คอนโดมิเนียมสุดหรูขนาดใหญ่ จากที่เคยเงียบก็กลับกลายเป็นมีเสียงดังของเพื่อนสาวทั้งสองคุยกันอย่างออกอรรถรสอยู่บริเวณห้องนั่งเล่น
เอมมี่กำลังนั่งถามความเป็นมาอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่เธอก็ถามเรนนี่ไปแล้วว่าทำไมถึงเลิกกับแฟน เรนนี่ก็ยอมเล่าให้เธอฟังใหม่ตั้งแต่ต้นโดยไม่บ่นไม่ว่า
ส่วนผืนป่าและธีรภพกำลังนั่งรอทั้งสองอยู่บริเวณโต๊ะทานอาหารที่โซนห้องครัว เชื่อเถอะว่าพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้อยากสอดรู้สอดเห็น แต่เสียงของทั้งสองคนนั้นดังเข้าโสตประสาทไม่ยอมหยุด
ธีรภพวางแก้วไวน์ราคาแพงลงบนโต๊ะกระจกสีใส สายตาคมมองไปยังเอมมี่คนรักของตัวเอง รอยยิ้มประดับขึ้นที่มุมปาก
ผืนป่าเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว “หลงจนหาทางออกไม่ได้เลย”
“เออดิ กูยังคิดว่ากูฝันอยู่เลยที่เรื่องของกูกับน้องมันเป็นแบบนี้” ธีรภพตอบ ถึงเขาไม่ได้คิดว่าจะปล่อยให้เอมมี่เป็นของใคร แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องของเขาและเอมมี่มันจะลงเอยกันเร็วแบบนี้ แต่ก็ดีแล้วแหละเพื่อชดเชยเวลาที่หายไปนานหลายปี
“ดีใจด้วยนะ” ผืนป่าตอบเสียงเรียบ เขารู้ว่าเพื่อนของเขานั้นมีคนในใจมาตั้งแต่เรียนอยู่ที่ต่างประเทศ ธีรภพยึดมั่นและรักเดียวใจเดียว แรก ๆ ผืนป่าอยากรู้และสงสัยว่าคนคนนั้นของธีรภพต้องเป็นคนยังไงกัน ธีรภพถึงรักมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
จนวันที่ผืนป่าได้เห็นเอมมี่ครั้งแรกเขาก็รับรู้ทันที เอมมี่เป็นเด็กที่สดใส ใครอยู่ใกล้ก็มีความสุข มันจึงไม่แปลกเลยหากเพื่อนของเขาจะหลงจนหาทางออกไม่เจอ
“แล้วมึงล่ะ” ธีรภพเลิกคิ้วถาม
“กู?”
“ไม่คิดจะมีแฟนบ้างเหรอ จะสามสิบอยู่แล้วนะ”
“ไม่ล่ะ วุ่นวาย” ผืนป่ายักไหล่ตอบ
“เฮอะ ไอ้เสือยิ้มยากอย่างมึงเดี๋ยวก็ไปแพ้ทางใครสักคนเข้า” ธีรภพไม่ได้พูดไปเรื่อย เขาก็พอรู้ว่าผืนป่านั้นแพ้คนแบบไหน ผืนป่าดูซับซ้อน นิ่งเงียบ แต่จริง ๆ แล้วผืนป่าเป็นคนใจดี หากใครที่รู้วิธีเข้าหาก็เข้าถึงเพื่อนของเขาได้ไม่อยาก
“ไร้สาระ” ผืนป่าตอบ
“แล้วไม่สนใจหรือไง” ธีรภพไม่ได้ถามเปล่า สายตาเขามองไปยังคนสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟากลางห้องกว้าง
“น้องเอมมี่?” ผืนป่าหยอกเย้า
“ไอ้สัตว์ สงสัยไม่อยากแก่ตาย” ธีรภพก่นด่า
“ฮึ” ผืนป่าหัวเราะเล็กน้อย
“ไม่ลองหน่อยเหรอ” ธีรภพเอ่ยอีกครั้ง
ผืนป่าไม่ได้ตอบในทันที มือที่ควงแก้วใสในมือ สายตาคมมองไปยังผู้หญิงร่างบาง หน้าเล็กตาคมเฉี่ยวที่อยู่บนโซฟา มองทุกอิริยาบถของเรนนี่ รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก
“แล้วมึงว่าที่กูพาเพื่อนเมียมึงกลับมาห้องกูเพราะอะไรล่ะ?” ผืนป่าถามธีรภพ
“ฮึ กูเดาไว้อยู่แล้ว” ธีรภพตอบด้วยรอยยิ้ม
ผืนป่าไม่ชอบให้ใครมารุกล้ำพื้นที่ของตัวเอง แต่ครั้งนี้ผืนป่าเป็นคนพาเรนนี่กลับมาห้องของตัวเองขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ที่ผับก็มีห้องสำหรับแขกที่กลับไม่ไหว เขาเลือกที่จะพาเรนนี่ไปนอนที่นั่นก็ได้...
“แกไม่ไปอยู่กับฉันจริง ๆ เหรอ” เอมมี่กุมมือของเพื่อนเอาไว้
“ไม่เอาล่ะ” เรนนี่ปฏิเสธ
“แต่ฉันเป็นห่วงแกนี่นา” เอมมี่ตื๊อต่อ
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า เชื่อฉันสิ”
“ถ้าน้องเรนนี่ไม่มีที่ไป น้องเรนนี่อยู่กับเพื่อนพี่ก็ได้นะครับ” ธีรภพพูดขึ้นมา
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะพี่ธีร์ เรนนี่เกรงใจเขา” เรนนี่ชำเลืองสายตาไปมองเจ้าของห้องที่นั่งทำงานอยู่ไม่ไกล
“อย่างน้อยถ้าน้องเรนนี่อยู่กับเพื่อนของพี่ เอมมี่จะได้เบาใจ ใช่ไหมครับ” ธีรภพถามคนรักของตัวเอง
เอมมี่พยักหน้าระรัว “ถ้าแกไม่ไปอยู่กับฉันแกก็อยู่กับพี่ป่าก็ได้”
“แต่ว่า...” เรนนี่กำลังจะแย้ง
“ไอ้ป่า กูฝากดูแลน้องด้วยนะ” ธีรภพไม่สนใจเรนนี่ที่พยายามจะปฏิเสธ เขาหันไปบอกกับเพื่อนสนิทที่นั่งทำงานหน้าเครียด
“...เออ” ผืนป่าตอบกลับมาแค่นั้น
“งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน เจอกันพรุ่งนี้นะเพื่อนรัก” เอมมี่ตรงเข้ามาสวมกอดก่อนรีบขอตัวลาและเดินออกจากห้องไปเพราะไม่อยากให้เรนนี่หาเรื่องมาปฏิเสธเธออีกครั้ง
แขกผู้มาเยือนกลับไปแล้ว ห้องกว้างกลับมาเงียบสงบดังเดิม
เรนนี่ขบกัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย ก่อนเดินเข้าไปหาเจ้าของห้อง
“ฉันไม่รบกวนคุณหรอกน่า” เรนนี่พูดขึ้น
“เปล่า”
“เปล่านี่หมายถึงฉันไม่รบกวนคุณเหรอ” เรนนี่ไม่ค่อยเข้าใจเธอจึงถามออกไป
“ใช่”
เรนนี่ยิ้มเล็กน้อย “โอเค ฉันก็ไม่ค่อยอยากจะเสียน้ำใจคุณอยู่แล้วแหละ งั้นฉันขอรบกวนคุณหน่อยนะ สักสามสี่วัน”
“…” ผืนป่าไม่ตอบ เขาได้ยินเสียงของเรนนี่พูดด้วยความอารมณ์ดีจนเธอเดินหายเข้าไปในห้องที่เธออาศัยหลับนอนเมื่อคืนนี้
เสียงประตูปิดลง ผืนป่าเงยหน้าจากกองงานตรงหน้า รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นอีกครั้ง...
“หนูจะวางสายแล้วนะ” [หนูทำงานไปด้วยคุยกับพี่ไปด้วยไม่ได้เหรอครับ] “เราคุยกันมาจะชั่วโมงหนึ่งแล้วนะพี่ป่า” [คุยกับหนูทั้งวันพี่ก็ไหว] “อย่าทำเหมือนตัวเองเป็นวัยรุ่นได้ไหม จะสามสิบอยู่แล้วนะ” [เฮ้อ ก็ได้ครับ] “ไว้คุยกันตอนเย็นนะคะ” [ครับ ไว้เจอกัน] “ไว้คุยกัน ไม่ใช่ไว้เจอกัน!” [โอเค...คิดถึงหนูนะ] “หนูก็คิดถึงพี่ป่า” [ครับ งั้นพี่วางสายแล้วนะ] “ค่า วางไปเลย” สายถูกตัดไปทันทีที่เธอเอ่ยบอก เรนนี่นั่งยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของผืนป่า ตอนนี้ก็เข้าเดือนที่ 3 แล้วตั้งแต่ที่เธอรู้จักกับผืนป่ามา ผืนป่าเสมอต้นเสมอปลาย ติดเธอยังไงก็ยังคงติดเธอแบบนั้น วันนี้เป็นวันฝึกงานวันสุดท้าย เรนนี่ตั้งใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะรีบเดินทางไปหาผืนป่า ตั้งใจจะไปเซอร์ไพรส์ ตั้งแต่ที่เธอตกลงเป็นแฟนกับผืนป่า เธอก็ลองใจโดยการไปหาเพียงเดือนละครั้งถึงสองครั้ง ก่อนที่เรนนี่จะรักผืนป่าไปมากกว่านี้เธออยากจะแน่ใจว่าระยะทางที่ห่างกันจะมีผลต่อความสัมพันธ์
“พี่ป่า...หนูเหนื่อยแล้วนะ” เรนนี่พึมพำ สะลึมสะลืออยู่ในอ้อมอกของผืนป่า มือหนาที่สาละวนอยู่บนหน้าท้องขาวก็หยุดลง“พี่ป่าไม่ได้จะทำครับ พี่ป่าอยากลูบให้หนูเฉย ๆ”“ไม่จริง พี่ป่าหวังผล” เรนนี่เถียงกลับผืนป่าหัวเราะเล็กน้อย กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น “หนูอยากไปทำงานกับพี่ไหมครับ”“หนูจะไปกวนพี่ป่าไหม” เรนนี่หลับตาตอบ“ไม่กวน ให้หนูไปด้วยพี่น่าจะมีกำลังใจทำงานมากกว่า”“อือ...แต่หนูขอนอนแป๊บหนึ่งได้ไหมคะ”“ครับ นอนพักก่อน”ผืนป่าปล่อยให้เรนนี่พักสายตาชั่วโมงกว่า ๆ ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปปลุกด้วยการระดมหอมแก้มซ้ายทีขวาที เรนนี่รู้สึกจั๊กจี้จึงลืมตาตื่นขึ้นมา มือเรียวคล้องไปที่คอของผืนป่ารอยยิ้มหวานถูกส่งออกมา “พรุ่งนี้หนูต้องกลับแล้วนะ”“...” ผืนป่าเงียบ“ไว้หนูจะมาหาใหม่”“พี่ไม่อยากให้หนูกลับแต่พี่ก็เข้าใจ” เพราะเรนนี่กำลังฝึกงานอยู่ เขาไม่อยากจะขัด แต่เขาก็ไม่ได้อยากให้เรนนี่ห่างจากเขา“หืม พี่ป่างอแงเหรอ” เรนนี่เห็นสีหน้าที่แปลกไปก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม ใบหน้าหล่อเศร้าลงเล็กน้อย มุมปากเบะลงต่ำ“เฮ้อ” ผืนป่าทิ้งตัวลงบนเตียง ใบหน้าหล่อซุกลงที่ลำคอระหงเรนนี่พยายามกลั้นยิ้ม ผืนป่าน่ารัก...น่
เรนนี่สวมชุดเกาะอกสีอ่อน กระโปรงสั้นชนิดที่ขัดใจผืนป่า ผมปล่อยยาวตรง ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างดี ริมฝีปากบางน่าสัมผัส ผืนป่าเอ่ยปากชมเรนนี่ไม่ต่ำกว่าสามครั้งก่อนออกจากห้องเธอควงแขนผืนป่าเดินขนาบข้างไปที่ท่าเรือ ผืนป่าเหมาเรือเพื่อพาเรนนี่ดินเนอร์กลางแม่น้ำเจ้าพระยาแม้เรนนี่จะมีฐานะที่พอจะทำอะไรแบบนี้ได้ แต่เชื่อเถอะว่าเธอไม่มีทางทำมันเด็ดขาด แพงเกิน!หญิงสาวเอาแต่ยิ้มอยู่อย่างนั้น เธอดีใจที่ผืนป่าทำให้เธอขนาดนี้ ทำให้เธอโดยที่เธอไม่ต้องเรียกร้องเลยสักอย่าง สุดท้ายแล้วเรนนี่ก็อดไม่ได้ที่จะเอาไปเปรียบเทียบกับพีระ รายนั้นน่ะนอกจากไม่ออกเงินสักบาทยังรบเร้าให้เธอพาไปทานแต่อาหารแพง ๆ“คิดอะไรอยู่” ผืนป่าถามเมื่อเห็นว่าเรนนี่นั่งเหม่อโต๊ะทานอาหารที่อยู่กลางเรือ มีเพียงสองคนที่นั่งอยู่ ส่วนพนักงานต่างรอบริการอยู่ไกล ๆ เพราะผืนป่าบอกเอาไว้ว่าเขาชอบความเป็นส่วนตัว“คิดว่าหนูโชคดีที่ได้เจอพี่ป่า” เรนนี่ออดอ้อน“หนูอยากได้อะไร”“ทำไมเหรอ”“หนูอ้อนพี่ป่าทำไมครับ”“อ่า...” เรนนี่รู้สึกร้อน ๆ ที่หนู เธอแพ้กับคำพูดที่เรียกแทนตัวเองว่าพี่ป่า“หนูอยากดื่มไหม”“อยากค่ะ”“งั้นเดี๋ยวพี่เลือกเ
ร่างบางเปลือยเปล่า ไม่ได้สวมใส่อะไรนอนคว่ำหน้าบนหมอนนุ่ม ข้าง ๆ กันมีผู้ชายร่างสูงกำลังนั่งมองแผ่นหลังขาวเนียน มือหนาวางลงบนกลุ่มผมนุ่มอยู่อย่างนั้นผืนป่ายิ้มออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขารู้แค่เพียงว่าตอนนี้เขาอิ่มความสุขเสียเหลือเกิน...เรนนี่รู้สึกตัวจึงขยับตัวเล็กน้อย หันหน้ามาทางที่ผืนป่าอยู่ เปลือกตาสีไข่ ๆ ค่อยลืมขึ้น เมื่อเห็นว่ามีผู้ชายที่เปลือยเปล่านั่งอยู่ข้าง ๆ เรนนี่ก็รีบหันหน้าหนี“ทำไมพี่ป่าไม่ใส่เสื้อผ้า” เรนนี่ทักท้วง“หนูยังไม่ใส่ ทำไมพี่ต้องใส่ล่ะครับ” ผืนป่าตอบเสียงเรียบ“งั้นพี่ป่าก็เอาผ้าห่มคลุมไว้สิ” เรนนี่เถียงต่อ“ทำไมพี่ต้องทำแบบนั้น”“ก็...ก็ต้องอายหนูไง”“พี่ไม่อาย”“อายหนูหน่อยก็ได้ หนูยังอายเลย”“ครับ อายนิดเดียวก็ได้” ผืนป่าพูดจบเขาก็ทำสิ่งที่ทำให้เรนนี่ตื่นเต็มตา มือของผืนป่าจับมือของเรนนี่ไปวางไว้บนดุ้นยักษ์ที่กำลังหลับใหล“พี่ป่า!” เรนนี่ลืมตัวจึงหันกลับมาเรียกอีกคนเสียงดังลั่น แต่พอสบตาเข้ากับคนเจ้าเล่ห์ก็ต้องใจอ่อนยวบ ใบหน้าหล่อกำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาที่ไม่อาจต้าน“ว่าไงครับ” ยิ่งเจอน้ำเสียงออดอ้อนแบบนั้นเรนนี่ยิ่งอยากยกธงขาว...สุดท้ายเรนนี่ก็ทำในส
สองเท้าหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะที่เรนนี่นั่งอยู่ เขาส่งสายตาดุไล่คนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้หวังจะทักทาย สุดท้ายผู้ชายคนนั้นก็ถอยห่างออกไปเรนนี่เงยหน้ามาสบตา ยิ้มให้เขาเล็กน้อย “พี่ป่าเห็นหนูได้ยังไง”ผืนป่าใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม ไม่เจอกันนานหลายสัปดาห์ โผล่มาอีกทีก็มายิ้มหวานใส่เขาซะงั้น ใครมันจะไปไหนรอด“หนูมาที่นี่ได้ยังไง”“ไม่รู้”“…”“สงสัยความคิดถึงมันพาหนูมามั้ง”คำตอบที่ได้ทำเอาผืนป่ายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาเดินเข้าไปใกล้ หยิบกระเป๋าใบเล็กของเรนนี่มาถือไว้ในมือ มือหนากอบกุมมือเรียวเอาไว้ก่อนจะพาเรนนี่เดินออกมาจากร้านทันทีคอนโดมิเนียมสุดหรูคือจุดมุ่งหมาย แต่ทว่าต่างฝ่ายต่างนั่งเงียบไม่พูดไม่จา นั่งคนละฝั่งของโซฟา ผืนป่านั่งมองเรนนี่ส่วนเรนนี่เอาแต่ก้มมองเท้าของตัวเอง“พี่ป่าโกรธหนูไหม”ผืนป่าอยากตอบออกไปว่าไม่โกรธ แค่หนูโผล่มาอยู่ตรงนี้และเรียกเขาว่าพี่ป่าด้วยรอยยิ้มแบบนั้นเขาก็โกรธไม่ลงแล้ว แต่ทว่าผืนป่าก็อยากรู้ว่าเรนนี่ต้องการจะคุยอะไรกับเขา เขาเลยเล่นไปตามน้ำ “ให้พี่โกรธหนูเรื่องอะไร”“ที่หนูหายไปไม่บอก”“…” ไม่โกรธครับ พี่ไม่โกรธหนูเลย“โกรธหนูใช่ไหม” เมื่อเห็นว่าผืนป่าไม่ตอบ เ
ฉันกลับแล้วนะ ขอบคุณที่ให้ฉันอยู่ด้วยแล้วก็ขอโทษที่รบกวน-เรนนี่-กระดาษโพสต์อิทแผ่นเล็กแปะไว้บนบานประตูห้องนอนของผืนป่า เขาตื่นมาในช่วงสาย ๆ ของวัน ทันทีที่เปิดประตูห้องแล้วเห็นกระดาษแผ่นเล็กแผ่นนั้นใจเขาก็รู้สึกวาบโหวง แม้จะอยู่ด้วยกันไม่กี่วันแต่เขาก็ชอบมากกว่าเขาอยู่เพียงลำพังร่างสูงเดินไปนั่งลงบนโซฟา มือก็ถือกระดาษแผ่นนั้นเอาไว้ มองมันสลับไปมากับห้องนอนของเรนนี่ที่เปิดค้างอยู่ ไม่รอช้าเขาก็รีบเดินเข้าไปภายในกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ยังคงลอยทั่วห้องนอนเล็ก เสื้อผ้าบางชุดยังคงแขวนอยู่ในตู้ ครีมบางตัวยังวางอยู่ในห้องผืนป่ายกยิ้มขึ้นเบา ๆ หากเจ้าของเขาทิ้งของเอาไว้แบบนี้แสดงว่าเดี๋ยวก็คงกลับมาเอาจากที่จิตใจห่อเหี่ยวก็กลับมาสดใสอีกครั้ง ผืนป่าไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะนัดเพื่อนออกไปทานอาหารกลางวันร้านอาหารที่มีห้องส่วนตัวคือจุดหมาย ผืนป่าไม่ชอบความวุ่นวาย เวลาเขาจองห้องอาหารเขาจึงเลือกร้านที่มีห้องวีไอพีเขาไปนั่งรอสักพักไม่นานนักเมย์ก็มาถึง“อ้าว ไอ้ธีร์ยังไม่มาเหรอ” เมย์เห็นห้องโล่งก็เอ่ยถาม“ยัง”“แล้วทำไมแกมาคนเดียวล่ะ” เมย์นั่งลงตรงกันข้าม “ธีร์มันโม้ให้ฉันฟังว่าแกมีเด็ก” เพื่อนสาววางกระ
หลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายที่ผับของผืนป่า เขาก็ได้พาเรนนี่กลับทันที เขาไม่มีอารมณ์จะมานั่งทำงานต่อตลอดทางกลับไปยังคอนโดมิเนียมหรูไม่มีเสียงพูดใด ๆ ผืนป่าดูอารมณ์ร้อนเล็กน้อย ส่วนเรนนี่ก็เอาแต่นั่งเงียบเพราะความเขิน แต่ผืนป่ากลับคิดว่าที่เรนนี่นั่งเงียบมันเป็นเพราะพีระ เพราะวันนี้เขายังได้ยินเรนนี่ร้องไห้เพราะเรื่องไอ้เวรนั่นอยู่เลยสองเท้าก้าวเข้าไปในห้อง เรนนี่ถอดรองเท้าและเปลี่ยนเป็นรองเท้าสลิปเปอร์สีเข้มที่เอาไว้ใส่ในห้อง เธอทำเหมือนกับว่าที่นี่คือห้องของเธอ ถึงอยู่ได้ไม่กี่วันแต่เธอยอมรับว่าเธอรู้สึกปลอดภัยในตอนที่เธออยู่ที่แห่งนี้“หิวหรือเปล่า” ผืนป่าเป็นคนพูดขึ้นมาก่อนเรนนี่ส่ายหัวก่อนเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาผืนป่าพยักหน้าทั้ง ๆ ที่เรนนี่ไม่เห็น เขาปลดกระดุมออก ก่อนพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นถึงบริเวณข้อศอก ร่างสูงเดินตรงไปยังตู้เย็นก่อนเปิดหาน้ำเย็นเพื่อดื่มดับความลุ่มร้อนในหัวใจเรนนี่กัดริมฝีปากล่าง เธอขบคิดอะไรอยู่ในหัว สงสัยแต่ก็ไม่แน่ใจว่าควรถามมันออกไปหรือเปล่า...โซฟาข้างกายยวบลงบ่งบอกเธอว่าเจ้าของห้องได้มานั่งข้าง ๆ ผืนป่านั่งขาไขว่ห้างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์สั่งงานลูกน้อง ปกติ
“อย่าทำอะไรน้องถ้าน้องไม่ยอมนะ” ธีรภพที่นั่งดื่มกับผืนป่าบนชั้นสอง มองลงไปด้านล่างเห็นเอมมี่และเรนนี่กำลังคุยกันอยู่“กูไม่ได้เลวขนาดนั้น”“กูรู้ แต่กูกลัวมึงหน้ามืดตามัวเห็นของชอบใกล้ ๆ กลัวมึงจะอดใจไม่ไหว” ธีรภพวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะ มองหน้าเพื่อนของตัวเอง“...” ผืนป่ายกยิ้ม“เอมมี่เป็นห่วงเพื่อนมาก ๆ” ธีรภพพูดขึ้น “หวังว่ามึงจะไม่ทำอะไรให้เมียกูเสียใจนะที่ไว้ใจผิดคน”“เออ ไม่ต้องย้ำ”ผืนป่าไม่ได้ชวนคุยอะไรต่อ เขาเอาแต่มองลงไปยังชั้นหนึ่ง มองหน้าหญิงสาวที่อาศัยอยู่กับเขามาหลายวัน อยู่ ๆ หัวคิ้วเขาก็ขมวดเป็นปมเมื่อมีผู้ชายเข้ามาทักทายเรนนี่ถึงโต๊ะ ทั้ง ๆ ที่เขาให้การ์ดมายืนเฝ้าที่โต๊ะแล้วแท้ ๆ ไอ้เวรนั่นมันกล้าดียังไงวะ“ฉิบ เมียกู” ธีรภพวางแก้วลงบนโต๊ะรีบร้อนจะลุกออกไปแต่ก็ไม่ทันผืนป่า ที่ลุกหายไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ “เร็วกว่ากูอีก” เขาบ่นพึมพำแล้วรีบก้าวเท้าตามลงไป“ว่าไงครับเรนนี่” พีระที่สวมเสื้อยืดสีขาว เอาเสื้อเข้าด้านในกางเกงยีนสีซีด พีระไม่ใช่คนหน้าตาดี แต่เขาเป็นคนที่แต่งตัวเก่ง“…” เรนนี่เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง“ออกไปจากโต๊ะพวกเราเถอะ” เอมมี่เป็นคนเอ่ยบอก“ได้ยังไงล่ะ ไหน ๆ
เรนนี่ตั้งสติก่อนยิ้มออกมา ผืนป่าไม่ใช่คนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ แบบที่เอมมี่บอก“งั้นแสดงว่าคุณกำลังคิดอกุศลกับฉัน...ใช่ไหม” เรนนี่ไม่ได้กลัว หากอีกคนเป็นไฟเธอก็พร้อมที่จะเป็นน้ำมัน“...”“ชอบฉันหรือไง” เรนนี่ขยับเข้ามาใกล้ ใช้ขาหนึ่งข้างเกยไปบนหน้าขาแกร่ง“ฮึ”“ทำไมไม่ตอบล่ะ”หมับมือหนาวางลงบนต้นขาขาว เรนนี่เบิกตาโพลง ตกใจและตื่นเต้นกับไอร้อนของฝ่ามือที่สัมผัสอยู่ที่หน้าขาของเธอ“ฉันว่าฉันเตือนเธอแล้วนะ” ผืนป่าบอก ใบหน้าเขาตอนนี้ราวกับสัตว์ป่าที่กำลังหิวกระหาย“คะ...คุณ” เรนนี่อึกอักเมื่อมือร้อนนั้นเริ่มลากไล้“ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าเธอไม่ลุกหนีฉันจะคิดว่าเธอรู้สึกแบบเดียวกันกับฉัน”ไม่ทันที่ผืนป่าจะเริ่มนับ เรนนี่ก็วิ่งหนีหายเข้าไปในห้องตัวเองเสียแล้วปังเสียงปิดประตูดังลั่น ผืนป่าหัวเราะออกมาเบา ๆ “น่ารัก” พร้อมกับพึมพำกับตัวเองอีกฝั่งของประตู หญิงสาวที่วิ่งหนีกลับเข้าห้องทรุดตัวลงกับพื้น มือเรียวกุมเอาไว้ที่ตรงกลางระหว่างอก สัมผัสเมื่อกี้มันทำให้เธอใจเต้นแรงจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ไหนจะใบหน้าหล่อที่มีแว่นปกปิดอยู่ใกล้เพียงไม่กี่คืบ เรนนี่อาจจะเป็นโรคภูมิแพ้...หมายถึงภูมิแพ้คนหล่อเพ