“ถ้าหากเป็นแบบนี้ก็อยู่ใกล้ผมหน่อย และคุณก็สามารถทำงานได้ คุณคิดว่าอย่างไรครับ?”จ้าวเฉียวอวิ๋นพยักหน้าติดต่อกัน: “ได้สิ ได้สิ”จู่ ๆ เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดว่า: หน้าร้านของที่นี่คงจะแพงมากสินะ?”“หรือว่าช่างมันเถอะ”หลินเฟิงยิ้มแล้วพูด: “วางใจเถอะครับ เงินแค่นี้ผมยังมีอยู่ครับ”“งั้น…ต้องขอบคุณมาก ๆ นะคะ ฉันไม่รู้เลยว่าควรจะขอบคุณคุณอย่างไร?”จ้าวเฉียวอวิ๋นพูดขอบคุณหลายครั้ง: คือว่า ฉันพาเสวี่ยฮุ่ยไปอยู่ด้วยได้ไหมคะ คุณวางใจได้พวกเราไม่มีทางหนีไปไหนแน่นอน”หลินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย: คุณน้าจ้าว คุณไม่ไว้ใจผมใช่ไหมครับ?”เธอระแวงในตัวเขาถึงขนาดนี้ พูดว่าไม่เสียใจนั่นก็เป็นไปไม่ได้ในเมื่อเขาจริงใจต่อพวกเธอแต่อีกฝ่ายกลับระแวงเขาตั้งหลายครั้งหลายหนจ้าวเฉียวอวิ๋นรีบส่ายหน้า เมื่อเห็นว่าหลินเสวี่ยฮุ่ยไม่อยู่ เธอถึงได้พูดขึ้นมา: “ไม่ใช่นะ อันที่จริง…สถานการณ์ของเสวี่ยฮุ่ยคุณน่าจะรู้ดี”“เธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของฉัน คุณก็รู้สินะคะ…”“แน่นอนครับ พูดตามตรงนะครับ ครั้งแรกที่ผมไปร้านของคุณ ก็เพราะจะไปหาหลินเสวี่ยฮุ่ย” หลินเฟิงเห็นเธอเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา เขาก็ไม่ได้ป
กลางดึก ที่ลานบ้านตระกูลหลี่ว์ หลี่ว์เจิ้งหยางมายังห้องหนังสือของพ่อหลี่ว์เฉิงเลี่ยงเห็นลูกชายของเขามาถึง ก็วางหนังสือที่อยู่ในมือลง และถามเขาขึ้นมา: “ได้ยินว่าวันนี้ไปงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ตระกูลหลี่ นายแสดงออกเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”“แม่ง โชคไม่ดีครับ”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดด่าทอ: “ความโดดเด่นของวันนี้แม่งถูกหลินเฟิงคนนั้นแย่งไปจนหมด”“วันนี้ไม่เพียงเลขาผู้ว่าที่มา แม้แต่ตระกูลถังคนเหล่านั้นก็มากันหมด อีกทั้งยังเป็นฝ่ายเชิญหลินเฟิงไปเป็นแขก”“ทำให้ผมเสียหน้าเป็นอย่างมาก”หลี่ว์เฉิงเลี่ยงพูดสั่งสอนขึ้นมา: “ช่างเถอะ ไม่ต้องใส่ใจกับเรื่องเล็กแค่นี้ ตอนนี้ลูกควรจะคิดหาวิธีที่จะเอาตำรับยาปรับประสานพลังมาให้ได้”“ผมก็อยากนะครับ แต่ตอนนี้หลี่ฮุ่ยหรานไม่เชื่อมั่นในตัวผมเป็นอย่างมาก” หลี่ว์เจิ้งหยางพูดบ่นด้วยสีหน้าจนปัญญาหลี่ว์เฉิงเลี่ยงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น: “ดูท่าฉันคงจะต้องออกโรงด้วยตัวเองแล้ว”หลี่ว์เจิ้งหยางได้ยินแบบนี้ก็พูดเตือนทันที: “พ่อ พ่ออย่ามองข้ามหลินเฟิงคนนี้นะ ผมรู้สึกว่าไอ้หมอนี่ไม่ธรรมดาหลี่ว์เฉิงเลี่ยงได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มในทันที: “ฮ่าฮ่าฮ่า...ถ้าหากเขาม
หลี่ว์เฉิงเลี่ยงรีบพูดขึ้น: “สหายน้อยหลินไม่จำเป็นต้องรีบปฏิเสธกันถึงขนาดนี้ ผมไม่ได้จะบังคับเอาตำรับยานี้จากคุณสักหน่อย พวกเราตระกูลหลี่ว์สามารถจ่ายเงินซื้อได้”“อีกอย่าง ต่อไปพวกเรายังสามารถร่วมงานกันได้”“สหายน้อยหลินมีความสามารถมากมาย หรือว่าคุณอยากจะให้ถังหว่านเลี้ยงดูไปตลอดชีวิตเหรอ?”หลินเฟิงได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะออกมาทันทีเห็นเขาไม่ได้ตอบโต้ หลี่ว์เฉิงเลี่ยงคิดว่าเรื่องนี้ยังมีความหวังอยู่ จึงพูดขึ้นทันที: “สหายน้อยหลิน พวกเราตระกูลหลี่ว์ถึงแม้จะไม่ใช่ตระกูลร่ำรวยอะไร แต่ถ้าหากมีความร่วมมือของสหายน้อยหลิน”“พวกเราร่วมมือกัน สร้างสถานการณ์ที่ชนะร่วมกันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้นะครับ”หลินเฟิงรีบยกมือขึ้นขัดจังหวะ: “พอแล้ว ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ตำรับยาปรับประสานพลังผมไม่มีทางเอาให้พวกคุณ และก็ไม่มีทางที่จะร่วมมือกับพวกคุณตระกูลหลี่ว์”“คุณกลับไปได้แล้ว”ตระกูลถังมีพลังอำนาจแบบไหนกัน ตัวเองกินอิ่มอยู่สบายแล้วยังจะดันทุรังหาเรื่องไปแสวงหาสิ่งที่อยู่ไกลตัว ไปร่วมมือกับตระกูลหลี่ว์หรือไงหลี่ว์เฉิงเลี่ยงขมวดคิ้ว: “สหายน้อยหลิน นี่เป็นโอกาสดีที่คุณจะสร้างเนื้อสร้างตัว ผมหวังว่า
หลายวันมานี้หลินเฟิงเข้ากรรมฐานฝึกวิทยายุทธ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็ไม่กล้ารบกวนกลางวันเรียนหนังสือ ตอนที่ไม่มีเรียนก็ไปช่วยเหลือที่ร้านเล็ก ๆ ของแม่ตัวเองจ้าวเฉียวอวิ๋นก็เปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมา เมื่อถึงเวลาอาหารก็ยุ่งจนทำไม่ทันคืนนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยช่วยแม่ของเธอเก็บกวาดร้านอาหารเรียบร้อย และปิดประตูร้านในตอนนี้จ้าวเฉียวอวิ๋นก็พูดขึ้นมา: “หลินเสวี่ย คืนนี้ลูกไม่ต้องกลับไปดีไหม คืนนี้พักอยู่ที่นี่เถอะ”หลินเสวี่ยฮุ่ยส่ายหน้าในทันทีจากนั้นก็พูดขึ้นมา: “ไม่ได้ วันนี้หนูต้องกลับอ่าวเทียนสุ่ย ตอนนี้หลินเฟิงเข้ากรรมฐาน และก็ไม่รู้ว่าจะออกมาเมื่อไหร่”“หนูยังต้องกลับไปดูเขา”จ้าวเฉียวอวิ๋นได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มออกมา: “ลูกใส่ใจหลินเฟิงมากจริง ๆ เลยนะ”ใบหน้าสวยงามของหลินเสวี่ยฮุ่ยแดงระเรื่อ และพูดด้วยความเขินอาย: “มีที่ไหนกัน หลินเฟิงเขาก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของครอบครัวเรา หนูดูแลเขาก็เป็นสิ่งสมควรนะคะ”“เอาเถอะ งั้นลูกรีบกลับไปเร็วหน่อย” จ้าวเฉียวอวิ๋นพูดหลินเสวี่ยฮุ่ยพยักหน้า และขี่รถจักรยานไฟฟ้าของเธอกลับไปที่อ่าวเทียนสุ่ยตอนนี้ท้องฟ้ามืดขึ้นเรื่อย ๆ มีเมฆดำปกคลุมอย
แต่แรงของเธอน้อยเกินไปจริง ๆชายอัปลักษณ์หัวเราะร่าแล้วพูดขึ้น: “ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวล ฉันแค่ทิ้งร่องรอยไว้บนหน้าของเธอ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เดี๋ยวก็เสร็จแล้วนะ”“ถ้าเธอยิ่งดิ้น ก็จะยิ่งเจ็บนะ”หลินเสวี่ยฮุ่ยร้องไห้จนดวงตาพร่ามัว มองดูมีดพกทียิ่งใกล้ตัวเข้ามาเรื่อย ๆ ในใจก็รู้สึกสิ้นหวังอย่างมากเสียงฟ้าแลบแวบผ่าน ทำให้ทั้งบ้านสว่างไสวในทันที“ตู้ม”ที่ชั้นล่างมีเสียงดังสนั่นดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนตกใจจนสะดุ้งโหยง“พี่เฟิง ช่วยด้วย...” หลินเสวี่ยฮุ่ยพยายามตะโกนเสียงดังด้วยแรงทั้งหมดที่มีจู่ ๆ ชายอัปลักษณ์ก็รู้สึกว่าที่ด้านหลังมีพลังที่รุนแรงปล่อยออกมาเขาหันกลับไปในทันที เห็นเพียงแค่ว่าที่ด้านหลังมีคนยืนอยู่ค่ำคืนที่มืดสนิท ดวงตาของคนผู้นั้นกลับส่องแสงเย็นเยือก จ้องมองไปถึงจิตวิญญาณชายอัปลักษณ์รู้ว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว จึงคิดอยากที่จะชิงลงมือก่อน“ปึง” เสียงอุดอู้ดังขึ้น ชายอัปลักษณ์ยืนอึ้งอยู่ที่เดิมเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลินเฟิงลงมือในตอนไหน มีดของเขาถูกแย่งไปเรียบร้อยแล้วและข้อมือถูกหักงอในทันที“อ้าก...”ชายอัปลักษณ์ร้องด้วยความเจ็บปวด และถอยหลังไปเรื่อ
“ขั้นเทพ?” คุณนายซ่งมองไปทางสามีของตัวเองด้วยความสงสัยเธอไม่ใช่นักบู๊จึงไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้มากนัก รู้เพียงแค่ว่าสามีของเธอเป็นปรมาจารย์กำลังภายใน แค่นี้ก็สามารถที่จะตั้งสำนักได้แล้วถ้าหากเป็นเทพปรมาจารย์ งั้นจะเก่งกาจถึงขั้นไหนกันนะ?ซ่งเฉียนคุนพยักหน้าพูด: “คุณดูความผิดปกติของท้องฟ้าสิ เจียงโจวจะต้องมีเทพปรมาจารย์บรรลุแล้วแน่นอน ดูท่าเมืองเจียงโจวจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้วสินะ”......ขณะเดียวกันที่ตระกูลไป๋ ไป๋ชิงเฉี่ยนก็ได้ยินเสียงฟ้าผ่าที่ด้านนอกเธอคลุมชุดนอนแล้วเดินออกมา ก็เห็นว่าพ่อของเธอก็ยืนอยู่ที่หน้าต่างเช่นเดียวกัน และมองไปยังท้องฟ้าผ่านกระจกจนกระทั่งลูกสาวของตัวเองปรากฏตัวขึ้น ไป๋เจิ้นหัวยิ้มแล้วพูดขึ้น: “ชิงเฉี่ยน ดึกขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังไม่นอน?”ไป๋ชิงเฉี่ยนพูดเสียงเบา: “เมื่อครู่ได้ยินเสียงฟ้าผ่าจนทำให้หนูตื่น”ไป๋เจิ้นหัวพยักหน้าพูด: “นี่ไม่ใช่สายฟ้าธรรมดา ๆ น่าจะมีเทพผู้แข็งแกร่งบรรลุแล้ว”“เทพผู้แข็งแกร่ง? เก่งมากเลยเหรอคะ?” ไป๋ชิงเฉี่ยนถามด้วยความสงสัย“แน่นอน เหยนควานก็ยังเป็นเพียงแค่ปรมาจารย์กำลังภายใน”ไป๋เจิ้นหัวถอนหายใจ:
หลินเฟิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ออกคำสั่งให้ระงับตระกูลหลี่ว์”“ครับ...”จ้าวเทียนหวาไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่น้อย และตอบรับในทันที......ขณะเดียวกัน หลี่ว์เจิ้งหยางที่เดินเข้าไปในห้องหนังสือของพ่อตัวเองแล้วถามขึ้น: “พ่อ เป็นอย่างไรบ้าง? หลินเฟิงคนนั้นได้มอบตำรับยาปรับประสานพลังให้ไหม?”หลี่ว์เฉิงเลี่ยงตบโต๊ะอย่างแรง และด่าทอด้วยความโมโห: “ไอ้หมอนี่ให้ฉันไปคุกเข่าขอโทษมัน มันกำเริบเสิบสานจริง ๆ”หลี่ว์เจิ้งหยางหรี่ตาลงแล้วพูดขึ้น: “ถ้าหากไม่มีหนทางจริง ๆ พวกเราก็ลักพาตัวหลี่ฮุ่ยหลานเลยเถอะ ผมดูแล้วไอ้หลินเฟิงคนนั้นยังมีความรู้สึกต่อหลี่ฮุ่ยหรานอยู่”“ถ้าหากใช้หลี่ฮุ่ยหรานข่มขู่ให้มันมอบตำรับยาปรับประสานพลังออกมาได้งั้นก็คุ้มค่าแล้ว”หลี่ว์เฉิงเลี่ยงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น: “ดูท่าแล้วคงจะใช้ได้แค่วิธีนี้แล้วล่ะ”“จะโทษก็ต้องโทษตัวหลินเฟิงเองที่ไม่เจียมตัว”หลี่ว์เจิ้งหยางพยักหน้า และลงมือปฏิบัติการทันทีในตอนนี้ โทรศัพท์ของห้องหนังสือก็ดังขึ้น หลี่ว์เฉิงเลี่ยงเพิ่งจะรับสาย อีกฝ่ายก็ด่าเปิดเป็นชุดในทันที“หลี่ว์เฉิงเลี่ยง แกแม่งถูกประตูหนีบหัวเหรอ? ถึงได้กล้าหาเรื่อง
เขาหันหลังเดินออกไปจากตระกูลหลี่ว์ และขับรถไปยังบริษัทของหลี่ฮุ่ยหรานรอให้หลี่ฮุ่ยหรานเลิกงาน หลี่ว์เจิ้งหยางก็รีบเดินเข้าไปหา: “ฮุ่ยหราน”“คุณชายหลี่ว์ คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” หลี่ฮุ่ยหรานมองไปทางเขาด้วยความประหลาดใจหลี่ว์เจิ้งหยางยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น: “ผมคิดถึงคุณแล้ว”“อ๋อใช่ คุณยังไม่ได้ทานอาหารกลางวันใช่ไหม ใกล้ ๆ นี้มีร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่ ผมพาคุณไปลองไหม?”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดเชื้อเชิญด้วยสีหน้าเป็นมิตรหลี่ฮุ่ยหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเดิมทีเธอก็ลงมาทานข้าวอยู่แล้วในเมื่อได้เจอกันก็ปฏิเสธได้ยากแล้วทั้งสองคนมาถึงร้านอาหาร หลี่ว์เจิ้งหยางสั่งอาหารให้ด้วยความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก“ฮุ่ยหราน คุณดูว่าพวกเราจะดื่มอะไรกัน?”หลี่ว์เจิ้งหยางถามแล้วหรี่ตาลงหลี่ฮุ่ยหรานส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น: “ไม่ดื่มเหล้าค่ะ อีกเดี๋ยวฉันยังมีธุระ”หลี่ว์เจิ้งหยางเห็นแบบนี้ก็ปล่อยเลยไปทั้งสองคนทานกันอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เริ่มเข้าเรื่องเขายิ้มไปพูดไป: “ฮุ่ยหราน อันที่จริงหลายปีมานี้ ความรู้สึกของผม คิดว่าคุณคงจะรู้ดี”“หลังจากได้ยินว่าคุณหย่าร้าง ผมก็รีบกลับมาจากต่า
“เพียงแค่วางยาคุณหลงซิ่ว เพื่อดูว่าคุณมีพละกำลังพอที่จะเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า”หลินเฟิงมองไปที่หลงซิ่วที่สวมสูทสีชมพู แต่งเนื้อแต่งตัวเกินความพอดี รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจริงใจอย่างยิ่ง"แก......"“เอาล่ะ เอาล่ะ ผมรู้ว่าคุณทรมาน วางใจได้ ผมไม่มีทางไม่สนใจคุณ”ขณะพูดหลินเฟิงดีดนิ้วชายสองคนในชุดสูทก้าวออกมาจากด้านหลังของหลินเฟิง หามหลงซิ่วขึ้นและพาเขาไปที่ชั้นใต้ดินที่สองคนเหล่านี้คือคนของเผิงกวงฉี่ส่วนเผิงกวงฉี่ก่อนหน้านี้ เขาได้นำลูกน้องสี่หรือห้าคนของเขาไปที่ชั้นใต้ดินที่สอง ที่มีโซฟาสีชมพูขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ถ่ายภาพตั้งนานแล้วภายในห้องมีชายเปลือยกาย 2 คนล้มลงในแอ่งเลือดเมื่อถานหงเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวด้วยรอยยิ้มอาฆาตบนใบหน้า เห็นชายที่นั่งอยู่บนโซฟารอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแข็งทื่อ และกลายเป็นร่องรอยของความกลัวและความตื่นตระหนก“ถานหง ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน เธอก็ได้พบกับที่พึ่งใหม่แล้วเหรอ?”เผิงกวงฉี่นั่งสูบบุหรี่ซิการ์อยู่บนโซฟา และมองไปที่ถานหงอย่างไม่ใส่ใจ"ฉัน......"ถานหงรู้สึกสับสนในเวลานี้ เผิงกวงฉี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?หรือว่า...หัวใจของถานหงรู้ส
ชีพจรมังกร...จะเป็นจื่อเสวียนรึเปล่านะ? -อิ่นนั่วเจียตกใจอย่างมาก และไม่ทราบว่าจื่อเสวียนกลายมาเป็นชีพจรมังกรที่หลงซิ่วพูดถึงได้อย่างไรดูเหมือนว่าตระกูลหลงจะต้องการสิ่งที่เรียกว่าชีพจรมังกรอย่างมากและครั้งนี้หลงซิ่วช่วยเหลือถานหง ในที่สุดก็รู้เป้าหมายชัดเจนแล้วพวกเขามาที่นี่เพื่อสิ่งที่เรียกว่าชีพจรมังกรในมือของหลินเฟิง!หลังจากคิดเรื่องนี้ออก ใบหน้าของอิ่นนั่วเจียก็ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาเลย นอกจากความคิดอันลึกซึ้งในทางกลับกัน จวงฉุนกลับถามหลงซิ่วด้วยสีหน้าสับสน:“คุณหลงซิ่ว ชีพจรมังกรคืออะไร?”“ชีพจรมังกรนั้นคือ…”หลงซิ่วไม่ต้องการตอบคำถามของจวงฉุน แต่เห็นว่าอินนั่วเจียยังคงจมอยู่กับความคิดเขาอธิบายอย่างเรียบง่ายว่า:"มีการกล่าวกันว่าชีพจรมังกรเป็นที่มาของโชคลาภของประเทศมังกร"“หากรวบรวมชีพจรมังกรครบทั้งแปดเส้นได้ ก็จะกลายเป็นราชาแห่งมังกรตัวจริงได้ ตามประวัติศาสตร์แล้ว ชีพจรมังกรเหล่านี้เป็นของตระกูลหลงของเรามาโดยตลอด”“เพราะเหตุนี้สถานที่นี้จึงเรียกได้ว่าเป็นประเทศมังกร”“แล้วนามสกุลของเราคือหลง (หลง แปลว่า มังกร) เข้าใจแล้วยัง?”“เราแค่อยากนำสิ่งที่เดิมเป็น
ดังนั้นการร่วมมือกับถานหง เพื่อจัดการกับอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงจึงเป็นเพียงงานเสริมเท่านั้นจุดประสงค์ที่แท้จริงของหลงซิ่วคือเพื่อสำรวจหรือแม้กระทั่งเอาชีพจรมังกรที่อยู่รอบตัวหลินเฟิงออกไป!มีเพียงแค่เอาชีพจรมังกรมาอยู่ในมือ หลงหยวนก็สามารถใช้พละกำลังของเขา จัดการกับหลินเฟิงอย่างกล้าหาญได้และเรื่องของชีพจรมังกรมีเพียงหลงซิ่วและสวีโจวซึ่งเป็นนักบู๊ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักบู๊ของตระกูลหลงที่เขาส่งออกไปเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ส่วนที่เหลือก็ไม่ชัดเจนนักแต่ในเวลานี้หลงซิ่วไม่รู้ว่าสวีโจวและคนอื่น ๆ ได้กลายเป็นวิญญาณที่ตายแล้วในมือของหลินเฟิง ด้วยความพยายามผลักดันของจวงฉุน ไม่มีใครหนีไปได้สักคนเหลือเพียงจวงฉุนเท่านั้น และเพื่อความอยู่รอด เขาจึงได้กลายมาเป็นคนทรยศหากหลงซิ่วรู้เรื่องนี้เกรงว่าเขาจะตบจวงฉุนคนไร้ประโยชน์คนนี้จนตายไปซะเลยแทนที่จะชื่นชมเขาเพราะเขาพาอิ่นนั่วเจียมาอยู่เคียงข้างเขา"เอาล่ะ"หลงซิ่วยืนขึ้นและโบกมือให้อิ่นนั่วเจียอย่างด้วยสีหน้านิ่งเฉย“ผมได้เตรียมคนและอุปกรณ์ไว้แล้ว อยู่ในห้องส่วนตัวใต้ดินชั้นสอง ถานหง คุณไปเตรียมตัวก่อนเถอะ”“รอผมถามคำถามอิ่
“ฉันคือลูกน้องของเธอ? คุณหลงซิ่ว นี่มันเรื่องอะไรกัน? ฉันจำได้ว่าไม่มีข้อกำหนดนั้นในสัญญาของเราหรอกมั้ง?”อิ่นนั่วเจียขมวดคิ้วและมองไปที่หลงซิ่วหลงซิ่วสับสนเป็นอย่างมาก แต่ไม่ได้พูดอะไรยังคงเป็นถานหงที่ตอบคำถามของอิ่นนั่วเจียด้วยเสียงหัวเราะ“อิ่นนั่วเจีย เธอช่างไร้เดียงสาเกินไป เธอคิดจริงๆ เหรอว่าตระกูลหลงจะเต็มใจยอมรับเธอ เพราะพวกเขาเห็นคุณค่าในชื่อเสียงและความสามารถของเธอจริงๆ”ถานหงส่ายหน้าอย่างดูถูกและกล่าวว่า:“ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน ตระกูลหลงจะยอมรับเธอได้ยังไง?”“อ่อใช่ ไม่ว่าฉันหรือตระกูลหลง ก็ไม่ได้โกหกเธอ เพราะฉันคือผู้รับผิดชอบบริษัทบันเทิงของตระกูลหลงที่เธอเข้าร่วมมาโดยตลอด”“ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อิ่นนั่วเจีย เธอต้องเชื่อฟังฉัน เข้าใจไหม?”“ฉันให้เธอถ่ายหนังอะไร เธอก็ต้องไปถ่าย”"เดี๋ยวนะ"อิ่นนั่วเจียยื่นมือออกไปและขมวดคิ้ว:“ถานหง เธอพูดรุนแรงเกินไปแล้ว ฉันจำได้ว่าฉันไม่เคยทำให้เธอขุ่นเคืองมาก่อน ทำไมเธอถึงตั้งใจจะจัดการกับฉันขนาดนั้น?”“ถึงขั้นยอมทุ่มเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเพื่อดึงตัวฉันมาจากหลี่ซื่อกรุ๊ปด้วย”“จุ๊จุ๊จุ๊”เมื่อได้ยินคำพูดของอิ่นนั
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ