พลั่ก!
“ไอ้โหน ไอ้บ้า!” ทันทีที่จบคำสารภาพ หมอนก็ถูกขว้างมาฟาดหน้าผมเต็มแรงด้วยมือของชูใจ เธอเปลี่ยนอารมณ์จากหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่โคตรอายสุดขีดเปลี่ยนเป็นโมโหสุดใจ “ฉวยโอกาสอ่ะ ทำไมถึงทำแบบนี้!”
“ก็เราเมา” ผมปัดหมอนอีกใบที่เธอขว้างใส่ ก่อนที่จะผุดลุกขึ้นไปคว้าข้อมือเธอไว้เมื่อเห็นว่าร่างเล็กทำท่าจะปาตุ๊กตาหมีใส่ผมอีก “เราเมาทั้งคู่ เรารักเธอมานานนะชูใจ เราไม่เคยทำไรเธอมาตลอดที่คบนะเว้ย”
“...”
“แต่วันนั้น... แม่งเมาจริงๆ” ชูใจนิ่งไป ลดมือลงตอนที่ผมผ่อนแรงกำข้อมือเธอ ร่างเล็กเม้มปากแน่น ชักมือออกมากอดตัวเอง
“ระ... เรารับไม่ได้อ่ะ ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเคยเห็นแม้แต่พ่อเราเอง” เธอพูดแล้วหน้าขึ้นสี “แล้วยิ่งเป็นโหนที่เป็นเพื่อนสนิท... เราไม่รู้เลย ว่าเราต้องรู้สึกยังไง”
ในวินาทีนั้น คำว่าเพื่อนสนิทมันแทงใจผมอย่างแรง
“มองเราเป็นมากกว่านั้นไม่ได้เหรอวะชูใจ” ผมพูดกับเธอ อ้อนวอนเธอ “เราขอโทษที่ทำมันลงไป เราแค่พลั้ง แต่เราเชื่อว่าเราจริงใจกับเธอ”
“...”
“เราจริงจังว่ะ มองเราเป็นผู้ชายคนนึงสักทีดิ”
“แต่โหน...” ชูใจตั้งท่าจะพูด แต่ผมไม่อยากจะฟัง ผมเลื่อนหน้าเข้าไปแนบจมูกลงกับจมูกเล็กๆ ของเธอ ก่อนที่จะกดริมฝีปากลงไป ประทับจูบหนักแน่นกับกลีบปากบางของเธอ
ชูใจเบิกตากว้าง เพราะผมลืมตาอยู่ผมเลยเห็น ผมไม่อยากเป็นผู้ชายที่เธอไม่ชอบ แต่อดไม่ไหวที่จะแสดงให้เธอรู้ว่าผมรักเธอมากแค่ไหน ผมอยากได้เธอเป็นแฟนมากแค่ไหน
ไม่รู้ว่าไอ้จูบนี้จะทำให้เธอรู้ไปถึงไหน
แต่ผมรู้แค่ว่า ผมอยากทำ
แล้วผมก็จะทำ
“... โหน” ชูใจเรียกชื่อผมเสียงอ่อนตอนที่ผมผละออกไป ผมเงยหน้าขึ้นมองปากเธอ หลบตาเธออย่างรวดเร็ว
“โทษนะ”
“...”
“อดไม่ไหว” ชูใจหน้าขึ้นสีเหมือนมีใครเอาสีแดงมาป้ายหน้าเธอ ผมพูดไรไม่ออกเมื่อเห็นปฏิกิริยานั้น เม้มปากแน่นตอนที่กำมือแน่นแล้วเอื้อมมือไปลูบหัวเธอหนักๆ แบบจงใจทำมันไปลวกๆ “ทีนี้ก็รู้แล้ว เรากลับก่อนละกัน”
“...”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามารับเธอแต่เช้า”
“...”
“รอด้วยนะ”
[จบพาร์ท : โหน]
ฉันนั่งนิ่งอยู่ภายในห้อง ทั้งตัวอยู่ในชุดนอน พร้อมกับแว่นตากรองแสงที่ใส่เวลาเล่นคอมพิวเตอร์ หน้าจอตอนนี้เป็นไทม์ไลน์เฟสบุ๊ค มีโพสน์ล่าสุดของโหน เป็นสิ่งที่เขาแชร์มาจากเพจแนวโพสน์ระบายความในใจ
ใจความนั้นน่ะ
‘รักเธอ แต่เธอไม่รู้’
1990’s
ตึกตัก
ทำเอาฉันใจเต้นเลยนะ
หลังจากโหนกลับไป ฉันก็รู้สึกเหมือนตัวเองลอยละล่องไปในอากาศตอนที่รู้สึกได้ว่าเขาจูบฉัน ริมฝีปากที่หยาบกร้านเพราะไม่ได้ทาลิปมัน แต่กลับอบอุ่นอย่างประหลาด เขาไม่ได้ทำมากไปกว่าการแตะปาก แต่แค่นี้ก็ทำให้ฉันรู้สึก
แบบ... ยังไงดีล่ะ มันแปลกๆ นะ ที่มารู้สึกแบบนี้กับเพื่อนสนิท
มันหวั่นไหวไปทั้งใจเลย
“ฮือ” ฉันก้มหน้าลงซุกหมอนที่วางทับบนหน้าตัก เอาไว้วางศอกเวลาพิมพ์อ่ะ แต่ตอนนี้มันเป็นที่กำบังหน้าที่แดงก่ำของฉันเป็นอย่างดีเลย
โหนที่ฉันรู้จักมาตั้งแต่แรก เขาเป็นเด็กเกเรซ้ำชั้นหลายปีจนมาอยู่ชั้นเดียวกับฉัน เขาเป็นผู้ชายที่ดิบเถื่อน ไม่ใช่ผู้ชายสุภาพ แต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่เขาคอยปกป้องฉันตลอดเวลา
เมื่อไหร่ก็ไม่รู้... ที่ฉันเผลอให้เขาเอาตัวเข้ามาใกล้ชิดฉันมากขนาดนี้
ที่ฉันหยุดลิฟต์แล้วถามตอนนั้น เพราะอยากรู้แค่นั้นจริงๆ ฉันไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้เลย ก็เคยได้ยินเพื่อนที่คณะที่พอมีแฟนแล้วมาเล่าอย่างเปิดเผยให้ฟังอยู่เหมือนกัน แต่สำหรับฉัน... มันยังห่างไกลจากฉันมาก เพราะฉันไม่เคยมีแฟนเลย
พอมีแฟนเป็นพี่โอห์มคนแรก เขาดันเลวจนไร้ที่ติ จนฉันเกิดรู้สึกเข็ดกับเรื่องพวกนั้นขึ้นมา เพราะไม่คิดจะอยากมีกับใครด้วย แม้ว่าสำหรับโลกใบนี้ในปัจจุบันมันจะเป็นเรื่องทั่วไปมากก็ตามเถอะ
ไม่รู้สิ แต่พอเป็นโหน ก็ไม่รู้สึกว่าผิดอะไรนะ
... นี่ฉันคงเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ
“หวั่นไหวกับเพื่อนตัวเองนี่มันไม่ดีเลยนะ” ฉันงึมงำกับตัวเอง แว่นกรองแสงหล่นไปอยู่ตรงสันจมูกเล็กๆ ของฉัน ฉันดันมันขึ้นมา ก่อนที่จะรู้สึกว่ามีคนทักแชทเข้ามาหา
ใจฉันสั่นเมื่อเห็นว่าเป็นโหน
ชื่อ โหน : ส่งรูป
เขาส่งรูปมา เป็นรูปที่เขากำลังนั่งอยู่กับเพื่อนๆ ที่วิทยาลัยอาชีวะของเขา ทั้งที่ตลอดมาเขาไม่เคยทำแบบนี้กับฉัน อย่างมากก็มีแค่ฉันทักไปปรึกษา ไม่ก็เขาทักมาเพราะชวนคุยเรื่องที่มีเหตุผล
โหนไม่เคยแสดงออกมากขนาดนี้เลย
ติ๊ง
ฉันชะงักเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนข้อความอีกครั้งตอนที่กดอ่านแล้วปิดช่องแชทลงไป ฉันไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี แต่พอมันเด้งขึ้นมาอีกที
ชื่อ โหน : มากินเหล้ากับเพื่อนนะ
ชื่อ โหน : แต่ไม่ต้องห่วง ถึงเมาแค่ไหนพรุ่งนี้ก็จะไปรับเธอ
มาทำแบบนี้ มารายงานกันแบบนี้อ่ะ...
มันไม่ต่างอะไรกับการที่เขากำลังแสดงออกว่าฉันเป็นแฟนเขาเลยนะ โหนบ้า
ฉันนอนไม่หลับจนถึงตอนเช้า ได้แต่ตื่นมาแปรงฟันด้วยท่าทางงัวเงีย
เพราะเขาแท้ๆ เลย เพราะโหนจูบฉันเมื่อเย็นวาน เลยทำให้ฉันเอาแต่นึกถึงแต่มันจนนอนไม่หลับแบบนี้
ฉันแปรงฟันไปก็ทำหน้ามุ่ยไป ตาปรือๆ มองกระจก ก่อนที่จะบ้วนปาก
ไม่ไหวเลยนะเรา
ฉันอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา มัดผมจุกลวกๆ แล้วเตรียมเสื้อกันหนาวสีเขียวแสบตาคู่ใจเพราะในคลาสมันหนาว ฉันมองตัวเองในกระจก แต่งหน้าปัดแก้มอ่อนๆ
เป็นนาทีที่ฉันยืนสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจก ดูว่าตัวเองน่ารักแล้วรึยัง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่แปลกมากเลย
ใช่สิ! ฉันนึกถึงโหนที่จะมารับเช้านี้แล้วก็เลยทำแบบนี้
นี่มันชักจะแปลกๆ แล้วนะ
ฉันส่ายหน้าให้ตัวเอง เลิกมองในกระจกแล้วถือกระเป๋า เตรียมโทรศัพท์มือถือกับเงินใส่กระเป๋าตังค์ พ่อแม่มักจะส่งเงินมาให้ฉันทุกเดือนเสมอ เพราะเค้าบอกว่าฉันมีหน้าที่ตอนนี้คือเรียนอย่างเดียว
แต่ถามว่าห้ามเรื่องแฟนมั้ย ก็มีเคืองๆ บ้าง แต่ไม่ถึงกับกีดกันไม่ให้มีเลย ถ้ามีก็คงไม่ว่าอะไร แค่อาจจะยังไม่ให้อยู่ด้วยกัน... มั้ง
ฉันคิดได้แบบนั้นก็หน้าร้อนขึ้นมา
คิดอะไรอยู่! ไม่ได้อยากมีแฟนแล้วซะหน่อย ก็บอกไปแล้ว
“เฮ้อ” ฉันพ่นลมหายใจตอนที่เอื้อมมือไปเปิดประตู แต่ก็แทบเด้งตัวกลับไปข้างในอย่างรวดเร็ว “อะ! ทะ ทำไมไม่เคาะประตู”
เพราะโหนอ่ะ โหนยืนเล่นโทรศัพท์รออยู่หน้าประตู เหมือนเขายืนรอฉันมาสักพักแล้ว
“เผื่อแต่งตัวอยู่” เขาพูดออกมาสั้นๆ ฉันหน้าร้อนวาบ เพราะพอเขาพูดถึงเรื่องนี้ ฉันก็เผลอพาลไปคิดถึงคืนนั้นที่เขาพลั้ง “ไปเหอะ วันนี้เธอมีเรียนเช้า”
“อะ... อือ” ฉันครางรับ ก่อนที่จะเดินตามเขาต้อยๆ
มาสังเกตดูแล้ว ตัวของโหนสูงมาก แล้วเขาก็ดูจะมีเนื้อมีหนังขึ้นด้วยนะช่วงนี้ พอใส่เสื้อฮู้ดเปิดแขนแบบนั้นเห็นกล้ามแขนนิดๆ ด้วย
นี่เขาเริ่มเล่นกล้ามแล้วเหรอ?
แปลกเนอะ ปกติไม่ยักจะคิดเล่น เห็นโหนบอกว่าต้องกินอัดเยอะๆ เขาเป็นคนกินน้อย ไม่ค่อยชอบ
ทำไมถึงเล่นกันนะ
“กินยาคุมดิ เดี๋ยวก็ท้องหรอก”ร่างเล็กพยักหน้าหงึกหงัก เธอเดินมาข้างนอก หยิบยาเม็ดเล็กๆ ที่ผมแกะวางไว้ในถ้วยไว้ให้เธอได้หยิบกินง่ายๆ เธอกินน้ำตาม ก่อนที่ผมจะดีดบุหรี่ลงระเบียง แล้วเดินเข้ามาหาเธอที่ตอนนี้ใส่ชุดของผมอยู่ปลายนิ้วมือที่แข็งกระด้างของผมไล้ไปตามเอวคอดเล็กของเธอ ก่อนที่จะโอบทั้งตัวของเธอเข้ามาในอ้อมแขน“หะ... โหน” เธอที่วางขวดน้ำลงบนโต๊ะหันกลับมามอง ผมกอดเธอไว้แน่น รู้สึกกลัวที่จะทำให้เธอท้อง“กินยาคุมไว้”“...”“เรายังไม่อยากให้เธอท้อง”ตั้งแต่วันนั้น เราก็แทบไม่ได้คุยอะไรกัน ไม่รู้เพราะที่ผมพูดไปว่าผมไม่อยากให้เธอท้องรึเปล่า“เค้าเคยคิดพิเรนทร์ๆ นะ ว่าไม่ก็อยากท้องไปเลย จะได้เลิกเรียนอะไรแบบนี้ซะที”“ช่วยทำให้เค้าท้องที... เค้าอยากเลี้ยงเด็กมากกว่าเรียนหมออีกอ่ะ”ช่วยไม่ได้ที่พอหลังจากหลั่งใน ในหัวผมก็นึกถึงคำพูดนั้นของเธอขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ที่เธอทำแบบนั้นโดยที่ไม่รู้สึกตัว เผลอหนีบขากับเอวผมเพื่อให้ผมหลั่งในตัวเธอผมอดคิดไม่ได้ว่าเพราะเธออยากหลุดพ้นจากการเรียนหมอ เลยเอาเรื่องมีอะไรกับผมมาเป็นข้ออ้างเพื่อที่จะได้ท้อง แล้วสุดท้ายเธอก็จะไปจากผม ไปกับใครสักคนที่ดีกว่ารู้ว
“ไอ้หื่น” เขาชกแก้มฉันไปเบาๆ หนึ่งทีราวกับจะแก้เขิน ร่างสูงทำท่าเหมือนจะหันหน้าหนี แต่ฉันก็คว้าข้อมือเขามาประสานมือเอาไว้แน่น“ถ้ารู้ว่าเค้าหื่น” ฉันกระซิบชิดแก้มเขา ตอนที่แอบเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้โหนอีกนิดอย่างหยอกล้อ “ก็สนองนี๊ดเค้าหน่อยสิ เชื่อมั้ยว่าเราไม่เจอกันมากี่วันแล้ว”“มันเกี่ยวด้วย?” เขาย้อนกลับมา ราวกับจะไม่ยอมทำตามความต้องการของฉันง่ายๆ โหนนี่เล่นตัวมากกว่าที่คิดนะเนี่ยฉันทำหน้ามุ่ยออกมาทันที“เกี่ยวสิ” ฉันย้ำกับเขา พร้อมกับนึกอะไรทะเล้นทะลึ่งขึ้นได้ฉันคว้ามือหนาของโหนมาสัมผัสที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง ร่างสูงเบิกตากว้าง ในขณะที่หัวใจฉันเองก็เต้นตึกตักสู้มือเขา“...!”“ถ้าไม่คิดถึง คงไม่เต้นแรงขนาดนี้หรอกเนอะ”โหนไม่แม้แต่จะตอบอะไรกลับมา เขาสบตาฉัน ในขณะที่ฉันเองก็มองใบหน้าเขาอย่างต้องการ มือของเราทั้งคู่ต่างคนต่างจับที่หน้าอกของกันและกัน แล้วฉันก็พบว่าหัวใจของโหนเองก็เต้นสู้มือไม่ต่างกันเลย“แสบจริงว่ะ” โหนแค่นหัวเราะ ตอนนั้นเขาขยำหน้าอกฉันแรงขึ้นจนฉันสะดุ้งน้อยๆ หัวใจเต้นโครมครามเมื่อเขาค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ แล้วกดริมฝีปากลงมาอย่างอ้อยอิ่งโหนแทรกลิ้นอุ่นๆ เข้าม
ผมผละมือออกจากคอเสื้อมันทันที เด็กเกษตร? สามวันที่ผ่านมา มันตามติดผมอยู่เหรอวะ รู้เหรอว่าผมไปไหนกับใคร“ถ้ากูไปจริงๆ” ผมพูดมันออกมาจนได้ “แต่กูกะเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน ขอให้มึงเลิกยุ่งกับชูใจได้มั้ยวะ”“เหี้ยจริงๆ นะไอ้โหน” มันสบถออกมา ผลักไหล่ผมที่ไม่มีแรงเพราะแฮงค์จนเซไปอีกทาง “ที่กูยกพวกไปซ้อมมึงก็ไม่ใช่เหตุผลที่ไหน เพราะกูเห็นว่ามึงเองก็ไม่ได้มีชูใจคนเดียว”“...”“กูเคยบอกเมื่อนานมาแล้วใช่มั้ยที่กูยอมถอยให้มึง ว่าถ้ามึงทำให้ชูใจเสียใจ ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง”“...”“กูก็จะกลับมารักชูใจต่อไป”ผมนิ่งไป ในวินาทีนั้นผมเห็นว่าชูใจยืนอยู่ข้างหลังผมตอนที่เซไปหาเธอ พอหันกลับไปมอง สีหน้าของชูใจที่มองผมนั้นเต็มไปด้วยความเสียใจเธอคงเชื่อไอ้พันไปโดยไม่ทันคิด แต่ตอนนี้มันก็ผิดที่ผมเอง ผมพูดมันออกไปแล้วว่ะว่าผมเองก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนแค่กับเธอ การที่ผมโมโหที่เธอไปกับพัน นั่นก็เป็นเพราะผมแค่หวงของเอาจริงๆ แล้วผมมันก็แค่“เราจะไม่ถามหรอกนะว่าโหนไปกับใคร” ชูใจที่ยืนอยู่ข้างหลังผมพูดออกมา เธอพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลต่อหน้าผม “ไม่ถามด้วยว่าคนๆ นั้นอยู่ในสถานะอะไรกับโหนระหว่างที่คบกับเราอยู่”“...”
“สามวันที่เค้าหายไป เธอทำไรลงไปบ้างชูใจ”“...”“คงไม่ได้ไปมีอะไรกับมันต่อจากมีกับเค้าใช่ปะ” ผมสบถ พ่นคำหยาบคายใส่เธออย่างทนไม่ได้พอเห็นว่าเธอได้แต่ยืนอึ้งไม่ตอบเหี้ยอะไร “มันโดนใจใช่ปะ มันดีกว่าเค้าใช่ปะ”เพี้ยะชูใจตบหน้าผมทันที นี่เป็นครั้งแรกที่เธอตบผมหลังจากที่เราคบกันมาหลายปี มันไม่แรง แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกได้“พะ... พูดแรงไปแล้วนะโหน”“...”“เค้ากลับกับพันจริงๆ แต่นั่นก็เพราะว่าโหนไม่มาเจอเค้าไม่ใช่เหรอ” ผมแค่นหัวเราะออกมาเสียงดังทันที แค้นใจชิบหาย สุดท้ายเธอก็เลือกมัน“ถ้าเธอเลือกจะไปกับมัน”“...”“ก็ยอมเป็นของเค้าอีกคืนได้ปะ” ผมหันกลับมามองตาเธอ คราวนี้แววตาผมวาววับไปด้วยแรงอาฆาต “แต่คราวนี้... เค้าจะปล่อยใน”[จบพาร์ท : โหน]เพี้ยะฉันตบโหนไปอีกที ตบเพราะเขาพูดคำว่าจะปล่อยในเพราะโกรธที่ฉันกลับกับพันแต่ฉันพูดอะไรไม่ได้ ในเมื่อหลักฐานมันคาตา ฉันคุยกับพันลับหลังเขา มันอาจดูเหมือนนอกใจนะ แต่ฉันไม่ได้มีเจตนาจริงๆ ฉันก็แค่ปรึกษาพันเรื่องที่เขาหายไปสามวันเต็ม พันตอบกลับมาว่าเห็นเขาไปกับผู้หญิงคนอื่นฉันยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะโหนรักฉันมานานขนาดนั้น แล้วก็ไม่เคยเห็นเขาจะนอกลู่นอกทางจากฉัน
“บ้าจัง”ฉันหน้าแดง เพราะหลังจากวันนั้นที่เรามีอะไรกันเป็นครั้งแรก ในหัวฉันก็ล่องลอย คอยนึกถึงแต่โหนนึกถึงสัมผัสของเขา นึกถึงร่างกายของเขา ริมฝีปากของเขานี่ฉันกำลังอยู่ในอาการอะไรเหรอ ใช่อาการหลงแฟนตัวเองรึเปล่าพูดแล้วก็เอามือมาอังแก้มร้อนๆ ของตัวเอง วันนี้ฉันมาเรียน แต่ก็แทบไม่รู้เรื่องเลย จริงๆ ก็ตั้งแต่คบกับโหน ความรู้ก็ไม่ค่อยเข้าหัวตั้งแต่วันนั้น เพราะในสมองฉันเอาแต่วนเวียนคิดถึงแต่เขาฮึ เป็นเอามากนะชูใจโหนหายหน้าไปสามวันเต็มหลังจากวันนั้น มีเพียงแค่แชทเฟสที่ติดต่อมาเรื่อยๆ โทรหาบ้างบางครั้ง แต่เหมือนว่าเขาจะมีปัญหาอะไรบางอย่าง ฉันก็กังวลนะ แต่... ไม่รู้สิก็ที่คิดอยู่ในหัวมีแต่เรื่องที่ว่าอยากทำอะไรกับเขาอีกอ่ะมันน่าอายที่สุดเลยนะ ตั้งแต่วันนั้นก็คิดถึงแต่สัมผัสของเขา ความรู้สึกดีๆ ในวันนั้นฉันอยากทำกับเขาอีกอ่ะ อยากทำอีก!แต่ก็ได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจ เพราะว่าโหนหายหน้าไปสามวันแล้ว ทิ้งให้ฉันนอนเหงาอยู่คนเดียวมารับก็ไม่มารับ มาส่งก็ไม่มา มันน่างอนมั้ยอ่ะงอนจริงๆ แล้วนะฉันอมลมเข้าปากจนแก้มป่อง กดอ่านแชทเฟสที่โหนตอบกลับมาแล้วทำทีไม่ตอบ ดีล่ะ วันนี้ฉันจะกลับบ้านคนเดียวจนเล
หลังจากทักกันหลังจากนั้น ฉันก็รอโหนตากผ้าปูที่นอนที่โซฟาอย่างว่าง่าย แถมยังยืมเสื้อเขามาใส่ด้วย... โดยที่ไม่ใส่บรา เพราะปวดหน้าอกนิดหน่อยเพราะแรงขยำของโหนเสื้อโหนหอมน้ำยาปรับผ้านุ่ม เป็นกลิ่นที่ละมุนไม่เข้ากับเขาเลยโหนเดินเข้ามาหลังจากที่ฉันแอบดมฟุดฟิดอยู่กับเสื้อยืดของเขาไม่กี่นาที ฉันรีบทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ทำเป็นไม่ได้ดมเสื้อเขาแล้วทำท่าทางปกติ ในขณะที่หน้าแดงตอนที่เห็นว่าเขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงบ็อกเซอร์ ร่างกายโหนที่เปลือยท่อนบนทำให้ฉันนึกไปถึงเรื่องที่เรา...แง“เหม็นกลิ่นบุหรี่มั้ยวะ” เขาเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า มือก็ไล่กลิ่นควันบนตัว“เหม็น” ฉันตอบ แล้วเอานิ้วปิดจมูก “คนตัวเหม็น”“ไอ้นี่” เขาพูดขำๆ แล้วขยี้หัวฉันไปหนึ่งทีด้วยความเอ็นดู “แต่ก็ไม่เท่าคนที่เสียวจนฉี่ราดหรอกมั้ง”พอเขาพูดถึงเรื่องนี้หน้าฉันก็หงอยสนิทใจ ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาเขา“... รังเกียจเหรอ”“ว่าไงนะ” โหนย้อนถามเมื่อเห็นว่าฉันพูดเสียงเบา ฉันเลยเบ้หน้าออกมา“หะ... โหนรังเกียจใช่มั้ยอ่ะ ก็เราฉี่ราดใส่โหนตอนที่มีอะไรกัน” ฉันพูดแล้วก็น้ำตาคลอ เพราะขายหน้าเกินทน โหนคงชอบฉันไม่ลงแล้วล่ะ พอได้เห็นฉันทำตัวน่าเ