เช้าวันต่อมา
ชยันต์ได้โทรมาถามอาการของลูกสาว ต่อด้วยคำถามที่ว่าทำไมถึงกลับไปนอนคอนโด มันทำให้รู้ได้ทันทีว่าแม่เลี้ยงน่าจะบอกไปแบบนั้น น้ำค้างจึงจำใจต้องโกหกว่าเพื่อนเป็นห่วงจะมานอนด้วย เลยเลือกกลับไปนอนคอนโด เมื่อบอกไปดังนั้นผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ
ในช่วงบ่ายหมอก็ได้มาตรวจอาการ ผื่นตามตัวของเธอเริ่มบางลงกว่าเมื่อคืน อาการแน่นหน้าอกก็หายแล้ว หมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้
ส่วนไอรินและเฟญ่าก็อยู่ดูแลเธอไม่ห่าง พอออกจากโรงพยาบาลก็พาไปส่งที่บ้านเพื่อกลับไปเอารถ เช้าวันจันทร์น้ำค้างก็ไปเรียนตามปกติ
หลังเลิกเรียนน้ำค้างแวะที่ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นตึกสามคูหาตั้งอยู่ถัดจากมหาวิทยาลัยไปเพียงไม่กี่หลัง เพื่อหาของกินไปแช่ไว้ในตู้เย็นที่คอนโด
น้ำค้างส่งมอบแซนวิชให้พนักงานก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อให้เขานำไปอุ่น ระหว่างนั้นเธอก็หยิบของกินอื่น ๆ ออกวางบนเคาน์เตอร์เพื่อรอคิดเงิน แต่แล้วก็มีมือของใครบางคนยื่นผ่านหน้าไป พร้อมกับวางกล่องถุงยางอนามัยลงบนเคาน์เตอร์
ก่อนหน้านี้ฉลามกำลังขับรถออกจากมหาวิทยาลัย ดวงตาคู่คมก็เหลือบไปเห็นสาวสวยกำลังเปิดประตูลงจากรถ เดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ จึงตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทางก่อนจะดับเครื่องยนต์แล้วเดินตามเข้าไป
เขาเห็นเธอกำลังมองหาของกิน จึงเลี่ยงไปเดินคนละช่องเพื่อไม่ให้เธอเห็น จนกระทั่งน้ำค้างถือตะกร้าตรงไปยังแคชเชียร์ หนุ่มหล่อกระตุกยิ้มขึ้นอย่างมีแผนการ ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องถุงยางอนามัยที่วางอยู่บนชั้นหน้าเคาน์เตอร์ วางมันลงรวมกับของกินที่สาวรุ่นน้องเลือกหยิบมาด้วยความอยากแกล้ง
“คิดรวมได้เลยครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยกับพนักงานร้านสะดวกซื้อ โดยไม่ถามความสมัครใจของลูกค้าที่ยืนรอคิดเงินอยู่ก่อน
น้ำค้างหันมองคนยืนซ้อนหลัง คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเป็นปม ก่อนจะเมินเฉยแล้วหันไปเอ่ยกับพนักงานด้วยน้ำเสียงเข้ม
“คิดแยกค่ะ”
“คิดรวมครับ”
“อย่ามากวนประสาทได้ปะ ถ้าอยากซื้อไอ้กล่องนั้นมาก ก็ไปจ่ายเงินเองสิ”
“อย่าทำให้พนักงานลำบากใจสิครับ คิดรวมจะได้เสร็จไว ๆ”
พนักงานเห็นทั้งสองคนโต้เถียงกันก็ทำหน้าไม่ถูก สรุปจะให้คิดแยกหรือคิดรวมกันแน่ สงสัยจะเป็นแฟนที่อยู่ในช่วงแง่งอนกัน แต่เมื่อเห็นว่านักศึกษาสาวนิ่งเงียบไปพร้อมกับใบหน้าบึ้งตึง เขาจึงได้คิดเงินรวมตามที่ลูกค้าชายบอก
ฉลามรีบนำโทรศัพท์ขึ้นมาแสกนจ่ายเงิน แล้วหยิบถุงที่พนักงานยื่นให้เดินล้วงกระเป๋าออกไปนอกร้านด้วยท่าทางอารมณ์ดี
น้ำค้างรีบก้าวเท้าเดินตามหนุ่มรุ่นพี่ นอกจากเขาจะเอาแต่ใจแล้วยังโรคจิตอีกต่างหาก ถ้ามีคนรู้จักผ่านมาเห็นเข้า คงจะคิดไปเลยเถิดว่าเขาต้องซื้อถุงยางมาใช้กับเธอแน่ ๆ
“เอาของกินฉันคืนมา แล้วเอาไอ้กล่องนั่นออกไปด้วย”
“ของฉัน?พูดผิดพูดใหม่ได้นะ พี่เป็นคนจ่ายเงิน แล้วจะเป็นของเธอได้ยังไง”
“บอกเลขบัญชีมา ฉันจะโอนคืนเดี๋ยวนี้เลย”
น้ำค้างเอ่ยพลางปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์มือถือ กดเข้าแอปธนาคารรออีกฝ่ายเอ่ยตอบ คิดว่าเธอไม่มีปัญญาจ่ายหรือไง
“แอดเฟรนด์พี่ก่อนสิ เดี๋ยวส่งเลขบัญชีให้”
“มุกจีบสาวเหรอ เชยชะมัด”
“จีบได้ไหมล่ะ”
“แบดบอยแบบพี่คงมีสาวในสต๊อกเยอะแล้ว ฉันไม่อยากไปแย่งพื้นที่คนพวกนั้นหรอก อีกอย่างฉันก็ไม่ชอบพวกมักมากในกาม”
“โอ๊ย”
น้ำค้างเอ่ยจบฉลามก็เปล่งเสียงอุทานราวกับเจ็บปวด พร้อมกับยืนงอตัวทำหน้าเหยเก ยกมือข้างที่ว่างขึ้นทาบอกข้างซ้าย
“พี่เป็นอะไร อย่ามาตายแถวนี้นะ”
ไม่รู้ว่าเขาแกล้งหรือป่วยจริง แต่คำพูดของน้ำค้างก็ทำให้ฉลามเงยใบหน้าทะเล้นให้อยู่ในระดับเดียวกับใบหน้าของเธอ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว
“โดนน้องว่าแล้วมันโคตรเจ็บตรงนี้เลย”
เขาเอ่ยพลางชี้นิ้วไปยังหน้าอกข้างซ้ายของตน ก่อนจะเอ่ยต่ออีกประโยคพร้อมกับริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มยียวน
“สัญญาว่าถ้าได้น้องเป็นแฟน พี่จะเลิกยุ่งกับผู้หญิงทุกคน”
“ไปเลิกให้ได้ก่อนเถอะแล้วค่อยมายุ่งกับฉัน ฉันไม่ชอบผู้ชายหน้าหม้อ”
เธอรีบคว้าถุงในมือของฉลามตอนที่เขาเผลอ กางถุงออกแล้วหยิบกล่องใบเล็กสีน้ำเงินม่วงยัดใส่มือของหนุ่มรุ่นพี่
“เอาของบ้า ๆ นี่คืนไป”
“ของบ้า ๆ ที่ไหน พี่ซื้อเตรียมไว้ใช้กับคนแถวนี้เลยนะ”
คนตัวสูงกระตุกยิ้มโน้มใบหน้าหล่อเข้าไปเอ่ยกระซิบข้างหูของสาวรุ่นน้องเสียงเบาที่ได้ยินกันแค่สองคน ก่อนจะเลื่อนใบหน้ามาอยู่ในระดับเดียวกันกับน้ำค้าง ตอนนี้ใบหน้าของเธอเริ่มเห่อร้อนจนหูแดง พลันทำให้ใจดวงน้อยส่งเสียงเต้นดังคล้ายกับกลองที่กำลังถูกตีรัว
“อี๋ ไอ้โรคจิต เก็บไว้ใช้คนเดียวเถอะ”
น้ำค้างสูดหายใจเพื่อเรียกสติแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น พร้อมกับคำต่อว่าแบบไม่ดังมาก รีบจ้ำอ้าวหนีไปขึ้นรถด้วยอาการเขินอายอย่างบอกไม่ถูก
เธอจะมาแพ้ให้กับมุกอ่อยสาวของคนแบบนี้ไม่ได้นะ อย่าหลงกลผู้ชายคนนี้เป็นอันขาด
*****
หลายอาทิตย์ต่อมา
เทอมนี้ฉลามลงเรียนเต็มทุกคาบเพราะต้องเคลียร์หน่วยกิตให้สอบผ่านตามแพลนที่วางไว้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับออกสหกิจศึกษาตอนปีสี่ภาคเรียนที่หนึ่ง
ฉลามเดินไปยังลานจอดรถหลังจากเรียนเสร็จ โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ส่งเสียงดังขึ้น หลังจากหยิบขึ้นมาดูชื่อคนที่โทรเข้ามาริมฝีปากหยักก็กระตุกยิ้ม ปล่อยให้เสียงเรียกเข้าดังอยู่สักพักค่อยกดรับ
“ว่าไงยัยตัวแสบ”
(พี่เลิกเรียนรึยัง)
เสียงของปลาดาวเอ่ยถาม เธอคือน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา ตอนนี้เรียนอยู่มอหกและกำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้เหมือนกัน และที่โทรเข้ามาไม่รู้ว่าเพราะคิดถึงพี่ชายหรือมีเรื่องให้เขาปวดหัวกันแน่
“อืม มีอะไร”
(อยู่กับพี่ทะเลไหม)
“นี่จะโทรมาหาพี่หรือจะโทรหาพี่ชายของเธออีกคน”
น้องสาวของเขาค่อนข้างสนิทกับทะเล เพื่อนของเขาเคยไปเที่ยวที่บ้านบ่อยครั้ง และยังเคยไปเลี้ยงวันเกิดของปลาดาว ด้วยความใจดีและสุภาพของทะเลก็ส่งผลให้น้องสาวของเขามีพฤติกรรมดีขึ้น
(ก็ฉันมีการบ้านจะให้พี่ทะเลสอน หรือว่าพี่จะสอนฉันล่ะ)
“แค่นี้ก่อนนะ พี่ไม่ได้อยู่กับมัน เธอช่วยเหลือตัวเองไปก่อน ไม่งั้นก็ให้เพื่อนช่วยคิด”
คราแรกกะจะช่วยเหลือน้องสาวอยู่หรอก แต่สายตาของเขาดันเห็นรถของน้ำค้างขับผ่าน จึงเร่งฝีเท้าเดินไปที่รถ แล้วขับตามเธอออกไป ขณะที่มือถือก็กดเปิดลำโพง
(ฉันจะฟ้องแม่ว่าพี่หนีเที่ยวอีกแล้ว)
“ไม่ได้หนีเที่ยว เอางี้ ตอนนี้พี่ไม่ว่าง เดี๋ยวกลับถึงห้องแล้วจะไปหาไอ้ทะเลที่ห้องของมันให้ แล้วให้มันโทรกลับ โอเคไหม”
ฉลามเอ่ยต่อรองกับน้องสาว แม้ว่าเขาจะมอบความไว้วางใจให้เพื่อนรักอย่างทะเลคอยดูแลและสอนการบ้านตอนที่ปลาดาวโทรมาขอความช่วยเหลือ แต่ทุกครั้งก็ต้องผ่านพี่ชายอย่างเขาเสมอ
(โอเค ฉันจะรอ)
หลังจากวางสายของน้องสาว เขาก็จับจ้องไปยังรถตรงหน้าแล้วขับตามไปจนกระทั่งรถของน้ำค้างจอดที่ร้านคาเฟแห่งหนึ่ง ฉลามจึงขับไปจอดตรงที่ว่างแล้วดับเครื่องยนต์
“กรี๊ด พวกแก ดูทางนั้น”“นั่นมันหนุ่มฮอตวิศวะปีสามนี่”“มาหาใครกันนะ”“วาสนาผู้ใดน้อ”“นั่นสิ อยากรู้จังว่ามาหาใคร”เสียงซุบซิบของบรรดานักศึกษาสาวดังขึ้นขณะหันมองสองหนุ่มหล่อที่สวมชุดช็อปสีแดงเลือดหมูเดินตรงเข้ามาในโรงอาหารของคณะบริหารธุรกิจ พลันทำให้กลุ่มของน้ำค้างที่เพิ่งกินข้าวไปได้เพียงไม่กี่คำ ต่างก็เงยใบหน้าขึ้นแล้วหันมองตามเสียงเล็กเสียงน้อยซึ่งดังอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ดวงตาคู่สวยของน้ำค้างจะเบิกโพลงเมื่อสองหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ ทำเอาใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำราวกับทำตัวไม่ถูกแต่แล้วหนุ่มรุ่นพี่ทั้งสองคนก็เดินมือล้วงกระเป๋าเสื้อผ่านโต๊ะของพวกเธอไปราวกับไม่ได้อยู่ในสายตา“นั่นมันพี่นายน์กับพี่ฉลามนี่ เขามาหาใครอะ” เฟญ่าเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นคนรู้จักสาขาการจัดการโรงแรม เป็นหนึ่งในสาขาของคณะบริหารธุรกิจ พวกเธอมักจะมากินข้าวที่นี่ทุกวัน แต่ไม่เคยเห็นสองคนนี้มาก่อน เพราะคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็มีโรงอาหารของตัวเองเหมือนกัน“ก็คงมาหาผู้หญิงของเขาแหละมั้ง” น้ำค้างเอ่ยไม่เต็มเสียง ก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อส่วนไอรินที่เป็นสาวคู่นอนของนายน์ได้มองตามแผ่นหลังของเขาพลางยิ้มเยาะให้กับตัวเอง เรื่องนี้เพื่อน
“โอ๊ะ บังเอิญจัง เจอคนรู้จัก”ฉลามเข้าไปในร้านก็สอดสายตามองหาหญิงสาวที่เข้ามาก่อนหน้า พอเห็นเธอนั่งอยู่ตรงมุมด้านข้างติดกับผนัง เลยถือวิสาสะเข้าไปนั่งเก้าอี้ว่างอีกตัว เอ่ยทักทายด้วยใบหน้าระรื่นที่แห่งนี้คือคาเฟน้ำหอม ทั่วทั้งร้านถูกประดับตกแต่งด้วยตุ๊กตาหมีขนาดเล็กใหญ่คละกันไป มีแจกันดอกไม้แห้งวางอยู่ทุกโต๊ะ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ น้ำค้างชอบมาสั่งน้ำผลไม้และขนมเค้ก รวมทั้งอาหารก็ทำออกมาได้รสชาติดีไม่แพ้กับภัตตาคารใหญ่ เธอจึงมาฝากท้องที่ร้านนี้บ่อยครั้งและที่เธอชอบมากก็คือสไตล์การทำน้ำหอมจากดอกไม้แห้ง ที่มีกลิ่นเฉพาะและสูตรที่ปรับแต่งของร้านนี้ก็ส่งกลิ่นหอมได้ยาวนาน เธอมักจะซื้อติดมือไปวางไว้ที่คอนโด ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น ได้กลิ่นแล้วก็รู้สึกสบายใจและผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูกทว่าความสุนทรีที่มีก่อนหน้าก็ได้มลายหายไป คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเป็นปม พร้อมกับใบหน้าแสดงออกถึงความไม่ชอบใจจ้องไปยังคนหน้าด้านที่หย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้ข้างเธอ“บังเอิญหรือตั้งใจกันแน่”“งั้นตั้งใจก็ได้ พี่ขอนั่งด้วยนะ”“มีมารยาทด้วยเหรอ ก่อนนั่งไม่เห็นจะถาม”หญิงสาวโต้กลับน้ำเสียงเรียบ ริมฝีปากสวยย
เช้าวันต่อมาชยันต์ได้โทรมาถามอาการของลูกสาว ต่อด้วยคำถามที่ว่าทำไมถึงกลับไปนอนคอนโด มันทำให้รู้ได้ทันทีว่าแม่เลี้ยงน่าจะบอกไปแบบนั้น น้ำค้างจึงจำใจต้องโกหกว่าเพื่อนเป็นห่วงจะมานอนด้วย เลยเลือกกลับไปนอนคอนโด เมื่อบอกไปดังนั้นผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อในช่วงบ่ายหมอก็ได้มาตรวจอาการ ผื่นตามตัวของเธอเริ่มบางลงกว่าเมื่อคืน อาการแน่นหน้าอกก็หายแล้ว หมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ส่วนไอรินและเฟญ่าก็อยู่ดูแลเธอไม่ห่าง พอออกจากโรงพยาบาลก็พาไปส่งที่บ้านเพื่อกลับไปเอารถ เช้าวันจันทร์น้ำค้างก็ไปเรียนตามปกติหลังเลิกเรียนน้ำค้างแวะที่ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นตึกสามคูหาตั้งอยู่ถัดจากมหาวิทยาลัยไปเพียงไม่กี่หลัง เพื่อหาของกินไปแช่ไว้ในตู้เย็นที่คอนโดน้ำค้างส่งมอบแซนวิชให้พนักงานก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อให้เขานำไปอุ่น ระหว่างนั้นเธอก็หยิบของกินอื่น ๆ ออกวางบนเคาน์เตอร์เพื่อรอคิดเงิน แต่แล้วก็มีมือของใครบางคนยื่นผ่านหน้าไป พร้อมกับวางกล่องถุงยางอนามัยลงบนเคาน์เตอร์ก่อนหน้านี้ฉลามกำลังขับรถออกจากมหาวิทยาลัย ดวงตาคู่คมก็เหลือบไปเห็นสาวสวยกำลังเปิดประตูลงจากรถ เดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ จึงตีไฟเลี้ยวเข้าข้า
ช่อผกากลับไปถึงบ้านก็ขึ้นไปหาสามีบนห้องนอน ดูท่าเขาคงจะร้อนใจอยากรู้อาการของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน ชยันต์เห็นประตูห้องเปิดเข้ามาก็ลุกออกจากเตียงเดินเข้าไปหาภรรยา“น้ำค้างล่ะ”“หนูน้ำค้างไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ หมอฉีดยาแล้วก็ให้ยาแก้แพ้กับยาทาผื่นคัน ตอนนี้กลับคอนโดไปแล้ว”“กลับคอนโด รถก็ยังอยู่ที่นี่ แล้วจะกลับยังไง”“เธอให้เพื่อนมารับน่ะค่ะ”ช่อผกาสวมกอดแขนผู้เป็นสามีพากันเข้าไปนั่งบนเตียง เงยใบหน้าอ่อนกว่าวัยแสดงสีหน้ารู้สึกผิดขึ้นมอง“คุณโกรธฉันไหมคะ”“ผมจะโกรธคุณเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันทำให้ลูกสาวคุณแพ้อาหาร ฉันขอโทษนะคะ ต่อไปจะจำให้ขึ้นใจว่าหนูน้ำค้างกินถั่วเหลืองไม่ได้”เธอว่าพลางซบใบหน้าออเซาะลงที่แผงอกของสามีเพื่อขอความเห็นใจ นับตั้งแต่คบกันจนกระทั่งแต่งงาน ชยันต์ไม่เคยหาเรื่องทะเลาะหรือมีปัญหากันเลยสักครั้ง และครั้งนี้เธอก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น“ผมจะโกรธคุณได้ยังไง ก็คุณไม่ได้ตั้งใจ อย่าคิดมากเลยนะคุณช่อ ผมรู้ว่าคุณหวังดีกับน้ำค้าง”“ค่ะ ฉันจะไม่คิดมาก ขอบคุณคุณมากนะคะที่เชื่อใจ”เอ่ยจบรอยยิ้มมุมปากของช่อผกาก็เผยขึ้นพร้อมกับดวงตาที่แข็งกระด้าง*****คอนโดของนายน์ เวลาสี่ทุ่ม“อ๊ะ อ๊ะ
ในช่วงค่ำชยันต์เดินไปเคาะประตูเพื่อเรียกลูกสาวลงไปกินข้าวด้วยกัน มื้อนี้ทั้งสี่คนอยู่กันพร้อมหน้า ช่อผกานั่งอยู่ข้างสามีของเธอ ส่วนยิปโซก็นั่งฝั่งเดียวกับน้ำค้าง อาหารบนโต๊ะมีหลากหลายเมนูที่ภรรยาของเขาตั้งใจเตรียมเอาไว้อย่างสุดฝีมือ“น้าช่อตั้งใจทำของโปรดให้ลูกเลยนะ ลองชิมดู”ชยันต์ใช้ช้อนตักแกงเผ็ดไก่ให้ลูกสาว เขาจำได้ว่าน้ำค้างชอบให้แม่ทำเมนูนี้ให้กินอยู่บ่อยครั้ง แต่พอเขาแต่งงานใหม่แล้วรับช่อผกากับยิปโซเข้ามาอยู่ในบ้าน น้ำค้างก็ไม่เคยเรียกร้องให้ทำเมนูนี้อีกเลย“ขอบคุณค่ะ”น้ำค้างจำใจตักเข้าปากเพื่อให้พ่อสบายใจ จะว่าไปรสชาติก็อร่อยดี แต่เห็นหน้าคนทำแล้วทำให้เธอหมดอารมณ์กินข้าว แต่ก็ต้องฝืนใจเพื่อไม่ให้พ่อลำบากใจที่เห็นคนในบ้านไม่ลงรอยกัน“เรื่องเรียนถ้ามีอะไรไม่เข้าใจหนูขอให้พี่น้ำค้างช่วยได้นะ ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน” ชยันต์เอ่ยกับลูกติดภรรยาใหม่“พอดีหนูมีคนช่วยติวแล้วค่ะคุณลุง”ยิปโซมักจะตั้งแง่กับน้ำค้างตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้าน แม่ของเธอมักจะพูดกรอกหูเป็นประจำว่าต้องทำตัวน่ารัก เชื่อฟัง ตั้งใจเรียน เพื่อที่จะได้รับตำแหน่งในโรงแรมที่สูงกว่าลูกสาวในไส้ของเขาแม้ว่ายิปโซจะไม
ฉลามกระตุกยิ้มจ้องมองหญิงสาวที่หลบสายตาเขาอยู่ตลอด ยกมือวนเวียนข้างพวงแก้มสีเลือดฝาด ทั้งสองยืนอยู่ใกล้กันมากจนได้กลิ่นของลมหายใจผสมกับกลิ่นเหล้า“ทำไมถึงไม่คุยกันเลยล่ะ ทำอย่างกับไม่รู้จัก”“ก็ไม่ได้อยากรู้จัก แล้วก็ช่วยขยับออกไปด้วย” น้ำค้างเอ่ยเสียงแผ่ว หลุบตามองต่ำ“แต่เราดันรู้จักกันแล้วนี่สิ ทำไงดี”หนุ่มหล่อยกยิ้มยียวน ส่งมือหนาเชยปลายคางสาวสวยเชิดขึ้นจ้องสบตากัน จากนั้นก็ส่งมืออีกข้างรั้งท้ายทอยของเธอเข้ามาใกล้“อื้อ”น้ำค้างส่งเสียงต่อต้านในลำคอพร้อมกับมือพยายามผลักไส เพียงชั่วครู่ก็เหมือนว่าเธอจะเผลอตัวคล้อยตามความรู้สึกนุ่มหยุ่นที่ได้รับ เผยอปากเปิดรับเอาลิ้นร้ายเข้าไปในโพลงปากหวานฉลามตวัดลิ้นสากต้อนลิ้นของสาวสวยแสนเย่อหยิ่งจนจนมุม ดูดดื่มเอาน้ำหวานที่คละเคล้ากับรสเหล้าลงคอ และดูเหมือนว่าเธอจะต้านทานอารมณ์ที่เกิดขึ้นไม่อยู่ เผลอตวัดลิ้นหยอกล้อเขาอย่างไม่ประสาส่งผลให้ชายหนุ่มลมหายใจติดขัด ตัดสินใจผละริมฝีปากออกก่อนที่จะควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ กระตุกยิ้มจ้องมองคนที่หายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วงและหลุบตามองต่ำ“หึ”เสียงแค่นหัวเราะของคนตรงหน้าทำให้น้ำค้างได้สติ ช้อนดวงตาที่ไหว