ท่ามกลางผู้คนมากมายฉันมองเห็นเธอแค่คนเดียว... เธอรักเขามาตลอดรุ่นพี่คนนั้นที่ชื่อ ต้า (ต้าที่แปลว่าใหญ่ในภาษาจีน) เขาย้ายมาเรียนม.6 โรงเรียนเดียวกับเธอ ตอน วาโย อยู่ม.3 เธอเห็นเขาครั้งแรกก็ตกหลุมรักทันที จนวันเวลาผ่านไปเกือบปีที่เธอได้แต่เฝ้ามองต้า เขาดูดีจนเธอไม่กล้าคิดจะสารภาพรักเลยด้วยซ้ำ จนหนึ่งเดือนสุดท้ายก่อนสอบปลายภาค ไม่รู้ว่าเป็นบุญหรือเวรกรรมอะไร วันนั้นช่วงบ่ายตอนเปลี่ยนคาบเรียน เธอดันทำกล่องถุงยางอนามัยหล่นต่อหน้าต่อตาของต้าผู้ชายที่เธอคลั่งไคล้มานานหลายเดือน ผ่านไปสามปีเขาเรียนจบกลับมาไทยพร้อมกับคำว่านายแบบหน้าใหม่ที่โด่งดัง เธอเจอเขาอีกครั้งในฐานะแฟนคลับของเขา จนกระทั่งการโต้ตอบกลับแชตของเขาที่ส่งให้เธอนั้น กลับทำให้เรื่องราวและความรู้สึกของเธอที่มีให้เขาเปลี่ยนไปทันที แต่เขาก็พยายามหาคำตอบ ทั้งๆ ที่เธอเคยรักเขามากมายขนาดนั้น ทำไมวันนี้มาอยู่ใกล้กันเธอถึงไม่สนใจเขาเลย “ที่ผ่านมาพี่ดีไม่พอเหรอ หรือจะให้พี่ร้าย เธอถึงจะมองมาที่พี่แค่คนเดียว ตอบพี่มาสิ! วาโย"
View Moreเสียงออดดังบ่งบอกเวลาพักเที่ยงของเด็กโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งดังขึ้น ที่รวมมัธยมตอนต้นกับมัธยมตอนปลายไว้ โรงเรียนนี้มีขนาดใหญ่พอสมควรแถมยังดังที่สุดในจังหวัดอีกด้วย
วาโย เด็กสาววัยสิบห้าย่างสิบหกรีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในโรงอาหารกับเพื่อนๆ ของเธอ ถึงแม้เรื่องเรียนเธออาจไม่เอาไหนแต่เรื่องกินเธอสู้ขาดใจบอกเลย “เร็วๆ หน่อยสิ เพลง เดี๋ยวไม่ได้นั่งโต๊ะตัวเดิมของเรา” ใช่โต๊ะตัวเดิมที่เธอเอาไว้นั่งมองพี่ต้าพี่ม.6 นักเรียนชายที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ เมื่อตอนต้นเดือนที่ผ่านมา ครั้งแรกที่เธอเห็นเขา เขากำลังนั่งอ่านหนังสือใต้ร่มไม้โต๊ะหินอ่อนข้างตึกที่เธอเรียนอยู่ ความรู้สึกครั้งแรกที่เธอเห็นเขา นั่นมันคนหรือเทพบุตรกันแน่ในโลกมนุษย์เรามีคนที่หล่อขนาดนี้ด้วยเหรอ เขาดูดีมากแม้แต่ในยามที่ใส่ชุดนักเรียนก็ชวนให้มองน่าหลงใหลไม่อาจละสายตาได้เลย ความสูงที่สูงเกินนักเรียนรุ่นเดียวกัน แต่ก็ดูสมส่วนและหุ่นดีไม่น้อย เขามาจากที่ใดกันเล่าพ่อเทพบุตรคนนี้ เด็กสาวที่ยืนมองเขาตรงกระจกหน้าต่างในห้องเรียนเมื่ออาจารย์ที่สอนเธอสั่งงานเอาไว้ และออกไปแล้วเธอจึงได้ยืนมองเขาแบบนั้นอยู่พักใหญ่ “โย ไปนั่งรอก่อนเลย เดี๋ยวฉันซื้อข้าวให้แกเอง” เพลงเพื่อนสนิทของเธอบอกอย่างรู้ใจ เพราะเพลงรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนของตัวเองปลื้มพี่ต้ามากแค่ไหน แค่เธอเห็นว่าวาโยได้มองผู้ชายที่กำลังเดินมานั้นแทบยิ้มไม่หุบ เธอก็อดขำไม่ได้แบบนี้เรียกว่ารักแรกพบหรือเปล่านะ “ขอบใจมากนะเพลง ที่ซื้อข้าวให้ฉันน่ะ เธอดีที่หนึ่งเลย” วาโยจับมือเพื่อนสาวแล้วเอามาจูบเพื่อเอาใจ “ยี้ น้ำลายแกน่ะโยปล่อยเลย” “ไม่มีสักหน่อย อ่ะๆ ไม่เล่นแล้วเดี๋ยววันนี้ฉันเลี้ยงไอติมแกเอง” วาโยพูดพร้อมกับตักข้าวเข้าปากโดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่ามีสายตาผู้ชายคู่หนึ่งมองมาที่เธอแล้วยิ้ม “แกนั่งมองพี่ต้าขนาดนั้น ไม่กลัวพี่เขาจับได้เหรอว่าแกแอบชอบเขาน่ะ” เพลงหันหลังไปมองต้าที่กำลังนั่งกินข้าวกับเพื่อนเขาอีกสองคน “ไม่มีทางรู้หรอก เชื่อปะว่าฉันยังไม่เคยได้สบตากับพี่ต้าเลย เขาจะจับฉันได้ไงว่าแอบมอง” “เออ นั่นสิ งั้นแกก็รีบๆ มองไปเดี๋ยวพี่เขาเรียนจบแกก็ไม่ได้เจอเขาแล้ว ดูสิขนาดเรียนม.ปลายยังฮอตขนาดนี้ ถ้าโตอีกหน่อยจะขนาดไหน” เพลงพูดกระซิบเบาๆ กับวาโยเมื่อเห็นเขาเดินผ่านโต๊ะของเธอมาแล้วเดินไปนั่งตรงร่มไม้ใกล้ๆ ที่เธอสองคนนั่งอยู่ สองเดือนต่อมา ทุกอย่างยังคงเป็นไปเหมือนเดิมแตกต่างที่วันนี้ตอนเปลี่ยนคาบเรียนต้องเดินไปยังตึกข้างล่างเป็นห้องวิทยาศาสตร์ หลังจากจบคาบเรียนวาโยก็รีบเดินออกจากห้องเพื่อที่จะรีบไปเข้าห้องน้ำเนื่องจากอั้นมานานจนลืมกระเป๋าใส่ปากกาและอุปกรณ์การเรียนไว้ใต้โต๊ะที่มีรุ่นพี่ม.6 มานั่งเรียนต่อจากเธออีก วาโยเดินกลับเข้าไปเอาก็เห็นว่ามีอาจารย์มาสอนแล้ว จึงขออนุญาตเข้าไปเอาของในห้องซึ่งตอนนั้นเองที่เธอสังเกตเห็นว่าต้านั่งโต๊ะตัวนั้นอยู่ เธอเดินกลั้นหายใจเข้าเพราะกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงของหัวใจเธอเต้น พร้อมกับใบหน้าที่ร้อนผ่าวเป็นลูกตำลึง “พี่คะ หนูลืมกระเป๋าใส่ปากกาไว้ที่ใต้โต๊ะค่ะ ขอคืนด้วยค่ะ” ต้าจ้องมองเธอแล้วเอามือล้วงไปใต้โต๊ะหยิบสิ่งที่เธอต้องการส่งให้ “ขอบคุณค่ะ” เธอยังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งแรงอย่างกับทหารอย่างนั้น ต้ายิ้มมุมปากให้เธอนิดหน่อย ให้ตายเถอะเขาทำเธอเกือบวูบกลางอากาศในห้องนั้นซะแล้ว โชคดีที่เธอยังเอาชีวิตรอดออกมาจากยิ้มหวานๆ ของเขาที่ส่งมาได้ แต่เธอรู้ดีว่ามันเป็นเพียงมารยาทเท่านั้น ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาวาโยสังเกตเห็นว่าต้าเป็นคนที่พูดน้อย แต่ก็ชอบทำกิจกรรมกับโรงเรียนอยู่เรื่อย เขาดูโตกว่าเด็กรุ่นเดียวกันอยู่นิดหน่อย อาจเป็นเพราะการวางตัวของเขาที่ปฏิบัติกับนักเรียนหญิงที่เข้ามาจีบเขา ช่วงหลังเลยทำให้เขากลายเป็นคนที่เข้าถึงยากมาก ไม่ค่อยมีใครเข้ามาใกล้สักเท่าไหร่ จึงทำได้เพียงแอบมองอยู่ห่างๆ รวมทั้งตัวเธอเองด้วย พูดง่ายๆ คือหล่อแล้วหยิ่ง นั่นเอง คำนี้เหมาะสมกับเขาพอๆ กับคำว่าหล่อวัวตายควายล้ม แต่นั่นก็ไม่อาจทำให้เธอหมดสนใจในตัวของเขาได้ เดือนสุดท้ายก่อนสอบปลายภาค “นะพี่สิน ซื้อให้หนูหน่อย หนูจะเอาไปสาธิตที่โรงเรียน” วาโยอ้อนลูกพี่ลูกน้องของเธอที่อยู่ม.6 โรงเรียนเดียวกัน วาโยเป็นลูกสาวคนเดียวฐานะทางบ้านอยู่ในระดับพอมีกินมีใช้และส่งเธอเรียน บ้านของเธอทำเกี่ยวกับขายส่งเสื้อผ้าที่รับมาจากจีนและส่งต่อให้พ่อค้าแม่ค้าอีกที โดยตัวเธออาศัยอยู่กับพ่อและแม่ที่ตามใจเธอมากๆ เพราะวาโยเป็นลูกสาวคนเดียวแต่เธอก็ไม่กล้าเรียกร้องอะไรมากนักเพราะรู้ดีว่าพ่อกับแม่ของเธอหาเงินมาอย่างยากลำบากและเหนื่อยแค่ไหน “เอาไปสาธิตอะไรวะ เอาไปใช้เองพี่จะบอกพ่อกับแม่เรานะ อะไรอยู่แค่ม.3 เองจะรีบมีไปทำไมแทนที่จะตั้งใจเรียน” พี่สินลูกพี่ลูกน้องร่ายบ่นเธอยาว “บ้า พี่คิดอะไรหนูไม่ได้ใช้นะ” หญิงสาวหน้าบึ้งใส่ “รู้อยู่ว่าไม่ได้ใช้ แต่คนอื่นใช้ไง” เขาถลึงตาใส่เธอพร้อมกับเขกหัวเธอเบาๆ “โอ๊ย พี่ก็ฟังกันมั่งสิ นั่นดูเพื่อนพี่สิ เขาก็ไปซื้อมาเหมือนกัน” วาโยยืนชี้นิ้วให้พี่ของเธอดูเมื่อเห็นเขาเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อแล้วหยิบกล่องบางอย่างใส่กระเป๋า “อ้าวเฮ้ย มึงซื้อถุงยางไปทำไมวะ” สินร้องถามเมื่อเพื่อนเดินมาใกล้ๆ โชคดีที่ตรงที่เธอยืนอยู่ไม่ค่อยมีคนเดินพลุกพล่านนัก “ไอ่เชี่ย… กูใช้เองล่ะมั้ง มึงนี่ถามแปลก” เออ แปลกจริงที่พี่สินกล้าถามแบบนั้นเล่นเอาเธอที่ยืนอยู่ตรงบทสนทนานั้นไม่รู้จะเอาตัวไปยืนตรงไหนดี “พี่สินจะซื้อหรือไม่ซื้อพรุ่งนี้หนูต้องใช้นะ” วาโยยืนเท้าสะเอวใส่พี่ชายอย่างหมั่นไส้เพราะเธอรู้ว่าเขาแกล้งเธออยู่ “เออๆ ซื้อก็ซื้อแกล้งนิดแกล้งหน่อยหัวร้อนไปได้ รอแป๊บ” “แค่นี้ก็จบแล้วทำไมต้องให้โมโหก่อนด้วย” เธอยืนบ่นพึมพำ สินเดินออกมาพร้อมกับกล่องเล็กสี่เหลี่ยมส่งให้เธอ เธอรีบคว้าหมับแล้วรีบยัดใส่กระเป๋าเป้นักเรียนอย่างรวดเร็ว “ประเจิดประเจ้อ” เธอบ่นงึมงำให้เขา “บ่นไร” สินขมวดคิ้วถาม “บ่นไร หนูบอกว่าขอบคุณเด้อค่ะเด้อ” พร้อมกับไหว้ย่อให้พี่ชายของเธออย่างกวนๆ “ไปเร็ว กลับบ้านกันได้แล้วเย็นมากละ” สินเดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้พร้อมกับส่งหมวกกันน็อคให้เธอ เพราะบ้านทั้งสองอยู่ใกล้กันสินจึงแวะมารับวาโยมาเรียนพร้อมกันด้วย แล้วอีกอย่างบ้านของทั้งสองก็ไม่ได้อยู่ไกลจากโรงเรียนมากนักจึงสะดวกสบายมากกับระยะทางใกล้ๆ แบบนี้ วันต่อมา “เพลงแกไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวฉันเอาหนังสือเล่มนี้ไปคืนห้องสมุดก่อนเมื่อวานลืมส่ง” วาโยโบกมือให้เพื่อนเดินไปก่อนเพราะว่าถ้าคืนช้าอาจถูกปรับได้ “โอเคๆ แล้วรีบมานะ เดี๋ยวอาจารย์จะเข้าสอนแล้ว เออได้เอาของมาไหม” “เอามาสิ เมื่อวานให้พี่สินซื้อให้แล้ว” “เคๆ ฉันไปก่อนนะเดี๋ยวถ้าแกมาไม่ทันฉันจะบอกว่าแกไปเข้าห้องน้ำนะ” วาโยพยักหน้ารับรู้ เธอเดินเข้าไปในห้องสมุดพร้อมกับเปิดกระเป๋าเป้หยิบหนังสือออกมา แต่สิ่งที่ติดมากับหนังสือด้วยคือกล่องสี่เหลี่ยมเล็กที่ให้พี่สินซื้อให้เมื่อวานนี้หล่นลงพื้น เธอตกใจรีบก้มเก็บ แต่มีคนที่ไวกว่าเธอ ก้มเก็บให้เธอก่อน เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ในระยะใกล้ๆ แบบนี้เธอสูงแค่ไหล่ของเขาเท่านั้น เขาพลิกกล่องดูไปมาเและยื่นส่งให้เธอคืนพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นสูง “สี่เก้า”เขาพูดเบาๆ แล้วเดินออกไปจากห้องสมุด ทิ้งไว้แต่อาการตกใจให้กับเธอ ไม่ใช่เพราะเธอได้ใกล้เขาขนาดนี้หรอกนะ แถมเมื่อกี้เธอยังจับโดนมือของเขาอีก แต่เพราะกล่องที่อยู่ในมือเธอนี่สิ ที่ทำเธอตกใจ เขาจะต้องคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจแตกแก่แดดแน่เลย ถ้าพรหมลิขิตทำให้เธอได้พบเขาทำไมไม่ทำให้จังหวะมันดีกว่านี้ ทำไมจะต้องมาจับโดนมือของเขาตอนที่ในมือของเรามีกล่องถุงยางนี่อยู่ด้วย แม้ต้าจะเดินออกไปได้สักพักแล้ว แต่สาวน้อยคนนี้ยังยืนแข็งทื่อขยับตัวไม่ได้เลย โชคชะตากลั่นแกล้งกันชัดๆ ทำไมมือของเราต้องสปาร์คกันในสถานการณ์แบบนี้ด้วยนะ จังหวะโบ๊ะบ๊ะมาก ยัยน้องวาโยก่อนออกจากบ้านก้าวเท้าไหนออกก่อนนะ ไหนบอกมาสิ ฝากนิยายเรื่องหลงกลรักไอดอลจอมวายร้ายด้วยนะคะ ฝากพี่ต้าคิงไซส์กับน้องวาโยด้วยค่ะตอนพิเศษที่1ที่โรงเรียนมัธยม“เฮ้ยต้า มานี่เร็วมัวมองอะไรอยู่” เพื่อนชายถามเด็กหนุ่มวัยสิบแปดที่กำลังนั่งกินข้าวในโรงอาหารพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของเขาอยู่หลายคน“เปล่า กูไม่ได้มองนี่” ต้าปฏิเสธ“มึงมองน้องวาโยเหรอ”“เออๆ กูมองน้องเขา กูสงสัยว่าทำไม น้องเขามองกูจังวะหรือกูหน้าแปลกวะ”“แปลกอะไร มึงน่ะหล่อ สาวๆก็อยากมองเป็นธรรมดา ไปเร็วไปนั่งใต้ร่มไม้นั่นกัน” เพื่อนของต้าดึงให้เขาลุกขึ้นหลังจากทานข้าวเสร็จ ในขณะที่ต้าเองก็แอบมองวาโยที่นั่งคุยกับเพื่อนอยู่เรื่อยๆที่หน้าโรงเรียนหลังเลิกเรียนต้าเห็นว่าวาโยยืนคุยอยู่กับสินท่าทางสนิทสนมคงจะเป็นแฟนกันสินะเขาคิดในใจ“มีแฟนอยู่แล้วยังมามองผู้ชายคนอื่นอีก” ต้าบ่นลอยๆแล้วเดินเข้าไปยังร้านสะดวกซื้อ ก็เห็นว่าสินเดินเข้ามาในร้านแล้วหยิบถุงยางอนามัยหนึ่งกล่องแล้วไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์และวิ่งออกไปส่งให้กับวาโยเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เอาแต่จ้องมองเขานั่นเองเช้าวันต่อมา เขาเห็นวาโยนั่งมอไซค์มากับสินก็เลยยิ่งเข้าใจว่าเป็นแฟนกัน เขาเลยไม่อยากสุงสิงกับแฟนใครและเลือกที่จะทำตัวนิ่งๆ หยิ่งๆ ดีกว่าเพราะหลังจากเรียนจบม.6 ต้าก็จะไปเรียนต่อที่อังกฤษแล้ว เลยไม่ได้ใส่ใ
“เห็นรอยสักพี่แล้วดิ เขินจัง” ต้าเกาหัวแก้เขิน“เห็นแล้วค่ะ หนูชอบมากนะคะ” ต้าถึงกับเอามือของเธอไปหอมอย่างรักจนสุดใจ“แล้วเรื่องลูกเขยแบบพี่ล่ะครับจะทำไง” ต้าถามอีกครั้ง“หนูยังไม่พร้อมค่ะ หนูต้องไปเรียนต่อป.โทที่อังกฤษอีก” “ไปเรียนที่อังกฤษเหรอ ไปกับใครล่ะ”“หนูสอบได้ทุนค่ะ ไปเรียนคนเดียวยื่นเรื่องตั้งแต่ปีที่แล้วค่ะ”“ดีเลย บ้านพี่ก็อยู่ที่อังกฤษไว้รอโยเรียนจบแล้วเราแต่งงานกันนะ ก็ประมาณสองปีสินะ”“แต่งงานเหรอคะ พี่ยังไม่เคยบอกรักหนูเลยจะแต่งได้ไงคะ”“ใครบอก พี่บอกรักเธอตั้งนานแล้วนะ เธอไม่สังเกตเอง”“ตอนไหนคะ” “ก็อิโมจิรูปหัวใจไง ที่พี่บอกรักเธอ ขนาดพี่ยังไม่เคยส่งให้แม่พี่เลยนะ เธอเป็นคนเดียวที่พี่ส่งให้”“อิโมจิรูปหัวใจใครก็ส่งได้ค่ะ”“พี่รักโยนะ พี่อยากอยู่กับเธอคนเดียว” เมื่อได้ยินอย่างนั้นหญิงสาวก็ยิ้มหน้าบาน“หนูก็รักพี่ต้าค่ะ รักมาตั้งนานแล้วด้วย”“อันนี้พี่รู้แล้ว อยากให้พี่บอกรักโยเยอะๆไหม ชอบฟังไหม”“ชอบค่ะ ชอบฟัง” หญิงสาวพยักหน้าใสซื่
“แฟนพี่ต้าไงคะ”“แฟนพี่เหรอ ไม่จริงมั้ง พี่ไม่มีแฟน พี่ยังบอกเธออยู่เลย” เขาหมุนเก้าอี้กลับมามองเธอที่ยืนถือไดร์เป่าผมอยู่“เค้าบอกว่าเป็นแฟนพี่ต้านี่คะ เป็นตัวจริงของพี่ต้า หนูก็เลยต้องออกมาโดยไม่ได้บอกพี่” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่มองหน้าของหญิงสาวแล้วสบตาที่สั่นไหวของเธอเหมือนคนจะร้องไห้“ใช่วันที่พี่บอกว่า...จะลงไปเอาชุดกับผู้จัดการที่รออยู่ข้างล่างใช่ป่ะ ใช่วันนั้นไหมเพราะวันนั้นแหละที่พี่เจอโน้ตที่เธอเขียนด่าพี่แล้วแปะไปที่กล่องถุงยาง วันนั้นพี่โมโหจนเลือดขึ้นหน้าเลยรู้ไหม”“ใช่ค่ะ วันที่พี่ลงไปเอาชุด แต่หนูไม่ได้เขียนนะคะหนูจะเขียนด่าพี่ทำไม ก็พี่บอกหนูแล้วว่าไม่อยากวาดฝันให้หนู” หญิงสาวพูดเหมือนน้อยใจ ต้าจึงลุกขึ้นสวมกอดเธอ แล้วเดินไปหยิบโน้ตที่อยู่ในลิ้นชักเครื่องประดับมาคลี่ออกแล้วส่งให้เธอดู“หนูไม่ได้เขียนซะหน่อยไม่ใช่ลายมือหนูเลย แต่ด่าแรงมากนะคะ ใครบังอาจมาด่าพี่ต้าของหนู อุ้ย” เธอรีบเอามือปิดปากเมื่อหลุดพูดว่าพี่ต้าของเธอต้าอดใจไม่ไหวจึงจุ๊บเบาๆไปที่ริมฝีปากของเธอเพราะถูกใจที่เธอแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาแบบนี้
“สกปรก” เธอเอ่ยมาสั้นๆ“ใช่สกปรก เธอพูดถูกแล้ว” เขาพยักหน้าเห็นด้วย“อย่ามาดูถูกหนูนะพี่ต้า หนูไม่ชอบ ถ้าไม่อยากถ่ายแบบก็ไม่ต้องถ่ายไม่เห็นต้องพูดจาดูถูกกันเลย”“พี่ดูถูกอะไร พี่แค่จะให้เธอทำความสะอาดห้องที่มันสกปรกอยู่นี่ไง ไม่ได้อยู่มาหลายเดือน ฝุ่นมันก็เกาะหนาไปหมด เธอเข้าใจว่าอะไร” เขาพูดพร้อมกับเอามือลูบโต๊ะแล้วหงายมือมาดูฝุ่น ทำอย่างกับว่าฝุ่นหนาเตอะทั้งที่เมื่อวันก่อนแม่ของเขาเพิ่งให้แม่บ้านมาทำความสะอาดเองชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วเดินเบียดดันเธอเข้าไปจนชนมุม“หนูก็คิดว่า… ช่างมันเถอะค่ะ” หญิงสาวพูดทิ้งท้ายไว้พร้อมกับดันอกกว้างของเขาออก“คิดเรื่องอย่างว่าเหรอ เธอนั่นแหละคิดทะลึ่ง ทำความสะอาดมันก็ต้องใช้ร่างกายใช้แรงทั้งนั้น ฟุ้งซ่านนะเราน่ะ” ชายหนุ่มดีดหน้าผากของเธอเบาๆ อย่างเอ็นดู วินาทีนี้เองที่เขาเห็นวาโยมองเขาด้วยสายตาเป็นประกายมีความสุขซ่อนอยู่ในนั้นและเขาไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแน่ๆ เพราะเธอหน้าแดง แถมยังหลบตาก้มหน้าอมยิ้มอยู่ แต่ชายหนุ่มก็แกล้งทำเป็นไม่เห็นเพราะไม่อยากให้เธอเขินอายจนหนีเขาไปนั่นเอง“งั้นตกลงค่ะ แต่ช่วยลดราคาให้ถูกลงเยอะๆหน่อยนะคะ เพราะหนูจะทำความสะอาดให้สุด
วันนี้แม่มาหาวาโยที่คอนโดเพราะมีเรื่องให้ช่วย เนื่องจากแม่ของวาโยนั้นทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองและยังขาดนายแบบมาช่วยโฆษณาให้ ซึ่งแม่ของเธออยากให้ต้าที่เป็นนายแบบเป็นพรีเซนเตอร์ถ่ายรูปกับเสื้อผ้าของเธอนั่นเอง จึงมาหาวาโยก่อนที่เขาจะกลับไปเมืองนอก เพราะสินบอกให้เธอมาหาลูกสาวให้ช่วยพูดกับเขาให้น่าจะได้เรื่องกว่าที่ตัวสินพูดเอง“นะโยช่วยพูดกับพี่เขาหน่อย เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันไม่ใช่เหรอ”“แม่คะ หนูไม่ได้สนิทกับพี่ต้าแล้วนะคะ”“งั้นแสดงว่าเคยสนิทสิ ถ้าแบรนด์เสื้อเราดังขึ้นมาเรารวยเลยนะโย ลองคิดดูสินายแบบดังมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้เสื้อเราจะดังขนาดไหน คนก็ต้องให้ความสนใจแล้วมาซื้อกันเยอะๆ แน่เลยแล้วอีกอย่างผ้าที่แม่นำมาตัดเย็บก็อย่างดีเลยนะรับรองนายแบบคนนั้น ไม่อายแน่ๆ แม่เอาแบบเสื้อมาให้ดูแล้ว เขาชอบไม่ชอบยังไงค่อยว่ากันทีหลัง ดีไหมลูก” แม่พูดเกลี้ยกล่อมเธอ“งั้นก็ได้ค่ะ หนูจะถามพี่เขาให้” เธอตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจนักแต่จะทำยังไงได้ล่ะ นี่มันธุรกิจครอบครัวของเธอ อีกหน่อยเธอก็ต้องมาดูแลต่ออยู่ดี ศึกษาไว้หน่อยก็แล้วกัน“ดีแล้วลูก ยังไงซะมันก็ต้องตกเป็นของหนู ค่อยๆ เรียนรู้กันไปนะ แม่จะรอฟังข่าวด
เมื่อต้าทานข้าวเย็นกับแม่ของเขาเสร็จ ก็ขับรถสปอร์ตหรูที่เขาเอามาจอดไว้ที่บ้านแม่ขับตรงไปยังคอนโดของเขาทันที แม้ว่าเขาจะไม่ได้กลับมานอนที่นี่นานแล้ว แต่ภาพหลายๆ อย่างยังชัดเจนเมื่อนึกถึงโซฟาตัวนี้ที่เขาร่วมรักกับวาโยครั้งสุดท้าย หรือแม้แต่กล่องถุงยางอนามัยจำนวนมากที่เขาเปิดใช้ไปเพียงชิ้นเดียวเท่านั้นก็ยังอยู่ที่ชั้นวางเดิม“ฮึ หมดอายุแล้วเหรอ” เขาหัวเราะในลำคอเมื่อพลิกดูฉลากข้างกล่องก็อดขำไม่ได้“แกนี่น่าสงสารกว่าฉันอีกนะ อยู่อย่างโดดเดี่ยวแล้วก็หมดอายุไป” เขาหยิบมันทิ้งลงไปในถังขยะทันที แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มที่เคยมีหญิงสาวมานอนข้างๆ“ป่านนี้ ไปเป็นแฟนคลับของใครอยู่นะ” เขาพูดบ่นลอยๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดู กดไปยังแอปอินสตาแกรม แล้วเปลี่ยนแอคเคาท์หลุมเพื่อไปส่องโปรไฟล์ของวาโย“ก็ดูมีความสุขดีนี่” เขาเลื่อนจนไปเจอรูปหนึ่งที่ถ่ายกับเพื่อนๆ ของเธอมีทั้งหญิงและชายหลายคน แต่เขาสังเกตได้ว่าในภาพมีผู้ชายโอบเอวของวาโยอยู่“มันเป็นใครวะ ยิ้มหน้าระรื่นเชียว” เขาเลื่อนๆ ดูไปหลายภาพ บางภาพเขาก็เคยดูแล้ว แต่มือดันลั่นไปกดถูกใจในรูปภาพของเธอเข้าให้ งานเข้าแล้วแต่นี่มันเป็นแอคหลุมของเขา
สองปีต่อมาวาโยเรียนจบปริญญาตรี ในขณะที่ต้าเองก็กลับไปอยู่บ้านที่เมืองนอกของเขาที่เคยซื้อไว้ตอนอยู่กับแม่ที่ต่างประเทศหลังจากที่เลิกรากับวาโยวันนั้นประมาณหกเดือนน่าจะได้ เขาก็หันหลังให้วงการนายแบบทันที ใจจริงอยากจะเลิกตั้งแต่เดือนแรกด้วยซ้ำ แต่ติดที่เขายังมีสัญญาถ่ายแบบอยู่กับหลายบริษัทจึงไม่สามารถยกเลิกงานพวกนั้นได้ ต้ามีธุรกิจอสังหาอยู่หลายแห่งในเมืองนอกที่ทำกับเพื่อน และของเขาเองก็มีอยู่สองที่ น่าจะเป็นเวลาสองปีที่เขาถอยห่างจากวงการบันเทิงมา แต่ก็มีบ้างที่เขายังเดินแบบอยู่เพราะผู้ใหญ่ขอ เขาจึงบินไปมาอยู่ที่ไทยหลายครั้งปีนี้เขาอายุยี่สิบเจ็ดแล้ว เติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความสำรวมมากขึ้น และเก็บอารมณ์เก่งกว่าเดิมด้วยซ้ำวันนี้ชายหนุ่มบินกลับมาไทยเพื่อมาเยี่ยมแม่ของเขาที่บ่นคิดถึงแต่ลูกชายตลอดเวลาชายหนุ่มร่างสูงที่ยังหุ่นดีเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมตรงที่เขากล้ามใหญ่ขึ้นเนื่องจากการออกกำลังกายอย่างหนักหลังเลิกงานและยามว่างที่เขาไม่ได้ออกไปดื่มกับเพื่อนๆทันทีที่ลูกชายเดินลากกระเป๋าเข้าบ้าน แม่ของเขาก็รีบวิ่งมารับและสวมกอดเขาจนแน่นราวกับว่ากลัวลูกชายของเขาจะหนีกลับไปอย่างไงอย่างงั้น
“อยากรู้จริงๆ เหรอ” เขาถามเธอ“อยากรู้อะไรคะ” เธอถามเขาให้แน่ใจอีกครั้ง“อยากรู้เหรอ ว่าทำไมพี่ถึงไม่อยากคุยตอนนั้น อ่านแล้วไม่ตอบ ก็นี่ไง!”“ขนาดเธอยืนต่อว่าพี่อยู่ ไอ้นี่ของพี่มันยังแข็งอยากเอาเธออยู่เลย” เขาไม่พูดเปล่ากับจับมือของเธอไปกำแท่งเนื้อของเขาที่มันแข็งจนพร้อมจะใช้งานแล้ว“ทะลึ่ง” เธอรีบชักมือออกอย่างเร็ว“พี่พูดจริงๆ ในหัวพี่มันคิดแต่เรื่องอย่างว่ากับเธอคิดแค่กับเธอแค่คนเดียวนะโย” เขาเดินมาสวมกอดเธอจากทางด้านหน้าโดยที่หญิงสาวไม่ได้ขัดขืนอะไร“พี่ยังไม่รู้เลย ว่าโยโกรธพี่เรื่องอะไรอีกบอกพี่ได้ไหม” เขาจับใบหน้าของหญิงสาวแล้วจะจูบลงไปที่ริมฝีปากนุ่ม แต่หญิงสาวกลับเบี่ยงหน้าหนี ไม่ยอมให้เขาจูบง่ายๆ“หนูเบื่อที่ต้องเห็นพี่เป็นข่าวกับคนอื่น หนูไม่อยากเสียใจอีก”“แล้วพี่เลือกได้เหรอโย งานพี่มันเป็นแบบนี้” เขาใช้สายตาเศร้าสร้อยมองมาที่หญิงสาวเผื่อว่าเธอจะเห็นใจเหมือนครั้งที่ผ่านมา“แต่หนูเลือกได้นี่คะ หนูว่าอยู่แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ต้องวุ่นวายต่อกัน สบายใจจะตาย” หญิงสาวพูดหัวเราะเชิงขบขันที่เหมือนว่าเธอกำลังจะบอกเลิกเขา แต่ทั้งสองก็ไม่เคยคบกันเลยด้วยซ้ำ“หนูเบื่อที่ต้องอยู่แต่ในห้อง
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาต้าคิดว่าครั้งนี้วาโยโกรธเขานานเกินไปแล้ว เธอไม่เห็นแถลงข่าวของเขาเหรอที่บอกว่าไม่ได้มีอะไรกับโรส ทำไมถึงยังนิ่งอยู่ เขาเห็นว่าเธอเงียบเขาเองก็เลยเงียบเหมือนกัน แต่ครั้งนี้กลับเป็นเขาที่ทนไม่ไหวซะเอง จึงกดโทรหาหญิงสาวในทันที“ของที่เอามาให้พี่น่ะ พี่ไม่อยากได้หรอกนะ มาเอาไปคืนด้วย” ชายหนุ่มร่างสูงพูดกับเธอผ่านโทรศัพท์และหวังว่าหญิงสาวจะง้อเขาแต่ทำไมคำพูดของเขามันฟังดูเหมือนหาเรื่องทะเลาะกันล่ะ“งั้นพี่ต้าทิ้งได้เลยค่ะ หนูเองก็ไม่อยากได้แล้วเหมือนกัน” ตื้ดๆๆ หญิงสาวกดวางสายทันที“ไม่อยากได้แล้วเหมือนกันเหรอ ใจร้ายมากนะโย ถ้าครั้งนี้เธอบล็อกเบอร์พี่อีก เราได้เห็นดีกันแน่” ต้าจึงกดโทรออกอีกครั้ง“มีอะไรอีกคะพี่ หนูเรียนอยู่” เธอรับสายพร้อมพูดกระแทกเสียงเข้ามาในโทรศัพท์ จนเขาเองแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวาโยจะตะคอกใส่เขาด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวแบบนี้“แค่นี้ต้องตะคอกพี่ด้วยเหรอ ออกมาเจอกันหน่อยสิครับ” เขาพูดเสียงอ่อนลง“หนูไม่มีอะไรจะคุยกับพี่ต้าค่ะ” เธอพูดตัดบท“แต่พี่มี…เรื่องไอ่สินพี่ชายของเธอ” เขาพูดทิ้งท้ายไว้เพราะถึงยังไงหญิงสาวต้องอยากรู้แน่ๆ ถึงจะโดนไอ่สินตามมากระทื
Comments