รถม้าของตระกูลหลี่ เคลื่อนผ่านสำนักศึกษาของตระกูลหลี่ เข้าไปจอดนิ่งอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ของจวน หลี่ชิงเหมียวก้าวเท้าลงมาจากรถม้า ก่อนที่นางจะเดินกลับเข้าไปข้างใน ทว่ายังไม่ทันที่จะเดินไปถึงสวนบุปผา สาวรับใช้จากเรือนเอ้อชางของมารดา ก็เข้ามาคำนับทักทายนาง
“คุณหนูสาม…ท่านกลับมาแล้ว”“ซุนเอ๋อ…เจ้ากำลังรอข้าอยู่รึ” หลี่ชิงเหมียวหรี่ตามองสาวรับใช้ประจำเรือนเอ้อชางของมารดา พลางถามออกมา“เจ้าค่ะคุณหนูสาม… ฮูหยินรองสั่งให้บ่าว รอท่านกลับมา เพื่อเชิญให้ท่าน ไปพบนางที่เรือนเจ้าค่ะ” ซุนเอ๋อรีบตอบคำถามคุณหนูสามด้วยน้ำเสียงยินดี เพราะนางรอคอยคุณหนูสาม มานานหลายชั่วยามแล้วหลี่ชิงเหมียวพยักหน้าให้ซุนเอ๋อ แล้วจึงก้าวเท้าเดินนำหน้าสาวรับใช้ มุ่งไปยังเรือนเอ้อชาง นางพอจะเดาออก ว่ามารดาเรียกนางไปพบด้วยเรื่องใด เพราะถ้าหากนางมิได้เห็นว่าสองสามีภรรยาตระกูลหลัวมาเยือนเมืองถงในยามนี้ นางก็คงจะคาดเดาไม่ออกจ้าวซื่อนั่งเย็บผ้าคลุมไหล่ ให้กับหลี่ชิงเหมียว อยู่ภายในห้องโถงของเรือนเอ้อชาง หน้าต่างทุกบานถูกเปิดออก มีสายลมพัดโกรก เข“ท่านแม่”หลัวอี้เจ๋อหันไปร้องเรียกมารดา พลางฉีกยิ้มตาหยีออกมา แม่นมซิ่วยกแขนเสื้อขึ้นมาซับน้ำตา โดยที่ฮูหยินใหญ่และฮูหยินน้อย ต่างก็ไม่มีผู้ใดทันได้สังเกตเห็น“อ้อ…วันพรุ่งนี้ท่านตากับท่านยายของเจ๋อเอ๋อร์จะแวะเข้ามาเยี่ยม เจ้าก็อยู่ด้วยกัน ช่วยแม่ต้อนรับพวกเขาเถิด นายท่านหลูถือได้ว่าเป็นท่านอาจารย์ของเฉินเอ๋อร์ เจ้าพบหน้าคำนับทักทายพวกเขาหน่อย ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ไม่เหมาะ”จู่ๆ หลัวฮูหยินก็นึกขึ้นได้ ถึงกำหนดการมาเยือนของอดีตพ่อตาและแม่ยายของบุตรชาย นางจึงได้บอกกล่าวกับลูกสะใภ้ล่วงหน้าความจริงแล้ว วันก่อนนางได้ส่งเทียบเชิญ ไปให้แก่สองสามีภรรยา เพื่อให้พวกเขาได้มาเห็น ว่าสตรีที่นางเลือกมาดูแลหลานชาย เป็นสตรีที่ดีและมีความสามารถมากเพียงใด ผ่านไปแค่เพียงเดือนเดียว หลานชายของพวกตน ก็รักใคร่สนิทสนมกับมารดาเลี้ยงผู้นี้เสียแล้วหลี่ชิงเหมียวได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่าหัวใจของนางนั้นเต้นแรงขึ้น นานแค่ไหนแล้ว ที่นางไม่ได้พบหน้าบิดามารดาในชีวิตก่อน ถึงแม้ว่านางจะมีชีวิตใหม่ กลายมาเป็นผู้อื่น ทว่าสายใยในอดีต ก็มิอาจตัดให้ขาดได้ มิเช่นนั้นน
“กู้อี้…เจ้าช่วยไปสืบเรื่องราวในอดีตของฮูหยินน้อยมาให้ข้าที เรื่องนี้กระทำการอย่างลับๆ ภรรยาเจ้าก็ห้ามให้นางรู้เป็นอันขาด” กู้อี้ขมวดคิ้วเข้าหากัน พลางเอ่ยถามท่านหัวหน้าออกมาด้วยความสงสัย“เหตุใดถึงต้องสืบเรื่องในอดีตของฮูหยินน้อยด้วยเล่าขอรับ นางก็เป็นสตรีที่ดี อยู่ในจวนสกุลหลัวอย่างสงบเสงี่ยมมิใช่หรือขอรับ”“แต่นางมีบางอย่าง ที่ทำให้ข้ามองเห็นเหลียนเอ๋อร์ในตัวนาง”“ท่านหัวหน้าสงสัยว่า ฮูหยินน้อย…”กู้อี้มองหลัวอี้เฉินนัยน์ตาเบิกโต เพราะเขาไม่เห็นว่าฮูหยินน้อย จะมีท่าทีสนใจในตัวท่านหัวหน้าเลยสักนิด มีบ้างที่จะปฏิบัติตน ตามหน้าที่ของภรรยา แต่ก็มิได้ก้าวก่าย หรือล้ำเส้นท่านหัวหน้าแต่อย่างใดแล้วนางจำเป็นที่จะต้องวางแผน เลียนแบบอดีตฮูหยินน้อยด้วยหรือ เพื่อสิ่งใดกัน หรือว่านี่จะเป็นเล่ห์เหลี่ยมของสตรี ที่แสร้งปล่อยเพื่อจับ กู้อี้คิดอยู่ภายในใจ ทว่าไม่กล้ากล่าววาจาใดออกมา“ข้าไม่รู้…แต่นางมีลักษณะนิสัย คล้ายคลึงกับเหลียนเอ๋อร์หลายอย่าง หากนางจงใจจะเข้ามาอยู่เคียงข้างข้า ข้าจะได้รีบถอ
กลางดึก หลัวอี้เฉินก็ได้ลุกขึ้นจากเตียง ซึ่งมีตำแหน่งอยู่หน้าม่านกั้น แล้วค่อยๆ เดินด้วยฝีเท้าแผ่วเบา เพื่อเข้าไปดูบุตรชาย ที่อยู่นอนบนเตียงเดียวกันกับภรรยาหมาด ๆ ของเขาอย่างสบายใจ โดยไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นมา งอแงกลางดึกเลยสักนิดต่างจากยามที่บุตรชายนอนตามลำพัง เขามักจะตื่นขึ้นมาร้องไห้งอแงกลางดึก กว่าจะนอนได้ ก็สร้างความลำบากให้แก่แม่นมซิ่ว และบรรดาสาวรับใช้ในเรือนนั้นอยู่ไม่น้อย สตรีผู้นี้จะมีความสามารถมากเกินไปแล้วกระมัง เขามองผ่านม่านมุ้งเข้าไป เห็นดวงหน้างามของนางเขาดึงสายตาของตนกลับมา แล้วจึงเดินกลับไปยังเตียงนอนของตน เขาไม่เข้าใจว่า เหตุใดสตรีที่ยังไม่เคยออกเรือน อย่างคุณหนูสามตระกูลบัณฑิตหลี่ ถึงได้เข้าใจถึงวิธีการดูแลเด็กดีเช่นนี้ นางมีสิ่งใดพิเศษกัน ถึงได้ทำให้หลัวอี้เจ๋อ รู้สึกอุ่นใจ ยามที่ได้อยู่ใกล้นางหลัวอี้เฉินได้แต่เก็บงำความสงสัยเอาไว้ ถึงอย่างไรแล้วนี่ก็เป็นเพียงคืนที่สอง ที่สตรีสกุลหลี่แต่งเข้ามา เขายังพอมีเวลา จับตามองการกระทำของนางไปอีกนานหากนางจริงใจต่อหลัวอี้เจ๋อ แน่นอนว่าเขาย่อมยินดี และดีต่อนาง แต่ถ้าหากนางคิดร้ายต่อบุตรชายเพียงคนเดี
อี้เหลียนรู้อยู่แล้ว ว่าความสัมพันธ์ระหว่างฮูหยินน้อยกับนายท่านเป็นเช่นไร นางจึงไม่ได้คิดมากอันใด รีบไปจัดการตามคำสั่ง ของฮูหยินน้อยอย่างว่องไวทว่าหลังจากที่หลัวอี้เฉินอาบน้ำเสร็จ และเตรียมตัวจะเข้านอน เสียงร้องไห้ของบุตรชายก็ดังขึ้นมาที่ด้านหน้าประตูของห้องนอน ทำให้เขาต้องรีบลุกขึ้นจากเตียงเตาแต่นึกไม่ถึงว่า เขากลับช้าไปกว่าภรรยาใหม่ อย่างหลี่ชิงเหมียวอยู่หลายก้าว ไม่รู้ว่านางลุกจากเตียงมาตั้งแต่ยามใด นางเปิดประตูห้องนอนออก ไม่นานร่างเล็ก ก็โผเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของนาง นางอุ้มร่างเล็กของหลัวอี้เจ๋อขึ้นมา“เจ๋อเอ๋อร์….ไม่ร้องนะลูก…แม่อยู่ที่นี่กับเจ้าแล้ว” หลี่ชิงเหมียวปลอบประโลมลูกน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนหัวใจของนางบีบรัดยิ่งนัก บุตรชายของนาง เหตุใดถึงได้สนิทสนมกับร่างใหม่นี้ ได้อย่างน่าประหลาดใจเช่นนี้ หรือว่าเขาจะรู้สึกได้ถึงการมีนางอยู่หลัวอี้เฉินเห็นภาพตรงหน้า ก็รู้สึกใจเต้นแรง นี่มันเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก บุตรชายของเขา มิใช่เพียงแค่สนิทสนมกับมารดาเลี้ยงได้อย่างง่ายดายทว่าบุตรชายของเขา กลับรู้สึกไว้วางใจ ในการได้อยู
หลัวอี้เฉินค่อย ๆ วางร่างเล็กลงบนเตียง นัยน์ตาทอแสงประกายอ่อนโยน มองไปยังบุตรชาย เขานั่งลงข้างเตียง ยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของบุตรชาย ที่ยังคงหลับตาพริ้มเขาเข้าใจดี ว่าเหตุใดบุตรชายถึงสนิทสนม กับคุณหนูสามตระกูลหลี่ได้ง่ายเพียงนี้ นั่นก็คงจะเป็นเพราะชีวิตของเขา ขาดมารดามาตั้งแต่เกิด ทำให้เขาโหยหาอ้อมกอดจากนาง“เจ๋อเอ๋อร์ของพ่อ…” เขากลั้นน้ำตาลูกผู้ชายเอาไว้ยามที่นึกถึงภรรยาอันเป็นที่รัก ก่อนที่เขาจะออกไปปราบโจรร้ายเหล่านั้น นางยังบอกให้เขาทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และระมัดระวังตนให้ดี ทว่านางกลับมิเคยเป็นห่วงตนเองเลย“นายท่าน…เหตุใดคุณชาย….”แม่นมซิ่วเดินเข้ามาภายในเรือนนอนของคุณชายน้อย เป็นเพราะเห็นแสงจากโคมไฟที่ส่องสว่างอยู่ นางไม่คิดว่าคืนนี้ คุณชายน้อยจะกลับมานอนที่ห้อง เพราะว่าฮูหยินน้อยอาสาจะดูแลเขา“ฮูหยินน้อยกับคุณชายน้อย เข้ากันได้เป็นอย่างดีเลยหรือ” เสียงทุ้มเอ่ยถามแม่นมของอดีตภรรยาออกมา“เจ้าค่ะ…ฮูหยินน้อยเป็นสตรีที่อ่อนโยน นางเอ็นดูคุณชายน้อยจริงๆ วันนี้ทั้งวัน คุณชายน้อยมีคว
แม้จะเป็นวันแรกที่สองแม่ลูกได้พบหน้ากัน ทว่าวันนี้ทั้งวัน คุณชายน้อยหลัวอี้เจ๋อ กลับไม่ยอมกลับไปยังเรือนนอนของตน นอกจากให้มารดาเลี้ยงอ่านตำราให้ฟังแล้ว เขายังร่วมกินมื้อกลางวันกับมารดาเลี้ยง และนอนหลับกลางวันที่เรือนของนางอีกด้วยแม่นมซิ่วทั้งรู้สึกจนใจ และรู้สึกดีใจ จนใจที่คุณชายน้อยงอแง ไม่ยอมกลับไปนอนที่เรือนนอนของตน และรู้สึกดีใจที่เห็นว่า คุณชายน้อยกับฮูหยินน้อย เข้ากันได้ด้วยดี ทำให้วันแรกของการใช้ชีวิตร่วมกัน ในสถานะมารดาเลี้ยง และบุตรชาย ถือว่ารักใคร่กลมเกลียวกัน ได้อย่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก“ฮูหยิน…เหตุใดเจ้าถึงไม่ให้เขา กลับไปนอนที่เรือนของเขาเล่า”หลัวอี้เฉินที่กลับมา หลังจากออกไปทำหน้าที่ของตนตั้งแต่เช้า เอ่ยถามภรรยาหมาดๆ ของตนด้วยความประหลาดใจ ยามที่ได้เห็นว่ามีผู้ใดนอนอยู่บนเตียงเขายังจำเป็นต้องกลับเข้ามาในห้องหอ ก็เพื่อเป็นการให้เกียรตินางผู้เป็นภรรยา แม้เขาจะตั้งใจเอาไว้แล้วว่า เขาจะไม่นอนร่วมเตียงกับนาง ทว่าจะให้บุตรชายมานอนแทนเขาเช่นนี้ ดูเหมาะสมที่ใดกัน“ก็เขางอแง แม่นมซิ่วหว่านล้อมเช่นไร เขาก็ไม่ยอมกลับไป บอกว่าอย
“เป็นอันใดไปรึ…หืม….เหตุใดถึงได้ร้องไห้ออกมาเช่นนี้” หลี่ชิงเหมียวลูบแผ่นหลังของเขา พลางเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ฝัน…ท่านแม่…ท่านกลับมา ฮึก…หา…..”หลัวอี้เจ๋อพยายามอธิบาย ทว่าเด็กสองย่างสามปีย่อมมิอาจพูดออกมาได้ยืดยาว แม่นมซิ่วกลับเข้าใจในสิ่งที่คุณชายน้อยพยายามจะอธิบาย นางยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตาตนเอง พลางกล่าว“คุณชายน้อยนึกว่าตนฝันไปเจ้าค่ะ เรื่องที่เขาได้เจอกับฮูหยินน้อย” หลี่ชิงเหมียวน้ำตาคลอโดยไม่รู้ตัว นางพาร่างเล็กของบุตรชาย ไปนั่งลงยังเตียงอุ่นตัวยาว ซึ่งอยู่ติดกับริมหน้าต่าง“แม่อยู่นี่แล้ว จากนี้แม่จะไม่ทิ้งเจ้าไปที่ใดอีกแล้ว”“ฮูหยิน…ท่าน” แม่นมซิ่วอุทานพลางมองอีกฝ่ายด้วยแววตาตกใจนางได้เก็บความสงสัยเรื่องที่คุณหนูของนางอาจจะกลับมาเกิดใหม่ในร่างของคุณหนูจากตระกูลบัณฑิต ดังเช่นที่ท่านนักพรตเคยทำนายเอาไว้ ตั้งแต่ที่นางได้พบหน้ากับอีกฝ่าย ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกทว่านางกลับมิกล้า เอ่ยถามถึงเรื่องที่ตนสงสัยออกมา เพราะต
สองแม่ลูกมองการกระทำของฮูหยินน้อยคนใหม่ แล้วพาลให้เกิดความรู้สึกตื้นตันใจ ด้วยไม่คิดว่าคุณชายน้อยจะกล้าเข้าไปกอดสตรีแปลกหน้า อีกทั้งยังร้องเรียกอีกฝ่ายว่า ท่านแม่ ออกมาอย่างง่ายดายอีกด้วย“ไม่ทันไรก็เติบโตถึงเพียงนี้แล้วหรือ”หลี่ชิงเหมียวพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พลางลุกขึ้นยืนแล้วอุ้มบุตรชายเอาไว้ในอ้อมแขน ทว่านางก็เป็นเพียงแค่สตรีตัวเล็กๆ จึงทำให้ท่าทางการอุ้มเจ้าก้อนแป้งในอ้อมแขนนั้น ดูเก้ๆ กังๆ ไม่น้อย“ฮูหยินน้อยเจ้าคะ…ปล่อยให้คุณชายน้อยเดินเองเถิดเจ้าค่ะ”แม่นมซิ่วรีบกล่าวออกมา หลังจากที่หาเสียงเจอ นางเห็นว่าฮูหยินน้อย มีรูปร่างบอบบาง จึงไม่อยากให้คุณชายน้อยทำให้มารดาเลี้ยง ต้องลำบากจนเกินไป“ไม่เป็นไรแม่นม เจ๋อเอ๋อร์ไม่หนักเลย ข้าอุ้มเขาไหว” หลี่ชิงเหมียวส่งยิ้มยามที่บอกกับแม่นมหลัวอี้เจ๋อยังคงซบอยู่ที่ไหล่ของมารดาเลี้ยง เขาสูดกลิ่นหอมกรุ่นของนางเข้าไปจนเต็มปอด หลี่ชิงเหมียวพาเขาเดินไปเดินมา ไม่นานนักเด็กน้อยในอ้อมแขนก็ผล็อยหลับไป“อี้เหลียน…เจ้าไปจัดที่นอนให้คุณชายน้อยนอนบนเตียงข
หลังจากมื้ออาหารเช้าผ่านไป หลัวอี้เฉินก็ขอตัวออกจากจวน เพื่อไปทำหน้าที่ของตน ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งผ่านการแต่งงานมาหมาดๆ ทว่าสำหรับคนที่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อนเช่นเขาแล้ว ไม่นับว่าสำคัญอันใดอีกทั้งภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้ามาของเขา ก็เป็นสตรีที่รู้ความ นางไม่ได้เรียกร้อง หรือต้องการสิ่งใดจากเขา อีกทั้งยินดีที่จะดูแลบุตรชายแทนเขาอีกด้วย เขาจึงออกจากเรือนไปได้อย่างสบายใจและเป็นเพราะแต่งงานวันแรก หลี่ชิงเหมียวจึงยังไม่ได้รับหน้าที่สำคัญอันใดจากแม่สามี นางจึงอาศัยยามที่ยังว่างๆ นั่งเย็บปักหมวกใบน้อยให้กับบุตรชาย นางคาดว่าวันนี้เขาจะต้องมาคำนับทักทายนางและก็เป็นไปตามคาด เพราะในยามซื่อ แม่นมซิ่วก็ได้พาคุณชายน้อย มาพบกับฮูหยินน้อย ตามคำสั่งของฮูหยินใหญ่ วันนี้จิ่งอี๋ที่แต่งออกไปกับกู้อี้แล้ว ได้แวะเข้ามาที่จวนตระกูลหลัว เพียงเพราะนางอยากจะพบหน้าฮูหยินน้อยคนใหม่ของตระกูลหลัวสักหนครั้นจิ่งอี๋ได้เห็นรูปโฉมของฮูหยินน้อยคนใหม่นั้น ก็พลันให้ตนต้องตกตะลึง เพราะอีกฝ่ายงดงามราวกับเทพเซียน ใบหน้าทรงไข่ ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา หน้าผากนูนอวบอิ่ม คิ้วงามดั่งคันศร ดวงตารูปเมล็ดซิ่ง จมูกเล็กโด