สี่ปีต่อมา
“นึกยังไงถึงอยากมาเที่ยวเชียงใหม่” วาโยถามเพลงเพื่อนสนิทของเธอตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมมาด้วยกัน แม้ว่าจะอยู่ปีหนึ่งแล้วพวกเธอก็ยังคงเป็นเพื่อนซี้กันอยู่ตั้งแต่อายุสิบสามจนถึงตอนนี้ที่พวกเธออายุสิบเก้ากันแล้วแถมยังสวยสะพรั่งทั้งคู่อีกด้วย “ฉันอยากมารับอากาศหนาวๆ สักหน่อย” เพลงพูดแล้วกลั้นยิ้มไว้ “อยากหนาวๆ เปิดแอร์ก็ได้มั้งไม่ต้องมาไกลขนาดนี้หรอก” วาโยแกล้งแซวเพื่อนสนิทเล่นพอให้ได้ขำ “แหม ฉันก็อยากให้แกมาเปิดหูเปิดตาบ้างมาค้างสองคืนสามวันให้มีแรงพอได้กลับไปสู้ต่อ” เพลงพูดพลางตักข้าวเข้าปาก คืนนี้พวกเธอสองคนพากันมากินข้าวที่ร้านอาหารที่เคยมาเมื่อปีก่อนแล้วบังเอิญยัยเพลงเจอหนุ่มที่เชียงใหม่ ทำให้ปิ๊งรักกันเธอเลยขึ้นมาหาเขาที่นี่โดยมีวาโยมาด้วย เพราะถ้าขืนเธอปล่อยให้เพื่อนของเธออยู่คนเดียวมีหวังโทรกวนเธอทั้งคืนแน่ๆ เพราะคงเป็นห่วงเธอที่มาค้างไกลบ้านแบบนี้แน่ๆ “สู้กับเรียน หรือสู้กับความคิดถึงของตัวเองที่มีต่อพ่อหนุ่มเชียงใหม่ที่เดินมานู้นนั่นล่ะจ้ะ สาวน้อยเพลง” วาโยยิ้มแป้นพูดเชิงบุ้ยปากไปทางผู้ชายที่แต่งตัวสะอาดสะอ้าน เดินมาแต่ไกลพร้อมกับเพื่อนของเขาที่เดินมาด้วยกัน “ดินนั่งก่อนค่ะ ” เพลงยิ้มแย้มพูดเชิญให้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านั่งลงพร้อมกับเพื่อนของเขา “เพิ่งมากันเหรอครับ” ชายหนุ่มชื่อดินพูดพลางมองจานข้าวบนโต๊ะที่วางอยู่ “มาสักพักแล้วค่ะ แต่เพลงหิวก็เลยสั่งและทานกันไปได้หน่อยเดียวเองค่ะ” เพลงพูดแก้เขินเพราะเธอกินไม่ได้หน่อยเดียวแบบที่พูดเธอกินไปแล้วพอสมควร “วันนี้ดินชวนเพื่อนมาด้วยนะกลัวว่าวาโยจะเหงา เดี๋ยววันนี้ให้กอล์ฟคอยดูแลแล้วกันนะครับ” ดินพูดพร้อมกับตบไหล่เพื่อนเบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะฉันอยู่ได้ รบกวนเพื่อนดินเปล่าๆ” วาโยโบกมือปฏิเสธเพราะเธอมาแค่ไม่กี่วันไม่อยากรบกวนใครมาก อีกอย่างเธอก็จะได้มีเวลาดูพี่ต้าของเธอเดินแบบผ่านโทรศัพท์ตอนว่างๆ เวลาที่เพลงไปเที่ยวกับดินด้วย “ไม่รบกวนเลยครับ ผมเต็มใจที่ได้ดูแลสาวสวยแบบวาโยนี่ครับ” เมื่อวาโยได้ยินดังนั้นน้ำก็แทบพุ่งออกจากปากของเธอทันที นี่เขาจะจีบเธอเหรอ เธอนึกหัวเราะในใจ ให้ตายเถอะมีคนมาจีบเธอมากแต่เธอไม่สนใจใครเลยแถมยังปฏิเสธเขาไปอย่างไม่ไยดี เพราะคติเธอถ้าชอบแล้วจะจีบเอง ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาจีบเธอมักจะจีบไม่ติด แต่ถ้าเป็นพี่ต้าล่ะ แค่ยักคิ้วให้เธอก็พร้อมเก็บเสื้อผ้าไปอยู่กับเขาแล้ว เธอนึกหัวเราะตัวเองแม้แต่เวลาแบบนี้เธอเองก็ยังคงนึกถึงเขาเสมอ ผู้ชายที่เธอชอบตั้งแต่แรกเจอ และไม่น่าเชื่อว่าเขาเรียนปริญญาตรีจากเมืองนอกจะกลับมาเป็นนายแบบที่โด่งดัง เธอไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะได้เจอเขาอีกครั้งแค่เพียงได้เห็นเขาออกทีวีก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หรือแม้แต่ตอนที่ได้ยินชื่อของเขาก็เผลอยิ้มไม่รู้ตัว สองเดือนก่อนเธอไปดูเขาเดินแบบแล้วก็ไปรอเขาตรงประตูทางออกเพื่อขอลายเซ็น มีคนมารอเขาเยอะมากได้เจอแค่ครู่เดียวเขาก็ต้องรีบขึ้นรถไป หลังจากที่พวกเราสี่คนทานข้าวเสร็จ ก็พากันไปเที่ยวและดื่มในบาร์ต่อ วาโยเองก็อยากเปิดหูเปิดตาบ้างเหมือนกันจึงไม่ขัดอะไร ดินสั่งเหล้ามาให้สองสาวโดยมีกอล์ฟนั่งอยู่ข้างวาโยและดินก็โอบไหล่ของเพลงตามประสาคู่รักที่หวงแฟน วาโยดื่มเหล้าไปได้นิดหน่อยก็รู้สึกเหมือนมีมือของใครมาจับที่ขาอ่อนของเธอที่นุ่งกระโปรงทรงเอสั้นเหนือเข่าเธอก้มดูที่ขาของตัวเอง ไฟสว่างสลับกับมืดทำให้เห็นว่าเป็นมือหนาของกอล์ฟที่พยายามจะลวนลามเธอ วาโยรีบปัดมือของเขาออกทันที “ถ้าไม่อยากให้ฉันอาละวาดนายอย่าทำแบบนี้อีก ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่าหรือนายจะให้ฉันบอกเพื่อนของนาย” หญิงสาวมองเขาด้วยสีหน้าโกรธจัด “โอเคๆ ขอโทษแล้วกันครับ” พอพูดจบกอล์ฟก็ลุกหนีไป ดีเหมือนกันเพราะเธอเองก็รู้สึกอึดอัดตั้งแต่อยู่ที่ร้านอาหารนั้นแล้ว เพราะเขาเอาแต่ใช้สายตามองลวนลามเธอตลอดไม่รู้ว่าเพลงจะสังเกตเห็นไหม “เพลงเดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” หญิงสาวจับไหล่ของเพื่อนสาวเบาๆ “ให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม” “ไม่เป็นไร เพลงอยู่กับดินเถอะฉันไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็มาแล้ว” หญิงสาวที่ดื่มเหล้าเข้าไปนิดหน่อยก็ทำให้หน้าแดงเพราะว่าเธอแทบไม่ค่อยดื่มเหล้าเลย จึงกลัวว่าจะเมาง่ายเลยไปเข้าห้องน้ำเพื่อเอาน้ำลูบหน้าสักหน่อย ระหว่างทางที่เดินไปเข้าห้องน้ำก็มีคนเดินสวนกันไปมาเสียงเพลงก็เริ่มเบาลง และในขณะที่เดินไปนั้นไฟตรงทางเดินก็เกิดดับ มันมืดมากจนเธอกลัวเลยไปคว้าแขนของคนที่อยู่ใกล้ๆ เธอทันที “พี่คะไฟมันดับ” เธอพูดอยู่กับใครไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ เธอยังคงจับแขนเขาไม่ปล่อย “กลัวล่ะสิ” น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาที่พูดกับเธอรู้เลยว่าเขาน่าจะสูงพอประมาณ เพราะเธอเริ่มเห็นเงาของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าว่าเธอสูงกว่าหัวไหล่ของเขานิดหน่อยเท่านั้น “กลัวความมืดนิดหน่อยค่ะ ไม่ชินทางของจับแขนเสื้อหน่อยนะคะ” เธอค่อยๆ ปล่อยแขนของเขาแล้วมาจับแขนเสื้อตรงข้อศอกของเขาแทน วาโยได้ยินเสียงของเขาหัวเราะเบาๆ “พี่หัวเราะเหรอคะ” วาโยถามใสซื่อ “เปล่า แค่ไอ” “เดี๋ยวเอาโทรศัพท์ส่องไฟก่อนนะคะ พี่อย่าเพิ่งเดินไปไหนนะคะ” เธอค่อยๆ ปล่อยมือจากแขนเสื้อของเขาแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่องทางแล้วส่องไปที่หน้าของผู้ชายที่ยังยืนอยู่ที่เดิมใกล้ๆ เธอ ตามที่เธอบอก “แสบตา” เขาเบี่ยงหน้าหนีจากแสงไฟในโทรศัพท์ของเธอ “ขอโทษค่ะ ตอนนี้เราก็เดินออกไปได้แล้ว” เธอส่องไฟนำทางไปให้เขา แล้วไฟตรงทางเดินก็ติดเธอจึงเก็บโทรศัพท์และมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ เธอ เธออ้าปากค้างกับผู้ชายที่สวมหมวกแก๊ปอยู่ตรงหน้า พร้อมกับหัวใจที่กระโดดโลดเต้นไปมาจนหายใจไม่ทั่วท้องโลกนี้ซีดไปหมด วูบ…บบบบบ “น้อง น้องครับ” ชายหนุ่มอุ้มเธอพร้อมกับเรียกเธอ เขาพาเธอออกมาตรงลานจอดรถด้านหลังเพื่อหลบหลีกผู้คนที่พลุกพล่านทางด้านหน้า เขาวางเธอไว้เบาะข้างคนขับ “พี่ๆ จะพาหนูไปไหนคะ” เธอดีดตัวผึงขึ้นมาทันที จนหัวจะชนกับขอบยางประตูรถยนต์ ชายหนุ่มที่มือไวกว่าหัวของเธอ รีบเอามือจับตรงขอบประตูด้านบนไว้ “โอ๊ย อ่า” เขาร้องเบาๆ เพราะหัวของเธอกระแทกกับมือของเขาเต็มๆ ถ้าเขาไม่ทำแบบนี้หัวของเธอคงแตกแทนแน่ๆ “ขอโทษค่ะ ขอบคุณค่ะ” วาโยยังคงตกใจที่เห็นเขาในระยะใกล้แบบนี้แถมเมื่อกี้เขายังอุ้มเธอมาอีก “ต้องไปโรงพยาบาลไหมครับ คุณโอเคหรือเปล่าเมื่อกี้คุณเป็นลม ผมไม่ได้จะพาคุณมาทำเรื่องแบบนั้นนะอย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะครับ” เขาพูดจบก็ดึงหมวกแก๊ปมาปิดบังใบหน้ามากกว่าเดิม แต่ถึงจะปิดยังไงก็บดบังความหล่อของเขาไม่มิดหรอก วาโยนึกอย่างนั้นแล้วก็อยากจะเป็นลมอีกสักรอบให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่เธอจะทำแบบนั้นไม่ได้เพราะมันจะทำให้เธอไม่สวย เธอต้องเริ่ดๆ เชิดสักหน่อยเพื่อสร้างเสน่ห์ให้ตัวเอง และอย่าให้เขารู้ว่าเธอเป็นแฟนคลับไม่งั้นเขาวิ่งหนีเธอขึ้นรถไปแน่ๆ คงคิดว่าเธอแกล้งเป็นลมเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา แต่เธอตกใจจนวูบจริงๆ นะ เธอค่อยๆ ขยับก้นออกจากรถในท่าทางเซ็กซี่ พร้อมกับแกล้งสำรวจตัวเองว่าไม่ได้สึกหรออะไร “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันต้องขอบคุณคุณนะคะที่อยู่เป็นเพื่อนตอนไฟดับและก็ช่วยฉันตอนเป็นลม ตอนนี้ฉันจะกลับเข้าไปข้างในแล้วค่ะ” เธอจ้องมองสำรวจใบหน้าของเขาจนไม่กะพริบตา “หน้าผมคุ้นใช่ไหมครับ” เขาถอดหมวกแก๊ปใบสีดำออก ทำให้หญิงสาวพยักหน้าเนิบๆ ช้าๆ เพราะตื่นเต้นไม่คิดว่าเขาจะกล้าถอดหมวกให้เธอมองเห็นเขาชัดขึ้นขนาดนี้ “อ๋อค่ะ หน้าคุ้นๆ อยู่ แต่ฉันจำชื่อคุณไม่ได้ค่ะ คุณชื่ออะไรนะคะ” หญิงสาวแสดงตามน้ำไปแบบเก็บอาการสุดๆ “ต้าครับ” เขายิ้มให้เธอนิดๆ “คุณเป็นนักร้องใช่หรือเปล่าคะ” หญิงสาวแกล้งทำหน้านึกคิด “นายแบบครับ งั้นถ้าคุณไม่เป็นอะไรแล้วผมกลับก่อนนะครับ” แล้วเขาก็สตาร์ทรถยนต์ออกไป เหลือไว้แต่แม่สาวนักแสดงรางวัลตุ๊กตาทองคำที่ยังยืนอึ้งอยู่เหมือนเมื่อสี่ปีที่แล้วไม่มีผิด… รางวัลตุ๊กตาทองคำต้องเข้ายัยน้องแล้วจริงๆ อารมณ์แบบจับทีจะวูบตอนพิเศษที่1ที่โรงเรียนมัธยม“เฮ้ยต้า มานี่เร็วมัวมองอะไรอยู่” เพื่อนชายถามเด็กหนุ่มวัยสิบแปดที่กำลังนั่งกินข้าวในโรงอาหารพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของเขาอยู่หลายคน“เปล่า กูไม่ได้มองนี่” ต้าปฏิเสธ“มึงมองน้องวาโยเหรอ”“เออๆ กูมองน้องเขา กูสงสัยว่าทำไม น้องเขามองกูจังวะหรือกูหน้าแปลกวะ”“แปลกอะไร มึงน่ะหล่อ สาวๆก็อยากมองเป็นธรรมดา ไปเร็วไปนั่งใต้ร่มไม้นั่นกัน” เพื่อนของต้าดึงให้เขาลุกขึ้นหลังจากทานข้าวเสร็จ ในขณะที่ต้าเองก็แอบมองวาโยที่นั่งคุยกับเพื่อนอยู่เรื่อยๆที่หน้าโรงเรียนหลังเลิกเรียนต้าเห็นว่าวาโยยืนคุยอยู่กับสินท่าทางสนิทสนมคงจะเป็นแฟนกันสินะเขาคิดในใจ“มีแฟนอยู่แล้วยังมามองผู้ชายคนอื่นอีก” ต้าบ่นลอยๆแล้วเดินเข้าไปยังร้านสะดวกซื้อ ก็เห็นว่าสินเดินเข้ามาในร้านแล้วหยิบถุงยางอนามัยหนึ่งกล่องแล้วไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์และวิ่งออกไปส่งให้กับวาโยเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เอาแต่จ้องมองเขานั่นเองเช้าวันต่อมา เขาเห็นวาโยนั่งมอไซค์มากับสินก็เลยยิ่งเข้าใจว่าเป็นแฟนกัน เขาเลยไม่อยากสุงสิงกับแฟนใครและเลือกที่จะทำตัวนิ่งๆ หยิ่งๆ ดีกว่าเพราะหลังจากเรียนจบม.6 ต้าก็จะไปเรียนต่อที่อังกฤษแล้ว เลยไม่ได้ใส่ใ
“เห็นรอยสักพี่แล้วดิ เขินจัง” ต้าเกาหัวแก้เขิน“เห็นแล้วค่ะ หนูชอบมากนะคะ” ต้าถึงกับเอามือของเธอไปหอมอย่างรักจนสุดใจ“แล้วเรื่องลูกเขยแบบพี่ล่ะครับจะทำไง” ต้าถามอีกครั้ง“หนูยังไม่พร้อมค่ะ หนูต้องไปเรียนต่อป.โทที่อังกฤษอีก” “ไปเรียนที่อังกฤษเหรอ ไปกับใครล่ะ”“หนูสอบได้ทุนค่ะ ไปเรียนคนเดียวยื่นเรื่องตั้งแต่ปีที่แล้วค่ะ”“ดีเลย บ้านพี่ก็อยู่ที่อังกฤษไว้รอโยเรียนจบแล้วเราแต่งงานกันนะ ก็ประมาณสองปีสินะ”“แต่งงานเหรอคะ พี่ยังไม่เคยบอกรักหนูเลยจะแต่งได้ไงคะ”“ใครบอก พี่บอกรักเธอตั้งนานแล้วนะ เธอไม่สังเกตเอง”“ตอนไหนคะ” “ก็อิโมจิรูปหัวใจไง ที่พี่บอกรักเธอ ขนาดพี่ยังไม่เคยส่งให้แม่พี่เลยนะ เธอเป็นคนเดียวที่พี่ส่งให้”“อิโมจิรูปหัวใจใครก็ส่งได้ค่ะ”“พี่รักโยนะ พี่อยากอยู่กับเธอคนเดียว” เมื่อได้ยินอย่างนั้นหญิงสาวก็ยิ้มหน้าบาน“หนูก็รักพี่ต้าค่ะ รักมาตั้งนานแล้วด้วย”“อันนี้พี่รู้แล้ว อยากให้พี่บอกรักโยเยอะๆไหม ชอบฟังไหม”“ชอบค่ะ ชอบฟัง” หญิงสาวพยักหน้าใสซื่
“แฟนพี่ต้าไงคะ”“แฟนพี่เหรอ ไม่จริงมั้ง พี่ไม่มีแฟน พี่ยังบอกเธออยู่เลย” เขาหมุนเก้าอี้กลับมามองเธอที่ยืนถือไดร์เป่าผมอยู่“เค้าบอกว่าเป็นแฟนพี่ต้านี่คะ เป็นตัวจริงของพี่ต้า หนูก็เลยต้องออกมาโดยไม่ได้บอกพี่” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่มองหน้าของหญิงสาวแล้วสบตาที่สั่นไหวของเธอเหมือนคนจะร้องไห้“ใช่วันที่พี่บอกว่า...จะลงไปเอาชุดกับผู้จัดการที่รออยู่ข้างล่างใช่ป่ะ ใช่วันนั้นไหมเพราะวันนั้นแหละที่พี่เจอโน้ตที่เธอเขียนด่าพี่แล้วแปะไปที่กล่องถุงยาง วันนั้นพี่โมโหจนเลือดขึ้นหน้าเลยรู้ไหม”“ใช่ค่ะ วันที่พี่ลงไปเอาชุด แต่หนูไม่ได้เขียนนะคะหนูจะเขียนด่าพี่ทำไม ก็พี่บอกหนูแล้วว่าไม่อยากวาดฝันให้หนู” หญิงสาวพูดเหมือนน้อยใจ ต้าจึงลุกขึ้นสวมกอดเธอ แล้วเดินไปหยิบโน้ตที่อยู่ในลิ้นชักเครื่องประดับมาคลี่ออกแล้วส่งให้เธอดู“หนูไม่ได้เขียนซะหน่อยไม่ใช่ลายมือหนูเลย แต่ด่าแรงมากนะคะ ใครบังอาจมาด่าพี่ต้าของหนู อุ้ย” เธอรีบเอามือปิดปากเมื่อหลุดพูดว่าพี่ต้าของเธอต้าอดใจไม่ไหวจึงจุ๊บเบาๆไปที่ริมฝีปากของเธอเพราะถูกใจที่เธอแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาแบบนี้
“สกปรก” เธอเอ่ยมาสั้นๆ“ใช่สกปรก เธอพูดถูกแล้ว” เขาพยักหน้าเห็นด้วย“อย่ามาดูถูกหนูนะพี่ต้า หนูไม่ชอบ ถ้าไม่อยากถ่ายแบบก็ไม่ต้องถ่ายไม่เห็นต้องพูดจาดูถูกกันเลย”“พี่ดูถูกอะไร พี่แค่จะให้เธอทำความสะอาดห้องที่มันสกปรกอยู่นี่ไง ไม่ได้อยู่มาหลายเดือน ฝุ่นมันก็เกาะหนาไปหมด เธอเข้าใจว่าอะไร” เขาพูดพร้อมกับเอามือลูบโต๊ะแล้วหงายมือมาดูฝุ่น ทำอย่างกับว่าฝุ่นหนาเตอะทั้งที่เมื่อวันก่อนแม่ของเขาเพิ่งให้แม่บ้านมาทำความสะอาดเองชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วเดินเบียดดันเธอเข้าไปจนชนมุม“หนูก็คิดว่า… ช่างมันเถอะค่ะ” หญิงสาวพูดทิ้งท้ายไว้พร้อมกับดันอกกว้างของเขาออก“คิดเรื่องอย่างว่าเหรอ เธอนั่นแหละคิดทะลึ่ง ทำความสะอาดมันก็ต้องใช้ร่างกายใช้แรงทั้งนั้น ฟุ้งซ่านนะเราน่ะ” ชายหนุ่มดีดหน้าผากของเธอเบาๆ อย่างเอ็นดู วินาทีนี้เองที่เขาเห็นวาโยมองเขาด้วยสายตาเป็นประกายมีความสุขซ่อนอยู่ในนั้นและเขาไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแน่ๆ เพราะเธอหน้าแดง แถมยังหลบตาก้มหน้าอมยิ้มอยู่ แต่ชายหนุ่มก็แกล้งทำเป็นไม่เห็นเพราะไม่อยากให้เธอเขินอายจนหนีเขาไปนั่นเอง“งั้นตกลงค่ะ แต่ช่วยลดราคาให้ถูกลงเยอะๆหน่อยนะคะ เพราะหนูจะทำความสะอาดให้สุด
วันนี้แม่มาหาวาโยที่คอนโดเพราะมีเรื่องให้ช่วย เนื่องจากแม่ของวาโยนั้นทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองและยังขาดนายแบบมาช่วยโฆษณาให้ ซึ่งแม่ของเธออยากให้ต้าที่เป็นนายแบบเป็นพรีเซนเตอร์ถ่ายรูปกับเสื้อผ้าของเธอนั่นเอง จึงมาหาวาโยก่อนที่เขาจะกลับไปเมืองนอก เพราะสินบอกให้เธอมาหาลูกสาวให้ช่วยพูดกับเขาให้น่าจะได้เรื่องกว่าที่ตัวสินพูดเอง“นะโยช่วยพูดกับพี่เขาหน่อย เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันไม่ใช่เหรอ”“แม่คะ หนูไม่ได้สนิทกับพี่ต้าแล้วนะคะ”“งั้นแสดงว่าเคยสนิทสิ ถ้าแบรนด์เสื้อเราดังขึ้นมาเรารวยเลยนะโย ลองคิดดูสินายแบบดังมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้เสื้อเราจะดังขนาดไหน คนก็ต้องให้ความสนใจแล้วมาซื้อกันเยอะๆ แน่เลยแล้วอีกอย่างผ้าที่แม่นำมาตัดเย็บก็อย่างดีเลยนะรับรองนายแบบคนนั้น ไม่อายแน่ๆ แม่เอาแบบเสื้อมาให้ดูแล้ว เขาชอบไม่ชอบยังไงค่อยว่ากันทีหลัง ดีไหมลูก” แม่พูดเกลี้ยกล่อมเธอ“งั้นก็ได้ค่ะ หนูจะถามพี่เขาให้” เธอตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจนักแต่จะทำยังไงได้ล่ะ นี่มันธุรกิจครอบครัวของเธอ อีกหน่อยเธอก็ต้องมาดูแลต่ออยู่ดี ศึกษาไว้หน่อยก็แล้วกัน“ดีแล้วลูก ยังไงซะมันก็ต้องตกเป็นของหนู ค่อยๆ เรียนรู้กันไปนะ แม่จะรอฟังข่าวด
เมื่อต้าทานข้าวเย็นกับแม่ของเขาเสร็จ ก็ขับรถสปอร์ตหรูที่เขาเอามาจอดไว้ที่บ้านแม่ขับตรงไปยังคอนโดของเขาทันที แม้ว่าเขาจะไม่ได้กลับมานอนที่นี่นานแล้ว แต่ภาพหลายๆ อย่างยังชัดเจนเมื่อนึกถึงโซฟาตัวนี้ที่เขาร่วมรักกับวาโยครั้งสุดท้าย หรือแม้แต่กล่องถุงยางอนามัยจำนวนมากที่เขาเปิดใช้ไปเพียงชิ้นเดียวเท่านั้นก็ยังอยู่ที่ชั้นวางเดิม“ฮึ หมดอายุแล้วเหรอ” เขาหัวเราะในลำคอเมื่อพลิกดูฉลากข้างกล่องก็อดขำไม่ได้“แกนี่น่าสงสารกว่าฉันอีกนะ อยู่อย่างโดดเดี่ยวแล้วก็หมดอายุไป” เขาหยิบมันทิ้งลงไปในถังขยะทันที แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มที่เคยมีหญิงสาวมานอนข้างๆ“ป่านนี้ ไปเป็นแฟนคลับของใครอยู่นะ” เขาพูดบ่นลอยๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดู กดไปยังแอปอินสตาแกรม แล้วเปลี่ยนแอคเคาท์หลุมเพื่อไปส่องโปรไฟล์ของวาโย“ก็ดูมีความสุขดีนี่” เขาเลื่อนจนไปเจอรูปหนึ่งที่ถ่ายกับเพื่อนๆ ของเธอมีทั้งหญิงและชายหลายคน แต่เขาสังเกตได้ว่าในภาพมีผู้ชายโอบเอวของวาโยอยู่“มันเป็นใครวะ ยิ้มหน้าระรื่นเชียว” เขาเลื่อนๆ ดูไปหลายภาพ บางภาพเขาก็เคยดูแล้ว แต่มือดันลั่นไปกดถูกใจในรูปภาพของเธอเข้าให้ งานเข้าแล้วแต่นี่มันเป็นแอคหลุมของเขา