Share

บทที่ 4

Author: ม่านฝันจันทรา
“คารวะฮูหยินเจ็ดขอรับ”

บ่าวรับใช้สองคนที่ยืนเฝ้าคลังสมบัติอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นนาง ก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อม

“เปิดคลังสมบัติ ข้าจะเข้าไปเอาเงินสักหน่อย”

มู่หนิงแสดงท่าทีหยิ่งผยอง จงใจแสร้งทำตัวเป็นเจ้าของร่างเดิมที่อวดดีจองหองคนนั้น

“ขอรับ”

บ่าวรับใช้ไม่ได้ขัดขวาง เปิดประตูให้นางเข้าไปโดยตรง

ตอนนี้ในจวนแม่ทัพใครบ้างจะไม่รู้ว่านางกำลังตั้งท้องคุณชายน้อย ฮูหยินผู้เฒ่าและเหล่าฮูหยินน้อยยังได้กำชับไว้เป็นพิเศษว่า หากนางต้องการเอาสิ่งใดก็ให้นางเอาไป ห้ามขัดขวางใด ๆ ทั้งสิ้น

ณ ห้องโถงใหญ่จวนแม่ทัพ

ฮูหยินผู้เฒ่าโม่และเหล่าลูกสะใภ้เมื่อมาถึงห้องโถงใหญ่ ก็พบว่าโม่จิ่นยวนนอนคว่ำอยู่บนเปลหาม ถูกทิ้งไว้บนพื้นอย่างไม่ไยดี ด้านหลังของเขายังเต็มไปด้วยเลือด

“จิ่นยวน”

ฮูหยินผู้เฒ่าเดินโซเซเข้าไปข้างหน้า ทรุดตัวลงบนพื้นเพื่อดูอาการบาดเจ็บของโม่จิ่นยวนด้วยความเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง แต่ก็กลัวว่าจะไปสัมผัสโดนบาดแผลของเขา จึงได้แต่ชักมือที่สั่นเทากลับมา

“น้องเจ็ด”

พี่สะใภ้หลายคนมองโม่จิ่นยวนที่บาดเจ็บสาหัสอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในใจพลันลุกโชนไปด้วยความโกรธ

“พวกเจ้ายืนบื้ออยู่ทำอะไร ยังไม่รีบไปตามหมออีก”

ฮูหยินผู้เฒ่าโม่เห็นว่าข้างกายนางไม่มีหมอแม้แต่คนเดียว ก็สั่งการบ่าวรับใช้ชายหญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความโมโหและร้อนใจ

“ฮูหยินผู้เฒ่าโม่ ฝ่าบาทรับสั่งว่า ก่อนที่เรื่องบางอย่างจะถูกสืบสวนอย่างชัดเจน ไม่อนุญาตให้มีหมอมารักษาท่านแม่ทัพขอรับ”

เจ้ากรมเฉินเดินมาอยู่ข้างกายนาง ยิ้มด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม

จากนั้นก็ประสานหมัดยกสูงขึ้นเหนือไหล่ซ้าย ประกาศราชโองการปากเปล่า “ฝ่าบาทมีราชโองการ ทุกคนจงฟังคำสั่ง แม่ทัพโม่แอบสมคบคิดกับคนในท้องพระคลัง ยักย้ายถ่ายเททองคำและอัญมณี บัดนี้ให้ไปตรวจค้นที่คลังสมบัติทันที”

ฮูหยินผู้เฒ่าโม่ได้ยินดังนั้น ก็โกรธจนหน้าซีดเผือด ตวาดลั่น “พูดจาเหลวไหล ตระกูลโม่ของข้าทำการใดล้วนเปิดเผยเที่ยงธรรม ทุกคนล้วนจงรักภักดีต่อบ้านเมือง จะทำเรื่องขโมยของในท้องพระคลังได้อย่างไร”

สมัยนางยังสาว ก็เคยเป็นถึงแม่ทัพหญิงแห่งยุค เมื่อบุตรชายถูกใส่ร้ายอย่างกะทันหัน แค่ใช้สมองคิดก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือของใคร

เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า ตระกูลโม่ของพวกเขาปกป้องบ้านเมืองมาหลายชั่วอายุคน สุดท้ายกลับต้องมาถูกฮ่องเต้หวาดระแวง เพียงเพราะอำนาจในการกุมกองกำลังทหารที่แข็งแกร่ง

เจ้ากรมเฉินมีสีหน้าชั่วร้ายเจ้าเล่ห์ แค่นเสียงเย็น “มีหรือไม่มี ให้คนของข้าไปตรวจค้นที่คลังสมบัติจวนแม่ทัพสักรอบ ความจริงย่อมกระจ่างเอง”

“พวกเราทำการใดล้วนสุจริตเที่ยงธรรม ไม่กลัวการตรวจค้น แต่หากเป็นการใส่ร้ายน้องเจ็ดของพวกเรา ก็หวังว่าฝ่าบาทจะทรงให้คำอธิบายด้วย”

พี่สะใภ้สามเฉินจือหลานเดิมทีก็เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว นางจ้องมองไปยังเจ้ากรมการคลังเขม็ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

“ยังไม่รีบไปอีก”

เจ้ากรมเฉินขยิบตาให้ลูกน้องที่อยู่ข้างกาย ส่งสัญญาณว่าให้พวกเขาไปได้แล้ว จากนั้นก็เอ่ยปากเตือนอีกครั้ง “ในช่วงเวลานี้ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ ห้ามออกไปจากที่นี่โดยพลการ บ่าวรับใช้ชายหญิงในจวน ก็ห้ามเดินเพ่นพ่านตามอำเภอใจ”

ทางด้านคลังสมบัติ

หลังจากที่มู่หนิงเข้ามา ข้าวของข้างในยังคงอยู่ในสภาพเดิม มีเพียงหีบไม่กี่ใบและเสบียงอาหารหลายกระสอบ อีกทั้งยังเป็นชนิดที่ปนรำข้าวละเอียดด้วย

เดิมทีตระกูลโม่สร้างผลงานการรบไว้มากมาย ย่อมได้รับของพระราชทานไม่น้อย แต่เพราะคนตระกูลโม่ใจบุญ ทุกปีจะใช้เงินซื้อข้าวของเครื่องใช้แจกจ่ายให้ชาวบ้าน ซ้ำยังถูกเจ้าของร่างเดิมผลาญไปอีก ในคลังสมบัติจึงว่างเปล่าจนแม้แต่ขโมยเข้ามาก็ยังต้องส่ายหน้า

แต่สำหรับนางที่รู้เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ดี ย่อมรู้ว่าในหีบเหล่านี้ มีคนแอบนำทองคำและอัญมณีจากท้องพระคลังมาซุกซ่อนไว้นานแล้ว

มู่หนิงรีบเปิดหีบทั้งแปดใบออกทันที และก็เป็นจริงอย่างที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ กรมการคลังตรวจพบของจากท้องพระคลังที่นี่

เมื่อมองแวบแรก นอกจากหีบสองใบที่บรรจุทองคำแล้ว อีกหกหีบที่เหลือ ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง

ไม่มีเวลามาตรวจสอบว่าเป็นของอะไรบ้าง นางเก็บทั้งหมดเข้าไปในมิติ สุดท้ายก็โยนเงินแท่งสองสามก้อนที่ขโมยมาจากจวนอัครเสนาบดีทิ้งไว้ในหีบใบหนึ่ง

“ฮูหยินเจ็ดเดินทางดี ๆ ขอรับ”

ตอนที่มู่หนิงจากไป บ่าวรับใช้ยังคงคำนับให้นาง

ห้องโถงใหญ่ของจวนแม่ทัพ

ฮูหยินผู้เฒ่าโม่และเหล่าพี่สะใภ้ ทุกคนต่างเฝ้าอยู่ข้างกายโม่จิ่นยวน พากันหลั่งน้ำตาด้วยความเจ็บปวดใจ

“น้องสะใภ้เจ็ดล่ะ? เหตุใดนางถึงไม่อยู่? ข้าจำได้ว่านางมาพร้อมกับพวกเรานี่นา”

พี่สะใภ้ห้าโจวชิงอี๋พลันสังเกตเห็นว่า มู่หนิงซึ่งเป็นภรรยาของน้องเจ็ด กลับไม่อยู่ที่นี่ในตอนนี้ จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ข้าก็จำได้ว่าน้องสะใภ้เจ็ดวางข้าวที่ยังกินไม่หมด แล้วก็เดินตามหลังพวกเรามาด้วยกัน” พี่สะใภ้สี่สวี่ซินมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่เห็นเงาของมู่หนิง “คนล่ะ หายไปไหนแล้ว?”

“พี่สะใภ้สี่ พี่สะใภ้ห้า ข้าอยู่นี่เจ้าค่ะ”

หลังจากที่มู่หนิงออกมาจากคลังสมบัติ ก็รีบเดินลัดเลาะมาตามทางเล็ก ๆ จนถึงห้องโถงใหญ่ พอดีกับที่ได้ยินพี่สะใภ้ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน

เมื่อเห็นโม่จิ่นยวนบาดเจ็บสาหัสนอนคว่ำอยู่บนพื้น นางก็รีบเดินเข้าไปอย่างร้อนรน

“สวรรค์! เหตุใดท่านพี่ถึงบาดเจ็บเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่มีหมอมารักษา?”

เพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย มู่หนิงจึงคุกเข่าลงบนพื้น เฝ้าอยู่ข้างกายโม่จิ่นยวนด้วยความเจ็บปวดใจ พลางตะโกนถามว่าเหตุใดถึงไม่มีใครมารักษาเขา

คำว่าท่านพี่ของนางคำนี้ ทำเอาโม่จิ่นยวนที่กำลังแกล้งสลบอยู่ถึงกับตกตะลึง

เมื่อก่อนนางเรียกเขาว่า ‘ท่านแม่ทัพ’ มาโดยตลอด ไม่เคยเรียกเขาว่าท่านพี่เลยสักครั้ง

ฮูหยินผู้เฒ่าโม่หลั่งน้ำตา กล่าวด้วยความโกรธแค้นและอับจนหนทาง “ฝ่าบาทตรัสว่าจิ่นยวนขโมยสมบัติในท้องพระคลัง ก่อนที่เรื่องราวความจริงจะกระจ่าง ห้ามเชิญหมอมารักษา”

“ท่านพี่! ท่านตายไม่ได้นะเจ้าคะ หากท่านตายไปแล้ว พวกเราแม่ม่ายลูกกำพร้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร”

มู่หนิงแสร้งทำท่าทีโศกเศร้าปานจะขาดใจ เสียงร้องไห้คร่ำครวญที่เจ็บปวดรวดร้าวนั้น เกือบจะทำให้โม่จิ่นยวนที่แกล้งสลบอยู่เกือบจะเผยความจริงออกมา

เขารู้ดีว่า ตนเองสามารถหลอกคนอื่นได้ทุกคน ยกเว้นเพียงมู่หนิงที่ให้ยาแก่เขาเท่านั้นที่หลอกไม่ได้

นางรู้แน่นอนว่าเขากำลังแกล้งสลบ

ยังไม่พูดถึงว่าความคิดเรื่องแกล้งสลบนั้นเป็นนางที่เป็นคนเสนอขึ้นมา แค่ยาที่นางให้มาเม็ดนั้น ประสิทธิภาพดีเพียงใด มีเพียงเขาที่บาดเจ็บเท่านั้นที่รู้ดี

เพียงแต่ว่า เมื่อครู่นี้นางไม่ได้อยู่กับท่านแม่และพวกพี่สะใภ้ ระหว่างทางนางหายไปไหนมา?

“น้องสะใภ้เจ็ด! อย่าเสียใจไปเลย น้องเจ็ดจะต้องไม่เป็นอะไรแน่ ตอนนี้เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ต้องรักษาสุขภาพร่างกายของตัวเองให้ดี”

พี่สะใภ้ใหญ่หยางซูหว่านเห็นนางร้องไห้เสียใจถึงเพียงนี้ ก็ขอบตาแดงก่ำ รีบตบไหล่นางเบา ๆ เพื่อปลอบใจ

“อืม!”

มู่หนิงขานรับคำหนึ่ง ลูบท้องที่นูนขึ้นมา “ใช่ ข้ายังตั้งท้องอยู่ ต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเอง จะทำร้ายลูกในท้องไม่ได้”

โม่จิ่นยวนที่นอนคว่ำอยู่บนเปลหาม เผลอกะพริบตาไปโดยไม่รู้ตัว

ภรรยาของเขาผู้นี้ ทักษะการแสดงช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ

“จริงสิ น้องเจ็ด เมื่อครู่เจ้าหายไปไหนมา?”

พี่สะใภ้ใหญ่พลันถามขึ้นมาอีกครั้ง

“ข้าไปเข้าห้องสุขามาเจ้าค่ะ”

มู่หนิงหาข้ออ้าง ทุกคนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

เพราะเป็นเรื่องปกติมากที่สตรีมีครรภ์จะเข้าห้องสุขาบ่อย

ผ่านไปครู่หนึ่ง

คนของกรมการคลังกลับมาจากคลังสมบัติ ก็มารายงานต่อเจ้ากรมเฉิน “รายงานใต้เท้า พวกข้าน้อยไม่พบสิ่งของใด ๆ จากท้องพระคลังเลยขอรับ ในคลังสมบัติมีเพียงเงินแท่งไม่กี่ก้อนกับเศษเหรียญทองแดงเท่านั้น”

“เป็นไปไม่ได้”

เจ้ากรมเฉินได้ยินดังนั้น ก็โบกมือพลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตามข่าวที่เชื่อถือได้ โม่จิ่นยวนได้ยักย้ายอัญมณีจากท้องพระคลังไปมากมาย เหตุใดในคลังสมบัติถึงไม่มี?”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 30

    นางจะอยู่เป็นเพื่อนโม่จิ่นยวน อย่างน้อยก็เพื่อให้เขารู้ว่า เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง“ก็ได้ขอรับ”ท่านหมอเห็นว่านางไม่กลัวจริง ๆ จึงไม่ได้พูดอะไรมากยาแก้ปวดที่มู่หนิงให้ ออกฤทธิ์เร็วมาก ท่านหมอเพิ่งจะคว้านเนื้อไปได้ไม่กี่ครั้งก็เห็นผลแล้วสีหน้าของโม่จิ่นยวน จากที่เจ็บปวดจนแทบขาดใจ ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสงบนิ่งท่านหมอคิดว่าเขาเจ็บจนชาไปแล้ว จึงไม่ได้คิดอะไรมากหลังจากการรักษาเสร็จสิ้น ท่านหมอก็เหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัวโม่จิ่นยวนที่ถูกพันแผลแล้ว นอนฟุบอยู่บนตักของมู่หนิงอย่างอ่อนแรง ไม่นานก็ทนไม่ไหวหลับไป“ท่านหมอ ทั้งหมดเท่าไหร่หรือเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่าโม่เดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าโม่จิ่นยวนไม่เป็นอะไรแล้ว จึงค่อยวางใจลงท่านหมอคำนวณดูแล้วกล่าวว่า “ทั้งหมดสิบห้าอีแปะขอรับ”หยางซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองเจ้าหน้าที่หลี่ที่อยู่ด้านข้าง แล้วพูดว่า “ท่านเจ้าหน้าที่! ได้โปรดคืนห่อผ้าที่ท่านแม่ให้ข้ามาสักครู่ ข้าอยากจะหยิบเงินออกมาจ่ายเจ้าค่ะ”เจ้าหน้าที่หลี่กล่าวอย่างลำบากใจ “ขออภัย หากไม่ได้รับอนุญาตจากรองแม่ทัพจาง ข้าให้ไม่ได้”“ท่านไม่คืนห่อผ้าให้พวกเรา แล้วพวกเราจะเอาเงินที่ไหน

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 29

    เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย โม่จิ่นยวนจึงจำต้องเอ่ยปากปฏิเสธ “ไม่ใช่ ข้าไม่ใช่แม่ทัพโม่”“ก็จริงอยู่ ท่านแม่ทัพโม่เพิ่งจะรบชนะกลับเมืองหลวงเมื่อเดือนก่อน ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่เจิ้นกั๋ว จะถูกเนรเทศได้อย่างไร”ท่านหมอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่าเขาไม่น่าจะเป็นแม่ทัพโม่ได้ คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่แซ่เดียวกันเท่านั้นฮูหยินผู้เฒ่าโม่รู้ดีว่า หากตนเองเป็นอะไรไปเพราะอารมณ์ มีแต่จะกลายเป็นภาระให้ทุกคนนางพยายามข่มอารมณ์ บอกกับตัวเองในใจอยู่ตลอดว่าลูกชายกำลังได้รับการรักษาแล้ว ดังนั้นอย่าได้เสียใจจนเกินไปโม่จิ่นยวนที่ถูกฆ่าเชื้อด้วยน้ำเกลือซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ็บปวดจนแทบจะมึนงงไปหมดแล้วมู่หนิงนั่งลงข้างกาย กุมมือของเขาไว้แล้วให้กำลังใจว่า “สู้ ๆ นะ ท่านต้องรีบหายเร็ว ๆ จะได้ปกป้องทุกคนระหว่างทางได้”ในบันทึกประวัติศาสตร์ มี ‘ข่าวการตาย’ ของเขาออกมาหลังจากถูกเนรเทศได้ครึ่งเดือน จากนั้นก็หายตัวไปเกือบห้าปี ถึงได้มีบันทึกเรื่องราวของเขาอีกครั้งแม้จะไม่รู้ว่าผลกระทบนี้จะเปลี่ยนแปลงไปเพราะการปรากฏตัวของนางหรือไม่ แต่ตอนนี้ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะให้กำลังใจโม่จิ่นยวนให้

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 28

    เจ้าหน้าที่หลี่ถามว่า “ท่านคือท่านหมอของร้านนี้หรือ?”ท่านหมอตอบกลับอย่างนอบน้อม “เรียนท่านเจ้าหน้าที่ ข้าเองขอรับ”เจ้าหน้าที่หลี่ยื่นนิ้วชี้ไปที่โม่จิ่นยวน แล้วพูดว่า “บาดแผลของเขาติดเชื้อแล้ว ต้องจัดการหน่อย ท่านไปดูเถิด”หยางซูหว่านและจางหลานจือประคองโม่จิ่นยวนนั่งลงบนม้านั่งด้านข้างท่านหมอเปิดเสื้อของเขาออกดู บาดแผลจากกระบี่ยาวห้าเซนติเมตร ตอนนี้เน่าเปื่อยเป็นหนองแล้ว เขาพลันสูดหายใจเข้าลึกอย่างหนาวเหน็บแล้วกล่าวว่า “บาดแผลของคุณชายผู้นี้ติดเชื้อรุนแรงแล้ว ต้องตัดเนื้อเน่าออกไปเท่านั้น”“ตัดเนื้อหรือ?”ฮูหยินผู้เฒ่าโม่พอได้ยินว่าจะต้องตัดเนื้อ แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจจนน้ำตาไหลออกมาในทันทีเรื่องอย่างการตัดเนื้อที่ติดเชื้อ ตอนที่นางยังสาวเคยผ่านมาแล้วในสนามรบ ความเจ็บปวดแสนสาหัสราวกับหัวใจจะฉีกขาดนั้น บัดนี้จะต้องเกิดขึ้นกับลูกชายของนางอีกครั้ง นี่มันทรมานยิ่งกว่าการคว้านเนื้อของนางเสียอีก“ขอรับ และต้องขูดออกให้หมดจด มิฉะนั้นหากติดเชื้อรุนแรงเกินไป อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้” ท่านหมอพยักหน้า แล้วจับชีพจรให้โม่จิ่นยวนอีกครั้ง ก่อนจะถามอย่างตกใจว่า “บาดแผล

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 27

    “หัวหน้า เจ้าหน้าที่หลิวตายแล้ว”เจ้าหน้าที่หลี่ เข้าไปอังจมูกของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง ก็พบว่าเขาไม่หายใจแล้ว“อะไรนะ?”รองแม่ทัพจางรีบหันกลับไปดู แต่กลับไม่พบบาดแผลใด ๆ บนร่างกายของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง นอกจากบาดแผลที่ดวงตาซึ่งถูกเศษกระเบื้องตกใส่เมื่อครู่“เป็นไปได้อย่างไร ถูกกระเบื้องตกใส่ตา ไม่น่าจะถึงตายได้นี่”ตอนแรกท่านรองแม่ทัพจางคิดว่าที่เจ้าหน้าที่ท้องป่องล้มลง เป็นฝีมือของคนตระกูลโม่ที่เดินตามหลังมา แต่เมื่อบนร่างกายของเขาไม่มีบาดแผลอื่นใด เรื่องนี้ก็พลันดูแปลกประหลาดขึ้นมาทันที“สมควรตายแล้ว เจ้าอ้วนน่าตายนี่คอยหาเรื่องพวกเรามาตลอดทาง สมควรแล้วที่จะตายอย่างกะทันหัน”พี่สะใภ้สี่อวิ๋นชิงชิงเห็นภาพนี้ ในใจก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกโดยเฉพาะบริเวณที่ถูกเจ้าหน้าที่ท้องป่องเตะเมื่อครู่ ตอนนี้ยังคงเจ็บแปลบ ๆ อยู่เลย พอเห็นเขาตายนางจึงรู้สึกสะใจอย่างยิ่งพี่สะใภ้ห้าโจวชิงอี๋ก็ยิ้มพลางกล่าวเสริมวา “สมกับคำพูดที่ว่า คนชั่วย่อมได้รับกรรมตามสนอง สมควรแล้วจริง ๆ”นางแสร้งคาดเดาว่า “พวกท่านว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเศษกระเบื้องแทงเข้าไปในลูกตาของเขาลึกเกินไป ทำให้ศีรษะติดเชื้ออย่

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 26

    มู่หนิงยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ฉวยโอกาสที่สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่กลุ่มของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง นางก็หยิบก้อนหินเล็ก ๆ ขึ้นมา แล้วแอบส่งให้พี่สะใภ้รองฟางเหวินซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด นางมีเพียงฝีมือ แต่ไม่มีพลังลมปราณ ดังนั้นเรื่องแบบนี้จึงต้องให้พี่สะใภ้ที่มีพลังลมปราณเป็นผู้จัดการฟางเหวินสบตากับนาง เห็นเพียงมู่หนิงชี้นิ้วไปที่ศีรษะพลางมองไปยังเจ้าหน้าที่ท้องป่อง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองกระเบื้องที่แตกบนหลังคาวัดร้าง ทันใดนั้นนางก็เข้าใจในทันทีจึงหนีบก้อนหินไว้ระหว่างนิ้วมู่หนิงยืนอยู่ข้าง ๆ เพื่อบังสายตาของทุกคนให้ ฟางเหวินหาจังหวะที่เหมาะสม ใช้พลังลมปราณดีดก้อนหินออกไป“เพียะ~”เสียงกระเบื้องแตกพลันดังขึ้น เศษกระเบื้องร่วงหล่นลงมาจากหลังคา พอดีกับที่ตกลงบนใบหน้าของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง“อ๊า~ ตาข้า”เมื่อเจ้าหน้าที่ท้องป่องได้ยินเสียง ก็เงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณ แต่ไม่คาดคิดว่าเศษกระเบื้องที่แตกจะพุ่งเข้าเสียบตาซ้ายของเขาทันที เขาล้มลงนอนกับพื้นและกรีดร้องอย่างเจ็บปวดกระเบื้องดี ๆ อยู่ เหตุใดจู่ ๆ ถึงแตกได้?รองแม่ทัพจางเหลือบมองเหล่าสะใภ้ตระกูลโม่ รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้อ

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 25

    มู่หนิงมองไปยังรองแม่ทัพจางที่อยู่ด้านข้าง กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า “ท่านเจ้าหน้าที่! ตอนนี้สามีของข้าไม่สบาย ได้โปรดให้น้ำเขาดื่มสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”รองแม่ทัพจางไม่ได้ถามอะไรมาก หันหลังกลับไปหยิบกาน้ำจากบนหลังม้าที่อยู่นอกวัดร้างแล้วยื่นให้นาง “น้ำมาแล้ว”“ขอบคุณเจ้าค่ะ”มู่หนิงกำลังจะยื่นมือไปรับกาน้ำ“น้องสะใภ้เจ็ด เจ้ากำลังตั้งครรภ์ไม่สะดวกที่จะนั่งยอง ๆ ให้ข้าป้อนน้ำน้องเจ็ดเองเถอะ”พี่สะใภ้ใหญ่หยางซูหว่านก้าวออกมา รับกาน้ำจากมือของรองแม่ทัพจางพี่สะใภ้รองฟางเหวินและพี่สะใภ้ห้าโจวชิงอี๋ช่วยกันพยุงโม่จิ่นยวนขึ้น “น้องเจ็ด ตื่นสิ ตื่นเร็วเข้า”หยางซูหว่านเรียกโม่จิ่นยวนอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าว่าจะตื่น พี่สะใภ้คนอื่น ๆ ก็เข้ามารุมเรียกเช่นกัน“น้องเจ็ดเขา... คงจะไม่ตายใช่ไหม?”อวิ๋นชิงชิงเห็นว่าเรียกโม่จิ่นยวนอย่างไรก็ไม่ตื่น ตกใจจนร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจพี่สะใภ้รองฟางเหวินได้ยินดังนั้น ก็รีบตวาดว่า “น้องสี่อย่าพูดจาเหลวไหล น้องเจ็ดไม่เป็นอะไรหรอก”“จิ่นยวน! ตอนนี้แม่เหลือเจ้าเป็นลูกชายเพียงคนเดียวแล้ว เจ้าจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาดนะ”ฮูหยินผู้เฒ่าโ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status