Share

นังบ้าหายไป

Penulis: l3oonm@
last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-25 05:56:13

เมื่อก่อนชุยหยุนนับว่าเป็นที่หมายปองของสาวๆ ในหมู่บ้าน ตัวเขาร่ำเรียนมาตั้งแต่อายุเพียงสิบหนาว พอสูญเสียบิดาเมื่อห้าปีก่อน เพิ่งจะหยุดเรียนไป ด้วยไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าเรียนและเครื่องเขียนของเขาทุกปี

แต่ก็นับว่าเขาเก่งไม่น้อย ถึงจะไม่ได้ร่ำเรียนก็ยังคงศึกษาตำราด้วยตนเองเสมอ ไหนจะรับงานคัดตำรามาเขียนที่เรือน ทำให้มีรายได้เข้ามาใช้จ่ายได้อย่างคล่องมือ แต่พออาการทรุดหนักลง เงินที่เก็บสะสมไว้เพื่อเข้าเรียนต่อ ก็ถูกใช้จ่ายออกไปราวกับน้ำป่าทะลัก เงินก้อนสุดท้ายในเรือน คือค่าตัวของหลิงเฟิ่งที่จ่ายให้ตระกูลหลี่

เดินเข้ามาด้านในภูเขา คงมีเพียงหลิงเฟิ่งเท่านั้นที่ยังดูสนุกสนานอยู่ ผิดกับสตรีทั้งสองนางที่ตั้งใจจะเข้าไปให้ลึกกว่านี้ แต่ขาของพวกนางมันทรยศ ไม่อาจก้าวเดินต่อได้

“อาเฟิ่ง เจ้าเห็นต้นไม้ใหญ่ด้านในหรือไม่” หวงหลานเดินเข้ามาจับข้อมือของหลิงเฟิ่งเอาไว้

“นั่นรึ” นางชี้มือไปที่ต้นไม่ใหญ่ ที่อยู่ห่างไม่น้อยเลย

“ใช่แล้ว เจ้าไปเก็บดอกไม้ตรงนั้น พวกข้าจะเก็บอยู่ตรงนี้ หากข้าไม่เรียกก็ไม่ต้องออกมา เข้าใจหรือไม่” นางค่อยๆ พูดทีละคำเพื่อให้หลิงเฟิ่งฟังรู้เรื่อง

“ไม่” นางส่ายหน้าอย่างไม่ยินยอม

“นัง...เอ่อ เอาแบบนี้พวกข้าตามเข้าไปไม่ได้ หากเจ้าเก็บเสร็จแล้ว ข้าจะพาไปซื้อปิ่นงามๆ ดีหรือไม่” กวงเจินเข้ามาช่วยพูดอีกคำ

“เอาเลย” นางชี้มือไปที่ปิ่นที่ปักอยู่บนหัวของทั้งสองคน ก่อนจะเข้าไปดึงแย่งเอามาไว้ในมือ

“นังบ้า!!! เอา...” กวงเจินจะเข้ามาแย่งปิ่นในมือของหลิงเฟิ่ง แต่ถูกหวงหลานดึงรั้งเอาไว้เสียก่อน

“ให้นางไป ข้าจะไปซื้อให้เจ้าใหม่” นางเอ่ยกระซิบเสียงเบา

หลิงเฟิ่งที่ได้ปิ่นของทั้งสองมาแล้ว นางก็ปักปิ่นไว้บนผมของนางทันที

“ได้ปิ่นไปแล้ว เจ้าก็รีบเข้าไปเก็บดอกไม้เสียสิ” กวงเจินอยากจะออกไปจากป่าใจแทบขาดแล้ว นางจึงดันตัวหลิงเฟิ่งให้ออกเดิน

หลิงเฟิ่งเดินกระโดดโลดเต้นไปตลอดทาง โดยไม่ได้หันมาสนใจสตรีทั้งสองที่ทิ้งนางให้เข้าไปเพียงผู้เดียว กวงเจินกับหวงหลานเมื่อเห็นว่าหลิงเฟิ่งไม่ได้หันมาสนใจ ต่างก็รีบเร่งฝีเท้าเดินออกไปจากป่าเพื่อกลับหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว

หลิงเฟิ่งเดินไปได้เพียงแค่ครึ่งทาง เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นว่าทั้งสองหายตัวไปเสียแล้ว นางจึงได้เข้าไปภายในมิติของนางแทน

“ใครโง่กว่ากัน ประเดี๋ยวพวกเจ้าก็รู้” หลิงเฟิ่งมองปิ่นในมืออย่างนึกสนุก

กวงเจินและหวงหลานคงคิดว่านางจะตายอยู่ในป่า จึงไม่ได้สนใจหากจะมีปิ่นของพวกนางติดตัวหลิงเฟิ่งมาด้วย หลิงเฟิ่ง นางทำสัญลักษณ์ไว้ตามทางที่เดินเข้ามา หากจะออกไปนางจะได้ไม่หลง

จูซื่อกับชุยหยุน เมื่อเดินทางเข้ามาถึงในเมือง ต่างก็แยกย้ายไปจัดการเรื่องของตนเอง จูซื่อไปส่งผ้าที่ร้านประจำของนาง ทั้งยังซื้อผ้าใหม่มาไว้ตัดชุดให้หลิงเฟิ่งด้วย

ชุยหยุน เจ้าของร้านตำรา เพียงแค่เห็นหน้าเขาก็ดีใจจนเดินออกมารับเขาที่หน้าประตูร้านด้วยตนเอง

“อาหยุน เจ้าหายดีแล้วรึ” เขามองสำรวจชุยหยุนก็เห็นว่าสีหน้าของเขาดีกว่าแต่ก่อนมากนัก

“ดีขึ้นขอรับ แต่ยังมิหายขาด เอ่อ...เถ้าแก่ ข้าจะกลับมาคัดตำรา ไม่ทราบว่า...”

“ดี ๆ บัณฑิตไม่น้อย ต่างบ่นเสียดายที่รู้ว่าเจ้าเลิกคัดตำรา หากรู้ว่าเจ้ากลับมาคัดตำราอีกครั้ง คงต้องรีบเข้ามาจับจองกันแน่” เขายิ้มกว้างออกมาอย่างยินดี ก่อนจะให้เสี่ยวเอ้อ ไปนำตำรามาให้ชุยหยุน พร้อมทั้งกระดาษ เครื่องเขียน โดยไม่คิดเงินสักเหรียญทองแดง

“ค่ากระดาษ น้ำหมึก ไว้ท่านหักเงินหลังจากที่ข้านำตำรามาส่งได้หรือไม่ขอรับ”

“ไม่ต้องๆ เจ้ากลับมายอมคัดตำรา ข้าก็ขอบคุณสวรรค์ไม่ทันแล้ว” นับตั้งแต่ที่ชุยหยุนเลิกคัดตำราไป รายได้ของทางร้านก็ลดลงไปไม่น้อย

ตัวอักษรของชุยหยุน ทั้งงดงาม และอ่านง่าย คำผิดก็ไม่มี ทำให้บัณฑิตทั้งหลายในเมืองตงเฉิงต้องการตำราที่เขาคัดลอก เป็นเช่นนี้เถ้าแก่ร้านตำรา ยอมออกค่ากระดาษน้ำหมึก ไม่กี่ตำลึงจะไม่คุ้มค่าได้อย่างไร

เมื่อจัดการเรื่องที่ตนเองเข้ามาในเมืองเรียบร้อยแล้ว จูซื่อแวะซื้อซาลาเปา เพื่อกินระหว่างนั่งเกวียนกลับหมู่บ้าน ทั้งยังซื้อไปฝากหลิงเฟิ่งนางด้วย

“ท่านแม่ ท่านเป็นอันใดขอรับ” ชุยหยุนเห็นผู้เป็นมารดานั่งมองว่าเมื่อใดเกวียนจะเต็มอย่างกระวนกระวาย

“ข้าเป็นห่วงเฟิ่งเออร์ ไม่รู้ว่านางจะกินข้าวแล้วหรือยัง” ยามนี้เป็นเวลามื้อกลางวันแล้ว เรือนอื่นไม่ค่อยได้กินมื้อกลางวันกัน แต่มิใช่กับตระกูลซ่ง นับตั้งแต่มีหลิงเฟิ่งนางมาอยู่ด้วย จูซื่อก็เพิ่มมื้อกลางวันให้นางอีกมื้อหนึ่ง

“ท่านแม่อย่าได้กังวล ป้าจินนางรับปากแล้ว ว่าจะดูแลเฟิ่งเออร์ให้” ชุยหยุนที่รู้ดีว่าหลิงเฟิ่งนางไม่ได้บ้า จึงไม่ได้กังวลเช่นผู้เป็นมารดา

“เอาเถิด ดูท่าข้าจะกังวลมากเกินไป” จูซื่อส่งซาลาเปาให้บุตรชายกินรองท้องไปก่อน อีกเกือบสองชั่วยาม กว่าจะเดินทางถึงหมู่บ้าน

ป้าจิน เตรียมข้าวให้หลิงเฟิ่งเรียบร้อย ก็มายืนร้องเรียกนางอยู่ที่ข้างเรือน ด้วยประตูหน้าเรือนถูกปิดแน่นหนา นางจึงทำได้เพียงแค่ส่งอาหารให้หลิงเฟิ่งตรงรั้วเท่านั้น

“เฟิ่งเออร์ เฟิ่งเออร์กินข้าวเร็ว” นางตะโกนเรียกอยู่นานก็ไม่เห็นว่าหลิงเฟิ่งนางจะโผล่หน้าออกมา

“ยายเฒ่า หรือว่านางจะหลับ” ลุงจินผู้เป็นสามีเอ่ยถามออกมา เมื่อเห็นว่าเรียกนานแล้ว ก็ไม่มีการตอบรับ

“รออีกประเดี๋ยว ข้าค่อยมาเรียกนางใหม่” ป้าจินถือถาดกลับไปที่เรือนของนาง

จิบถ้วยชา (ประมาณ15นาที) นางก็เดินมาร้องเรียกหลิงเฟิ่งใหม่ จนชาวบ้านที่กำลังกลับเรือน นางหยุดถามนางอย่างสงสัย ว่าจะร้องเรียกหญิงบ้าไปเพื่ออันใด

“อาจูกับอาหยุน เข้าเมือง จึงได้ฝากข้าให้ดูแลเฟิ่งเออร์ ข้าเรียกนางหลายรอบแล้ว แต่ไม่เห็นว่านางจะออกมา”

“เข้าไปดูในเรือนเลยไม่ดีกว่ารึ”

“อาหยุนปิดเรือนเสียแน่นหนา ข้าจะเข้าไปเช่นไร” นางถอนหายใจออกมา เมื่อครู่ลองเดินไปดูแล้ว จะให้ปีนรั้วเข้าไป หากตกลงมาคนมีอายุไม่น้อยแล้วเช่นนางบาดเจ็บขึ้นมาคงได้แต่นอนเป็นผักอยู่บนเตียง

“มา ข้าเอง” อาไฉ บุตรชายของป้าเหลียนอาสาปีนรั้วเข้าไปดูหลิงเฟิ่งภายในเรือนให้

เมื่อเข้าไปเปิดดูทุกห้อง ทั้งเดินหานางไปทั่วเรือนไม่พบ ก็วิ่งหน้าตื่นออกมาหาทุกคนที่อยู่หน้าเรือน

“ไม่มี!!!”

“สวรรค์ เจ้าหาดีแล้วรึ” ป้าจินยกมือขึ้นทาบอก

“ดีแล้ว ข้าเดินดูทุกห้อง ทั้งยังเดินทั่วเรือน ไม่เห็นแม้แต่เงาของนาง”

“หรือว่านางจะออกมาด้านนอกได้” มีชาวบ้านเอ่ยออกมาอย่างสงสัย

“จะออกทางใดได้ หรือว่านางจะปีนรั้วออกมา” ป้าจินเริ่มหน้าเสีย

“ไปแจ้งหัวหน้าหมู่บ้านให้ช่วยกันออกตามหานางก่อนเถิด” มีคนเสนอขึ้นมา ทุกคนต่างก็แยกย้ายไปช่วยกันตามหาหลิงเฟิ่งภายในหมู่บ้าน

หากมิใช่เห็นแก่ความดีของแม่ลูกตระกูลซ่ง ชาวบ้านก็คงไม่ค่อยสนใจเรื่องของหลิงเฟิ่งมากนัก

พอหัวหน้าหมู่บ้านรู้เรื่อง ก็รีบเรียกชาวบ้านให้ช่วยกันออกตามหา แม้ตระกูลหลี่จะรู้เรื่องที่หลิงเฟิ่งหายไป แต่ก็ไม่มีผู้ใดคิดจะออกมาจากเรือนมาดูหรือสอบถามเรื่องราวเลยสักคน

กวงเจินกับหวงหลานที่เพิ่งจะเดินกลับมาถึงภายในหมู่บ้าน ก็ต้องตกใจ ที่ชาวบ้านเดินกันร้องเรียกหลิงเฟิ่งไปทั่ว

“เร็วนักเล่า” กวงเจินดึงแขนของหวงหลานเอาไว้ด้วยความหวาดกลัว

“เจ้าอย่าได้แตกตื่น มิเช่นนั้นจะโดนจับได้ เข้าไปช่วยตามหาเถิด” หวงหลานแม้จะหวาดกลัวเช่นกัน แต่ก็ยังใจกล้าเดินเข้าไปสอบถามความกับชาวบ้าน แล้วทำทีเป็นช่วยร้องเรียกหาหลิงเฟิ่งอีกแรง

“ในหมู่บ้านหาจนทั่วแล้ว เจ้าพอจะรู้ไหมว่านางยังมีที่ใดให้ไปอีก” หัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้ามาถามป้าเหลียน

“ลำธาร หรือว่านางจะไปเล่นน้ำที่ลำธาร” ป้าเหลียนร้องออกมาเสียงดัง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   ใบรับรองการเป็นสามีภรรยา

    เมื่อก่อนตอนเสียสติ นางก็ไม่เคยนึกรังเกียจที่มีหลิงเฟิ่งเป็นลูกสะใภ้ แต่พอนางหายดี ความสามารถของนาง ทั้งสิ่งของที่นางสามารถนำออกมาจากความว่างเปล่าได้ ยิ่งทำให้นางอยากจะขอบคุณสวรรค์วันละสามเวลาหลังอาหาร“หื้ม...แบบร่างของข้าน่าสนใจเพียงนั้นเลยรึเจ้าคะ”นางมิได้ร่างแบบที่แปลกประหลาดแต่อย่างใด นางเพียงแค่เพิ่มระเบียงหลังห้องที่สามารถนั่งอ่านตำรา หรือนั่งพูดคุยกันได้เพิ่มขึ้นมา ทั้งเรื่องห้องน้ำที่แบ่งพื้นที่เปียกกับพื้นที่แห้งชัดเจน จวนใหญ่ก็คงมีเช่นนี้ นางคิดว่าไม่ใช่เรื่องประหลาด“ใช่แล้ว นายช่างกวนไม่เคยเห็นเรือนที่เจ้าร่างมาก่อน ทั้งประตูที่ทำเป็นแบบเลื่อนได้ ข้าก็พูดไม่รู้เรื่อง เจ้าออกไปพูดเองดีกว่า หากอาหยุนจะตำหนิเจ้า ข้าจะจัดการเอง” จูซื่อดึงมือหลิงเฟิ่งออกไปพบนายช่างทันที“ประเดี๋ยวท่านแม่...ท่านลืมไปแล้วรึ ว่าชาวบ้านยังไม่มีผู้ใดรู้เรื่องที่ข้าหายดีแล้ว”“ตายจริง ข้าเกือบลืมไป ข้าจะออกไปพูดใหม่ ว่าอาหยุนเป็นคนร่าง เจ้ากลับเข้าไปอยู่ในห้องเถิด” จูซื่อนึกอยากจะตบปากตัวเองเสียหลายๆ ที นางจำต้องเดินไปพบนายช่างกวนเพื่อบอกให้เขามาพบชุยหยุนอีกครั้งในตอนเย็นชุยหยุนที่เข้าเมืองไปพร้อม

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   สร้างสามห้องพอ

    “ท่านแม่ เฟิ่งเออร์ ข้าใคร่ครวญเรื่องนี้ดีแล้ว อีกอย่างข้าไม่ใจบุรุษใจโลเล ที่พบเห็นสตรีอื่นก็จะเปลี่ยนใจได้ง่าย ในเมื่อข้าหายดีก็เป็นเพราะนาง มีเงินมากมายก็เป็นเพราะนาง แล้วจะมีเหตุผลใดที่ข้าจะไม่ต้องการใช้ชีวิตกับนาง”หลิงเฟิ่งยังเม้นปากแน่น นางพอจะเชื่อว่าตระกูลซ่งรักนางจากใจจริง แต่นางยังไม่มั่นใจที่จะใช้ชีวิตเช่นสามีภรรยากับชุยหยุน“ไว้ท่านกลับเข้าไปเรียนอีกครั้ง แล้วสอบผ่านซิ่วไฉได้ หากยังต้องการสร้างครอบครัวกับข้าจริง ข้าจะไม่ปฏิเสธท่านแล้ว แต่หากพบเจอคนที่ท่านต้องการใช้ชีวิตมากกว่าข้า อย่างไรข้าก็ยังเป็นน้องสาวของท่านได้”“เช่นนั้นก็ว่ากันตามนี้ นี่ก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เจ้ายังต้องเดินทางเข้าเมืองแต่เช้า เครื่องนอนก็ยังมิได้เปลี่ยน”จูซื่อเอ่ยยุติการสนทนาที่ดูท่าหากพูดกันต่ออย่างไรก็คงไม่จบในคืนนี้ หลิงเฟิ่งจึงได้ลุกขึ้นไปช่วยจูซื่อเปลี่ยนเครื่องนอนในห้องของนาง ก่อนจะกลับไปเปลี่ยนเครื่องนอนที่ห้องของตนเอง“ท่านว่า...ข้าไปนอนห้องท่านแม่ดีหรือไม่”หลิงเฟิ่งมองเตียงที่มีผ้าห่ม หมอน เพิ่มเข้ามาแล้ว หากขึ้นไปนอนสองคนก็ดูจะอึดอัดไม่น้อยเลย“ไม่ต้อง ใช้ผ้าห่มผืนเดียวก็พอ” ชุยหยุนเก็บผ

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   หลี่ซวงสร้างเรื่อง

    หากเขาได้รู้ตั้งแต่แรก คงยอมให้มารดาแต่งกับลุงกู้ไปนานแล้ว ตอนที่คิดว่าจะจบชีวิตลง ยังเป็นห่วงมารดาว่านางจะอยู่เพียงผู้เดียว“แม่...แม่” นางจูซื่อทั้งเขินอาย ทั้งไม่รู้จะหาคำใดมาพูดกับลูกชายดี นางจึงได้แต่อ้าปากและหุบปากลง“หากพวกท่านต้องการที่จะใช้ชีวิตด้วยกัน ข้าเองก็ไม่มีสิ่งใดที่จะขัด ข้าขอท่านลุงเพียงเรื่องเดียว...อย่าทำให้ท่านแม่ข้าเสียใจก็พอ” ชุยหยุนเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง“ได้ๆ ข้าไม่มีทางทำให้จูจูนางเสียใจเป็นอันขาด” ลุงกู้พยักหน้าอย่างรวดเร็วหลิงเฟิ่งได้แต่เบิกตากว้าง ถึงขั้นเรียกนามกันอย่างสนิทสนมเช่นนี้ คงดูใจกันมานานมากแล้วแน่ๆ“ข้าบอกพวกเจ้าแล้ว อาหยุนมิใช่คนไม่รู้ความหากพวกเจ้าบอกตั้งนาน ป่านนี้ก็มีลูกน้อยมาวิ่งเล่นแล้ว” ป้าจินเอ่ยเย้าออกมาหลิงเฟิ่งก็พยักหน้าน้อยๆ อย่างเห็นด้วย แม่สามีของนางยังไม่ถึงสี่สิบหนาว หากนางแข็งแรงมากพอเรื่องมีบุตรไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้“พวกข้ากลับก่อนดีกว่า พวกเจ้าก็ค่อยๆ คุยกันไป จะจัดงานมงคลเมื่อใดก็บอกข้าด้วยเล่า” ป้าเหลียนโบกมือลา ก่อนจะลากอาไฉที่มองคนนั้นทีคนนี้ทีกลับไปด้วยกันนางยังได้ยินเสียงอาไฉ ร้องตะโกนให้ป้าเหลียนไปหาสตรีมาแต่งเป็น

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   เรื่องที่ชุยหยุนไม่เคยรู้

    ชาวบ้านที่ออกมารอรับ เมื่อเห็นเกวียนวัวมิได้มีชุยหยุนและหลิงเฟิ่งลงมา ต่างก็รีบวิ่งตามเกวียนวัวที่เคลื่อนตัวไปทางเรือนตระกูลซ่งทันทีแม้ชาวบ้านคนอื่นจะสงสัย แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะตามไป ชาวบ้านที่วิ่งตามคงฝากเจ้าของเกวียนวัวกับชุยหยุนซื้อของ เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้านที่ห่างไกลเมือง จนเป็นเรื่องชินตาอยู่แล้วหลิงเฟิ่งนางเอาเงินส่วนของพวกลุงกู้ออกมาใส่ไว้ในตะกร้าแล้ว พอมาถึงเรือนชุยหยุนก็ส่งสายตาบอกบุรุษทั้งสาม ว่าตั๋วเงินอยู่ในตะกร้า ก่อนจะจูงหลิงเฟิ่งที่กลับมาแกล้งบ้า เข้าไปพักเรือนก่อนป้าเหลียนกับป้าจิน ถูกสามีและบุตรชายดันตัวให้เข้าไปช่วยชุยหยุนประคองหลิงเฟิ่งไปส่งในเรือน พวกนางจึงได้รับเข้าไปทำหน้าที่แทนชุยหยุนทันที“เจ้าไปคุยกับชาวบ้านเถิด ข้าจะพาเฟิ่งเออร์ไปพักเอง” ชุยหยุนเข้าใจในคำพูดของป้าเหลียน เขาจึงปล่อยมือหลิงเฟิ่งแล้วเดินไปหาหัวหน้าหมู่บ้านแทน“ห้องเจ้าแคบ ไปห้องข้าดีกว่า” จูซื่อเห็นว่าป้าเหลียนกับป้าจินจะตามหลิงเฟิ่งเข้าไปสอบถามความในห้อง จึงได้ขวางหน้าเอาไว้สตรีทั้งสี่คนอยู่ภายในห้องนอนของจูซื่อ ทั้งยังลงกลอนไว้อย่างแน่นหนาแล้วด้วย“พวกท่านรับปากข้าก่อน ห้ามร้องออกมา

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   ข้ารู้สึกว่ามีคนมอง

    ทั้งสองที่รอให้เสี่ยวเอ้อไปชั่งหญ้าหนอน จึงสอบถามว่าหมอถานยังรับเพิ่มอีกหรือไม่ ตอนนี้ชาวบ้านกำลังเก็บอยู่ พรุ่งนี้คงจะนำมาขายให้อีกรอบได้“หมู่บ้านหู่เซิง มีหญ้าหนอนมากเพียงนี้เลยรึ” เขาเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัยด้วยที่ผ่านมาไม่เคยมีชาวบ้านเก็บมาขายเลย หรือว่าจะไม่รู้จักก็เห็นจะไม่ใช่ ราคาที่สูงของโสม เห็ดหลินจือ หญ้าหนอน ทำให้ชาวบ้านที่ขึ้นเขาได้แต่หวังว่าจะโชคดีพบเจอสักเล็กน้อย“ขอรับ อาจจะเป็นความโชคดี ที่พวกข้าได้บังเอิญไปพบบนภูเขาที่ชาวบ้านไม่ได้เข้าไปหาของป่า”“เป็นเช่นนี้เอง” หมอถานพยักหน้าอย่างเข้าใจครั้งนี้เขาคงไม่ให้หลงจู๊เดินทางไปส่งของที่เมืองหลวงแล้ว คงจะเดินทางไปด้วยตนเองแทนเสี่ยวเอ้อเดินเข้ามาแจ้งเรื่องจำนวนหญ้าหนอนที่ชั่งได้ ของพวกลุงกู้เก้าชั่ง เป็นเงินสองพันเจ็ดร้อยตำลึงทอง ของหลิงเฟิ่งยี่สิบห้าชั่ง เป็นเงินมากถึงหนึ่งหมื่นสองพันห้าร้อยตำลึงทองค่าเงิน1 อิแปะ, เหวิน = 1 เหรียญทองแดง1 ก้วน = 1,000 อิแปะ /เหวิน/เหรียญทองแดง1 ตำลึงเงิน = 1ก้วน (พวง)1 ตำลึงทอง = 10 ตำลึงเงินแม้แต่หลิงเฟิ่งเองก็ตกใจกับน้ำหนักหญ้าหนอนหนึ่งตะกร้า ดูจะมากกว่าที่นางขายผักเมื่อชีวิตที่แล้

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   เข้าเมืองขายหญ้าหนอน

    เกวียนวัวเริ่มเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้าน หลิงเฟิ่งที่ทนแรงเขย่าไม่ให้ก็เอนตัวพิงเกวียนเพื่อหลับตาพักผ่อน นางกลัวจะอาเจียนออกมา หากไม่ข่มตาหลับ ชุยหยุนเห็นเช่นนั้นจึงประคองศีรษะของนางให้พิงมาที่ไหล่ของเขาแทน“หึ มิคิดว่าเจ้าจะดูแลนังบ้าดีเช่นนี้” หลี่ซวงอดที่จะถากถางออกมาไม่ได้ ยิ่งมองรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของหลิงเฟิ่งเขาก็ยิ่งไม่ชอบใจนางคงจะอยู่ดีกินดี ถึงได้เริ่มมีน้ำมีนวล อีกทั้งใบหน้าที่เคยซูบผอมไม่ชวนมองก็เริ่มเผยความงามออกมาแล้ว“เจ้าควรจะดีใจ ที่ตระกูลซ่งของข้าดูแลนางดีเช่นนี้ หรือว่า...เจ้ามิใช่พี่ชายของนาง” หากมองดูดีๆ หลิงเฟิ่งก็ไม่ได้มีส่วนใดที่คล้ายกับคนตระกูลหลี่เลย จะบอกว่านางเหมือนมารดาของนางก็คงไม่ใช่ มารดาของหลิงเฟิ่งปากหนา ตาเล็ก จมูกก็มิได้เป็นสันโด่งเช่นนั้นนาง“ผู้ใดอยากจะมีน้องสาวเสียสติเช่นนาง ตอนนี้นางก็ถูกตระกูลหลี่ตัดขาดไปแล้ว ต่อไปเจ้าอย่าได้อ้างถึงคนตระกูลหลี่อีก”นี่คือสิ่งที่ชุยหยุนอยากได้ยินจากปากของหลี่ซวง ในเกวียนมีชาวบ้านในหมู่บ้านอีกนับสิบ สิ่งที่เขาพูดในวันนี้ย่อมมีผลภายหน้าอย่างแน่ตลอดสองชั่วยามที่เดินทางเข้าเมือง ไม่ว่าหลี่ซวงจะพูดสิ่งใดต่อ ชุยหยุนก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status