Share

นังบ้าหายไป

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-09-25 05:56:13

เมื่อก่อนชุยหยุนนับว่าเป็นที่หมายปองของสาวๆ ในหมู่บ้าน ตัวเขาร่ำเรียนมาตั้งแต่อายุเพียงสิบหนาว พอสูญเสียบิดาเมื่อห้าปีก่อน เพิ่งจะหยุดเรียนไป ด้วยไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าเรียนและเครื่องเขียนของเขาทุกปี

แต่ก็นับว่าเขาเก่งไม่น้อย ถึงจะไม่ได้ร่ำเรียนก็ยังคงศึกษาตำราด้วยตนเองเสมอ ไหนจะรับงานคัดตำรามาเขียนที่เรือน ทำให้มีรายได้เข้ามาใช้จ่ายได้อย่างคล่องมือ แต่พออาการทรุดหนักลง เงินที่เก็บสะสมไว้เพื่อเข้าเรียนต่อ ก็ถูกใช้จ่ายออกไปราวกับน้ำป่าทะลัก เงินก้อนสุดท้ายในเรือน คือค่าตัวของหลิงเฟิ่งที่จ่ายให้ตระกูลหลี่

เดินเข้ามาด้านในภูเขา คงมีเพียงหลิงเฟิ่งเท่านั้นที่ยังดูสนุกสนานอยู่ ผิดกับสตรีทั้งสองนางที่ตั้งใจจะเข้าไปให้ลึกกว่านี้ แต่ขาของพวกนางมันทรยศ ไม่อาจก้าวเดินต่อได้

“อาเฟิ่ง เจ้าเห็นต้นไม้ใหญ่ด้านในหรือไม่” หวงหลานเดินเข้ามาจับข้อมือของหลิงเฟิ่งเอาไว้

“นั่นรึ” นางชี้มือไปที่ต้นไม่ใหญ่ ที่อยู่ห่างไม่น้อยเลย

“ใช่แล้ว เจ้าไปเก็บดอกไม้ตรงนั้น พวกข้าจะเก็บอยู่ตรงนี้ หากข้าไม่เรียกก็ไม่ต้องออกมา เข้าใจหรือไม่” นางค่อยๆ พูดทีละคำเพื่อให้หลิงเฟิ่งฟังรู้เรื่อง

“ไม่” นางส่ายหน้าอย่างไม่ยินยอม

“นัง...เอ่อ เอาแบบนี้พวกข้าตามเข้าไปไม่ได้ หากเจ้าเก็บเสร็จแล้ว ข้าจะพาไปซื้อปิ่นงามๆ ดีหรือไม่” กวงเจินเข้ามาช่วยพูดอีกคำ

“เอาเลย” นางชี้มือไปที่ปิ่นที่ปักอยู่บนหัวของทั้งสองคน ก่อนจะเข้าไปดึงแย่งเอามาไว้ในมือ

“นังบ้า!!! เอา...” กวงเจินจะเข้ามาแย่งปิ่นในมือของหลิงเฟิ่ง แต่ถูกหวงหลานดึงรั้งเอาไว้เสียก่อน

“ให้นางไป ข้าจะไปซื้อให้เจ้าใหม่” นางเอ่ยกระซิบเสียงเบา

หลิงเฟิ่งที่ได้ปิ่นของทั้งสองมาแล้ว นางก็ปักปิ่นไว้บนผมของนางทันที

“ได้ปิ่นไปแล้ว เจ้าก็รีบเข้าไปเก็บดอกไม้เสียสิ” กวงเจินอยากจะออกไปจากป่าใจแทบขาดแล้ว นางจึงดันตัวหลิงเฟิ่งให้ออกเดิน

หลิงเฟิ่งเดินกระโดดโลดเต้นไปตลอดทาง โดยไม่ได้หันมาสนใจสตรีทั้งสองที่ทิ้งนางให้เข้าไปเพียงผู้เดียว กวงเจินกับหวงหลานเมื่อเห็นว่าหลิงเฟิ่งไม่ได้หันมาสนใจ ต่างก็รีบเร่งฝีเท้าเดินออกไปจากป่าเพื่อกลับหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว

หลิงเฟิ่งเดินไปได้เพียงแค่ครึ่งทาง เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นว่าทั้งสองหายตัวไปเสียแล้ว นางจึงได้เข้าไปภายในมิติของนางแทน

“ใครโง่กว่ากัน ประเดี๋ยวพวกเจ้าก็รู้” หลิงเฟิ่งมองปิ่นในมืออย่างนึกสนุก

กวงเจินและหวงหลานคงคิดว่านางจะตายอยู่ในป่า จึงไม่ได้สนใจหากจะมีปิ่นของพวกนางติดตัวหลิงเฟิ่งมาด้วย หลิงเฟิ่ง นางทำสัญลักษณ์ไว้ตามทางที่เดินเข้ามา หากจะออกไปนางจะได้ไม่หลง

จูซื่อกับชุยหยุน เมื่อเดินทางเข้ามาถึงในเมือง ต่างก็แยกย้ายไปจัดการเรื่องของตนเอง จูซื่อไปส่งผ้าที่ร้านประจำของนาง ทั้งยังซื้อผ้าใหม่มาไว้ตัดชุดให้หลิงเฟิ่งด้วย

ชุยหยุน เจ้าของร้านตำรา เพียงแค่เห็นหน้าเขาก็ดีใจจนเดินออกมารับเขาที่หน้าประตูร้านด้วยตนเอง

“อาหยุน เจ้าหายดีแล้วรึ” เขามองสำรวจชุยหยุนก็เห็นว่าสีหน้าของเขาดีกว่าแต่ก่อนมากนัก

“ดีขึ้นขอรับ แต่ยังมิหายขาด เอ่อ...เถ้าแก่ ข้าจะกลับมาคัดตำรา ไม่ทราบว่า...”

“ดี ๆ บัณฑิตไม่น้อย ต่างบ่นเสียดายที่รู้ว่าเจ้าเลิกคัดตำรา หากรู้ว่าเจ้ากลับมาคัดตำราอีกครั้ง คงต้องรีบเข้ามาจับจองกันแน่” เขายิ้มกว้างออกมาอย่างยินดี ก่อนจะให้เสี่ยวเอ้อ ไปนำตำรามาให้ชุยหยุน พร้อมทั้งกระดาษ เครื่องเขียน โดยไม่คิดเงินสักเหรียญทองแดง

“ค่ากระดาษ น้ำหมึก ไว้ท่านหักเงินหลังจากที่ข้านำตำรามาส่งได้หรือไม่ขอรับ”

“ไม่ต้องๆ เจ้ากลับมายอมคัดตำรา ข้าก็ขอบคุณสวรรค์ไม่ทันแล้ว” นับตั้งแต่ที่ชุยหยุนเลิกคัดตำราไป รายได้ของทางร้านก็ลดลงไปไม่น้อย

ตัวอักษรของชุยหยุน ทั้งงดงาม และอ่านง่าย คำผิดก็ไม่มี ทำให้บัณฑิตทั้งหลายในเมืองตงเฉิงต้องการตำราที่เขาคัดลอก เป็นเช่นนี้เถ้าแก่ร้านตำรา ยอมออกค่ากระดาษน้ำหมึก ไม่กี่ตำลึงจะไม่คุ้มค่าได้อย่างไร

เมื่อจัดการเรื่องที่ตนเองเข้ามาในเมืองเรียบร้อยแล้ว จูซื่อแวะซื้อซาลาเปา เพื่อกินระหว่างนั่งเกวียนกลับหมู่บ้าน ทั้งยังซื้อไปฝากหลิงเฟิ่งนางด้วย

“ท่านแม่ ท่านเป็นอันใดขอรับ” ชุยหยุนเห็นผู้เป็นมารดานั่งมองว่าเมื่อใดเกวียนจะเต็มอย่างกระวนกระวาย

“ข้าเป็นห่วงเฟิ่งเออร์ ไม่รู้ว่านางจะกินข้าวแล้วหรือยัง” ยามนี้เป็นเวลามื้อกลางวันแล้ว เรือนอื่นไม่ค่อยได้กินมื้อกลางวันกัน แต่มิใช่กับตระกูลซ่ง นับตั้งแต่มีหลิงเฟิ่งนางมาอยู่ด้วย จูซื่อก็เพิ่มมื้อกลางวันให้นางอีกมื้อหนึ่ง

“ท่านแม่อย่าได้กังวล ป้าจินนางรับปากแล้ว ว่าจะดูแลเฟิ่งเออร์ให้” ชุยหยุนที่รู้ดีว่าหลิงเฟิ่งนางไม่ได้บ้า จึงไม่ได้กังวลเช่นผู้เป็นมารดา

“เอาเถิด ดูท่าข้าจะกังวลมากเกินไป” จูซื่อส่งซาลาเปาให้บุตรชายกินรองท้องไปก่อน อีกเกือบสองชั่วยาม กว่าจะเดินทางถึงหมู่บ้าน

ป้าจิน เตรียมข้าวให้หลิงเฟิ่งเรียบร้อย ก็มายืนร้องเรียกนางอยู่ที่ข้างเรือน ด้วยประตูหน้าเรือนถูกปิดแน่นหนา นางจึงทำได้เพียงแค่ส่งอาหารให้หลิงเฟิ่งตรงรั้วเท่านั้น

“เฟิ่งเออร์ เฟิ่งเออร์กินข้าวเร็ว” นางตะโกนเรียกอยู่นานก็ไม่เห็นว่าหลิงเฟิ่งนางจะโผล่หน้าออกมา

“ยายเฒ่า หรือว่านางจะหลับ” ลุงจินผู้เป็นสามีเอ่ยถามออกมา เมื่อเห็นว่าเรียกนานแล้ว ก็ไม่มีการตอบรับ

“รออีกประเดี๋ยว ข้าค่อยมาเรียกนางใหม่” ป้าจินถือถาดกลับไปที่เรือนของนาง

จิบถ้วยชา (ประมาณ15นาที) นางก็เดินมาร้องเรียกหลิงเฟิ่งใหม่ จนชาวบ้านที่กำลังกลับเรือน นางหยุดถามนางอย่างสงสัย ว่าจะร้องเรียกหญิงบ้าไปเพื่ออันใด

“อาจูกับอาหยุน เข้าเมือง จึงได้ฝากข้าให้ดูแลเฟิ่งเออร์ ข้าเรียกนางหลายรอบแล้ว แต่ไม่เห็นว่านางจะออกมา”

“เข้าไปดูในเรือนเลยไม่ดีกว่ารึ”

“อาหยุนปิดเรือนเสียแน่นหนา ข้าจะเข้าไปเช่นไร” นางถอนหายใจออกมา เมื่อครู่ลองเดินไปดูแล้ว จะให้ปีนรั้วเข้าไป หากตกลงมาคนมีอายุไม่น้อยแล้วเช่นนางบาดเจ็บขึ้นมาคงได้แต่นอนเป็นผักอยู่บนเตียง

“มา ข้าเอง” อาไฉ บุตรชายของป้าเหลียนอาสาปีนรั้วเข้าไปดูหลิงเฟิ่งภายในเรือนให้

เมื่อเข้าไปเปิดดูทุกห้อง ทั้งเดินหานางไปทั่วเรือนไม่พบ ก็วิ่งหน้าตื่นออกมาหาทุกคนที่อยู่หน้าเรือน

“ไม่มี!!!”

“สวรรค์ เจ้าหาดีแล้วรึ” ป้าจินยกมือขึ้นทาบอก

“ดีแล้ว ข้าเดินดูทุกห้อง ทั้งยังเดินทั่วเรือน ไม่เห็นแม้แต่เงาของนาง”

“หรือว่านางจะออกมาด้านนอกได้” มีชาวบ้านเอ่ยออกมาอย่างสงสัย

“จะออกทางใดได้ หรือว่านางจะปีนรั้วออกมา” ป้าจินเริ่มหน้าเสีย

“ไปแจ้งหัวหน้าหมู่บ้านให้ช่วยกันออกตามหานางก่อนเถิด” มีคนเสนอขึ้นมา ทุกคนต่างก็แยกย้ายไปช่วยกันตามหาหลิงเฟิ่งภายในหมู่บ้าน

หากมิใช่เห็นแก่ความดีของแม่ลูกตระกูลซ่ง ชาวบ้านก็คงไม่ค่อยสนใจเรื่องของหลิงเฟิ่งมากนัก

พอหัวหน้าหมู่บ้านรู้เรื่อง ก็รีบเรียกชาวบ้านให้ช่วยกันออกตามหา แม้ตระกูลหลี่จะรู้เรื่องที่หลิงเฟิ่งหายไป แต่ก็ไม่มีผู้ใดคิดจะออกมาจากเรือนมาดูหรือสอบถามเรื่องราวเลยสักคน

กวงเจินกับหวงหลานที่เพิ่งจะเดินกลับมาถึงภายในหมู่บ้าน ก็ต้องตกใจ ที่ชาวบ้านเดินกันร้องเรียกหลิงเฟิ่งไปทั่ว

“เร็วนักเล่า” กวงเจินดึงแขนของหวงหลานเอาไว้ด้วยความหวาดกลัว

“เจ้าอย่าได้แตกตื่น มิเช่นนั้นจะโดนจับได้ เข้าไปช่วยตามหาเถิด” หวงหลานแม้จะหวาดกลัวเช่นกัน แต่ก็ยังใจกล้าเดินเข้าไปสอบถามความกับชาวบ้าน แล้วทำทีเป็นช่วยร้องเรียกหาหลิงเฟิ่งอีกแรง

“ในหมู่บ้านหาจนทั่วแล้ว เจ้าพอจะรู้ไหมว่านางยังมีที่ใดให้ไปอีก” หัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้ามาถามป้าเหลียน

“ลำธาร หรือว่านางจะไปเล่นน้ำที่ลำธาร” ป้าเหลียนร้องออกมาเสียงดัง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   บทสรุป

    แต่เรื่องที่น่าประหลาดอีกเรื่องของตระกูลโจว ที่ทำให้จวนโจวถูกแม่สื่อเข้ามาพูดคุยกับพานซื่อทุกวันเห็นจะเป็นเรื่องคลอดของอวี้หลินหลังจากที่ผ่านมาได้ห้าเดือนหลังจากที่หลิงเฟิ่งนางคลอดบุตรชายทั้งสามออกมา ตำหนักอ๋องก็มีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้น เมื่ออวี้หลินนางปวดท้องคลอดในกลางดึกหลิงเฟิ่งเมื่อรู้เรื่องก็รีบไปที่ตำหนักอ๋องพร้อมกับชุยหยุนทันที พานซื่อและบุรุษตระกูลโจวทั้งสามตามมาทันนางที่หน้าตำหนักพอดีจึงได้เข้าไปด้านในพร้อมกันหลิงเฟิ่งกับพานซื่อเข้าไปอยู่ภายในห้องคลอดด้วย นางเทน้ำวิเศษให้อวี้หลินได้ดื่ม เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของนางหมอตำแยก็เป็นคนเดียวกันกับที่ทำคลอดให้หลิงเฟิ่งพอเด็กทารกสองคนแรกออกมา นางก็ต้องกรีดร้องเสียงดังอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อมีหัวน้อยๆ โผล่ออกมาจากช่องคลอดอีกหัวหนึ่ง“สวรรค์!!! ดะ เด็ก เด็กอีกคนเจ้าค่ะ”อวี้หลินคลอดบุตรชายฝาแฝดออกมาสามคนเช่นกัน เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นมาก่อนในแคว้นต้าเยี่ยทำให้บุรุษตระกูลโจวอีกสองคนที่เหลือที่ยังไม่ยอมแต่งฮูหยินเข้าจวน ถึงกับหนักใจ ด้วยแม่สื่อที่เดินเข้าออกไปขาดสาย“อาเหว่ย ข้าจะขอไปอยู่ที่ค่ายนอกเมืองกับเจ้าสั

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   เจ้าแบ่งให้ข้าคนหนึ่งมิได้รึ

    เพียงไม่นาน ขบวนกองทัพก็ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้น ลู่เหวินกับโจวเฉิงเหว่ยที่นำอยู่ด้านหน้า ฉีกยิ้มกว้างให้พานซื่อและอวี้หลิน ก่อนที่ทั้งสองจะรีบควบม้าเข้าไปหาคนที่รออยู่“เฟิ่งเออร์เล่า” พานซื่อเอ่ยถามหาหลิงเฟิ่งทันที เมื่อลู่เหวินลงจากหลังม้ามาหานาง“ท่านแม่ ลูกกลับมาแล้วขอรับ” โจวเฉิงเหว่ยคุกเข่าลงตรงหน้าของพานซื่อ แล้วก้มคำนับสามครั้งให้นาง“อาเหว่ย เจ้าจากบ้านไปเสียหลายปี ครั้งนี้ได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้าแล้วนะลูก” นางลูบใบหน้าของบุตรชายคนรองอย่างคิดถึง“ฟะ เฟิ่งเออร์ เจ้า...”พานซื่อถูกเสียงร้องอย่างตกใจของอวี้หลิน ทำให้หันไปมองที่ด้านหลังของโจวเฉิงเหว่ยอย่างรวดเร็วดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา ตอนที่เดินทางออกจากเมืองหลวงไป ท้องของหลิงเฟิ่งมิได้ดูเหมือนจะตั้งครรภ์มาก่อน แต่ยามนี้ท้องของนางราวกับว่าใกล้คลอดเต็มทีแล้วนี่คงเป็นเหตุผลที่นางไม่อาจเดินทางกลับเมืองหลวงได้ตามที่เคยรับปากเอาไว้“เฟิ่งเออร์ เจ้าท้องกี่เดือนกัน ตั้งแต่เมื่อใด หรือว่าเจ้าท้องก่อนที่จะเดินทางแล้ว เหตุใดถึงไม่บอกแม่เล่า” พานซื่อเอ่ยถามออกมาระรัว“ท่านแม่ ครรภ์ของข้าเพิ่งจะหกเดือนเท่านั้นเจ้าค่ะ ข้าก็เ

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   ส่งเสริมอาชีพให้ชาวบ้าน

    โจวเฉิงเหว่ยนั่งอยู่บนหลังม้า ยืนอยู่หน้าเหล่าทหารหลายหมื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังร่างกำยำของแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานอย่างเย็นชา“บิดาเจ้าเหล่า เหตุใดต้องส่งลูกเต่าเช่นเจ้ามาเอาชีวิตข้า”“ท่านพ่อไม่คิดว่าท่านจะตัดสินใจเช่นนี้”“หึหึ บุรุษตระกูลโจวเก่งกาจนัก หากข้ารู้สักนิดว่าโจวลู่เหวินมิได้สูญเสียวรยุทธ์ก็คงจะทูลขอให้ฝ่าบาททรงเปลี่ยนใจ แต่ในเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว ข้าเกาซือหม่า ขอแลกชีวิตกับเหล่าทหารแคว้นต้าหานทั้งหมด หวังว่าแม่ทัพน้อยโจว จะปล่อยให้ทหารของข้ากลับคืนสู่แคว้นต้าหาน”แม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหาน ดึงดาบออกมาพาดที่คอ เขาตัดคอตนเองออกโดยไม่เผยความหวั่นเกรงใดออกมา โจวเฉิงเหว่ยจ้องมองหัวของแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานหลุดลงพื้นด้วยสายตาที่เรียบเฉย“เก็บกลับค่าย ถอยทัพ!!! ไม่ต้องตามทหารแคว้นต้าหาน ปล่อยพวกมันกลับไป แต่หากยังรั้งอยู่ภายในสองวันนี้ ฆ่าให้หมดไม่ต้องเหลือเอาไว้”เสียงของโจวเฉิงเหว่ยประกาศกร้าว จนแม้แต่ทหารแคว้นต้าหานที่ออกมาดูท่านแม่ทัพใหญ่ของตนปลิดชีพได้ยินอย่างชัดเจนหัวของแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานถูกเก็บกลับไปที่ค่ายของแคว้นต้าเยี่ย เหลือเพียงร่างไร้ศีรษะให้ทหารแคว้นต้าหานเ

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   การตัดสินใจของเกาซือหม่า

    ลู่เหวินยกธนูขึ้นเล็งไปทางแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหาน ก่อนจะปล่อยลูกธนูออกจากสายไป แม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานได้แต่มองเยาะเย้ยอย่างได้ใจ ระยะไกลเพียงนี้ ต่อให้เก่งการเพียงใดก็ยิงไม่ถึงเขาเป็นแน่“เฮือกกกก” เสียงสูดลมหายใจของทหารแคว้นต้าหานเมื่อลูกธนูที่ลู่เหวินปล่อยออกมา มันทะลุคอม้าที่แม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานขี่ราวกับจับวาง นี่คือสิ่งที่ลู่เหวินต้องการ เขาไม่ได้ต้องการสังหารแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานภายในลูกธนูเดียว แต่เป็นการย้ำเตือนว่าตนมิได้สูญเสียวรยุทธ์เช่นที่คิดกัน“บุก!!!” แม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหาน เปลี่ยนม้าตัวใหม่ได้ ก็ร้องตะโกนบอกทหารของตนทันทีความยับยั้งชั่งใจหายไปจนสิ้น เมื่อถูกหยามเช่นนี้ เขาควบม้าเข้าไปหาลู่เหวินอย่างไม่เกรงกลัว“บุก!!! ฆ่าให้หมด อย่าให้เหลือรอด” ลู่เหวินควบม้าพุ่งทะยานเข้าไปในสนามรบเช่นกันหลิงเฟิ่ง ที่นอนพักอยู่ภายในเรือนสะดุ้งตกใจตื่น นางกับชุยหยุนมิได้เข้าไปนอนภายในมิติ จึงได้ยินเสียงต่อสู้อย่างชัดเจน“ท่านพี่”“สงครามเริ่มแล้ว หากเจ้ากลัวเข้าไปหลบในมิติก่อนดีหรือไม่” ชุยหยุนกอดหลิงเฟิ่งเอาไว้แน่น“ไม่เจ้าค่ะ” นางส่ายหน้าหลิงเฟิ่งมิอาจข่มตาให้หลับลงได้ นางเป็นห่วงบิดาแ

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   กองทัพแคว้นต้าหานประชิดเมืองแล้ว

    หลิงเฟิ่งอยู่ภายในมิตินางก็ไม่ได้ทำสิ่งใดมาก นอกจากตื่นมากินแล้วนอนต่อ ตั้งแต่ตั้งครรภ์มา นางรู้สึกว่าขี้เกียจจะขยับร่างกายไปเสียหมด ต่อให้หลิงเฟิ่งอยู่แต่ภายในมิติ เสียงขององครักษ์ที่อยู่ด้านนอกนางก็ยังได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันจึงได้รู้ว่า กองทัพของแคว้นต้าหานเดินทัพมาประชิดเร็วกว่าที่คาดเอาไว้ คงอีกไม่เกินห้าวันพวกเขาก็คงจะมาตั้งค่ายอยู่ไม่ห่างแล้วผ่านมาได้เพียงสามวัน กองทัพของแคว้นต้าหานก็เดินทางมาตั้งค่ายเสียแล้ว เจ้าเมืองเป่ยตู่เร่งพาชาวบ้านที่อยู่ใกล้เขตชายแดนลี้ภัยออกไปอยู่ค่ายหลบภัยที่นอกเมืองเป่ยตู่อย่างเร่งด่วนสนามสอบแทบจะเร่งบัณฑิตให้ส่งกระดาษสอบแล้วให้เดินทางออกไปจากสนามสอบให้เร็วที่สุด“เฟิ่งเออร์ เฟิ่งเออร์ ข้ากลับมาแล้ว” ชุยหยุนเมื่อกลับมาถึงเรือนก็ร้องเรียกหลิงเฟิ่งเสียงดัง“เหตุใด กลับมาเร็วนักเล่า” ฟ้าด้านนอกเพิ่งจะสว่างได้ไม่นาน ชุยหยุนก็เดินทางมาถึงเรือนแล้ว“กองทัพแคว้นต้าหานประชิดเมืองเป่ยตู่แล้ว ตอนนี้ชาวบ้านบางส่วนก็อพยพย้ายไปอยู่ที่ค่ายลี้ภัยนอกเมืองแล้ว”“เร็วเพียงนั้นเลยรึ” หลิงเฟิ่งอดที่จะตกใจไม่ได้“สงครามยังคงไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ แคว้นต้าหานเร่งเดิน

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่ายินดี

    ความจริงหลิงเฟิ่ง นางอยากจะรั้งอยู่ เพื่อเดินทางกลับพร้อมบิดาและพี่ชาย เพื่อว่ามีสิ่งใดที่นางพอจะช่วยเหลือได้บ้าง แต่หากว่านางตั้งครรภ์ขึ้นมาจริงก็ควรจะเร่งเดินทางออกจากเมือง เพื่อไม่ให้พวกเขาเป็นกังวลทั้งสี่พูดคุยเรื่องเสบียงอาหารต่ออีกเพียงไม่นาน ท่านหมอก็เดินเข้ามาภายในห้องพัก บุรุษทั้งสามจึงได้เดินไปนั่งรอที่โต๊ะตรงกลางห้อง แต่สายตาของพวกเขาก็ยังจ้องมองมาที่หมออย่างกดดัน“บุตรีข้าเป็นเช่นใด”“น้องสาวข้า อาการร้ายแรงหรือไม่”หมอยังมิทันจะได้จับชีพจร บุรุษตระกูลโจวก็เอ่ยถามออกมาอย่างกดดันเสียแล้ว น้ำเสียงของพวกเขาราวกับเอ่ยถามทหาร ว่าวันนี้พวกเจ้าตั้งใจฝึกซ้อมกันหรือไม่ หมอจะมีสมาธิตรวจได้อย่างไร“ท่านแม่ทัพใหญ่โจว ท่านแม่ทัพโจว ขอเวลาข้าน้อยสักครู่เถิด พวกท่านกดดันเช่นนี้ ข้าน้อยจะตรวจได้อย่างไร”ลู่เหวินกับโจวเฉิงเหว่ยจึงนั่งดื่มชาอย่างเงียบๆ แต่สายตาของเขาก็ยังคงไม่ละไปจากนิ้วมือของท่านหมอที่กำลังจับชีพจรของหลิงเฟิ่งอยู่“ยินดีด้วยขอรับ ฮูหยินนางตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”“ห๊ะ/ห๊ะ ตั้งครรภ์” สองพ่อลูกตระกูลโจวลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว“เจ้าตรวจให้ดี หลานข้าเป็นเช่นใดบ้าง ครรภ์ของนา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status