Masukประตูห้องนอน
แอดดดด!!!! บานประตูห้องนอนใหญ่ค่อยๆ ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นร่างระหงของลี่มี่มี่สวมอาภรณ์บุรุษของยุคสมัยราชวงศ์หมิงสีขาวลออตา หญิงสาวเลือกที่จะสวมเสื้อผ้าของบุรุษเพราะความสูงของเธอไม่สามารถสวมใส่เสื้อผ้าของสตรีที่ตัดสำเร็จมาแล้วได้เลย อีกทั้งเสื้อผ้าสตรีเหล่านั้นมีความยาวของกระโปรงสั้นเกินไปกว่าที่เธอจะสวมได้เนื่องจากสตรีโบราณจะมีส่วนสูงไม่เกิน 160 เซนติเมตรเสียส่วนใหญ่ ซึ่งความสูงดังกล่าวถือว่าสูงมากแล้วในยุคสมัยนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วจะมีความสูงเฉลี่ยต่ำกว่านี้ลงไปอีก และนั่นจึงทำให้ลี่มี่มี่เลือกที่จะสวมเสื้อผ้าของบุรุษที่มีความสูงโดยทั่วไปเฉลี่ยแล้วเท่ากับตัวเธอได้อย่างพอดิบพอดีมากกว่าจะสวมเสื้อผ้าของสตรี หญิงสาวกลายเป็นคุณชายหน้าหวานร่างสูงโปร่งบาง สวมอาภรณ์ขาวปักลวดลายเมฆสีทองทั้งชุดมาพร้อมกับพัดคู่กายที่เลือกหยิบได้ตามใจภายในห้องเก็บทรัพย์สิน และสิ่งที่เธอลืมไม่ได้เลยคือเลือกหยิบก้อนเงินใส่ไว้จนเต็มถุงผ้าและตั๋วแลกเงินเก็บไว้ภายในอกเสื้อ เส้นผมสีดำสนิทที่มวยเอาไว้อยู่ก่อนหน้านี้แล้วถูกเกล้าขึ้นใหม่และรวบตึงก่อนจะเลือกสวมกวานสีเงินครอบมวยผม ตามแบบฉบับของผู้ชายในยุคสมัยนี้ ลิปสติกสีนู้ดกลีบบัวถูกทาทับด้วยแป้งจนเจือจางลง โชคดีที่บรรดาถุงเครื่องสำอางของลี่มี่มี่ไม่ได้ฝากไว้กับแก๊งเพื่อนสาวของเธอจึงทำให้มีเครื่องสำอางและเครื่องมือสำหรับแปลงโฉมและแต่งหน้ามีอย่างครบครัน อายไลเนอร์สีดำสนิทถูกเกลี่ยให้จางลงไปเพียงแค่ส่วนหางตาก่อนจะเกลี่ยให้เข้ากันโดยใช้อายแชโดว์สีอ่อนไล่สีปกปิดให้จางลงแต่เน้นดวงตาให้คมเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ก่อนจะเขียนคิ้วให้คมเข้มขึ้นและหนาอีกเล็กน้อยพร้อมยกหางคิ้วขึ้นสูงตามแบบฉบับของบุรุษในสมัยโบราณ ลี่มี่มี่สตรีสาวในโลกยุคใหม่ ร่างสูงระหงและเพรียวบางแต่มีส่วนเว้าส่วนโครงสมบูรณ์แบบตามวัยสาวและแข็งแรง ด้วยเพราะเธอออกกำลังกายอยู่เป็นประจำตามแบบฉบับของสตรีจีนยุคใหม่ หญิงสาวในยามนี้ได้สลัดคราบกลายเป็นคุณชายหน้าขาว หล่อเหลาหน้าหวานดุจสตรีผิดแปลกไปจากบุรุษในยุคนี้อย่างสิ้นเชิงที่จะมีใบหน้าดุดัน ไว้หนวดเครายาวเฟื้อยปกคลุมกรอบหน้า แต่ถึงกระนั้นแม่คุณก็ไม่วายที่จะฉีดพรมน้ำหอมจากแบรนดังที่ซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าในยุคปัจจุบัน ไปตามร่างกายตามความเคยชินด้วยหลงลืมไปว่าตัวเองถูกนำกลับมาในอดีตเมื่อเกือบเจ็ดร้อยปีก่อนยุคต้นราชวังหมิง “เข้าท่าเหมือนกันแฮะ..แต่งเป็นผู้ชายแบบนี้ไปไหนก็สะดวกเหมือนกัน ว่าแต่จะออกไปนอกจวนอย่างไงไม่ให้คนข้างนอกเขารู้ว่าเราออกมาจากที่นี่ เดี๋ยวได้ซวยกันพอดีแต่ก่อนอื่นหาอะไรกินก่อนดีกว่า หิวน้ำก็หิว หิวข้าวยิ่งแล้วใหญ่”ลี่มี่มี่พูดพลางรีบก้าวเดินออกจากห้องนอนไปอย่างรวดเร็วเพื่อหาทางออกจากจวนสกุลหลินไปสู่โลกภายนอก เพียงไม่นานหญิงสาวมาหยุดยืนอยู่ตรงกำแพงจวนทางด้านหลังแหงนคอมองต้นอวี่หลันที่ยืนเรียงรายเป็นทิวแถวไปจนสุดกำแพงจวน พร้อมยืนครุ่นคิดหาวิธีออกไป “จำได้ว่าซอยตรงนี้ขายของเฉพาะตอนเช้าพอสายๆ หน่อยก็เก็บแล้วจะมาขายอีกทีตอนบ่ายแก่ๆ ไม่ต่างไปจากตลาดในยุคปัจจุบันเท่าไร สำคัญตรงที่ตอนนี้มันกี่โมงแล้วมากกว่า...ปีนดูอีกสักรอบก็แล้วกันไหนๆ ก็จะต้องหาทางออกไปอยู่แล้ว”ลี่มี่มี่พูดพลางรีบไต่บันไดที่เธอนำมาพาดไว้ไปกับกำแพงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เพียงครู่สายตาของหญิงสาวก็เห็นถนนที่อยู่ด้านหลังจวนเหลือเพียงร้านค้าที่เก็บทำความสะอาดหมดแล้ว เรียงรายเป็นทิวแถวไปตลอดเส้นทาง ไม่มีคนเดินสัญจรผ่านไปมาทางนี้ยามเมื่อตลาดวายซึ่งเป็นไปตามกฎเมืองที่ออกมาใช้บังคับ “ทางสะดวกแล้ว”ลี่มี่มี่พูดพลางปีนขึ้นไปบนขอบกำแพงก่อนจะก้มลงมองพื้นด้านล่างว่าพอจะกระโดดลงไปได้หรือไม่” “โอโห่! ไปทางหมาลอดดีกว่ามั้งมี่มี่ สูงขนาดตึกสองชั้นอาจจะเกินกำลังไปเสียหน่อย”ลี่มี่มี่บ่นพึมพำก่อนจะเหลือบสายตาไปเห็นร้านค้าวางถังไม้ซ้อนด้วยกันสองถังมีความสูงติดต่อกันครึ่งหนึ่งของกำแพงจวน “เข้าท่า!”หญิงสาวพูดพลางรีบเดินไต่บนขอบกำแพงจวนไปอีกประมาณไม่ถึงยี่สิบเมตรก็มาหยุดอยู่ตรงร้านค้าที่ตั้งแผงขายอะไรบางอย่างซึ่งจะต้องมีถังไม้ไว้จัดเก็บข้าวของภายในนั้น ลี่มี่มี่รีบใช้ความสูงของตัวเองให้เป็นประโยชน์ยื่นขาเรียวยาวจนสามารถเหยียบอยู่บนฝาถังได้เป็นผลสำเร็จก่อนจะกระโดดลงจากถังมายืนอยู่ที่พื้นถนนอย่างรวดเร็ว “มีอะไรที่คนอย่างลี่มี่มี่ทำไม่ได้บ้าง!”หญิงสาวพูดพลางสะบัดพัดในมือจนคลี่ออกกว้างโบกขึ้นลงไปมา ร่างระหงรีบเดินตรงไปข้างหน้าซึ่งสามารถทะลุใจกลางเมืองและเป็นที่ตั้งของร้านค้ามากมายจนนับไม่ถ้วน โรงเตี๊ยมรวมไปถึงโรงน้ำชาและหอนางโลม ซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งถนนตรงกันข้ามของจวนสกุลหลินที่ถูกปิดตายในเวลานี้ห้าปีผ่านไป จวนตงฉ่าง จวนตงฉ่างในเวลานี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กเล็กๆกำลังส่งเสียงหัวเราะไม่เว้นแต่ละวัน จวนตงฉ่างหรือจวนสกุลหลินในอดีตเต็มไปด้วยเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลด บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบงันและความหดหู่ปกคลุมไปทั่วจวบจนกระทั่งจวนสกุลหลินได้กลายมาเป็นจวนตงฉ่าง ซึ่งเจ้าของจวนเป็นถึงผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร และจากเหตุการณ์ในอดีตซึ่งมีเรื่องราวสลับซับซ้อนได้ถูกเปิดเผย จนทำให้ล่วงรู้ว่าอดีตเสนาบดีเกาจิ้งหยวนเจ้ากรมคลังและอดีตเสนาบดีหลินเหยียนเจิ้งเจ้ากรมพลเรือน แท้จริงแล้วคือขุนนางผู้ภักดีแต่ความภักดีนั้นกลับทำให้เกิดเรื่องน่าสลดเพราะถูกให้ร้ายจากคนโฉด และมลทินทั้งหลายได้ถูกชะล้างไปหมดสิ้นเมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผย ด้วยเหตุนี้สกุลหลินและสกุลเกาจึงได้รับความบริสุทธิ์กลับคืน ลี่มี่มี่คือทายาทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของสกุลหลินเพียงหนึ่งเดียวที่ได้ทำให้ตระกูลของเธอได้รับความเป็นธรรมกลับคืนมา
คุกตงฉ่าง สตรีร่างเล็กในชุดนักโทษกำลังนั่งตัวชาในท่านั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นห้องขัง ตู้หรูอี้แทบสิ้นสติเมื่อได้ยินเสียงประกาศราชโองการขององค์จักรพรรดิถูกนำมาคุกตงฉ่างหลังจากที่ได้นำไปประกาศที่จวนเซี่ยเสิ้งกั๋วกง โดยเจิ้งหลี่เม่าเป็นผู้ประกาศราชโองการดังกล่าว ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโวยวายของอดีตคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ไม่ยอมรับความจริงกับชะตากรรมของตระกูลที่เกิดขึ้นและจบลงในเวลาอันรวดเร็ว “ท่านพ่อของข้าถูกใส่ร้าย! ข้าไม่เชื่อ! พ่อข้าไม่ใช่กบฏ..พวกเจ้าให้ร้ายตระกูลของข้า เจ้าพวกโฉดชั่ว”ตู้หรูอี้ก่นด่ากราด “จะกล่าวโทษผู้ใดก็จงดูการกระทำของเจ้าด้วยนะ สิ่งที่ทำลงไปสร้างความทุกข์ให้กับผู้อื่นมากแค่ไหน สำนักรู้ได้หรือเปล่าก็ไม่ล่วงรู้ ตอนนี้เจ้าคือนักโทษประหารที่จะต้องถูกตัดหัวกลางแจ้งต่อหน้าประชาชน นี่คือสิ่งที่เจ้าและพ่อรวมไปถึงคนในตระกูลสร้างเอาไว้ตายทีเดียวสิบชั่วโคตร แต่ก่อนจะถูกประหารมีคนอยากพบเจ้าและคนผู้นี้เจ้าเองก็ลงมือสังหารนางมาแล้วถึงสองครั้งสองครา”หลี่เม่ากล่าวพร้อมก้าวเดินออกไปจากห้องคุมขังนักโทษที่ลึกอยู่ชั้นในสุดอย่างมิด
จวนเซี่ยเสิ่งกั๋วกงร่างสันทัดของตู้เหมิ่งห้าวกำลังไล่ตรวจบันทึกทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลตู้ ที่ปีนี้งอกเงยจากปีก่อนขึ้นมานับเท่าทวีคูณ ในขณะที่เรื่องราวของบุตรสาวคนโปรดยังไม่ล่วงรู้ถึงหู ด้วยเพราะนางบอกแต่เพียงว่าจะเดินทางไปปฏิบัติธรรมเพื่อบำบัดจิตใจให้คลายความทุกข์ลงไปได้บ้าง โดยไม่ล่วงรู้เลยว่าบัดนี้ตู้หรูอี้ได้นำหายนะครั้งยิ่งใหญ่มาสู่ตระกูลของตัวเอง ทันทีที่เปิดเผยเรื่องราวในอดีตว่าแท้จริงแล้วเป็นนางที่วางแผนฆ่าคุณหนูสิบหก หลินลี่ชาแห่งสกุลหลิน โดยการยืมมือซือกงกงเป็นผู้สังหารเพื่อกำจัดสตรีที่ถูกจับจองให้เป็นฮูหยินข้างกายชายที่นางหลงรัก อีกทั้งลูกสมุนที่ถูกส่งไปทำงานใหญ่โดยการลักพาตัวลี่มี่มี่มากักขังไว้ในสถานที่คุมขังที่จัดเตรียมเอาไว้ก็ยังไม่ส่งข่าวมาแจ้งว่าลงมือทำงานไปถึงไหน นั่นเป็นเพราะลูกสมุนทั้งหมดถูกกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรล้อมจับเอาไว้ได้ทั้งหมด รวมไปถึงตู้หรูอี้บุตรีคนโปรดของหัวหน้าสภาขุนนางคนปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้ถูกจับด้วยเช่นกัน ด้วยข้อหาฉกรรจ์เจตนาฆ่าเจ้าสาวของผู
จวนตงฉ่าง เรือนชิงเหลียน เรือนใหญ่ซึ่งถูกตกแต่งเอาไว้เป็นอย่างดี พรั่งพร้อมไปด้วยเครื่องเรือนมากมายที่ลี่มี่มี่เลือกจัดวางมาลงที่เรือนดังกล่าวด้วยตัวเองทั้งสิ้น ทั่วทั้งบริเวณตลอดทั้งภายนอกและภายในประดับด้วยผ้าแดงมงคลเต็มไปหมด ตลอดจนทั่วทั้งจวนด้วยในวันพรุ่งนี้ก็จะถึงพิธีสมรสของตงฉ่างโหวและพิธีขึ้นจวนใหม่ไปพร้อมกัน เรือนชิงเหลียนในอดีตนั้นก็คือที่พำนักของหลินเหยียนเจิ้งและฮูหยินเซียว บิดาและมารดาของหลินลี่ชา คุณหนูสิบหกของตระกูลหลินผู้เป็นดวงใจของพ่อและแม่ ภายในห้องนอนปรากฏร่างของลี่มี่มี่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียงนอนขนาดใหญ่ซึ่งจะใช้เป็นห้องหอในวันพรุ่งนี้ หญิงสาวถูกว่าที่สามีของเธอช่วยชีวิตออกมาจากโลงศพที่ต้องการฝังนางทั้งเป็น และยากเกินกว่าที่ผู้ใดจะหยั่งรู้ได้จะเป็นเพราะสวรรค์ดลใจหรือสิ่งเร้นลับบางอย่างคอยช่วยเหลือเธอมาโดยตลอดนั้นเรื่องนี้ก็ยา
ในขณะเดียวกันป่าไผ่เขียว อาชาตัวมหึมาควบห้อตะบึงมุง่หน้ามายังบริเวณป่าที่เต็มไปด้วยต้นไผ่ลำมหึมายืนต้นสูงแผ่กิ่งก้านจนบดบังแสงอาทิตย์ไม่สามารถแทงลำแสงลงสู่เบื้องล่างได้ จนทำให้ทั่วบริเวณดังกล่าวนั้นมืดครึ้มไปหมด ในขณะที่ดวงตาสีสนิมเหล็กดุจพญาเหยี่ยวของตงฉ่างโหวจับจ้องอยู่ตรงหน้าอยู่ตลอดเวลาพร้อมสังเกตไปรอบกาย ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อม้าคู่ใจวิ่งมาถึงลานป่าไผ่ยืนต้นสูงเรียงรายล้อมรอบเป็นวงกลมคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวล้อมรอบไปด้วยต้นไผ่เขียวมากมายยืนต้นสูง “อะไรกันนี่!”ตงฉ่างโหวเอ่ยออกมาทันที เบื้องหน้าในขณะนี้ปรากฏดอกอวี้หลันสีม่วงปกคลุมพื้นดินจนมีรูปร่างคล้ายหลุมฝังศพ ครั้นหันไปสำรวจทั่วบริเวณกลับไม่ปรากฏต้นอวี้หลันอยู่ภายในบริเวณนั้นแม้แต่น้อย ครั้นแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเบื้องบนก็ไม่ปรากฏแหล่งที่มาของดอกไม้ดังกล่าวนำพาความแปลกใจให้แก่ท่านโหวหนุ่มยิ่งนัก ดวงตาคมกล้าจับจ้องอยู่แต่ดอกอวี้หลันที่อยู่ตรงหน้าเช่นนั้นและจดจำขึ้นมาได้ทันทีเมื่อดอกไม้นี้ สตรีที่อยู่ในหัวใจชอบมากที่สุด “ดอกอวี้หลันสีม่วง ดอกไม้ของมี่มี่!!!
ป่าไผ่เขียว ทั่วทั้งบริเวณของต้นไผ่ที่สูงชะลูดแข่งขันกัน แผ่กิ่งก้านที่เต็มไปด้วยใบไผ่สีเขียวปกคลุมจนทำให้มืดครึ้ม แสงแดดจากท้องฟ้าเบื้องบนสาดแสงลงสู่เบื้องล่าวได้เพียงน้อยนิด สาเหตุเพราะถูกกิ่งที่เต็มไปด้วยใบไผ่มากมายปิดบังเอาไว้ ทำให้แสงแดดของเวลากลางวันทอแสงรำไรพุ่งตรงลงสู่พื้นดินเบื้องล่างมองเห็นได้เป็นย่อมๆ เพียงเท่านั้น พื้นดินตรงบริเวณที่เป็นหลุมฝังศพของลี่มี่มี่ซึ่งถูกฝังไปเมื่อครู่ที่ผ่านมา บัดนี้ใต้พื้นดินเบื้องล่างกำลังเกิดสงครามระหว่างลี่มี่มี่กับโลงศพ เมื่อเธอถูกฝังทั้งเป็นทั้งที่ยังไม่ตาย ร่างที่กำลังห่อหุ้มอยู่ในผ้าขาวนั้นจึงพยายามดิ้นรนหาทางเอาตัวเองออกไปจากโลงแคบๆ นี้ให้ได้ถึงแม้ว่าอากาศรอดจะมีเพียงแค่ศูนย์เปอร์เซ็นต์ก็ตามแต่ลี่มี่มี่ก็ไม่ยอมแพ้ “ตู้หรูอี้! อย่าให้คนอย่างลี่มี่มี่รอดไปได้นะ ฉันจะกลับไปทวงชีวิตของแก! ต่อให้ตายเป็นผีก็จะไปหักคอแกให้ถึงที่เลยนางคุณหนูหน้าขาว!”ลี่มี่มี่ก่นด่าตู้หรูอี้พร้อมพยายามใช้มือของเธอที่ถูกมัดแน่นอยู่ในขณะนั้นล้วงเข้าไปในอกเสื้อที่ซุกซ่อนบางอย่างเอาไว้อยู่ต







