“มองไม่ออกเลยนะว่าไอ้หมอนั่นเป็นแฟนเธอ” ฉลามเอ่ยกับน้ำค้างด้วยต้องการหยั่งเชิง
“แล้วต้องทำยังไงพี่ถึงจะเชื่อ”
“เป็นแฟนกันก็ต้องสนิทกันมากกว่านี้สิ แต่นี่ดูเหมือนเธอจะทำตัวไม่ถูกตอนที่มันตักปลาหมึกให้ หรือว่าคบกันมาเน้นเอาอย่างอื่น แต่ไม่เคยเอาใจกันเลยไม่ชิน”
“นี่มันมหา’ ลัยนะ ไม่มีใครทำประเจิดประเจ้อแบบพี่หรอก”
“ไอ้ประเจิดประเจ้อที่ว่านี่มันยังไงเหรอ ทวนความจำให้หน่อยดิ”
เขาเอ่ยพลางขยับเข้าไปใกล้คนตัวเล็ก โน้มใบหน้าหล่อลงไปอยู่ในระดับเดียวกันกับคนที่หันมามองด้วยสายตาเลิ่กลั่ก ตอนนี้เธอกำลังนึกถึงภาพตอนจูบกันถึงสองครั้ง
“ไอ้พี่ฉลาม อย่ามาทำแบบนี้ ฉันไม่ชอบ”
น้ำค้างทำสายตาค้อนเอ่ยเสียงเบา พร้อมกับส่งมือเล็กทั้งสองข้างดันแผงอกของหนุ่มรุ่นพี่ เธอไม่อยากเสียงดังไปมากกว่านี้ เดี๋ยวจะเป็นจุดสนใจเรียกสายตาของคนทั้งโรงอาหารให้หันมามอง
“ไม่ชอบแต่ก็ตอบสนองพี่ทุกครั้ง แล้วเมื่อกี้ตอนจับมือทำไมไม่โวยวายล่ะ กลัวไอ้หมอนั่นจะรู้เหรอว่าเราแอบทำอะไรกันลับหลัง แต่พี่ว่าตอนนี้ทุกคนคงมองออกว่าพี่กับเธอมีอะไรแปลก ๆ”
ประโยคของเขาทำเอาน้ำค้างเหลียวกลับไปมองเพื่อนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม แล้วสองคนนั้นยังมองมาทางเธอราวกับนัดกันไว้ หรือว่าเพื่อนรักจะรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างที่เขาว่าจริง ๆ
“พี่ต้องการอะไรกันแน่ ทำไมถึงคอยหาเรื่องฉันอยู่ตลอด”
น้ำค้างรู้สึกอึดอัดกับการเข้าหาและท่าทีกวนประสาทของเขา สนุกนักหรือไงที่ได้แกล้งคนอื่น
“เลิกกับไอ้หมอนั่นแล้วมาคบกับพี่สิ”
ก่อนหน้านั้นเขาได้ให้นายน์ถามไอรินแล้วว่าน้ำค้างคบกับใครอยู่หรือเปล่า แต่เพื่อนของเธอบอกว่ายังไม่มี แสดงว่าหญิงสาวกำลังโกหก
“ชิ ฝันไปเถอะ”
หญิงสาวจิ๊ปากใส่เขา ก่อนจะเดินกระแทกท่อนแขนของคนตัวสูงแล้วเดินออกไปทันที ฉลามกระตุกยิ้มมองแผ่นหลังของน้ำค้างโดยไม่ถือสาก่อนจะรีบเดินตามกันไป
เขายอมรับว่าน้ำค้างน่าสนใจมาก ต่างจากผู้หญิงทุกคนที่เคยเจอ แต่จะว่าไปการที่เธอเข้าถึงยากแบบนี้มันก็รู้สึกท้าทายดี
*****
ทางด้านไอริน
เธอได้ยินเสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างจานข้าวดังขึ้น จึงเอียงใบหน้าสวยมองหนุ่มหล่อที่นั่งข้างกัน ราวกับล่วงรู้ว่าต้องเป็นเขาแน่ที่ส่งข้อความเข้ามา
นายน์พยักเพยิดใบหน้าไปทางโทรศัพท์ เขาอยากคุยกับไอริน แต่เรื่องแบบนั้นมันไม่เหมาะที่จะเอ่ยต่อหน้าคนอื่น จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วทักแชทเธอไป ไอรินจึงหยิบมันขึ้นมาปลดล็อกหน้าจอ กวาดสายตามองข้อความที่ส่งเข้ามา
นายน์ : คืนนี้มีนัดรึยังครับ
ไอริน : ถามทำไมคะ
นายน์ : ถ้ายังไม่นัดใคร มาหาพี่ที่ห้องนะ
ไอริน : ไอรินนัดคนอื่นแล้วค่ะ เอาไว้วันหลังนะคะ
หญิงสาวพิมพ์ข้อความตอบกลับเสร็จก็กดออกจากแชททันที มือเล็กรีบเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าสะพายแบรนด์หรูราวกับไม่อยากให้เขาส่งอะไรมาอีก
ไอรินเข้าใจความรู้สึกของตัวเองดี หลายครั้งที่นัดกันไปทำเรื่องอย่างว่าที่ห้องของเขา ด้วยความเหน็ดเหนื่อยเธอจึงเผลอหลับนอนกับนายน์ที่นั่น แล้วพักหลังเธอเริ่มคิดกับหนุ่มรุ่นพี่มากกว่าการเป็นคู่นอน เพื่อไม่ให้ความรู้สึกที่ก่อตัวมากขึ้นไปกว่านี้ เธอจึงเลือกที่จะหลบหลีกการพบกัน เพราะไม่อยากเอาใจลงไปเล่นกับเสือร้ายที่ยังไม่สิ้นลายอย่างเขา
ถึงไม่มีเธอ เขาก็คงมีคนอื่นสำรอง
คิ้วของนายน์ขมวดเข้าหากันเป็นปม เอียงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจมองไอริน แต่เธอกลับไม่ได้ให้ความสนใจ เขาจึงเก็บโทรศัพท์เอาไว้ในกระเป๋ากางเกงดังเดิม แล้วน้ำค้างกับฉลามก็เดินเข้ามาที่โต๊ะพอดี
หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันเข้าเรียน
*****
หลายวันต่อมา
วันนี้รถของไอรินเสียน้ำค้างเลยเป็นคนไปรับที่คอนโดเพื่อมาเรียนด้วยกัน เย็นนี้สองสาวคุยกันไว้ว่าจะไปเที่ยวตลาดนัดซึ่งจัดขึ้นบริเวณหน้ายิมเนเซียมของมหาวิทยาลัยทุกเย็นวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลาสี่โมงเย็นไปจนถึงสามทุ่มครึ่ง ที่นั่นมีร้านขายของกิน ของใช้ ลานกิจกรรม มีดนตรีสดให้นั่งฟังพร้อมกับโต๊ะสำหรับซื้อของมานั่งกิน ส่วนยัยเพื่อนสาวสองคืนนี้มีนัดกับผู้ชายเลยไม่ได้ตามมาด้วย
สองสาวมองหาของกินตั้งแต่ต้นทางยันท้ายตลาด ได้ของติดมือมาคนละห้าหกอย่างก็พากันไปจับจองหาโต๊ะว่างเพื่อนั่งกินอาหารที่ซื้อมา
น้ำค้างกับไอรินกำลังเพลิดเพลินกับของกินได้ไม่นาน จู่ ๆ ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญถือวิสาสะหย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้ว่างอีกสองตัวที่เหลือ
“พี่นายน์”
“พี่ฉลาม”
สองสาวเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียงอย่างไม่ได้นัดหมาย ไม่คิดว่าหนุ่มวิศวกรรมศาสตร์จะมีอารมณ์มาเดินเล่นตลาดนัดแบบนี้เหมือนกัน ปกติถ้าไม่เจอตัวที่ห้องปฏิบัติการก็จะอยู่ที่ร้านเหล้าหรือผับเสียส่วนใหญ่
“พี่ขอนั่งด้วยนะครับน้องไอริน”
นายน์เอ่ยกับสาวคู่นอนที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมานานจนเขาเองก็เริ่มโหยหาอย่างบอกไม่ถูก
“ตามสบายค่ะ”
ไอรินเอ่ยเสียงเรียบ แต่ความรู้สึกกลับสับสน เธอพยายามหลบหน้า แต่เขาก็พยายามเข้าหา
“ไม่ต้องกลัวจะแย่งกินหรอก พวกเราก็ซื้อมาเหมือนกัน” ฉลามเอ่ยขึ้นพลางหันมองไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกัน
หลังเลิกเรียนสองหนุ่มกำลังจะกลับบ้าน แต่ทว่าสายตาของฉลามนั้นเห็นรถของน้ำค้างขับผ่านไปทางโรงยิม เขานึกขึ้นได้ว่าที่นั่นมีตลาดนัด จึงชวนนายน์ให้มาเป็นเพื่อน
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” น้ำค้างเอ่ยเสียงแผ่ว ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางเพื่อนรัก
“เรารีบกินกันเถอะไอริน จะได้รีบกลับ”
“อืม”
ทั้งสี่คนนั่งกินอาหารท่ามกลางเสียงเพลงที่บรรเลงขึ้นอย่างไพเราะ แต่ความเงียบของคนที่นั่งร่วมโต๊ะกลับทำให้บรรยากาศมันกระอักกระอ่วน
เมื่อเห็นว่าทั้งสองสาวกินอิ่ม นายน์จึงเอ่ยขึ้น
“ไอรินครับ พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”
“เอ่อ คือว่าวันนี้ไอรินติดรถน้ำค้างมาค่ะ ยังไม่สะดวก เอาไว้คุยกันวันหลังนะคะ”
นายน์เริ่มมั่นใจกับความคิดของตนว่าไอรินกำลังหลบหน้า น้ำเสียงที่คุยกันช่างดูห่างเหินไม่เหมือนเก่า เขาจึงหันไปส่งสายตาให้เพื่อนเพื่อขอความช่วยเหลือ
“เราไปกันเถอะ”
ฉลามเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นออกจากเก้าอี้ เลื่อนมือไปคว้าข้อมือของน้ำค้าง ออกแรงรั้งเล็กน้อยเพื่อให้เธอลุกขึ้น แล้วเดินตามกันออกไป
“ให้พี่ฉลามแยกเพื่อนไอรินออกไปแบบนี้ พี่มีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาเถอะค่ะ” ไอรินเอ่ย
“พักหลังเราเป็นอะไร หรือว่าไม่สบายเหรอครับ ทำไมถึงเลี่ยงเจอหน้าพี่ตลอด”
“หึ พี่เข้าใจแบบนั้นเหรอคะ เข้าใจถูกแล้วล่ะคะ ไอรินกำลังเลี่ยงเจอหน้าพี่อยู่ พี่ลืมไปรึเปล่าคะว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่การกระทำของพี่ตอนนี้มันกำลังล้ำเส้น”
ไอรินแค่นหัวเราะเอ่ยตรงข้ามกับใจ เธอกำลังเน้นย้ำสถานะว่าทั้งคู่เป็นแค่คู่นอนกัน การที่นายน์เข้าหาเธอ ทำดีกับเธอ มันไม่ส่งผลดีต่อความรู้สึกของคนที่คิดไปไกล
“พี่รู้ครับว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เรายังเป็นพาร์ตเนอร์กันไม่ใช่เหรอ”
“ถ้าพี่คิดแค่นั้นก็หาพาร์ตเนอร์คนใหม่ได้ไม่ยากนี่คะ ขอตัวนะคะ”
คำพูดสวยหรู แต่พาร์ตเนอร์ก็แปลได้ว่าเธอเป็นแค่คู่ขาของเขา เธอคงมีความสำคัญแค่เรื่องบนเตียงสินะ
ไอรินครุ่นคิดในใจก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืน แต่ก็ถูกนายน์คว้าข้อมือเอาไว้พร้อมกับลุกขึ้นเต็มความสูง
นายน์ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่สำหรับเขาคำว่าพาร์ตเนอร์มีไว้ให้ไอรินแค่เพียงคนเดียว
“ให้พี่ไปส่งนะ”
และแล้วเธอก็ยอมใจอ่อนให้กับสายตาคู่คมที่จดจ้องเข้ามาในดวงตาวูบไหวของเธอ ราวกับต้องมนตร์สะกดทำให้ไอรินห้ามใจไม่ได้พยักหน้าตอบรับเขาไป ก่อนทั้งสองจะเคลียร์ถุงอาหารบนโต๊ะไปทิ้ง แล้วพากันออกจากสถานที่แห่งนี้ โดยไอรินไม่ลืมที่จะส่งข้อความไปบอกเพื่อนรักว่าขอตัวกลับก่อน
ประเทศออสเตรเลีย“ห่างแค่คืนเดียวก็คิดถึงใจจะขาด พี่คิดถึงฉันไหม”น้ำค้างลงจากเครื่องแล้วเดินทางไปถึงบ้านของผู้เป็นแม่ ก็รีบตรงดิ่งขึ้นไปบนห้องนอน หยิบโทรศัพท์มากดวิดีโอคอลไปหาฉลามทันที และดีที่มันตรงกับช่วงพักเที่ยง เขาจึงมีเวลารับสาย(คิดถึงเหมือนกัน คิดถึงมากด้วย)“พี่ฉลาม ฉันมีอะไรจะให้ดู”ฉลามจ้องมองแฟนสาวในหน้าจอมือถือ เหมือนว่าเธอกำลังเอื้อมหยิบอะไรบางอย่าง ก่อนจะพบว่ามันเป็นสมุดโน้ต แล้วเธอก็เปิดไปยังหน้าที่ต้องการให้เขาดู(ดอกสแตติส)“ใช่ค่ะ ฉันสตัฟฟ์ไว้ในสมุด จะเอาพกติดตัวไปเรียนทุกวันเลย”(หึ น่ารักจัง พี่ก็มีเหมือนกัน)“อะไรเหรอคะ”จากนั้นเขาก็หยิบกิ๊บติดผมที่เป็นโบว์สีชมพูขนาดเล็กที่เธอชอบใช้ขึ้นมาโชว์ให้ดู พร้อมกับส่งรอยยิ้มหล่อไปให้แฟนสาวที่เผยรอยยิ้มหวานจนหน้าแดง“แอบขโมยไปตอนไหนเนี่ย ถึงว่าหาไม่เจอเลย”(เอามาตั้งแต่เริ่มทำงาน)“พี่น่ารักแบบนี้ไง ฉันถึงโคตรรักพี่มากเลย”(พี่ก็โคตรรักเธอเหมือนกัน)“คิกคิก”(หึหึ)ทั้งสองต่างหยอกล้อด้วยคำบอกรัก ส่งเสียงหัวเราะคิกคักกันอย่างมีความสุขช่วงเวลาที่อยู่ไกลกันก็ไม่ได้กระทบกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ในทุกวันยังสามารถโทรคุยแบบเห็
ทางด้านช่อผกา“ฉันได้ยินคุณชยันต์บอกว่านังเด็กน้ำค้างจะไปเรียนต่ออยู่กับแม่ของมันที่เมืองนอก เห็นทีอนาคตที่ฉันคิดไว้ว่าจะให้แกรับช่วงต่อโรงแรมก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม”ช่อผกาเข้าไปหาลูกสาวในห้อง ตอนนี้มหาวิทยาลัยได้ปิดภาคเรียนแล้ว และยิปโซก็เพิ่งจะกลับเข้าบ้านมาวันแรก เนื่องจากช่วงก่อนเธอได้ขอผู้เป็นแม่ออกไปอยู่ข้างนอก นั่นก็คือไปอยู่ที่คอนโดของเคน เพื่อหลีกเลี่ยงถ้อยคำชักจูงของผู้เป็นแม่ให้ทำในสิ่งที่เธอไม่เต็มใจ แล้วที่กลับมาบ้านก็เพื่อมาเก็บเสื้อผ้า เพราะว่าต้องไปฝึกงานที่ต่างประเทศสามเดือน“แม่ แต่ฉันไม่ได้อยาก…”ช่อผการีบยกนิ้วชี้ไปที่หน้าของยิปโซ ถลึงตาใส่ลูกสาวที่ไม่เชื่อฟังทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้นน้ำเสียงกร้าว“แกหุบปากไปเลย ฉันเลี้ยงแกมาลำบากแค่ไหนก็น่าจะรู้ ทำไมไม่คิดจะตอบแทนบุญคุณฉันบ้างฮะ แกจะโง่เรียนจบมาแล้วมาเป็นขี้ข้าคนอื่นหรือไง ได้นั่งอยู่ในห้องผู้บริหารแค่ชี้นิ้วสั่งลูกน้องแล้วมันไม่ดียังไง”“มันไม่ดีตรงที่มันไม่ใช่ของเราไงแม่”“นังโง่ แกเป็นลูกแม่ แม่เป็นเมียคุณชยันต์ ของผัวก็เหมือนของเมีย แล้วมันจะไม่ใช่ของเราได้ยังไง แกไม่ต้องคิดจะอ้าปากเถียง รีบเรียนให้จบแล้วกลับมาช่
“เมียพี่เป็นอะไรครับ”หลังเลิกงานฉลามก็รีบมาหาน้ำค้างในช่วงเย็นวันศุกร์ แต่พอมาถึงแฟนสาวก็เอาแต่ดึงแขนเขาไปกอด ใบหน้าก็แสดงถึงความกังวลบางอย่าง วางศีรษะพิงหัวไหล่ของเขาขณะที่นั่งกันอยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่น“มีเรื่องอยากปรึกษาค่ะ แต่ว่าทำใจไม่ได้”หญิงสาวทำหน้าเศร้า ช้อนสายตาขึ้นมองแฟนหนุ่ม“เรื่องอะไร ลองบอกพี่มาซิ เผื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาได้”เขาเผยรอยยิ้มละมุน ส่งมือหนาลูบเรือนผมของเธออย่างเบามือ“พี่มีความฝันไหมคะ ฝันว่าเรียนจบแล้วอยากทำอะไร”“บ้านพี่ทำร้านอาหาร แล้วที่เลือกเรียนสาขานี้ก็เพราะอยากทำงานควบคุมการผลิตในอุตสาหกรรม พอมีประสบการณ์มากขึ้นพี่ตั้งใจจะเปิดโรงงานแปรรูปอาหารเป็นของตัวเอง”“ดีจังเลยนะคะ ฉันเชื่อว่าพี่ทำได้แน่นอน”“แล้วเราล่ะ ทำไมถึงเลือกเรียนการจัดการโรงแรม หรือว่าเพราะที่บ้านมีธุรกิจเหมือนกัน”“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ตอนเด็กพ่อกับแม่ชอบพาไปเที่ยวเล่นที่โรงแรม พอเห็นทุกคนแต่งตัวสวย ให้บริการด้วยรอยยิ้ม ก็เกิดความรู้สึกอยากทำแบบนั้นบ้าง โตมาเลยคิดไว้ว่าจะเรียนการจัดการโรงแรมให้ถึงปริญญาโท จบออกมาจะได้มาช่วยพ่อบริหารโรงแรม”ฉลามพอจับใจความกับประโยคของแฟนสาวได้ว่าเธอ
สามเดือนต่อมา“เฮ้อ ทิ้งแม่ไปอีกละ”สายธารถอนหายใจขณะมารอส่งลูกสาวที่สนามบิน รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันนาน แต่ลูกโตแล้วก็คงต้องปล่อยให้ไปใช้ชีวิตของตัวเอง ส่วนแม่อย่างเธอก็จะคอยดูแลแบบนี้ตลอดไป“ไว้หนูโทรมาหาบ่อย ๆ นะคะ”น้ำค้างเอ่ยพลางเข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่ เธอปรับตัวเข้ากับสถานที่ฝึกงานและการใช้ชีวิตที่นี่ได้เป็นอย่างดี แม่ของเธอก็คอยซัปพอร์ตทุกอย่าง แม้จะเริ่มคุ้นชินกับการอยู่ออสเตรเลียแล้ว แต่ที่ไทยก็ยังมีคนเฝ้ารอเธออยู่“อย่าลืมกลับไปคิดเรื่องเรียนต่อด้วยนะน้ำค้าง แม่ไม่อยากให้ลูกทิ้งเป้าหมายของตัวเอง”“ค่ะแม่”*****หญิงสาวใช้เวลาอยู่บนเครื่องบินนานกว่าสิบห้าชั่วโมงก็เดินทางมาถึงประเทศไทย ในมือลากกระเป๋าเดินออกมาก็พบกับแฟนหนุ่มมารอรับ เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์เขาเลยไม่ได้ไปทำงาน“พี่ฉลาม”น้ำค้างเอ่ยชื่อของเขาด้วยน้ำเสียงดีใจ รีบวิ่งเข้าไปหาแล้วกระโดดขึ้นกอดกันด้วยความคิดถึงอย่างไม่อายสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปมา สามเดือนที่ทำได้แค่เห็นหน้ากันผ่านโทรศัพท์ มันทำให้หัวใจของทั้งสองเต้นแรงอย่างมีความสุขกับการเจอกันอีกครั้ง“หึ ถ้ายังกอดไม่ปล่อย พี่จะอุ้มออกไปแบบนี้แล้วนะ”เ
หลายเดือนต่อมาฉลามเรียนจบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่รอสภาอนุมัติก็จะเข้ารับปริญญาบัตร ส่วนน้ำค้างต้องไปฝึกงานที่ประเทศออสเตรเลีย ชายหนุ่มจึงเดินทางไปส่งแฟนสาวที่สนามบินในเวลาสิบห้านาฬิกา เผื่อเวลาให้เธอไปเช็กอินและโหลดกระเป๋าก่อนขึ้นเครื่องหนึ่งชั่วโมงกว่ามือของทั้งคู่จับกันอย่างแนบแน่นตั้งแต่นั่งอยู่ในรถจนกระทั่งเดินเข้าไปในสนามบิน จนมันเปียกชุ่มไปด้วยคราบเหงื่อ น้ำค้างช้อนดวงตาขึ้นมองแฟนหนุ่มด้วยใบหน้าหมองเศร้า แค่คิดว่าต้องห่างกันเกือบสามเดือนก็คิดถึงใจจะขาด อีกทั้งยังต้องปรับตัวกับเวลาที่ห่างกันถึงสี่ชั่วโมง หลังจากนี้ฉลามก็ต้องเดินบนเส้นทางใหม่ คือเริ่มต้นชีวิตของการทำงาน“เดินทางกลับดี ๆ นะคะ”“เราก็เหมือนกัน อยู่ทางนั้นต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะ”“ค่ะ พี่ก็เหมือนกัน”ทั้งสองจ้องมองกันชั่วครู่ก็โผเข้าสวมกอดกันอย่างเนิ่นนานราวกับไม่อยากแยกจากกัน แต่ทว่าต้องทำใจปล่อยอ้อมแขนเนื่องด้วยเวลาที่ใกล้เข้ามาเต็มที“เข้าไปแล้วนะ”เธอเอ่ยน้ำเสียงสั่นเครือ ฉลามจึงเลื่อนมือขึ้นไปลูบเรือนผมเพื่อปลอบประโลม“ครับ ถึงแล้วโทรหาพี่ด้วย”“ค่ะ”โบกมือล่ำลากันเสร็จ น้ำค้างก็จำใจต้องลากกระเป๋าเดินทางเข้
ส่งน้องสาวเสร็จฉลามก็รีบกลับไปหาน้ำค้างที่คอนโด เมื่อเขาเข้าไปในห้องแล้วประตูได้ถูกปิดสนิท หญิงสาวก็รีบกระโดดขึ้นสวมกอดคอของเขาทันที ส่วนแฟนหนุ่มก็โอบกอดเอวของเธอเอาไว้ ออกแรงอุ้มขึ้นจนเท้าลอยอยู่เหนือพื้น เลื่อนริมฝีปากขึ้นไปจูบกับคนตัวสูงเพื่อให้หายคิดถึงแต่ดูเหมือนว่าเขายังไม่พอใจกับสัมผัสแผ่วเบาที่เธอมอบให้ เริ่มกอดรัดเธอแนบแน่น เลื่อนมือซุกไซ้เข้าไปใต้เสื้อสายเดี่ยวมีกลิตเตอร์ทอแสงระยิบระยับที่สวมคู่กับกางเกงยีนขายาวเข้ารูป ลูบไล้แผ่นหลังของสาวสวยจนเธอรู้สึกสยิวไปทั่วทั้งร่าง ริมฝีปากก็จู่โจมด้วยการสอดลิ้นเข้าไปในโพลงปาก ตวัดหยอกล้อกันอย่างไม่มีใครยอมใคร“อืม…”น้ำค้างส่งเสียงแผ่วเบาในลำคอเมื่อเขาจูบเธออยู่เนิ่นนาน พอผละริมฝีปากออกจากกันก็อุ้มคนตัวเล็กขึ้น แล้วเดินตรงไปยังห้องนอนสองร่างผลัดเปลี่ยนกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าอย่างมีความต้องการ ก่อนจะมอบบทรักให้กันและกันโดยไม่ต้องปริปากร้องขอ“อ๊ะ อ๊ะ อ๊า…”“อะ อื้ม… พี่ฉลาม จะ จุก ซี้ด…”“อ๊า… เสียวมากเมียจ๋า”เสียงกระเส่าดังขึ้นเป็นเวลานาน ประสานกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อจากท่วงท่าที่กระแทกเข้าใส่กันไม่ยั้ง น้ำรักได้ถูกขับออกมาจากปลายหัว