุกวัน แม้ชาวบ้านแถวนี้จะไม่รู้ว่าเขาคือผู้ใด แต่มิใช่ว่าคนในตำหนักจะไม่รู้ ต่อให้วันนี้ไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น วันข้างหน้าท่านอ๋องผู้นี้ก็คงหาเรื่องเดือดร้อนมาให้นางอีกอยู่ดี
“ไม่ควรพบกันเลยจริง ๆ ขออยู่อย่างสงบสุขเสียหน่อย มันยากมากนักหรืออย่างไรกัน”
“แล้วเหตุใดชีวิตเจ้าถึงไม่สงบเล่าไป๋หรูเฟย”
“ท่าน!”
จ้าวเฟิงหมิงเดินมาถึงเรือนด้านหลัง เพราะทราบมาจากสาวใช้ของนางที่หน้าร้านว่า หรูเฟยมานั่งพักผ่อนอยู่ที่สวนเขาจึงเดินมาหา แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ยิ่งกว่าโกรธของนางกลับทำให้ท่านอ๋องหุบยิ้มทันที
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”
“เอ่อ นี่เจ้าโกรธหรือ ที่ข้าเข้ามาโดยพลการ”
“เปล่าเพคะ แต่ทางที่ดีพระองค์ไม่ควรเสด็จมาที่นี่อีกเลยจะดีกว่า”
"เพราะเหตุใดกัน นี่เดี๋ยวสิไป๋หรูเฟย รอข้าก่อน"
นางรีบเดินมาที่หน้าร้าน เพื่อเลี่ยงที่จะอยู่กับเขาตามลำพัง ในตอนนี้สิ่งที่ต้องการมากที่สุด ก็คือให้เขากลับไปโดยไม่ต้องมาที่นี่อีก
“นี่เจ้าไม่พูดกับข้า เช่นนี้แล้วจะขายขนมได้เช่นไร แม่ค้าหน้างอเช่นนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน”
“ท่านอ๋องเพคะ…”
“ข้าพูดสิ่งใดผิดงั้นหรือ”
ท่าทางของเขายังคงนิ่งสงบราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่ไป๋หรูเฟยที่เห็นเช่นนี้กลับยิ่งโมโหจนอยากจะสาดน้ำใส่เขาอีกคน เหมือนกับที่ทำไปก่อนหน้านั้น ท่านอ๋องเดินตามนางออกมาหน้าร้านเงียบ ๆ
“วันนี้ข้าเอา…”
“วันนี้ขนมขายหมดแล้วเพคะ”
“แต่ข้าเห็นว่า…”
“มีคนจองแล้ว เป้าเซี่ย เก็บของเดี๋ยวลูกค้าจะมารับ”
“เอ่อ… เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นเอาหมั่นโถว…”
“หมดแล้วเช่นกันเพคะ จินถานเก็บของลงได้แล้ว เตรียมปิดร้าน”
“นี่ไป๋หรูเฟยมาคุยกันดี ๆ เถอะ เจ้าไปโมโหอะไรมาถึงได้มีท่าทีเช่นนี้ หากว่าข้าไปล่วงเกินอะไรเจ้า หรือทำให้เจ้าไม่พอใจก็พูดออกมาตรง ๆ ก็ได้ น้องสาวของข้ารอขนมของเจ้าอยู่นะ”
“เกรงว่าน้องสาวที่พระองค์ตรัสถึง คงจะมิได้ชื่นชอบขนมที่ร้านของหม่อมฉันถึงเพียงนั้น อีกอย่างหากพระองค์ต้องการจะซื้อขนมให้ได้ ก็เชิญเสด็จไปซื้อที่หอรุ่ยหรงเถิดเพคะ ที่นั่นเป็นร้านใหญ่เลื่องชื่อน่าจะมีขนมที่พระองค์ต้องการอยู่ ทูลลาเพคะ”
“เอ่อ …. นี่!”
นางเดินกลับเข้าไปในร้านแล้ว ตั้งแต่รู้จักนางมาเกือบสองเดือน พึ่งจะมีวันนี้ที่เห็นนางโกรธ จนไม่อยากคุยกับเขาอย่างเปิดเผย
“ลืมระงับความโมโหไปหมดแล้วหรืออย่างไรกันนะ หยวนจื่อ"
“พ่ะย่ะค่ะ”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ทูลท่านอ๋อง เมื่อครู่กระหม่อมถามสาวใช้ของเถ้าแก่ไป๋แล้ว เห็นว่าวันนี้…”
“มีอะไรก็รีบพูด”
“แม่นางชุนอิงมาที่นี่ แล้วกล่าวหาว่าขนมของเถ้าแก่ไป๋อันตรายไม่เหมาะให้เด็กกิน นางพูดจนทำให้ลูกค้าหลาย ๆ คนคล้อยตามจนมีเรื่อง สุดท้ายเถ้าแก่ไป๋จึงสาดน้ำไล่นางออกจากร้านพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ชุนอิงมาหาเรื่องนางที่นี่งั้นหรือ”
“หยุนซีนี่เจ้าตัดสินใจแน่แล้วงั้นหรือ เราสองคนรักกันมิใช่หรือ”“ข้าเองก็เคยคิดเช่นนั้น จนกระทั่งวันที่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป”“แต่ว่า…”“หากท่านรักข้าจริง ในวันนั้นเหตุใดจึงไม่บอกให้บิดา ว่าท่านรักผู้ใดกันแน่ เพราะความขี้ขลาดและไม่กล้าขัดคำสั่งจึงยอมแต่งงาน นั่นก็แสดงว่า ท่านไม่คู่ควรกับข้าอีกต่อไป”“หยุนซี… ข้ายอมรับว่าในวันนั้นตัวเองขี้ขลาดเกินไป แต่วันนี้! ชีวิตนี้ข้าเลือกเองได้แล้ว ตอนนี้ข้ามาเปิดร้านที่นี่ด้วยตัวเอง และตัดสินใจเองทั้งหมดโดยไม่มีใครบงการชีวิต ต้องขอบคุณเจ้าที่มอบอิสระให้ข้า”“ในเมื่อท่านได้โอกาส เช่นนั้นก็จงใช้ชีวิตให้ดี ๆ และอย่าได้มายุ่งเกี่ยวกับข้าอีกเลย ลาก่อน”“หยุนซี!”นางเดินออกมาจากห้องทันที และรีบออกจากโรงน้ำชามุ่งไปด้านหลัง นางจำได้ว่าที่นี่อยู่ติดทะเลสาบ จึงเดินเล่นไปเรื่อย ๆ และหันไปมองผู้ที่เดินตามมา“หากก้าวตามข้ามาอีกก้าวเดียวข้าจะ…. ท่านอ๋อง”นางคิดว่าหลี่ต้าเซินเดินตามนางออกมา จึงหันกลับไปพร้อมที่จะทำร้าย แต่เมื่อเห็นว่าเป็นจ้าวเฟิงหมิง นางก็เริ่มอ่อนแอลงทันทีและเริ่มร้องไห้ออกมา ท่านอ๋องมิได้ถามอะไร เขาเพียงแค่เดินมาและหยิบปิ่นที่มือนางมาถือเอาไว้
“หลินหยุนซี…. บุตรีคนโตของแม่ทัพหลินฟ่านแห่งซานตง”“พ่ะย่ะค่ะ”แม้ว่าจะยังไม่มั่นใจนัก แต่เรื่องราวทั้งหมดก่อนหน้านี้ รวมถึงการปรากฏตัวของไป๋หรูเฟยที่เมืองม่านโจวที่เขาสงสัย และตามสืบเท่าใดก็ไม่เคยพบ บางทีตอนนี้อาจจะใกล้ความจริงเข้ามาแล้วก็ได้ “หลินหยุนซี… ไป๋หรูเฟย นางมาที่นี่กับสาวใช้สองคน อีกทั้งยังมีทรัพย์สินอีกมากมายติดตัวมาด้วย ตั๋วเงิน ทรัพย์สิน ตราประทับ ใช่แล้ว!”ท่านอ๋องรีบเดินไปที่ห้องเก็บเงินของหอเมฆาทันที เขาให้ผู้ดูแลเปิดห้องเก็บเงินที่มีกลไกล็อกอยู่สามชั้น กว่าจะเดินเข้าไปถึงด้านในก็ต้องใช้ป้ายคำสั่งพิเศษเพื่อเปิดประตูเหล็กบานสุดท้าย เมื่อเข้ามาก็ตรงไปที่ห้องเก็บเงินของไป๋หรูเฟยทันที“ตั๋วเงินมาจากที่ร้านต้านเหอ เมืองซานตง... สกุลไป๋”ตอนนั้นเขาเห็นว่าแซ่ไป๋เหมือนกันจึงมิได้ตรวจโดยละเอียด เขาค้นไปเรื่อย ๆ เพราะทรัพย์สินที่นางนำมาฝาก ส่วนใหญ่เป็นแผ่นทองและตั๋วเงิน มีกล่องอัญมณีกล่องเล็กที่ไม่เคยถูกเปิดมาก่อน เขาดึงออกมาและลองเปิดออกทันที ในนั้นมีชุดเครื่องประดับที่ทำมาจากเพชรและทับทิม แกะสลักแล้วฝังไข่มุกราตรีอยู่ด้านใน เมื่อหยิบกำไรขึ้นมาก็เห็นชื่อสลักเอาไว้“ไป๋หรูฟาง
หรูเฟยสะดุ้งและยืนตัวแข็งทันที ไม่นานคนที่ทักนางก็เดินมาตรงหน้า และต้องตกใจเมื่อเห็นสีหน้าที่ซีดจัด เหงื่อที่พร่างพรูบนใบหน้าของหรูเฟย“หรูเฟยนี่เจ้าเป็นอะไรไป เหตุใดถึงตกใจขนาดนี้เจ้าวิ่งหนีอะไรมา หรือว่ามีคนร้ายดักปล้นเจ้าอีกแล้ว!”“ทะ ท่านอ๋อง!”นางทำสีหน้าโล่งอก และเผลอวิ่งเข้าไปกอดเขาทันที โชคดีที่เป็นตรอกที่มีคนสัญจรน้อย ท่านอ๋องเองก็ประหลาดพระทัยไม่น้อยที่มาพบนางที่นี่ เขาเดินตามนางออกมา หลังจากเห็นหรูเฟยวิ่งเข้าไปตรอกข้าง ๆ ร้านขายเครื่องประดับ“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ข้าอยู่นี่แล้ว”ท่านอ๋องหันไปมองหน้าหยวนจื่อ ซึ่งรู้ทันทีว่าต้องทำสิ่งใด เขาเดินออกไปทันที“เจ้าเป็นอะไรไป”“หม่อมฉัน… อยากหาที่นั่งพัก”“เช่นนั้นไปโรงน้ำชา…”“ไม่ได้! ไปที่นั่นไม่ได้เพคะ ไม่ได้”“งั้นตามข้ามาเถอะ”“ท่านจะไปที่ใด”“ไม่มีใครกล้าเข้ามาที่นี่หากข้าไม่อนุญาต มาเถอะแล้วค่อยคุยกัน”นางมิอาจปฏิเสธ แต่ตอนนี้ก็ไม่มีหนทางอื่น ไม่นานท่านอ๋องก็พานางเดินกลับมาที่ร้านฝากเงินเจิ้นตงจวินอีกครั้ง“เอ่อ ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ แม่นางท่านนี้…”“ห้ามให้ใครขึ้นมาเป็นอันขาด”“พ่ะย่ะค่ะ”จ้าวเฟิงหมิงพาหรูเฟยขึ้นไปที่ชั้นสองทันที
“เจ้าอย่าได้พูดเช่นนั้น หากท่านพี่ของเจ้ามาได้ยินจะถูกดุเอาได้นะ”“ข้ามิได้พูดผิดนะ หากท่านไม่เชื่อก็หันไปดูเองเถอะ ข้าเห็นจนไม่อยากมองแล้ว”หรูเฟยหันไปมองท่านอ๋องที่เดินเข้ามาในตำหนัก เดิมทีพระองค์คิดว่าหรูเฟยจะออกมาต้อนรับ แต่เมื่อเข้ามากลับต้องตกใจเมื่อเห็นหวงชิงอวี้ ตอนนี้พระองค์เดินมาที่ศาลา หรูเฟยที่ยังนั่งอยู่กับอันถิงก็ลุกมาทักทาย“ถวายบังคม…”ท่านอ๋องเดินมาดึงตัวนางขึ้นทันทีทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันพูดจบ อันถิงแม้จะตกใจแต่ก็แอบยิ้ม ส่วนชิงอวี้นั้นยืนตัวแข็งอยู่ด้านหลัง นางถึงกับพูดไม่ออกและไม่คิดว่าท่านอ๋องจะทำเช่นนี้ต่อหน้านาง“เจ้าทำแบบนี้อีกแล้ว พึ่งหายไข้ไม่ต้องมากพิธีขนาดนั้น วันนี้ก่อนจะมาที่นี่ดื่มยาหรือยัง”“ท่านอ๋อง…”“ข้าถามเจ้าก็ตอบมาเถอะ”"ดื่มแล้วเพคะ"“แล้วมานั่งศาลาแบบนี้ ตากลมเดี๋ยวก็ไม่สบายอีกหรอก ข้าหิวแล้วไปกินข้าวกันเถอะ วันนี้เจ้าเอาขนมมาเผื่อข้าหรือไม่”“คือว่า… ปล่อยก่อนเถิดเพคะ”หรูเฟยพยายามที่จะใช้สายตาบอกพระองค์ว่าที่นี่ยังมีคนอื่นอยู่ แต่ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะมิได้ใส่พระทัย แต่เมื่อถูกหรูเฟยส่งสายตามาอีกครั้ง จึงหันไปมองหวงชิงอวี้“จริงสิหวงชิงอวี้ เมื่อคร
วันถัดมาหรูเฟยมาที่ตำหนักท่านอ๋องด้วยรถม้าที่ถูกส่งไปรับ เมื่อมาถึงหน้าตำหนัก อันถิงก็วิ่งมารออยู่สวนด้านหน้า“พี่หรูเฟยท่านมาแล้ว พี่เฟิงหมิงบอกข้าว่าท่านป่วย ตอนนี้หายแล้วหรือเจ้าคะ”“พี่หายดีแล้ว วันนี้เอาขนมมาฝากเจ้าด้วยนะ”“เช่นนั้นท่านรีบเข้ามาเถอะเจ้าค่ะ ข้าอยากฝึกเดินหมากกับท่าน”ทั้งสองนั่งเล่นที่ศาลาจนถึงช่วงใกล้เที่ยง ดูเหมือนว่าอันถิงจะมีทักษะในการเดินหมากดีกว่าอย่างอื่นในบรรดาศาสตร์ทั้งสี่ “ยอดไปเลยอันถิง เอาชนะพี่ได้แล้ว”“ท่านพี่หรูเฟยท่านชมข้าเกินไปแล้ว เหตุใดเมื่อครู่ต้องยอมถอยให้ข้าด้วยเล่าเจ้าคะ”“พี่หรือ เจ้ารู้ได้เช่นไรกัน”“หากท่านไม่ถอยหมากออกไป แล้วยอมให้ข้าล้อม กระดานนี้ข้าก็แพ้ท่านอีกอยู่ดี”“พี่…”“ท่านหญิง คุณหนูหวงมาเพคะ”“นางมาอีกแล้ว ข้ารู้แล้วล่ะให้เข้ามาเถอะ”“เพคะ”สีหน้าของอันถิงดูเบื่อหน่ายเล็กน้อย นางหันมาและใช้นิ้วขยับให้หรูเฟยเข้ามาใกล้ ๆ “มีอะไรหรือ”“ที่จริงแล้วพี่หวงมิได้อยากมาหาข้าสักหน่อย นางมาที่นี่ก็เพราะอยากมาพบท่านพี่ต่างหาก แค่ใช้ข้าเป็นข้ออ้างเท่านั้นเอง”“เหตุใดจึงพูดเช่นนั้น เราเล่นกันต่อดีไหม”“ข้าไม่อยากเล่นแล้ว ไปกินขนมดีกว่าเจ
“อะไรนะเพคะ”“อันถิงเป็นธิดาเพียงคนเดียวของพระสนมฟู่ มีศักดิ์เป็นน้าของข้า แต่เพราะเป็นอ๋องต่างแซ่ดังนั้นจึงมีผู้ที่คิดร้ายเยอะ ข้าประมาทจึงทำให้นางถูกลักพาตัว ครั้งนั้น “หวงชิงไห่” เสนาบดีกรมพิธีการช่วยข้าสืบจนไปพบนางที่วัดร้างท้ายเมือง”“เช่นนั้น...”“โชคดีที่ฆ่าผู้ก่อเหตุและจับตัวขุนนางชั่วมาลงโทษได้ อันถิงปลอดภัยแต่ระหว่างทางคนร้ายก็ฆ่าทหารอารักขา สาวใช้และคนที่ดูแลนางหลายคนไปต่อหน้า อันถิงจึงกลัวคนแปลกหน้าและไม่กล้าเชื่อใจใครอีก”“เช่นนี้นี่เอง”“ชุนอิง… นางเป็นหลานสาวของพระสนมฟู่รับอาสามาดูแลอันถิงหลังจากนั้น นางใช้เวลาอยู่เกือบหกเดือนกว่าอันถิงจะยอมไว้ใจนาง แต่สุดท้ายก็อย่างที่เจ้ารู้”“นางสร้างความเสื่อมเสียให้ตำหนักอ๋อง พระองค์จึงไล่นางไป”“ข้าไม่ชอบที่นางไปก่อเรื่องและสร้างความวุ่นวายกับเจ้า เห็นเจ้าโกรธเพราะเรื่องนี้ก็เลยอยู่เฉยไม่ได้ ต่อให้นางไม่อ้างเรื่องของข้า ถึงอย่างไรก็ปล่อยไปไม่ได้อยู่ดี”“อะไรนะเพคะ”หรูเฟยนั่งฟังที่เขาเล่า และเริ่มจับสังเกตจากจังหวะการพูดได้ นางเลยหันกลับไปถามเขาอีกครั้ง “แม่นางผู้นั้นมีใจให้พระองค์สินะเพคะ”เมื่อเห็นท่านอ๋องนั่งนิ่ง นางจึงถามต่อ