' ถ้าฉันจะพาเธอไปหาครอบครัวของเธอล่ะ เธอจะว่าไง? '
'ไปตอนนี้เลย ไปกับฉัน'
เสียงสวรรค์?
ไศลาชะงักกึกตามสัญชาตญาณ ไม่ต้องบอกก็รู้เขามาไม้ไหน ต้องการอะไร ถึงเอาเรื่องนี้มาล่อ
แค่รู้ไว้ก็พอ...ว่าเขานั้นแทบจะทำสำเร็จ
หญิงสาวหันกลับมา ลืมคนนอกเผลอมาผูกพันด้วยอย่างเวเดนไปแล้วสิ้น
ลืมแม้กระทั่งความสุขที่เคยมอบให้ทางกายของกันละกัน
" คุณจะบอกว่า คุณมีเจตนาจะให้ฉันได้เจอแม่และน้องจากใจจริงน่ะหรือคะ "
สาวเจ้าเลิกคิ้วสูง ทำซันดรูคลี่ยิ้มพลางก้มหน้า มือคู่ล้วงกระเป๋ากางเกงชิลล์ แล้วขยับมาหา
" เธอคิดว่าไงล่ะ ""
ฉันไม่ไว้ใจคุณ "
" ฮ่าๆๆ " ก่อนจะแหงนหน้าหัวเราะเสียงดังลั่น แล้วก้มลงมายิ้มกว้าง " ไม่ว่าจะแฝงด้วยเจตนาใดในตัวฉัน ของเธอ..ต้องการแค่นี้ไม่ใช่เหรอ? แค่ได้เจอแม่กับน้อง เพราะงั้น อย่าสนเลย "
" ก็ใช่...แต่คุณเรกาโด พูดเหมือนจะไม่ปลอดภัย ถ้าฉันเลือกที่จะกลับบ้าน "
" ทำไมล่ะ? "
เขาหรี่ตาฉงนแสร้งถาม ไศลายักไหล่
" ไม่รู้สิ... มาพัวพันกับพวกคุณล่ะมั้ง "
จากนั้นพวกเขาจึงพากันเงียบไปอึดใจหนึ่ง และซันดรูเป็นคนพูดต่อ ในท่าหันข้างให้กับเธอ ท่าทางนี้ราวกับกำลังมองการไกล ไม่ก็หวนนึกถึงความทรงจำที่ลืมไม่ลง พลางเริ่มพูด
" นับจากวันที่พี่ชายเธอเข้ามาในแก็งค์เรา หลังจากนั้น พวกเราก็เหมือนได้รู้จักเธอไปด้วย เราสาบานกันว่าจะเป็นครอบครัวเดียวกัน ถึงจะนอกสายเลือดแต่ก็รักกันสุดๆ ไม่ว่าใคร.. ไม่ว่าใครก็ตามที่อัลฟายอมรับ "
ประโยคหลังหันมามองเธอ นั่นจึงทำให้หญิงสาวเริ่มเกร็ง ตั้งใจฟัง มือคู่ผสานเข้าหากันอัตโนมัติ
" รวมถึงเธอด้วย ในตอนนี้ที่เป็นบุคคลสำคัญเข้ายิ่งกว่าเก่า เพราะเวเดนติดหนี้บุญคุณชีวิต และพวกเราทั้งสี่ ก็ติดหนี้บุญคุณเขา ฉันไม่รู้ว่าลบล้างด้วยอะไร แต่ฉันก็พยายามทำตัวให้ดีที่สุด เสมอมา... "
" เอ๋..."
" ฉันเหมือนเป็นน้องสุดท้องในแก็งค์ ถึงจะต้องถูกเอ็ดบ้างเวลาทำผิดกฏ ราวกับพี่สอนน้อง แต่ฉันก็มีความเจ๋งไม่แพ้ใครเหมือนกัน ไม่งั้นองค์กรใหญ่แบบนี้คงไม่ร่วมงานด้วยหรอก ..จริงไหม "
"....."
" ดังนั้น พี่ใหญ่ทำผิด และให้สัญญาว่าจะชดเชยให้ ก็เท่ากับต้องรักษาสัจจะด้วย แต่ก่อนพวกเขามีสิ่งนั้น ที่ผ่านมาฉันถึงยอมก้มหัวให้ เว้นแต่ตอนนี้ ...ฉันเหมือนกำลังถูกเอาเปรียบ ท้ายที่สุดความสำคัญขึ้นอยู่ที่บทบาท ซึ่งสิ่งนั้นฉันไม่ค่อยจะมี เธอรู้ไหม...เธอน่ะคือผู้หญิงคนที่สองที่ทำให้ฉันใจเต้นแรง เวลาเห็นรอยยิ้ม มันหายเครียดดีนะ หายเหนื่อยเลยล่ะ เมื่อได้เห็นมัน แล้วก็คิดว่า ถ้าฉันได้เห็นมันทุกวัน ทุกเวลา ก็คงจะดี "
"คุณซันดรู..."
" เพราะงั้นไม่ว่าอะไรที่ฉันควรจะได้ ฉันก็ต้องได้ "
แต่ว่า...""
"ฉันชอบเธอ"
ไศลาเม้มปากแน่น ทำตัวไม่ถูก หลังได้ยินประโยคสามพยางค์นั้นชัดสองรูหู สิ่งที่เธอคงทำได้ในวินาทีแรกคือการปรับเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติและเรียบเฉยที่สุด ลบริมฝีปากดึงเรียกสติให้ไว แม้ภายในใจตอนนี้กำลังเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะอยู่ก็ตาม
" คุณน่ะหรือชอบฉัน? "
หญิงสาวทวนถามเสียงแผ่ว เลิกคิ้วสูงบ่งบอกถึงการไม่เชื่อ
ในขณะชายหนุ่ม ได้แต่ยืนเฉย ใบหน้าอุ้มยิ้มเต็มเปี่ยมไปด้วยความขาวสะอาด ไร้ความกังวลใดๆ ราวกับรูปปั้นในพิพิธภัณฑ์ก็ไม่ปาน
เขาทำตัวได้นิ่งสงบจนน่าทึ่ง ต่างกับเธอที่พยายามข่มความประหม่า ดุจการกลั้นจมูกไม่ให้ปล่อยลมหายใจออกมา
" ไม่เชื่อก็เรื่องของเธอซี่.."
แถมยังจะสวนกลับมาด้วยน้ำเสียงแค่นหัวเราะอีก
จนกระทั่งความอึมครึมของบรรยากาศนั้นจะทำให้เธอต้องสูญเสียความเป็นตัวเองมากไปกว่านี้ หญิงสาวจึงเปลี่ยนท่ายืนให้สบายกว่าเก่า
โดยการเชิ่ดปลายคางมนขึ้น แล้วหย่อนจมูก พร้อมโพล่ง
" ชอบได้หรือคะ ฉันมีอะไรกับเพื่อนคุณจนนับไม่ถ้วน "
ซึ่งนั่นทำซันดรูชะงักกึก ก่อนประโยคทิ้งท้ายจะทำให้เธอเจ็บตัว เมื่อเขาหันขวับกลับมาทันควัน แล้วจับหมับเข้าตรงต้นแขนขวาหญิงสาว
" คุณยังจะหน้าด้าน...โอ้ย! "
" ฉันยอมหน้าด้านนะไศลา!! "
"....!!! "
" เพื่อไม่ให้ศักดิ์ศรีของฉันมันต้องถูกย่ำยีไปมากกว่านี้"
ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอตกใจไม่ต่างกัน หญิงสาวยืนอึ้งกับคำตะโกนของเขา ที่มันพุ่งใส่หน้ากะทันหัน พร้อมกับฟันเรียงสวยกัดเข้าหาดังกรอด พูดหลุดรอดออกมาแค่ไรฟัน
ใช่...เธอกลัว ทว่าความกลัวนั้นกลับกรอกหูให้เธอต้องนิ่ง หญิงสาวทำได้แค่มองหน้าหล่อเหลา แฝงโทาะนั้นอย่างคั่งค้าง และปล่อยน้ำตาออกมาคลอเบ้า
กระทั่งตั้งสติได้ จึงกัดฟันสวนออกไปบ้าง
" ศักดิ์ศรีงั้นหรือคะ? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันเล่า! "
ก่อนจะสะบัดแขนจนหลุด ถอยออกมายืนห่างจากเขาประมาณสามก้าว
ส่วนเขา..ก็เหมือนจะอึ้งไม่ต่างกัน หลังได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือจากเธอ
" เลิกเล่นตลกกับฉันสักที! ฉันไม่เคยมีแฟนมาก่อนนะ คนที่จะบอกว่าชอบกันได้ สำหรับฉัน นั่นแปลว่าเขาต้องไว้ใจได้ด้วยสิ ฉันถึงจะยอมให้เข้าหา...ฮึก! คุณน่ะ ...ไม่ใช่สิ! พวกคุณน่ะ ทำชีวิตฉันพังป่นปี้หมดแล้ว.."
และยิ่งตกใจหนัก เมื่อหญิงสาวตรงหน้าถึงกับโก่งตัวตะเบ็งเสียงใส่ สีหน้ายับยู่ยี่ จะปล่อยโฮก็ไม่กล้า จะกลั้นไว้ก็ทำไม่ได้
" ไศลา..."
" อย่าเข้ามานะ! "
เธอใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาแบบลวกๆ ก่อนจะยิ่งถอยห่างออกไปมากกว่าเก่า ช้อนขึ้นมองร่างสูงราวกับคนกำลังต้องการคำตอบ และแสงสว่างของทางเดินที่จะไปต่อ บ่งบอกให้รู้ว่าเขานั้นได้ทำในสิ่งที่แสนลำบากใจสำหรับเธอ
ใช่ การเอ่ยข้อเสนอที่เธอต้องการสูงสุดต่ออุดมการณ์สมอง ทว่าตรงข้ามกันกับจิตใต้สำนึก มันทำให้เธอลำบากใจ
" ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอรู้สึกแย่.."
" คุณเรกาโดกับภรรยาเขาบอกฉันว่า ชีวิตของครอบครัวฉันมันไม่สงบสุข นับตั้งแต่ฉันเข้ามา และจะไม่ปลอดภัยหากฉันต้องไป นั่นหมายความว่า คนที่คุ้มกะลาหัวฉันได้มันไม่ใช่คุณ .."
" ใครบอก ฉันสามารถคุ้มครองเธอได้ เพียงแค่เธอเปิดใจให้ฉันได้ช่วย "
" ไม่ค่ะ" เธอส่ายหน้า
นั่นทำแขนข้างขวาที่ถูกยกขึ้น เตรียมจะจับตัวเธอชะงักกึก ก่อนค่อยๆร่วงฝ่าอากาศลงอย่างหมดแรง
" ไศลา เธอยังไม่ทันได้เอาชีวิตของเธอเข้ามาถึงครึ่งนึงด้วยซ้ำ ...ยังสามารถออกไปได้ เชื่อฉันสิ"
ในขณะที่เขากำลังจะพ่ายแพ้ รู้สึกกล่อมเธอยากเย็น
แต่แล้ว..
คำถามนี้เหมือนจะเป็นต่อราวกับเกมพลิก
" เพราะอะไร? คุณถึงต้องการให้ฉันออกไปจากชีวิตคุณโครทิสนัก "
เธอปรับสีหน้าเป็นฉงน
ซันดรูจึงใช้โอกาสนั้นผ่อนคลายตัวเอง มองหน้าหญิงสาวนานพอควร กว่าจะตัดสินใจตอบจริงจัง
และนั่นคือคำตอบที่ทำให้เธอต้องคิดใหม่
" ก็เพราะว่า..คนที่ต้องการจะเป็นนายหญิงของโครทิสอีกคน เขาอยู่เหนือกว่าเธอเกินไป เขาพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้มีวันของเขา แม้แต่การแต่งงานกับใครบางคนที่รู้ทั้งรู้ ว่าหลังจากนั้น อิสระของตัวเองจะไม่มี มันไม่ต่างกับการเอาโซ่ตรวนมาล่ามไว้ ...ทำมาสารพัด แม้กระทั่งการหักหลังสามีตัวเอง เป็นสายให้กับเรา บอกจุดอ่อนของสามีหวังยัดเยียดความตายให้ เพียงแค่ได้อยู่ใกล้เวเดน เธอคิดว่า..แค่ชีวิตเล็กๆของเธอ ที่ไปขวางทางเขา สักวันนึง เขาจะฆ่าไม่ได้งั้นหรือ? "
"......!!! "
" รู้ไหม? พี่ชายของเธอที่ตาย ก็มีผลมาจากเขานั่นล่ะ เหตุผลเดียวกันคือขัดขวาง ขัดคอไปซะทุกเรื่อง เธอคงไม่อยากสูญเสียใครไปอีกใช่มั้ย..?! "
ซันดรูถามเสียงทุ้ม ก้มลงมองคนตรงหน้า ซึ่งกำลังหน้าเหวอ ปากสั่นระริก กลืนน้ำลายก้อนใหญ่ลง จนเห็นการขยับผ่านอย่างชัดเจน ก่อนจะเงยหน้ามองเขา...ถึงไม่ได้ตอบก็พอจะรู้แล้ว
" เธอได้อย่างเสียอย่างนะไศลา ยังไงก็มีทางเลือกแค่ทางเดียว ฉะนั้น...ลองตริตรองใหม่...เธอพึ่งฉันได้นะ "
" ฮึก..."
ในสมรภูมิรบ ที่มีความเชื่อประหนึ่งความตายเท่านั้นถึงจะยุติ คนรอดคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด โครทิส เวเดโน่ จึงไม่คิดจะยอมแพ้ การก้าวหาความเสี่ยง ทั้งที่รู้ห้าสิบห้าสิบกว่าจะชนะ ไม่ได้มาซึ่งความสำเร็จ ก็ยังไม่คิดจะผันตัวออกมา ราวกับว่าร่างกายตัวเองคงกะพันหนังไม่ระแคะระคายยังไงยังงั้นสองมือโอบอุ้มความกล้าไว้จนมั่น ตระหนักสิ่งสำคัญให้เป็นที่สุดของกำลังใจคือไศลา นั่นทำให้เขาไม่ยอมหยุดที่จะเดินต่อ ยังเดินเกมต่อแม้ทางข้างหน้าจะไร้แสงปลายอุโมงค์ หรือลิบหรี่เต็มทีในความคิดมาเฟียร้ายอย่างเขา คนขึ้นชื่อว่าเป็นหัวโจ็ก กว่าจะได้ฉายาคำว่าผู้นำมาอย่างยากลำบาก ...จึงมีแต่คำว่าลองดูเท่านั้น!ใช่! เขาวางแผนฆ่านายตัวเองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ลำกล้องปืนถูกดวงตาคมกริบใช้เป็นช่องทางผ่านระหว่างการเล็งจากตึกระฟ้าไปยังชั้นที่แปดสิบของอีกตึก ผู้มีหญิงสาวร่างบางปราดเปรียวยืนเชิ่ดคอทรนงอยู่ นิ้วชี้ขวาประทับแผ่วเบาเตรียมตัว ราวกับรอสัญญาณบางอย่าง บวกกับโอกาสคิดว่าคงสำเร็จไปครึ่ง หากวันนี้เหล่าอัลฟาพ้องพวก สามารถจี้จุดให้หล่อนมีโทสะมายืนตรงนั้นได้ ตำแหน่งที่นานครั้งจะมายืนได้สักครั้ง ทว่าเป็นจุดตายจุดเดียวที่ไม่ต้องพ
ร่างบางนั่งพับเพียบอยู่กลางเตียง ดวงตาเหม่อลอยบวมปูดและแดงก่ำจนมองไม่เห็นเคล้าโครงเดิม บ่งบอกให้รู้ว่าเธอนั้นผ่านการร้องไห้มานานหลายชั่วโมงแล้ว ท่ามกลางความมืดมิด ภายในห้องสี่เหลี่ยม ที่มีเพียงข้าวของเครื่องใช้วางเรียงรายอยู่รอบๆ หากนับสิ่งมีชีวิต คงมีแค่เธอคนเดียว ไศลานั่งกอดเข่าเพียงลำพังนับแต่นั้น และไม่สามารถกะเกณฑ์เวลาได้ พอๆกับหยดน้ำตาที่ไหลลงมาได้ความลับที่พยายามปกปิด ทว่ากลับมาเปิดเผยด้วยปากของตัวเอง กลับกลายเป็นความเสียใจมาสนองเธอ หลังจากคนที่เพิ่งจะมารู้ทีหลังอย่างแม่และน้องชายฟังจบ พวกเขาพากันเงียบ ไร้เสียงพูดคุยสนุกสนานเหมือนเดิม เอาแต่นั่งอยู่ในมุมของตัวเอง ราวกับนั้นคือโลกส่วนตัว ที่ไม่อยากจะให้ใครเข้ามาก้าวก่ายกันอีกหยดน้ำตาที่สอง คือหยดน้ำตาที่แลกมาด้วยความเป็นห่วง เธอร้อนใจนับตั้งแต่เวเดโน่ก้าวออกเดิน ทิ้งเพียงแผ่นหลังกว้างกับภาพปิดประตูรถเอาไว้ ก่อนหายไปท่ามกลางถนนสายเปลี่ยว ไกลสุดลูกหูลูกตา เห็นเพียงใบไม้แห้งเกรียมปกคลุม สาเหตุอะไรที่เขานำแม่และน้องของเธอมาอยู่ที่นี่ สาเหตุอะไรที่เธอต้องมานั่งรอคอยการกลับมาของเขา อยู่กลางป่าถ้านี่ไม่ใช่ความปลอดภัยที่ถูกหยิบยื
มากกว่าความหวาดเสียวในสมรภูมิรบก็คงเป็นคำพูดของเวเดโน่นี่แหละ ที่ดูจริงจังเกินเหตุสำหรับแมททริกในตอนนี้ ซึ่งหลังได้ฟังชัดเต็มสองรูหูเหมือนจะค้างไปแล้ว เขาอึ้ง และพูดอะไรไม่ออก “ อะไรของมึงวะ “ได้แต่เอ่ยเสียงแผ่ว กับคำถามที่ใคร่รู้เพียง เพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ ความหมายของเขาที่มีในหัวประมาณว่า ...“ เพราะผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะ ซึ่งคำตอบที่ได้คือร่างสูงพยักหน้ายอมรับโดยไม่คิดสักนิด“ เฮ้ยยย พวกเราสั่งให้แกเข้าไปพัวพันในชีวิตเธอ เพราะหวังให้ชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าวันนึงจะกลายเป็นเมียก็ไม่มีใครว่า แต่ไม่ใช่ให้ทำแบบนี้ ““ แบบนี้มันแบบไหนวะ! “กลายเป็นประเด็นใหญ่ให้เขาทั้งคู่ได้ถกเถียง และมองหน้ากัน ในขณะต่างฝ่ายต่างไม่ละสายตาและไม่มีใครยอมใคร แมททริกอมลมกลั้วปาก รู้สึกขัดใจขึ้นมาทันทีกับความคิดของเขา หนึ่งในแก็งค์อัลฟา ผู้ที่เคยเป็นตัวเต็งแนวหน้า ไม่เคยกลัวสิ่งใด แต่วันนี้กลับมากลัวความรักของตัวเองจะพังลง “ ก็แบบ...”เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่“ จะแบบไหนก็ช่างเถอะ แต่มึงจะทำแบบนั้นไม่ได้ มันเสี่ยงมากเกินไป ถ้าฝั่งศัตรูรู้ว่าเราแตกคอกันเอง จะทำยัง
ไศลานั่งคอตก เมื่อเห็นสีหน้าของน้องชาย หลังพูดประโยคนั้นออกไป เธอเม้มปากแน่น ข่มเปลือกตาลงจนมันสั่นระริก ก่อนจะค่อยๆคลี่คลายออก มองไปยังที่เก่า ในขณะรอบนี้เผยความหม่องหม่นนัยย์ตาออกมาด้วย ที่ดูก็รู้เธอกำลังจะร้องไห้ และคนข้างกายเธอเองก็เช่นกัน " พี่พูดว่าอะไรนะ? " เขาถามย้ำก่อนน้ำตาก้อนใหญ่เหล่านั้นจะไหลลงมา ไศลาไม่ตอบ แต่เลือกที่จะก้มหน้านิ่งแทน มองผ่านม่านน้ำตาไปยังมือตัวเอง ซึ่งบีบจิกเข้าหากันราวกับกำลังระบาย" ฮึก..."ความอึดอัดเคยเก็บไว้ในใจสุดลึก เสแสร้งทำเป็นเข้มแข็งมาตลอด ทั้งต่อหน้าและลับหลังครอบครัว วันนี้ถล่มทลายลงมาไม่เหลือชิ้นดี เพียงแค่อยากให้คนที่เธอรักหมดปัญหาเรื่องนี้ไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือร้าย เธอก็สบายใจทั้งนั้น ริมฝีปากแดงระเรื่อปริเบ้ออก ยิ่งสะอื้นไห้หนัก หลังร่างสูงถลาเข้ามาเขย่าตัว พยายามกดดันเค้นหาคำตอบ" มองหน้าผมเซ่! ผมถามตั้งนานแล้วนะ พี่ใหญ่เป็นอะไรถึงตาย"ทว่า สิ่งที่เธอเห็น กลับเป็นเพียงภาพที่ไร้เสียง มีเพียงปากพูดเขาที่ขยับ และร้องไห้อยู่ พร้อมบริเวณรอบๆ ที่เปลี่ยนไป' รู้ไหมว่าพี่สอนให้ฉันชิน ชินต่อการคิดถึงพี่ ในวันที่พี่ไม่อยู่ ..ชินกับการเห็นพี่โบ
ร่างบางยืนตระหง่านอยู่บนถนนคอนกรีต เบื้องหน้าของเธอคือกึ่งบ้านกึ่งคฤหาสน์ที่จัดไปทางค่อนข้างจะทรุดโทรมทว่าดูหรูหราจนน่าแปลกใจ อุ้งมือน้อยๆกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น พร้อมดวงตากลมโตเคลือบอมไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง สลดปนละห้อย เธอใช้สายตาคู่นั้น จรดตั้งแต่ระดับเดียวกันช้อนขึ้นไปมอง พลันถอนหายใจเฮือก เมื่อไปหยุดอยู่ตรงระเบียงชั้นสอง ที่มีใครคนนึงซึ่งคุ้นเคยและจำได้แม่น" แม่คะ..." เธอขยับปากเรียก หล่อนยืนมองอยู่ก่อนแล้ว นับตั้งแต่รถแล่นเข้ามาไกลๆแม้เสียงนั้นดังไปไม่ถึง เพราะระยะทางที่ห่างกัน แต่น้ำตาแห่งความคิดถึง กับสีหน้าเลือนลาง ยังทำให้ทั้งคู่นั้นมองเห็นชัดใช่ เพราะต่างฝ่ายต่างโหยหาไม่มีใครยอมแพ้ ในขณะหัวไหล่เธอกำลังจะตก เผลอคิดไปถึงเหตุการณ์หลังจากนี้ ระหว่างที่อยู่ จะสรรหาประโยคไหนที่ดีพอ ที่ไม่ทำให้แม่ต้องเสียใจ หากจะกล่าวถึงเรื่องของพี่ชายคนโต และการตายของเขาแต่แล้ว.. มือใหญ่ข้างหนึ่งของคนที่มาด้วย กลับทำเธอหลุดภวังค์เสียก่อน ไศลาค่อยๆหันกลับไปมอง “ ฉันต้องการฟังความรู้สึกของเธอตอนนี้ที่มีต่อฉัน “ก่อนจะก้มหน้าลอบถอนหายใจ“ ฉันไม่มีอะไรจะพูด...” เธอส่ายหน้าเชื่องช้า“ พูดให้กำลังใ
" ก็ถ้าสมมุติว่าฉันท้อง"หญิงสาวช้อนตาหน้าสลด หลังคนสูงกว่าเอาแต่ยืนมอง คิ้วผูกติดฉงนงุนงง เธอจึงเริ่มพูดต่อ กับประโยคใส่อารมณ์ ที่บ่งบอกถึงความไม่แน่ใจ แต่แล้ว...กลับถูกมือใหญ่จับหมับตรงต้นแขน" สรุป ท้องหรือไม่ท้อง "เขาเค้นหาคำตอบไศลาเม้มปากแน่น คิดทบทวนตัวเองใหม่ ถ้านี่เป็นเรื่องที่กุขึ้นมา เพื่อความสะใจ และเอาชนะเล่าก็ อีกไม่นาน ร่างทั้งร่างของตัวเอง อาจจะระบมไปหมด เพราะถูกคนตรงหน้านั้นกระทืบเธอกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนพยักหน้าเชื่องช้า ดวงตากลมโตไม่กระพริบ จับจ้องมั่นอยู่ตรงหน้าหล่อเหลา ซึ่งหลังจากจบประโยคนี้ มันค้างชะงันไปกลางคัน และเธอนั้นเห็นพอดีเขาอึ้ง... " แน่ใจ? "" ค่ะ..."" ตรวจดีแล้ว... "" ยังค่ะ เราจะตรวจพร้อมกันวันนี้ ซึ่งฉันมั่นใจไปเกินครึ่ง ว่าในท้องฉัน มีเลือดเนื้อของคุณอยู่ "เธอตอบคำถามอย่างฉะฉาน เวเดโน่เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะกระโชกโฮกฮาก" ให้ตาย ฉันควรดีใจไหมไศลา..."" เอ๋..."ซึ่งนั่นทำเธอแปลกใจไม่น้อย " ในสถานการณ์ขับขัน ไม่รู้จะเป็นหมู่หรือจ่า อยู่ๆ ก็มีเด็กขึ้นมาให้ฉันต้องรับผิดชอบ.. "เปลี่ยนความคิดในหัวของเธอเป็นฝั่งตรงข้าม ความแรงของมันราวกับตบให้มึน