เช้าการตื่นนอนที่ไม่สดใสสักเท่าไหร่ ของหญิงสาวเอเชีย เธออยู่ในโหมดร่างเปลือยเปล่าไม่เหลือเสื้อผ้าสักชิ้น นอกจากผ้านวมผืนหนาที่คลายหนาว กับท่อนแขนหนักของคนข้างๆที่กกอยู่ ไศลาขยับแหงนหน้าขึ้นไปมอง ก็พบสากไรหนวดตรงปลายคางเป็นอันดับแรก ซึ่งเขาใช้มันเกยหัวทุยของเธอ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างเชื่องช้าแผ่วเบา พร้อมสีหน้าที่เย็นชาและตายสูงสุด ก่อนจะค่อยๆขยับเขยื้อนร่าง เตรียมจะผละทำความสะอาดร่างกาย
แต่แล้ว... กลับปลุกคนข้างๆให้ตื่นไปด้วย เขาบิดขี้เกียจ ก่อนจะลืมตาลงมามองเป็นอันดับต่อมา ทว่า สาวเจ้ากลับนอนหงายนิ่ง ไร้การไหวติง ชายหนุ่มจึงแกล้งขยับอ้อมแขนไปโอบกอด แล้วหอมหัวทุยฟอดใหญ่ อย่างแสนรัก
" ทำไมตื่นเช้าจัง " พลางยิ้ม
" นี่มันบ่ายแล้วค่ะ" ส่วนหญิงสาวเบ้ปาก
" ก็แล้วไง นอนต่ออีกหน่อยเถอะน่า " ก่อนจะขยับตัว หวังให้เขาคลายอ้อมแขน
" ไม่ล่ะค่ะ "
ทว่า ยิ่งดิ้นเขายิ่งกอดรัดแน่น พร้อมกับใช้ปลายจมูกหยอกเย้าซอกคอเธอ
" อืม.."
กับเสียงครางที่ชวนสยิว ไศลานิ่วหน้า บ่งบอกให้รู้ถึงความรำคาญที่มีจับใจ เธอเตรียมมือจะผลัก แต่ทว่า ชายหนุ่มกลับพลิกตัวมาขึ้นคร่อมเสียก่อน นั่นจึงทำให้เธอตกใจ
" อย่าค่ะ"
บอกเสียงกระท่อนกระแท่น ปนสั่น ไม่เต็มเสียงนัก ชายหนุ่มได้ใจ ราวกับยิ่งห้ามรังยิ่งให้ทำเข้าไปใหญ่
" แค่หยอกเล่นหรอกน่า"
ปากบอกอีกอย่างในขณะมือทำอีกอย่าง เขาหารู้ไม่ตอนนี้น้ำเสียงเขากำลังแหบแห้ง กับมือซุกซนที่ลูบไล้ไปตัวก้นกลมกลึง ก่อนจะจับขาข้างนึงของเธอยกขึ้น
" คุณ ฉันขอร้อง ฉันไม่ไหวแล้วนะคะ "
เลื่อนหน้าลดลง ใช้มันจรดเนินอก ก่อนงาบงับยอดถัน ซึ่งชูชันราวกับรอเขา เพราะอุณภูมิแอร์เย็นฉ่ำ ไม่คิดจะฟังเสียงเธอ เขาเริ่มดูดมูมมาม ดุจเด็กทารกหิวนมแม่
เวลาเดียวกันใช้มือบีบเค้นหน้าอกที่ว่างแทบระบมไปด้วย
แต่แล้ว ..
ในจังหวะที่กำลังจะเข้าได้เข้าเข็ม เสียงสมาร์ทโฟนกลับดังแทรกเสียก่อน เวเดนจะไม่หัวเสียหรือชะงักเลย ถ้าเครื่องที่ดังเป็นของเขา ไม่ใช่ของอีกคน และที่หนักไปกว่านั้นคือ...ปลายสายเป็นเบอร์ของคนที่คาดไม่ถึง เขาเอี่ยวตัวไปหยิบมันมา ทั้งที่ยังคร่อมเธออยู่ ก่อนจะพลิกหน้าจอให้ดู พร้อมคำถามที่ทำคนฟังต้องลอบกลืนน้ำลาย
" มันเป็นครั้งที่เท่าไหร่ "
" คะ? "
" คงไม่ใช่ครั้งแรกหรอกโอเค๊? ถ้าเธอเมมชื่อมันน่ะ"
" อึก..."
" คะ คุณซันดรู "
ไศลาครางถ่างตาเล็กน้อย เธอจะไม่พลาดเลย หากไม่คิดจะคว้าสมาร์ทโฟนในมือเขา ทว่าเวเดนกลับพาหลบ เขาขบกรามแน่น ถือวิสาสะกดรับให้ พร้อมผละจากร่างเธอไปยืนเต็มความสูงอยู่ข้างเตียง ไศลาได้โอกาสตรงนั้น จึงดึงผ้านวมมาปิดบังดาย ห่อตัวจนแน่น ทอดมองเขาตาไม่กระพริบ
" ไง "
(หืม กูโทรผิดเบอร์หรือวะ)
ยิ่งทวีคูณความหงุดหงิด ก็ตอนที่อีกฝ่ายปลายสายยียวนกลับมา
" จะบอกว่านี่เป็นเจตนามึงล้วนๆสินะ "
(แน่นอนพวก กูตั้งใจโทรมาชวนเมียมึงไปดินเนอร์ในคืนนี้ )
เขาเองก็พูดตามความจริง ซึ่งถ้าให้เดาคงกำลังยิ้มไปด้วย ต่างกับฝั่งนี้โดยสิ้นเชิงที่ขบกรามแน่น เสียวว่ามันจะหักเปราะ
" อยากประกาศสงครามกับกูรึไง "
(ไม่เอาน่าพวก สมบัติผลัดกันชมเท่านั้น)
" ไอ้ซันดรู! "
(โว้ๆๆ ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วยวะ ไม่อยากให้กูยุ่ง แน่จริงมึงก็เอาทะเบียนสมรสมากลางตรงหน้ากูซี่ ทำได้ไหมล่ะ อย่างที่เราเคยคุยกันไง แต่เจ้าสาวต้องเต็มใจนะ หื้ม)
" อย่าเอาพันธะสัญญามาเกี่ยวกัน เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเธอ "
ในขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอย่างดุเดือด มีเพียงประโยคนี้กระมัง ที่ดูน่าสนใจเป็นพิเศษ ทำไศลาที่นอนอยู่ ต้องเอี้ยวหูฟังอัตโนมัติ
(จะไม่เกี่ยวได้ยังไง เธอก็คือคนนึงที่มึงจะเอาจริงเอาจังหวังให้เป็นนายหญิง เลิกเอาผู้หญิงคนอื่นมายั่วให้กูติดกับสักทีเถอะน่า ก็รู้ๆกันอยู่ ว่าไม่ใช่คนที่มึงรักเท่าไศลา ตามศักดิ์พันธะสัญญา ผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นของกูด้วยซ้ำ ไม่ใช่รึไง?)
" ไม่มีทาง! "
(ฮ่าๆๆ งั้นมึงก็ต้องหยุดรักเธอ .... ว้า แต่ตอนนี้เหมือนจะสายซะแล้วสิ เพราะต่อให้รักหรือไม่รัก ปล่อยหรือไม่ปล่อย ท้ายที่สุดก็ยังเหมือนเดิม เพราะกู..จะเอาคนนี้)
"...... "
(ตามสัญญา รักษาสัญญาด้วยเพื่อน)
จนกระทั่งปลายสายเป็นฝ่ายวางไป หญิงสาวจึงจะปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นเหมือนเดิม มีเพียงดวงตาหวานเท่านั้นที่มองเขาสลับกับการมองเล็บมือของตัวเอง ชายหนุ่มผู้มีความใจร้อนเป็นทุน ซึ่งก่อนหน้านี้ใช้บทสนทนานั้นอย่างออกรส มีทั้งตะเพิด มีทั้งกัดฟันหมายจะข่มขู่ ทว่าตอนนี้กลายเป็นยืนนิ่งกำโทรศัพท์แน่นแทน หลังจากนั้นจึงจะหันขวับมามองเธอ พร้อมปาโทรศัพท์มาให้
ตุบ!
ก่อนจะชี้หน้า ขู่เสียงเล็ดลอดเพียงไรฟัน
" อย่าให้ฉันรู้ว่าเธอมีใจให้ไอ้ซันดรู ฉันรู้เมื่อไหร่ ฉันฆ่าเธอแน่ "
แล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้เธอนั่งงุนงงอยู่คนเดียว ไศลาปากสั่น ยกมือขึ้นลูบหน้า ระบายความในใจตอนนี้ ที่ราวกับขุ่นมัวแต่แสดงออกมาไม่ได้ เพราะยังไงคงมีแต่แพ้กับแพ้
ราวกับมีใครเอาค้อนมาทุบหัว เรื่องที่ชายหนุ่มเจอมา นั้นหมายความว่าไม่มีใครหน้าไหนสามารถช่วยได้ มันคือพันธะสัญญาของคนสองคน โดยมีอีกคนเป็นพยาน คือบุคคลที่สุขุมและเชื่อถือว่าจะไม่แพร่งพรายออกไปได้ดีเป็นที่สุด ครานั้นเขายอมรับ สำนวนที่ออกจากวาจา เป็นประกาษิตที่ต้องการแถเอาตัวรอดล้วนๆ เพียงเพราะต้องการจะครอบครองผู้หญิงคนหนึ่ง เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนที่พ่ายแพ้อย่างซันดรูจะเป็นอย่างไร และไม่เคยนึกด้วยซ้ำไปว่าวันนี้จะเป็นเวรกรรม..ที่กำลังจะมาถึง
ผั๊วะ ผั๊วะ
เสียงหมัดผสานงาเข้ากระทบโครงหน้าอย่างจัง เขาจำได้แม่นถึงวันที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต วันที่ชกซันดรูไปหลายหมัดจนเขาล้มลงกองเป็นผัก น่วมอยู่กับพื้น ด้วยสาเหตุจับได้คาหนังคาเขา ว่าคนทั้งคู่เคยรักกัน แถมผู้หญิงที่เขารัก เหมือนจะเข้าข้างอีกฝ่ายซะด้วย หล่อนแทบจะกระโจนเข้ามารับแทนทุกครั้งที่เขาจ้วงหมัดใส่ พร้อมน้ำตาเม็ดใหญ่ ที่ไหลพรั่งพรูท่ามกลางสายฝน
' เว้ด! พอแล้วอย่าทำเขา ฮือๆๆ '
ทว่า ในอารมณ์ที่โกรธรุนแรงยามนั้น มีแต่จะสัมฤทธิ์ผลเป็นพังกับพัง เมื่อเขากระหน่ำหมัดลงไปไม่สนใจเธอ
ผั๊วะ!
' เว้ด!!! โฮๆๆ'
ไม่สนด้วยว่าซันดรูจะเจ็บปางตาย
' ในฐานะเพื่อนร่วมสาบาน บอกกูมามึงจะรับผิดชอบเรื่องนี้ยังไง '
' รับผิดชอบงั้นหรือ มึงต่างหากที่ควรรับผิดชอบ ทาน่าเป็นคนของกู ก่อนจะรักทำไมไม่ศึกษาก่อน '
' คนของมึงงั้นหรือ มึงทิ้งเขาไปตั้งนาน ยังจำได้ไหม! หื้ม จำได้ไหม?! '
' หึ แล้วเธอหมดรักกูรึเปล่าล่ะ? '
' ไอ้!! '
ผั๊วะ! ผั๊วะ!
' เว้ด!!!! '
เสียงกรีดร้องของเธอในอดีตยังคงดังอัดก้องหู ยามที่เผลอปล่อยใจว่างกลับไปย้อนนึก
" ให้ตายเถอะ!..."
เขากัดฟันกรอดอย่างโกรธแค้น ที่ผู้หญิงคนนี้ยังคงมีอิทธิพล
ตุบ!
ก่อนจะสาดหมัดเพียวๆใส่กระจกบานใหญ่ตรงหน้า แตกกระจาย
เพล้ง!
เสียงนั้นดังเผื่อมายังคนที่นั่งอยู่บนเตียงด้วย ไศลาสะดุ้งโหยง เบิกตาโพลง ราวกับช็อค เธอลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พลางกำชับขาเข้ามากอดไว้แน่น ฟุบหน้าเข้ากับเข่า ตัวสั่นสะท้าน อารมณ์คุ้มคลั่งของเขา บางทีก็ทำให้เธอใจหวั่นได้เช่นกัน ว่าสักวันหนึ่งจะไม่ปลอดภัย
ในสมรภูมิรบ ที่มีความเชื่อประหนึ่งความตายเท่านั้นถึงจะยุติ คนรอดคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด โครทิส เวเดโน่ จึงไม่คิดจะยอมแพ้ การก้าวหาความเสี่ยง ทั้งที่รู้ห้าสิบห้าสิบกว่าจะชนะ ไม่ได้มาซึ่งความสำเร็จ ก็ยังไม่คิดจะผันตัวออกมา ราวกับว่าร่างกายตัวเองคงกะพันหนังไม่ระแคะระคายยังไงยังงั้นสองมือโอบอุ้มความกล้าไว้จนมั่น ตระหนักสิ่งสำคัญให้เป็นที่สุดของกำลังใจคือไศลา นั่นทำให้เขาไม่ยอมหยุดที่จะเดินต่อ ยังเดินเกมต่อแม้ทางข้างหน้าจะไร้แสงปลายอุโมงค์ หรือลิบหรี่เต็มทีในความคิดมาเฟียร้ายอย่างเขา คนขึ้นชื่อว่าเป็นหัวโจ็ก กว่าจะได้ฉายาคำว่าผู้นำมาอย่างยากลำบาก ...จึงมีแต่คำว่าลองดูเท่านั้น!ใช่! เขาวางแผนฆ่านายตัวเองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ลำกล้องปืนถูกดวงตาคมกริบใช้เป็นช่องทางผ่านระหว่างการเล็งจากตึกระฟ้าไปยังชั้นที่แปดสิบของอีกตึก ผู้มีหญิงสาวร่างบางปราดเปรียวยืนเชิ่ดคอทรนงอยู่ นิ้วชี้ขวาประทับแผ่วเบาเตรียมตัว ราวกับรอสัญญาณบางอย่าง บวกกับโอกาสคิดว่าคงสำเร็จไปครึ่ง หากวันนี้เหล่าอัลฟาพ้องพวก สามารถจี้จุดให้หล่อนมีโทสะมายืนตรงนั้นได้ ตำแหน่งที่นานครั้งจะมายืนได้สักครั้ง ทว่าเป็นจุดตายจุดเดียวที่ไม่ต้องพ
ร่างบางนั่งพับเพียบอยู่กลางเตียง ดวงตาเหม่อลอยบวมปูดและแดงก่ำจนมองไม่เห็นเคล้าโครงเดิม บ่งบอกให้รู้ว่าเธอนั้นผ่านการร้องไห้มานานหลายชั่วโมงแล้ว ท่ามกลางความมืดมิด ภายในห้องสี่เหลี่ยม ที่มีเพียงข้าวของเครื่องใช้วางเรียงรายอยู่รอบๆ หากนับสิ่งมีชีวิต คงมีแค่เธอคนเดียว ไศลานั่งกอดเข่าเพียงลำพังนับแต่นั้น และไม่สามารถกะเกณฑ์เวลาได้ พอๆกับหยดน้ำตาที่ไหลลงมาได้ความลับที่พยายามปกปิด ทว่ากลับมาเปิดเผยด้วยปากของตัวเอง กลับกลายเป็นความเสียใจมาสนองเธอ หลังจากคนที่เพิ่งจะมารู้ทีหลังอย่างแม่และน้องชายฟังจบ พวกเขาพากันเงียบ ไร้เสียงพูดคุยสนุกสนานเหมือนเดิม เอาแต่นั่งอยู่ในมุมของตัวเอง ราวกับนั้นคือโลกส่วนตัว ที่ไม่อยากจะให้ใครเข้ามาก้าวก่ายกันอีกหยดน้ำตาที่สอง คือหยดน้ำตาที่แลกมาด้วยความเป็นห่วง เธอร้อนใจนับตั้งแต่เวเดโน่ก้าวออกเดิน ทิ้งเพียงแผ่นหลังกว้างกับภาพปิดประตูรถเอาไว้ ก่อนหายไปท่ามกลางถนนสายเปลี่ยว ไกลสุดลูกหูลูกตา เห็นเพียงใบไม้แห้งเกรียมปกคลุม สาเหตุอะไรที่เขานำแม่และน้องของเธอมาอยู่ที่นี่ สาเหตุอะไรที่เธอต้องมานั่งรอคอยการกลับมาของเขา อยู่กลางป่าถ้านี่ไม่ใช่ความปลอดภัยที่ถูกหยิบยื
มากกว่าความหวาดเสียวในสมรภูมิรบก็คงเป็นคำพูดของเวเดโน่นี่แหละ ที่ดูจริงจังเกินเหตุสำหรับแมททริกในตอนนี้ ซึ่งหลังได้ฟังชัดเต็มสองรูหูเหมือนจะค้างไปแล้ว เขาอึ้ง และพูดอะไรไม่ออก “ อะไรของมึงวะ “ได้แต่เอ่ยเสียงแผ่ว กับคำถามที่ใคร่รู้เพียง เพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ ความหมายของเขาที่มีในหัวประมาณว่า ...“ เพราะผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะ ซึ่งคำตอบที่ได้คือร่างสูงพยักหน้ายอมรับโดยไม่คิดสักนิด“ เฮ้ยยย พวกเราสั่งให้แกเข้าไปพัวพันในชีวิตเธอ เพราะหวังให้ชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าวันนึงจะกลายเป็นเมียก็ไม่มีใครว่า แต่ไม่ใช่ให้ทำแบบนี้ ““ แบบนี้มันแบบไหนวะ! “กลายเป็นประเด็นใหญ่ให้เขาทั้งคู่ได้ถกเถียง และมองหน้ากัน ในขณะต่างฝ่ายต่างไม่ละสายตาและไม่มีใครยอมใคร แมททริกอมลมกลั้วปาก รู้สึกขัดใจขึ้นมาทันทีกับความคิดของเขา หนึ่งในแก็งค์อัลฟา ผู้ที่เคยเป็นตัวเต็งแนวหน้า ไม่เคยกลัวสิ่งใด แต่วันนี้กลับมากลัวความรักของตัวเองจะพังลง “ ก็แบบ...”เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่“ จะแบบไหนก็ช่างเถอะ แต่มึงจะทำแบบนั้นไม่ได้ มันเสี่ยงมากเกินไป ถ้าฝั่งศัตรูรู้ว่าเราแตกคอกันเอง จะทำยัง
ไศลานั่งคอตก เมื่อเห็นสีหน้าของน้องชาย หลังพูดประโยคนั้นออกไป เธอเม้มปากแน่น ข่มเปลือกตาลงจนมันสั่นระริก ก่อนจะค่อยๆคลี่คลายออก มองไปยังที่เก่า ในขณะรอบนี้เผยความหม่องหม่นนัยย์ตาออกมาด้วย ที่ดูก็รู้เธอกำลังจะร้องไห้ และคนข้างกายเธอเองก็เช่นกัน " พี่พูดว่าอะไรนะ? " เขาถามย้ำก่อนน้ำตาก้อนใหญ่เหล่านั้นจะไหลลงมา ไศลาไม่ตอบ แต่เลือกที่จะก้มหน้านิ่งแทน มองผ่านม่านน้ำตาไปยังมือตัวเอง ซึ่งบีบจิกเข้าหากันราวกับกำลังระบาย" ฮึก..."ความอึดอัดเคยเก็บไว้ในใจสุดลึก เสแสร้งทำเป็นเข้มแข็งมาตลอด ทั้งต่อหน้าและลับหลังครอบครัว วันนี้ถล่มทลายลงมาไม่เหลือชิ้นดี เพียงแค่อยากให้คนที่เธอรักหมดปัญหาเรื่องนี้ไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือร้าย เธอก็สบายใจทั้งนั้น ริมฝีปากแดงระเรื่อปริเบ้ออก ยิ่งสะอื้นไห้หนัก หลังร่างสูงถลาเข้ามาเขย่าตัว พยายามกดดันเค้นหาคำตอบ" มองหน้าผมเซ่! ผมถามตั้งนานแล้วนะ พี่ใหญ่เป็นอะไรถึงตาย"ทว่า สิ่งที่เธอเห็น กลับเป็นเพียงภาพที่ไร้เสียง มีเพียงปากพูดเขาที่ขยับ และร้องไห้อยู่ พร้อมบริเวณรอบๆ ที่เปลี่ยนไป' รู้ไหมว่าพี่สอนให้ฉันชิน ชินต่อการคิดถึงพี่ ในวันที่พี่ไม่อยู่ ..ชินกับการเห็นพี่โบ
ร่างบางยืนตระหง่านอยู่บนถนนคอนกรีต เบื้องหน้าของเธอคือกึ่งบ้านกึ่งคฤหาสน์ที่จัดไปทางค่อนข้างจะทรุดโทรมทว่าดูหรูหราจนน่าแปลกใจ อุ้งมือน้อยๆกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น พร้อมดวงตากลมโตเคลือบอมไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง สลดปนละห้อย เธอใช้สายตาคู่นั้น จรดตั้งแต่ระดับเดียวกันช้อนขึ้นไปมอง พลันถอนหายใจเฮือก เมื่อไปหยุดอยู่ตรงระเบียงชั้นสอง ที่มีใครคนนึงซึ่งคุ้นเคยและจำได้แม่น" แม่คะ..." เธอขยับปากเรียก หล่อนยืนมองอยู่ก่อนแล้ว นับตั้งแต่รถแล่นเข้ามาไกลๆแม้เสียงนั้นดังไปไม่ถึง เพราะระยะทางที่ห่างกัน แต่น้ำตาแห่งความคิดถึง กับสีหน้าเลือนลาง ยังทำให้ทั้งคู่นั้นมองเห็นชัดใช่ เพราะต่างฝ่ายต่างโหยหาไม่มีใครยอมแพ้ ในขณะหัวไหล่เธอกำลังจะตก เผลอคิดไปถึงเหตุการณ์หลังจากนี้ ระหว่างที่อยู่ จะสรรหาประโยคไหนที่ดีพอ ที่ไม่ทำให้แม่ต้องเสียใจ หากจะกล่าวถึงเรื่องของพี่ชายคนโต และการตายของเขาแต่แล้ว.. มือใหญ่ข้างหนึ่งของคนที่มาด้วย กลับทำเธอหลุดภวังค์เสียก่อน ไศลาค่อยๆหันกลับไปมอง “ ฉันต้องการฟังความรู้สึกของเธอตอนนี้ที่มีต่อฉัน “ก่อนจะก้มหน้าลอบถอนหายใจ“ ฉันไม่มีอะไรจะพูด...” เธอส่ายหน้าเชื่องช้า“ พูดให้กำลังใ
" ก็ถ้าสมมุติว่าฉันท้อง"หญิงสาวช้อนตาหน้าสลด หลังคนสูงกว่าเอาแต่ยืนมอง คิ้วผูกติดฉงนงุนงง เธอจึงเริ่มพูดต่อ กับประโยคใส่อารมณ์ ที่บ่งบอกถึงความไม่แน่ใจ แต่แล้ว...กลับถูกมือใหญ่จับหมับตรงต้นแขน" สรุป ท้องหรือไม่ท้อง "เขาเค้นหาคำตอบไศลาเม้มปากแน่น คิดทบทวนตัวเองใหม่ ถ้านี่เป็นเรื่องที่กุขึ้นมา เพื่อความสะใจ และเอาชนะเล่าก็ อีกไม่นาน ร่างทั้งร่างของตัวเอง อาจจะระบมไปหมด เพราะถูกคนตรงหน้านั้นกระทืบเธอกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนพยักหน้าเชื่องช้า ดวงตากลมโตไม่กระพริบ จับจ้องมั่นอยู่ตรงหน้าหล่อเหลา ซึ่งหลังจากจบประโยคนี้ มันค้างชะงันไปกลางคัน และเธอนั้นเห็นพอดีเขาอึ้ง... " แน่ใจ? "" ค่ะ..."" ตรวจดีแล้ว... "" ยังค่ะ เราจะตรวจพร้อมกันวันนี้ ซึ่งฉันมั่นใจไปเกินครึ่ง ว่าในท้องฉัน มีเลือดเนื้อของคุณอยู่ "เธอตอบคำถามอย่างฉะฉาน เวเดโน่เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะกระโชกโฮกฮาก" ให้ตาย ฉันควรดีใจไหมไศลา..."" เอ๋..."ซึ่งนั่นทำเธอแปลกใจไม่น้อย " ในสถานการณ์ขับขัน ไม่รู้จะเป็นหมู่หรือจ่า อยู่ๆ ก็มีเด็กขึ้นมาให้ฉันต้องรับผิดชอบ.. "เปลี่ยนความคิดในหัวของเธอเป็นฝั่งตรงข้าม ความแรงของมันราวกับตบให้มึน