รัฐยาไม่ใส่ใจกับเรื่องนั้น เขายังไม่อยากจะคิดอะไรอีก เขาอยากจะไปพบแม่อีกสักหนหนึ่ง
“เทียนอยากเจอแม่ฮะ…อยากไปงานของแม่…”
คุณนายแสงเดือนทำท่าเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินรัฐยาสวนออกมาแบบนั้น
“แหม…เธอนี่” เธอทำเสียงรำคาญอย่างเปิดเผย “ก็เดินไม่ได้ ขาเป็นอย่างนี้แล้ว ยังมีแก่ใจจะเดินไปงานแม่ตัวอีกหรือ…ฉันน่ะไม่บริการเธอถึงกับไปหารถเข็นมาพาเธอไปหรอกจ้ะ…นอนรักษาตัวก่อนเถิด นอนคิดสำนึกว่ามีคนใจดีขนาดนี้ ก็เป็นบุญคุณท่วมหัวแล้ว เรื่องแม่เธอก็ไม่ถึงกับเป็นศพไม่มีญาติ…ฉันถึงว่าบุญของเธอมันยังดี แถวนั้นออกจะเป็นบ้านนอก ยังมีคนไปพบเจอที่ใจบุญ”
คุณนายไปแล้ว ทิ้งรัฐยาโศกเศร้าอย่างรุนแรง แล้วเธอก็ลากภากรกลับไปด้วย
ของอย่างนี้เธอคิดว่าต้องแยกลูกชายออกไปให้รวดเร็ว เธอไม่แน่ใจ
เพราะภากรของเธอเป็นคนใจอ่อนและแสนดีเกินไป
“กลับบ้านกับแม่จ้ะ”
////////////////////////////////////////////////////////
ภากรไปหาภคินีที่บ้าน เมื่อหล่อนหายหน้าไปเลย พอเห็นเขา ภคินีก็ทำท่าเหมือนสะดุ้ง ก่อนจะยอมเข้ามาหา…ท่าทางของหล่อนยังขวัญเสียเมื่อดึงมือของเขาหลบออกไปจากสายตาของแม่ที่มองอย่างสนใจ
“เป็นไงบ้าง…”
เรื่องนั้นยังรบกวนหล่อน แต่ภคินีก็ไม่กล้าโผล่ไปอีก หล่อนกลัวหลับตาลงหล่อนก็ยังเห็นภาพจนทำให้เจียน ๆ จะคลั่ง มันเป็นยิ่งกว่าฝันร้าย
“ไม่มีอะไรแล้ว”
งานศพของปรารถนาเงียบเชียบ นายดำรงไม่กล้าทำให้มันเอิกเกริกออกไป จนกลายเป็นพิรุธ เขาทำให้มันไม่ดูถึงกับอนาถาสำหรับผู้ตายไปแล้ว และภากรถูกกันไม่ให้ไปงานนั้น
ส่วนรัฐยาก็ได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญอยู่โรงพยาบาล
“งานศพจบแล้ว”
สวดแล้วเผาเลย…ปรารถนาไม่มีญาติ เพื่อนร่วมงานของหล่อนก็มีน้อยคน หล่อนไม่ใช่คนใหญ่โต เป็นแค่แม่ม่ายคนหนึ่งที่แม้จะยังสาวและหน้าตาดูได้ แต่หล่อนก็ไม่ใช่คนเปรี้ยวจนมีเพื่อนพ้อง ที่สำคัญความจนของหล่อนเป็นปัญหาทำให้หล่อนขาดเพื่อนพ้อง
ไม่มีข่าวของปรารถนากับลูกสาวในหน้าหนังสือพิมพ์ใด ๆ ทั้งสิ้น มันเป็นเรื่องที่ไม่ปรากฏเป็นข่าว
“พ่อรับเด็กคนนั้นเอาไว้อุปการะ ผมขอร้องพ่อ…ผมทนไม่ได้ ผมรู้สึกผิด ทำให้เด็กขาดแม่…ถ้าคืนนั้นธันไม่ขับรถ”
ภคินีเม้มปากแน่นก่อนจะคลายออก
“โทษนีหรือคะ” หล่อนผินหลังให้ “นีผิด…นีมันไม่ดี นึกหรือคะว่าเกิดเรื่องนั้นขึ้นแล้วธันสบายอกนัายใจ รู้ไหมว่ามันเหมือนตกนรก นีกลัวจนประสาทจะเสียอยู่แล้ว”
โดนไม้นี้เข้า ภากรก็ใจอ่อนเขากอดหล่อนเอาไว้ปลอบโยนหล่อนให้คลายจากวิตกกังวล
“ไม่มีอะไรน่ากลัว พ่อทำให้เรื่องเงียบไป เด็กนั่นจะไม่รู้ว่าความจริงเป็นยังไง…แล้วเด็กก็จะได้รับการชดเชยอย่างดีที่สุด”
/////////////////////////////////////////
รัฐยายังต้องอยู่โรงพยาบาล ขาของเขายังไม่อาจจะเดินได้เพราะกระดูกข้างในร้าว…และอาจจะต้องผ่าตัดหลังจากเข้าเฝือกแล้ว …เขารู้สึกอ้างว้างหวาดกลัว แม้นายดำรงจะยืนยันว่าเขาจะอุปการะ และภากรก็ดีกับเขาอย่างมาก ก็ยังไม่อาจจะแน่ใจได้
เพราะคุณนายแสงเดือนทำให้รู้ว่าไม่ควรจะเหิมเกริมกับความเมตตาที่สองพ่อลูกหยิบยื่นมาได้
หากไม่ติดว่าคุณนายเกรงใจสามีอย่างยิ่งแล้ว รัฐยาก็แน่ใจว่าคุณนายจะไม่แยแสเขาเลย
เขาร้องไห้ทุกคืน ร้องจนหลับไปเองกับโชคชะตาที่เอาแม่ไปจากเขา เคยมีกันสองคนแม่ลูก ก็มาเหลือแค่คนเดียว รัฐยาหวาดกลัวมาก เขาไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไปอีก
เพื่อนร่วมงานของแม่มาเยี่ยมเขา ทุกคนเวทนาเขา แต่ก็มีภาระเกินกว่าจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาได้ มีแค่ของกินของฝาก แล้วก็พากันหายหน้าไป มีเงินช่วยงานแม่อยู่กับเขาก้อนหนึ่ง….นายจ้างของแม่ใจดีให้เงินสมทบมาอีกห้าหมื่นบาท…ก็เท่านั้นเอง เงินที่รัฐยารู้ว่าต่อให้เอาเข้าฝากไว้ ดอกเบี้ยก็จะไม่งอกเงยมากนัก อาจจะไม่พอส่งเสียตัวเองจนเรียนจบมหาวิทยาลัยไม่ว่าเขาจะกระเบียดกระเสียรอย่างไรก็ตามทีเถิด
เพื่อนที่โรงเรียนก็มาเยี่ยม ทุกคนสงสารเขา
ครูประจำชั้นของเขาก็มาด้วย
และเขาก็ได้รู้ว่านายดำรงไปถึงโรงเรียนที่เขาเรียน เขาบอกว่าเขาเป็นผู้ปกครองจัดการเรื่องลาหยุด เพื่อจะให้เขาไม่ขาดเรียนจนหมดสิทธิ์เข้าสอบในตอนปลายเทอม
เขากรุณามาก…เขาเหมือนพ่อพระในยามยาก ที่รัฐยาเองก็ยังแทบจะไม่อยากเชื่อว่ายังมีคนดี ๆ หลงเหลืออยู่อีก รัฐยานอนคิดอยู่นั่นแล้วว่าเขาช่วยเหลือด้วยเหตุใดกัน หรือเป็นเพราะว่าเขาช่วยเหลือคนทุกคนที่ตกทุกข์ได้ยาก
คืนนั้นหากไม่ได้เขาผ่านมา รัฐยารู้ว่าอาจจะถูกรถคันที่ชนแม่กับเขาถอยมาทับจนตาย อย่างคุณนายแสงเดือนบอกก็เป็นได้
แล้วการนึกถึงเขาก็เหมือนจะแรงกล้าพอ เพราะรัฐยาเห็นเขาเปิดประตูเข้ามา…มีภากรเดินตามหลังเขาเข้ามาด้วย
เขาใช้มือได้ เด็กหนุ่มยกมือไหว้เขา น้ำตายังคลอหน่วย แต่เขาก็เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาเข้าทีคนหนึ่งหากเขาเติบโต ความหล่อแบบหนุ่มหน้าหวานจะเป็นของเขามากกว่านี้แน่นอนที่สุด
“เป็นไงบ้าง เทียน”
ภากรเป็นคนถาม เขาเข้ามายืนใกล้ ๆ เตียง ยังรู้สึกผิด แม้เขาจะไม่ได้เป็นคนขับรถคันนั้นเองก็ตามทีเถิด
“ก็ดีฮะ”
เขาไม่คร่ำครวญเรื่องอาการเจ็บปวดบาดแผล นอกจากเรื่องเศร้าโศกถึงแม่ และกังวลเรื่องเรียนจนออกนอกหน้า เขาเป็นเด็กหนุ่มเข้มแข็งคนหนึ่ง รัฐยาตั้งความหวังเอาไว้แรงกล้าว่าเขาจะกลับไปเดินได้ในเร็ววัน
“หมอบอกว่าเธอจะออกไปได้วันจันทร์นี้”นายดำรงออกมาจากที่นั่งของเขา ไกลออกไปตรงเก้าอี้ยาวชิดผนัง ท่านั่งของเขาดูสบาย ๆ แต่เหมือนมีบารมีบางอย่างแผ่กระจายรอบตัวเขา เป็นชายที่ไปไหนมาไหนโดยไม่มีคนล้อมหน้าล้อมหลัง แต่เขาก็มีสิ่งหนึ่งที่บอกว่าเขาเป็นคนมีอำนาจชวนให้ยำเกรง รัฐยารู้สึกได้เหมือนเห็นเขา แล้วยำเกรงต่อเขารัฐยาเรียนรู้อีกด้วยว่าเขาจะเป็นที่พึ่งที่ใหม่ของเขาต่อจากแม่….แววตาของเขาที่แสดงออกจึงเปล่งแสงวิงวอนโดยที่เขาไม่รู้ตัวเหมือนกัน“เธอจะต้องไปเรียนหนังสือ….ต้องใช้ไม้ค้ำรักแร้ไปก่อน…เธอหัดเดินไปบ้างหรือยัง”“ยังเลยฮะ”“หมอคงจะหัดให้เธอเร็ว ๆ นี้ ฉันไปโรงเรียนของเธอ ทางโน้นบอกว่าเธอจะขาดเรียนได้แต่ไม่มากจนเกินไป เดี๋ยวจะเรียนไม่ทัน”“เทียนก็ไม่อยากขาดเรียน”รัฐยาบอก แม่เคยสอนเสมอว่าแม่ยากจน แม่ให้ได้แค่ส่งเสียให้เขาเรียนมาก ๆ ให้มีความรู้เป็นสิ่งพาตัวเองให้ทระนงองอาจ และหาเลี้ยงตัวเองสืบไปในวันข้างหน้า รัฐยาตั้งใจเรียนเสมอ ผลการเรียนของเขาอยู่ในระดับดีมาก แม้จะเป็นโรงเรียนย่านชานเมืองไม่ใช่โรงเรียนที่โด่งดังมากนักก็เถิดนายดำรงไปสอบถามเรื่องเกี่ยวกับเขามาแล้ว หากเขาจะต้องอุปการะเด็กส
ภากรอึ้งไป และก่อนที่จะได้ขยับตัว เสียงฝีเท้าก็ซอยออกมาจากข้างในกระทบถูกพื้นหินอ่อน…กลิ่นหอมฉุยโชยผ่านมา เขารู้ได้ทันทีว่าเป็นแม่ของเขา การปรากฏตัวของคุณนายแสงเดือนด้วยกลิ่นหอมกระจายกรุ่น และเธอก็สวยสดออกมาในชุดที่เตรียมพร้อมจะออกไปนอกบ้านได้ ดวงหน้าเนียนผ่องเต่งตึง….ไม่มีรอยเหี่ยวย่นตีนกาไม่เคยขึ้นตรงปลายตาของเธอ“นั่นอะไรกัน” เสียงเธอแหลมเมื่อมองไปเห็นลูกชายคุกเข่าอยู่กับพื้นหินอ่อน และบนเก้าอี้คือร่างบอบบางของรัฐยาที่นั่งอยู่…ขาอยู่ในเฝือกทั้งสองข้าง“กร...”เธอเรียกเขาด้วยเสียงหนัก ๆ คิดปราดไปไกล…กลัวนักว่าลูกชายจะมาหลงใหลได้ปลื้มกับเด็กคนนี้มิใช่ญาติ จะสนิทสนมทำไม“ลงไปนั่งแบบนั้นทำไม”เธอมองดูรัฐยา ดวงตาคมที่ระบายสีเอาไว้สดและเขียนรอบขอบตาด้วยสีดำเข้มจัดไปทั้งหมด เมื่อแสงจากกึ่งกลางดวงตาของเธอจ้าออกปานนั้นรัฐยาเมินหลบ ใจเต้นแรง เขากลัวผู้หญิงคนนี้….กลัวจนใจมันเต้นไม่เป็นจังหวะ และมื่อก็สั่นไปหมดแล้วภากรลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วถอยไปนั่งบนเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง“มาแล้วหรือ…จะมาอยู่ในบ้านนี้ใช่ไหม…” เธอถามรัฐยาโดยตรง “ขาเธอนั่นน่ะอีกนานไหมกว่าจะหาย”“หมอว่าอีกสองเดือนก็ถอดเฝือกได้ฮะ”เข
วิถีชีวิตของเขาแตกต่างออกไป เมื่อทอดสายตามองดูรอบ ๆ ตัวมันคือสิ่งที่รัฐยาไม่เคยมีมาก่อนเลยในชีวิตนี้ มันเหมือนฝัน….แล้วเขาก็จะตื่นในเร็ว ๆ นี้ ตื่นลืมตายอมรับความจริงว่าทั้งหมดที่เห็นและครอบครองเป็นเจ้าของอยู่มันไม่ได้เป็นของเขา แต่ส้มก็ปลุกภวังค์นึกคิดของเขากลับคืนมา เด็กหนุ่มกระพริบตาถี่ ๆ กับตัวเองเมื่อได้ยินน้ำเสียงของส้ม“คุณหิวไหม?”สรรพนามที่ส้มเรียกเขาทำให้รัฐยาขนลุก เขาได้รับการยกย่องมากเกินไป“พี่ไม่ต้องเรียกเทียนว่าคุณหรอก”เขาบอกความจริงใจออกมา ส้มมองอย่างฉงน เด็กหนุ่มที่ส้มเห็นรูปงามนักแม้จะดูเศร้าสร้อย ส้มได้รับการบอกเล่ามาว่าเพราะเด็กนี่เป็นกำพร้า ไม่มีพ่อและแม่ก็ถูกรถชนตาย ท่านไปเจอเข้าเลยรับมาอุปการะส่งส้มมาเป็นคนใช้ส่วนตัวท่าทางของเขาดูอ่อนโยน จริงใจนัก“ไม่เป็นไรค่ะ”ส้มได้รับการอบรมมาแล้วอย่างดี คุณนายแสงเดือนไม่ชอบให้สาวใช้กระด้างกระเดื่องกับเธอ และส้มก็อยู่บ้านนี้ได้นานปีด้วยความอดทนของตัวเอง ส้มเป็นคนเรียนรู้ไวและค่อนข้างจะเงียบขรึมไม่พูดไม่จามากนัก“ให้เทียนเรียกพี่ส้มก็แล้วกันนะ….”เมื่อส้มไม่ยอม รัฐยาก็สรุปในที่สุด อาหารของเขาถูกจัดขึ้นมาบนห้อง….จานชุดสวย แล
ปรารถนาไม่โกหกลูก หล่อนได้เอาความผิดพลาดในชีวิตไว้เตือนใจตัวเองและเตือนใจลูกชายด้วยปรารถนาไม่เคยดุด่าถึงชายคนที่ทำให้ได้กำเนิดรัฐยา ไม่มีการพูดถึงเขา แม้รัฐยาจะเคยอยากรู้จักชายคนนั้นสักเพียงใด ปรารถนาก็ปิดปากสนิท หล่อนเคยบอกกล่าวแก่รัฐยามากที่สุดก็แค่ชื่อและนามสกุลของชายคนนั้น ชายคนที่รัฐยาเชื่อมั่นว่าเขาได้หายสาปสูญไปแล้ว เหมือนไร้ร่องรอยโดยสิ้นเชิง เขาไม่เคยเห็นนามสกุลนั้น ไม่เคยได้ยินอีกเลยและมันก็จบลงแค่นั้นด้วย เขานมีแม่ที่ให้หล่อนทุกอย่างโดยไม่รู้สึกว่าตัวเองขาดแคลนนักจะยากจนรัฐยาก็ชินกับมันเสียแล้ว ชินจนไม่รู้สึกรู้สมว่าจะต้องเคืองแค้นในชีวิตของตัวเองแต่อย่างใดและนี่เขาจะมีพ่อเขายังสงสัย“คุณจะหาพ่อให้เทียนหรือฮะ”เขาถามออกไป เป็นคำถามตลกหรือไร เพราะเห็นเขาหัวเราะ ชายวัยสี่สิบกว่าแต่ยังเป็นชายที่คงความสง่างาม เส้นผมที่ไม่ได้ย้อมมีสีขาวแทรกประปรายข้างหูกลับทำให้เขาดูดี….และรัฐยาก็นึกออกแล้วว่าภากรเหมือนใคร….เขามีความอ่อนโยนเหมือนชายคนนี้นี่เอง“คุณจะไปหาเจอที่ไหน”เขาไม่ได้ใส่ใจกับเสียงหัวเราะที่ว่านั่นเลย” แม่บอกว่าเขาหายไปแล้ว หายไปจากชีวิตแม่ เขาไม่สนใจแม่ ไม่สนใจเทียนอีก
เขาอาทรต่อหล่อน ถามไถ่อย่างอ่อนโยน แตะหลังมือที่หน้าผากและซอกคอของหล่อน สัมผัสแบบนั้นน่าจะทำให้หล่อนวูบวาบได้บ้างแต่ไม่มีเลย….มันไม่มีจะวูบวาบสักนิดมันเย็นชืดสนิท…ก็ช่างเหลือเชื่อที่หล่อนกับภากรคบหากันมานานเหลือเกิน ทุกอย่างก็ไม่เคยมีรุกล้ำไปถึงความสัมพันธ์ทางเพศ มันไม่เคยเกิดขึ้นเหมือนหนุ่มสาวยุคไฮเทคอีกหลายคู่ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาหรือหล่อนกันแน่….เขาอาจจะปรารถนาเกินไปจนไม่ล่วงละเมิดต่อวัยสาวของหล่อนและภคินีเองก็ไม่เคยแน่ใจว่าชายคนนี้หล่อนรักเขาหรือเปล่า….หรือเพียงแต่หลงใหลกับความมีเงินของเขา หล่อนบูชาเงิน…ภคินีเชื่อว่าเงินคือพระเจ้าของชีวิต เงินจะซื้อได้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วที่หล่อนเห็นมาล่าสุดก็คือเงินซื้อได้กระทั่งชีวิตคนตาย…อย่างเรื่องแม่คนนั้นที่ตายกลางถนนและเด็กหนุ่มที่จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ เป็นอย่างไร คืนนั้นหากไม่ใช่เพราะครอบครัวภากรมีเงินมีอิทธิพลแล้ว หล่อนอาจจะเข้าคุก แม้ภากรจะรับสมอ้างว่าเขาขับรถ แต่คนอย่างคุณนายแสงเดือนหรือจะยอมเชื่อง่าย ๆ เธอจะต้องขุดและคุ้ยจนหล่อนต้องรับสารภาพนึกถึงแล้วภคินีก็ขนลุกซู่ หล่อนกลัวคุก…หล่อนกลัวการถูกจองจำให้หมด
รายงานจากคนติดตามภากรมาถึงเธอแล้ว คุณนายแสงเดือนเม้มปากแน่นเข้าหากันด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่งผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควรกับภากรเลยจนนิดเดียวมองด้านใดก็ไม่เห็น เธอไม่ปรารถนาจะรับภคินีมาเป็นลูกสะใภ้ ภคินีสอบไม่ผ่าน“เอาล่ะ” เธอบอกออกมาในที่สุด “ยังไม่ต้องเลิกติดตามเขานะ โดยเฉพาะเวลาที่เขามีแม่คนนั้นไปด้วย” แต่เธอก็บอกว่าเธอจะต้องไปพบภคินีอีกหนหนึ่ง โดยที่ภากรไม่รู้เรื่อง เธอไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นก้าวเข้ามายุ่งกับลูกชายของเธอ อนาคตของภากรยังอีกยาวไกลนัก แต่เธอจะทำออกนอกหน้าไม่ได้ด้วยเธอไม่อยากจะเสียความเข้าใจอันดี ระหว่างตัวเองกับภากรไปเพราะเขาเป็นลูกคนเดียวที่เธอมีและภากรก็กลับมาถึงเกือบจะสี่ทุ่ม คุณนายยังไม่ได้ขึ้นนอนภากรโผล่เข้ามาเห็น สีหน้าของชายหนุ่มแสงเดือนนัก “แม่ยังไม่นอนอีกรึนั่น” เขาเดินเข้ามา นับแต่เติบโตแล้วเขาไม่ค่อยจะใกล้ชิดกับเธอนัก หากมีเวลาภากรมักจะขลุกกับพ่อมากกว่า “หน้าตาแม่เหมือนคิดอะไรอยู่”“มีเรื่องที่แม่คิดไม่ตก นั่งก่อนซิ แม่อยากคุยด้วย เรื่องจะไปเรียนน่ะรีบไปไม่ดีหรือ ไปทำตัวให้คุ้นเคยเสียก่อน”“ผมคิดว่าคงไม่มีอะไรให้ปรับตัว ภาษาก็ไม่มีปัญหาอีกด้วย”“แม่เองคิดว่า
เธอเอื้อมมือมาแตะบ่าเขา จากสัมผัสบอกเธอว่าเขาทำตัวแข็งมากกว่าระดับปกติไปสักนิดหนึ่ง“เพราะลูกชายคนนี้ของแม่เป็นหนุ่มหน้าตาดี เรียนดี ฐานะก็ดีจะเอาอะไรมากไปกว่านี้อีกเล่า จริงไหมจ๊ะ”เขาเดินขึ้นมาข้างบนได้อย่างไร ภากรก็ไม่อยากจะแน่ใจเหมือนกัน เขารู้สึกสะเทือนใจกับคำพูดที่คุณนายแสงเดือนบอกว่าตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง หลังจากที่เขาเคยเลิกคิดเรื่องนี้มาแล้ว ภคินีก็เคยทำให้เขาคิดมาก หล่อนดูแปลก ๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ในเรื่องนี้ บางครั้งหล่อนก็หวานฉ่ำกับเขา แต่บางครั้งหล่อนก็เฉยเมยเหมือนคนแปลกหน้าไม่ใช่คนรักชายหนุ่มสลัดศีรษะแรง ๆ เขาไม่อยากจะเก็บเอามาคิดมาก แม่ไม่ชอบภคินีต่างหากเล่า แม่ถึงพูดออกไปแบบนั้นแม่กำลังเฉไฉแต่เขาจะไม่เฉไฉตามแม่เป็นอันขาดกำลังเดินไปตามทางที่จะไปห้องของเขา ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงไม้กุกกักดังเป็นจังหวะ เขาชะงักก่อนจะเห็นรัฐยากำลังเดินมา ดึกแล้วน่าจะอยู่บนเตียงมากกว่ารัฐยายังไม่เห็นเขา ได้ยินแต่เสียงแต่เสียงถามอยู่ใสๆ“พี่ส้ม อย่างนี้เรียกว่าเทียนเดินได้ดีหรือยัง”“ไปวิ่งแข่งได้เลยละค่ะ”“กีฬาคนพิการน่ะซิ”เขาเดินเข้าไป และรัฐยาก็เบือนหน้ามามองเห็น ยิ้มหวานให้กับเขา ลักยิ้
“ขาเป็นไงมั่ง”“เทียนพอจะเดินได้มากแล้ว”“ก็ดีนี่เธอ ฉันอยากจะเตือนสักเรื่องหนึ่ง ภากรน่ะเป็นหนุ่มแล้ว เขาไม่เคยมีน้อง เขาอาจจะเอาใจใส่เธอมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไยดีเธอแบบสายเลือดแท้ๆ พี่น้องแท้ๆ เข้าใจไหม”รัฐยาร้อนไปทั่วกาย เขายังไม่เคยมีแฟน“เทียนสาบานได้ว่าไม่เคยคิดตีเสมอ”เขาละล่ำละลักบอกปากสั่นไปหมดแล้ว“เทียนนับถือคุณภากร”“ขอให้เป็นอย่างนี้ตลอดไปเถิดนะ…ฉันน่ะกลัว…เพราะเห็นมาเยอะแล้ว และก็ไม่อยากให้ลูกชายมีพี่มีน้องที่เป็นคนนอก”“เทียนไม่ได้คิด”เขาบอกย้ำ….ดวงหน้าเผือด“นี่นายเทียน….”คุณนายเข้ามาใกล้อีกนิด….มื้อเอื้อมมาข้างหน้าแล้วแตะคางมองเด็กหนุ่มขึ้นมา รัฐยาตัวแข็งทื่อ เขารับรู้จากสัมผัสนั่นว่าเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์…และแววตาของคุณนายที่เขามองเห็นก็ดูน่ากลัว ปราศจากความเป็นมิตร และก็ยังแปลความไม่ได้ว่านอกจากรังเกียจไม่เป็นมิตร ยังมีอะไรที่แอบซ่อนอยู่ เพราะรัฐยายังเยาว์วัยเกินไปนั่นเอง“ฉันขออะไรเธอสักอย่างนะ”“ครับ”เขารับคำด้วยเสียงแผ่ว ๆ รู้สึกแรงดันจากมือนั่นจะผลักคางของหล่อนให้แหงนเชิดขึ้น ดวงตาของเขาสาดกระทบไฟ เหมือนหวาดกลัว ไม่แน่ใจแต่คุณนายก็ยังไม่ปร
“ขาเป็นไงมั่ง”“เทียนพอจะเดินได้มากแล้ว”“ก็ดีนี่เธอ ฉันอยากจะเตือนสักเรื่องหนึ่ง ภากรน่ะเป็นหนุ่มแล้ว เขาไม่เคยมีน้อง เขาอาจจะเอาใจใส่เธอมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไยดีเธอแบบสายเลือดแท้ๆ พี่น้องแท้ๆ เข้าใจไหม”รัฐยาร้อนไปทั่วกาย เขายังไม่เคยมีแฟน“เทียนสาบานได้ว่าไม่เคยคิดตีเสมอ”เขาละล่ำละลักบอกปากสั่นไปหมดแล้ว“เทียนนับถือคุณภากร”“ขอให้เป็นอย่างนี้ตลอดไปเถิดนะ…ฉันน่ะกลัว…เพราะเห็นมาเยอะแล้ว และก็ไม่อยากให้ลูกชายมีพี่มีน้องที่เป็นคนนอก”“เทียนไม่ได้คิด”เขาบอกย้ำ….ดวงหน้าเผือด“นี่นายเทียน….”คุณนายเข้ามาใกล้อีกนิด….มื้อเอื้อมมาข้างหน้าแล้วแตะคางมองเด็กหนุ่มขึ้นมา รัฐยาตัวแข็งทื่อ เขารับรู้จากสัมผัสนั่นว่าเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์…และแววตาของคุณนายที่เขามองเห็นก็ดูน่ากลัว ปราศจากความเป็นมิตร และก็ยังแปลความไม่ได้ว่านอกจากรังเกียจไม่เป็นมิตร ยังมีอะไรที่แอบซ่อนอยู่ เพราะรัฐยายังเยาว์วัยเกินไปนั่นเอง“ฉันขออะไรเธอสักอย่างนะ”“ครับ”เขารับคำด้วยเสียงแผ่ว ๆ รู้สึกแรงดันจากมือนั่นจะผลักคางของหล่อนให้แหงนเชิดขึ้น ดวงตาของเขาสาดกระทบไฟ เหมือนหวาดกลัว ไม่แน่ใจแต่คุณนายก็ยังไม่ปร
เธอเอื้อมมือมาแตะบ่าเขา จากสัมผัสบอกเธอว่าเขาทำตัวแข็งมากกว่าระดับปกติไปสักนิดหนึ่ง“เพราะลูกชายคนนี้ของแม่เป็นหนุ่มหน้าตาดี เรียนดี ฐานะก็ดีจะเอาอะไรมากไปกว่านี้อีกเล่า จริงไหมจ๊ะ”เขาเดินขึ้นมาข้างบนได้อย่างไร ภากรก็ไม่อยากจะแน่ใจเหมือนกัน เขารู้สึกสะเทือนใจกับคำพูดที่คุณนายแสงเดือนบอกว่าตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง หลังจากที่เขาเคยเลิกคิดเรื่องนี้มาแล้ว ภคินีก็เคยทำให้เขาคิดมาก หล่อนดูแปลก ๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ในเรื่องนี้ บางครั้งหล่อนก็หวานฉ่ำกับเขา แต่บางครั้งหล่อนก็เฉยเมยเหมือนคนแปลกหน้าไม่ใช่คนรักชายหนุ่มสลัดศีรษะแรง ๆ เขาไม่อยากจะเก็บเอามาคิดมาก แม่ไม่ชอบภคินีต่างหากเล่า แม่ถึงพูดออกไปแบบนั้นแม่กำลังเฉไฉแต่เขาจะไม่เฉไฉตามแม่เป็นอันขาดกำลังเดินไปตามทางที่จะไปห้องของเขา ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงไม้กุกกักดังเป็นจังหวะ เขาชะงักก่อนจะเห็นรัฐยากำลังเดินมา ดึกแล้วน่าจะอยู่บนเตียงมากกว่ารัฐยายังไม่เห็นเขา ได้ยินแต่เสียงแต่เสียงถามอยู่ใสๆ“พี่ส้ม อย่างนี้เรียกว่าเทียนเดินได้ดีหรือยัง”“ไปวิ่งแข่งได้เลยละค่ะ”“กีฬาคนพิการน่ะซิ”เขาเดินเข้าไป และรัฐยาก็เบือนหน้ามามองเห็น ยิ้มหวานให้กับเขา ลักยิ้
รายงานจากคนติดตามภากรมาถึงเธอแล้ว คุณนายแสงเดือนเม้มปากแน่นเข้าหากันด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่งผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควรกับภากรเลยจนนิดเดียวมองด้านใดก็ไม่เห็น เธอไม่ปรารถนาจะรับภคินีมาเป็นลูกสะใภ้ ภคินีสอบไม่ผ่าน“เอาล่ะ” เธอบอกออกมาในที่สุด “ยังไม่ต้องเลิกติดตามเขานะ โดยเฉพาะเวลาที่เขามีแม่คนนั้นไปด้วย” แต่เธอก็บอกว่าเธอจะต้องไปพบภคินีอีกหนหนึ่ง โดยที่ภากรไม่รู้เรื่อง เธอไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นก้าวเข้ามายุ่งกับลูกชายของเธอ อนาคตของภากรยังอีกยาวไกลนัก แต่เธอจะทำออกนอกหน้าไม่ได้ด้วยเธอไม่อยากจะเสียความเข้าใจอันดี ระหว่างตัวเองกับภากรไปเพราะเขาเป็นลูกคนเดียวที่เธอมีและภากรก็กลับมาถึงเกือบจะสี่ทุ่ม คุณนายยังไม่ได้ขึ้นนอนภากรโผล่เข้ามาเห็น สีหน้าของชายหนุ่มแสงเดือนนัก “แม่ยังไม่นอนอีกรึนั่น” เขาเดินเข้ามา นับแต่เติบโตแล้วเขาไม่ค่อยจะใกล้ชิดกับเธอนัก หากมีเวลาภากรมักจะขลุกกับพ่อมากกว่า “หน้าตาแม่เหมือนคิดอะไรอยู่”“มีเรื่องที่แม่คิดไม่ตก นั่งก่อนซิ แม่อยากคุยด้วย เรื่องจะไปเรียนน่ะรีบไปไม่ดีหรือ ไปทำตัวให้คุ้นเคยเสียก่อน”“ผมคิดว่าคงไม่มีอะไรให้ปรับตัว ภาษาก็ไม่มีปัญหาอีกด้วย”“แม่เองคิดว่า
เขาอาทรต่อหล่อน ถามไถ่อย่างอ่อนโยน แตะหลังมือที่หน้าผากและซอกคอของหล่อน สัมผัสแบบนั้นน่าจะทำให้หล่อนวูบวาบได้บ้างแต่ไม่มีเลย….มันไม่มีจะวูบวาบสักนิดมันเย็นชืดสนิท…ก็ช่างเหลือเชื่อที่หล่อนกับภากรคบหากันมานานเหลือเกิน ทุกอย่างก็ไม่เคยมีรุกล้ำไปถึงความสัมพันธ์ทางเพศ มันไม่เคยเกิดขึ้นเหมือนหนุ่มสาวยุคไฮเทคอีกหลายคู่ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาหรือหล่อนกันแน่….เขาอาจจะปรารถนาเกินไปจนไม่ล่วงละเมิดต่อวัยสาวของหล่อนและภคินีเองก็ไม่เคยแน่ใจว่าชายคนนี้หล่อนรักเขาหรือเปล่า….หรือเพียงแต่หลงใหลกับความมีเงินของเขา หล่อนบูชาเงิน…ภคินีเชื่อว่าเงินคือพระเจ้าของชีวิต เงินจะซื้อได้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วที่หล่อนเห็นมาล่าสุดก็คือเงินซื้อได้กระทั่งชีวิตคนตาย…อย่างเรื่องแม่คนนั้นที่ตายกลางถนนและเด็กหนุ่มที่จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ เป็นอย่างไร คืนนั้นหากไม่ใช่เพราะครอบครัวภากรมีเงินมีอิทธิพลแล้ว หล่อนอาจจะเข้าคุก แม้ภากรจะรับสมอ้างว่าเขาขับรถ แต่คนอย่างคุณนายแสงเดือนหรือจะยอมเชื่อง่าย ๆ เธอจะต้องขุดและคุ้ยจนหล่อนต้องรับสารภาพนึกถึงแล้วภคินีก็ขนลุกซู่ หล่อนกลัวคุก…หล่อนกลัวการถูกจองจำให้หมด
ปรารถนาไม่โกหกลูก หล่อนได้เอาความผิดพลาดในชีวิตไว้เตือนใจตัวเองและเตือนใจลูกชายด้วยปรารถนาไม่เคยดุด่าถึงชายคนที่ทำให้ได้กำเนิดรัฐยา ไม่มีการพูดถึงเขา แม้รัฐยาจะเคยอยากรู้จักชายคนนั้นสักเพียงใด ปรารถนาก็ปิดปากสนิท หล่อนเคยบอกกล่าวแก่รัฐยามากที่สุดก็แค่ชื่อและนามสกุลของชายคนนั้น ชายคนที่รัฐยาเชื่อมั่นว่าเขาได้หายสาปสูญไปแล้ว เหมือนไร้ร่องรอยโดยสิ้นเชิง เขาไม่เคยเห็นนามสกุลนั้น ไม่เคยได้ยินอีกเลยและมันก็จบลงแค่นั้นด้วย เขานมีแม่ที่ให้หล่อนทุกอย่างโดยไม่รู้สึกว่าตัวเองขาดแคลนนักจะยากจนรัฐยาก็ชินกับมันเสียแล้ว ชินจนไม่รู้สึกรู้สมว่าจะต้องเคืองแค้นในชีวิตของตัวเองแต่อย่างใดและนี่เขาจะมีพ่อเขายังสงสัย“คุณจะหาพ่อให้เทียนหรือฮะ”เขาถามออกไป เป็นคำถามตลกหรือไร เพราะเห็นเขาหัวเราะ ชายวัยสี่สิบกว่าแต่ยังเป็นชายที่คงความสง่างาม เส้นผมที่ไม่ได้ย้อมมีสีขาวแทรกประปรายข้างหูกลับทำให้เขาดูดี….และรัฐยาก็นึกออกแล้วว่าภากรเหมือนใคร….เขามีความอ่อนโยนเหมือนชายคนนี้นี่เอง“คุณจะไปหาเจอที่ไหน”เขาไม่ได้ใส่ใจกับเสียงหัวเราะที่ว่านั่นเลย” แม่บอกว่าเขาหายไปแล้ว หายไปจากชีวิตแม่ เขาไม่สนใจแม่ ไม่สนใจเทียนอีก
วิถีชีวิตของเขาแตกต่างออกไป เมื่อทอดสายตามองดูรอบ ๆ ตัวมันคือสิ่งที่รัฐยาไม่เคยมีมาก่อนเลยในชีวิตนี้ มันเหมือนฝัน….แล้วเขาก็จะตื่นในเร็ว ๆ นี้ ตื่นลืมตายอมรับความจริงว่าทั้งหมดที่เห็นและครอบครองเป็นเจ้าของอยู่มันไม่ได้เป็นของเขา แต่ส้มก็ปลุกภวังค์นึกคิดของเขากลับคืนมา เด็กหนุ่มกระพริบตาถี่ ๆ กับตัวเองเมื่อได้ยินน้ำเสียงของส้ม“คุณหิวไหม?”สรรพนามที่ส้มเรียกเขาทำให้รัฐยาขนลุก เขาได้รับการยกย่องมากเกินไป“พี่ไม่ต้องเรียกเทียนว่าคุณหรอก”เขาบอกความจริงใจออกมา ส้มมองอย่างฉงน เด็กหนุ่มที่ส้มเห็นรูปงามนักแม้จะดูเศร้าสร้อย ส้มได้รับการบอกเล่ามาว่าเพราะเด็กนี่เป็นกำพร้า ไม่มีพ่อและแม่ก็ถูกรถชนตาย ท่านไปเจอเข้าเลยรับมาอุปการะส่งส้มมาเป็นคนใช้ส่วนตัวท่าทางของเขาดูอ่อนโยน จริงใจนัก“ไม่เป็นไรค่ะ”ส้มได้รับการอบรมมาแล้วอย่างดี คุณนายแสงเดือนไม่ชอบให้สาวใช้กระด้างกระเดื่องกับเธอ และส้มก็อยู่บ้านนี้ได้นานปีด้วยความอดทนของตัวเอง ส้มเป็นคนเรียนรู้ไวและค่อนข้างจะเงียบขรึมไม่พูดไม่จามากนัก“ให้เทียนเรียกพี่ส้มก็แล้วกันนะ….”เมื่อส้มไม่ยอม รัฐยาก็สรุปในที่สุด อาหารของเขาถูกจัดขึ้นมาบนห้อง….จานชุดสวย แล
ภากรอึ้งไป และก่อนที่จะได้ขยับตัว เสียงฝีเท้าก็ซอยออกมาจากข้างในกระทบถูกพื้นหินอ่อน…กลิ่นหอมฉุยโชยผ่านมา เขารู้ได้ทันทีว่าเป็นแม่ของเขา การปรากฏตัวของคุณนายแสงเดือนด้วยกลิ่นหอมกระจายกรุ่น และเธอก็สวยสดออกมาในชุดที่เตรียมพร้อมจะออกไปนอกบ้านได้ ดวงหน้าเนียนผ่องเต่งตึง….ไม่มีรอยเหี่ยวย่นตีนกาไม่เคยขึ้นตรงปลายตาของเธอ“นั่นอะไรกัน” เสียงเธอแหลมเมื่อมองไปเห็นลูกชายคุกเข่าอยู่กับพื้นหินอ่อน และบนเก้าอี้คือร่างบอบบางของรัฐยาที่นั่งอยู่…ขาอยู่ในเฝือกทั้งสองข้าง“กร...”เธอเรียกเขาด้วยเสียงหนัก ๆ คิดปราดไปไกล…กลัวนักว่าลูกชายจะมาหลงใหลได้ปลื้มกับเด็กคนนี้มิใช่ญาติ จะสนิทสนมทำไม“ลงไปนั่งแบบนั้นทำไม”เธอมองดูรัฐยา ดวงตาคมที่ระบายสีเอาไว้สดและเขียนรอบขอบตาด้วยสีดำเข้มจัดไปทั้งหมด เมื่อแสงจากกึ่งกลางดวงตาของเธอจ้าออกปานนั้นรัฐยาเมินหลบ ใจเต้นแรง เขากลัวผู้หญิงคนนี้….กลัวจนใจมันเต้นไม่เป็นจังหวะ และมื่อก็สั่นไปหมดแล้วภากรลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วถอยไปนั่งบนเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง“มาแล้วหรือ…จะมาอยู่ในบ้านนี้ใช่ไหม…” เธอถามรัฐยาโดยตรง “ขาเธอนั่นน่ะอีกนานไหมกว่าจะหาย”“หมอว่าอีกสองเดือนก็ถอดเฝือกได้ฮะ”เข
“หมอบอกว่าเธอจะออกไปได้วันจันทร์นี้”นายดำรงออกมาจากที่นั่งของเขา ไกลออกไปตรงเก้าอี้ยาวชิดผนัง ท่านั่งของเขาดูสบาย ๆ แต่เหมือนมีบารมีบางอย่างแผ่กระจายรอบตัวเขา เป็นชายที่ไปไหนมาไหนโดยไม่มีคนล้อมหน้าล้อมหลัง แต่เขาก็มีสิ่งหนึ่งที่บอกว่าเขาเป็นคนมีอำนาจชวนให้ยำเกรง รัฐยารู้สึกได้เหมือนเห็นเขา แล้วยำเกรงต่อเขารัฐยาเรียนรู้อีกด้วยว่าเขาจะเป็นที่พึ่งที่ใหม่ของเขาต่อจากแม่….แววตาของเขาที่แสดงออกจึงเปล่งแสงวิงวอนโดยที่เขาไม่รู้ตัวเหมือนกัน“เธอจะต้องไปเรียนหนังสือ….ต้องใช้ไม้ค้ำรักแร้ไปก่อน…เธอหัดเดินไปบ้างหรือยัง”“ยังเลยฮะ”“หมอคงจะหัดให้เธอเร็ว ๆ นี้ ฉันไปโรงเรียนของเธอ ทางโน้นบอกว่าเธอจะขาดเรียนได้แต่ไม่มากจนเกินไป เดี๋ยวจะเรียนไม่ทัน”“เทียนก็ไม่อยากขาดเรียน”รัฐยาบอก แม่เคยสอนเสมอว่าแม่ยากจน แม่ให้ได้แค่ส่งเสียให้เขาเรียนมาก ๆ ให้มีความรู้เป็นสิ่งพาตัวเองให้ทระนงองอาจ และหาเลี้ยงตัวเองสืบไปในวันข้างหน้า รัฐยาตั้งใจเรียนเสมอ ผลการเรียนของเขาอยู่ในระดับดีมาก แม้จะเป็นโรงเรียนย่านชานเมืองไม่ใช่โรงเรียนที่โด่งดังมากนักก็เถิดนายดำรงไปสอบถามเรื่องเกี่ยวกับเขามาแล้ว หากเขาจะต้องอุปการะเด็กส
รัฐยาไม่ใส่ใจกับเรื่องนั้น เขายังไม่อยากจะคิดอะไรอีก เขาอยากจะไปพบแม่อีกสักหนหนึ่ง“เทียนอยากเจอแม่ฮะ…อยากไปงานของแม่…”คุณนายแสงเดือนทำท่าเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินรัฐยาสวนออกมาแบบนั้น“แหม…เธอนี่” เธอทำเสียงรำคาญอย่างเปิดเผย “ก็เดินไม่ได้ ขาเป็นอย่างนี้แล้ว ยังมีแก่ใจจะเดินไปงานแม่ตัวอีกหรือ…ฉันน่ะไม่บริการเธอถึงกับไปหารถเข็นมาพาเธอไปหรอกจ้ะ…นอนรักษาตัวก่อนเถิด นอนคิดสำนึกว่ามีคนใจดีขนาดนี้ ก็เป็นบุญคุณท่วมหัวแล้ว เรื่องแม่เธอก็ไม่ถึงกับเป็นศพไม่มีญาติ…ฉันถึงว่าบุญของเธอมันยังดี แถวนั้นออกจะเป็นบ้านนอก ยังมีคนไปพบเจอที่ใจบุญ”คุณนายไปแล้ว ทิ้งรัฐยาโศกเศร้าอย่างรุนแรง แล้วเธอก็ลากภากรกลับไปด้วยของอย่างนี้เธอคิดว่าต้องแยกลูกชายออกไปให้รวดเร็ว เธอไม่แน่ใจเพราะภากรของเธอเป็นคนใจอ่อนและแสนดีเกินไป“กลับบ้านกับแม่จ้ะ”////////////////////////////////////////////////////////ภากรไปหาภคินีที่บ้าน เมื่อหล่อนหายหน้าไปเลย พอเห็นเขา ภคินีก็ทำท่าเหมือนสะดุ้ง ก่อนจะยอมเข้ามาหา…ท่าทางของหล่อนยังขวัญเสียเมื่อดึงมือของเขาหลบออกไปจากสายตาของแม่ที่มองอย่างสนใจ“เป็นไงบ้าง…”เรื่องนั้นยังรบกวนหล