ในช่วงค่ำชยันต์เดินไปเคาะประตูเพื่อเรียกลูกสาวลงไปกินข้าวด้วยกัน มื้อนี้ทั้งสี่คนอยู่กันพร้อมหน้า ช่อผกานั่งอยู่ข้างสามีของเธอ ส่วนยิปโซก็นั่งฝั่งเดียวกับน้ำค้าง อาหารบนโต๊ะมีหลากหลายเมนูที่ภรรยาของเขาตั้งใจเตรียมเอาไว้อย่างสุดฝีมือ
“น้าช่อตั้งใจทำของโปรดให้ลูกเลยนะ ลองชิมดู”
ชยันต์ใช้ช้อนตักแกงเผ็ดไก่ให้ลูกสาว เขาจำได้ว่าน้ำค้างชอบให้แม่ทำเมนูนี้ให้กินอยู่บ่อยครั้ง แต่พอเขาแต่งงานใหม่แล้วรับช่อผกากับยิปโซเข้ามาอยู่ในบ้าน น้ำค้างก็ไม่เคยเรียกร้องให้ทำเมนูนี้อีกเลย
“ขอบคุณค่ะ”
น้ำค้างจำใจตักเข้าปากเพื่อให้พ่อสบายใจ จะว่าไปรสชาติก็อร่อยดี แต่เห็นหน้าคนทำแล้วทำให้เธอหมดอารมณ์กินข้าว แต่ก็ต้องฝืนใจเพื่อไม่ให้พ่อลำบากใจที่เห็นคนในบ้านไม่ลงรอยกัน
“เรื่องเรียนถ้ามีอะไรไม่เข้าใจหนูขอให้พี่น้ำค้างช่วยได้นะ ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน” ชยันต์เอ่ยกับลูกติดภรรยาใหม่
“พอดีหนูมีคนช่วยติวแล้วค่ะคุณลุง”
ยิปโซมักจะตั้งแง่กับน้ำค้างตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้าน แม่ของเธอมักจะพูดกรอกหูเป็นประจำว่าต้องทำตัวน่ารัก เชื่อฟัง ตั้งใจเรียน เพื่อที่จะได้รับตำแหน่งในโรงแรมที่สูงกว่าลูกสาวในไส้ของเขา
แม้ว่ายิปโซจะไม่เคยคิดอยากเข้าไปดูแลโรงแรมที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่ด้วยความรักแม่ เธอจึงไม่ขัดใจและทำตามอย่างเชื่อฟัง
“สองคนนี้อยู่มหาลัยไม่ค่อยได้เจอกันเหรอ นี่ก็ผ่านมาปีกว่าแล้วยังไม่สนิทกันอีก” ชยันต์เอ่ยถาม
แม้ว่ายิปโซจะเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย แต่ถ้านับรวมตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ก็หนึ่งปีสี่เดือนแล้ว แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่ค่อยพูดคุยกัน
“ปีหนึ่งกับปีสองลงเรียนต่างกันค่ะ ไหนจะฝึกงานแยกส่วนกันอีก เลยไม่ค่อยได้เจอกัน” น้ำค้างเอ่ยตอบ
“ไม่คาดคั้นเด็ก ๆ นะคะคุณ เรามากินข้าวกันดีกว่าค่ะ”
ช่อผกาเอ่ยกับสามีด้วยน้ำเสียงละมุน ชยันต์ก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยพยักหน้ารับ เขาคงจะหัวโบราณเกินไป เด็กสมัยนี้มีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง ไปคาดหวังอะไรมากก็ไม่ได้ แต่เขาก็แอบหวังว่าความสัมพันธ์ของทุกคนในบ้านจะดีขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากกินมื้อค่ำไปได้สักชั่วโมง น้ำค้างก็รู้สึกคันตามร่างกายจึงเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำ แต่ยิ่งอาบก็เหมือนว่าความคันเริ่มทวีคูณมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอรีบล้างคราบสบู่ออกจนหมด แล้วออกมาทาครีมบำรุงก็พบว่าเริ่มมีผื่นแดงเห่อขึ้นตามตัวราวกับแพ้อะไรบางอย่าง
หญิงสาวเร่งสวมใส่ชุดนอนกระโปรงผ้าคอตตอนสีชมพู แล้วคว้าเสื้อคลุมมาใส่ทับอีกชั้น ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ก๊อก ก๊อก
“มีอะไรเหรอจ้ะหนูน้ำค้าง”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ช่อผกาลุกออกจากโซฟาปลายเตียงมาเปิดประตู ก็เห็นลูกสาวของสามียืนทำหน้าจริงจังเกาแขนทั้งสองข้างยิก ๆ
“น้าใส่อะไรให้ฉันกิน”
“คุณชยันต์ให้น้าทำแกงเผ็ดไก่ของโปรดของหนูน้ำค้าง น้าก็ทำตามที่พ่อหนูบอกไงจ๊ะ”
“อย่ามาเฉไฉ”
“เอ๊ะ หนูน้ำค้างนี่ยังไง อย่ามาหาเรื่องน้านะจ๊ะ คุณพ่อหนูกำลังไม่สบายอยู่ น้าไม่อยากให้มีเรื่องรบกวนใจ”
“มีอะไรรึเปล่าคุณช่อ”
ชยันต์ใส่เสื้อคลุมเดินออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงของทั้งสองคนโต้เถียงกัน จึงเดินมาหาที่ประตู เอ่ยถามภรรยาก่อนจะหันไปถามลูกสาวที่แสดงสีหน้าไม่สู้ดี
“มีอะไรเหรอน้ำค้าง”
“พ่อดูนี่สิคะ”
น้ำค้างเลิกเสื้อคลุมยื่นแขนที่มีผื่นเม็ดเล็กสีแดงให้ผู้เป็นพ่อดู ไม่ได้มีแค่นั้นในร่มผ้าก็คันไปทั้งตัวเช่นกัน แค่เปิดให้ดูไม่ได้
“คุณได้ใส่ถั่วเหลืองในกับข้าวเย็นนี้หรือเปล่า” ชยันต์หันไปถามภรรยาที่บีบมือเข้าหากันแน่น
“เอ่อ คุณคะ ฉันใส่นมถั่วเหลืองในแกงเผ็ดไก่”
คราแรกช่อผกากะจะไม่ยอมรับ แต่นึกขึ้นได้ว่าทิ้งกล่องนมถั่วเหลืองไว้ในถังขยะห้องครัว หากสามีสั่งให้คนไปตรวจสอบหาหลักฐาน เธอคงไม่พ้นผิดอย่างแน่นอน สู้ยอมรับออกไปเสียตอนนี้เลยดีกว่า
“ผมเคยบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าน้ำค้างแพ้ถั่วเหลือง”
“ก็ฉันไม่ค่อยได้เข้าครัวนี่คะเลยจำไม่ได้ แล้วอีกอย่างเด็กสาวสมัยนี้ก็ชอบกินอาหารคลีน ฉันก็เลยใส่ลงไปแทนกะทิ ฉันก็แค่หวังดีนะคะ แต่ไม่คิดว่ามันจะทำให้ลูกสาวของคุณแพ้ขนาดนี้”
ช่อผกาแสดงสีหน้าหวั่นวิตกที่ถูกสามีต่อว่า รีบหาข้ออ้างมาหักล้างความผิด ก่อนจะปรายตามองไปยังลูกสาวของเขา
“ขอโทษนะหนูน้ำค้าง น้าว่ารีบไปหาหมอเถอะจ้ะ”
เห็นว่าช่อผกาเพียงแค่หวังดีเลยไม่คิดว่าผลที่ตามมาจะทำให้ลูกสาวของมีอาการแพ้ ชยันต์จึงไม่ได้ต่อว่าอะไร
“รอพ่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึงนะ เดี๋ยวพ่อไปส่ง”
ชยันต์กะจะเข้าไปใส่เสื้อผ้าเพื่อเดินทางไปส่งลูกสาว น้ำค้างแพ้ถั่วเหลืองค่อนข้างหนัก ตอนนี้ผื่นเริ่มหนาขึ้น อีกไม่นานก็คงจะแน่นหน้าอก พ่ออย่างเขาไม่วางใจที่จะปล่อยให้ลูกไปโรงพยาบาลตามลำพัง แต่ก็ถูกภรรยาใหม่เอ่ยรั้ง
“คุณกำลังไม่สบายอยู่ รออยู่ที่บ้านนะคะ ฉันเป็นห่วง เดี๋ยวหนูน้ำค้างฉันจะพาเธอไปหาหมอเองค่ะ”
ช่อผกาเอ่ยพลางเลื่อนไปจับมือของสามี ช้อนสายตาที่รู้สึกผิดขึ้นมอง
“หนูลงไปรอข้างล่างนะคะ”
หญิงสาวคร้านจะเห็นคนตีหน้าซื่อแสร้งทำเป็นคนดี อีกทั้งพ่อของเธอก็ไม่ได้กล่าวโทษหรือตักเตือนอะไรทั้งนั้น เห็นแล้วก็พลันรู้สึกน้อยใจขึ้นมา ทำได้แค่เดินหนีกลับเข้าห้องไปเอากระเป๋าและโทรศัพท์ ก่อนจะไปนั่งรอบนรถที่คนขับรถนำมาจอดรอ
น้ำค้างนั่งเงียบมาตลอดทางเนื่องจากมีอาการแน่นหน้าอกเพิ่มขึ้น แม้ว่าภรรยาใหม่พ่อจะมาด้วยแต่ก็ไม่ได้สนใจถามไถ่อาการ เอาแต่ก้มหน้าเล่นมือถือไม่รู้ว่าดูอะไรหนักหนา ดีที่ว่าโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลบ้านมาก เดินทางเพียงแค่สิบนาทีก็ถึง
“เนื่องจากคนไข้มีอาการแพ้รุนแรง คืนนี้หมอจะให้นอนดูอาการที่โรงพยาบาลสักคืนนะครับ”
“ค่ะคุณหมอ”
หญิงสาวตอบกลับแพทย์เวรดึกในห้องฉุกเฉิน แล้วเธอก็ได้ถูกพยาบาลเจาะสายน้ำเกลือคาไว้ที่หลังมือ ฉีดยาอิพิเนฟรินที่กล้ามเนื้อต้นขา รวมทั้งรับยาแก้แพ้มากินตามที่หมอสั่ง ก่อนจะถูกเคลื่อนย้ายมานอนพักดูอาการที่ห้องพิเศษ
พยาบาลออกไปกันแล้ว ภรรยาใหม่ของพ่อเธอก็เพิ่งจะเอ่ยถาม
“หนูน้ำค้างอยู่คนเดียวได้ใช่ไหมจ๊ะ”
ปริปากพูดได้สักที นึกว่าเป็นไบ้
น้ำค้างลอบถอนหายใจหันมองคนถามพลางต่อว่าในใจ
“กลับบ้านไปพักเถอะค่ะ แล้วฝากบอกคุณพ่อด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง”
“จ้ะ”
ช่อผกาเอ่ยรับคำด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยก็เดินออกจากห้องไป คืนนี้น้ำค้างก็ต้องนอนดูอาการที่โรงพยาบาลคนเดียวราวกับคนไม่มีญาติเลยสักคน
“อุแว้ อุแว้…”ทารกน้อยเปล่งเสียงร้องเมื่อตื่นขึ้นลืมตาดูโลกในวินาทีแรกที่คลอดออกมาด้วยวิธีธรรมชาติ ฉลามได้เข้าไปให้กำลังใจอยู่ข้างเตียงของเมียอยู่ไม่ห่าง ทั้งสองต่างหันจ้องมองกัน ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำสีใส ซึ่งเป็นน้ำตาแห่งความสุขที่เฝ้าทะนุถนอมเด็กน้อยในท้องมาตลอดเก้าเดือน แต่ตอนนี้ได้เห็นหน้ากันแล้วหลังจากทำความสะอาดร่างกายและตรวจเบื้องต้นเสร็จหมอก็อุ้มมาวางไว้แนบอกของผู้เป็นแม่ เพื่อให้เธอได้มอบน้ำนมหยดแรกให้เจ้าตัวน้อยได้ดื่มกินหยาดน้ำตาของน้ำค้างร่วงหล่นอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกโล่งและดีใจที่ได้เห็นลูกคลอดออกมาอย่างปลอดภัย แถมยังหน้าตาจิ้มลิ้มมีส่วนคล้ายทั้งพ่อและแม่อย่างไม่ต้องสงสัยว่าเป็นลูกของใครฉลามเลื่อนมือไปลูบลูกสาวผ่านผ้าอ้อมสีขาวที่ทางโรงพยาบาลใช้ห่อหุ้มตัวเด็กน้อยอย่างเบามือ ทั้งสองไม่เคยคาดหวังจึงไม่เคยผิดหวังว่าลูกคนแรกจะต้องเป็นลูกชายหรือลูกสาว ขอเพียงเป็นลูกที่เกิดจากทั้งสองคน พวกเขาก็พร้อมที่จะรักและเอ็นดูไม่ต่างกัน รวมถึงพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่เคยคาดหวังในเรื่องนี้เช่นกันว่าจะต้องได้หลานชายเป็นคนแรก“หลานของพวกเรามาแล้ว”นภา แม่ของชายหนุ่มเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียง
ครบกำหนดสองอาทิตย์ที่น้ำค้างขอเวลาจากผู้เป็นพ่อ เพื่อจะได้อยู่เคียงข้างคนที่เธอคิดถึงมาตลอด คอยเป็นกำลังใจให้กับเจ้าของโรงงานแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว หลังจากนั้นเธอก็กลับไปรับตำแหน่งผู้จัดการโรงแรม สานต่อธุรกิจที่พ่อและแม่สร้างร่วมกันมา และเก็บรักษาไว้ให้กับลูกสาวเพียงคนเดียวสามเดือนหลังจากนั้นหญิงสาวก็ได้เข้าสู่ประตูวิวาห์กับแฟนหนุ่มผู้เป็นเจ้าของหัวใจและเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่เธออยากฝากชีวิต อยู่ดูแลกันและกันไปจนแก่เฒ่าหาดทรายสีขาวด้านหน้าร้านอาหารริมทะเลซึ่งเป็นบ้านเกิดของฉลามได้ถูกเนรมิตให้เป็นงานแต่งสุดเรียบหรู พิธีสำคัญได้ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ท่ามกลางความยินดีของญาติพี่น้องทั้งสองฝ่าย และเพื่อนสนิทที่มาร่วมงานกันอย่างพร้อมหน้าร้านอาหารของครอบครัวฝ่ายชายได้ถูกจัดเตรียมเป็นสถานที่เลี้ยงต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมงานมงคล มีทั้งอาหารคาวหวานและเครื่องดื่มจัดเตรียมเอาไว้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทั้งสองครอบครัวต่างปลื้มปิติไม่ต่างจากเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ได้เกี่ยวดองเป็นครอบครัวเดียวกันงานเลี้ยงจบลงคู่บ่าวสาวก็อยู่กันตามลำพังที่เรือนหอชั่วคราว นั่นก็คือห้องของฉลาม คืนนี้พ่อและแม่ของเขาเต็ม
“คุณนิรุตช่วยผมดูนี่หน่อยสิ”“อะไรเหรอครับ”นิรุตปรายตามองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ชยันต์เปิดไฟล์วิดีโอ แล้วหันหน้าจอมาทางเขา ก่อนจะกดปุ่มเอ็นเทอร์เพื่อเล่นภาพเคลื่อนไหว(อะ อ๊า… แรงอีกค่ะ ช่อชอบที่คุณตอกแรง ๆ)(คุณช่วยบดลงมาด้วย ซี้ด… อย่างนั้นแหละ)“ว้าย นี่มันอะไรกัน”หญิงวัยกลางคนได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากคลิปวิดีโอ จึงตกใจรีบวิ่งอ้อมโต๊ะทำงานเข้าไปโอบกอดหน้าจอ หวังใช้ตัวบังภาพอันน่าอายซึ่งไม่ต้องบอกว่าเป็นภาพของใครชู้รักทั้งสองคนใบหน้าร้อนชาส่งสายตามองกันอย่างผวา ชยันต์เริ่มระแคะระคายเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน“นี่คุณแอบติดกล้องตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”“หึ ถ้าคุณรู้ว่าก็คงไม่มีหลักฐานคาตาว่าคนที่ผมไว้ใจทั้งสองคนกำลังแอบเล่นชู้กันอยู่”“คุณชยันต์ครับ ฟังผมอธิบายก่อน”“รอไปคุยกันในชั้นศาลเถอะ คุณถูกฟ้องในข้อหาฉ้อโกงเงินของโรงแรม และร่วมมือกันวางยาผม คุณก็เหมือนกันคุณช่อ ผมจะฟ้องคุณในฐานสมรู้ร่วมคิดและฟ้องชู้ พวกคุณทั้งคู่เตรียมตัวกันได้เลย”“กรี๊ด… คุณจะมาทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ ฉันเป็นเมียคุณ ฉันดูแลคุณมาตั้งนาน”“หึ แล้วเมียทำกับผัวแบบนี้เหรอ ผมไว้ใจคุณ คอยดูแลคุณ
สองเดือนต่อมา“วันนี้ผู้จัดการโรงแรมจะมาหาคุณชยันต์ที่บ้าน ฝากกำชับทุกคนด้วยว่าอย่าขึ้นไปยุ่มย่ามที่ชั้นสองเด็ดขาด เข้าใจไหม”นายหญิงของบ้านเอ่ยสั่งแม่บ้านเก่าแก่ให้ฝากไปบอกกับคนอื่น ๆ เนื่องจากช่วงนี้ชยันต์ไม่สบาย จึงไม่สามารถเข้าไปตรวจดูความเรียบร้อยที่โรงแรมได้“ค่ะคุณช่อ”“เข้าใจแล้วก็รีบไปทำงานสิ มัวมายืนบื้ออยู่ทำไม”“ค่ะ”ช่อผกาออกคำสั่งเสร็จก็ขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ก่อนจะเข้าไปหาสามีที่มีใบหน้าเหนื่อยล้าในห้องทำงาน เธอยืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้ เลื่อนแขนทั้งสองข้างสวมกอดรอบคออย่างที่เคยทำเป็นประจำ“คุณกำลังไม่สบายอยู่ อย่าเอาแต่ทำงานสิคะ”“ผมยังมีเอกสารที่ต้องเคลียร์อีกเยอะ แล้วก็นัดนิรุตไว้ตอนบ่ายสามด้วย”นิรุตเป็นบุคลากรที่เขาเชื่อมั่นในฝีมือการทำงาน เป็นคนที่คัดเลือกมากับมือให้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดในบรรดาตำแหน่งอื่น ๆ รองจากเขา ชยันต์ไว้ใจนิรุตเป็นอย่างมาก หวังจะให้สอนน้ำค้างหลังจากเธอกลับมาดำรงตำแหน่งเดียวกัน เพราะว่าอีกไม่กี่ปีลูกน้องที่เขาเชื่อมั่นก็จะเกษียณแล้ว“งั้นเดี๋ยวฉันลงไปเอาข้าวกับยามาให้นะคะ”ชยันต์มองแผ่นหลังของภรรยาเดินออกจากห้อง สักพัก
ประเทศออสเตรเลีย“ห่างแค่คืนเดียวก็คิดถึงใจจะขาด พี่คิดถึงฉันไหม”น้ำค้างลงจากเครื่องแล้วเดินทางไปถึงบ้านของผู้เป็นแม่ ก็รีบตรงดิ่งขึ้นไปบนห้องนอน หยิบโทรศัพท์มากดวิดีโอคอลไปหาฉลามทันที และดีที่มันตรงกับช่วงพักเที่ยง เขาจึงมีเวลารับสาย(คิดถึงเหมือนกัน คิดถึงมากด้วย)“พี่ฉลาม ฉันมีอะไรจะให้ดู”ฉลามจ้องมองแฟนสาวในหน้าจอมือถือ เหมือนว่าเธอกำลังเอื้อมหยิบอะไรบางอย่าง ก่อนจะพบว่ามันเป็นสมุดโน้ต แล้วเธอก็เปิดไปยังหน้าที่ต้องการให้เขาดู(ดอกสแตติส)“ใช่ค่ะ ฉันสตัฟฟ์ไว้ในสมุด จะเอาพกติดตัวไปเรียนทุกวันเลย”(หึ น่ารักจัง พี่ก็มีเหมือนกัน)“อะไรเหรอคะ”จากนั้นเขาก็หยิบกิ๊บติดผมที่เป็นโบว์สีชมพูขนาดเล็กที่เธอชอบใช้ขึ้นมาโชว์ให้ดู พร้อมกับส่งรอยยิ้มหล่อไปให้แฟนสาวที่เผยรอยยิ้มหวานจนหน้าแดง“แอบขโมยไปตอนไหนเนี่ย ถึงว่าหาไม่เจอเลย”(เอามาตั้งแต่เริ่มทำงาน)“พี่น่ารักแบบนี้ไง ฉันถึงโคตรรักพี่มากเลย”(พี่ก็โคตรรักเธอเหมือนกัน)“คิกคิก”(หึหึ)ทั้งสองต่างหยอกล้อด้วยคำบอกรัก ส่งเสียงหัวเราะคิกคักกันอย่างมีความสุขช่วงเวลาที่อยู่ไกลกันก็ไม่ได้กระทบกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ในทุกวันยังสามารถโทรคุยแบบเห็
ทางด้านช่อผกา“ฉันได้ยินคุณชยันต์บอกว่านังเด็กน้ำค้างจะไปเรียนต่ออยู่กับแม่ของมันที่เมืองนอก เห็นทีอนาคตที่ฉันคิดไว้ว่าจะให้แกรับช่วงต่อโรงแรมก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม”ช่อผกาเข้าไปหาลูกสาวในห้อง ตอนนี้มหาวิทยาลัยได้ปิดภาคเรียนแล้ว และยิปโซก็เพิ่งจะกลับเข้าบ้านมาวันแรก เนื่องจากช่วงก่อนเธอได้ขอผู้เป็นแม่ออกไปอยู่ข้างนอก นั่นก็คือไปอยู่ที่คอนโดของเคน เพื่อหลีกเลี่ยงถ้อยคำชักจูงของผู้เป็นแม่ให้ทำในสิ่งที่เธอไม่เต็มใจ แล้วที่กลับมาบ้านก็เพื่อมาเก็บเสื้อผ้า เพราะว่าต้องไปฝึกงานที่ต่างประเทศสามเดือน“แม่ แต่ฉันไม่ได้อยาก…”ช่อผการีบยกนิ้วชี้ไปที่หน้าของยิปโซ ถลึงตาใส่ลูกสาวที่ไม่เชื่อฟังทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้นน้ำเสียงกร้าว“แกหุบปากไปเลย ฉันเลี้ยงแกมาลำบากแค่ไหนก็น่าจะรู้ ทำไมไม่คิดจะตอบแทนบุญคุณฉันบ้างฮะ แกจะโง่เรียนจบมาแล้วมาเป็นขี้ข้าคนอื่นหรือไง ได้นั่งอยู่ในห้องผู้บริหารแค่ชี้นิ้วสั่งลูกน้องแล้วมันไม่ดียังไง”“มันไม่ดีตรงที่มันไม่ใช่ของเราไงแม่”“นังโง่ แกเป็นลูกแม่ แม่เป็นเมียคุณชยันต์ ของผัวก็เหมือนของเมีย แล้วมันจะไม่ใช่ของเราได้ยังไง แกไม่ต้องคิดจะอ้าปากเถียง รีบเรียนให้จบแล้วกลับมาช่