ในช่วงค่ำชยันต์เดินไปเคาะประตูเพื่อเรียกลูกสาวลงไปกินข้าวด้วยกัน มื้อนี้ทั้งสี่คนอยู่กันพร้อมหน้า ช่อผกานั่งอยู่ข้างสามีของเธอ ส่วนยิปโซก็นั่งฝั่งเดียวกับน้ำค้าง อาหารบนโต๊ะมีหลากหลายเมนูที่ภรรยาของเขาตั้งใจเตรียมเอาไว้อย่างสุดฝีมือ
“น้าช่อตั้งใจทำของโปรดให้ลูกเลยนะ ลองชิมดู”
ชยันต์ใช้ช้อนตักแกงเผ็ดไก่ให้ลูกสาว เขาจำได้ว่าน้ำค้างชอบให้แม่ทำเมนูนี้ให้กินอยู่บ่อยครั้ง แต่พอเขาแต่งงานใหม่แล้วรับช่อผกากับยิปโซเข้ามาอยู่ในบ้าน น้ำค้างก็ไม่เคยเรียกร้องให้ทำเมนูนี้อีกเลย
“ขอบคุณค่ะ”
น้ำค้างจำใจตักเข้าปากเพื่อให้พ่อสบายใจ จะว่าไปรสชาติก็อร่อยดี แต่เห็นหน้าคนทำแล้วทำให้เธอหมดอารมณ์กินข้าว แต่ก็ต้องฝืนใจเพื่อไม่ให้พ่อลำบากใจที่เห็นคนในบ้านไม่ลงรอยกัน
“เรื่องเรียนถ้ามีอะไรไม่เข้าใจหนูขอให้พี่น้ำค้างช่วยได้นะ ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน” ชยันต์เอ่ยกับลูกติดภรรยาใหม่
“พอดีหนูมีคนช่วยติวแล้วค่ะคุณลุง”
ยิปโซมักจะตั้งแง่กับน้ำค้างตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้าน แม่ของเธอมักจะพูดกรอกหูเป็นประจำว่าต้องทำตัวน่ารัก เชื่อฟัง ตั้งใจเรียน เพื่อที่จะได้รับตำแหน่งในโรงแรมที่สูงกว่าลูกสาวในไส้ของเขา
แม้ว่ายิปโซจะไม่เคยคิดอยากเข้าไปดูแลโรงแรมที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่ด้วยความรักแม่ เธอจึงไม่ขัดใจและทำตามอย่างเชื่อฟัง
“สองคนนี้อยู่มหาลัยไม่ค่อยได้เจอกันเหรอ นี่ก็ผ่านมาปีกว่าแล้วยังไม่สนิทกันอีก” ชยันต์เอ่ยถาม
แม้ว่ายิปโซจะเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย แต่ถ้านับรวมตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ก็หนึ่งปีสี่เดือนแล้ว แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่ค่อยพูดคุยกัน
“ปีหนึ่งกับปีสองลงเรียนต่างกันค่ะ ไหนจะฝึกงานแยกส่วนกันอีก เลยไม่ค่อยได้เจอกัน” น้ำค้างเอ่ยตอบ
“ไม่คาดคั้นเด็ก ๆ นะคะคุณ เรามากินข้าวกันดีกว่าค่ะ”
ช่อผกาเอ่ยกับสามีด้วยน้ำเสียงละมุน ชยันต์ก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยพยักหน้ารับ เขาคงจะหัวโบราณเกินไป เด็กสมัยนี้มีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง ไปคาดหวังอะไรมากก็ไม่ได้ แต่เขาก็แอบหวังว่าความสัมพันธ์ของทุกคนในบ้านจะดีขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากกินมื้อค่ำไปได้สักชั่วโมง น้ำค้างก็รู้สึกคันตามร่างกายจึงเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำ แต่ยิ่งอาบก็เหมือนว่าความคันเริ่มทวีคูณมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอรีบล้างคราบสบู่ออกจนหมด แล้วออกมาทาครีมบำรุงก็พบว่าเริ่มมีผื่นแดงเห่อขึ้นตามตัวราวกับแพ้อะไรบางอย่าง
หญิงสาวเร่งสวมใส่ชุดนอนกระโปรงผ้าคอตตอนสีชมพู แล้วคว้าเสื้อคลุมมาใส่ทับอีกชั้น ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ก๊อก ก๊อก
“มีอะไรเหรอจ้ะหนูน้ำค้าง”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ช่อผกาลุกออกจากโซฟาปลายเตียงมาเปิดประตู ก็เห็นลูกสาวของสามียืนทำหน้าจริงจังเกาแขนทั้งสองข้างยิก ๆ
“น้าใส่อะไรให้ฉันกิน”
“คุณชยันต์ให้น้าทำแกงเผ็ดไก่ของโปรดของหนูน้ำค้าง น้าก็ทำตามที่พ่อหนูบอกไงจ๊ะ”
“อย่ามาเฉไฉ”
“เอ๊ะ หนูน้ำค้างนี่ยังไง อย่ามาหาเรื่องน้านะจ๊ะ คุณพ่อหนูกำลังไม่สบายอยู่ น้าไม่อยากให้มีเรื่องรบกวนใจ”
“มีอะไรรึเปล่าคุณช่อ”
ชยันต์ใส่เสื้อคลุมเดินออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงของทั้งสองคนโต้เถียงกัน จึงเดินมาหาที่ประตู เอ่ยถามภรรยาก่อนจะหันไปถามลูกสาวที่แสดงสีหน้าไม่สู้ดี
“มีอะไรเหรอน้ำค้าง”
“พ่อดูนี่สิคะ”
น้ำค้างเลิกเสื้อคลุมยื่นแขนที่มีผื่นเม็ดเล็กสีแดงให้ผู้เป็นพ่อดู ไม่ได้มีแค่นั้นในร่มผ้าก็คันไปทั้งตัวเช่นกัน แค่เปิดให้ดูไม่ได้
“คุณได้ใส่ถั่วเหลืองในกับข้าวเย็นนี้หรือเปล่า” ชยันต์หันไปถามภรรยาที่บีบมือเข้าหากันแน่น
“เอ่อ คุณคะ ฉันใส่นมถั่วเหลืองในแกงเผ็ดไก่”
คราแรกช่อผกากะจะไม่ยอมรับ แต่นึกขึ้นได้ว่าทิ้งกล่องนมถั่วเหลืองไว้ในถังขยะห้องครัว หากสามีสั่งให้คนไปตรวจสอบหาหลักฐาน เธอคงไม่พ้นผิดอย่างแน่นอน สู้ยอมรับออกไปเสียตอนนี้เลยดีกว่า
“ผมเคยบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าน้ำค้างแพ้ถั่วเหลือง”
“ก็ฉันไม่ค่อยได้เข้าครัวนี่คะเลยจำไม่ได้ แล้วอีกอย่างเด็กสาวสมัยนี้ก็ชอบกินอาหารคลีน ฉันก็เลยใส่ลงไปแทนกะทิ ฉันก็แค่หวังดีนะคะ แต่ไม่คิดว่ามันจะทำให้ลูกสาวของคุณแพ้ขนาดนี้”
ช่อผกาแสดงสีหน้าหวั่นวิตกที่ถูกสามีต่อว่า รีบหาข้ออ้างมาหักล้างความผิด ก่อนจะปรายตามองไปยังลูกสาวของเขา
“ขอโทษนะหนูน้ำค้าง น้าว่ารีบไปหาหมอเถอะจ้ะ”
เห็นว่าช่อผกาเพียงแค่หวังดีเลยไม่คิดว่าผลที่ตามมาจะทำให้ลูกสาวของมีอาการแพ้ ชยันต์จึงไม่ได้ต่อว่าอะไร
“รอพ่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึงนะ เดี๋ยวพ่อไปส่ง”
ชยันต์กะจะเข้าไปใส่เสื้อผ้าเพื่อเดินทางไปส่งลูกสาว น้ำค้างแพ้ถั่วเหลืองค่อนข้างหนัก ตอนนี้ผื่นเริ่มหนาขึ้น อีกไม่นานก็คงจะแน่นหน้าอก พ่ออย่างเขาไม่วางใจที่จะปล่อยให้ลูกไปโรงพยาบาลตามลำพัง แต่ก็ถูกภรรยาใหม่เอ่ยรั้ง
“คุณกำลังไม่สบายอยู่ รออยู่ที่บ้านนะคะ ฉันเป็นห่วง เดี๋ยวหนูน้ำค้างฉันจะพาเธอไปหาหมอเองค่ะ”
ช่อผกาเอ่ยพลางเลื่อนไปจับมือของสามี ช้อนสายตาที่รู้สึกผิดขึ้นมอง
“หนูลงไปรอข้างล่างนะคะ”
หญิงสาวคร้านจะเห็นคนตีหน้าซื่อแสร้งทำเป็นคนดี อีกทั้งพ่อของเธอก็ไม่ได้กล่าวโทษหรือตักเตือนอะไรทั้งนั้น เห็นแล้วก็พลันรู้สึกน้อยใจขึ้นมา ทำได้แค่เดินหนีกลับเข้าห้องไปเอากระเป๋าและโทรศัพท์ ก่อนจะไปนั่งรอบนรถที่คนขับรถนำมาจอดรอ
น้ำค้างนั่งเงียบมาตลอดทางเนื่องจากมีอาการแน่นหน้าอกเพิ่มขึ้น แม้ว่าภรรยาใหม่พ่อจะมาด้วยแต่ก็ไม่ได้สนใจถามไถ่อาการ เอาแต่ก้มหน้าเล่นมือถือไม่รู้ว่าดูอะไรหนักหนา ดีที่ว่าโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลบ้านมาก เดินทางเพียงแค่สิบนาทีก็ถึง
“เนื่องจากคนไข้มีอาการแพ้รุนแรง คืนนี้หมอจะให้นอนดูอาการที่โรงพยาบาลสักคืนนะครับ”
“ค่ะคุณหมอ”
หญิงสาวตอบกลับแพทย์เวรดึกในห้องฉุกเฉิน แล้วเธอก็ได้ถูกพยาบาลเจาะสายน้ำเกลือคาไว้ที่หลังมือ ฉีดยาอิพิเนฟรินที่กล้ามเนื้อต้นขา รวมทั้งรับยาแก้แพ้มากินตามที่หมอสั่ง ก่อนจะถูกเคลื่อนย้ายมานอนพักดูอาการที่ห้องพิเศษ
พยาบาลออกไปกันแล้ว ภรรยาใหม่ของพ่อเธอก็เพิ่งจะเอ่ยถาม
“หนูน้ำค้างอยู่คนเดียวได้ใช่ไหมจ๊ะ”
ปริปากพูดได้สักที นึกว่าเป็นไบ้
น้ำค้างลอบถอนหายใจหันมองคนถามพลางต่อว่าในใจ
“กลับบ้านไปพักเถอะค่ะ แล้วฝากบอกคุณพ่อด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง”
“จ้ะ”
ช่อผกาเอ่ยรับคำด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยก็เดินออกจากห้องไป คืนนี้น้ำค้างก็ต้องนอนดูอาการที่โรงพยาบาลคนเดียวราวกับคนไม่มีญาติเลยสักคน
“กรี๊ด พวกแก ดูทางนั้น”“นั่นมันหนุ่มฮอตวิศวะปีสามนี่”“มาหาใครกันนะ”“วาสนาผู้ใดน้อ”“นั่นสิ อยากรู้จังว่ามาหาใคร”เสียงซุบซิบของบรรดานักศึกษาสาวดังขึ้นขณะหันมองสองหนุ่มหล่อที่สวมชุดช็อปสีแดงเลือดหมูเดินตรงเข้ามาในโรงอาหารของคณะบริหารธุรกิจ พลันทำให้กลุ่มของน้ำค้างที่เพิ่งกินข้าวไปได้เพียงไม่กี่คำ ต่างก็เงยใบหน้าขึ้นแล้วหันมองตามเสียงเล็กเสียงน้อยซึ่งดังอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ดวงตาคู่สวยของน้ำค้างจะเบิกโพลงเมื่อสองหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ ทำเอาใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำราวกับทำตัวไม่ถูกแต่แล้วหนุ่มรุ่นพี่ทั้งสองคนก็เดินมือล้วงกระเป๋าเสื้อผ่านโต๊ะของพวกเธอไปราวกับไม่ได้อยู่ในสายตา“นั่นมันพี่นายน์กับพี่ฉลามนี่ เขามาหาใครอะ” เฟญ่าเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นคนรู้จักสาขาการจัดการโรงแรม เป็นหนึ่งในสาขาของคณะบริหารธุรกิจ พวกเธอมักจะมากินข้าวที่นี่ทุกวัน แต่ไม่เคยเห็นสองคนนี้มาก่อน เพราะคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็มีโรงอาหารของตัวเองเหมือนกัน“ก็คงมาหาผู้หญิงของเขาแหละมั้ง” น้ำค้างเอ่ยไม่เต็มเสียง ก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อส่วนไอรินที่เป็นสาวคู่นอนของนายน์ได้มองตามแผ่นหลังของเขาพลางยิ้มเยาะให้กับตัวเอง เรื่องนี้เพื่อน
“โอ๊ะ บังเอิญจัง เจอคนรู้จัก”ฉลามเข้าไปในร้านก็สอดสายตามองหาหญิงสาวที่เข้ามาก่อนหน้า พอเห็นเธอนั่งอยู่ตรงมุมด้านข้างติดกับผนัง เลยถือวิสาสะเข้าไปนั่งเก้าอี้ว่างอีกตัว เอ่ยทักทายด้วยใบหน้าระรื่นที่แห่งนี้คือคาเฟน้ำหอม ทั่วทั้งร้านถูกประดับตกแต่งด้วยตุ๊กตาหมีขนาดเล็กใหญ่คละกันไป มีแจกันดอกไม้แห้งวางอยู่ทุกโต๊ะ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ น้ำค้างชอบมาสั่งน้ำผลไม้และขนมเค้ก รวมทั้งอาหารก็ทำออกมาได้รสชาติดีไม่แพ้กับภัตตาคารใหญ่ เธอจึงมาฝากท้องที่ร้านนี้บ่อยครั้งและที่เธอชอบมากก็คือสไตล์การทำน้ำหอมจากดอกไม้แห้ง ที่มีกลิ่นเฉพาะและสูตรที่ปรับแต่งของร้านนี้ก็ส่งกลิ่นหอมได้ยาวนาน เธอมักจะซื้อติดมือไปวางไว้ที่คอนโด ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น ได้กลิ่นแล้วก็รู้สึกสบายใจและผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูกทว่าความสุนทรีที่มีก่อนหน้าก็ได้มลายหายไป คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเป็นปม พร้อมกับใบหน้าแสดงออกถึงความไม่ชอบใจจ้องไปยังคนหน้าด้านที่หย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้ข้างเธอ“บังเอิญหรือตั้งใจกันแน่”“งั้นตั้งใจก็ได้ พี่ขอนั่งด้วยนะ”“มีมารยาทด้วยเหรอ ก่อนนั่งไม่เห็นจะถาม”หญิงสาวโต้กลับน้ำเสียงเรียบ ริมฝีปากสวยย
เช้าวันต่อมาชยันต์ได้โทรมาถามอาการของลูกสาว ต่อด้วยคำถามที่ว่าทำไมถึงกลับไปนอนคอนโด มันทำให้รู้ได้ทันทีว่าแม่เลี้ยงน่าจะบอกไปแบบนั้น น้ำค้างจึงจำใจต้องโกหกว่าเพื่อนเป็นห่วงจะมานอนด้วย เลยเลือกกลับไปนอนคอนโด เมื่อบอกไปดังนั้นผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อในช่วงบ่ายหมอก็ได้มาตรวจอาการ ผื่นตามตัวของเธอเริ่มบางลงกว่าเมื่อคืน อาการแน่นหน้าอกก็หายแล้ว หมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ส่วนไอรินและเฟญ่าก็อยู่ดูแลเธอไม่ห่าง พอออกจากโรงพยาบาลก็พาไปส่งที่บ้านเพื่อกลับไปเอารถ เช้าวันจันทร์น้ำค้างก็ไปเรียนตามปกติหลังเลิกเรียนน้ำค้างแวะที่ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นตึกสามคูหาตั้งอยู่ถัดจากมหาวิทยาลัยไปเพียงไม่กี่หลัง เพื่อหาของกินไปแช่ไว้ในตู้เย็นที่คอนโดน้ำค้างส่งมอบแซนวิชให้พนักงานก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อให้เขานำไปอุ่น ระหว่างนั้นเธอก็หยิบของกินอื่น ๆ ออกวางบนเคาน์เตอร์เพื่อรอคิดเงิน แต่แล้วก็มีมือของใครบางคนยื่นผ่านหน้าไป พร้อมกับวางกล่องถุงยางอนามัยลงบนเคาน์เตอร์ก่อนหน้านี้ฉลามกำลังขับรถออกจากมหาวิทยาลัย ดวงตาคู่คมก็เหลือบไปเห็นสาวสวยกำลังเปิดประตูลงจากรถ เดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ จึงตีไฟเลี้ยวเข้าข้า
ช่อผกากลับไปถึงบ้านก็ขึ้นไปหาสามีบนห้องนอน ดูท่าเขาคงจะร้อนใจอยากรู้อาการของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน ชยันต์เห็นประตูห้องเปิดเข้ามาก็ลุกออกจากเตียงเดินเข้าไปหาภรรยา“น้ำค้างล่ะ”“หนูน้ำค้างไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ หมอฉีดยาแล้วก็ให้ยาแก้แพ้กับยาทาผื่นคัน ตอนนี้กลับคอนโดไปแล้ว”“กลับคอนโด รถก็ยังอยู่ที่นี่ แล้วจะกลับยังไง”“เธอให้เพื่อนมารับน่ะค่ะ”ช่อผกาสวมกอดแขนผู้เป็นสามีพากันเข้าไปนั่งบนเตียง เงยใบหน้าอ่อนกว่าวัยแสดงสีหน้ารู้สึกผิดขึ้นมอง“คุณโกรธฉันไหมคะ”“ผมจะโกรธคุณเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันทำให้ลูกสาวคุณแพ้อาหาร ฉันขอโทษนะคะ ต่อไปจะจำให้ขึ้นใจว่าหนูน้ำค้างกินถั่วเหลืองไม่ได้”เธอว่าพลางซบใบหน้าออเซาะลงที่แผงอกของสามีเพื่อขอความเห็นใจ นับตั้งแต่คบกันจนกระทั่งแต่งงาน ชยันต์ไม่เคยหาเรื่องทะเลาะหรือมีปัญหากันเลยสักครั้ง และครั้งนี้เธอก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น“ผมจะโกรธคุณได้ยังไง ก็คุณไม่ได้ตั้งใจ อย่าคิดมากเลยนะคุณช่อ ผมรู้ว่าคุณหวังดีกับน้ำค้าง”“ค่ะ ฉันจะไม่คิดมาก ขอบคุณคุณมากนะคะที่เชื่อใจ”เอ่ยจบรอยยิ้มมุมปากของช่อผกาก็เผยขึ้นพร้อมกับดวงตาที่แข็งกระด้าง*****คอนโดของนายน์ เวลาสี่ทุ่ม“อ๊ะ อ๊ะ
ในช่วงค่ำชยันต์เดินไปเคาะประตูเพื่อเรียกลูกสาวลงไปกินข้าวด้วยกัน มื้อนี้ทั้งสี่คนอยู่กันพร้อมหน้า ช่อผกานั่งอยู่ข้างสามีของเธอ ส่วนยิปโซก็นั่งฝั่งเดียวกับน้ำค้าง อาหารบนโต๊ะมีหลากหลายเมนูที่ภรรยาของเขาตั้งใจเตรียมเอาไว้อย่างสุดฝีมือ“น้าช่อตั้งใจทำของโปรดให้ลูกเลยนะ ลองชิมดู”ชยันต์ใช้ช้อนตักแกงเผ็ดไก่ให้ลูกสาว เขาจำได้ว่าน้ำค้างชอบให้แม่ทำเมนูนี้ให้กินอยู่บ่อยครั้ง แต่พอเขาแต่งงานใหม่แล้วรับช่อผกากับยิปโซเข้ามาอยู่ในบ้าน น้ำค้างก็ไม่เคยเรียกร้องให้ทำเมนูนี้อีกเลย“ขอบคุณค่ะ”น้ำค้างจำใจตักเข้าปากเพื่อให้พ่อสบายใจ จะว่าไปรสชาติก็อร่อยดี แต่เห็นหน้าคนทำแล้วทำให้เธอหมดอารมณ์กินข้าว แต่ก็ต้องฝืนใจเพื่อไม่ให้พ่อลำบากใจที่เห็นคนในบ้านไม่ลงรอยกัน“เรื่องเรียนถ้ามีอะไรไม่เข้าใจหนูขอให้พี่น้ำค้างช่วยได้นะ ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน” ชยันต์เอ่ยกับลูกติดภรรยาใหม่“พอดีหนูมีคนช่วยติวแล้วค่ะคุณลุง”ยิปโซมักจะตั้งแง่กับน้ำค้างตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้าน แม่ของเธอมักจะพูดกรอกหูเป็นประจำว่าต้องทำตัวน่ารัก เชื่อฟัง ตั้งใจเรียน เพื่อที่จะได้รับตำแหน่งในโรงแรมที่สูงกว่าลูกสาวในไส้ของเขาแม้ว่ายิปโซจะไม
ฉลามกระตุกยิ้มจ้องมองหญิงสาวที่หลบสายตาเขาอยู่ตลอด ยกมือวนเวียนข้างพวงแก้มสีเลือดฝาด ทั้งสองยืนอยู่ใกล้กันมากจนได้กลิ่นของลมหายใจผสมกับกลิ่นเหล้า“ทำไมถึงไม่คุยกันเลยล่ะ ทำอย่างกับไม่รู้จัก”“ก็ไม่ได้อยากรู้จัก แล้วก็ช่วยขยับออกไปด้วย” น้ำค้างเอ่ยเสียงแผ่ว หลุบตามองต่ำ“แต่เราดันรู้จักกันแล้วนี่สิ ทำไงดี”หนุ่มหล่อยกยิ้มยียวน ส่งมือหนาเชยปลายคางสาวสวยเชิดขึ้นจ้องสบตากัน จากนั้นก็ส่งมืออีกข้างรั้งท้ายทอยของเธอเข้ามาใกล้“อื้อ”น้ำค้างส่งเสียงต่อต้านในลำคอพร้อมกับมือพยายามผลักไส เพียงชั่วครู่ก็เหมือนว่าเธอจะเผลอตัวคล้อยตามความรู้สึกนุ่มหยุ่นที่ได้รับ เผยอปากเปิดรับเอาลิ้นร้ายเข้าไปในโพลงปากหวานฉลามตวัดลิ้นสากต้อนลิ้นของสาวสวยแสนเย่อหยิ่งจนจนมุม ดูดดื่มเอาน้ำหวานที่คละเคล้ากับรสเหล้าลงคอ และดูเหมือนว่าเธอจะต้านทานอารมณ์ที่เกิดขึ้นไม่อยู่ เผลอตวัดลิ้นหยอกล้อเขาอย่างไม่ประสาส่งผลให้ชายหนุ่มลมหายใจติดขัด ตัดสินใจผละริมฝีปากออกก่อนที่จะควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ กระตุกยิ้มจ้องมองคนที่หายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วงและหลุบตามองต่ำ“หึ”เสียงแค่นหัวเราะของคนตรงหน้าทำให้น้ำค้างได้สติ ช้อนดวงตาที่ไหว