Share

บทที่ 6

Author: ม่านฝันจันทรา
ฮูหยินผู้เฒ่าโม่ยืนขึ้น มองไปยังเหล่าลูกสะใภ้ที่ดีของนาง พยายามสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา

โม่จิ่นยวนเม้มริมฝีปาก จากนั้นก็เอ่ยขึ้นโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย “พี่สะใภ้ทุกท่าน ข้ากับท่านแม่หวังว่าพวกท่านจะฉีกทำลายหนังสือสมรสทิ้งเสีย ฉวยโอกาสที่ตอนนี้เรื่องราวยังไม่ถูกตัดสิน รีบออกจากจวนแม่ทัพไปในยามดึก”

พูดจบเขาก็หันไปมองมู่หนิง สายตาจับจ้องไปที่ท้องนูน ๆ ของนางอย่างอาลัยอาวรณ์ “มู่หนิง! เจ้ากำลังตั้งท้อง ยิ่งไม่สามารถติดตามข้ากับท่านแม่ไปตกระกำลำบากระหว่างทางเนรเทศได้ ในบรรดาพี่สะใภ้ของเจ้า นอกจากพี่สะใภ้สี่ที่ไม่มีวรยุทธ์แล้ว คนอื่น ๆ ก็พอมีวิชาอยู่บ้าง การจะพาเจ้าแอบหนีออกไปอย่างเงียบ ๆ ยังพอทำได้”

“ท่านแม่ ข้าไม่ไปเจ้าค่ะ ได้โปรดอย่าขับไล่พวกเราไปเลย ก็แค่การเนรเทศมิใช่หรือ ต่อให้พรุ่งนี้ต้องขึ้นแท่นประหารตัดศีรษะ ข้าก็จะไม่ฉีกทำลายหนังสือสมรสเด็ดขาด”

พี่สี่พอได้ยินดังนั้น ก็รีบคุกเข่าลงมองฮูหยินผู้เฒ่าโม่พลางร้องไห้อ้อนวอน

แม้ว่านางจะขี้ขลาด แต่กลับไม่กลัวความลำบากแม้แต่น้อย ยิ่งไม่กลัวความตาย

“ท่านแม่! แม้ว่าข้าจะไม่เก่งกาจองอาจเหมือนท่านพี่ แต่ข้าก็ขออยู่ร่วมเป็นร่วมตายกับตระกูลโม่เจ้าค่ะ”

“ต่อให้พรุ่งนี้จะถูกตัดศีรษะ ข้าก็จะขอตายพร้อมกับคนตระกูลโม่”

“ข้ากับท่านพี่ได้ให้สัญญากันไว้นานแล้ว แม้ว่าจะไม่สามารถเกิดวันเดือนปีเดียวกันได้ และไม่สามารถตายวันเดือนปีเดียวกันได้ แต่ก็ขอเพียงได้ฝังในสุสานเดียวกันหลังความตาย”

“ก่อนที่ท่านพี่จะจากไป ข้าได้สัญญากับเขาไว้แล้วว่า ชาตินี้จะกตัญญูดูแลท่านเป็นอย่างดี ดังนั้นข้าก็จะไม่ไปเช่นกัน”

ฮูหยินผู้เฒ่าโม่ประคองทุกคนให้ลุกขึ้นด้วยความเจ็บปวดใจ ในที่สุดก็มิอาจกลั้นน้ำตาแห่งความซาบซึ้งไว้ได้อีก “เด็กดี พวกเจ้าล้วนเป็นลูกสะใภ้ที่ดีของตระกูลโม่ แม่ก็ตัดใจจากพวกเจ้าไม่ลงเช่นกัน แต่ว่าข้าจะเห็นแก่ตัวเช่นนี้ไม่ได้ กักขังพวกเจ้าไว้กับตระกูลโม่ไปชั่วชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นพวกเจ้าก็ยังไม่มีทายาทสืบสกุลเลยสักคน หากฉีกหนังสือสมรสทิ้งแล้วก็ยังสามารถแต่งงานใหม่ได้ ไปมีชีวิตที่ดียิ่งกว่า”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ นางก็หันไปมองมู่หนิงด้วยความรู้สึกผิดเต็มอก “หากจะพูดว่าคนที่ข้ารู้สึกผิดด้วยมากที่สุด ก็คงจะเป็นเจ้า เพราะความเห็นแก่ตัวของพวกเรา บังคับอ้อนวอนให้เจ้าเก็บเด็กคนนี้ไว้ หลายปีมานี้แม่ยังพอมีเงินเก็บส่วนตัวอยู่บ้าง ถึงตอนนั้น ข้าจะแอบเอาออกมาแบ่งให้พวกเจ้าทั้งหมด พวกเจ้าจงเอาเงินติดตัวไป ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ นับจากนี้ก็ไปซ่อนเร้นตัวตนเปลี่ยนชื่อสกุล ใช้ชีวิตให้ดี”

“ท่านแม่ พวกเราไม่ไปเจ้าค่ะ หากท่านแม่ยังยืนกรานจะให้พวกเราจากไป พวกเราก็จะขอปลิดชีพตนเองที่จวนแม่ทัพเดี๋ยวนี้!”

ลูกสะใภ้หลายคนพร้อมใจกันหยิบกริชที่ซ่อนอยู่ออกมา จ่อไปที่ลำคอของตนโดยไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย

“เกิดเป็นคนของตระกูลโม่ ตายก็เป็นผีของตระกูลโม่!”

เหล่าสะใภ้ตระกูลโม่ต่างมีเจตจำนงแน่วแน่ ไม่มีใครรักตัวกลัวตายแม้แต่คนเดียว สายตาของพวกนางเด็ดเดี่ยว ในแววตาไม่มีความหวาดกลัวหรือตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย

“แม่ไม่ให้พวกเจ้าไปแล้ว รีบวางมีดลงเร็วเข้า”

การกระทำนี้ ทำเอาฮูหยินผู้เฒ่าโม่ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลท่วมตัว รีบเกลี้ยกล่อมให้พวกนางวางกริชลง

“ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ”

ทุกคนเห็นว่าในที่สุดนางก็ไม่บีบบังคับให้พวกตนจากไปแล้ว จึงได้เก็บกริชกลับไปอีกครั้ง

ในขณะนั้น มู่หนิงที่นั่งอยู่บนเตียงและไม่พูดอะไรมาตลอด ก็ลุกขึ้นยืนแล้วลูบท้องของตนเบา ๆ อย่างอ่อนโยน “ข้าก็จะไม่ไปเช่นกัน ลูกต้องการพ่อแม่คอยอยู่เคียงข้าง เขาถึงจะเติบโตขึ้นมาได้อย่างมีความสุขและเบิกบาน แม้ว่าการเนรเทศจะลำบากไปบ้าง แต่พวกเราทุกคนต่างก็มีทักษะในการเอาชีวิตรอด เมื่อไปถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ก็อาศัยความสามารถในการพึ่งพาตนเอง ชีวิตความเป็นอยู่ก็คงจะไม่เลวร้ายนัก”

พี่สะใภ้ใหญ่เชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งทะนง กล่าวอย่างมั่นใจ “น้องเจ็ดพูดถูก นอกจากนางกับน้องสี่แล้ว พวกเราอีกห้าคนล้วนมีวรยุทธ์ หากถูกเนรเทศไปยังพื้นที่ภูเขาห่างไกล พวกเราก็สามารถล่าสัตว์ตัดฟืนเพื่อประทังชีวิตได้”

พี่สี่อวิ๋นชิงชิง เอ่ยขึ้น “แม้ว่าข้าจะไม่มีวรยุทธ์เก่งกาจเหมือนพวกพี่สะใภ้ แต่ข้าปักผ้าเป็น ข้าวาดรูปเป็น ถึงตอนนั้นก็สามารถอาศัยทักษะสองอย่างนี้หาเลี้ยงครอบครัวได้”

มู่หนิงมองภาพนี้ด้วยความซาบซึ้งใจเล็กน้อย ตระกูลโม่ช่างเป็นเหมือนที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้จริง ๆ ไม่เพียงแต่บุรุษทุกคนจะมีจิตใจเด็ดเดี่ยว พี่สะใภ้ทั้งหกก็ล้วนเป็นวีรสตรีผู้กล้าแกร่ง

ความสามัคคีเช่นนี้ ครอบครัวเช่นนี้ เป็นชีวิตแบบที่นางใฝ่ฝันหาอย่างยิ่งในชาติก่อน

ชาติที่แล้ว นางไร้บิดามารดา เพราะมีร่างกายที่พิเศษจึงถูกทางประเทศฝึกฝนจนเป็นประมุขสำนักมังกรเทวะ ตลอดชีวิตอุทิศตนเพื่อประเทศชาติ ไม่เคยได้สัมผัสถึงความอบอุ่นของครอบครัวเลย

ถึงแม้นางจะเพิ่งทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างนี้เมื่อวาน แต่ทุกการกระทำของคนตระกูลโม่ ล้วนซาบซึ้งกินใจอย่างยิ่ง

ดังนั้น นางจะไม่จากไป นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมอันเลวร้ายของเหล่าพี่สะใภ้ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ให้ได้

“ดี ไม่ไป ไม่ไปกันทั้งนั้น”

ฮูหยินผู้เฒ่าโม่ซาบซึ้งจนน้ำตาคลอเบ้า

“ท่านแม่! ความจริงข้า... ข้าก็มีเงินเก็บส่วนตัวอยู่บ้างเจ้าค่ะ น่าจะประมาณตั๋วเงินสองร้อยตำลึง”

พี่สี่อวิ๋นชิงชิงยืนออกมา กล่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำตะกุกตะกัก

“ข้า... ข้าก็มีเจ้าค่ะ แต่ไม่มากเท่าพี่สี่ ข้ามี... ก็ประมาณตั๋วเงินหนึ่งร้อยแปดสิบตำลึงกระมัง”

น้องหกยกมือขึ้น พูดออกมาอย่างหน้าแดงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เช่นกัน

“แล้วก็ข้า...”

มีคนหนึ่ง ก็มีคนที่สอง คนที่สาม

พี่สะใภ้ทั้งหกคนต่างพากันพูดออกมาว่าตนเองมีเงินเก็บส่วนตัวเท่าไร จากนั้นเมื่อรวมกับของฮูหยินผู้เฒ่าโม่แล้ว ก็มีตั๋วเงินเกือบหนึ่งพันหนึ่งร้อยตำลึง

“ในเมื่อเป็นการยึดทรัพย์สิน ถึงตอนนั้น พวกเราทุกคนจะต้องเปลี่ยนไปสวมชุดผ้าเนื้อหยาบที่ทางการนำมาให้ ดังนั้นตั๋วเงินพวกนี้พวกเราคงเอาไปด้วยไม่ได้”

โม่จิ่นยวนขมวดคิ้วแน่น ครุ่นคิดถึงปัญหานี้อย่างจริงจัง

มู่หนิงยืนขึ้นอย่างไม่รีบร้อน เสนอแนะว่า “ทุกท่านไม่ต้องตื่นตระหนก ถึงแม้จะต้องสวมชุดผ้าเนื้อหยาบที่ทางการนำมาให้ แต่พวกเราก็สามารถใช้ช่วงเวลานี้โกงได้”

พี่รองฟางเหวินเอ่ยถามอย่างสงสัย “โกงอย่างไรหรือ?”

มู่หนิงยกยิ้มมุมปาก กล่าวความคิดของตนเองออกมา “โชคดีที่เงินเก็บส่วนตัวของพวกเราล้วนเป็นตั๋วเงิน หากเปลี่ยนเป็นเงินแท่งคงจะเอาติดตัวไปไม่ได้จริง ๆ แต่ตั๋วเงินทำมาจากกระดาษ มันซุกซ่อนได้ง่ายมาก พวกเราสามารถพับตั๋วเงินไว้ล่วงหน้า แล้วสอดเข้าไปไว้ในมวยผม เช่นนี้ก็สามารถนำติดตัวไปได้อย่างแนบเนียน ไม่มีใครรู้”

“จริงด้วย พวกเราซ่อนไว้ในมวยผมได้ ต่อให้พวกเขาจะค้นตัวอย่างไร ก็ไม่มีทางคาดคิดว่าพวกเราจะซ่อนไว้ตรงนี้”

น้องหกมู่อวิ๋นชิงมองไปทางมู่หนิงอย่างยินดี กล่าวชื่นชม “น้องเจ็ด! เจ้าฉลาดจริง ๆ ”

โม่จิ่นยวนก็ส่งสายตาชื่นชมไปให้นางเช่นกัน

นาง ไม่ใช่มู่หนิงคนเดิมที่ไร้สมองเอาแต่ผลาญเงินคนนั้นอีกต่อไปแล้ว

หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว ภายในห้องก็พลันเงียบสงบลง

“เจ้า...”

โม่จิ่นยวนมองมู่หนิง อยากจะพูดอะไรบางอย่าง ผลลัพธ์คือเพิ่งจะขยับร่างกายเล็กน้อย ความเจ็บปวดราวกับร่างจะฉีกขาดก็แผ่ซ่านมาจากแผ่นหลัง

“บาดเจ็บอยู่ก็อย่าขยับไปมาสิ รีบถอดเสื้อผ้าออกแล้วนอนคว่ำทายาได้แล้ว”

มู่หนิงเหลือบมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์

อย่าคิดว่านางทำเป็นไม่มีอะไรต่อหน้าท่านแม่และพวกพี่สะใภ้ นางยังไม่ลืมความจริงที่ว่า เมื่อวานโม่จิ่นยวนเกือบจะฆ่านาง

“ได้”

โม่จิ่นยวนเห็นใบหน้าที่งดงามอย่างยิ่งของนางบูดบึ้ง ก็รู้ได้ว่านางยังคงโกรธเขาอยู่

จึงได้แต่เชื่อฟัง ถอดเสื้อผ้าออกแล้วนอนคว่ำบนเตียงอย่างว่าง่าย

มู่หนิงแสร้งทำเป็นเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งของตนเอง เปิดกล่องใบเล็ก ๆ ออก จากนั้นก็หยิบขวดยาขวดหนึ่งออกมาจากมิติ

“ติ๊ง~”

ตอนที่โม่จิ่นยวนลุกขึ้นเพื่อจะแขวนเสื้อผ้า หยกแขวนข้างในก็พลันตกลงบนพื้น

มู่หนิงหันหน้าไปมอง

แม้ว่าบนหยกแขวนจะเปื้อนคราบเลือดอยู่บ้าง แต่นางก็จำได้ในทันทีว่าหยกแขวนชิ้นนี้ คือชิ้นที่นางประมูลได้จากโรงประมูล

“ท่านอย่าขยับ ข้าเก็บเอง”

มู่หนิงเห็นเขาก้มตัวอยากจะเก็บหยกแขวนขึ้นมาทั้งที่เจ็บจนหน้าเหยเก นางก็รีบพุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วหยิบหยกแขวนขึ้นมา

ในชั่วพริบตาที่ถือมันไว้ในมือ นางก็สัมผัสได้อีกครั้งว่ามันมีความเชื่อมโยงกับมิติ จึงได้มองไปทางโม่จิ่นยวน แล้วเอ่ยถามหยั่งเชิง “หยกแขวนนี่ก็ดูสวยดี ท่านซื้อมาจากที่ใดหรือ?”

ในตอนนี้ นางสงสัยอย่างยิ่งว่า การที่ตนเองทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างนี้ ก็เพราะถูกหยกแขวนชิ้นนี้พามา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 30

    นางจะอยู่เป็นเพื่อนโม่จิ่นยวน อย่างน้อยก็เพื่อให้เขารู้ว่า เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง“ก็ได้ขอรับ”ท่านหมอเห็นว่านางไม่กลัวจริง ๆ จึงไม่ได้พูดอะไรมากยาแก้ปวดที่มู่หนิงให้ ออกฤทธิ์เร็วมาก ท่านหมอเพิ่งจะคว้านเนื้อไปได้ไม่กี่ครั้งก็เห็นผลแล้วสีหน้าของโม่จิ่นยวน จากที่เจ็บปวดจนแทบขาดใจ ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสงบนิ่งท่านหมอคิดว่าเขาเจ็บจนชาไปแล้ว จึงไม่ได้คิดอะไรมากหลังจากการรักษาเสร็จสิ้น ท่านหมอก็เหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัวโม่จิ่นยวนที่ถูกพันแผลแล้ว นอนฟุบอยู่บนตักของมู่หนิงอย่างอ่อนแรง ไม่นานก็ทนไม่ไหวหลับไป“ท่านหมอ ทั้งหมดเท่าไหร่หรือเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่าโม่เดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าโม่จิ่นยวนไม่เป็นอะไรแล้ว จึงค่อยวางใจลงท่านหมอคำนวณดูแล้วกล่าวว่า “ทั้งหมดสิบห้าอีแปะขอรับ”หยางซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองเจ้าหน้าที่หลี่ที่อยู่ด้านข้าง แล้วพูดว่า “ท่านเจ้าหน้าที่! ได้โปรดคืนห่อผ้าที่ท่านแม่ให้ข้ามาสักครู่ ข้าอยากจะหยิบเงินออกมาจ่ายเจ้าค่ะ”เจ้าหน้าที่หลี่กล่าวอย่างลำบากใจ “ขออภัย หากไม่ได้รับอนุญาตจากรองแม่ทัพจาง ข้าให้ไม่ได้”“ท่านไม่คืนห่อผ้าให้พวกเรา แล้วพวกเราจะเอาเงินที่ไหน

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 29

    เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย โม่จิ่นยวนจึงจำต้องเอ่ยปากปฏิเสธ “ไม่ใช่ ข้าไม่ใช่แม่ทัพโม่”“ก็จริงอยู่ ท่านแม่ทัพโม่เพิ่งจะรบชนะกลับเมืองหลวงเมื่อเดือนก่อน ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่เจิ้นกั๋ว จะถูกเนรเทศได้อย่างไร”ท่านหมอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่าเขาไม่น่าจะเป็นแม่ทัพโม่ได้ คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่แซ่เดียวกันเท่านั้นฮูหยินผู้เฒ่าโม่รู้ดีว่า หากตนเองเป็นอะไรไปเพราะอารมณ์ มีแต่จะกลายเป็นภาระให้ทุกคนนางพยายามข่มอารมณ์ บอกกับตัวเองในใจอยู่ตลอดว่าลูกชายกำลังได้รับการรักษาแล้ว ดังนั้นอย่าได้เสียใจจนเกินไปโม่จิ่นยวนที่ถูกฆ่าเชื้อด้วยน้ำเกลือซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ็บปวดจนแทบจะมึนงงไปหมดแล้วมู่หนิงนั่งลงข้างกาย กุมมือของเขาไว้แล้วให้กำลังใจว่า “สู้ ๆ นะ ท่านต้องรีบหายเร็ว ๆ จะได้ปกป้องทุกคนระหว่างทางได้”ในบันทึกประวัติศาสตร์ มี ‘ข่าวการตาย’ ของเขาออกมาหลังจากถูกเนรเทศได้ครึ่งเดือน จากนั้นก็หายตัวไปเกือบห้าปี ถึงได้มีบันทึกเรื่องราวของเขาอีกครั้งแม้จะไม่รู้ว่าผลกระทบนี้จะเปลี่ยนแปลงไปเพราะการปรากฏตัวของนางหรือไม่ แต่ตอนนี้ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะให้กำลังใจโม่จิ่นยวนให้

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 28

    เจ้าหน้าที่หลี่ถามว่า “ท่านคือท่านหมอของร้านนี้หรือ?”ท่านหมอตอบกลับอย่างนอบน้อม “เรียนท่านเจ้าหน้าที่ ข้าเองขอรับ”เจ้าหน้าที่หลี่ยื่นนิ้วชี้ไปที่โม่จิ่นยวน แล้วพูดว่า “บาดแผลของเขาติดเชื้อแล้ว ต้องจัดการหน่อย ท่านไปดูเถิด”หยางซูหว่านและจางหลานจือประคองโม่จิ่นยวนนั่งลงบนม้านั่งด้านข้างท่านหมอเปิดเสื้อของเขาออกดู บาดแผลจากกระบี่ยาวห้าเซนติเมตร ตอนนี้เน่าเปื่อยเป็นหนองแล้ว เขาพลันสูดหายใจเข้าลึกอย่างหนาวเหน็บแล้วกล่าวว่า “บาดแผลของคุณชายผู้นี้ติดเชื้อรุนแรงแล้ว ต้องตัดเนื้อเน่าออกไปเท่านั้น”“ตัดเนื้อหรือ?”ฮูหยินผู้เฒ่าโม่พอได้ยินว่าจะต้องตัดเนื้อ แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจจนน้ำตาไหลออกมาในทันทีเรื่องอย่างการตัดเนื้อที่ติดเชื้อ ตอนที่นางยังสาวเคยผ่านมาแล้วในสนามรบ ความเจ็บปวดแสนสาหัสราวกับหัวใจจะฉีกขาดนั้น บัดนี้จะต้องเกิดขึ้นกับลูกชายของนางอีกครั้ง นี่มันทรมานยิ่งกว่าการคว้านเนื้อของนางเสียอีก“ขอรับ และต้องขูดออกให้หมดจด มิฉะนั้นหากติดเชื้อรุนแรงเกินไป อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้” ท่านหมอพยักหน้า แล้วจับชีพจรให้โม่จิ่นยวนอีกครั้ง ก่อนจะถามอย่างตกใจว่า “บาดแผล

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 27

    “หัวหน้า เจ้าหน้าที่หลิวตายแล้ว”เจ้าหน้าที่หลี่ เข้าไปอังจมูกของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง ก็พบว่าเขาไม่หายใจแล้ว“อะไรนะ?”รองแม่ทัพจางรีบหันกลับไปดู แต่กลับไม่พบบาดแผลใด ๆ บนร่างกายของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง นอกจากบาดแผลที่ดวงตาซึ่งถูกเศษกระเบื้องตกใส่เมื่อครู่“เป็นไปได้อย่างไร ถูกกระเบื้องตกใส่ตา ไม่น่าจะถึงตายได้นี่”ตอนแรกท่านรองแม่ทัพจางคิดว่าที่เจ้าหน้าที่ท้องป่องล้มลง เป็นฝีมือของคนตระกูลโม่ที่เดินตามหลังมา แต่เมื่อบนร่างกายของเขาไม่มีบาดแผลอื่นใด เรื่องนี้ก็พลันดูแปลกประหลาดขึ้นมาทันที“สมควรตายแล้ว เจ้าอ้วนน่าตายนี่คอยหาเรื่องพวกเรามาตลอดทาง สมควรแล้วที่จะตายอย่างกะทันหัน”พี่สะใภ้สี่อวิ๋นชิงชิงเห็นภาพนี้ ในใจก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกโดยเฉพาะบริเวณที่ถูกเจ้าหน้าที่ท้องป่องเตะเมื่อครู่ ตอนนี้ยังคงเจ็บแปลบ ๆ อยู่เลย พอเห็นเขาตายนางจึงรู้สึกสะใจอย่างยิ่งพี่สะใภ้ห้าโจวชิงอี๋ก็ยิ้มพลางกล่าวเสริมวา “สมกับคำพูดที่ว่า คนชั่วย่อมได้รับกรรมตามสนอง สมควรแล้วจริง ๆ”นางแสร้งคาดเดาว่า “พวกท่านว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเศษกระเบื้องแทงเข้าไปในลูกตาของเขาลึกเกินไป ทำให้ศีรษะติดเชื้ออย่

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 26

    มู่หนิงยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ฉวยโอกาสที่สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่กลุ่มของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง นางก็หยิบก้อนหินเล็ก ๆ ขึ้นมา แล้วแอบส่งให้พี่สะใภ้รองฟางเหวินซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด นางมีเพียงฝีมือ แต่ไม่มีพลังลมปราณ ดังนั้นเรื่องแบบนี้จึงต้องให้พี่สะใภ้ที่มีพลังลมปราณเป็นผู้จัดการฟางเหวินสบตากับนาง เห็นเพียงมู่หนิงชี้นิ้วไปที่ศีรษะพลางมองไปยังเจ้าหน้าที่ท้องป่อง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองกระเบื้องที่แตกบนหลังคาวัดร้าง ทันใดนั้นนางก็เข้าใจในทันทีจึงหนีบก้อนหินไว้ระหว่างนิ้วมู่หนิงยืนอยู่ข้าง ๆ เพื่อบังสายตาของทุกคนให้ ฟางเหวินหาจังหวะที่เหมาะสม ใช้พลังลมปราณดีดก้อนหินออกไป“เพียะ~”เสียงกระเบื้องแตกพลันดังขึ้น เศษกระเบื้องร่วงหล่นลงมาจากหลังคา พอดีกับที่ตกลงบนใบหน้าของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง“อ๊า~ ตาข้า”เมื่อเจ้าหน้าที่ท้องป่องได้ยินเสียง ก็เงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณ แต่ไม่คาดคิดว่าเศษกระเบื้องที่แตกจะพุ่งเข้าเสียบตาซ้ายของเขาทันที เขาล้มลงนอนกับพื้นและกรีดร้องอย่างเจ็บปวดกระเบื้องดี ๆ อยู่ เหตุใดจู่ ๆ ถึงแตกได้?รองแม่ทัพจางเหลือบมองเหล่าสะใภ้ตระกูลโม่ รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้อ

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 25

    มู่หนิงมองไปยังรองแม่ทัพจางที่อยู่ด้านข้าง กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า “ท่านเจ้าหน้าที่! ตอนนี้สามีของข้าไม่สบาย ได้โปรดให้น้ำเขาดื่มสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”รองแม่ทัพจางไม่ได้ถามอะไรมาก หันหลังกลับไปหยิบกาน้ำจากบนหลังม้าที่อยู่นอกวัดร้างแล้วยื่นให้นาง “น้ำมาแล้ว”“ขอบคุณเจ้าค่ะ”มู่หนิงกำลังจะยื่นมือไปรับกาน้ำ“น้องสะใภ้เจ็ด เจ้ากำลังตั้งครรภ์ไม่สะดวกที่จะนั่งยอง ๆ ให้ข้าป้อนน้ำน้องเจ็ดเองเถอะ”พี่สะใภ้ใหญ่หยางซูหว่านก้าวออกมา รับกาน้ำจากมือของรองแม่ทัพจางพี่สะใภ้รองฟางเหวินและพี่สะใภ้ห้าโจวชิงอี๋ช่วยกันพยุงโม่จิ่นยวนขึ้น “น้องเจ็ด ตื่นสิ ตื่นเร็วเข้า”หยางซูหว่านเรียกโม่จิ่นยวนอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าว่าจะตื่น พี่สะใภ้คนอื่น ๆ ก็เข้ามารุมเรียกเช่นกัน“น้องเจ็ดเขา... คงจะไม่ตายใช่ไหม?”อวิ๋นชิงชิงเห็นว่าเรียกโม่จิ่นยวนอย่างไรก็ไม่ตื่น ตกใจจนร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจพี่สะใภ้รองฟางเหวินได้ยินดังนั้น ก็รีบตวาดว่า “น้องสี่อย่าพูดจาเหลวไหล น้องเจ็ดไม่เป็นอะไรหรอก”“จิ่นยวน! ตอนนี้แม่เหลือเจ้าเป็นลูกชายเพียงคนเดียวแล้ว เจ้าจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาดนะ”ฮูหยินผู้เฒ่าโ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status