ศูนย์อาหารของโรงพยาบาลคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ทั้งเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลรวมถึงญาติคนไข้ที่นั่งจับจองโต๊ะตามมุมต่างๆ
อัยย์ญาดาก้มหน้าก้มตาเดินถือถาดอาหารผ่านแถวโต๊ะด้านหน้า เธอเลือกนั่งโต๊ะว่างตรงมุมด้านในสุด พยายามอยู่ในโซนที่คนไม่ค่อยเดินผ่าน เธอแค่อยากกินข้าวเงียบๆ แล้วกลับขึ้นไปพักไม่อยากให้ใครมาสนใจ
แต่แล้วความรู้สึกเย็นวาบแบบไม่มีสาเหตุแผ่ซ่านขึ้นมา
เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนสายตาจะเผลอปะทะกับใครบางคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากนั้นนัก
ผู้ชายร่างสูงในชุดกาวน์สีขาวใบหน้าคมคายกับแววตาที่มองมาอย่างชัดเจนราวกับจำเธอได้ทันทีหมออรรค
หัวใจของอัยสะดุดวูบเธอจำเขาได้เขาคือเพื่อนสนิทของคฑา คนที่เธอเคยพบในช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่เธอพยายามลืมแต่ไม่เคยลืมได้เลย
เธอเบือนหน้าหนีทันที ก้มลงมองข้าวตรงหน้าโดยไม่สนใจว่าในถาดนั้นเธอเพิ่งตักอะไรมา
“เขาคงจำไม่ได้หรอกคนไข้เขามีเป็นร้อย” เธอบอกตัวเองในใจ
แต่แววตาของเขาเมื่อครู่มันตรงเกินไป จ้องเกินไปเหมือนมองทะลุผ่านเวลา มองกลับเข้ามาในอดีตของเธอ
อัยย์ญาดากลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกถึงเหงื่อที่เริ่มซึมฝ่ามือ เธอไม่หันกลับไปมองอีกไม่แม้แต่จะเหลือบสายตามือคีบช้อนส้อมแน่นแล้วค่อยๆ ตักข้าวใส่ปากราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ไม่เคยมีอยู่เลย แต่เธอก็รู้ว่าเธอไม่ได้โชคดีเท่าไรนักในวันนี้
ทางด้านอรรคที่จำอัยย์ญาดาได้ตั้งแต่แรกเห็นเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นสวยสะดุดตาทั้งเขายังจำได้ว่าหญิงสาวนั้นเคยขอร้องให้เขาช่วยอะไรและเขาได้ช่วยอะไรหญิงสาวไปบ้าง สิ่งที่เขาทำไม่ใช่การเอาเรื่องนี้ไปบอกกับคฑาแต่เขาจะทำการวางแผนให้ทั้งสองคนได้เจอกันอย่างแน่นอน
ที่เขาตามมาที่โรงพยาบาลเพราะชนิตาส่งข้อความมาบอกว่าลูกชายของอัยย์ญาดาป่วย เขาที่เป็นหมอเด็กจึงรับอาสาเป็นเจ้าของดูแลลูกชายของหญิงสาว
ที่ผ่านมาเขารู้ความเคลื่อนไหวของหญิงสาวมาตลอด แต่ไม่ยอมบอกคฑาเพราะหวังจะให้เรื่องนี้เป็นบทเรียน คงถึงเวลาแล้วที่จะให้ทั้งสองหันหน้ามาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง
เพราะอรรคดูแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวนั้นอยากที่จะจำเขาไม่ได้ และหญิงสาวก็คงจะคิดว่าเขาจำเธอไม่ได้ แต่มีหรือคนที่ชอบใส่ใจเรื่องชาวบ้านแบบเขาจะจำไม่ได้ต่อให้เวลาจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตามแต่เขาจำเธอได้และคิดว่าไม่มีทางผิดตัวอย่างแน่นอน
“กูจะทำให้มึงสำนึกผิดให้ได้” มีที่ไหนที่ไล่ให้เมียไปทำแท้งลูกของตัวเอง ถึงแม้มันจะพูดไม่คิดแต่สำหรับผู้หญิงจะเจ็บปวดแค่ไหน
ทันทีที่ก้าวออกมาจากศูนย์อาหาร อัยก็แทบไม่เสียเวลาแม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง มือเธอกำถุงของแน่น ร่างกายเร่งฝีเท้าจนแทบจะกลายเป็นวิ่งเบาๆ ผ่านโถงทางเดินที่ทอดยาวของโรงพยาบาล
หัวใจเธอเต้นแรงเหมือนถูกไล่ตามเธอไม่มั่นใจว่าอรรคจะเดินตามมาหรือไม่ หรือจะโทรบอกใครบางคนที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด
แค่คิดชื่อเขาในหัว ใจเธอก็เหมือนจะหล่นวูบ
เธอส่ายหน้าไล่ความคิดออกไป ก่อนจะหยุดอยู่หน้าห้องผู้ป่วยแล้วรีบผลักประตูเข้าไปทันทีที่เข้ามา กลิ่นยาอ่อนๆ กับแสงไฟนวลก็โอบล้อมเธอไว้
คชายังนอนหลับอยู่บนเตียง เครื่องวัดสัญญาณชีพยังส่งเสียงจังหวะเบาๆ เป็นจังหวะคงที่หัวใจของเธอค่อยๆ ผ่อนแรงลง
เธอเดินเข้าไปใกล้ เตียงลูกชายคือที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้
ไม่นานนัก ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้งโดยไม่ต้องเคาะเป็นชนิตาที่กลับมาพร้อมแก้วกาแฟในมือ
“อัย เป็นยังไงบ้าง?”
“อีกไม่นานน้องคชาคงตื่น”
ชนิตายิ้มบางๆ เดินเข้ามานั่งข้างเธอ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างใจเย็น
“พี่จะอยู่เป็นเพื่อนนะ ไม่ต้องห่วงเรื่องที่บ้านหรอก เดี๋ยวปีเตอร์ก็จัดการเองได้”
“ไม่ต้องหรอกพี่ตากลับเถอะ อัยอยากอยู่กับลูกพี่ตากลับบ้านไปพักก่อน”
“แน่ใจเหรอ? วันนี้ดูไม่ปกติเลยนะ...”
อัยเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะฝืนยิ้มจางๆ แล้วพูดเสียงเบา
“แค่เหนื่อยน่ะไม่มีอะไรหรอกอัยโอเคจริงๆ”
ชนิตาจึงกลับและจะแวะมาอีกทีพรุ่งนี้เช้า ก่อนจะกลับจึงแวะคุยกับหมออรรคก่อน แต่ฝ่ายนั้นไม่ยอมปริปากเรื่องของอัยย์ญาดาเลย
“น้องคชาตื่นได้แล้วลูก”
เธอตั้งใจตั้งชื่อลูกให้คล้ายกับเขา เพราะเขาคือตัวแทนความรักของเธอ สำหรับเขาลูกคือความผิดพลาดแต่สำหรับเธอลูกคือโลกทั้งใบของเธอ
เด็กชายคชาภัทร คีรานนท์ เด็กน้อยที่เธอเฝ้าเลี้ยงดูมาอย่างดี ใบหน้าของลูกชายถอดคนเป็นพ่อมาแบบเป๊ะทุกอย่าง
เธอเงียบมาเนิ่นนาน เหม่อมองใบหน้าเล็กที่ยังนอนหลับดวงตาใต้เปลือกตานั้นเคลื่อนไหวเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังฝันอะไรบางอย่าง
“...อัย” เสียงแผ่วๆ ดังขึ้นเบาเหมือนลมพัด
อัยย์ญาดาสะดุ้งเบาๆ ก่อนจะรีบก้มลงมองทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความดีใจ
“น้องคชาลูกรู้สึกตัวแล้วเหรอลูก เจ็บตรงไหนบ้างแม่สิคะ”
ดวงตาคู่เล็กลืมขึ้นช้าๆ กะพริบปริบๆ ก่อนจะหรี่ตาเหมือนแสงไฟมันจ้าเกินไป เขายกมือเล็กๆ ขึ้นขยี้ตาแล้วหันมามองหน้าแม่
“ฮึ่ม คชาไม่เป็นอาราย คชาเป็น...ผู้ชาย!”
เสียงเล็กเจื้อยแจ้วพูดออกมาแบบติดขัดแต่หนักแน่น จมูกโด่งเล็กๆ เชิดขึ้นนิดๆ อย่างภาคภูมิ
เธอหลุดหัวเราะเบาๆ ทั้งน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอจับมือเขาแน่นขึ้นอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากสั่นเล็กน้อยด้วยความโล่งใจสุดหัวใจ
“จ้าน้องคชาเป็นผู้ชายตัวเก่งของแม่เลย” เธอก้มลงหอมหน้าผากเขาเบาๆ
เด็กน้อยย่นจมูกแล้วหัวเราะคิกๆ ก่อนจะพูดต่อทั้งที่ยังพูดไม่ชัด
“คชาม่ายเจ็บแย้ว คชาแค่หงายตูด ฮึ่บ! หล่นตุ้บเลย”
“โอ๊ย รู้จักพูดนะเราตัวแค่นี้” อัยย์ญาดาหัวเราะทั้งน้ำตามือข้างหนึ่งลูบหัวเขาเบาๆ ขณะที่คชายังคงพูดต่อเจื้อยแจ้วไม่หยุด
เสียงเด็กเล็กๆ ที่พูดไม่ชัดกับท่าทางพยายามทำให้แม่สบายใจแม้จะยังนอนอยู่บนเตียง ก็ทำให้หัวใจเธอที่หนักอึ้งมาทั้งวันค่อยๆ คลายลง
อย่างน้อยลูกของเธอก็ยังยิ้มได้ และนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับวันนี้
พยาบาลเข้ามาวัดไข้เป็นระยะตลอดทั้งคืน อัยย์ญาดาไม่หลับเพราะกลัวลูกจะปวดแผล และเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะไข้ขึ้นสูงและงอแงตลอด จนพยาบาลต้องเข้ามาฉีดยาแก้ปวดให้
“สวัสดีค่ะคุณแม่ ขอเปลี่ยนกระปุกน้ำเกลือกับฉีดยานะคะ”
พยาบาลสาวหันไปมองเด็กชายตัวน้อยที่นอนอยู่บนเตียง ซึ่งทันทีที่น้องคชาเห็นพยาบาลสาวใบหน้าเล็กๆ ก็แสดงอาการตื่นเต้นแบบปิดไม่มิด
ใบหน้าเด็กชายหล่อตั้งแต่เด็กผิวเนียนใส ใบหน้าคล้ายกับเจ้าของโรงพยาบาลมาก แต่ไม่มีใครกล้าทัก
“พะ พี่คนสวย” คชายกมือขึ้นชี้ก่อนจะยิ้มแฉ่งจนตาหยี
พยาบาลถึงกับหัวเราะเบาๆ มองหน้าน้องด้วยความเอ็นดู
“โอ้โห~ ปากหวานเชียวลูก”
คชาไม่ยอมจบแค่นั้นเขาพยายามลุกขึ้นนั่ง แล้วพูดต่อทั้งที่ยังออกเสียงไม่ค่อยชัดนัก
“พี่สวยกว่าการ์ตูนเลย!”
“หื้ม~ สวยกว่าการ์ตูนเหรอคะ งั้นพี่ต้องขอบคุณน้องคชภัทรแล้วชื่อเล่นอะไรเอ่ย” พยาบาลพูดพร้อมกับก้มลงหยิบเข็มฉีดยาอย่างเบามือ
“คชาฮะ” รีบบอกชื่อตัวเองทันที
คชาเห็นเข็มแล้วตาโต รีบชี้พร้อมย่นจมูก
“แต่พี่อย่าเจี๊ยบน้า~”
“ไม่เจ็บหรอกค่ะ พี่เบามือที่สุดในโลกเลย” พยาบาลพูดยิ้มๆ
คชาเบะปากนิดหนึ่งแต่พอเห็นรอยยิ้มหวาน ของพี่พยาบาลเขาก็ยอมเกร็งแขนให้ฉีดยาแต่โดยดี แล้วพูดขึ้นเบาๆ
“เสร็จขอจีบได้ไหมนะ~”
อัยย์ญาดาที่นั่งมองอยู่ข้างเตียงถึงกับหลุดหัวเราะแล้วเอามือกุมขมับ ส่วนพยาบาลก็หัวเราะจนตัวสั่น
“ตายจริง นี่ป่วยหรือมาจีบสาวกันแน่คะเนี่ย”
คชายิ้มกว้างภูมิใจสุดชีวิต ทั้งที่น้ำเกลือเพิ่งหยดได้ไม่ถึงครึ่งขวด
พยาบาลสาวเข็นรถออกมาและหันป่านชื่อเด็กน้อยอีกครั้ง คชาภัทร ชื่อคล้ายเจ้าของโรงพยาบาลไม่พอใบหน้ายังมาคล้ายคลึงกันอีก อาจารย์คฑายังโสดนี่คิดไปไกลแล้วว่าคุณหมอแอบไปซุกลูกเมียไว้
“คุณแม่ขาหนูอยากเล่นน้ำแล้ว” เสียงเด็กหญิงวัยสี่ขวบดังขึ้นและวิ่งเข้ามาหาแม่ที่นั่งรออยู่ข้างสระน้ำ “ลูกสาวแม่แต่งตัวแบบนี้พ่อหวงตายเลย” อัยย์ญาดาหอมแก้มลูกสาว น้องอันนา หรือเด็กหญิงสาวอัยย์ญาวี แบล็คธอร์น ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของคฑา วันนี้ครอบครัวเธอมาเที่ยวพักผ่อนที่ทะเลทางภาคใต้ ซึ่งกว่าคุณพ่อเขาจะมีเวลาพามาเกือบหนึ่งปี เล่นเอาลูกๆ น้อยใจ “ลงไปเล่นน้ำกันนะคะ” “ได้เลยค่ะ” อัยย์ญาดาถอดเสื้อคลุมออกเธอใส่ชุดว่ายน้ำแบบสายเดี่ยวข้างล่างเป็นกระโปรง สองแม่ลูกเล่นน้ำในสระน้ำของโรงแรมเพราะตอนกลางวันแดดร้อนจึงไม่พาลูกลงทะเล หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่เห็นแบบนั้นถึงกับมองไม่ละสายตา เพราะคุณแม่นั้นสวยมากแถมลูกสาวน่ารักไม่น้อย “ป๊ารอคชาด้วยสิ” “บอกแล้วไงว่าอย่ากินเยอะ” คฑามองหาแม่ของลูกเพราะมัวแต่พาลูกชายเข้าห้องน้ำ แต่พอมาถึงกลับไม่เห็นสาวๆ นั่งอยู่ที่เดิม “ไปไหนกัน” เรียกว่าเขาไม่ปล่อยให้สองแม่ลูกละสายตาเลย เพราะไม่ชอบเวลาที่มีผู้ชายคนอื่นมอง “นั่นไงคุณแม่เล่นน้ำกับน้องคชาไปเล่นด้วยดีกว่า” คช
บทสัมภาษณ์พิเศษ แบบส่วนตัวกับอาจารย์หมอสุดหล่อผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ หลังจากเพิ่งประกาศสละโสดแบบสายฟ้าแลบ “คุณหมอคฑาผู้ชายที่รักเมียจนสาวทั้งประเทศต้องถอนตัว” “ภรรยากับลูกคือทุกอย่างของผมครับ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านั้นแล้ว” นักข่าว : “สวัสดีค่ะคุณหมอคฑา วันนี้เรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้มาสัมภาษณ์คุณหมอที่ทั้งเก่ง ทั้งอบอุ่นแถมยังเป็นเจ้าของหัวใจสาวๆ ทั้งประเทศ” คฑา : (ยิ้มนิดๆ) “ขอบคุณครับแต่ความจริงหัวใจผมมีเจ้าของแล้วนานมากเลยนะครับ” นักข่าว : “มีข่าวลือว่าคุณหมอคลั่งรักเมียจริงไหมคะ?” คฑา : หัวเราะเบาๆ “ผมไม่ปฏิเสธนะครับ เพราะสำหรับผมอัยกับคชาคือลมหายใจ คือบ้านคือความหมายของชีวิต ถ้าการรักภรรยาและลูกมากๆ จะเรียกว่าคลั่งรัก ผมก็ยอมเป็นแบบนั้นทั้งชีวิตครับ” นักข่าว : “แล้วมีเคล็ดลับยังไงในการรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่นแบบนี้ตลอดมา?” คฑา : “ผมเคยพลาดครับเคยกลัวการมีครอบครัวจนวันหนึ่งผมเสียพวกเขาไป แต่ก็ทำให้เรากลับมาเจอกันอีกครั้ง ทุกวันนี้ผมตื่นมากอดลูกกอดภรรยาฟังเขาพูดฟังเขาบ่น
กลางห้องโถงสายตาทุกคู่จับจ้องไปยังชายหญิงที่ยืนเคียงกันบนเวทีเล็กๆ ที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวและชมพู พวกเขายิ้มให้กันด้วยแววตาอ่อนโยนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผ่านวันคืนมายาวนาน แต่สิ่งที่ทำให้วันนี้พิเศษเหนือใคร ไม่ใช่แค่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวแต่เป็นเด็กชายตัวน้อยในชุดสูทจิ๋ว ที่ยืนอยู่เคียงข้างพ่อแม่ของเขา “ปะป๊า หล่อจังเลย” เสียงเล็กๆ เอ่ยขึ้นพลางยกมือจับมือพ่อไว้แน่น “หล่อกว่าปะป๊าอีกนะครับวันนี้” หลังจากที่เขาพาอัยย์ญาดาเข้ามาอยู่ในบ้านหลังจากนั้นสองเดือน ก็ตกลงจัดพิธีแต่งงานขึ้นเพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าเขามีเจ้าของแล้ว อัยย์ญาดามองภาพตรงหน้า แววตาเปี่ยมสุข รอยยิ้มของเธอสว่างไสวกว่าดอกไม้ทั้งหมดในงาน เธอเอื้อมมือมาแตะแก้มลูกชายเบาๆ ก่อนจะหอมฟอด “วันนี้เราไม่ได้แต่งงานแค่กันและกันนะ แต่เรากำลังสร้างครอบครัวจริงๆ ครอบครัวที่มีพวกเราสามคน” คฑาสบตากับหญิงสาว เสียงปรบมือดังกึกก้องขณะที่ทั้งสามคนยืนเคียงกันพ่อแม่และลูกชายเป็นภาพที่ทั้งอบอุ่นและสมบูรณ์แบบ “เจ้าบ่าวดื่มก่อนดิ” เพลิงยื่นเหล้าให้ซึ่งเป็น
“หยุดได้แล้วยาหยีคุณมาทำอะไรที่นี่! กลับไปซะ” คฑาต่อว่าหญิงสาวที่มาสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น “ปล่อยฉัน! คฑายาหยีถามคุณหน่อยเถอะมันทำเสน่ห์ใส่คุณหรือไงถึงได้หลงมันขนาดนี้” เขาทำลายอนาคตของเธอทุกอย่าง จนเธอหมดอนาคตกับวงการแพทย์ที่เธอภูมิใจ “อย่ามาวุ่นวายกับคนของผมอีกยาหยีคุณมันน่ารังเกียจทำร้ายได้แม้กระทั่งเด็ก” “มันวิ่งตกบันไดเองยาหยีไม่ได้ทำ” ก็เธอไม่ได้ทำแบบนั้นจริงๆ พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อเธอ “แต่คุณก็ไม่ช่วยคนเป็นหมอเขาไม่มีพฤติกรรมแบบคุณหรอก” ไม่มีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ แถมยังมีสารเสพติดไว้ครอบครอง “ความเป็นคนคุณก็ไม่มีเหมือนกันแหละไม่อย่างนั้นมันไม่หอบลูกหนีมาหรอก” ยาหยีหันไปมองอัยย์ญาดา ทำตัวไร้เดียงสาเพื่อจับผู้ชาย “อัยเราเข้าบ้านกันดีกว่าทางนี้เดี๋ยวปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเขาจัดการเอง” คฑากุมของอัยย์ญาดาไว้แน่นหันหลังกำลังจะเดินเข้าบ้าน “ไม่นะคฑา ฮึก ยาหยีทำเพื่อคุณขนาดนี้คุณไม่มองบ้างเหรอ” ยาหยีวิ่งมาเกาะขาของคฑาไว้แน่น ทำให้คนที่เห็นเหตุการณ์ตกใจ “ไอ้อรรคมึงลากผู้หญิงคนนี้ออกไปสิ!”
ยาหยีกลับมาถึงกรุงเทพยังไม่ทันได้ก้าวลงจากรถ หญิงสาวกลับได้รับสายจากนักข่าวจากสำนักจนเธอเองก็แปลกใจว่าพวกเขาจะถามเธอเรื่องอะไร เธอกดเข้าไปดูข่าวที่พาดหัวตัวโตบนหน้าจอ “คุณหมอสาวลูกหลานไฮโซชื่อดัง 'ยาหยี' กับภาพหลุดสุดอื้อฉาว เปลือยกายแนบชิดกับชายหลายคนพร้อมคลิปปาร์ตี้ยาเสพติดสุดกร่างในบ้านหรู” ภาพบนหน้าจอใบหน้าเธอในสภาพเมามาย คลิปเสียงหัวเราะดังลั่นภาพเบลอแต่ชัดพอจะรู้ว่าเป็นเธอแน่นอน “ไม่นะ ไม่นะใครมันกล้าทำแบบนี้ กรี๊ดดดดด” เธอรีบกดดูคลิปที่แชร์ว่อนในแอปต่างๆ มือไม้สั่น น้ำตารื้นขึ้นมาช้าๆ พอคลิปตัดไปภาพสุดท้ายภาพที่เธอนอนหลับเปลือยข้างชายแปลกหน้าเธอโยนมือถือกระเด็นลงพื้น “คฑา! แกมันสัตว์นรกเล่นแรงถึงขนาดนี้เลยเหรอ” ยาหยีกรีดร้องจนคนในบ้านได้ยินต่างพากันออกมามุงดู กลัวว่าพ่อแม่จะมาเห็นเธอเสียก่อนจะรีบขับรถออกมา พร้อมกับความโกรธแค้นที่คฑาทำกับเธอแบบนี้ เขาไม่แจ้งความเธอแต่เล่นเอาเธอไม่มีที่ยืนในสังคม เป็นบังคับกันทางอ้อมเพื่อให้เธอลาออกจากการเป็นแพทย์ ความดีที่เป็นเพื่อนกันมาเขามองไม่เห็นเลยหรือ ผนังทั้งสี่ด้านเต็มไปด้
อัยย์ญาดามารับลูกเกือบเที่ยงพอดี วันนี้มีลูกค้ามาเหมาร้านดอกไม้เลยปิดร้านเร็ว แต่พอจะเข้าไปหาคฑาเธอกลับแปลกใจเพราะได้ยินคนคุยกันเรื่องเด็กหายไป “ขอโทษนะคะไม่ทราบว่าเด็กที่ตามหากันอยู่ชื่ออะไรคะ” “ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลค่ะชื่อน้องคชา” ประชาสัมพันธ์สาวตอบเพื่อหวังว่าจะได้ง่ายต่อการตามหา อัยย์ญาดาที่รู้ว่าลูกชายเธอหายไปก็รู้สึกโกรธชายหนุ่มเป็นอย่างมากที่เธอแค่ฝากลูกไว้กับคฑาแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่อีกฝ่ายกลับทำลูกหาย เธอรีบไปหาคฑาทันทีแต่พอจะเดินผ่านบันไดหนีไฟกลับได้ยินเสียงเด็กร้องไห้พอดี เธอรู้ทันทีว่านั่นคือเสียงลูกชายสุดที่รักของเธอ “น้องคชา! ฮึก ลูกมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง” เธอเห็นสภาพลูกชายรีบวิ่งเข้าไปหาและกอดลูกไว้ ตอนนี้ที่คิ้วด้านซ้ายมีเลือดไหลไม่หยุด เธอใจจะขาดแทนลูกและโกรธที่คฑาดูแลลูกไม่ดี “อัยจ๋า แง่งงง” คชาที่เห็นแม่จึงร้องไห้เสียงดังมากกว่าเดิมและชี้ไปที่แขนตัวเองว่าขยับไม่ได้ “เจ็บตรงไหนบอกแม่สิ” “ขยับไม่ด้ายยย อัยจ๋า” คฑาที่ได้ยินเสียงลูกจึงรีบเปิดประตูเข้ามาหัวใจคนเป็นพ่อแทบแตกสลายเขารีบเข้ามาอุ้ม จากอ้อมแข
อัยย์ญาดาที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าคฑากำลังจ้องมองเธออยู่ เธอก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาและทำให้เธอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนว่าเธอได้ทำอะไรลงไป ก่อนที่เธอจะเลือกมองนาฬิกาแล้วเห็นว่าเป็นเวลาหกโมงกว่าเธอจึงได้รีบลุกขึ้นลงจากเตียงลูกชายของเธอคงใกล้จะตื่นแล้วเธอต้องรีบไปหาลูกชาย คฑามองแผ่นหลังของเธอไปจนลับสายตา เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู คุณย่าของเขาติดต่อมาหลายสายทำให้เขาแปลกใจ “ครับคุณย่า” “กลับบ้านมาเคลียร์ปัญหาเดี๋ยวนี้เลยคฑาเรื่องที่เรามีลูกคือความจริงใช่ไหม” “ใครไปบอกคุณย่า?” เขารอทุกอย่างลงตัวจึงจะพาลูกชายกับเมียไปไหว้คุณย่า เราตกลงกันว่าจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัว “กลับมา!” “ครับผมจะกลับไปแต่ไม่ใช่วันนี้” เขาวางสายมีไม่กี่คนที่รู้ว่าเขามีลูกแล้วข่าวมันถึงหูคุณย่าได้อย่างไร แต่กลับไปอธิบายให้ท่านฟังเรื่องงานหมั้นหมายคงยกเลิกถาวร “ป๊าฮะ” คชาเห็นพ่อลงมาจึงเรียกเสียงดังวิ่งไปเกาะขาพร้อมส่งยิ้มให้ “คนเก่งของป๊า” ได้ยินลูกเรียกตัวแบบนั้นเขาดีใจจนบอกไม่ถูก สองพ่อลูกมานั่งดูการ์ตูนกันจนอัยย์ญาดาทำอาหารเช้าเสร็จ อ
เสียงเปิดประตูแผ่วเบาดังขึ้นในยามค่ำ คฑาก้าวเข้ามาในบ้านอย่างเงียบเชียบ กลิ่นอาหารหอมอบอวลลอยมาตามลมจางๆ ทำให้ความเหนื่อยล้าทั้งวันละลายหายไปในพริบตา “กลับมาแล้วเหรอ?” เสียงของอัยย์ญาดาดังขึ้นจากมุมโต๊ะอาหาร หญิงสาวในชุดลำลองเรียบง่าย กำลังจัดวางจานสุดท้ายลงบนโต๊ะไม้เนื้อดี สีหน้าเธอเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไร แต่แววตาเธอกลับไม่สามารถหลอกใครได้ โดยเฉพาะคนที่รู้จักเธอดีอย่างคฑา “ให้ช่วยอะไรมั้ย?” คฑายิ้มบางๆ แล้วเดินเข้าไปช่วยเธอจัดเก้าอี้ เขาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เธอหลุบตาลงนิดหนึ่งหัวใจเต้นแรงอย่างไม่เข้าใจ ไม่ใช่เพราะคำพูดของเขาแต่เพราะเขาเปลี่ยนไป “คุณไปนั่งรอเถอะ” “เรื่องลูก...” “ฉันขอเวลาคุยกับเขาก่อน” คฑาที่เห็นลูกจึงได้อุ้มลูกมาไว้แนบตัวพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาด้วยความรักใคร่ ก่อนที่จะวางลูกชายลงบนโต๊ะส่วนตัวของลูกชายที่ถูกเสริมขึ้นมาอีกทีจากเก้าอี้ อัยย์ญาดาที่มองอยู่ก็เผลอแอบยิ้มให้กับลูกชายและคฑาดูเหมือนเป็นครอบครัวจริงๆ มากกว่าสิ่งที่เธอคาดหวังเอาไว้เสียอีก แต่พอคฑาหันกลับมามองเธอก็มีสีหน
คฑาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างให้อรรคฟัง ตั้งแต่ต้นจนจบหวังว่าเพื่อนรักคนนี้จะช่วยหาทางออกดีๆ ให้เขาได้บ้างอรรคนั่งฟังอย่างตั้งใจพอเรื่องราวจบลง เจ้าตัวก็ขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างจริงจังว่า“มึงก็ปล้ำเขาเลยดิ!”คฑาถึงกับอึ้งค้างสมองที่ปั่นป่วนอยู่แล้วยิ่งระเบิดวุ่นวายหนักกว่าเดิม เขาตะโกนลั่น“บ้าไปแล้วเหรอวะ! กูจะไปทำแบบนั้นได้ยังไง!”“เออ ก็มันต้องใช้วิธีรุนแรงหน่อยเขาถึงจะรู้ตัวไงว่ารักมึง หรือเกลียดแบบที่ปากพูดจริงๆ วะงานหยาบเลยแบบนั้น” อรรคไหวไหล่ทำเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่คฑาเอามือกุมขมับปวดหัวจี๊ดจนแทบอยากจะโขกหัวกับโต๊ะ ไม่รู้จะโกรธหรือจะขำดี“ไม่ใช่แค่ไม่คืนดีนะเว้ย แบบนี้อัยน่าจะไล่ฉันออกจากบ้าน แล้วโทรเรียกตำรวจมาลากฉันเข้าคุกมากกว่า”“งั้นก็คิดเองละกันฉันช่วยสุดๆ ได้แค่นี้แหละ” อรรคหัวเราะอย่างไม่สำนึกคฑาถอนหายใจยาวเหยียด มองหน้าเพื่อนที่ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้วได้แต่คิดในใจ 'ไม่น่าหวังอะไรกับมันเลยจริงๆ'“อาจารย์ผู้มีประสบการณ์ด้านความรัก แม่งไม่ได้เรื่อง”“มึงก็ไปไหนไม่รอดเหมือนกันแหละกระจอก มึงก้าวผ่านคำว่าปมในวัยเด็กมาหรือยังถึงอยากไปเป็