LOGINพลั่ก!
“ไอ้โหน ไอ้บ้า!” ทันทีที่จบคำสารภาพ หมอนก็ถูกขว้างมาฟาดหน้าผมเต็มแรงด้วยมือของชูใจ เธอเปลี่ยนอารมณ์จากหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่โคตรอายสุดขีดเปลี่ยนเป็นโมโหสุดใจ “ฉวยโอกาสอ่ะ ทำไมถึงทำแบบนี้!”
“ก็เราเมา” ผมปัดหมอนอีกใบที่เธอขว้างใส่ ก่อนที่จะผุดลุกขึ้นไปคว้าข้อมือเธอไว้เมื่อเห็นว่าร่างเล็กทำท่าจะปาตุ๊กตาหมีใส่ผมอีก “เราเมาทั้งคู่ เรารักเธอมานานนะชูใจ เราไม่เคยทำไรเธอมาตลอดที่คบนะเว้ย”
“...”
“แต่วันนั้น... แม่งเมาจริงๆ” ชูใจนิ่งไป ลดมือลงตอนที่ผมผ่อนแรงกำข้อมือเธอ ร่างเล็กเม้มปากแน่น ชักมือออกมากอดตัวเอง
“ระ... เรารับไม่ได้อ่ะ ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเคยเห็นแม้แต่พ่อเราเอง” เธอพูดแล้วหน้าขึ้นสี “แล้วยิ่งเป็นโหนที่เป็นเพื่อนสนิท... เราไม่รู้เลย ว่าเราต้องรู้สึกยังไง”
ในวินาทีนั้น คำว่าเพื่อนสนิทมันแทงใจผมอย่างแรง
“มองเราเป็นมากกว่านั้นไม่ได้เหรอวะชูใจ” ผมพูดกับเธอ อ้อนวอนเธอ “เราขอโทษที่ทำมันลงไป เราแค่พลั้ง แต่เราเชื่อว่าเราจริงใจกับเธอ”
“...”
“เราจริงจังว่ะ มองเราเป็นผู้ชายคนนึงสักทีดิ”
“แต่โหน...” ชูใจตั้งท่าจะพูด แต่ผมไม่อยากจะฟัง ผมเลื่อนหน้าเข้าไปแนบจมูกลงกับจมูกเล็กๆ ของเธอ ก่อนที่จะกดริมฝีปากลงไป ประทับจูบหนักแน่นกับกลีบปากบางของเธอ
ชูใจเบิกตากว้าง เพราะผมลืมตาอยู่ผมเลยเห็น ผมไม่อยากเป็นผู้ชายที่เธอไม่ชอบ แต่อดไม่ไหวที่จะแสดงให้เธอรู้ว่าผมรักเธอมากแค่ไหน ผมอยากได้เธอเป็นแฟนมากแค่ไหน
ไม่รู้ว่าไอ้จูบนี้จะทำให้เธอรู้ไปถึงไหน
แต่ผมรู้แค่ว่า ผมอยากทำ
แล้วผมก็จะทำ
“... โหน” ชูใจเรียกชื่อผมเสียงอ่อนตอนที่ผมผละออกไป ผมเงยหน้าขึ้นมองปากเธอ หลบตาเธออย่างรวดเร็ว
“โทษนะ”
“...”
“อดไม่ไหว” ชูใจหน้าขึ้นสีเหมือนมีใครเอาสีแดงมาป้ายหน้าเธอ ผมพูดไรไม่ออกเมื่อเห็นปฏิกิริยานั้น เม้มปากแน่นตอนที่กำมือแน่นแล้วเอื้อมมือไปลูบหัวเธอหนักๆ แบบจงใจทำมันไปลวกๆ “ทีนี้ก็รู้แล้ว เรากลับก่อนละกัน”
“...”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามารับเธอแต่เช้า”
“...”
“รอด้วยนะ”
[จบพาร์ท : โหน]
ฉันนั่งนิ่งอยู่ภายในห้อง ทั้งตัวอยู่ในชุดนอน พร้อมกับแว่นตากรองแสงที่ใส่เวลาเล่นคอมพิวเตอร์ หน้าจอตอนนี้เป็นไทม์ไลน์เฟสบุ๊ค มีโพสน์ล่าสุดของโหน เป็นสิ่งที่เขาแชร์มาจากเพจแนวโพสน์ระบายความในใจ
ใจความนั้นน่ะ
‘รักเธอ แต่เธอไม่รู้’
1990’s
ตึกตัก
ทำเอาฉันใจเต้นเลยนะ
หลังจากโหนกลับไป ฉันก็รู้สึกเหมือนตัวเองลอยละล่องไปในอากาศตอนที่รู้สึกได้ว่าเขาจูบฉัน ริมฝีปากที่หยาบกร้านเพราะไม่ได้ทาลิปมัน แต่กลับอบอุ่นอย่างประหลาด เขาไม่ได้ทำมากไปกว่าการแตะปาก แต่แค่นี้ก็ทำให้ฉันรู้สึก
แบบ... ยังไงดีล่ะ มันแปลกๆ นะ ที่มารู้สึกแบบนี้กับเพื่อนสนิท
มันหวั่นไหวไปทั้งใจเลย
“ฮือ” ฉันก้มหน้าลงซุกหมอนที่วางทับบนหน้าตัก เอาไว้วางศอกเวลาพิมพ์อ่ะ แต่ตอนนี้มันเป็นที่กำบังหน้าที่แดงก่ำของฉันเป็นอย่างดีเลย
โหนที่ฉันรู้จักมาตั้งแต่แรก เขาเป็นเด็กเกเรซ้ำชั้นหลายปีจนมาอยู่ชั้นเดียวกับฉัน เขาเป็นผู้ชายที่ดิบเถื่อน ไม่ใช่ผู้ชายสุภาพ แต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่เขาคอยปกป้องฉันตลอดเวลา
เมื่อไหร่ก็ไม่รู้... ที่ฉันเผลอให้เขาเอาตัวเข้ามาใกล้ชิดฉันมากขนาดนี้
ที่ฉันหยุดลิฟต์แล้วถามตอนนั้น เพราะอยากรู้แค่นั้นจริงๆ ฉันไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้เลย ก็เคยได้ยินเพื่อนที่คณะที่พอมีแฟนแล้วมาเล่าอย่างเปิดเผยให้ฟังอยู่เหมือนกัน แต่สำหรับฉัน... มันยังห่างไกลจากฉันมาก เพราะฉันไม่เคยมีแฟนเลย
พอมีแฟนเป็นพี่โอห์มคนแรก เขาดันเลวจนไร้ที่ติ จนฉันเกิดรู้สึกเข็ดกับเรื่องพวกนั้นขึ้นมา เพราะไม่คิดจะอยากมีกับใครด้วย แม้ว่าสำหรับโลกใบนี้ในปัจจุบันมันจะเป็นเรื่องทั่วไปมากก็ตามเถอะ
ไม่รู้สิ แต่พอเป็นโหน ก็ไม่รู้สึกว่าผิดอะไรนะ
... นี่ฉันคงเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ
“หวั่นไหวกับเพื่อนตัวเองนี่มันไม่ดีเลยนะ” ฉันงึมงำกับตัวเอง แว่นกรองแสงหล่นไปอยู่ตรงสันจมูกเล็กๆ ของฉัน ฉันดันมันขึ้นมา ก่อนที่จะรู้สึกว่ามีคนทักแชทเข้ามาหา
ใจฉันสั่นเมื่อเห็นว่าเป็นโหน
ชื่อ โหน : ส่งรูป
เขาส่งรูปมา เป็นรูปที่เขากำลังนั่งอยู่กับเพื่อนๆ ที่วิทยาลัยอาชีวะของเขา ทั้งที่ตลอดมาเขาไม่เคยทำแบบนี้กับฉัน อย่างมากก็มีแค่ฉันทักไปปรึกษา ไม่ก็เขาทักมาเพราะชวนคุยเรื่องที่มีเหตุผล
โหนไม่เคยแสดงออกมากขนาดนี้เลย
ติ๊ง
ฉันชะงักเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนข้อความอีกครั้งตอนที่กดอ่านแล้วปิดช่องแชทลงไป ฉันไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี แต่พอมันเด้งขึ้นมาอีกที
ชื่อ โหน : มากินเหล้ากับเพื่อนนะ
ชื่อ โหน : แต่ไม่ต้องห่วง ถึงเมาแค่ไหนพรุ่งนี้ก็จะไปรับเธอ
มาทำแบบนี้ มารายงานกันแบบนี้อ่ะ...
มันไม่ต่างอะไรกับการที่เขากำลังแสดงออกว่าฉันเป็นแฟนเขาเลยนะ โหนบ้า
ฉันนอนไม่หลับจนถึงตอนเช้า ได้แต่ตื่นมาแปรงฟันด้วยท่าทางงัวเงีย
เพราะเขาแท้ๆ เลย เพราะโหนจูบฉันเมื่อเย็นวาน เลยทำให้ฉันเอาแต่นึกถึงแต่มันจนนอนไม่หลับแบบนี้
ฉันแปรงฟันไปก็ทำหน้ามุ่ยไป ตาปรือๆ มองกระจก ก่อนที่จะบ้วนปาก
ไม่ไหวเลยนะเรา
ฉันอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา มัดผมจุกลวกๆ แล้วเตรียมเสื้อกันหนาวสีเขียวแสบตาคู่ใจเพราะในคลาสมันหนาว ฉันมองตัวเองในกระจก แต่งหน้าปัดแก้มอ่อนๆ
เป็นนาทีที่ฉันยืนสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจก ดูว่าตัวเองน่ารักแล้วรึยัง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่แปลกมากเลย
ใช่สิ! ฉันนึกถึงโหนที่จะมารับเช้านี้แล้วก็เลยทำแบบนี้
นี่มันชักจะแปลกๆ แล้วนะ
ฉันส่ายหน้าให้ตัวเอง เลิกมองในกระจกแล้วถือกระเป๋า เตรียมโทรศัพท์มือถือกับเงินใส่กระเป๋าตังค์ พ่อแม่มักจะส่งเงินมาให้ฉันทุกเดือนเสมอ เพราะเค้าบอกว่าฉันมีหน้าที่ตอนนี้คือเรียนอย่างเดียว
แต่ถามว่าห้ามเรื่องแฟนมั้ย ก็มีเคืองๆ บ้าง แต่ไม่ถึงกับกีดกันไม่ให้มีเลย ถ้ามีก็คงไม่ว่าอะไร แค่อาจจะยังไม่ให้อยู่ด้วยกัน... มั้ง
ฉันคิดได้แบบนั้นก็หน้าร้อนขึ้นมา
คิดอะไรอยู่! ไม่ได้อยากมีแฟนแล้วซะหน่อย ก็บอกไปแล้ว
“เฮ้อ” ฉันพ่นลมหายใจตอนที่เอื้อมมือไปเปิดประตู แต่ก็แทบเด้งตัวกลับไปข้างในอย่างรวดเร็ว “อะ! ทะ ทำไมไม่เคาะประตู”
เพราะโหนอ่ะ โหนยืนเล่นโทรศัพท์รออยู่หน้าประตู เหมือนเขายืนรอฉันมาสักพักแล้ว
“เผื่อแต่งตัวอยู่” เขาพูดออกมาสั้นๆ ฉันหน้าร้อนวาบ เพราะพอเขาพูดถึงเรื่องนี้ ฉันก็เผลอพาลไปคิดถึงคืนนั้นที่เขาพลั้ง “ไปเหอะ วันนี้เธอมีเรียนเช้า”
“อะ... อือ” ฉันครางรับ ก่อนที่จะเดินตามเขาต้อยๆ
มาสังเกตดูแล้ว ตัวของโหนสูงมาก แล้วเขาก็ดูจะมีเนื้อมีหนังขึ้นด้วยนะช่วงนี้ พอใส่เสื้อฮู้ดเปิดแขนแบบนั้นเห็นกล้ามแขนนิดๆ ด้วย
นี่เขาเริ่มเล่นกล้ามแล้วเหรอ?
แปลกเนอะ ปกติไม่ยักจะคิดเล่น เห็นโหนบอกว่าต้องกินอัดเยอะๆ เขาเป็นคนกินน้อย ไม่ค่อยชอบ
ทำไมถึงเล่นกันนะ
“อะ!” เธอหลุดครางเสียงดังนิดหน่อยเมื่อผมดูดดึงหน้าอกเธอผ่านผ้า ผมไม่อยากถอดอะไรในตัวเธอออก เพราะตอนนี้ถึงมันจะมืดมาก แต่ก็เป็นที่สาธารณะ แม้ว่าผมจะแทบทนไม่ไหวแล้วก็ตามผมดูดจนผ้าเธอเปียกน้ำลาย เห็นรอยยอดอกสีชมพูเข้มจางๆ ที่ดูเหมือนจะเข้มกว่าตอนที่เป็นแฟนกันเพราะเธอมีลูกแล้ว ผมจูบปากชูใจอย่างดูดดื่ม แลกลิ้นให้กัน ในขณะที่จะกัดปากเธอจนห้อเลือด“อื้อ โหน” เธอครางแล้วเริ่มจูบผมตอบกลับมา ผมถูกเธอผลักจนกึ่งนั่งกึ่งนอน ชูใจที่ถูกเลิกเสื้อจนเห็นชั้นในถอดเสื้อผ่าหลังออกทางศีรษะ แล้วขึ้นคร่อมผมอย่างใจกล้า “... จะไม่ให้ไปไหนแล้วนะ”เธอพูดแบบนั้น ผมจ้องหน้าเธอ เวลาผ่านไปเกือบปีชูใจเปลี่ยนไปขนาดนี้เชียวเหรอวะ ทั้งเซ็กซี่ ทั้งร้อน...“... อึก” ผมครางออกมาเบาๆ ในลำคอเมื่อถูกไล้ปลายนิ้วไปตามช่วงท้อง ชูใจเลิกเสื้อผมขึ้น ในขณะที่ใบหน้าจิ้มลิ้มก็เลื่อนมาดูดปากผมอย่างแนบแน่นเธอจูบเก่งจังวะ เคลิ้มเลยเนี่ย“อื้อ” แต่มือผมก็ไม่ปล่อยให้ว่าง ผมขยำหน้าอกเธอแรงๆ จนชูใจกระตุกนิดๆ เธอถูกผมต้อนจนมุมเหมือนอย่างเคย ในขณะที่ผมจะจงใจย้ำฝ่ามือลงหนักขึ้นแต่ใช่ เธอเองก็ร้ายใช่ย่อยมือเล็กๆ ของชูใจเลื่อนไปขยุ้มที่ใจกลาง
ฉันกลับมาแล้วล่ะจริงๆ ก็เพิ่งบินลงมาที่กรุงเทพเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี่เอง ฉันกลับมาพร้อมกับลูก อุ้มลูกบินข้ามน้ำข้ามทะเลจากญี่ปุ่นมาที่ไทย เพื่อกลับมาสู่ชีวิตเดิมๆ ที่เคยเป็นอยู่พ่อแม่ดูดีใจที่เห็นหลาน แม้ว่าเวลาเกือบปีจะทำให้พวกเขาแทบไม่ค่อยเปลี่ยนไปก็ตาม แต่ไม่ได้บังคับอะไรฉันมากมายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อีกอย่างตอนที่ฉันตัดสินใจบินไปที่ญี่ปุ่นกับพี่ชาย ฉันเข้าร่วมงานการ์ตูน ออกบู้ทมากมายเพื่อปรับปรุงฝีมือตัวเองที่ทิ้งหายไปนาน โดยมีพี่ชุนคอยดูแลบำรุงฉันที่ท้องโตขึ้นเรื่อยๆ อยู่เสมอฉันไม่ใช่นักวาดการ์ตูนที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น แต่ก็พอมีคนรู้จักทั้งต่างประเทศ ญี่ปุ่น และประเทศไทย นามแฝงของฉันคือ ‘Peach’ฉันเริ่มทำงานด้วยการวาดสีน้ำขาย ก่อนที่จะปรับปรุงมาซื้ออุปกรณ์สำหรับวาดภาพในคอมพิวเตอร์ เม้าท์ปากกา โปรแกรมวาดรูปอะไรต่างๆ ที่ต้องซื้อมาอ้อ ฉันสักแบบมินิมอลเล็กๆ ตามจุดต่างๆ ของร่างกายด้วยนะ ขออนุญาตพี่ชายแล้วล่ะ มันก็ดูน่ารักดีเหมือนกัน มุมมองของฉันที่เคยมีต่อคนสักเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลย ตั้งแต่มาคบกับโหน ฉันก็สนใจอะไรที่ตัวเองไม่ค่อยจะได้สัมผัสมากขึ้นอีกอย่างได้เรียนรู้แฟชั่นของญี่ปุ่
[พาร์ท : โหน]เป็นเกือบปีที่โคตรทรมานใช้ได้ถามว่าทำไมก็ตั้งแต่ที่ไปเคลียร์กับไอ้ลูกโชนวันนั้น มันก็ถอนหมั้นชูใจทันที แต่สาเหตุก็คงเพราะชูใจยังตั้งท้องกับผม ผมไม่รู้ว่ามันได้สารภาพเรื่องที่มันคบซ้อนหรือไม่ แต่ผมไม่สนเท่าไหร่ ขอแค่มันถอนหมั้นก็เป็นพอจะบอกว่าลูกทำให้ผมมีแรงผลักดันโง่ๆ ในเฮือกสุดท้ายก็ได้ และแม่งก็คงโง่จริงๆ เพราะหลังจากที่พ่อแม่เรียกชูใจมาคุยเรื่องที่ไอ้ลูกโชนถอนหมั้น ชูใจก็ตัดสินใจกลับต่างประเทศไปกับพี่ชายเธอ เห็นสายเพื่อนผมมันบอกมาว่าเธอจะอยู่ที่นั่นเป็นปีๆ จนกว่าจะคลอดลูก... ไม่รู้เธอจะกลับมาอีกมั้ยผมกระดกเหล้าลงคอ หลังจากวันนั้นก็ขอมาทำงานในร้านเหล้ากับพ่อ ทำมาได้เกินเกือบปีแล้วว่ะ แต่เป็นเกือบปีที่ผ่านไปได้อย่างยากลำบากผมไม่ได้เหนื่อยกับการรอคนที่ผมรัก เพราะตอนที่แอบรักเธอตอนสมัยเรียน ผมก็ทนมันได้เป็นปีๆแต่ความคิดถึงนี่ดิ มันผ่านยากมากว่ะผมนั่งคิดถึงเธอทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเวลาทำงาน เวลานอน ทุกวินาทีลมหายใจผมมีแต่ชูใจคนเดียวเท่านั้น ผมตัดสินใจเลิกยุ่งกับใครๆ เพราะผมจะกลับมาหาเธออย่างเด็ดขาดแต่เธอหายไปในที่ที่ไกลเกินเอื้อมถึง เอาตรงๆ ก็ไม่มีเงินตามเธอไปด้วย ไม
ผมมาดักรอไอ้ลูกโชนที่ร้านเหล้าเดิมๆ มาเพื่อจะคุยกับมัน เพราะถ้ามันยังคิดจะยื้อชูใจไว้ต่อไป ผมก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกันผมเห็นว่ามันโอบเอวแฟนตัวจริงมาด้วยกัน ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ผมค่อนข้างไม่คุ้นตา เธอสวย แต่คงไม่เท่าชูใจของกูผมยืนดูดบุหรี่รอ พวกมันเดินไปเต้นที่โต๊ะด้วยกัน ท่าทางกระหนุงกระหนิงทำให้ผมรู้สึกเดือดดาล เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากต่อยหน้ามันให้เละ แม้ว่าจากที่เคยสืบมา ตัวผมเองคงสู้กำลังมันไม่ได้ก็ตามจนมันย้ายมานัวเนียกันตรงจุดเดิม ผมเลยถือวิสาสะเดินไปขัด“ไอ้ลูกโชน” มันผละปากจากซอกคอของผู้หญิง ก่อนที่จะเลิกคิ้วมองผม ดูเหมือนไอ้ลูกโชนจะเมา“เหี้ยไร? มึงเป็นใคร” ผู้หญิงมองผมอย่างหวาดกลัว ผมแค่นหัวเราะที่มันเมามายจนจำหน้าผมไม่ได้ ก่อนที่จะผลักตัวหนาๆ ของมันจนเซไปทีนึง เพราะไอ้เวรนี่เมามากจนไม่มีสมรรถภาพจะพยุงร่างตัวเองได้เลย“กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”“...”“ตัวต่อตัว”“มึงมีไรจะคุยกับกูวะไอ้ขี้ก้าง” ไอ้ลูกโชนพูดอย่างเหยียดหยาม มันมองหน้าผมที่จ้องหน้ามันกลับไปอย่างแน่วแน่ ผมเองก็พร้อมเหมือนกัน ถึงจะรู้ว่าสุดท้ายผมอาจจะสู้มันไม่ได้ก็ตาม“เรื่องชูใจ” ผมตอบไปสั้นๆ มันแค่นหัวเราะทันที“
“เราทนใช้ชีวิตที่ไม่มีเธอไม่ได้ว่ะ” ผมกัดฟันแน่น เขย่าไหล่เธอเบาๆ อย่างออมแรง “ทั้งชูใจ ทั้งลูก เราต้องมีมันจริงๆ”“...”“ถ้าไปไม่ไหว ก็ขอให้คิดใหม่” ชูใจที่สบตาผมในระยะใกล้ ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา เธอมองหน้าผม ก่อนที่จะเม้มริมฝีปากแน่นและก่อนที่เธอจะได้อ้าปากตอบอะไรกลับมา ความใจร้อนของผมที่อยากได้เธอกลับมาก็ทำให้ผมเลื่อนหน้าเข้าไปจูบเธอหนักๆ ปากที่นุ่มละมุนของชูใจทำให้ผมกุมใบหน้าเธอไว้ ก้มหน้าลงอีกเมื่อรู้ตัวว่าตอนนี้ความสูงเรามันต่างกันเกินไปชูใจพยายามดันอกผมออก ทึ้งเสื้อผมจนมันยับ เธอพยายามดิ้นรนทุกทางที่จะทำให้เธอไม่ทรยศต่อความรักของไอ้ลูกโชน แต่ผมรู้ดี ความรักของแม่งมันเป็นของปลอมทั้งเพถ้าเธอยังเชื่อไอ้เหี้ยนั่นที่มันตอแหลสร้างภาพมาว่ารักหลงเธอนักหนาแบบนั้นลง ผมก็ขอยอมเป็นคนเลวซะดีกว่า ที่จะต้องพยายามทำให้เธอท้องอีกทีในคืนนี้สติผมเลือนราง พอๆ กับแรงผลักไสของชูใจที่เริ่มอ่อนลง ผมไล้ปากของผมไปตามปากเล็กๆ ของเธอ กัดปากล่างของร่างเล็กแล้วช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มตัวชูใจเล็กแถมเบาหวิว จนสงสัยว่าหลังจากเลิกกันเธอได้กินอะไรลงบ้างมั้ย ผมลืมตามองเธอระหว่างที่กำลังจูบซับน้ำตาให้เธอตอ
แกรกฉันรีบเปิดประตูออกไปอย่างลืมตัว ด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี ฉันเห็นว่าเป็นโหนในลุคที่ดูต่างไปจากเคย เกือบเดือนที่ไม่ได้เจอกัน เขาเปลี่ยนแปลงทั้งสีผม รอยสักที่เพิ่มมากขึ้น และการแต่งตัวโหนที่ยืนจ้องหน้าฉันอยู่ที่หน้าประตู ฉันจ้องตาเขากลับไปเช่นกันแต่สิ่งที่ปรากฏในแววตาของเขา ฉันเห็นว่ามันเต็มไปด้วยความ... โหยหา?“... มาทำไมเหรอ” ฉันถามยิ้มๆ พยายามทำตัวเป็นปกติที่สุดกับเขา ยังไงก็ยังอยากเป็นเพื่อนเขาอยู่นะ ถึงเขาจะเริ่มต้นใหม่ไปแล้วก็ตามฉันคงเหมือนผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่ง ที่ผลักเขาออกไป ทำเหมือนโกรธเขาซะมากมาย แต่สุดท้ายก็โกรธไม่ลง แถมยังขาดเขาไม่ได้อยู่แบบนี้อีกโหนมองหน้าฉัน เขาฉีกยิ้มบางๆ กลับมา“คิดถึงเฉยๆ”“...!”“ผิดมั้ย ถ้ายังคิดถึงเธอ”ฉันนิ่งค้างไป นึกคำพูดออกมาไม่ได้เลย กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวเขาบ่งบอกว่าโหนคงจะเมา เพราะเขาเมาใช่มั้ย... เขาถึงมาที่นี่แต่ก็เพราะเมาอีกนั่นล่ะ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลย“ผิดสิ” ฉันตอบกลับไป ทั้งๆ ที่ในใจสั่นไหวจนแทบบ้า นี่มันผ่านไปกี่วันแล้วนะ ที่ฉันไม่ได้ยินคำนี้จากเขา “เรามีแฟนแล้วนะ โหนก็มีแฟนแล้วเหมือนกัน”“...”“ถ้าแฟนโหนรู้ว่าโหนมาหาเรา...







